Sunday, 11 May 2025
NewsFeed

‘เนติวิทย์’ ขอพรเสด็จพ่อ ร.5 คุ้มครอง ‘หยก-กลุ่มนักเรียนเลว’ ให้ปฏิรูปการศึกษาไทยสำเร็จ พร้อมขอพระองค์ดลใจน้องๆ เรียนต่อจุฬา

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 66 นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

“วันนี้เวลา 18 นาฬิกา 15 นาที ผมได้เดินทางไปสักการะพระบรมรูปเสด็จพ่อ ร.5 ที่ลานพระบรมสองรัชกาลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี (โดยยืน มิได้หมอบกราบแต่อย่างใด เพราะจะขัดพระบรมราชโองการของพระองค์)

ในการนี้ผมได้ขอพรเสด็จพ่อ ขอให้พระบารมีคุ้มครองรักษาน้องหยกและนักเรียนเลวคนอื่นๆ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยให้ประสบความสำเร็จ

ขอให้พระองค์ดลใจน้องๆ เหล่านี้ให้มาศึกษาต่อที่จุฬาฯ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ในการทำให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่รับฟังเสียงของนิสิตนักศึกษาและชุมชน ไม่ให้มีใครต้องถูกไล่ที่อีก รวมถึงรับใช้สังคมและประชาชนอย่างที่ควรจะเป็นซึ่งผู้บริหารจุฬาฯ ไม่เคยทำได้ ไม่เคยเป็นแบบอย่างได้ และคงไม่สนใจจะทำด้วย”

‘STARK’ ที่ตกแต่งงบการเงิน จนเกิดความเสียหายนับหมื่นล้านบาท และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนของไทย

แม้จะมีการใช้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่เก่งกาจหรือมีชื่อเสียงแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถตรวจสอบบัญชีออกมาได้อย่างถูกต้อง 100% ทุกบาททุกสตางค์ หากเหล่าผู้บริหารและตัวบริษัทที่เป็นผู้ให้ข้อมูล จงใจปกปิดข้อมูลบางอย่างต่อบุคคลภายนอกอย่างผู้ตรวจสอบ

ดั่งเช่น ‘STARK’ ที่ตกแต่งงบการเงิน จนเกิดความเสียหายนับหมื่นล้านบาท และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนของไทย ซึ่ง STARK เอง ก็ใช้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่อยู่ใน BIG4 ด้วยเช่นกัน

‘นนอ.ไทย’ คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จากการแข่งขันอากาศยานไร้คนขับนานาชาติ

(21 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักเรียนนายเรืออากาศ (นนอ.)ได้เข้าร่วมการแข่งขัน อากาศยานไร้คนขับนานาชาติ (AUVSI SUAS 2023) ณ รัฐแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในชื่อ ‘ทีม Pegasus’ ตัวแทนหนึ่งเดียวจากประเทศไทย และได้สร้างผลงานระดับโลก โดยได้ คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 71 ทีมทั่วโลก

โดยได้ประกาศผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ของนักเรียนนายเรืออากาศ ‘ทีม Pegasus’ ซึ่งสามารถคว้า รางวัลคะแนนรวมรองชนะเลิศอันดับที่ 1 และรางวัลชนะเลิศ Flight Readiness Review (VDO clip presentation) ในการแข่งขันอากาศยานไร้คนขับนานาชาติโครงการ ASSOCIATION FOR UNMANNED VEHICLE SYSTEMS INTERNATIONAL STUDENT UNMANNED AERIAL SYSTEMS COMPETIITIONS (AUVSI SUAS 2023) เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. พ.ศ.66

สำหรับ ผู้ที่ชนะเลิศ (อันดับ 1) จากประเทศตุรกี รองชนะเลิศ (อันดับ 2 ประเทศไทย) รองชนะเลิศ (อันดับ 3 ประเทศอินเดีย) อันดับ 4 ประเทศอังกฤษ และ อันดับ 5 ประเทศซาอุดีอาระเบีย

เร่งล่าโจรแสบ!! ขโมยกระบี่อนุสาวรีย์ ‘กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์’ นับเป็นครั้งที่ 2 หลังเคยถูกขโมยไปแล้วเมื่อ 15 ปีก่อน

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 66 เจ้าหน้าที่เร่งหาเบาะแสคนร้ายขโมยกระบี่พระอนุสาวรีย์ กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ที่ประดิษฐานอยู่บนเขาน้อย จังหวัดสงขลา นับเป็นครั้งที่ 2 หลังเคยหายไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ 15 ปีก่อน

นับเป็นเรื่องสะเทือนใจชาวจังหวัดสงขลาอย่างมาก เมื่อปรากฏว่า กระบี่ที่ห้อยอยู่ด้านซ้ายของพระอนุสาวรีย์ ‘พลเอกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์’ ซึ่งประดิษฐานอยู่บนเขาน้อยได้หายไป เหลือเพียงพระอนุสาวรีย์ที่ไม่มีกระบี่ คาดว่า คนร้ายแอบปีนขึ้นไปขโมยในช่วงกลางคืนเพราะไม่มีคน โดยทางเทศบาลนครสงขลาได้มาตรวจสอบแล้ว และประสานตำรวจให้ช่วยสืบสวนหาเบาะแส ซึ่งชาวสงขลาต่างวิงวอนให้ผู้ที่ขโมยไปนำกลับคืนมาไว้ที่เดิม เนื่องจากเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อจิตใจของชาวสงขลา

และเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก เพราะว่ากระบี่ที่ห้อยอยู่ด้านข้างพระอนุสาวรีย์ฯ เคยถูกคนร้ายขโมยหายไปครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 หรือเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา และได้มีการสร้างทดแทนขึ้นมาใหม่ เพื่อให้พระอนุสาวรีย์ฯ มีความสง่างามเหมือนเดิม แต่ปรากฏว่าก็มาถูกขโมยไปอีก จากการสันนิษฐานคาดว่าคนร้ายที่มาขโมยกระบี่ ซึ่งไม่สามารถประเมินค่าได้ อาจเป็นกลุ่มที่สะสมของเก่า หรือไม่ก็นำไปขายเป็นทองเหลืองในร้านค้าของเก่า

ผบ.ตร. มอบรางวัลแก่ผู้กองฮีโร่ช่วยหญิงชราป่วยติดเตียงจากเหตุบ้านเพลิงไหม้และตำรวจด่านตรวจแอลกอฮอล์จับกุมผู้ก่อเหตุอุ้มทำร้ายร่างกายพร้อมอาวุธปืนและกระสุนปืนเพียบ

วันนี้ (21 มิ.ย.66) เวลา 11.45 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้แก่ข้าราชการตำรวจทั้งหมด 14 ราย 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “ทำดี มีรางวัล” 
นั้นเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ประกอบคุณงามความดีมีจิตสาธารณะ จนเป็นที่ยอมรับของสังคม ตลอดจนข้าราชการตำรวจที่มุ่งมั่นทุ่มเททำงานจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สร้างชื่อเสียงให้แก่หน่วยงาน และในกรณีนี้คือ
เหตุการณ์แรก กรณี “ตํารวจวิ่งฝ่าเปลวเพลิงช่วยชีวิตผู้ป่วยติดเตียง” ผู้ที่ทําความดี คือ ร.ต.อ.ชูศักดิ์ แสงรูจี รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตํารวจนครบาล ทองหล่อ

โดยเหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย 66 เวลาประมาณ 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตํารวจได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ จึงได้นํากําลังไปยังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านลักษณะทาวเฮ้าส์ และเมื่อทราบว่ามีผู้ป่วยติดเตียงติดอยู่ภายใน ร.ต.อ.ชูศักดิ์ฯ จึงได้ประเมินสถานการณ์และตัดสินใจวิ่งฝ่ากลุ่มควันและเปลวเพลิง เข้าไปภายในบ้าน และทําการช่วยเหลือโดยอุ้มหญิงผู้ป่วยติดเตียงที่กําลังสําลักควันไฟดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองออกมาได้อย่างปลอดภัย คลิปวีดีโอการช่วยชีวิตดังกล่าว ถูกส่งต่อไปในโลกสังคมออนไลน์ ได้รับกระแสชื่นชมเป็นอย่างมาก 

และเหตุการณ์ที่ 2 กรณี “จับคนร้ายที่ด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์” ของเจ้าหน้าที่ตํารวจ งานสายตรวจ1 กองบังคับการตํารวจราจร โดยเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.66 เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ ตํารวจปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ บริเวณถนนร่มเกล้า เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ขับผ่านมาจึงเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบ พบว่ามีชายตะโกนส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกมาจากรถเชฟโรเลตสีขาว เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปทําการตรวจสอบ โดยระหว่างนั้น ชายฉกรรจทั้ง 5 คน ที่โดยสารมาในรถทั้ง 2 คัน พยายามวิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมไว้ได้ทั้งหมดที่บริเวณจุดดังกล่าว

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทําการตรวจค้นรถทั้ง 2 คัน พบอาวุธปืนสั้นและปืนลูกซอง รวม 6 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 61 นัด และรถทั้ง 2 คัน ใช้ทะเบียนรถยนต์ปลอม จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนที่ สน.มีนบุรี จากการ สอบสวนในเบื้องต้น ได้ข้อมูลว่าผู้เสียหายและผู้ต้องหารู้จักกัน โดยผู้เสียหายถูกทําร้ายร่างกายแล้วพาขึ้นรถมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตํารวจจะได้สอบสวนในรายละเอียดอีกครั้ง

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ตนขอชื่นชมในความกล้าหาญ ที่ให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว และทันท่วงที ตนจึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัล รวมทั้งสิ้น 25,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่จะมอบรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือประชาชน หรือทางราชการ ประพฤติตนดี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือประชาชนจนเป็นที่ยอมรับต่อสังคม”

ปทุมธานี นายกแจ็สเสียใจผู้ว่าฯหมูป่าเสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลศิริราช

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่างนายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า พึ่งจะทราบข่าวท่านณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี อายุ 58 ปี เสียชีวิตอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ภายหลังเข้ารักษาอาการป่วยโรคมะเร็ง ที่โรงพยาบาลศิริราช จากท่านอดิเทพ กมลเวชช์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี โดยเสียชีวิตในช่วงเย็นที่ผ่านมาก็รู้สึกเสียใจและเสียดายแทนพี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานี เพราะว่าช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ท่านมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี

และได้ปฏิบัติหน้าที่ทุกสิ่งทุกอย่างได้มีการประสานงานที่ดี ทั้งข้าราชการฝ่ายไหนก็ตาม นักการเมืองท้องถิ่นทั้งหมด ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด เพราะฉะนั้น การสูญเสียท่านไปพี่น้องชาวปทุมธานีก็เสียใจอย่างยิ่ง และเรากำลังเดินหน้าโครงการใหญ่ ๆ ที่ได้ท่านมาช่วยกันวางแผนการทำงานไว้หมดแล้ว ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไป ฝากแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของท่าน แทนประชาชนจังหวัดปทุมธานีด้วยครับ

ภาพ/ข่าว วะจะนะชัย วาจาพารวย/รายงาน

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 รุดเยี่ยมให้กำลังใจ 2 ครอบครัวไทยพุทธ หลังเกิดเหตุลอบยิง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เร่งติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีทางกฎหมาย

วันนี้ 21 มิถุนายน 2566 เวลา 15.00 น. ณ วัดทรายทอง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส/ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15/ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ตลอดจนหน่วยงานราชการในพื้นที่ เดินทางให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตเหตุคนร้ายลอบยิงชาวบ้านไทยพุทธ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน เพื่อไปหาของป่า เป็นเหตุให้ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย คือนายประเทือง พรหมทอง อายุ 42 ปี และนายนิวัฒน์ สังข์ทอง อายุ 55 ปี ประชาชนบ้านป่ากุง ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะจังหวัดนราธิวาส ซึ่งทั้ง 2 ราย เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 และเป็นสมาชิกโครงการราษฏรอาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) กองพัน อรบ. รือเสาะ ซึ่งภายในงาน ยังมีพี่น้องประชาชนมุสลิมในพื้นที่ได้เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตลอดจนให้กำลังใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกด้วย 

โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้พบปะพูดคุยให้กำลังใจ ตลอดจนสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหน่วยในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเกี่ยวกับการจัดการศพเบื้องต้น ก่อนจะสั่งการหน่วย ปรับมาจากการรักษาความปลอดภัยเป้าหมายอ่อนแอโดยเฉพาะกลุ่มไทยพุทธให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น เร่งตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ปิดกั้นเส้นทางเข้า - ออก ไม่ให้ประชาชนหรือผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามายังบริเวณจุดเกิดเหตุ หวั่นอันตรายหรือเกิดเหตุซ้ำซ้อน ช่วยกันดูแลพื้นที่ รวมทั้งตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ทั้งเส้นทางหลัก เส้นทางรอง เพื่อสกัดกั้นการหลบหนีของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมรวบรวมหลักฐาน ติดตามคนรายที่ก่อเหตุมาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างเร่งด่วน 

นอกจากนี้ ยังกำชับให้เจ้าหน้าที่ ส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ในการเข้าไปหาของป่า รวมทั้งมาตรการต่างๆ และให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยจุดเสี่ยง เฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์กับพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อีก 

อย่างไรก็ตาม แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ฝากไปยัง ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงพี่น้องประชาชน ได้ช่วยเป็นหูเป็น หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัย สามารถแจ้งหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ หรือแจ้งเบาะแสสายตรงหาแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์  061 - 1732999 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ จะมีการรดน้ำศพ นายประเทือง พรหมทอง  และนายนิวัฒน์ สังข์ทอง ในวันพรุ้งนี้ (22 มิถุนายน 2566) ณ วัดทรายทอง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส มีพิธีสวดพระอภิธรรมศพทุกคืน และจะมีพิธีฌาปนกิจ ในวันที่ 25 มิถุนายน 2566 นี้
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

ศึกชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค สะเทือนค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ระหว่าง ‘อภิสิทธิ์-เดชอิศม์’ ใครจะได้เป็นผู้กุมบังเหียนประชาธิปัตย์

เริ่มชัดขึ้นแล้วสำหรับศึกชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์ มาถึงวันนี้ น่าจะเหลือเพียงสองคนชิงดำกัน ระหว่าง ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ อดีตหัวหน้าพรรค อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จ้องจะเข้ามานานแล้ว วนเวียนพูดอยู่ตามเวทีเสวนาต่างๆ กับ ‘เดชอิศม์ ขาวทอง’ รองหัวหน้าพรรคภาคใต้

เดิมมีชื่อปรากฏผู้ที่จะลงชิงอยู่ 3-4 คน ตามที่เคยบอกกล่าวไปบ้างแล้ว นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ ‘นายกฯ ชาย’ รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ที่กล่าวอ้างว่า มี ส.ส.มากถึง 17 คน ให้การสนับสนุน มีแรงเชียร์จากชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรค น.ส.วทันยา บุนนาค หรือ ‘มาดามเดียร์’ ผู้สนับสนุนเป็นกลุ่มเดียวกับที่เชียร์นายกฯ ชาย ถ้าคนใดคนหนึ่งถอยอีกคนจะสู้แทน แต่มาดาเดียร์น่าจะขาดคุณสมบัติ เพราะเพิ่งเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคยังไม่ครบ 5 ปี ตามข้อบังคับพรรค แต่ข้อบังคับพรรคมีการเปิดช่องให้ยกเว้นการบังคับใช้ได้ด้วยมติ 3/4 ของที่ประชุมใหญ่ แต่ยังถือว่า ‘อ่อนพรรษาทางการเมือง’ ด้วยอายุเพียง 37 ปี และเป็น ส.ส.1 สมัย และไม่ใช่ในนามพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ มาดามเดียร์จึงน่าจะไปสนับสนุนนายอภิสิทธิ์มากุมบังเหียนพรรค

น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าใครสนับสนุนบ้าง แต่ภาพลักษณ์ดี เป็นคนรุ่นใหม่ มีคุณสมบัติครบ และ ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ รองเลขาธิการพรรค บารมียังน้อย แต่ทำงานใกล้ชิดนายชวน หลีกภัย ในฐานะเลขานุการประธานรัฐสภา ดร.อิสระ จะโดดเด่นขึ้นมาได้ ต้องได้รับการสนับสนุน หรือแรงเชียร์จากผู้อาวุโสในพรรคเท่านั้น ผลงาน 4 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ปรากฏชัด ช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่ตัวชูโรง ถึงที่สุดแล้ว น่าจะถอยตามคำขอของผู้อาวุโส

โดยทั้งหมดเรียกว่าเป็น ‘คนรุ่นใหม่’ ที่ต้องการให้เข้ามากอบกู้วิกฤตพรรค ก่อนหน้านี้อาจจะมีชื่อ ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. แต่ด้วยประวัติส่วนตัวบางอย่างยังคลุมเครือ จึงล่าถอยไปก่อน กลัวจะถูกขุดคุ้ยไม่ต่างจากพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอดีต ส.ส.และผู้อาวุโสของพรรคทั้งนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค ต่างเห็นว่าผู้ที่เหมาะสมจะมากอบกู้ฟื้นฟูพรรคในเวลานี้มีเพียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้แจ้งต่อผู้ใหญ่ในพรรคแล้วว่าถ้าจะกลับมานำพาพรรคต้องเป็นฉันทานุมัติของคนในพรรคที่เห็นพ้องกัน และขอให้เชื่อมั่นในทิศทางที่จะนำพาพรรค โดยจะขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้น

ท่าทีการขอเป็นฝ่ายค้านของนายอภิสิทธิ์ น่าจะตรงกับกระแสส่วนใหญ่ที่อยากเป็นประชาธิปัตย์ถอยมาตั้งหลัก ขบคิดทบทวน ถอดบทเรียนเรื่องราวในอดีต แต่แตกต่างจากท่าทีของกลุ่มหนุนนายเดชอิศม์ ที่ต้องการนำพาพรรคไปสู่การร่วมรัฐบาล เพื่อนำนโยบายที่หาเสียงไว้ไปสู่การปฏิบัติ รับใช้พี่น้องประชาชน

เอากันให้ชัดๆ สรุปว่า เวลานี้เหลือชิงดำกันระหว่าง ‘อภิสิทธิ์’ กับ ‘นายกฯ ชาย’ เท่านั้น

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เริ่มปรากฏภาพความเคลื่อนไหวชัดเจนขึ้นเมื่อ นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายเกียรติ สิทธีอมร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.วทันยา บุนนาค เป็นต้น รวมถึงนายเชาว์ มีขวด และ ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง ไปปรากฏตัวในงานเลี้ยงวันเกิดคุณติ๊งต่าง

‘คุณติ๊งต่าง’ คือใคร? คือ นางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ ‘ติ๊งต่าง’ เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับและแกนนำกลุ่ม​ชาวไทยหัวใจรักสงบ แม่ยกสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์

ในงานเลี้ยงของแม่ยกประชาธิปัตย์ที่มีผู้อาวุโส ผู้มากบารมีทางการเมืองไปร่วม คงไม่คุยกันเรื่องการทำนา ราคาทุเรียน หรือรับเหมาก่อสร้างเป็นแน่แท้ จริงไหมโฆษกขวด เชื่อมั่นว่าจะต้องคุยกันถึงเรื่องการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และจะเชียร์ใคร ถ้าไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ที่นั่งอยู่ในวงด้วย และคนในวงนี้ทั้งหมดเชียร์นายอภิสิทธิ์ทั้งนั้น

ไม่ต้องพูดถึงนายชวน-บัญญัติ-คุณหญิงกัลยา เชาว์ มีขวด เข้าสู่แวดวงการเมือง เพราะคำชักชวนของนายอภิสิทธิ์ เกียรติ์ สิทธีอมร ได้ดิบได้ดี เพราะนายอภิสิทธิ์สนับสนุนมิใช่หรือ

9 กรกฎาคมก็จะรู้ว่า ใครจะได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ระหว่าง ‘อภิสิทธิ์’ กับ ‘นายกฯ ชาย’ แต่ก่อนถึงวันนั้นให้ติดตามการขับเคลื่อนของมวลสมาชิก เพื่อเดินไปสู่เป้าหมาย และให้จับตา ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ ว่าจะขยับไปหนุนช่วยฝั่งไหน

‘พีระพันธุ์’ ประกาศชัด ไม่มีวันทิ้งคนดีๆ แบบ ‘ลุงตู่’ ลั่น!! ขอทำหน้าที่เลขาฯ นายกฯ จนวินาทีสุดท้าย

(22 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายวานยากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังมีกระแสข่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เตรียมยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ก่อนเข้ารายงานตัวเป็น ส.ส. ต่อสภาผู้แทนราษฎร

ล่าสุด เวลา 09.05 น. นายพีระพันธุ์ โพสต์ข้อความ บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยันว่า จะอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จนวินาทีสุดท้ายในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า…

“เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 66 มีการรายงานข่าวทางสื่อมวลชนบางฉบับว่าผม ‘ทิ้งลุงตู่’ หรือ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่ก็ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์และมีการสอบถามผมมาอย่างเข้าใจผิดมากมายว่าผม ‘ทิ้ง’ ท่านนายกรัฐมนตรีทำไม

ผมขออนุญาตเรียนให้ทราบกันครับว่าคนอย่างผมไม่มีวันที่จะทิ้งคนดีๆ อย่างท่านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  โดยเด็ดขาด

วันนี้ผมยังอยู่กับท่านและยังคงทำงานให้ท่าน ในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตามปกติทุกวัน

ผมพูดอยู่เสมอว่า ผมมีความสุขที่ได้ทำงานกับท่านและมันก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น การได้เจอคนดีนับเป็นโชคดีของชีวิต การได้เจอและได้ทำงานกับคนดีๆ ยิ่งต้องถือว่าทั้งโชคดีและเป็นกำไรของชีวิต ที่ได้ซึมซับและได้เรียนรู้เรื่องดีๆ จากคนดีๆ ยิ่งเป็นคนดีที่รักชาติบ้านเมืองรักสถาบันยิ่งชีวิต ก็ยิ่งต้องถือว่าเป็นโชคมหาศาลของชีวิต

ผมขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันนะครับ ว่าผมเลือกที่จะอยู่กับท่านจนวินาทีสุดท้ายในการทำงานของท่าน และการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของคนไทยและประเทศไทย

ตามนี้นะครับ”

‘สมเด็จพระสังฆราช’ ขอบิณฑบาตคนไทย ไม่ทิ้งลักษณะพิเศษ ช่วยกันรักษาเอกลักษณ์ของชาติ ให้คงไว้ซึ่งเมืองแห่งรอยยิ้ม

(22 มิ.ย. 66) เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้แทนคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 26 มิถุนายน 2566 เฝ้าถวายสักการะ ขอประทานอาราธนาให้ทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์และทรงโปรยดอกไม้บนเข็มที่ระลึกส่วนที่ได้มีการผลิตเพิ่มเติมอันเป็นส่วนครบจำนวนผลิต เพื่อเป็นสวัสดิมงคลแก่ผู้ได้บริจาคบูชา และเฝ้าถวายปัจจัยหลังหักค่าใช้จ่ายจากการจำหน่ายเข็มที่ระลึกเพื่อโดยเสด็จพระกุศลตามพระอัธยาศัย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา

โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า “อาตมภาพขออนุโมทนาสาธุการ ที่ท่านปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและท่านสาธุชนทุกท่าน มีเมตตามาแสดงมุทิตาจิตในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของอาตมภาพ และยังนำเข็มที่ระลึก และปัจจัยมามอบให้ ขอแจ้งให้ทราบว่าปัจจัยเหล่านี้ที่ถวายมาทั้งหมด จะให้ไว้เป็นของส่วนรวม เพื่อประโยชน์ในการสร้างสถานปฏิบัติธรรม และการกุศลต่างๆ ไม่ใช่ของส่วนตัว ซึ่งก็ได้ทำเช่นนี้ตลอดมา

คนไทยเรามีลักษณะพิเศษ คือ ‘รอยยิ้ม’ เวลาเรามอง เราก็มองกันตรงๆ ด้วยความปรารถนาดี เสียดายที่สมัยนี้คนชอบมองกันแบบไม่เป็นมิตร จ้องจะหาเรื่องกัน มองด้วยหางตา มองอย่างตาขวาง อาตมาขอบิณฑบาตเถิด อย่าได้มองกันและกันด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ขอให้ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กัน หัวเราะสนุกสนานกัน ด้วยสายตาที่เป็นมิตร ถ้าจะมองก็มองตรงๆ อย่างตรงไปตรงมา จะไม่ทะเลาะกัน ช่วยกันรักษาเอกลักษณ์ของชาติไทย คือความปรารถนาดี ไมตรีจิต และรอยยิ้มไว้ให้ได้ตลอดไป ให้เด็กรุ่นต่อๆ ไปได้มีคุณสมบัติของความปรารถนาดีในแววตา ให้แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินแห่งรอยยิ้ม

อย่างที่เรามาพบกันนี้ ทุกคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส นี่คือลักษณะคนไทย อาตมาเคยเดินทางไปมาหลายที่ทั่วโลก ทั้งใกล้และไกล บางทีเห็นผู้คนมองกันอย่างหวาดระแวง เป็นพวกเขา เป็นพวกเรา เป็นกลุ่มนั้น เป็นกลุ่มนี้ ไม่ไว้ใจกัน อยู่กันอย่างอึดอัดไม่สบายใจ ไม่มองกันด้วยท่าทีเป็นมิตรแบบตรงไปตรงมา ขออย่าให้ลักษณะแบบนั้นเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราเลย ขอบิณฑบาต และขอให้ทุกท่านซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ มีหน้าที่สำคัญกันทั้งนั้น ช่วยกันทำให้บ้านเมืองของเราเป็นเมืองยิ้มต่อไป อย่าให้เปลี่ยนแปลงไป”

อนึ่ง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จะเปิดให้สาธุชนเข้าถวายเครื่องสักการะและลงนามถวายสักการะหน้าพระรูปเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ในวันจันทร์ ที่ 19 ถึงวันอาทิตย์ ที่ 25 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00 ถึง 16.00 น. ณ พระวิหาร พร้อมทั้งมีโต๊ะให้ร่วมบริจาคเพื่อรับเข็มที่ระลึกดังกล่าว สำหรับผู้โดยเสด็จพระกุศลเข็มละ 300 บาท หรือร่วมบริจาคโดยเสด็จพระกุศล และรับเข็มที่ระลึกได้ที่ห้างบิ๊กซีทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

และวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ยังเปิดให้เข้าบริจาคโดยเสด็จพระกุศล บูชาพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ ‘อายุวัฒน์’ ณ อาคารภุชงค์ประทานวิทยาสิทธิ์ 1 ทุกวันตั้งแต่วันที่ 19 ถึง 30 มิถุนายน 2566 และทุกวันเสาร์-อาทิตย์ของเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2566 เวลา 13.00 ถึง 17.00 น.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top