Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

'พีทีจี เอ็นเนอยี' กางแผนธุรกิจสถานี EV Charging ชู จุดเด่นตู้ชาร์จฟาสต์สปีด ชิมลาง 65 จุดทั่วไทยในปีนี้

(26 พ.ค. 66) นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานีอัดประจุไฟฟ้า EV Charging ของพีทีจีฯ ได้จับมือร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยดำเนินงานภายใต้ชื่อ EleX by EGAT Max ปัจจุบันเปิดให้บริการ 42 จุด โดยสาขาแรกที่เปิดอยู่ที่ เขาใหญ่ ปากช่อง 

สำหรับจุดเด่นของสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT Max ประกอบไปด้วย แท่นชาร์จไฟเป็นแบบควิกชาร์จ ใช้เวลาการชาร์จประมาณ 30-40 นาที โดยติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว (DC Fast Charge) ขนาด 125 kW สะดวก รวดเร็ว, คุณภาพการให้บริการ มาตรฐานต่าง ๆ ที่ร่วมกับ EGAT ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าจะไม่สร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ของลูกค้า นอกจากนั้นแล้ว ระบบเครือข่ายการให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน EleXA ที่มีความเสถียร ใช้งานง่าย รองรับการชำระเงิน ครบจบที่เดียว ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีความแข็งแกร่ง

นายรังสรรค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนงานในอนาคต 1-2 ปีข้างหน้าของธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า หากมีความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทฯ ก็พร้อมที่จะขยายธุรกิจ เราได้ทำการศึกษาหลายโมเดลธุรกิจ เกี่ยวกับสถานีอัดประจุไฟฟ้า ทั้งในกลุ่มรถยนต์นั่ง รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รถบรรทุก รถขนาดใหญ่ รวมไปถึงตู้สวอปแบตเตอรี่ ซึ่งหากตลาดมีการเติบโต มีความต้องการ เราในฐานะผู้ให้บริการถ้าลูกค้ามีความเชื่อมั่น ก็พร้อมขยายเข้าไป พร้อมลงทุน เราพร้อมทำทุกอย่างให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย ขณะเดียวกันอาจจะนำระบบสมาชิก หรือ มอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Max me ให้กับลูกค้าด้วย

‘ณัฐวุฒิ’ แนะพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล ทำงานใหญ่ ใจต้องใหญ่กว่า ย้ำ แต่ละฝ่ายหาจุดลงตัว ตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ตามคำสั่งประชาชน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ ถึงกรณีความขัดแย้งของผู้สนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ต่อกรณีการจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า

“เห็นต่างโต้แย้งธรรมดารัฐบาลผสม พรรคแกนนำยิ่งต้องเพิ่มความถี่พูดคุยเอาเหตุผลแต่ละฝ่ายหาจุดลงตัว ตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ตามคำสั่งประชาชนไม่บิดพลิ้ว

ทำงานใหญ่ใจต้องใหญ่กว่า ซีนงอกแบบไม่ไว้ใจเพื่อนก็หยุดเสีย ไม่เชื่ออย่าใช้ ถ้าจะใช้ก็ต้องให้เกียรติกัน ใจเย็นๆทั้งผู้เล่นทั้งกองเชียร์”

พร้อมช่วยเหลือ!! “รองโจ” อดีตผู้สมัคร สส.เขต 4 ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนเหตุเพลิงไหม้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สมุทรปราการ พรรครวมไทยสร้างชาติ นำทีมงาน ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน พร้อมทั้ง นำถุงยังชีพอีกจำนวนหนึ่งมอบให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุเพลิงไหม้

โดย พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สมุทรปราการ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ทราบข่าวว่ามีพี่น้องประชาชน ชาวหมู่บ้านศิรินเทพ 8 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้รับความเดือดร้อนหลังประสบเหตุเพลิงไหม้บ้าน โดยเหตุเกิดในช่วงเช้าของวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา 

หลังจากที่ทราบข่าว ก็รู้สึกเสียใจและมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้  จึงได้ลงพื้นที่นำเครื่องอุปโภคบริโภคมามอบให้กับพี่น้องประชาชนบ้านที่ประสบเหตุเพลิงไหม้ อีกทั้ง ให้ความช่วยเหลือประชาชนบ้านข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น 

นอกจากนี้ ยังได้มอบเงินส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่งโดยมอบให้กับทางผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้เพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่บ้านผู้ประสบภัยอีกด้วย 

โดย พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สมุทรปราการ ยังกล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะขอเดินหน้าทำงานต่อ และพร้อมที่จะทำตามคำพูดคือ ไม่ทิ้งพี่น้องประชาชน การเมืองจบ การเลือกตั้งจบ แต่การดูแลพี่น้องยังไม่จบ 

กระทรวงท่องเที่ยว ลงพื้นที่ ตรวจติดตาม พร้อมยกกระบี่เป็นโมเดลการบริหารการจัดการในองค์กร

เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 25 พฤษภาคม 2566 นางสาววันทนา แจ้งประจักษ์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมนายบุญปลูก ชายเกตุ ประธานค.ต.ป.กก. และคณะ พร้อมด้วยนายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ ร่วมประชุมตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ และจุดบริการท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ และร่วมลงพื้นที่เพื่อตรวจและติดตามผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน ณ ชุมชนท่องเที่ยวอ่าวลึกน้อย

รับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่ผ่านมา พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เพื่อรองรับนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพสูง และลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานการส่งเสริมการออกกำลังกายและการจัดกิจกรรมนันทนาการ สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวลึกเหนือ ตรวจเยี่ยมท่าเทียบเรือ ณ ท่าเรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ (ท่าเรือคลองจิหลาด) และคณะ ค.ต.ป.กก. ประชุม ค.ต.ป.กก. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๖ ณ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งการจับกุมเจ้าของทัวร์ Happy Trips หลอกขายทัวร์แล้วทิ้งลูกค้า

จากกรณีเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันมาร้องเรียนกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กรณีถูกเจ้าของบริษัททัวร์ชื่อ Happy Trips หลอกลวงชักชวนให้ผู้เสียหายซื้อโปรแกรม นำเที่ยวต่างประเทศ อาทิ ทัวร์ดูบอลที่ประเทศอังกฤษ หรือทัวร์ที่ประเทศญี่ปุ่น

โดยมีการโฆษณาผ่านทางสื่อออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook, YouTube, Website โดยมีการใช้ดารานักแสดงร่วมเดินทางเพื่อสร้างความเชื่อถือ และยังจูงใจด้วยการจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เช่น ไป 5 จ่าย 4 เป็นต้น เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อซื้อโปรแกรมนำเที่ยวกับผู้ต้องหา แต่หลังจากจ่ายเงินซื้อทัวร์แล้ว กลับถูกผู้ต้องหาทิ้งทัวร์โดยไม่มีการจัดนำเที่ยวตามที่ตกลงไว้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียหายจำนวนกว่า 320 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 8 ล้านบาท

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สภ.คูคต   ภ.จว.ปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ รับคำร้องทุกข์และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับ นายสุขสันต์ (สงวนนามสกุล) เจ้าของบริษัททัวร์ดังกล่าว ศาลจังหวัดธัญบุรีได้อนุมัติตามหมายจับที่ 292/2566 ลงวันที่ 19 พ.ค.66 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและผู้ใดโดยทุจริต

หรือโดยหลอกลวงนำเข้าซึ่งข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเป็นผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องไม่กระทำการอันใดให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหรือนักท่องเที่ยว” 

ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายสุขสันต์ฯ พักอยู่ภายในบริเวณบ้านเลขที่ 40/51 หมู่ 5 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

ซึ่งนอกจากคดีของ สภ.คูคต แล้ว กลุ่มผู้เสียหายยังได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักสอบสวนในพื้นที่ สน.ปทุมวัน, สภ.บางกรวย ภ.จว.นนทบุรี, สภ.ทุ่งสง ภ.จว. นครศรีธรรมราช ซึ่งได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับนายสุขสันต์ฯ ไว้แล้ว

จะได้ดำเนินการอายัดตัวผู้ต้องหาตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ความผิดดังกล่าวยังเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ จะได้ร่วมกับ ปปง. ในการดำเนินการยึดทรัพย์ตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มผู้เสียหายได้มายื่นเรื่องขอความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว ได้สั่งการให้ สภ.คูคต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุ เร่งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับเจ้าของบริษัททัวร์ดังกล่าว และสามารถจับกุมได้

เบื้องต้นได้สั่งให้ท้องที่ที่มีการเกิดเหตุอื่นๆ เร่งออกหมายจับและนำมาอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีจนถึงที่สุด หลังจากนี้จะได้ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ต้องหาเพื่อตรวจยึดอายัดและนำมาคืนให้ผู้เสียหายต่อไป

EVme จับมือ on-ion ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง เปิดสถานีชาร์จ EV ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน 1 มิถุนายนนี้

บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVme Plus) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรรายแรกของประเทศไทย พร้อมด้วย ออน-ไอออน (on-ion) ภายใต้บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) ขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EVme Charging Station) บนทำเลศักยภาพ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน (Siam Paragon) เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV และสนับสนุนให้คนไทยใช้พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้ EV เดินทางได้อย่างไร้กังวล โดยพร้อมเปิดให้บริการวันที่ 1 มิถุนายน 2566 นี้

นายสุวิชชา สุดใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด เผยว่า อีวี มี ดำเนินธุรกิจเพื่อส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร นอกเหนือจากการให้บริการแพลตฟอร์มเช่ารถยนต์ไฟฟ้า สถานีอัดประจุไฟฟ้าถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยรองรับการขยายตัวของตลาด EV และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคให้หันมาใช้งานรถ EV อย่างเต็มรูปแบบ ตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรในการเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเพื่อการขนส่งและการเดินทางอย่างยั่งยืนชั้นนำของอาเซียน

นายโทรณ หงศ์ลดารมภ์ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจ EV Charger บริษัท อรุณ พลัส จำกัด กล่าวว่า การจับมือกับ อีวี มี ในครั้งนี้ เพื่อเสริมทัพขับเคลื่อนความมั่นคงด้านพลังงานแห่งอนาคต ส่งเสริมไลฟ์สไตล์การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นพลังงานสะอาด โดย ออน-ไอออน ในฐานะผู้ร่วมให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าบนพื้นที่สยามพารากอน ซึ่งเป็นศูนย์การค้าชั้นนำของประเทศ จะช่วยให้ผู้ใช้ EV เกิดความมั่นใจในการเดินทางอย่างไร้กังวล นอกจากนี้ รถ EV ที่ใช้บริการชาร์จไฟที่นี้จะได้รับพลังงานไฟฟ้าที่เป็นพลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% และเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ผลิตในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งผู้ใช้บริการนอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการใช้รถ EV และพลังงานสะอาดแล้ว จะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ อีกมากมายจาก ออน-ไอออน อีกด้วย

อีวี มี และ ออน-ไอออน พร้อมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำและส่งเสริมการใช้ EV อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการขยายพื้นที่ให้บริการเครื่องอัดประจุไฟฟ้า ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยเป็นเครื่องอัดประจุไฟฟ้าชนิดกระแสสลับ (AC Charger) ขนาดกำลังไฟ 7 กิโลวัตต์ จำนวน 6 ช่องจอด ติดตั้งบริเวณชั้น 3A ฝั่งนอร์ท เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. สามารถรองรับรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV : Plug-in Hybrid) และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV: Battery Electric Vehicle) ได้ทุกรุ่น ทุกแบรนด์ที่รองรับหัวชาร์จ Type 2 และควบคุมการใช้งานผ่าน on-ion Mobile Application ทั้งในระบบ Android และ iOS

สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาล ‘ก้าวไกล’ อาจต้องยกเก้าอี้ ประธานสภาฯ ให้เพื่อไทย เพื่อให้ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ

(26 พ.ค. 66) เลียบการเมือง..สุดสัปดาห์   ก็ต้องมาขมวดสถานการณ์ส่งท้ายกันให้สะเด็ดน้ำอีกนิดว่า..แม้จะบอกว่าพรรคฝ่ายตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย  ยึดผลประโยชน์ชาติและประชาชน  แต่สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลไม่ได้ราบรื่นแบบโรยด้วยกลีบกุหลาบแม้แต่นิดเดียว...ยิ่งนานวันก็ออกอาการแบบการเมืองเดิมๆ..
เอาล่ะ ไม่พูดพล่ามทำเพลง  เล็ก  เลียบด่วน  ขอหน้าแหกฟันธงไว้สัก 3ประการดังนี้..
ประการที่หนึ่ง –ศึกชิงตำแหน่งประธานสภา   หลังจากมีการประดาบ สำแดงพลังกันพักใหญ่ ในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็คงเป็นฝ่ายชนะ..แต่อาจมีข้อแลกเปลี่ยนพิเศษให้กับพรรคก้าวไกล...

ประการที่สอง  - เมื่อตกลงชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งประธานสภาแล้ว   เพื่อไทยก็จะโอบอุ้มหนุนส่งพิธา   ลิ้มเจริญรัตน์  ไปจนถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีช่วงปลายเดือนก.ค.หรือต้นส.ค.....แน่นอนพรรคเพื่อไทยยกมือหนุนให้พิธา....แต่คะแนนของพิธาจะผ่าน 376 เสียงหรือเกินครึ่งของรัฐสภาเพื่อจะได้เป็นนายกฯหรือไม่อยู่ที่มือของสว.เป็นหลัก...

ประการที่สาม- พิธาคงไปไม่ถึงฝันเพราะสว.ส่วนใหญ่ไม่ยกมือให้  ถึงตอนนั้น พรรคก้าวไกลอาจหนุนนายกฯของพรรคเพื่อไทย  แต่เสียงอาจไม่ถึง 376 เสียงอีกเพราะสว.อาจตั้งแง่ว่า  ตราบใดที่มีพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะไม่โหวตให้...เกมการเมืองก็จะพลิ กโฉมหน้าไปอีก  โดยโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับขั้วรัฐบาลเดิม   พรรคก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้านมีสูงมาก...

อาจมีบางฝ่ายในปีกอนุรักษ์นิยมเชื่อว่า   เมื่อพิธาสอบไม่ผ่าน...ก้าวไกลประกาศไปเป็นฝ่ายค้าน ลุงตู่หรือลุงป้อมอาจพลิกเกมลงสู้ชิงนายกฯแข่งกับพรรคเพื่อไทย  ซึ่งน่าจะชนะแน่เพราะมี250 เสียงจากสว.หนุน  จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย    ลากไปซักปีค่อนปีแล้วค่อยยุบสภานั้น...สูตรนี้”เล็ก  เลียบด่วน”  เห็นว่าคิดได้..ทำได้  แต่ถ้าทำจริงๆน่าจะเข้าทางด้อมส้ม..เลือกตั้งรอบหน้าฟ้าถล่มดินทลายแน่นอน...ขณะที่สูตรยอมหนุนพรรคเพื่อไทย เอาไว้ถ่วงดุลกับก้าวไกล  น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า...

นั่นเป็นการคาดหมายสถานการณ์...ซึ่งไม่ว่าหวยจะออกมาอย่างไรก็ต้องขอบอกว่า  วันก่อนเห็นภาพว่าที่นายกฯทิม  พิธา  ยกคณะไปตัดสูทตัดชุดกันที่ร้านทรงสมัยซั่งฮี้แล้วก็อยากบอกว่าแม้ที่สุดฝันเก้าอี้นายกฯอาจไม่เป็นจริง..แต่กับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎรก็ถือว่าทรงคุณค่า  เท่ระเบิดเถิดเทิงเหมือนกัน.....

มีคนถามไถ่กันมากว่าทำไม..ผู้พันปุ่น  ศิธา  ทิวารี  หนึ่งในแคนดิเดทนายกฯพรรคไทยสร้างไทย   ต้องเล่นบทผู้สื่อข่าวตั้งคำถามและแนะนำให้พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลทำแอ๊ดวานซ์  เอ็มโอยู  ผูกขากันเดิน..ห้ามพรากจากกัน จนเกิดเรื่องบานปลาย..ก็ตองบอกว่าหากมองชั้นเดียวผู้พันปุ่นน่าจะทำเพื่อพรรคตัวเอง..เพราะตราบใดมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำพรรคไทยสร้างไทยก็จะเป็นตัวช่วยสำคัญตัวหนึ่ง  แต่ถ้าเกมพลิกพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ..เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงคงไม่แฮปปี้ที่จะเห็นคุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธ์   หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย มาร่วมวง..?..

ไปที่พรรคประชาธิปัตย์...ไม่เกินความคาดหมาย  เกมการประชุมใหญ่วิสามัญ  เลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในอีกไม่นานนี้  จากองค์ประชุม 19 ประเภทนั้น..จะให้น้ำหนักการโหวตอยู่ที่ ส.ส.ชุดใหม่  25 คน 70 เปอร์เซ็นต์  อีก 18 ประเภทองค์ประชุม เช่น ประสาขา,ตัวแทนจังหวัด,อดีตส.ส. ฯลฯ  30 เปอร์เซ็นต์...เช่นนี้แล้วใครอยากรู้ว่าหัวหน้าและเลขาคนใหม่เป็นใครก็ต้องไปถาม.”.เลขาต่อ”...กับนายกฯชาย..ที่คุมเสียงส.ส.ชุดใหม่เบ็ดเสร็จ...และขณะที่หลายคนบอกอย่าสิ้นหวัง ฟื้นคืนชีพพรรคได้แน่  แต่อีกไม่น้อยบอกว่า..ที่นี่มืดจริงหนอ..!!!

สวัสดีครับ

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

สตม. รวบหัวหน้าแก๊งชาวไต้หวันเปิดบริษัทผลิตยาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ปั่นหุ้นหลอกลวงประชาชน ผู้เสียหายกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.

ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้ สตม. รวบหัวหน้าแก๊งชาวไต้หวันเปิดบริษัทผลิตยาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ปั่นหุ้นหลอกลวงประชาชน ผู้เสียหายกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท 

สตม. ได้รับการประสานงานจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รายสำคัญ คือ MR.HUANG หรือ นายหวง (นามสมมติ) อายุ 61 ปี สัญชาติจีน (ไต้หวัน) ซึ่งก่ออาชญากรรมหลอกลวงประชาชน เปิดบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ปั่นหุ้นหลอกลวงประชาชน มีผู้เสียหายมากกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท    

บก.สส.สตม. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม. พร้อมพวก สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบสวนจนทราบว่า MR.HUANG   ถือหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 ก.พ.64 ด้วยวีซ่า THAILAND PRIVILEGE CARD และหลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำ จึงได้ทำการสืบสวนและติดตามจนพบ MR.HUANG

ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวฯ ที่บริเวณริมถนนย่านประตูน้ำ จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและ  ขอทำการตรวจค้น ก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว โดย MR.HUANG สมัครใจ  พาตรวจค้นห้อง ผลตรวจค้นพบ เงินสดมูลค่า 1 ล้านบาท, โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง, บัตรประชาชนของประเทศสิงคโปร์ พร้อมทั้งบัตรเครดิตจำนวนหลายรายการ และ MR.HUANG ยังยอมรับว่า

ก่อนหน้านี้ได้หลบหนีไปที่ประเทศสิงคโปร์ จากนั้นได้ทำหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู และหลบหนีเข้ามาที่ประเทศไทย ซึ่งหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและหัวหน้าแผนกประสานงานอาชญากรรมประจำประเทศไทยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ได้ร่วมทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม และนำตัวส่ง   กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าวนั้น มีการจัดตั้งบริษัทเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาในช่วงสถานการณ์   การแพร่ระบาด COVID-19 หลังจากมีการเปิดบริษัทแล้วได้นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์และให้ผู้ร่วมขบวนการทำการเปิดบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศทำการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าว และทำรายงานอันเป็นเท็จเพื่อเผยแพร่ให้กับประชาชนเพื่อหลอกลวงให้ประชาชนเข้าซื้อหุ้น

โดยราคาของหุ้นจะถูกปั่นไปจนถึง 500,000 กว่าบาทต่อ 1000 หุ้น และหลังจากที่มีประชาชนซื้อหุ้นแล้วได้โยกเงินไปยังต่างประเทศแล้วทำการปิดบริษัท เบื้องต้นมีผู้เสียหายมากกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท และจากการสืบสวนขยายผลของผู้ต้องหารายนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ได้ทำการยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 60 ล้านบาท และ มีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้อีก 29 ราย โดยจับกุมได้แล้ว 27 ราย

กรมอุทยานแห่งชาติฯ เชิญบริจาคสนับสนุนมูลนิธิพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล

มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2561 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือแก่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งครอบครัวของผู้ปฏิบัติงานพิทักษ์ป่า ตลอดจนบุคคล องค์กร กลุ่ม ชมรม สมาคมและอื่น ๆ ที่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีสวัสดิภาพและคุณภาพในการปฏิบัติงานและดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม รวมทั้งให้มีการส่งเสริมและพัฒนาการคุ้มครองปกป้อง ดูแลรักษา ฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางบกและทางทะเล รวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยให้มีความสมบูรณ์และยั่งยืน  

ให้มีการเสริมสร้างองค์ความรู้ ทักษะ ความชำนาญและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ให้มีช่องทางการสนับสนุนช่วยเหลือแก่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานคุ้มครอง ป้องกัน ปราบปราม ดูแลรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งกรณีการเกิดพิบัติภัยซึ่งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนให้เสริมสร้างและปลูกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการจัดกิจกรรม การจัดฝึกอบรม สัมมนา ศึกษา ดูงาน และอื่น ๆ  

โดยตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล ได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่จนถึงปัจจุบัน รวม 255 ราย รวม 9,812,500 บาท 

ในโอกาสอันดีที่มูลนิธิพิทักษ์ป่าและรักษาทะเลครบรอบ 5 ปี จึงขอเชิญชวนประชาชน องค์กร และหน่วยงานต่างๆ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทุกท่านด้วยการบริจาคสมทบทุนกับมูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล

ชื่อบัญชี มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล เลขที่บัญชี 053-436926-9 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา บางบัว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานมูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล

โทร. 062-047-8887 ตามวันและเวลาราชการ

‘ทีวีดี โบรกเกอร์’ ผนึกกำลัง ‘กรุงไทยพานิชประกันภัย’ เปิดตัว ‘ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล 100 ปี’ รับสังคมผู้สูงอายุ

‘ทีวีดี โบรกเกอร์’ ในเครือ บมจ.ทีวีดี โฮลดิ้งส์ หรือ TVDH ผนึกกำลัง ‘กรุงไทยพานิชประกันภัย’ เปิดตัว ‘ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล 100 ปี’ ที่ได้สิทธิขายเพียงรายเดียว รับโอกาสประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ให้ความคุ้มครองตั้งแต่อายุ 20 - 75 ปี และต่อประกันได้ถึงอายุ 100 ปี ชูจุดเด่นไม่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ เพิ่มการคุ้มครองแบบ อบ.2 เต็มทุน ครอบคลุมกรณีเสียชีวิต อวัยวะ สายตา หู หรือทุพพลภาพ พร้อมรับสิทธิพิเศษจากโรงพยาบาลเครือข่าย 350 แห่ง เริ่มเปิดจำหน่ายแล้วผ่านช่องทางคอลล์เซ็นเตอร์ของทีวี ไดเร็ค เว็บไซต์ทีวีดี โบรกเกอร์ และตัวแทนขายประกัน ปักธงเบี้ยรายรับปีแรก 45 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 10% ของเป้าหมายเบี้ยรายรับรวม 350 ล้านบาทในปีนี้

ดร.อาทิตย์ น้อยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวีดี โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันภัย ในเครือบริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVDH เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2566 บริษัทฯ เดินหน้าขยายธุรกิจนายหน้าประกันภัยอย่างเต็มรูปแบบเพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่ง หลังจากก้าวสู่บริษัทนายหน้าประกันภัยที่มียอดขายประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลผ่านช่องทางคอลล์เซ็นเตอร์ (ไม่รวมช่องทางอื่นๆ) ติด 1 ใน 3 อันดับแรกในปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายรวมกว่า 35,000 กรมธรรม์ ดังนั้นแผนงานในปีนี้จะเปิดตัวประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพื่อสร้างการจดจำแก่บริษัทฯ และรับโอกาสจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย รวมถึงต่อยอดนำเสนอประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลดังกล่าวกับฐานลูกค้าของบริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด ในเครือ TVDH ที่มีอยู่กว่า 7 ล้านรายในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่พร้อมตัดสินใจซื้อหากเจอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการ 

ล่าสุดบริษัทฯ จึงผนึกความร่วมมือกับบริษัท กรุงไทยพาณิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ‘ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล 100 ปี’ (ประกัน PA 100 ปี) ซึ่งบริษัทฯ ได้รับสิทธิการขายเพียงรายเดียวแบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยร่วมกันออกแบบกรมธรรม์และเงื่อนไขที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าและความคุ้มค่า แบ่งเป็น 

1) กลุ่มอายุ 20 - 75 ปี เบี้ยประกันเริ่มต้น 1,500 บาทต่อเดือน 
2) กลุ่มอายุ 76 - 80 ปี (ต่ออายุ) เบี้ยประกันเริ่มต้น 2,250 บาท 
และ 3) กลุ่มอายุ 80-100 ปี (ต่ออายุ) เบี้ยประกันเริ่มต้น 2,950 บาทต่อเดือน 

ทั้งนี้ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคล 100 ปี มีจุดเด่นด้านเงื่อนไขรับทำประกันที่ให้ลูกค้าสามารถต่อประกันได้ถึงอายุ 100 ปี โดยไม่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ รองรับผู้เอาประกันที่มีชั้นอาชีพ 1, 2 และ 3 กำหนดทุนประกันเริ่มต้นที่ 1 แสนบาท และสูงสุด 2 ล้านบาท   

นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิการคุ้มครองที่เหนือกว่า ได้แก่ การคุ้มครอง อบ.2 แบบคุ้มครองเต็มทุนเพิ่มเติม ครอบคลุมถึงการสูญเสียชีวิต อวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง พูดออกเสียงหรือทุพพลภาพถาวร จากปกติผู้ทำประกันจะได้รับคุ้มครองเฉพาะ อบ.1 ได้แก่ การสูญเสียชีวิต มือ เท้า สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ขณะที่ทุนประกันจะเพิ่มขึ้นปีละ 3% ในกรณีที่ต่ออายุประกันปีที่ 1 - 4 พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลกระดูกแตกหักเนื่องจากอุบัติเหตุ (จ่ายเพิ่มจากผลประโยชน์การรักษาพยาบาล ต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง) เริ่มต้น 5,000 บาท ไม่ต้องสำรองจ่าย ค่ารักษาพยาบาลกรณีเข้ารักษาที่โรงพยาบาลในเครือข่าย 350 แห่งทั่วประเทศ อาทิ โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน, โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 และ 2, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ 
ประชาชื่น, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง ฯลฯ อีกทั้งผู้เอาประกันสามารถใช้บริการเทเลเมดิคัล รับคำปรึกษาทางการแพทย์ผ่านโทรศัพท์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 

ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล 100 ปี เริ่มจำหน่ายแล้ว มุ่งเจาะกลุ่มผู้สูงอายุ ลูกหลานที่ห่วงใยสุขภาพของพ่อ-แม่หรือญาติพี่น้องและบุคคลทั่วไป โดยขายผ่านช่องทางคอลล์เซ็นเตอร์ของทีวี ไดเร็ค เว็บไซต์ของทีวีดี โบรกเกอร์ และตัวแทนขายประกัน 50 ราย

“ความร่วมมือระหว่างทีวีดี โบรกเกอร์ และกรุงไทยพานิชประกันภัยครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ตอบสนองความต้องการทุกเจนเนอเรชั่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่เริ่มมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น โดยวางเป้าหมายมียอดเบี้ยรายรับประกันอุบัติเหตุ 100 ปีในปีแรกที่ 45 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 10% ของเป้าหมายยอดเบี้ยรายรับรวมทั้งบริษัทฯ 350 ล้านบาท” ดร.อาทิตย์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top