Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

‘กฤษณะ’ อดีตทนายคุณแม๊ ตัดสินใจปฏิเสธ ไม่ทำคดีให้ ‘แอม ไซยาไนด์’ หลัง ไม่ยอมสารภาพคดีก้อย

จากกรณีที่ ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ซึ่งเคยเป็นทนายความให้คุณแม่ของแตงโม ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีรับว่าความเป็นทนายให้ แอม ไซยาไนด์ โดยยื่นข้อแม้ว่า ต้องรับสารภาพในคดีของก้อย ไม่เช่นนั้นตนจะถอนตัว

ล่าสุดวันนี้ ทนายกฤษณะ เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นทนายของแอมเมื่อคืนนี้ เหตุผลเพราะแอมไม่รับสารภาพในคดีการเสียชีวิตของก้อย โดยบอกตนตั้งแต่ตอนที่เข้าไปเยี่ยม เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ตนมานั่งตรึกตรองดูอีกครั้ง เมื่อเขาไม่รับสารภาพ ทั้งที่ตนอธิบายเหตุผลทุกอย่างให้ฟังแล้ว เขาบอกว่าจะยังสู้ต่อ ตนก็เลยตัดสินใจถอนตัวเมื่อคืนนี้

ขณะที่ ทนายพัช ธันย์นิชา ที่ยังระบุตัวเองว่าเป็นทนายของแอม จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มาพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ฐานช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ ด้วยการทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด

ครม. เคาะอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ. กำหนดให้ “วาฬสีน้ำเงิน” เป็นสัตว์ป่าสงวน ด้านกรมทะเลชายฝั่ง ย้ำ!! ช่วยกันดูแลไม่ให้สูญพันธุ์จากท้องทะเลไทย

นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รรท.อทช. เปิดเผยว่า วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญในด้านการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีมาตรการป้องกันการที่สัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ติดเครื่องมือประมง โดยมีการรณรงค์ในเชิงป้องกัน เช่น การให้เครื่องหมาย Dolphin free tuna สำหรับผลิตภัณฑ์ทูน่าซึ่งมีกระบวนการจับโดยไม่ทำอันตรายโลมา หรือการกีดกันสินค้ากุ้งทะเลจากประเทศไทย

เนื่องจากปัญหาการที่มีเครื่องมือประมงอวนลากกุ้งติดเต่าทะเลโดยบังเอิญ การที่ประเทศไทยให้ความสำคัญในเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์เหล่านี้ ย่อมส่งผลดีในเรื่องการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยเฉพาะสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ในระบบห่วงโซ่อาหาร วาฬสีน้ำเงินจัดเป็นกลุ่มผู้บริโภคลำดับสูงซึ่งต้องอาศัยการค้ำจุนของผู้ผลิตเบื้องต้น ได้แก่ แพลงก์ตอนพืชผ่านต่อสายพลังงานมายังแพลงก์ตอนสัตว์ ลูกปลา และสัตว์น้ำชนิดต่างๆ ตามปิรามิดอาหาร การพบวาฬสีน้ำเงินอาศัยอยู่ในพื้นที่ใดย่อมแสดงว่าพื้นที่นั้นมีความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหาร วาฬสีน้ำเงินจึงเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำและระบบนิเวศ การบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์และคุ้มครองวาฬสีน้ำเงิน รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้อง จึงเป็นอีกหนทางในการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ให้กับพื้นที่ทางทะเลของไทย 

นายอภิชัย รรท.อทช. กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบในด้านการสงวน อนุรักษ์ และคุ้มครองสัตว์ทะเลหายาก จึงเสนอรายชื่อปลาฉลามเสือดาวในการกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และวาฬสีน้ำเงิน ในการกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าสงวน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งในวันนี้ (23 พ.ค. 2566) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา พร้อมกับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการประกาศยกเลิกการกำหนดให้วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) เป็นสัตว์ป่าควบคุมโดยให้มีผลใช้บังคับในวันเดียวกับร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้

ทั้งนี้ ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการกำหนดให้วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) เป็นสัตว์ป่าสงวน เพิ่มเติมจากเดิมที่กำหนดให้วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ป่าควบคุมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าควบคุม พ.ศ. 2565 แต่โดยที่วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้ถูกขึ้นบัญชีสถานภาพให้เป็นชนิดพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ (Endangered species: EN) ในระดับโลก (IUCN Red List) และในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องสงวนและอนุรักษ์ไว้อย่างเข้มงวด ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วยในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว 

วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีแหล่งอาศัยในพื้นที่ทางทะเลระหว่างประเทศ ในประเทศไทยเองมีข้อมูลการพบเห็นวาฬสีน้ำเงินเฉพาะทะเลฝั่งอันดามันเพียง 3 ครั้ง โดยพบครั้งแรก เมื่อปี 2550 ที่หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ต่อมาพบเข้ามาเกยตื้นที่เกาะลิบง จ.ตรัง เมื่อปี 2556 ล่าสุดเมื่อปี 2560 พบที่หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา สำหรับลักษณะของวาฬสีน้ำเงิน ส่วนหัวมีสีน้ำเงินสม่ำเสมอ ลำตัวด้านหลังมีสีน้ำเงินอมเทา ส่วนท้องสีจางกว่าเล็กน้อย ด้านหลังและด้านข้างมีลายสีน้ำเงินหรือเทาอ่อนมีลักษณะเป็นดวงๆ เหมือนรอยด่าง ลำตัวเพรียวยาว ส่วนหัวกว้างคล้ายตัวยู (U-shaped) เมื่อมองจากด้านบน มีสันกลางหัว 1 สัน มีช่องหายใจขนาดใหญ่ 2 รู มีซี่กรอง 260-400 คู่ แต่ละซี่ยาวประมาณ 100 เซนติเมตร ลักษณะของซี่กรองค่อนข้างหยาบ มีร่องใต้คาง 60 -88 ร่อง ยาวเกือบถึงสะดือ ครีบหลังมีขนาดเล็กอาจมีรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยมหรือลาดเอียง ปลายครีบแหลมหรือกลมมน ฐานครีบหลังตั้งอยู่ค่อนไปทางหาง คอดหางหนา ครีบข้างเพรียวยาว ปลายครีบแหลม และมีสีอ่อนกว่าส่วนอื่นของครีบ มีความยาวได้ถึงร้อยละ 15 ของความยาวลำตัว ครีบหางกว้างประมาณ 1 ส่วน 4 ของความยาวลำตัว มีร่องกึ่งกลางระหว่างแพนหาง

อย่างไรก็ตาม หากวาฬสีน้ำเงินถูกยกระดับให้เป็นสัตว์ป่าสงวน ภาครัฐจะต้องมีการดูแลและหามาตรการที่เข้มงวด ครอบคลุมจะไม่รบกวนหรือคุกคามและก่อให้เกิดอันตรายกับวาฬสีน้ำเงิน ซึ่งจะเป็นการรักษาระบบนิเวศของสัตว์ทะเลให้เกิดความสมบูรณ์นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาชนให้มีจิตอนุรักษ์ ดูแลระบบนิเวศวิทยาทางทะเล ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีสัตว์ทะเลหายากขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ป่าสงวน (ตาม พ.ร.บ.)  สัตว์ป่าสงวน (ตาม ร่าง พ.ร.ฎ.) คือ พะยูนหรือหมูน้ำ (Dugong dugon) วาฬบรูด้า (Balaenoptera edeni) วาฬโอมูระ (Balaenoptera omurai)  และล่าสุดประกาศให้วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) เป็นสัตว์ป่าสงวน เพิ่มเติม "นายอภิชัย รรท.อทช. กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ"

กองทัพเรือ ทำการฝึกอบรมบุคคลท่ามือเปล่าและบุคคลท่ากระบี่ ตามคู่มือแบบฝึกของโรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์สำหรับนายทหารชั้นนายพลเรือ

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมบุคคลท่ามือเปล่าและบุคคลท่ากระบี่ ตามคู่มือแบบฝึกของโรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ สำหรับนายทหารชั้นนายพลเรือ เพื่อให้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามแบบฝึก พร้อมเพรียง และสง่างาม โดยมีครูฝึกจากกรมนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ ทำการฝึกอบรม ระหว่างวันที่ 24 – 25 พ.ค. 66 ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ

ทั้งนี้ นอกจากวัตถุประสงค์ในการฝึกอบรมฯ แล้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เน้นย้ำให้ผู้เข้ารับการฝึกหมั่นทบทวนตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การปฏิบัติในท่าต่างๆ เป็นไปด้วยความมั่นใจ อันจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีทั้งต่อตนเองรวมทั้งกองทัพเรือ อีกด้วย


นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

ฝากไว้ให้คิด พ่อไดโนเสาร์ตัวหนึ่ง เขียนจดหมาย ถึง ลูกที่โหยหาประชาธิปไตย – เสรีภาพ

วันที่ 26 พ.ค.2566 - ขณะนี้ชาวเน็ตมีการแชร์ต่อข้อความของผู้เขียนที่ใช้ชื่อว่า "พ่อไดโนเสาร์ตัวหนึ่ง" เขียนถึงลูก โดยมีเนื้อหาดังนี้

ถึง ลูกรัก

พ่อติดตามข่าวที่ลูกเรียกร้อง”ประชาธิปไตย”และ”เสรีภาพ”แล้ว พ่อรู้สึกแปลกใจ ที่เราอยู่กันมาตั้งแต่ลูกเกิด ทนุถนอมอบรมมาอย่างดี แต่ลูกกลับไปเชื่อ”ใครก็ไม่รู้” ที่ไม่เคยแม้แต่จะให้เงินลูกสักบาท ให้กินข้าวสักจาน จนลืมคำสั่งสอนของพ่อแม่ แต่อย่างไรก็ดี พ่อเคารพความคิดเห็นของลูกเสมอ จะไม่ตำหนิติติงอะไร แต่จะปรับตัวประพฤติปฏิบัติให้ดีขึ้นตามที่ลูกต้องการ ดังนั้น พ่อกับแม่จึงคิดว่า ถึงเวลาที่เราควรจะทบทวนปรับตัวให้เข้ากับ”เสรีภาพ”ตามที่ลูกต้องการ พ่อจึงอยากจะแจ้งให้ลูกทราบดังนี้

1.บุญคุณต่อกัน คงไม่มีตามที่ลูกบอกว่า ลูกเกิดมาเพราะความสนุกของพ่อแม่ จึงไม่มีบุญคุณต่อตัวลูก ไม่ว่าจะเป็นการอดหลับอดนอนเลี้ยงดู ข้าวปลาอาหาร และอื่นๆที่เคยหยิบยื่นให้ ซึ่งทั้งหมดนั้นพ่อและแม่ไม่คิด ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแม้ลูกจะไม่เต็มใจก็ตาม

2.ค่าใช้จ่ายที่พ่อเคยให้ลูกใช้ในแต่ละเดือนนั้น พ่อคิดว่ามันเป็นการละเมิด”สิทธิเสรีภาพ”ของพ่อ เพราะเงินที่หามาได้นั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อ พ่อจึงควรมี”สิทธิเสรีภาพ”ในการจับจ่ายใช้สอยโดยไม่ควรให้ลูกละเมิดสิทธิ์ของพ่อโดยการนำเงินของพ่อไปใช้ ดังนั้น พ่อจะตัดค่าใช้จ่ายที่เคยให้ลูกลงครึ่งหนึ่ง โดยในส่วนที่เหลือ เป็นการทำหน้าที่ในฐานะ”บุพการี”ที่รักสนุกจนทำให้ลูกเกิดมา ถือว่าเราใช้”สิทธิเสรีภาพ”ในขอบเขตของแต่ละคนตามที่ลูกต้องการ

3.ค่าที่พัก จริงๆแล้ว บ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อกับแม่โดยมีลูกเป็นผู้อาศัย หรือเปรียบดังผู้เช่าที่สมควรจะเสียค่าเช่า ซึ่งตลอดมา ลูกไม่เคยจ่ายค่าเช่าเลยแม้แต่บาทเดียว รวมทั้งค่าน้ำค่าไฟก็ไม่เคยเสีย แต่ไม่เป็นไร พ่อยินดีให้อยู่ฟรีๆ แต่จากนี้ เราต้องเคารพ”สิทธิเสรีภาพ”ตามที่ลูกแสวงหา ดังนั้น ในเมื่อลูกใช้น้ำใช้ไฟที่พ่อไม่ได้ผลิตเอง แต่ซื้อมา ลูกจึงต้องรักษาเสรีภาพด้วยการ”ใช้เอง จ่ายเอง”ทั้งค่าน้ำค่าไฟ จะได้เท่าเทียมกัน เพราะพ่อกับแม่ก็ใช้เอง จ่ายเอง อย่างเสมอภาคเช่นเดียวกัน

4.อาหารการกิน เพื่อให้มีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค และเพื่อให้ทันสมัยตามที่ลูกต้องการ นับจากนี้ พ่อกับแม่จะหันไปสั่งอาหารฟู๊ด แพนด้ามากินตามที่พ่อและแม่อยากกิน ส่วนลูกจะกินอะไร ก็แล้วแต่เสรีภาพของลูก โดยขอให้จ่ายเงินเองเพื่อความเสมอภาค หรือต้องการหุงหากินเอง ก็ใช้สิทธิ์ได้เต็มที่เพราะแม่เตรียมเอาไว้ให้แล้วในครัวโดยไม่คิดเงิน

5.เรื่องมรดก เพราะเราไม่มีบุญคุณต่อกัน ดังนั้น ลูกไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเป็นภาระเลี้ยงพ่อแม่ยามแก่เฒ่า ขอให้ลูกเดินตามความฝันที่ลูกต้องการ เพราะอีกไม่นานพ่อกับแม่ก็คงตายแล้วตามที่ลูกๆด่าทอ และเพื่อตายอย่างสงบและไม่ให้เป็นภาระของลูกๆ พ่อจึงจัดการมรดกที่พอมีของพ่อ ทั้งบ้านและที่ดิน ตลอดจนทรัพย์สินอื่นๆ พ่อจะเริ่มทยอยขายให้หมดก่อนพ่อตาย โดยเงินที่ขายมาได้นี้ พ่อจะแบ่งให้ลูกครึ่งหนึ่งในฐานะบุพการี ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง พ่อและแม่จะเก็บไว้กินไว้ใช้ รวมทั้งเอาไว้จัดงานศพ ส่วนที่เหลือจากจัดงานแล้ว ถือว่าเป็น”สิทธิเสรีภาพ”ของพ่อ พ่อจึงขอถวายวัดไปเพื่อสั่งสมบุญไปใช้ในภพหน้า

6.พ่อจะไม่บั่นทอนกำลังใจของลูกในการตามหา”เสรีภาพ”ในฝันตามที่ถูกสร้างวิมานไว้ แต่อยากให้ลูกคิดให้จงหนักว่าคนที่เขาวาดฝันให้ลูกนั้น เขามาเสี่ยงตายกับลูกหรือไม่ แต่สำหรับพ่อและแม่แล้ว หากลูกเป็นอะไรไป พ่อกับแม่คงใจสลายเพราะความรัก ซึ่งแม้จะเป็นความรักที่ลูกไม่เคยเห็นค่าเลยก็ตาม พ่อจึงขออวยพรให้ลูกปราศจากอันตรายทั้งปวง

7.เรื่องสุดท้าย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน ต่อจากนี้ ลูกจะเรียกพ่อกับแม่ว่า”คุณ”เฉยๆก็ได้นะ ส่วนพ่อกับแม่จะขออนุญาตเรียกลูกว่า”ลูก” ตลอดไป
 

ว่าที่ ส.ส.อรรถกร ขอบคุณทุกคะแนนเสียง จากประชาชน เร่งลุย ทำงานแก้ปัญหาราคากุ้ง ช่วยเกษตรกรรายย่อย ทันที

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ฉะเชิงเทรา เขต 2 หนึ่งในว่าที่ส.ส.พลังประชารัฐ ที่ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้แทนของชาวฉะเชิงเทรา  และเป็นหนึ่งในผู้สมัครที่สามารถฝ่าการแข่งขันสูงในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า

ตนขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่นให้ได้ทำงานต่อเนื่อง ตนพร้อมทำงานทันที เพราะยังมีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยผู้เพาะเลี้ยงกุ้ง ซึ่งประสบปัญหาราคากุ้งไม่สอดคล้องกับต้นทุนการเพาะเลี้ยง  

ทั้งค่าอาหารและปูนในการเพาะเลี้ยงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่อง  ล่าสุดได้เข้าร่วมประชุมหารือ กับกลุ่มเกษตรกร เพื่อวางแนวทางร่วมกัน ในการยกระดับราคากลางให้สูงขึ้น   คุ้มค่ากับการลงทุนในการเพาะเลี้ยง ควบคู่กับการหาช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับเกษตรกรรายย่อยในระยะต่อไป เพื่อให้ได้ราคากุ้งที่เหมาะสมกับต้นทุน

“พื้นที่ฉะเชิงเทรา เป็นแหล่งผลิตกุ้งเลี้ยง อีกแห่งหนึ่ง ถือเป็นเศรษฐกิจพื้นฐานของจังหวัด ต้องได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาระยะยาว ให้เกษตรกรอยู่รอดได้”นายอรรถกร กล่าว

นายอรรถกร กล่าวต่อว่า เราต้องเร่งสานต่อนโยบายการแก้ปัญหาเรื่องน้ำในจังหวัด ทั้งการแก้ไขปัญหาน้ำเค็ม การจัดหาแหล่งน้ำจืด และลดปัญหาน้ำกร่อย พร้อมกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้น้ำสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เพราะพื้นที่ฉะเชิงเทรา มีความหลากหลายทางอาชีพ นอกจากเกษตรกรรม ยังเป็นแหล่งเพาะพันธ์สัตว์น้ำ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมด้วย ทำให้ความต้องการใช้น้ำมีการปริมาณเติบโตอย่างต่อเนื่อง
 

พิธา โพสต์เคลียร์ เก้าอี้ ประธานสภาฯ ขอให้ทุกพรรค เดินหน้าทำงาน ปรับจูนนโยบายร่วมกัน เพื่อตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ

วันที่ (26 พ.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความ ถึงการแย่งชิงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้พรรคการเมือง 8 พรรคที่เตรียมจัดตั้งรัฐบาลจับมือกัน และนำประเด็นนี้ไปพูดคุยกันในวงเจรจา

"เรื่อง ประธานสภา ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เป็นเรื่องความเห็นไม่ตรงกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่เล็กมากถ้าหากเทียบกับภารกิจที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พวกเรามา

ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือเกี่ยวแขนกันไว้ให้มั่นคง ทำภารกิจยุติสืบทอดอำนาจรัฐประหาร พาประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยให้สำเร็จจงได้

พวกเราต่างก็รับทราบวิธีคิด หลักการ เหตุผล ของทุกฝ่ายชัดเจนแจ่มแจ้งในประเด็นนี้กันแล้ว ดังนั้น ผมขอให้เรื่องตำแหน่งประธานสภานี้ ให้พรรคร่วมรัฐบาลกลับไปพูดคุยกันผ่านตัวแทนแต่ละพรรคในวงเจรจาจะดีที่สุด

ตอนนี้ ขอให้ทุกพรรคเดินหน้าทำงานปรับจูนนโยบายร่วมกัน ตั้งรัฐบาลให้สำเร็จตามความคาดหวังของประชาชนครับ" นายพิธา โพสต์
 

‘ฟิทช์’ ส่งสัญญาณถึง ‘รบ.ใหม่’ ปมจัดตั้งคลุมเครือ-ล่าช้า ชี้!! อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือในเสถียรภาพของไทย

วันที่ (26 พ.ค.66) รายงานข่าวจาก Fitch Ratings บริษัทจัดอันดับเรตติ้งชั้นนำ ระบุถึงสถานการณ์ประเทศไทยหลังผ่านการเลือกตั้งว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีเวลาถึง 60 วันในการประกาศผลอย่างเป็นทางการหลังการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม 66 แต่ตัวเลขเบื้องต้นบ่งชี้ว่า

พรรคก้าวไกลซึ่งได้ที่นั่งมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร และพรรคเพื่อไทย พรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดก่อนหน้านี้ ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ยังมีความคลุมเครือในการจัดตั้งรัฐบาล โดยขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า พรรคก้าวไกลจะได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอหรือไม่ ที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม ซึ่งจะส่งผลให้มีการจัดลำดับความสำคัญของนโยบายในกรอบที่กว้าง ทำให้การกำหนดนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ อาจถูกจำกัดชั่วคราว หากกระบวนการสรรหาพันธมิตรร่วมรัฐบาลยังทำให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าไปหลายเดือน

สำหรับการจะครองเสียงข้างมากในรัฐสภา และเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต้องรวมคะแนนเสียงให้ได้อย่างน้อย 376 เสียง จากที่นั่งรวม 700 ที่นั่งในรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ในสภาผู้แทนราษฎร 500 คน และสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหารก่อนการเลือกตั้งปี 2562

ทั้งนี้ การคาดการณ์ในกรณีพื้นฐาน (Base Case) นั้น ผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระยะสั้นจะมีจำกัด โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ฟิทช์ ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไว้ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)

เราได้ระบุไว้กว้างๆ ว่า อาจเกิดรัฐบาลผสม ทำให้การกำหนดนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพนั้นกลายเป็นเรื่องซับซ้อน แต่ก็ไม่น่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และแม้ว่าแนวโน้มนโยบายการคลังมีความไม่แน่นอน แต่คาดว่ารัฐบาลผสมชุดใหม่ จะยังคงยึดมั่นในนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญบางส่วนของรัฐบาลชุดที่แล้ว

ทั้งนี้ อาจมีการหยุดชะงักในการใช้จ่าย ภายใต้งบประมาณสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนกันยายน 2567 หากการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะเป็นผลลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่เรายังคงคาดว่า การเติบโตจะเร่งตัวขึ้นในปี 2566 และยังคงแข็งแกร่งในปี 2567 โดยมีการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก

ตัวชี้วัดภาคการคลังสาธารณะของไทย ที่มีความเสื่อมถอยลงอย่างมากในช่วงการระบาดของโควิด 19 ซึ่งมีผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับปัจจุบัน แต่ฟิทช์คาดการณ์ว่า หนี้ภาครัฐทั่วไป/จีดีพี และดอกเบี้ย/รายได้ ในปี 2566-2567 จะยังคงอยู่ในระนาบตามค่ามัธยฐาน (Median) ของกลุ่มประเทศที่มีความน่าเชื่อถือในระดับ BBB

ทั้งนี้ ระบุว่า หากรัฐบาลชุดต่อไปไม่สามารถรักษาเสถียรภาพของสัดส่วนหนี้ภาครัฐได้ ตัวอย่างเช่น มีแรงกดดันด้านการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง หรือมีผลกระทบจากภายนอก ซึ่งอยู่นอกเหนือสมมติฐานพื้นฐานของเรา นั่นอาจส่งผลให้อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยลดลง

CEO ISC ส่งเสริมอากาศไร้ไวรัส ป้องกันโควิดฯ แม้ยามปลอดภัย

เมื่อต้นเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก ประกาศสิ้นสุดภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ กรณีโรคโควิด 19 แต่ยังเตือนให้ทุกประเทศยังคงต้องเฝ้าระวัง และป้องกันควบคุมการระบาดอย่างต่อเนื่องรวมทั้งเร่งรัดการฉีดวัคซีนเพื่อให้มีระดับภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด 19 เพียงพอในระดับบุคคล และประชากรเพื่อลดโอกาสป่วยหนัก และเสียชีวิตจากโควิด 19 โดยสามารถใช้วัคซีนชนิดใดหรือรุ่นใดก็ได้ ฉีดปีละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ ให้เว้นระยะห่างจากเข็มสุดท้ายหรือประวัติการติดเชื้ออย่างน้อย 3 เดือน

แม้ว่าโคโรนาไวรัสจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น และรับมือกันได้ด้วยวัคซีน และลดพฤติกรรมเสี่ยงติดเชื้อ
เรายังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันตามสภาพกิจกรรมประจำวัน และสถานที่อยู่อาศัยและการทำงานด้วย

สำหรับ การดูแลสุขภาพกายส่วนบุคคล ยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องไปพบปะผู้คนหรืออยู่ในที่ชุมนุมชนรวมถึงล้างมือทุกครั้งที่สัมผัสจุดต่างๆ ที่อาจเป็นที่สะสมของเชื้อโรค รวมทั้งก่อน และหลังรับประทานอาหาร

สำหรับ สถานประกอบการ หรือสถานที่ที่มีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่าน อาจมีการส่งเสริมประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงเป็นวาระประจำ ด้วยการเพิ่มความปลอดภัย และสบายใจของบุคลากร หรือลูกค้าในสถานที่นั้นๆ ด้วยเครื่องพ่นฆ่าเชื้อรา ไวรัส และแบคทีเรีย ทั้งนี้ผู้ประกอบการควรเลือกผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายที่มีมาตรฐาน และความน่าเชื่อถือ

คุณ ศลีนา ศักดิ์เสรี ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อินติเกรต ซิสเต้ม (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ ISC ผู้นำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์นวัตกรรมเทคโนโลยีอเนกประสงค์ กล่าวว่า "สามสี่ปีก่อน ช่วงโควิด 19 ระบาดใหม่ ผู้คนตื่นตัว ระแวดระวัง ป้องกัน และลดความเสี่ยง โดยรักษาระยะห่างอย่างเข้มข้น ส่วนในปัจจุบัน ผู้คนมีความคุ้นชิน และอยู่ร่วมกับโรคอุบัติใหม่ที่กลายเป็นโรคประจำถิ่นนี้อย่างหมดความกังวล ทว่า ไวรัสยังคงพัฒนา กลายพันธุ์ไปตามธรรมชาติ มีความหนักเบาด้านความรุนแรงไปตามภูมิภาค และสุขภาพของผู้รับเชื้อ ฉะนั้นเราไม่ควรประมาทกับสิ่งนี้ ยังคงต้องคำนึงถึงการป้องกัน และความปลอดภัย ทั้งชีวิตส่วนตัว ครอบครัว พนักงาน และลูกค้าในสถานประกอบการ ตามมาตรฐานที่ควรปฏิบัติ เพื่อสุขภาวะที่ดีของบุคคล และกิจการค่ะ"

‘เฟรนช์ บูลด็อก’ ฟรีเวอร์!! จากเรื่องราวดรามาสู่ความน่ารัก ปรากฏการณ์ดังข้ามคืน หลังไปออกรายการโหนกระแส

(27 พ.ค. 66) จากกระแสดรามากลายเป็นความน่ารัก กรณีที่รายการโหนกระแส ได้นำน้องสุนัขสายพันธุ์ ‘เฟรนช์ บูลด็อก’ ไปออกรายการทำให้ในโลกโซเชียลตอนนี้ต่างฮือฮา พากันตกหลุมรักถึงความน่ารักของน้องสุนัขเฟรนช์ บูลด็อกกันเป็นจำนวนมากจนถึงขั้น คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวช่อง 3 และ คุณหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการโหนกระแส ถึงกับเอ่ยปากขอซื้อกลับไปเลี้ยงที่บ้านคนล่ะ 1 ตัว และ คุณ หนุ่ม กรรชัย ยังได้ตั้งชื่อลูกสุนัขตัวสีดำของตนกลางรายการอีกว่าให้ชื่อ ‘อีเจี๊ยบ’ จนกลายเป็นกระแสเรียกเสียงหัวเราะในโลกออนไลน์

วันนี้ทาง THE STATES TIMES ของเราจะพาไปส่องความน่ารัก และ ต้นกำเนิดของน้องสุนัขเฟรนช์ บูลด็อก ว่ามีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศอะไร ทำไมถึงมีราคาแพงกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ

โดย ต้นกำเนิดของน้องสุนัขเฟรนช์บูลด็อกมาจาก ประเทศฝรั่งเศส เป็นสุนัขสายพันธุ์เล็ก ได้ปรากฏขึ้นในปารีสในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่สิบเก้า ซึ่งเป็นผลมาจากการผสมข้ามพันธุ์ของบูลด็อกพันธุ์เล็กที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษ กับสุนัขที่ชอบจับหนูปารีสในท้องถิ่น ทั่วไปจะเก็บไว้เป็นสัตว์เลี้ยง และเป็นหนึ่งในสุนัขที่ขึ้นทะเบียนบ่อยที่สุดในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และประเทศไทย 

ซึ่งขนาดลำตัวที่โตสุดของสุนัขสายพันธุ์นี้ อยู่ที่ 11-12 นิ้ว และ มีน้ำหนัก 7-12 กิโลกรัม โดยมีอายุขัยทั่วไปอยู่ระหว่าง 10-12 ปี ขึ้นอยู่ที่การเลี้ยงดู และ สุขภาพของน้อง บางตัวอาจมีอายุได้ถึง 13-18 ปี 

นิสัยของน้องสุนัขสายพันธุ์นี้ เป็นสุนัขที่มีความอ่อนโยน ไม่ก้าวร้าว มีความเรียบร้อย และมีความเชื่อว่า เมื่อเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ จะนำแต่ความโชคดีมาให้กับผู้เลี้ยงตลอดไป ซึ่งลักษณะนิสัยเหมือนกับสุนัขพันธุ์อื่นทั่วไป คือต้องการความดูแลเอาใจใส่ ใกล้ชิดกับเจ้าของ

สาเหตุที่ทำให้สุนัขสายพันธุ์นี้มีราคาแพง เนื่องจากเฟรนช์ บลูด็อก ไม่สามารถผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติได้ จึงมีขั้นตอนในการเพาะพันธุ์ที่ค่อนข้างยาก มีการตรวจสุขภาพและการฉีดวัคซีนที่มีค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงค่าอาหาร ค่ารักษา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทาง THE STATES TIMES จึงขอแนะนำให้กับผู้ที่สนใจ ต้องการน้องสุนัขสายพันธุ์นี้ไปเลี้ยง ควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ ว่ามีความพร้อมและเวลาแค่ไหนในการเลี้ยงดู เพราะสุนัขทุกสายพันธุ์ต้องการ ๆ เลี้ยงดูที่แตกต่างกัน และต้องการความเอาใจใส่จากผู้เลี้ยง 

ตร.ไซเบอร์ทลายแหล่งขายซิมผีกลางเมืองหนองคายพบจำหน่ายออนไลน์ ลูกค้ารีวิวเพียบ

ตามนโยบายของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ได้สั่งการให้ทำการระดมจับกุมผู้กระทำผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 โดยเน้นการจับกุมผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับ ซิมม้า และบัญชีม้า เพื่อปิดกั้นช่องทางการกระทำผิดของคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นั้น

พ.ต.อ.นิคม ชัยเจริญ ผกก.3 บก.สอท.3 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สอท.3 บก.สอท.3 ทำการสืบสวนหาข่าวผู้ที่กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวทั้งช่องทางเปิดร้านในแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ พบว่ามีการโพสต์ขายซิมโทรศัพท์ ผ่านแอพพลิเคชั่น Shopee โดยมีชื่อร้าน “7phone” จากการตรวจสอบแสดงความคิดเห็นหลังการซื้อขายของลูกค้า จากร้าน “7phone” ทราบว่าร้านค้าดังกล่าว ได้มีการขายและส่ง ซิมโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนเปิดใช้งานพร้อมใช้ มาเป็นจำนวนหลายครั้งแล้วจริง และได้มีลูกค้ามาแสดงความคิดเห็นหลังการรับสินค้าว่าได้รับสินค้าจริง และใช้งานได้จริงตามรายการ “ซิม True พร้อมใช้งาน (ชุด 5เบอร์ ,10เบอร์)  ไม่ผ่านแอพใดๆทั้งสิ้น” และมีหน้าร้านชื่อ ศูนย์บริการทรูเอเจนท์พลัส โดย กิติพัฒน์ เทเลคอม โดยได้ลงรายละเอียดที่อยู่หน้าร้านอยู่ที่ 767/1 ม.11 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย 43000 จึงได้ดำเนินการล่อซื้อซิมโทรศัพท์มาตรวจสอบพบว่าเป็นซิมที่ลงทะเบียนพร้อมใช้จริง จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และขออนุมัติศาลจังหวัดหนองคายออกหมายค้น จนนำมาสู่ “ปฏิบัติการบุกค้นทลายแหล่งขายส่งซิมผี “7phone” กลางเมืองหนองคาย”

ต่อมาวันที่ 25 พ.ค.66 พ.ต.อ.นิคม ชัยเจริญ ผกก.3 บก.สอท.3 จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.ต.ศิรสิทธิ์ ทันศรี สว.กก.3 บก.สอท.3 นำกำลังเข้าตรวจค้น ศูนย์บริการทรูเอเจนท์พลัส เลขที่ 767/1 ม.11 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย 43000  พบนายกิติพัฒน์ จิรสิทธิ์การุญ อายุ 56 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน จากการสอบถาม นายกิติพัฒน์ฯ ให้การรับว่าซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ตรวจพบในกล่องพัสดุเป็นซิมการ์ดที่ลงทะเบียนในนามของบุคคลอื่นและตนเองมีหน้าที่แพ็คซิมการ์ดใส่กล่องเพื่อส่งให้กับผู้ที่สั่งซื้อจริง จึงได้จับกุม นายกิติพัฒน์ จิรสิทธิ์การุญ อายุ 56 ปี เจ้าของร้านฯ ในความผิดฐาน “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวใช้บริการได้”และตรวจยึดซิมโทรศัพท์เครือข่ายทรูและดีแทคที่ลงเบียนแล้ว จำนวน 180 ซิม ที่บรรจุจ่าหน้าซองเตรียมส่งให้ลูกค้า และซิมโทรศัพท์ เครือข่ายทรู อีกจำนวน 496 ซิม นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top