Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

‘นทท.จีน’ ปลื้ม!! ‘ตร.บางรัก’ ติดตามค้นหาไอโฟน ใช้เวลาเพียง 5 ชม. ส่งคืนถึงมืออย่างปลอดภัย

(25 ก.พ. 66) เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ที่สน.บางรัก พ.ต.ท.เกียรติภูมิ ทินาโชติ รอง ผกก.สส.สน.บางรัก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน นำโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน (Iphone 14 pro max สีม่วง) ที่สามารถติดตามกลับคืนมาได้จากกล้องวงจรปิดโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งมอบคืนให้ MISS SHIYI DENG นักท่องเที่ยวสัญชาติจีน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากได้มีนักท่องเที่ยวชาวจีน เดินทางมาร้องทุกข์ต่อ พงส.สน.บางรัก ได้นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างทั่วไป ไม่ทราบทะเบียน และไม่รู้จักคนขับ ในระหว่างทางคนขับ ใส่เสื้อมีฮู้ด ผู้แจ้งซึ่งนั่งซ้อนท้าย ได้เอาโทรศัพท์ IPhone 14 Pro Max สีม่วง ใส่เคสใส ใส่ไว้ในฮู้ดคนขับ และเมื่อมาถึงบริเวณหน้าโรงแรมมณเฑียรสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. ผู้แจ้งได้ลืมโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวไว้ และพยายามเรียกแล้วแต่ไม่ทัน และไม่สามารถติดต่อคนขับได้ จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อให้ตำรวจบางรัก ช่วยติดตามโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว

ภายหลังรับทราบ พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผกก.สน.บางรัก ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.เกียรติภูมิ ทินาโชติ รอง ผกก.สส.สน.บางรัก จัดทีมนำโดย พ.ต.ต.สมถวิล ไสลจักร์ สว.สส. ร.ต.อ.วรพัฒน์ เจริญมาก รอง สว.สส.สน.บางรัก ร.ต.ต.สุระสิทธิ์ คำล้นธนิสร์กุล ร.ต.ต.จิรัฏฐ์ วงษ์วิวงษ์ รอง สว.(สส.) และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณที่เกิดเหตุและใกล้เคียง พบชื่อผู้ครอบครองทะเบียนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว จึงเดินทางไปพบกับชายคนดังกล่าว

โดยเจ้าตัวยอมรับว่า โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวอยู่ที่ตนจริง แต่ทราบเมื่อหลังจากได้กลับมาถึงบ้านพักซึ่งอยู่ในฮู้ดของเสื้อคลุม แต่ไม่รู้จะนำส่งคืนที่ใด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก ตามมาพบที่บ้าน ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อนำส่งคืนให้กับเจ้าของต่อไป

พ.ต.ท.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ภายหลังรับทราบข้อมูลจากเจ้าทุกข์ จึงนำเรียน พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผกก.สน.บางรัก ท่านรีบสั่งการให้ดำเนินการ ตามแผนป้องกันเหตุ การบริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ที่มีต่อกองบัญชาการตำรวจนครบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เคยละเลย มองข้าม รีบดำเนินการภายในระยะเวลาอันสั้น จนนำทรัพย์สินดังกล่าวส่งคนเจ้าของโดยเร็วภายในระยะเวลา 5 ชั่วโมง

‘สุวัจน์’ เปิดงาน ‘เดิน เดิ่น โคราช’ หนุน Soft Power ดันสตรีทฟู้ดไทยสู่ระดับโลก หวังดึง นทท. - กระตุ้น ศก.

(25 ก.พ. 66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดงาน ‘เดิน เดิ่น โคราช’ ประจำปี 2566 เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 24 ก.พ.66 ที่ผ่านมา โดยมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ สส.นครราชสีมา เขต 2 พรรคชาติพัฒนากล้า, นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหาร สท.ผู้นำชุมชน, นักธุรกิจ, พ่อค้า, แม่ค้า และพี่น้องประชาชนร่วมงานจำนวนมาก ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และสวนอนุสรณ์สถานวีรกรรมท้าวสุรนารี

นายสุวัจน์ กล่าวว่า งานถนนคนเดิน เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อสร้างความสุข กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างบุคลิกคาแรคเตอร์ให้กับเมืองโคราช ที่เราเรียกว่า ‘เดิน เดิ่น โคราช’ คือ เดินชมเมืองโคราช เดินชมร้านค้า เดินชมดนตรี เดินไปตามถนนที่สวยงามย่านอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เดินชมอนุสรณ์สถานคุณย่าโม เดินไปท่ามกลางสตรีทฟู้ดที่มีอาหารดี ๆ พื้นบ้าน พื้นเมืองของคนโคราช เดินไปท่ามกลางสินค้าโอทอป สินค้าที่หลากหลายแล้วก็มีดนตรี มีอะไรมากมาย ที่ถือว่าเป็นการผสมผสานกันระหว่าง Night Market บวกกับ Streetfood บวกกับถนนวัฒนธรรม รวมแล้วเลยกลายเป็น ‘เดิน เดิ่น โคราช’

ซึ่งทางเทศบาลนครนครราชสีมา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์นี้ และเห็นว่าจะจัดกันเป็นประจำทุกศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ จัดกันไปเรื่อยๆ ก็จะทําให้เมืองมีความคึกคัก มีสีสัน มีบรรยากาศของการท่องเที่ยวและก็รองรับนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาประเทศไทย รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และเป็นการอวดของดีเมืองโคราช ของดีทางด้านสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม Soft Power ของดีทางด้านอาหารการกิน สินค้าโอทอป ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ดี แล้วก็จะนําไปสู่เรื่องเศรษฐกิจ ทําให้พ่อค้า แม่ค้า คนขายของที่ระลึก คนขายโอทอป คนขายอาหาร ทุกคนได้ขายสินค้า พี่น้องประชาชนได้ออกมาเที่ยวจับจ่ายใช้สอย นักท่องเที่ยวก็อยากจะมาที่โคราช ถือว่าเป็นโมเดลที่ดี ซึ่งทุกจังหวัดก็จะมีของดีอย่างนี้ แล้วก็ร่วมกันจัดงานลักษณะนี้จะเป็นถนนวัฒนธรรม ถนนคนเดิน หรือจะเป็นถนนสําหรับสตรีทฟู้ด

“เมืองไทยมีชื่อเสียงทั่วโลกพอพูดถึงเรื่องสตรีทฟู้ด ทุกคนจะนึกภาพเมืองไทยมาอันดับหนึ่ง สตรีทฟู้ด ขนาดมิชลิน สตาร์ บ้านเรายังมีอยู่ที่สตรีทฟู้ด ถ้าเราส่งเสริมเรื่องสตรีทฟู้ด ไปทุกตําบล ทุกเมือง ให้มีสตรีทฟู้ด แล้วเอาของดีมาอวด หรือส่งเสริมพวกมิชลิน สตาร์ เพราะนักท่องเที่ยวชอบไปกิน คือ เป็นการแนะนําของอร่อยที่เซอร์ติฟายด์โดยมิชลิน ส่งเสริมให้ มิชลิน สตาร์ Michelin เข้ามาให้ดาวให้เพจ ไปตามร้านอาหารดัง ๆ เมืองท่องเที่ยว ทุกจังหวัด ทุกอําเภอ ต่อไปเมืองไทยก็จะมีชื่อเสียงเหมือนเป็นเมืองของกินของโลก เมืองอาหารอร่อยของโลก สตรีทฟู้ดของโลก จะช่วยส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวได้มาก” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้การท่องเที่ยวเป็นหัวใจสําคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเงินจากนักท่องเที่ยวมาเร็ว มาแรง มาทั่วถึง ไปทุกหมู่บ้าน ไปทุกตําบล วันนี้เราจะอาศัยการลงทุนจะต้องรอจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจ ถดถอย เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยแพง ผลกระทบ ใช้เรื่องการลงทุนจะค่อนข้างชะลอ แต่เรื่องท่องเที่ยว เรื่องปาก เรื่องท้อง เรื่องอยากไปเที่ยว คิดได้ทุกวัน ขออย่างเดียว บ้านเมืองคุณปลอดภัย คุณมีสตรีทฟู้ด มีอาหารอร่อยๆให้ผมทานหรือเปล่า ผมก็อยากจะมา ฉะนั้น สตรีทฟู้ด เป็นเสน่ห์ของเมืองไทยมากขอให้ส่งเสริมให้ดีกันเยอะๆ ในทุกเมืองท่องเที่ยวจะเป็นประโยชน์ เพราะการท่องเที่ยวเป็นหัวใจในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมา

‘ภูมิใจไทย’ ผุดไอเดีย ‘ผันน้ำยวม’ เติมน้ำให้เขื่อนภูมิพล ช่วยเกษตรกรสู้ภัยแล้ง ลั่น!! ‘ภท.’ ยืนเคียงข้างเกษตรกรไทย

(25 ก.พ. 66) นายวีระกร คำประกอบ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันภัยแล้งของพรรคภูมิใจไทยว่า จากการศึกษาพบว่า ลุ่มน้ำเจ้าพระยาต้องการน้ำ 18,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อปี แบ่งเป็น

3,500 ล้าน ลบ.ม.สำหรับขับไล่น้ำเค็ม และรักษาระบบนิเวศเพื่อไม่ให้น้ำเค็มเข้าใน กทม. หรืออาจจะขึ้นไปถึงพระนครศรีอยุธยาได้, 2,500 ล้าน ลบ.ม. สำหรับผลิตน้ำประปา

3,000 ล้าน ลบ.ม.สำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมอาหารที่ใช้ปริมาณน้ำค่อนข้างมาก

1,000 ล้าน ลบ.ม.สำหรับการปศุสัตว์

ที่กล่าวไปรวมกัน 10,000 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี และยังมีส่วนของภาคการเกษตร ชาวนา ชาวไร่ ที่ต้องการน้ำอีกประมาณปีละ 8,000 ล้าน ลบ.ม.

“เพราะฉะนั้น ปีหนึ่ง เราต้องใช้น้ำ 18,000 ล้าน ลบ.ม. แต่ในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยขาดแคลนน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เฉลี่ยประมาณปีละ 4,000 ล้าน ลบ.ม. และในช่วงที่เกิดปรากฎการณ์เอลนีโญ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาขาดแคลนน้ำถึง 8,000 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี ทำให้เกิดภาวะภัยแล้ง คำถามมีว่า จะเอาน้ำที่ไหนมาช่วยเหลือพี่น้องชาวนาชาวไร่” นายวีระกร ระบุ

นายวีระกร ซึ่งเป็นอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทย จึงได้เสนอทางออก โดยการผันน้ำจากลำน้ำยวม ที่มีต้นน้ำ อยู่ที่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน และไหลลงใต้ไปลงแม่น้ำเมยแล้วออกนอกประเทศ ไปยังแม่น้ำสาละวิน ที่ไหลไปเข้าประเทศเมียนมา โดยแทนที่เราจะปล่อยน้ำออกไปนอกประเทศ เราก็ปิดประตูน้ำที่ปากแม่น้ำยวม และตั้งสถานีสูบน้ำข้ามภูเขาสูงประมาณ 160 เมตร เพื่อไหลลงน้ำแม่งูด อ.ฮอด จ.เชียงใหม่

นายวีระกร อธิบายต่อว่า เพื่อให้น้ำไหลลงเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ซึ่งปัจจุบันเขื่อนภูมิพลสามารถกักเก็บน้ำ ได้ 13,500 ล้าน ลบ.ม. แต่ตลอดระยะเวลาที่เกิดเอลนีโญ ช่วงปี 2555-2563 มีน้ำเฉลี่ยอยู่ไม่เกิน 5,000 ล้าน ลบ.ม. เพราะฉะนั้น เขื่อนภูมิพล ยังมีพื้นที่สามารถกักเก็บน้ำได้อีกประมาณ 8,500 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี เมื่อเราปิดไม่ให้น้ำยวมไหลออกไปนอกประเทศ แล้วสูบน้ำมายังเขื่อนภูมิพล โดยน้ำยวมจะสามารถสูบข้ามเขามาได้ประมาณปีละ 2,000 กว่าล้าน ลบ.ม.

นายวีระกร กล่าวอีกว่า ปริมาณน้ำ 2,000 กว่าล้าน ลบ.ม.จากแม่น้ำยวมก็ถือว่า ยังไม่เพียงพอ และอาจจะต้องมีเฟส 2 โดยการต่อท่อจากแม่น้ำสาละวิน บริเวณชายแดน จ.แม่ฮ่องสอน เอามาลงประตูน้ำที่ปิดตรงปากแม่น้ำยวม เมื่อเป็นเช่นนี้ ในอนาคต เราก็จะมีน้ำยวมมาช่วยให้กับพี่น้องประชาชนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ขาดแคลนน้ำประมาณปีละ 4,000-8,000 ล้าน ลบ.ม. ได้อย่างเพียงพอ โดยเราจะสูบน้ำเฉพาะในหน้าฝน ซึ่งเป็นช่วงที่พี่น้องในพื้นที่ลุ่มน้ำยวมเดือดร้อนจากน้ำท่วม แต่ในหน้าแล้งเราจะไม่แตะต้องเลย

“เป็นการผันน้ำ เพื่อเติมน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนภูมิพล และเป็นการเติมน้ำต้นทุนให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนากว่า 27 จังหวัด ในลุ่มน้ำภาคกลางทั้งหมด ที่จะเป็นนโยบายหลักของพรรคภูมิใจไทย ในการทำให้พี่น้องชาวนา ชาวไร่ ได้มีน้ำเพียงพอในการทำการเกษตร นี่คือ คำสัญญาของพรรคภูมิใจไทย ที่ขอยืนเคียงข้างพี่น้องเกษตรกรไทย” นายวีระกร ระบุ


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/713530

'สวนนงนุชพัทยา' เปิดโครงการขับเคลื่อนและส่งเสริมศักยภาพคนพิการและผู้สูงอายุ พร้อมจัดโปรโมชั่น เดือนมีนาคม ซื้อ 4 ท่าน ฟรี! 1 ท่าน

สวนนงนุชพัทยา เปิดโครงการขับเคลื่อนและส่งเสริมศักยภาพคนพิการและผู้สูงอายุ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนพิการ และผู้สูงอายุ พร้อมจัดโปรโมชั่น เดือนมีนาคม ซื้อ 4 ท่าน ฟรี! 1 ท่าน โดยผู้สูงอายุเข้าฟรีทุกวันศุกร์ และคนพิการที่นั่งรถเข็นเข้าฟรีทุกวัน

(25 ก.พ. 66) ที่ สวนนงนุชพัทยา โดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ร่วมพิธีเปิดโครงการขับเคลื่อนและส่งเสริมศักยภาพคนพิการ ในงานมหกรรมอารยสถาปัตย์และนวัตกรรมสุขภาพ เพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 6

ซึ่งที่ผ่านมา ทางสวนนงนุชพัทยา ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว สำหรับผู้พิการ รวมถึงผู้สูงอายุ ที่ใช้รถวีลแชร์ โดยเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ห้องพัก, ห้องน้ำ, ทางลาด, สระว่ายน้ำ,รถชมวิว ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุและคนพิการมากที่สุด

‘เพื่อไทย’ นำทีมผู้สมัคร บุกห้วยขวาง รับฟังปัญหา พร้อมปลุก ปชช. เลือก ‘พท.’ ให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน

(25 ก.พ. 66) แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรคพท., นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม., นายวราวุธ ยันต์เจริญ รองประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม., นายวิชาญ มีนชัยนันท์, นายดนุพร ปุณณกันต์ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. พร้อมด้วยนายขจรศักดิ์ ประดิษฐาน ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตห้วยขวางและวังทองหลาง และนายภัทร ภมรมนตรี ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตดินแดง ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน และพ่อค้าแม่ค้าบริเวณตลาดห้วยขวาง โดยได้รับความสนใจจากพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อของอย่างมาก

ทั้งนี้ พ่อค้าแม่ค้าได้ฝากพรรค พท.แก้ไขปัญหาเรื่องหาบเร่แผงลอยที่ถูกจัดระเบียบอยู่ในขณะนี้ พร้อมขอให้พรรค พท.เข้ามาทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีกำลังมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นด้วย

นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า วันนี้ทีมงานของพรรค พท.พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลงพื้นที่ดูปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องในเรื่องของราคาสินค้า ซึ่งก็ได้รับทราบว่า วันนี้ราคาสินค้าเท่าเดิม แต่ต้นทุนของแม่ค้านั้นสูงขึ้น ทำให้กำไรของผู้ค้าขายน้อยลงอย่างมาก ซึ่งพรรค พท.มีนโยบายที่จะทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน

เมื่อถามว่า วันนี้เขตดินแดง ห้วยขวางมีการเปลี่ยนตัวผู้สมัครของพรรค ซึ่งผู้สมัครของพรรค พท. จะต้องชิงชัยกับผู้สมัครคนเก่าของพรรค ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า เรารอการแบ่งเขตของ กกต.อยู่ แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครคนใด เขตใดของพรรค เราเชื่อว่าจะสามารถทำหน้าที่เพื่อเป็นตัวแทน และเป็นปากเสียงให้พี่น้องประชาชนได้ โดยพรรค พท.เป็นพรรคที่ทำทุกนโยบายให้เกิดขึ้นได้จริง ตนคิดว่าผู้สมัครคือคนที่จะเข้ามาช่วยกันผลักดันนโยบายเหล่านั้นเพื่อพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ ว่าที่ผู้สมัครของพรรค พท.ทุกคนลงพื้นที่ทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง ตนอยากให้ทุกคนเลือกผู้สมัครที่ตั้งใจทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน พี่น้องประชาชนเบื่อกับการบริหารงานของรัฐบาลเก่า ๆ อยากเรียนว่าพรรค พท.สามารถเข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้ได้ ขอให้เลือกพรรค พท.ทั้งคนทั้งพรรค เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เข้ามาแก้ไขวิกฤติของประเทศที่กำลังเผชิญอยู่นี้

‘นางแบบฮ่องกง’ ถูกฆ่าหั่นศพยัดตู้เย็น-เนื้อต้มในหม้อซุป ‘ตร.’ คาด ปมขัดแย้งมรดกกับครอบครัวของอดีตสามี

‘แอบบี้ ชอย’ นางแบบดังฮ่องกงถูกฆ่าหั่นศพ พบขายัดในตู้เย็น เนื้ออยู่ในหม้อต้มซุป ส่วนหัวยังหาไม่เจอ ตำรวจรวบตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว คาดอดีตสามีรวมหัวกับพ่อแม่ช่วยกันลงมือ

(25 ก.พ. 66) เกิดเหตุฆาตกรรมสยองในฮ่องกง เมื่อนางแบบดัง ‘แอบบี้ ชอย’ (Abby Choi) วัย 28 ปี หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่วันที่ 21กุมภาพันธ์ จนกระทั่งวานนี้ (24 กุมภาพันธ์) ตำรวจพบว่า เธอถูกฆ่าหั่นศพ โดยอวัยวะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ขาของเธอถูกแช่อยู่ในตู้เย็นของบ้านครอบครัวอดีตสามี นอกจากนี้ยังเจอชิ้นเนื้อในหม้อต้มซุปอีกด้วย แต่ร่างกายส่วนศีรษะ ลำตัว แขน มือของแอบบี้ยังหาไม่เจอ โดยตอนนี้ ตำรวจได้จับตัวผู้ต้องสงสัยได้ คือ พ่อและแม่ และพี่ชายของ อเล็กซ์ กวัง (Alex Kwong) อดีตสามีของเธอที่ยังไม่พบตัว

ตำรวจเผยว่า การฆาตกรรมครั้งนี้ถูกตระเตรียมอย่างดี เนื่องจากในห้องเช่าที่พบชิ้นส่วนของแอบบี้ มีเครื่องมือที่ใช้แยกชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ ทั้งเลื่อยไฟฟ้า เครื่องบดเนื้อ เสื้อกันฝนแบบยาว ถุงมือ และหน้ากากเฟซชิลด์

สำหรับปมเหตุฆาตกรรมเชื่อว่า น่าจะเกิดการขัดแย้งเรื่องมรดกและทรัพย์สินกับครอบครัวอดีตสามี เพราะ แอบบี้ ชอย มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เธอแต่งงานกับ อเล็กซ์ กวัง และมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน ก่อนจะจดทะเบียนหย่ากัน แต่แอบบี้ยังคงให้การช่วยเหลือครอบครัวอดีตสามีมาตลอด และซื้ออพาร์ตเมนต์ ให้พวกเขาอาศัยอยู่ โดยโอนชื่อให้พ่อของอดีตสามีเป็นเจ้าของ

ต่อมาแอบบี้ แต่งงานอีกครั้งกับหนุ่มนักธุรกิจและมีลูกด้วยกันอีก 2 คน ซึ่งปลายปีที่แล้ว แอบบี้ตั้งใจจะขายทรัพย์สิน ทำให้เกิดข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์อพาร์ตเมนต์ รวมถึงเรื่องเงินอีกหลายสิบล้านดอลลาร์ ทำให้เชื่อได้ว่า อาจเป็นชนวนเหตุความแค้นของครอบครัวอดีตสามี จึงรวมหัวก่อเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้


ที่มา : https://www.facebook.com/104219177610338/posts/pfbid02kQqSbq3uG5JXDSkDiDGbQV7MbAh7DfXj8QSwsn3cw4rzwbGQn5vvgxrAMHqrXREcl/?mibextid=Nif5oz

‘เซเลนสกี’ ผู้นำยูเครน เผย อยากพบ ‘สี จิ้นผิง’ หารือช่วยเจราสงบศึก หวัง จีนไม่ส่งอาวุธช่วย ‘รัสเซีย’

(25 ก.พ. 66) ‘ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี’ แห่งยูเครนประกาศวานนี้ (24 ก.พ.) ว่า อยากจะพบ’ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง’ ของจีน หลังปักกิ่งออกมาเสนอ ‘แผนสันติภาพ 12 ข้อ’ เพื่อนำไปสู่การยุติสงครามยูเครนโดยด่วน

“ผมมีแผนที่จะพบกับ สี จิ้นผิง” เขาให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงเคียฟในวาระครบรอบ 1 ปีที่สงครามรัสเซีย-ยูเครน พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาตนพยายามอย่างยิ่ง ที่จะขัดขวางไม่ให้จีนส่งอาวุธช่วยรัสเซีย เพราะอาจนำไปสู่ ‘สงครามโลกครั้งที่ 3’ ได้

“มันสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของโลก” เซเลนสกี กล่าว

ผู้นำยูเครนไม่ได้เอ่ยชัดเจนว่าจะพบกับ สี ที่ไหนและเมื่อไหร่ แต่แสดงความคาดหวังให้ปักกิ่งช่วยสนับสนุนยูเครน และ ‘สันติภาพที่เป็นธรรม’ (just peace)

“ผมอยากจะเชื่อจริง ๆ ว่า จีนจะไม่ส่งอาวุธให้รัสเซีย นี่เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผม” เขากล่าว

เซเลนสกี ยังระบุด้วยว่า ตนเชื่อว่าประเทศที่ถูกรุกรานเท่านั้นที่มีสิทธิ ‘เสนอแผนริเริ่มเพื่อสันติภาพ’

กระทรวงการต่างประเทศจีนได้เผยแพร่แผน 12 ข้อ เพื่อยุติสงครามและฟื้นฟูสันติภาพในยูเครน แต่ปรากฏว่า โดนชาติตะวันตกวิจารณ์แหลก ว่าเป็นข้อเสนอที่เอื้อประโยชน์ให้รัสเซียมากกว่า แถมยังส่งสัญญาณปรามปักกิ่งว่า อย่าได้ส่งอาวุธให้มอสโกเป็นอันขาด

สำหรับแผนสันติภาพที่กระทรวงการต่างประเทศจีน เผยแพร่เมื่อเช้าวันศุกร์ (24 ก.พ.) มีใจความสำคัญเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหยุดกระพือความขัดแย้งและความตึงเครียด เพื่อไม่ให้สงครามยูเครนทวีความรุนแรงหรือลุกลามจนไม่อาจควบคุมได้ โดยรายละเอียดของแผนทั้ง 12 ประการ มีดังต่อไปนี้

ตำรวจเกาหลีใต้ พบศพ 'สามี-ภรรยา' ชาวไทย คาดเสียชีวิตเพราะควันจากก่อไฟคลายหนาว

(25 ก.พ.66) เพจเฟซบุ๊ก 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' โพสต์ข้อความรายงานว่า...

พบศพ 'สามี-ภรรยา' ชาวไทยที่ไปทำงานประเทศเกาหลีใต้ เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักเขตโกชาง ซ็อลลาเหนือ โดยทั้งคู่เข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย

สำหรับ 2 คนไทยที่เสียชีวิต (ขาดอากาศหายใจในบ้านพัก) ในเขต โกชาง ซ็อลลาเหนือ พบศพชาวไทย คู่สามี ภรรยา ชายไทยวัย 55 ปี และ ภรรยาวัย 57 ปีเสียชีวิตในบ้านบ่ายพฤหัสบดี ทั้งคู่เข้าเมืองผิดกฏหมาย พบร่างทั้งคู่นอนอยู่บนพื้นห้อง และฟืนที่เหลืออยู่บางส่วน ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ติดระบบทำความร้อน

พวกเขาก่อไฟในห้องเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยพิษของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ทั้งคู่จ่ายเงิน 300,000 วอน ($230) เป็นค่าเช่ารายปี ตามที่ตำรวจระบุ

ตำรวจและเพื่อนบ้านเสริมว่าทั้งคู่มาที่เกาหลีเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนด้วยความหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่า 'ความฝันแบบเกาหลี' ทั้งคู่อยู่ในเขตชนบททำไร่ทำนาใช้ชีวิตลำบาก และมีรายงานว่าพวกเขาส่งเงินที่ได้มาให้ลูก ๆ ในประเทศไทยตลอด


ที่มา: https://www.facebook.com/WorldForumTh/posts/749508343404837

'กรณ์' ตอบโดนใจ!! ทำไมลูกชาวนาจะเป็น ส.ส.ไม่ได้ แค่ ปชช.พร้อมเลือก วันนั้นคนไทยจะเป็นเจ้าของ ปท.ตัวจริง 

(25 ก.พ.66) คุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ...ทำไม 'หมอลำ' กับ 'ลูกชาวนา' จะเป็น ส.ส.ไม่ได้!? ว่า...

วันนี้ผมมาลงพื้นที่ "ร้อยเอ็ด/มหาสารคาม"

ที่ 'ร้อยเอ็ด' ผู้สมัครเราเป็นหมอลำชื่อดัง “เอม-อภัสรา” ได้รับแรงบันดาลใจจากช่วงโควิดที่เห็นเหล่าศิลปินถูกทอดทิ้ง และความตั้งใจอยากนำวัฒนธรรมอีสานสู่ความเป็นสากล

ส่วนผู้สมัครเราที่ 'มหาสารคาม' เป็นลูกสาวชาวนา ที่เรียนจบวิทยาศาสตร์เคมี ทำงานบริษัทในกรุงเทพ แต่แล้วก็ตัดสินใจกลับมาช่วยหมู่บ้านบ้านเกิดในฐานะผู้จัดการโครงการ ‘ข้าวอิ่ม’ ของผมเอง

วันนี้คุณแม่เขาโพล่งถามผมว่า “คุณกรณ์คะ ลูกชาวนาเป็น ส.ส.ได้จริงหรือคะ!?"

คำถามนี้สะท้อนมุมมองที่ชาวบ้านมีต่อการเมืองไทย ว่าใครจะเป็น ส.ส. ต้องรวย ต้องมีเครือข่าย ชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่มีสิทธิ แค่คิดจะลงสมัครก็แปลกแล้ว

ที่ชาวบ้านคิดอย่างนี้ก็ไม่ผิด เพราะตามจริงโอกาสที่ชาวบ้านธรรมดาๆ จะชนะเลือกตั้งมีน้อยมาก (ไม่ว่าจะมีความรู้ หรือมีความตั้งใจดีแค่ไหน) …แต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้… ผมเชื่อเช่นนี้

…และวันไหนที่คนธรรมดาในทุกสาขาอาชีพ สามารถลงสมัคร และได้รับการสนับสนุนจากคนธรรมดาด้วยกัน วันนั้นจะเป็นวันที่ประเทศไทยเราเจริญ เป็นวันที่เราได้บ้านเมืองกลับคืนจากนายทุนและผู้มีอิทธิพล และเป็นวันที่ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง 

ผมภาคภูมิใจในผู้สมัคร 'ลูกชาวบ้าน' ของเราทุกคนครับ


ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0K651J8t1D9HNby4vRpV4w1orz2j2dkcPTPKX4sP54NUdjzdh7AhymsbP17Yse2scl&id=100044357112719&mibextid=Nif5oz

'อุ๊งอิ๊ง' เผย ไม่ถือฤกษ์ เปิดแคนดิเดตนายกฯ ลั่น!! พร้อมเลือกตั้ง ห่วงนับคะแนนไม่โปร่งใส

(25 ก.พ. 66) ที่จุดผ่านแดนถาวรแม่สาย จังหวัดเชียงราย น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เปิดเผยไทม์ไลน์การเลือกตั้งของกกต.ที่ระบุจะยุบสภาวันที่ 15 มี.ค.ว่า เคยบอกไปแล้วว่าเราพร้อมอยู่แล้ว พรรคพท.พร้อมแล้ว จะออกหาเสียงเพิ่มเติมและทำเพื่อประชาชน

นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า เราไม่ได้สนใจเรื่องไทม์ไลน์ เรามุ่งมั่นเข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นวันที่ 15 มี.ค. หรือวันไหนก็ตาม โดยเอกสารระบุชัดว่าจะยุบสภาในวันที่ 15 มี.ค.ซึ่งก็พอดีกับวันเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ค. ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยและพร้อมแล้ว ภายหลังมีการยุบสภา การลงพื้นที่หาเสียงจะมีความชัดเจนมากขึ้น

เมื่อถามว่า ภายหลังการยุบสภาจะมีการเปิดแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.เมื่อไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ก็เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้

เมื่อถามย้ำว่า การประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ จำเป็นต้องดูฤกษ์หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า แล้วแต่ว่าใครจะดูฤกษ์หรือถือฤกษ์ แต่ตนไม่ถนัด เพราะดูไม่เป็น

ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลังมีการยุบสภาก็เข้าสู่ระบบ ก่อนหน้านี้เราได้มีการเตรียมการไว้หมด หลังมีการยุบสภาเราก็พร้อมที่จะประกาศ ส่วนจะมีการกำหนดดีเดย์หรือไม่ ย้ำว่าเราต้องรอดูไทม์ไลน์ก่อน แต่ว่าเราพร้อมแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีการเตรียมการก่อนวันที่ 15 มี.ค. เราทำตามกรอบกฎหมายและเวลาที่เหมาะสม

ด้านนายประเสริฐ กล่าวเสริมว่า การเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ จะสามารถทำได้ในระหว่างการรับสมัครเลือกตั้ง ซึ่งก็พอมีเวลาอยู่ แต่ต้องรอดูจังหวะ ไม่ใช่ว่ามีการยุบสภาวันที่ 15 มี.ค. แล้วจะประกาศในวันที่ 16 มี.ค. ทั้งหมดต้องเป็นไปตามกระบวนการสรรหาของพรรค และต้องผ่านกรรมการบริหารพรรค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top