Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

'ซิม-ณัฐกฤตา' ระเบิดฟอร์มหวด 12 อันเดอร์ ผงาดนำเดี่ยวจบสองวันแรก 'ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023'

24 ก.พ.66 'ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023' วันที่สอง สู้กันอย่างสนุกท่ามกลางแฟนกอล์ฟยังคงเข้ามาชมในสนามกันอย่างเนืองแน่น ซิม-ณัฐกฤตา วงศ์ทวีลาภ ผู้ชนะจากรอบคัดเลือกระดับประเทศ National Qualifiers ระเบิดวงสวิงหวดเพิ่มถึง 7 อันเดอร์พาร์ 65 ผงาดขึ้นมานำเดี่ยวที่สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 132 นำ มายา สตาร์ค โปรสวีเดน อยู่ 1 สโตรก ด้าน ว่าน-จารวี บุญจันทร์ รั้งอันดับสามร่วม หลังเก็บเพิ่ม 3 อันเดอร์ สกอร์รวมตามหลังผู้นำ 2 สโตรก ขณะที่ แหวน-พรอนงค์ เพชรล้ำ ฟอร์มเข้าฝัก หวด 7 อันเดอร์รอบสอง ขึ้นมารั้งที่ 8 ร่วม สกอร์รวมตามหลังผู้นำ 3 สโตรก กอล์ฟสตรี รายการฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023 จัดขึ้นเป็นปีที่ 16 ชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 62 ล้านบาท) และรางวัลโฮลอินวัน รถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV TECH มูลค่า 1,799,000 บาท ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส ระยะ 6,576 หลาพาร์ 72 มีนักกอล์ฟร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 72 คน โดยมีนักกอล์ฟไทยร่วมแข่งขันปีนี้ 11 คน 

วันที่สอง นักกอล์ฟไทยยังคงโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมขณะที่แฟนกอล์ฟยังคงแห่เข้ามาเชียร์นักกอล์ฟกันอย่างเนืองแน่น โดย “โปรซิม” ณัฐกฤตา วงศ์ทวีลาภ ผู้ชนะจาก National Qualifiers โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม วันที่สองทำ 8 เบอร์ดี้ เสีย 1 โบกี้ จบรอบสองเก็บเพิ่ม 7 อันเดอร์พาร์ 65 สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 132 ผงาดขึ้นมานำเดี่ยว โดยนำมายา สตาร์ค นักกอล์ฟสวีเดนที่รั้งอันดับสอง อยู่ 1 สโตรก 

นักกอล์ฟหน้าใหม่ของแอลพีจีเอ ทัวร์ วัย 20 ปี ชาวไทยกล่าวหลังจากขึ้นเป็นผู้นำว่า “วันนี้ไดร์ฟดี เล่นเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ตื่นเต้นที่แฟนกอล์ฟมาเชียร์กันเยอะมากๆ แต่พยายามควบคุมตัวเองให้มีสมาธิกับเกม ส่วนวันพรุ่งนี้เล่นแผนเดิมคือ หากมีโอกาสพัตต์ทำแต้มก็ตั้งเป้าว่าต้องทำให้ได้ หากทำไม่ได้ก็จะพยายามประคองไม่ให้เสีย ยังคงเหลือการแข่งขันอีกสองวันฝากแฟนกอล์ฟเชียร์ซิมและนักกอล์ฟชาวไทยทุกคนด้วยค่ะ”

“ว่าน” จารวี บุญจันทร์ นักกอล์ฟไทย ผู้นำร่วมจากวันแรก ยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ แม้เริ่มต้นวันที่สองสะดุดเล็กน้อย เมื่อมาเสียโบกี้ที่หลุม 5 แต่หลังจากนั้นแก้ตัวด้วยการเก็บ 4 เบอร์ดี้ จบวันเก็บเพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ 69 สกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 134 รั้งอันดับ 3 ร่วมกับเนลลี่ คอร์ด้า มือสองของโลกจากสหรัฐฯ, เซลีน บูติเยร์ จากฝรั่งเศส, เอมิลี่ คริสติน พีเดอร์เซ่น จากเดนมาร์ก และเจนนี่ ชิน จากเกาหลีใต้ ตามหลัง “โปรซิม” ผู้นำอยู่ 2 สโตรก

เนลลี่ คอร์ด้า มือสองของโลก ทำ 5 เบอร์ดี้ กับ 1 อีเกิ้ล และเสีย 1 โบกี้ อยากคว้าแชมป์รายการนี้เหมือนที่เจสซิก้า พี่สาวเคยทำได้ เผยหลังจบรอบสองว่า “วันนี้ตีหัวไม้สามได้ดีทำให้มีโอกาสทำอีเกิ้ลที่หลุม 10 และทำได้ดีในหลุมพาร์ 5 ตีเข้าไปใกล้กว่าวันแรกทำให้มีโอกาสพัตต์มากขึ้น หลังผ่านไป 36 หลุม ขึ้นมาอยู่ในลีดเดอร์บอร์ดได้ จะพยายามผลักดันตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ที่ลุ้นแชมป์ยังมีอีก 36 หลุม ให้เล่นหวังว่าจะทำได้ดีในช่วงสุดสัปดาห์นี้”

เซลีน บูติเยร์ นักกอล์ฟสายเลือดไทยสัญชาติฝรั่งเศส ทำ 6 เบอร์ดี้รวด โดยไม่เสียโบกี้ ดีใจที่ได้กลับมาเล่นที่ประเทศไทย กล่าวถึงผลงานตัวเองว่า “วันแรกมีโอกาสพัตต์หลายเบอร์ดี้ แต่ทำไม่สำเร็จทำให้ขาดความมั่นใจ แต่วันนี้มีสมาธิกับเกมของตัวเองมากขึ้น ทำให้ผลงานออกมาดีจนเรียกความมั่นใจได้ ยังคงเหลืออีกสองวันที่ต้องเล่นด้วยความมุ่งมั่น เพราะอยากคว้าแชมป์แรกในฤดูกาลนี้ให้ได้ แต่รายการนี้นักกอล์ฟต่างทำสกอร์กันได้ดี ก็จะพยายามตีให้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน”

ด้าน “แหวน” พรอนงค์ เพชรล้ำ ที่โลดแล่นใน แอลพีจีเอ ทัวร์ ปีนี้เป็นปีที่ 14 โชว์วงสวิงได้อย่างร้อนแรงเช่นกัน หลังจากทีออฟที่หลุม 10 ทำ 5 เบอร์ดี้รวด ในหลุม 11, 12 และ 13,15 และ 18 จากนั้นช่วง 9 หลุมหลังทำเพิ่ม 2 เบอร์ดี้ที่หลุม 2 และหลุม 4 จบรอบสองหวดไปถึง 7 อันเดอร์พาร์ 65 แบบไม่เสียโบกี้ สกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ 135 ขึ้นมารั้งอันดับ 8 ร่วมกับนักกอล์ฟต่างชาติอีก 6 ราย

พรอนงค์ ที่วันนี้ตีเข้าทั้ง 14 แฟร์เวย์เผยถึงผลงานตัวเองว่า “หลังจบวันแรกแหวนไปซ้อมไดร์ฟให้มากขึ้น ซึ่งมีผลทำให้แหวน ไดร์ฟดีขึ้น มีโอกาสทำพัตต์มากขึ้น ซึ่งการทำสามเบอร์ดี้ติดต่อกันในช่วง 9 หลุมแรกทำให้แหวนเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้น ตอนนี้มีความหวังและตั้งเป้าถึงการคว้าแชมป์ อย่างไรก็ตามจะยังคงเล่นตามเกมของตัวเอง ทำให้ดีที่สุด พยายามรักษาสภาพร่างกายให้แข็งแรง เนื่องจากต้องเล่นท่ามกลางอากาศที่ร้อน แต่พร้อมจะทำให้เต็มที่ในสองวันสุดท้าย”

“จีน” อาฒยา ฐิติกุล มือ 4 ของโลกทำเพิ่ม 3 อันเดอร์ สกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 15 ร่วมกับ ลิเดีย โค มือหนึ่งของโลกซึ่งเก็บเพิ่ม 4 อันเดอรพาร์ในวันที่สอง 

ส่วนผลงานนักกอล์ฟไทยรายอื่น “เม” เอรียา จุฑานุกาล แชมป์รายการนี้ปี 2021 วันที่สองทำเพิ่ม 3 อันเดอร์ สกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ อยู่อันดับ 40 ร่วมกับพี่สาว “โม” โมรียา จุฑานุกาลเผยว่า “วันนี้สนุกมาก ดีใจที่แฟนกอล์ฟมาให้กำลังใจเยอะมาก พรุ่งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับทีช็อตว่าเป็นอย่างไรคงวางแผนเล่นตามเกมที่เราเจอเฉพาะหน้า และหวังว่าจะทำผลงานได้ดีขึ้น ฝากแฟนกอล์ฟมาเชียร์พวกเราด้วยค่ะ”

“แจน” วิชาณี มีชัย และ “เปียโน” อาภิชญา ยุบล ตีเกินคนละ 2 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวมสองวัน อีเวนพาร์ อยู่อันดับ 60 ร่วม โดยวิชาณี กล่าวหลังจบรอบสองว่า “วันนี้ตีไม่ดีเองแม้จะมีโอกาสพัตต์เบอร์ดี้หลายครั้ง ส่วนอีกสองวันที่เหลือพยายามกลับมาสู่เกมให้ได้และฝากแฟนกอล์ฟเชียร์นักกอล์ฟไทยทุกคนด้วยค่ะ”

“พราว” ชเนตตี วรรณแสน สกอร์รวมสองวัน 1 โอเวอร์พาร์ อยู่อันดับ 64 ร่วมกับ นานนา เคิร์ซ แมดเซน แชมป์เก่าจากเดนมาร์ก

ปิดท้ายที่ “เหมียว” แพตตี้ ปภังกร และ “เมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ สกอร์รวมสองวัน 3 โอเวอร์พาร์ อยู่อันดับ 69 ร่วม

“ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023” เปิดให้แฟนกอล์ฟเข้ามาชมในสนามครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 แฟนกอล์ฟทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางมาชมการแข่งขันกันที่สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส ตั้งแต่เช้า ขณะที่บรรยากาศกิจกรรมตามซุ้มต่างๆ มีแฟนกอล์ฟร่วมสนุกกันอย่างคึกคัก 

การแข่งขันครั้งที่ 16 ในปีนี้ เพิ่มเงินรางวัลรวมสูงสุด 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 62 ล้านบาท โดยผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล 255,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีนักกอล์ฟร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 72 คน ประกอบไปด้วยนักกอล์ฟหญิงที่ดีที่สุดของโลก และนักกอล์ฟรับเชิญ      

นอกจากนี้ นักกอล์ฟยังมีโอกาสคว้ารถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV TECH มูลค่า 1,799,000 บาท เป็นรางวัล ในการทำโฮลอินวันหลุม 16 ของสยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส จังหวัดชลบุรี โดยการแข่งขันจะปิดฉากวันอาทิตย์ และต้อนรับการกลับมาของแฟนกอล์ฟ สามารถเข้าชมในสนามได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19

แฟนกอล์ฟ สามารถชมถ่ายทอดสดการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023 ได้ทาง PPTV HD ช่อง 36 และผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ของทางสถานี www.pptvhd36.com, Facebook, YouTube ได้ตลอดทั้ง 4 วันของการแข่งขัน ติดตามรายละเอียดการจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขันและอัปเดตข่าวสารได้ที่ www.hondalpgathailand.com หรือติดตามทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/lpgaThailand และอินสตาแกรม https://www.instagram.com/hondalpgathailand

ถวายบังคม พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ

เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 พลเรือตรี ภาณุพันธุ์ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือกรุงเทพ มอบหมายให้ นาวาเอก สุชาติ อุดมนาค รองผู้บัญชาการฐานทัพเรือกรุงเทพ เป็นผู้แทนวางพานพุ่ม และนำกำลังพลร่วมพิธีถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร่วมกับสำนักงานเขตบางกอกใหญ่ และหน่วยงานในพื้นที่ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ ซึ่งตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปี

 

ผช.ผบ.ทร.ติดตามความก้าวหน้าช่วยเหลือด้านสิทธิ กำลังพล รล.สุโขทัย อับปาง เตรียมมอบเหรียญ 'บางระจัน'

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ (ผช.ผบ.ทร.) เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าเรื่องสิทธิกำลังพล การสวัสดิการ การช่วยเหลือกำลังพล และครอบครัว กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง โดยได้เตรียมเสนอเครื่องหมายเชิดชูเกียรติผู้ปฏิบัติราชการเพื่อชาติ “เหรียญบางระจัน” ให้กำลังพลทั้ง 29 นาย

เมื่อ 23 ก.พ.66 พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ (ผช.ผบ.ทร.) และประธานกรรมการบูรณาการติดตามเรื่องสิทธิกำลังพล การสวัสดิการ และการช่วยเหลือกำลังพลกองทัพเรือที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และครอบครัว กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เป็นประธานการประชุมในการเร่งรัด ติดตามการช่วยเหลือจากหน่วยงาน องค์กร หรือภาคเอกชน อย่างบูรณาการ ให้กำลังพล และครอบครัว ให้ได้รับสิทธิอย่างครบถ้วน รวดเร็ว และถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ณ ห้องประชุม ชั้น 5 กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

คณะกรรมการฯ ได้จัดกลุ่มติดตามการช่วยเหลือกำลังพลแบ่งเป็น ผู้เสียชีวิต จำนวน 24 นาย, ผู้สูญหาย จำนวน 5 นาย, ผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 27 นาย และผู้ประสบภัย (ไม่ได้รับบาดเจ็บ) จำนวน 49 นาย ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา การติดตามและให้ความช่วยเหลือกำลังพลที่ประสบเหตุฯ ส่วนใหญ่ มีความคืบหน้าและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ยังมีบางรายการต้องดำเนินการเร่งรัด ติดตามในเรื่องสิทธิกำลังพล การสวัสดิการ และการช่วยเหลือกำลังพลอื่นๆ ได้อย่างครบถ้วน รวดเร็ว และเป็นไปตามระเบียบในโอกาสแรก ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะได้ดำเนินการต่อไป ดังนี้...

- ติดตามสิทธิกำลังพลฯ ที่เหลือ

- เสนอให้กระทรวงกลาโหมออกคำสั่งถึงแก่ความตายเพราะสูญหายในขณะปฏิบัติราชการ (ในกลุ่มผู้สูญหาย เพื่อดำเนินการตามสิทธิ์ที่จะได้รับได้ต่อไป)

- เสนอขออนุมัติกระทรวงกลาโหมขอรับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติผู้ปฏิบัติราชการเพื่อชาติ “เหรียญบางระจัน” ให้แก่กำลังพลที่เสียชีวิต และสูญหาย จำนวน 29 นาย อันเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ ผู้บัญชาการทหารเรือที่ต้องการดูแลกำลังพล และครอบครัวจากกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ในด้านต่างๆ อย่างเต็มกำลัง และดีที่สุด

เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำท่าเรือแหลมฉบังเปิดตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างกว่า 1,000 ตู้ นำร่องสินค้าจำนวน 4 ตู้ พบสิ่งต้องห้ามจากต่างประเทศเป็นเนื้อหมูอาจปนเปื้อนและปุ๋ยสารเคมีประเภทแมกนีเซียมซัลเฟต

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 คณะกรรมการโครงการการท่าเรือสีขาวตามนโยบายของ รชค.ตามโครงการท่าเรือสีขาวตามนโยบายของ รชค. อธิรัฐ ในฐานะกำกับดูแลการท่าเรือแห่งประเทศไทยพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศุลกากรนำโดยรองผู้บังคับการ ผู้กำกับนครบาล 3 และ มีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย การท่าเรือแห่งประเทศไทย ตำรวจภาค 2 ทหารเรือ ศุลกากร ได้กำหนดขั้นตอนและหาข้อยุติ การตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างและต้องสงสัย โดยที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างกว่า 1,000 ตู้ ที่มีทั้งตู้คอนเทนเนอร์เก็บความเย็น ตู้สินค้าแห้ง และตู้สินค้าอันตราย

ตามที่คณะทำงานได้แจ้งไปจำนวนหกตู้ ศุลกากรแจ้งว่ามีการเปิดไปแล้วสองตู้เหลือสี่ตู้ยังไม่ได้เปิด อีกตู้แจ้งขอผ่อนผันยังเปิดไม่ได้และได้ทำการนำ 3 ตู้ รีเฟอร์ มาเปิดและเพิ่มอีกสองตู้ Dry ซึ่งตู้แรกที่เปิดเป็นกลุ่มปุ๋ยสารเคมีประเภทแมกนีเซียมซัลเฟต ตู้ที่สองที่เปิดสำแดงเป็นเศษพลาสติกเป็นการสำแดงผิดที่เจอเป็นเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้า

ตู้ที่สามและตู้ที่ห้าเป็นเนื้อหมูสามชั้นมาจากประเทศเบลเยียมซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามโดยประเทศเบลเยียมถือว่าเนื้อหมูอาจปนเปื้อน และตู้ที่สี่เป็นตู้เนื้อหมูที่มาจากรัสเซีย ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำท่าเรือแหลมฉบัง ได้เข้าร่วมชี้แจงว่าภาคเอกชนเจ้าของตู้ตกค้างบางราย ยื่นขอขยายเวลาเพื่อส่งกลับประเทศต้นทาง บางตู้ตกค้างวางอยู่นานนับปี โดยไม่ได้ขยับหรือผ่านขั้นตอนใด ๆ อ้างว่าอยู่ในขั้นตอนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลายหน่วยงานต้องทำการตรวจสอบสินค้าที่รับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน

ถอดรากศัพท์คำว่า Kanbawza  อาจแปลความหมายถึง สุวรรณภูมิ 

คำว่า Kanbawza ที่คนพม่าออกเสียงว่า 'กันโบซา' นั้น หลายคนอาจจะเคยทราบว่าคำนี้มาจากชื่อในภาษาไทใหญ่ ซึ่งตำนานของคำว่ากัมโบซาในภาษาไทใหญ่นั้นต้องย้อนกลับไปถึงคริสต์ศักราชที่ 957 ในยุคที่อาณาจักรน่านเจ้ายังเรืองอำนาจอยู่ โดยมีบันทึกว่า มีเจ้าชายจากราชอาณาจักรกัมปูเจียเข้ามาปกครองดินแดนฉาน จนทำให้มีชื่อเรียกในภาษาไทใหญ่ว่ากัมโบซาในเวลาต่อมา

เมื่อนำเรื่องราวของเจ้าชายแห่งกัมปูเจียที่เข้ามาปกครองรัฐฉานใน ค.ศ. 957 มาเทียบระยะเวลาในเขมรช่วงนั้นจะพบว่าอยู่ในช่วงอาณาจักรขอม ซึ่งปกครองเขมรในขณะนั้นในช่วงปีคริสต์ศักราช 802-1203 เป็นยุคเดียวกันกับการสร้างปราสาทนครวัด

ดังนั้นหากนำไทม์ไลน์ของมาวางทาบกัน จะกล่าวได้ว่าเจ้าชายผู้แผ่อิทธิพลเข้าไปยึดดินแดนรัฐฉานในช่วงเวลาดังกล่าวก็คือ กองทัพอันเกรียงไกรของอาณาจักรขอมโบราณนั่นเอง

และหากเมื่อเราค้นหาลึกเข้าไปอีกว่าอาณาจักรขอมโบราณมาจากไหน ทาง อ.สุจิตต์ วงษ์เทศ ได้เคยเขียนเรื่องนี้ลงใน มติชนประชาชื่น : สุวรรณภูมิในอาเซียน ขอมละโว้ เก่าสุดอยู่ไทย โอนขอมไปเขมร, มติชน 17 สิงหาคม 2560 ระบุว่า...

"ขอมเป็นชื่อทางวัฒนธรรม ดังนั้นไม่เป็นชื่อชนชาติหรือเชื้อชาติ จึงไม่มีชนชาติขอม หรือเชื้อชาติขอม ฉะนั้นใคร ๆ ก็เป็นขอมได้ เมื่อยอมรับนับถือวัฒนธรรมขอม…ช่วงแรก ขอมเป็นชื่อที่คนอื่นเรียก (ในที่นี้คือพวกไต-ไท) ไม่ใช่เรียกตัวเอง

"คำว่า ‘ขอม’ หมายถึง คนในวัฒนธรรมขอม ที่อยู่รัฐละโว้ (ลพบุรี) บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยไม่ระบุชาติพันธุ์ จะเป็นใครก็ได้ ถ้าอยู่สังกัดรัฐละโว้ในวัฒนธรรมขอม ถือเป็นขอมทั้งนั้น เมื่อมีรัฐอยุธยา คนพวกนี้กลายตัวเองเป็นคนไทย ดังนั้นช่วงหลัง ขอม หมายถึง ชาวเขมรในกัมพูชาเท่านั้น แม้เปลี่ยนนับถือศาสนาพุทธเถรวาทก็ถูกคนอื่น เรียกเป็นขอม แต่ชาวเขมรไม่เรียกตัวเองว่าขอม เพราะไม่เคยรู้จักขอมและภาษาเขมรไม่มีคำว่าขอม"

ทั้งนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าชาวกัมพูชาเรียกตนเองว่า “กโรม” หรือ “ขอม” (ในความหมายว่า ชาวเขมร หรือ ชาวกัมพูชา) แต่พวกเขาเรียกตนเองอย่างชัดเจนว่า เขมร มาตั้งแต่สมัยก่อนเมืองพระนคร

และจากหลักฐานที่มีการยืนยันว่าที่เรียกชาวกัมพูชาไม่เรียกตัวเองว่า ขอม แต่เรียกตัวเองว่า เขมร ที่เก่าแก่ที่สุด คือ ศิลาจารึก Ka. 64 ซึ่งเป็นศิลาจารึกสมัยก่อนเมืองพระนคร อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 กล่าวถึงทาสชาวเขมรโบราณไว้ว่า “(๑๓) กฺญุม เกฺมร โฆ โต ๒๐. ๒๐. ๗ เทร สิ ๒” ซึ่งคำว่า “กฺญุม” ในภาษาเขมรโบราณสมัยก่อนพระนครหมายถึง ข้ารับใช้ ส่วนคำว่า เกฺมร (kmer) เมื่อรวมความหมายของคำว่า “กฺญุม เกฺมร” แล้ว น่าจะหมายถึง “ข้ารับใช้ชาวเขมร” ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าชาวกัมพูชาเรียกตัวเองว่า เกฺมร (kmer) มาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นคำว่า เขฺมร (khmer) ในช่วงเขมรสมัยเมืองพระนคร และกลายเป็น แขฺมร ออกเสียงว่า แคฺมร์ (khmaer) ดังที่ปรากฏในภาษาเขมรปัจจุบัน

ต่างชาติแชร์ พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งตระหง่านกลางร้านชาวอินเดียที่มาสร้างตัวในไทย

(25 ก.พ.66) จากเฟซบุ๊ก Jo Montanee ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า...

ใครบอกว่าตุ๊กตุ๊กไทยที่พานักท่องเที่ยวชมกรุงเทพฯ แล้วแวะตามร้านตัดเสื้อคือการ SCAM หลอกลวง

จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่นะคะ มันคือการตกลงราคากันก่อน

ถ้านักท่องเที่ยวยอมแวะก็จะได้ราคาถูกลงมาก

และหลายช่องยูทูบที่แวะร้านเสื้อ คนที่ไม่ได้ตัดเสื้อ ร้านก็ไม่ว่าอะไร ส่วนคนที่ได้ตัด ต่างพอใจกับคุณภาพชุดที่ตัด บอกว่าเนื้อดี เข้ารูปเท่ากับที่ตะวันตกเลย

แถมได้ส่วนลดจากราคาที่ถูกอยู่แล้วก็ถูกลงอีก หรือฟรีด้วยซ้ำถ้าช่องเขาถ่ายทำคลิปลงช่องให้

ช่อง Living The Jo Life ครอบครัวเดนมาร์กออสเตรเลียที่อาศัยอยู่ในซาอุดีอาระเบีย แต่ตอนนี้มาท่องไทยยาวจนหนำใจ คือหนึ่งในหลายตัวอย่างที่นำเสนอประสบการณ์เสี่ยงนั่งรถตุ๊กตุ๊กพาเที่ยวชมหลาย ๆ สถานที่ตลอดทั้งวัน โดยพี่คนขับขอพาแวะร้าน 3 ที่ในระหว่างทาง แต่ทั้งพ่อแม่ลูกก็ได้รับความสนุกสนานอย่างเต็มเปี่ยม 

แถมพวกเขายังพากันตัดสูท ตัดเดรสที่ร้าน แล้วพอได้รับการบริการที่ดี คุณแม่ Kylie กับลูกสาววัยรุ่นที่สวยยังกับนางฟ้า น้อง Ella ถึงกับตัดชุดเพิ่มอีกคนละ 2 ชุดกันเล้ย! 💕

เมื่อจบทริป พ่อ Kasper จึงคิดว่าคนขับน่าจะคิดเงินสัก 3 พัน แต่พี่ “ทอม” ตุ๊กตุ๊กไทย คิดราคาแค่ 1 พันเองค่ะ!!

น้องเอลลาถึงกับการันตีว่า

“พี่ทอมคือ ตุ๊กตุ๊กที่เยี่ยมที่สุดในเมืองไทย!” 🎉🎉

เติบโตต่อเนื่อง!! ‘บิ๊กตู่’ สั่ง เสริมศักยภาพ ‘อินทราโลจิสติกส์’ ไทย หวังมุ่งสู่มาตรฐานสากล-ศูนย์กลางอาเซียน

(25 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งยกระดับและส่งเสริมศักยภาพการจัดการคลังสินค้าไทยสู่มาตรฐานระดับสากล หลังแนวโน้มของอุตสาหกรรมระบบการจัดการคลังสินค้าภายในองค์กร หรือ ‘อินทราโลจิสติกส์’ (Intralogistics) ในปี 2566 คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 10-15%

จากข้อมูลโดยสมาคมการจัดการระบบคลังสินค้าไทย การเติบโตของระบบการจัดการคลังสินค้าภายในองค์กร (อินทราโลจิสติกส์) ซึ่งในปี 2565 มีมูลค่าถึง 6,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปี 2564 ประมาณ 5-8% พร้อมมองว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 ที่เริ่มฟื้นตัว และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีความคืบหน้าเพิ่มเติมจากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญเร่งด่วน จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทย กับต่างประเทศมากขึ้น และเชื่อว่าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมอินทราโลจิสติกส์ขยายตัวได้ดีถึง 10-15% เทียบเท่าก่อนสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19

สมาคมการจัดการระบบคลังสินค้าไทยยังเตรียมจัดงาน LogiMAT | Intelligent Warehouse 2023 ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อแสดงสินค้าชั้นนำที่เกี่ยวกับนวัตกรรมในการวางระบบคลังสินค้า และนำเสนอเทคโนโลยีการจัดการคลังสินค้าในอนาคต โดยจะเป็นงานที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการ ผู้มีศักยภาพด้านการลงทุน และผู้มีส่วนตัดสินใจขับเคลื่อนองค์กร จากทั้งไทยและนานาชาติมากกว่า 100 แบรนด์/บริษัท สามารถดึงดูดนักลงทุนด้านโลจิสติกส์และผู้ที่สนใจได้มากกว่า 6 พันคน ซึ่งจะทำให้มีเงินสะพัดในงานรวมกว่า 1,000 ล้านบาท

“นายกรัฐมนตรียินดีที่อุตสาหกรรมคลังสินค้าอัจฉริยะ หรือ อินทราโลจิสติกส์ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการเพื่อขับเคลื่อนพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่ง และระบบโลจิสติกส์มาโดยตลอด พร้อมยินดีร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับการจัดการคลังสินค้าไทยสู่มาตรฐานระดับสากล เพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการไทย รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต” นายอนุชา กล่าว

‘ไตรรงค์’ แฉ พรรคการเมือง ฮั้วต่างชาติค้ายา-เปิดพนัน นำเงินสกปรกมาซื้อเสียง วอน หยุดหนุนนักการเมืองชั่ว

(25 ก.พ. 66) เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 66 นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุถึงปัญหาของประเทศไทยในปัจจุบัน ว่า ศัตรูตัวใหม่ของเราไม่ใช่มหาอำนาจนักล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก แต่เป็นยาเสพติด และของผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นและคงอยู่ได้ ก็เพราะทั้งคนไทยและต่างชาติร่วมมือกันให้มันเกิดขึ้น ต่างชาติ มีทั้ง จีน, ลาว, พม่า, เขมร, รัสเซีย และไนจีเรีย คำถามคือ ทำไมคนพวกนี้จึงกล้ามาทำชั่ว และทำผิดกฎหมายบั่นทอนความมั่นคงของชาติได้ ก็คงเพราะอย่างที่นายตู้ห่าวเคยพูดว่า “มีเงินเสียอย่าง อะไร ๆ ก็สามารถซื้อได้ทำได้ในประเทศไทย ก็เป็นจริงอย่างที่เขาพูด เพราะประเทศไทยเต็มไปด้วยข้าราชการชั่ว และนักการเมืองเลวที่คอยให้ความสะดวก และคุ้มครองธุรกิจเทาดำเหล่านี้ จึงเจริญกว้างขวางยิ่งขึ้นมาก

“ปัญหาของชาติในปัจจุบัน ก็คือ มีนักการเมืองของบางพรรคได้แอบร่วมกันกับต่างชาติในการค้ายาเสพติดและการพนันออนไลน์ และนักการเมืองเหล่านั้น ก็นำเงินสกปรกที่ได้มาเข้าไปใช้ในพรรค มีการเชื่อมต่อเพื่อนำเงินชั่วเข้าพรรคอยู่หลายวิธี เช่น ผู้ใหญ่เจ้าของพรรคทำหมู่บ้านจัดสรรขายให้พวกค้ายาเสพติดเพื่อฟอกเงิน โดยขายในราคาแพงเกินจริง เพื่อทำกำไรส่วนนี้มาใช้ในการซื้อเสียงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น หรือบางพรรคก็มีบุคคลสำคัญของพรรคเป็นตัวเชื่อมนำเงินสกปรกเหล่านี้ ส่งให้หัวหน้าพรรคก็จะใช้เงินพวกนี้ในการซื้อความภักดีของ ส.ส.ของพรรค เชื่อหรือไม่ว่า ที่บางคนไม่ยอมย้ายพรรค ไม่ใช่มีอุดมการณ์อะไร แต่เพราะเกิดอาการเสพติดจากเงินค้ายาเสพติด และเงินที่ได้จากรัฐมนตรีของมันโกงกันมา ที่มีการแจกกันเป็นประจำทุก ๆ เดือน”

นายไตรรงค์ ยังระบุต่อว่า “เราคนไทยที่ต้องการตอบแทนบุญคุณต่อวิญญาณของบรรพบุรุษที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตปกป้องแผ่นดินนี้ไว้ให้ เราก็สามารถจะกระทำได้โดยการร่วมกันไม่สนับสนุนนักการเมืองเลว ข้าราชการชั่ว และพรรคการเมืองอุบาทว์ในคราบของนักบุญ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราคนไทยต้องร่วมกันลงโทษ ไม่เลือกพรรคมัน เพื่อป้องกันมิให้พวกมันสามารถใช้เงินสกปรกจากธุรกิจเทา-ดำ เช่น การค้าเฮโรอีนและยาบ้า มาซื้ออำนาจรัฐ เพื่อขอเป็นรัฐบาลบริหารประเทศอย่างเด็ดขาด”


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9660000018121

'อุ๊งอิ๊ง' นำทีม ‘เพื่อไทย’ ปราศรัยใหญ่ จ.เชียงราย ชาวบ้านแห่ต้อนรับ ตะโกนเชียร์ “เพื่อไทย แลนด์สไลด์”

กองเชียร์ส่งเสียงแลนด์สไลด์กระหึ่ม สนามบินแม่ฟ้าหลวง ‘เพื่อไทย-แพทองธาร’ บุกหาเสียงปราศรัยใหญ่เชียงราย ลุยพบปะประชาชนที่แม่สาย ก่อนปราศรัยใหญ่ อำเภอเทิง จังหวัดเชียงรายเย็นวันนี้

(25 ก.พ. 66) ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยพร้อมคณะ เดินทางมาถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง โดยมีประชาชนสวมเสื้อสีแดงสัญลักษณ์พรรค พท. คอยรอให้กำลังใจพร้อมมอบดอกไม้ และยังมี ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พรรค พท. ประกอบด้วย ร.ต.อ.ธนรัช จงสุทธานามณี ,นายวิกรม เตชะธีราวัฒน์ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ นายเทอดชาติ ชัยพงษ์ น.ส.ละออง ติยะไพรัช น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช มารอรับคณะของพรรค พท. ด้วย ทันทีที่ น.ส.แพทองธาร พร้อมคณะเดินทางออกจากอาคารผู้โดยสารขาออก มีประชาชนส่งเสียงเชียร์ดังสนั่นว่า “แลนด์สไลด์ ครอบครัวเพื่อไทย” พร้อมทั้งมอบดอกไม้ให้กับ น.ส.แพทองธาร และคณะ

สำหรับกำหนดการของพรรค พท. ในวันนี้ เวลา 10.00 น. น.ส.แพทองธารและคณะจะเดินทางไปพบปะประชาชนและพ่อค้าแม่ค้า ที่จุดผ่านแดนถาวรแม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ของนายอิทธิเดช แก้วหลวง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย จากนั้นจะเดินทางไปปราศรัยใหญ่ที่เวทีสนามกีฬา รร.ปล้องวิทยาคม อ.เทิง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ของ นายเทอดชาติ ชัยพงษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย โดยจะมีนพ.ชลน่าน น.ส.แพทองธาร นาย จาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรค และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ขึ้นปราศรัยบนเวทีเพื่อหาเสียงเลือกตั้งกับประชนชน ต่อจากนั้น คณะของพรรค พท. จะลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ที่ถนนคนเดิน อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ร.ต.อ.ธนรัช จงสุทธานามณี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/713527

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! ‘ชาไทยเย็น’ ติด Top 10 เครื่องดื่มที่ดีที่สุด เร่งผลักดัน Soft power ชูครัวไทย สู่ครัวโลก

(25 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้ทราบว่า TasteAtlas ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบทความและข้อมูลอาหารยอดนิยมทั่วโลกได้จัด 10 อันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 (10 Best Rated Non-Alcoholic Beverages in the World) (https://www.tasteatlas.com/best-rated-non-alcoholic-beverages-in-the-world#!#modal)

โดย “ชาไทยเย็น” ได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 7 ของโลก สะท้อนเอกลักษณ์และวัฒนธรรมอาหารของไทยที่โดดเด่น ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2018 ชาเย็นไทย ก็ได้รับการจัดอันดับที่ 27 ใน 50 เครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในโลก (World’s 50 most delicious drinks) จากเว็บไซต์ CNN Travel เช่นเดียวกัน (https://edition.cnn.com/travel/article/most-delicious-drinks-world/index.html)

นายอนุชา กล่าวว่า ผลการจัดอันดับดังกล่าวได้ให้รายละเอียดว่า ชาไทยเย็น ได้รับคะแนนโหวต 4.7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยถือเป็นเครื่องดื่มที่ผสมผสานเข้ากันได้ดีระหว่างชาดำเข้มข้น นมข้นหวาน/จืด น้ำตาล และสมุนไพรเครื่องเทศต่าง ๆ ซึ่งเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง โดยปัจจุบันจะพบชาไทยเย็นได้ ทั้งใน Street Food และร้านอาหารทั่วไป

นายอนุชา กล่าวว่า การจัดอันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่

1.) Hong Kong-Style Milk Tea จากฮ่องกง

2.) Aguas Frescas จากเม็กซิโก

3.) Chai masala จากอินเดีย

4.) Maghrebi Mint Tea จากเมืองอัลมัฆริบ (Maghreb) และโมร็อกโก

5.) Horchata จากเม็กซิโก

6.) Salep จากตุรเคีย

7.) ชาไทยเย็น จากไทย

8.) El submarino จากอาร์เจนตินา

9.) Ristretto จากอิตาลี

10.) Darjeeling จากอินเดีย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top