Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

'เพื่อไทย' ปล่อยคลิป ยกระดับ '30 บาท รักษาทุกโรค' ชูระบบเทคโนโลยีทันสมัย บริการได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

(24 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 23 ก.พ. พรรคเพื่อไทย (พท.) เผยแพร่คลิปวิดีโอผลงานโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ระบุข้อความว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยในอนาคต คือ การยกระดับโครงสร้างสาธารณสุขไทยทั้งระบบ ให้สมบูรณ์และดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

ใกล้ใจ - เลือกหมอ เลือกโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
ง่ายดาย - บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วไทย
ครบครัน - ใช้ฐานข้อมูล Cloud ทั้งระบบ
รวดเร็ว - รักษาและจ่ายยาออนไลน์
ปลอดภัย - ข้อมูลผู้ป่วยไม่รั่วไหล
สะดวก - นัดคิวออนไลน์ ไม่ต้องรอคิวนาน ๆ
ทันใจ - ตรวจเลือดคลินิกใกล้บ้าน เจอหมออีกวันได้เลย
โปร่งใส - ลดภาระของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์

ระดมฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีให้เด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9-11 ปีทุกคน และผู้หญิงที่ยังไม่เคยรับเชื้อ HPV

ป้องกันมะเร็งท่อน้ำดี-มะเร็งตับ ตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับและไวรัสตับอักเสบ ซี รับยา รักษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

Mental Health สุขภาพจิตคนไทยจะไม่ถูกละเลย มีการให้คำปรึกษาจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิก ทั้งที่โรงพยาบาลและผ่านระบบ Telemedicine

‘จักรพล’ ซัด!! รัฐละเลยปัญหา PM 2.5 ทำติดอันดับฝุ่นโลกซ้ำซาก ชี้!! พท.ช่วยได้

(24 ก.พ. 66) นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานเป็นปัญหาเรื้อรังในช่วง 4-5 ปี ล่าสุดพบว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองหลักที่มีมลพิษติดอันดับที่ 6 ของโลก และถูกจัดอันดับต่อเนื่องหลายวัน กระทบต่อการหายใจของประชาชน ลูกหลานเยาวชน ขณะที่รัฐบาลละเลย เมินเฉยต่อปัญหา และยังดอง พ.ร.บ.อากาศสะอาดเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี 1 เดือน แต่ใช้งบประมาณมากมาย หากมองย้อนหลังไป 2 ปี งบประมาณแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในปี 2565 และ 2566 ประมาณ 406 ล้านบาท และ 410 ล้านบาท รวม 816 ล้านบาท ทั้งหมดคือ การผลาญงบ ผลาญชีวิต ผลาญเวลาของประชาชน

นายจักรพล กล่าวอีกว่า พรรค พท.ได้เคยเสนอแนวทางแก้ฝุ่น PM 2.5 ที่จะผลักดันเป็นนโยบายได้แก่

ครบรอบ 1 ปี 'แตงโม นิดา' กลับสู่อ้อมกอดพระเจ้า แฟนคลับนัดรวมตัว เตรียมจัดงานรำลึก 26 ก.พ.นี้

(24 ก.พ. 66) ครบรอบ 1 ปี การเสียชีวิตของนักแสดงสาว 'แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์' เหตุตกจากเรือสปีดโบตลงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา คดีอาญากำลังนัดสืบพยานกลางปีนี้ ส่วนคดีแพ่งแม่แตงโมเรียกค่าเสียหายอีก 40.8 ล้านบาท ด้านแฟนคลับนัดรวมตัว รำลึกวันพบศพ 26 ก.พ.นี้

ย้อนรอยการเสียชีวิตของแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาววัย 37 ปี เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 22.40 น. วันที่ 24 ก.พ. 2565 เมื่อแตงโม นิดา พร้อมกับ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ 'กระติก' ผู้จัดการส่วนตัว ได้เดินทางล่องเรือสปีดโบต ซึ่งมี 'ปอ' นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ เป็นเจ้าของ พร้อมพวกรวม 6 คน ไปรับประทานอาหารที่ร้านบ้านตานิด อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

ก่อนจะล่องเรือลงมาถ่ายรูปที่สะพานพระราม 8 กระทั่งผ่านสะพานพระราม 7 พื้นที่ จ.นนทบุรี แตงโมได้ตกลงจากเรือสปีดโบตลงแม่น้ำเจ้าพระยา หลายฝ่ายต่างออกปฏิบัติการค้นหา กระทั่งพบศพแตงโมกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม 1 อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อช่วงสายของวันที่ 26 ก.พ. 2565

คดีนี้กลายเป็นมหากาพย์สั่นสะเทือนกระบวนการยุติธรรม เพราะมีข้อสงสัยจากสังคมเกิดขึ้นมากมาย ทั้งคำให้การของคนที่อยู่ในเรือที่อ้างว่า แตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือ ทั้งที่วันเกิดเหตุแตงโมสวมชุดบอดี้สูทที่ไม่มีกระดุมหรือตะขอ แกะเป้าชุดบอดี้สูทไม่ได้ หรือการตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นการฆาตกรรมอำพราง เพราะพบข้อพิรุธหลายจุดบนศพ เช่น มีบาดแผลที่ไม่ควรเกิดจากการจมน้ำปกติ

ที่ปวดเศียรเวียนเกล้าก็คือ นางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม ที่ออกมาตำหนิแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนสนิทของแตงโม ที่ออกมาคอลเอาต์ทวงถามความยุติธรรม รวมทั้งให้อภัย นายปอ ตนุภัทร และ นายโรเบิร์ต ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ ซึ่งอ้างว่าจะให้ค่าเยียวยา 30 ล้านบาทแก่คุณแม่ ทำให้ชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นติดแฮชแท็ก #มีแม่เมื่อพร้อม

ผ่านไป 1 ปี กรณีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา แยกออกเป็น 2 ส่วน คือ คดีอาญา และคดีแพ่ง

คดีอาญา อัยการจังหวัดนนทบุรีสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 6 คน เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2565 ได้แก่ นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ มี 5 ข้อหา ได้แก่ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวน, เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรอง, ทิ้งสิ่งของปฏิกูลใด ๆ ลงแม่น้ำ และเสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (อัลปราโซแลม) โดยผิดกฎหมาย

นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือ โรเบิร์ต มี 4 ข้อหา ได้แก่ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ, เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรอง และทิ้งสิ่งของปฏิกูลใด ๆ ลงแม่น้ำ

นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน มี 1 ข้อหา ได้แก่ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือ จ็อบ มี 3 ข้อหา ได้แก่ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ช่วยให้ผู้อื่นได้รับโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง ทำลายซ่อนเร้นหลักฐาน และทิ้งสิ่งของปฏิกูลใด ๆ ลงแม่น้ำ

น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก อดีตผู้จัดการส่วนตัวแตงโม นิดา มี 3 ข้อหา ได้แก่ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวน และทำลายซ่อนเร้นหลักฐาน

และนายภีม ธรรมธีรศรี หรือ เอ็ม แม้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ถูกดำเนินคดี 2 ข้อหา ได้แก่ ใช้ผู้อื่นแจ้งความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวน และทำลายซ่อนเร้นหลักฐาน

โดยศาลจังหวัดนนทบุรีอนุญาตให้ประกันตัวทั้ง 6 คน อยู่ในระหว่างนัดสอบถามคู่ความวันที่ 2 มี.ค. 2566 และนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยทั้งหกตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 2566 ถึงวันที่ 16 ส.ค. 2567 ก่อนจะมีคำพิพากษาชั้นต้นหลังการสืบพยานเสร็จสิ้น

ส่วนคดีแพ่ง เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2565 ศาลจังหวัดนนทบุรีนัดเจรจาการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ระหว่างผู้ต้องหา และนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ผลปรากฏว่าจำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมกับผู้เสียหายคือ นางพนิดา และชดใช้ค่าเสียหายต่อหน้าศาลแล้วในส่วนของคดีแพ่ง โดยวางเงินสด 4 แสน และแคชเชียร์เช็ค 1.6 ล้าน รวม 2 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ยังได้ทำสัญญาให้เงินรายเดือน เดือนละ 30,000 บาท เป็นเวลา 20 ปี โดยไม่ตกถึงทายาทด้วย รวมมูลค่าทั้งหมด 9.2 ล้านบาท ทำให้นางภนิดาพอใจจึงได้ถอนคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาด้วย

โซเชียลอาลัย ‘ส.ต.อ เศรษฐการ ลอยขามป้อม’ ถูกเก๋งพุ่งชนเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่

(24 ก.พ. 66) โซเชียลแห่แชร์คลิปภาพระทึก รถเก๋งคันหนึ่งซิ่งชนรถจักรยานยนต์ตำรวจทางหลวงเสียชีวิต บนทางต่างระดับลำลูกกา มุ่งหน้าบางปะอิน โดยหลังเกิดเหตุคนขับได้จอดรถทิ้งไว้แล้วหนีไป ซึ่งจากลักษณะเบี่ยงรถหักหัวเข้าหารถตำรวจทางหลวงนายนี้แล้วพุ่งชน ลักษณะเหมือนจงใจขับชนหรือไม่

นี่เป็นคลิปภาพที่ได้มาจากกล้องติดหมวกของ สิบตำรวจเอก เศรษฐการ ลอยขามป้อม ผู้บังคับหมู่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง บันทึกเอาไว้ได้ตั้งแต่ช่วงแรกที่ สิบตำรวจเอก เศรษฐการ ขอตรวจค้น แต่คนขับไม่ยอมหยุดรถให้ตรวจ กลับเร่งเครื่องขับหลบหนีอย่างรวดเร็ว เรื่อยมาจนถึงบริเวณสะพานต่างระดับ บนถนนกาญจนาภิเษก ด้านตะวันออก (บางปะอิน-บางพลี) หรือมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 30 ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา โดย รถเก๋ง สีดำ ได้ขับเบียดแล้วหักหัวรถพุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ สิบตำรวจเอก เศรษฐการ ขี่มาจนล้มคว่ำ เป็นเหตุให้เสียชีวิตทันที เหตุการณ์เกิดช่วงเย็นเมื่อวานนี้

หลังเกิดเหตุตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ พบร่าง สิบตำรวจเอก เศรษฐการ สวมเครื่องแบบตำรวจ นอนหงายหน้าอยู่บนพื้นถนนน สภาพที่ศีรษะมีบาดแผลฉีกขาด และห่างไปประมาณ 100 เมตร พบรถจักรยานยนต์ สีขาว ซึ่งเป็นรถที่ตำรวจนายนี้ขี่มาก่อนจะถูกชน ด้านหน้าพังเสียหาย และอีกจุดไม่ไกลกันพบรถเก๋ง สีดำ คันก่อเหตุถูกจอดทิ้งไว้ แต่ไม่พบตัวคนขับ โดยมีพยานเห็นว่า คนขับเป็นผู้ชาย สวมเสื้อสีดำ ลงรถแล้ววิ่งหนีไปทางถนนลำลูกกา จากนั้นตำรวจเข้าตรวจภายในรถเจอขวดเบียร์ สภาพถูกเปิดฝาดื่มแล้ว แต่ยังดื่มไม่หมดขวด

เบื้องต้นได้สอบถามข้อมูลจากพนักงานของกรมทางหลวง ซึ่งเป็นคนที่โทรศัพท์แจ้งเหตุกับตำรวจ เล่าว่า ขณะพวกตนปฏิบัติงานอยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม ก็ได้ยินเสียงคล้ายรถชนกัน เมื่อหันมามองเห็นฝุ่นตลบและมีรถเก๋งสีดำ จอดอยู่ 1 คัน จึงขับรถวนมาตรวจสอบถึงได้เห็นตำรวจนายนี้นอนเสียชีวิตแล้ว 

ระหว่างตำรวจกำลังสืบสวนควานหาตัวคนขับรถเก๋ง สีดำ ปรากฏว่าเวลาประมาณ 20.30 น. เมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) นายกิตติรัช คนขับรถเก๋ง สีดำ ที่ขับชนรถจักรยานต์ของ สิบตำรวจเอก เศรษฐการ เสียชีวิต โผล่เข้ามอบตัวกับตำรวจที่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง โดยตลอดช่วงที่ถูกสอบปากคำนานเกือบ 4 ชั่วโมง สังเกตว่าผู้ก่อเหตุมีสีหน้าเคร่งเครียด เบื้องต้นเจ้าตัวให้การว่า ก่อนเกิดเหตุจอดรถไว้ริมมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 เพื่อตกปลาในหนองน้ำ ระหว่างนั้นมีตำรวจทางหลวงมาไล่ เพราะเป็นจุดที่ไม่ให้จอด แต่เมื่อตำรวจพยายามขอตรวจค้น จึงพยายามขับรถหนี เพราะมีขวดเบียร์ และบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในรถ จึงกลัวว่าจะถูกจับดำเนินคดี ส่วนสาเหตุที่ตนเองหักรถชนรถตำรวจนั้น นายกิตติรัช ผู้ก่อเหตุอ้างว่าตกใจ และพยายามขับรถหนี ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ส่วนผลการตรวจแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายของผู้ก่อเหตุเบื้องต้นยังไม่พบ

ขณะที่ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบเก็บหลักฐานรถเก๋งของผู้ก่อเหตุ และรถจักรยานยนต์ของตำรวจที่เสียชีวิต เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าในรถเก๋งมีนามบัตรของผู้ก่อเหตุ ระบุว่ามีอาชีพเป็นครูสอนขับรถ ส่วนขวดเบียร์และบุหรี่ไฟฟ้าที่พบในรถเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานไปก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา ดำเนินคดีต่อเลยทันทีเมื่อคืนนี้

ระหว่างที่ตำรวจควบคุมตัว ผู้ก่อเหตุออกจากอาคารมาเจอกลุ่มคนขี่รถบิกไบก์จำนวนนับ 10 คน ซึ่งคนเหล่านี้ทราบว่าเป็นเพื่อนร่วมก๊วนขี่รถบิกไบก์และเคยเข้าร่วมอบรมการขับขี่ปลอดภัยกับตำรวจที่เสียชีวิตนายนี้ด้วย โดยมายืนรอดูหน้าผู้ก่อเหตุ ทันทีที่เห็นหน้าวิ่งกรูเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ มีรายงานข่าวตำรวจนายนี้กำลังจะแต่งงานกับแฟนสาวอีกด้วย    

‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่ ‘อุดรฯ-หนองคาย-เลย’ เร่งรัดแผนจัดการน้ำ ตั้งเป้าอีสานมีน้ำใช้ตลอดปี

(24 ก.พ. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมด้วย รมช.คลัง และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.อุดรราชธานี, จ.หนองคาย และจ.เลย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด

โดยในช่วงเช้า เดินทางไปยัง โรงเรียนภูพานวิทยา ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรฯ มีนาย วันชัย คงเกษม ผวจ. ให้การต้อนรับและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่ จ.อุดรฯ จากเลขาฯ สทนช. ซึ่ง จ.อุดรฯ มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำชี รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการปี 61-65 ประชาชนได้รับประโยชน์ 55,586 ครัวเรือน จากงบกลางปี 65 ได้รับประโยชน์ 1,045 ครัวเรือน งบบูรณาการฯ ปี 66 จะได้รับประโยชน์ 6,955 ครัวเรือน งบตามแผนปฏิบัติการปี 67 ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 53,175 ครัวเรือน และโครงการสำคัญอีก 6 แห่ง ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 43,500 ครัวเรือน

สำนักงาน กสม. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกับสถาบันวิชาการ 5 สถาบัน เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทางวิชาการด้านสิทธิมนุษยชน การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภาคใต้

(23 ก.พ. 66) ที่ผ่านมา ณ ห้อง Sky Blue Auditorium อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ผศ.ดร. สุชาติ เศรษฐมาลินี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และศ.นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เข้าร่วมพิธีและกล่าวแสดงความยินดีกับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กับ มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และสถาบันวิจัยเอเชียเซ็นเตอร์ โดยสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีนายพิทักษ์พล บุณยมาลิก เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นผู้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ และนางสาวรตญา กอบศิริกาญจน์  รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นพยาน มหาวิทยาลัยทักษิณ ลงนาม โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กฤษฎา อภินวถาวรกุล ผู้รักษาการแทนรองคณบดีฝ่ายพัฒนาองค์กร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ พยาน

มหาวิทยาลัยฟาฏอนี ลงนามโดย รองศาสตราจารย์อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ศาสตราจารย์ซาการียา หะมะ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและการวิจัย พยาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ลงนามโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุทธิชัย งามชื่นสุวรรณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ นายธรรมรักษ์ จิตตะเสโน รองคณบดีฝ่ายบริหารคณะนิติศาสตร์ พยาน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ลงนามโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์เชิดชัย อุดมพันธ์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ นายอับดุลคอลิก อัรรอฮีมีย์  ผู้ช่วยคณบดีงานกิจการและบริการเพื่อสังคม พยาน สถาบันวิจัยเอเชียเซ็นเตอร์ ลงนามโดย

ดร.เจมส์ โกเมส ผู้อำนวยการระดับภูมิภาค พัชรี รัตนรงค์ ผู้จัดการโครงการ สถาบันวิจัยเอเชียเซ็นเตอร์ พยาน

การจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกับสถาบันวิชาการ 5 สถาบัน เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทางวิชาการด้านสิทธิมนุษยชน ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้กำหนดกรอบความร่วมมือ ประกอบด้วย การส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การพัฒนาหลักสูตรหรือรายวิชาด้านสิทธิมนุษยชน และการจัดให้มีการเรียนรู้ด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบในสถาบันอุดมศึกษา เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ นำไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม 

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยใช้ Internet Banking ระวังเจอเว็บไซต์ธนาคารปลอม

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยเตือนภัยใช้ Internet Banking ระวังเจอเว็บไซต์ธนาคารปลอม ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงกรอกข้อมูลทางการเงิน เงินหายออกจากบัญชี ดังนี้

ตามที่ในปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าถึง ตรวจสอบข้อมูล หรือขอเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือทำธุรกรรมการเงินโดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถาบันการเงิน หรือธนาคารแต่อย่างใด สามารถใช้โทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใด ที่เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตเข้าถึงระบบได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ก็เป็นช่องทางหนึ่งให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสสร้างเว็บไซต์ปลอม ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเว็บไซต์จริง เพื่อหลอกลวงประชาชนที่ไม่ทันสังเกต เข้ามากรอกทั้งข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลทางการเงิน เช่น รหัสผู้ใช้งาน รหัสผ่าน หมายเลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเดบิต/เครดิต รหัสหลังบัตร 3 หลัก รหัสใช้ครั้งเดียว (OTP) เป็นต้น เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นการนำข้อมูลที่ได้ไปถอนเงินของเหยื่อออกจากบัญชี  หรือไปแฮ็กบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ หรือใช้รหัสบัตรเดบิตหรือเครดิตชำระค่าสินค้า หรือไปแอบอ้างทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย ประกอบกับที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน บช.สอท. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายหลายรายว่า ตนได้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเว็บไซต์ของธนาคารแห่งหนึ่ง จากนั้นเงินในบัญชีของผู้เสียหายก็ถูกโอนออกไปโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยจากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียหายได้เข้าไปค้นหาเว็บไซต์ของธนาคารผ่านทางเว็บไซต์ Google มิจฉาชีพได้ใช้เทคนิคทำให้ปรากฏเว็บไซต์ธนาคารปลอมขึ้นมาเป็นลำดับแรก คือ kasikornbank.tcbonilne.de ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริง จึงได้เข้าไปกรอกรหัสผู้ใช้งาน และรหัสผ่านของธนาคาร เพื่อที่จะเข้าสู่ระบบการทำธุรกรรม จึงทำให้มิจฉาชีพนำข้อมูลที่ได้ไปกรอกในเว็บไซต์ของธนาคารจริง และรอรหัสใช้ครั้งเดียว (OTP) จากผู้เสียหายอีกครั้ง ซึ่งผู้เสียหายจะได้รับเข้ามาทางข้อความสั้น (SMS) แต่ไม่ทันสังเกตคิดว่าเป็นการยืนยันตัวตนเข้าสู่ระบบธนาคาร แต่กลับเป็นการยืนยันการโอนเงินของมิจฉาชีพไปยังบัญชีม้าที่เตรียมไว้ ทำให้ได้รับความเสียหาย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในด้านงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

วิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล มช. เปิดงาน 'Digital Marketer Hackathon 2023'

วิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล มช. เปิดงาน 'Digital Marketer Hackathon 2023' Go Global with Cross Border E-Commerce Platform โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง เพื่อรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจนวัตกรรม

(24 ก.พ. 66) ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)ได้เป็นประธานเปิดงานโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง เพื่อรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจนวัตกรรม โดยมี นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ Mr. Wu Zhiwu กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ นางสาวนภัสพร ภัทรีชวาล กงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจีน Mr. Shen Sunan ประธานกรรมการ ASEAN Innovation and Development Promotion Association สาธารณรัฐประชาชนจีน รศ. ดร.โชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง ผศ. ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผศ.ดร.รุจิรา อุ่นเจริญ คณบดีวิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล มช. พร้อมด้วยผู้บริหารวิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล มช. เข้าร่วมงานในครั้งนี้

ซึ่งภายในงานได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวแสดงความยินดีในพิธีเปิดงานผ่านการบันทึกคลิปวีดิทัศน์ โดยได้กล่าวไว้ว่า "โครงการนี้มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ โดยไม่เพียงเพิ่มความสามารถของผู้ประกอบการในด้านการส่งออกแต่ยังตั้งใจที่จะกระตุ้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจผ่านทางนวัตกรรมและการเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ประกอบการ การค้าขาย การลงทุน และการบริการ"

ผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้กล่าวต้อนรับกล่าวแสดงความยินดีในการเป็นพยานความร่วมมือทางวิชาการของวิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัลกับหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการตามนโยบายของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการส่งเสริมความร่วมมือทั้งในระดับนานาชาติและในด้านการวิจัย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคปัจจุบันที่สังคมโลกถูกเชื่อมโยงด้วยการสื่อสารที่รวดเร็ว

ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ได้กล่าวแสดงความยินดีและกล่าวเปิดโครงการ กล่าวว่า "ผมดีใจที่ได้ร่วมงานกับ ICDI อีกครั้ง ซึ่งเราเคยร่วมงานกันในโครงการศึกษานโยบายสำหรับ "ระเบียงเศรษฐกิจนวัตกรรม Route 1" จากการศึกษาครั้งนั้น เราพบศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ของภาคเหนือและภาคอีสานของประเทศไทยและวันนี้เราก็เข้าใกล้ศักยภาพที่ยิ่งใหญ่นั้นมากขึ้น ด้วยการเริ่มต้นโครงการนี้"

จากนั้น เป็นการกล่าวแสดงความยินดีโดยแขกผู้มีเกียรติตามลำดับ นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่Mr. Wu Zhiwu กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ นางสาวนภัสพร ภัทรชีวาล กงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจีน Mr. Shen Sunan ประธานกรรมการ ASEAN Innovation and Development Promotion Association สาธารณรัฐประชาชนจีน รองศาสตราจารย์ ดร.โชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง ซึ่งเชื่อมั่นว่าโครงการของวิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัลมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการค้า การลงทุนของธุรกิจ SME ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเกิดการกระจายรายได้หมุนเวียนต่อไป

ภายในงาน ได้มีพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับหอการค้าและมหาวิทยาลัยพันธมิตรในกลุ่มความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคของกลุ่มประเทศ CLMVTและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมุ่งหวังผลักดันให้เกิดการค้าขายสินค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน (Cross Border E-Commerce)

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุจิรา อุ่นเจริญ คณบดีวิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล คณบดีวิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โครงการนี้ได้รับงบประมาณจากกองทุนแม่โขง-ล้านช้าง มุ่งหวังการสร้าง Startup ใหม่จากทีม Digital Marketer ทำธุรกิจการค้าทางอิเล็กทรอนิกส์และสร้างความร่วมมือในคนรุ่นใหม่ข้ามพรมแดน จีน ไทย พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม และกล่าวว่า "เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน คือการสร้างฐานความรู้ด้านแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนซึ่งจะเป็นต้นแบบช่องทางการตลาด ที่จะทำให้ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด"

'ตรีนุช' เดินหน้าแก้หนี้ครู 5 ภูมิภาค Kick-off มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย นำร่อง กาฬสินธุ์ ที่แรก

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ห้องประชุมนิลปัทม์ โรงเรียนกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ กระทรวงศึกษาธิการ จัดงาน มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 'Unlock a better life' สร้างโอกาสใหม่ เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า เพื่อเปิดโอกาสให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มได้เข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาหนี้สินภายใต้เงื่อนไขพิเศษของสถาบันการเงินและสหกรณ์ออมทรัพย์ครู โดยมี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายสุทิน แก้วพนา รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากรการศึกษา เข้าร่วมคับคั่ง 

โดยภายในงานมีการเปิดบูธให้คำปรึกษา ปรับโครงสร้างหนี้ ไกล่เกลี่ยหนี้ ส่งเสริมการออมและการลงทุน และให้ความรู้ด้านการบริหารและจัดการการเงิน จากหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กระทรวงการคลัง, กระทรวงยุติธรรม, กรมส่งเสริมสหกรณ์, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ, สมาคมธนาคารไทย, สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ, ธนาคารออมสิน, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารกรุงไทย, กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา, สกสค., สคบศ. และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างจริงจังเต็มที่ เพราะการเป็นหนี้ ทำให้ครูและครอบครัวมีความเดือดร้อนต่อการดำเนินชีวิต ส่งผลกระทบต่อคุณภาพในการเรียนการสอนที่อาจทำได้ไม่เต็มที่ ซึ่งการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยฯ ระดับภูมิภาคนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยฯ สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ 17-18 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ที่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้เกือบ 300 ล้านบาท โดยการจัดงานในระดับภูมิภาคจะช่วยเปิดโอกาสให้ครูทุกพื้นที่ได้เข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาหนี้สินภายใต้เงื่อนไขพิเศษของสถาบันการเงินและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมากยิ่งขึ้น

‘ปปง.’ ยึดเพนต์เฮาส์หรู ‘สามีหยาดทิพย์’ หลังตรวจพบรับซื้อทรัพย์สินจาก ‘อภิรักษ์ โกฎธิ’

สืบเนื่องจากกรณีการใช้เว็บไซต์ www.forex-3D.com เป็นช่องทางในการหลอกลวงโฆษณาชักชวนประชาชนทั่วไป ให้นำเงินไปลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) โดยเสนอผลตอบแทนสูงถึง 60 - 80% ของเงินผลกำไรที่ได้จากการเทรด Forex อันเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ซึ่งมีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากการหลอกลวงเป็นจำนวนมาก และกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้มีการตรวจค้น ยึด และอายัดทรัพย์สินจากคดีแชร์ Forex-3D หรือที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวนหลายรายการ อาทิ เพนต์เฮาส์หรู ภายในซอยสุขุมวิท มูลค่า 245 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายอภิรักษ์ โกฎธิ อดีตผู้บริหาร Forex-3D ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยเพนต์เฮาส์หรูดังกล่าว เป็นหนึ่งในบัญชีทรัพย์สินที่ดีเอสไอได้ประสานส่งมอบกับสำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินการในคดีแพ่งมาอย่างต่อเนื่อง

จากประเด็นที่เกิดขึ้น ปีที่ผ่านมา โลกออนไลน์ได้มีการออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ‘นายรามา รัศมีรามา หรือ เมฆ’ สามีนักแสดงสาว ‘หยาดทิพย์ ราชปาล’ อาจเกี่ยวข้องนั้น เนื่องจาก หยาดทิพย์ มีความสนิทสนมกับ น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือ พิงกี้ ซึ่งตกเป็นจำเลยในคดี อย่างไรก็ตาม หยาดทิพย์ ได้ออกมาชี้แจงผ่านบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัว โดยยืนยันว่า สามีไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับคดี FOREX-3D พร้อมทั้งยังระบุว่า คอนโดฯ นั้นซื้อมาอย่างถูกต้อง มีหลักฐานครบถ้วนและซื้อแบบขายฝากผ่านนายหน้ามาก่อนที่นายอภิรักษ์จะถูกดำเนินคดี

วันนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ภายในสำนักงานคณะกรรมการ ปปง.ว่าภายหลังจากที่ดีเอสไอได้ส่งมอบบัญชีทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจากฐานคดีแชร์ Forex-3D มาให้ทางปปง. ดำเนินคดีทางแพ่งต่อนั้น ซึ่งรายการทรัพย์สิน เพนต์เฮาส์ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิทของนายรามา รัศมีรามา ทาง ปปง. ได้ดำเนินการยึด อายัดไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าได้มีการแจ้งข้อหาฟอกเงินแก่นายรามา หรือไม่นั้น ผู้สื่อข่าวได้รับคำตอบว่า ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างขั้นตอนของศาล โดยเนื้อหารายละเอียดภายในสำนวน ทาง ปปง. ขอละเว้นการเปิดเผย เพราะอาจจะกระทบกับการสืบสวนสอบสวนทางคดีของเจ้าหน้าที่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top