Sunday, 11 May 2025
NewsFeed

ผอ.ศปพร. เปิดกิจกรรม 'เยาวชนคลื่นลูกใหม่สืบสานโครงการพระราชดำริ' ในพื้นที่ จชต.ประจำปี 2566 ปลูกจิตสำนึก ร่วมสร้าง สันติสุข ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ แหล่งสมาคมนายทหารสัญญาบัตร กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15/ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นประธานเปิดกิจกรรม 'คลื่นลูกใหม่สืบสานโครงการพระราชดำริ' ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ประจำปี 2566 ปลูกจิตสำนึก ร่วมสร้าง สันติสุข ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม โดยมี นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 4-6  ของโรงเรียนนราสิกขาลัย  และโรงเรียนนราธิวาส เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 80 คน

ทั้งนี้ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวว่า ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดกิจกรรมเยาวชนคลื่นลูกใหม่ สืบสานโครงการพระราชดำริ ในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นเพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธาน และพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงพระราชทานแนวทาง  การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เสริมสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชนในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขยายผลการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้เป็นไปอย่างกว้างขวาง สามารถปฏิบัติตามได้จริง และเห็นผลเป็นรูปธรรม การวางรากฐานการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิต ภายใต้ปรัชญาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงการรู้จักพึ่งพาตนเอง ความพอมี พอกิน พอประมาณ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ให้สามารถดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ และยั่งยืน ต่อไป

ต้อนรับนักท่องเที่ยวเหมาลำไฟล์ปฐมฤกษ์เฉินตู-เชียงใหม่

Sichuan Global Travel International Travel Service Co.,Ltd ร่วมกับ Sichuan Airlines จัดเที่ยวบินเหมาลำจากเฉินตูบินตรงเข้าจังหวัดเชียงใหม่ หวังกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังโควิดเริ่มคลี่คลาย เผยชาวเมืองเฉินตูนิยมมาเที่ยวเชียงใหม่ เพราะอากาศดี สถานที่ท่องเที่ยวและความเป็นอยู่ทุกอย่างเอื้ออำนวย เตรียมบินตรงเข้ามาทุกวัน ขณะที่จะประสานเมืองต่างๆของประเทศจีนให้บินตรงเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 เวลา 19.05 น. สายการบินเสฉวนแอร์ เที่ยวบิน 3 U 3933 ได้ถึงยังท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์เฉินตู - เชียงใหม่ แบบเหมาลำ โดยนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  เป็นตัวแทนจังหวัดเชียงใหม่ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย ร้อยเอกสันติพงศ์ บุลยเลิศ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ นายณัฐวุฒิ ทาอินต๊ะ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายปฏิบัติการ) 

MR.GUO HUI ประธานบริหาร Sichuan Global Travel International Travel Sevice เปิดเผยว่า ทาง Sichuan Giobal Travel International Travel Service ดำเนินกิจการเหมาลำสายการบินระหว่างประเทศ มาตลอดระยะเวลา 8 ปี และมีสถิติโดยสารนักท่องเที่ยวจีนหลายแสนคนต่อปีที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงเชียงใหม่ ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจไทย การท่องเที่ยวไทยให้ดียิ่งๆขึ้นไป จากสถานการณ์โควิด 19 ที่เริ่มคลี่คลาย ทางSichuan Global Travel International Travel Service จึงได้ดำเนินการเหมาลำสายการบินเสฉวนแอร์ไลน์ และมีการเหมาลำสายการบินอื่นๆ เพื่อเพิ่มไฟล์บินและกระตุ้นการท่องเที่ยว

เริ่มแล้ววันนี้ TCEB เปิดงานชา กาแฟระดับโลก 'World Tea & Coffee Expo 2023' ใจกลางเมืองเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปนร่วมกับหน่วยงานภาคี ได้เปิดงาน World Tea & Coffee Expo 2023 ซึ่งเป็น งานประชุมวิชาการนานาชาติและแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมชาและกาแฟระดับโลก ณ ห้องประชุม Nimman Convention Centre จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับเกียรติจากนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยนายชิกุจิ เคอิจิ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นคร เชียงใหม่ ที่ให้เกียรติมาร่วมแสดงความยินดีและร่วมกิจกรรมเสวนาภายในงานด้วย

ทั้งนี้ งานประชุมวิชาการนานาชาติและแสดงสินค้า World Tea & Coffee Expo 2023 จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 26 – 29 มกราคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 นณ ศูนย์การค้า One Nimman ถือเป็น งานที่ สสปน. ใช้กลไกของไมซ์ในการขับเคลื่อนพืชเศรษฐกิจระดับภาคเพื่อสร้างชื่อเสียง (Destination Branding) ต่อยอดความพร้อมของภาคเหนือตอนบนในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมชาและกาแฟระดับโลก ซึ่ง ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 โดยในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “A Cup of Success” เน้นย้ำถึงความสำเร็จ ของธุรกิจชาและกาแฟในไทยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมถึงความสำเร็จที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

ภายในงานมีกิจกรรมสองส่วน ได้แก่ ส่วนของ งานแสดงและจำหน่ายสินค้า ในบริเวณลานกิจกรรม กลางแจ้ง และส่วนของงานประชุมวิชาการนานาชาติในชื่อ The 3rd Tea and Coffee International Symposium ณ ห้องประชุม Nimman Convention Centre โดยในส่วนของงานแสดงสินค้าประกอบด้วยบูธ ของผู้ประกอบการจำนวน 50 ราย แบ่งเป็นบูธผู้ประกอบการชาและกาแฟภาคเหนือรวมทั้งภาคอื่น ๆ จำนวน 45 ราย และต่างประเทศจำนวน 5 ราย โดยทั้งหมดเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ตามที่ สสปน. กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และมาตรฐานของสินค้า การนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ใน กระบวนการผลิต และศักยภาพที่สามารถต่อยอดธุรกิจต่อไปได้ในอนาคต เป็นต้น

อีกหนึ่งกิจกรรม ภายในงานซึ่งจะเป็นโอกาสทางการค้าที่สำคัญของผู้ประกอบการคือ การเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ซึ่งในครั้งนี้มีการเชิญคู่ค้า หรือ buyer จากทั่วประเทศ 20 ราย และจากต่างประเทศ จำนวน 5 ราย โดยการเจรจาจะมีทั้งรูปแบบออฟไลน์ภายในงาน และการเจรจาผ่านทางออนไลน์ โดยทาง สส ปนได้ตั้งเป้ามูลค่าการซื้อขายจากกิจกรรมทั้งหมดอยู่ที่ 10 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าซื้อขายและการสั่งซื้อจาก การเจรจาธุรกิจจำนวน 8 ล้านบาท และการซื้อขายภายในงานจำนวน 2 ล้านบาท สำหรับในส่วนของผู้เข้าชมนั้น เดิมตั้งเป้าไว้ที่ 1,000 คน แต่ด้วยสถานที่จัดงานที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และอยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของ จังหวัดเชียงใหม่ จึงมั่นใจว่าจะมีผู้เข้าชมมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้อย่างแน่นอน

กองทัพเรือ ฟื้นฟูช่วยเหลือเยียวยาจิตใจให้แก่กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย หลังผ่านสถานการณ์วิกฤติ

กองทัพเรือ โดยกองเรือยุทธการ ร่วมกับชมรมภริยากองเรือยุทธการ และโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ จัดกิจกรรมฟื้นฟูช่วยเหลือเยียวยาจิตใจให้แก่กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย 

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 66 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มอบหมายให้ พลเรือตรี อนิรุธ สวัสดี รองเสนาธิการ กองเรือยุทธการ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมฟื้นฟูช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ ให้แก่กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย หลังจากที่ผ่านสถานการณ์วิกฤติ โดยมีชมรมภริยากองเรือยุทธการ และทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจภาวะวิกฤตสุขภาพจิต รพ.อาภากรฯ ร่วมกันจัดกิจกรรมฯ และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ จำนวน 80 นาย 

โดยการจัดกิจกรรมมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจให้แก่กำลังพลอย่างทันท่วงที ลดผลกระทบทางด้านจิตใจและมุมมองความขัดแย้งทางความคิด จนทำให้มีสภาพจิตใจที่เข้มแข็งและกลับคืนมาใช้ชีวิตตามปกติ 

กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 รับมอบสารอาหารไอโอดีนพระราชทานฯ จากทะเลสู่ดอย

ชาวประมงสมุทรปราการและสมุทรสาคร ร่วมแรงร่วมใจ น้อมเกล้าฯ ถวาย ปลากะตักแห้ง ปลาทูเค็ม และ อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน โครงการตามพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน ก่อน ส่งมอบ ปลากะตักแห้ง และ อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทานให้กับ ผู้แทนกองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อดำเนินการส่งต่อ ให้แก่ เด็กนักเรียน และ ประชาชน พื้นที่ราบสูงในถิ่น ทุรกันดาร 

สมาคมการประมงสมุทรปราการ สมาคมการประมงคลองด่าน และประชาชนในพื้นที่ ได้ร่วมกันจัดพิธีส่งมอบ ปลากะตักแห้ง และ อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทาน ให้แก่ผู้แทนกองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 ตามโครงการพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน 

โดย นาย พิชัย แซ่ซิ้ม นายกสมาคมการประมงสมุทรปราการ เป็นตัวแทน กล่าวรายงานความเป็นมา และรายละเอียดของโครงการฯ ต่อนายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ประธานในพิธี ก่อนร่วมกัน น้อมเกล้าฯ ถวายอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน ต่อพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี ผู้แทนหน่วยงาน เข้าน้อมเกล้าฯถวาย อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน

ภายหลังผู้เเทนหน่วยงาน น้อมเกล้าฯ ถวาย อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ประธานในพิธี เข้ารับอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทาน ก่อนส่งมอบต่อให้ พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ ดำเนินการส่งต่อให้แก่ เด็กนักเรียน และประชาชน พื้นที่ราบสูงในถิ่นทุรกันดารต่อไป โดยได้ทำพิธี ส่งรถขบวนลำเลียงสิ่งของพระราชทาน ที่จัดจาก กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกันที่บริเวณ หน้า สมาคมการประมงสมุทรปราการ

ต่อมา เมื่อเวลา 15.30 น. ณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร
สมาคมการประมงสมุทรสาคร และชมรมเรืออวนลากจังหวัดสมุทรสาคร จัดพิธีส่งมอบ อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทานให้แก่ ผู้แทนกองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 ตามโครงการพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน เช่นเดียวกัน

นายมงคล มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร กล่าวรายงานความเป็นมา และรายละเอียดของโครงการฯ ต่อ นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประธานในพิธี ก่อนร่วมกันน้อมเกล้าฯ ถวาย  อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน หน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีผู้แทนหน่วยงาน เข้าน้อมเกล้าฯถวาย

ภายหลังผู้เเทนหน่วยงาน น้อมเกล้าฯ ถวาย อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประธานในพิธีเข้ารับอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทาน ก่อนส่งมอบต่อให้ พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ ดำเนินการส่งต่อให้แก่ เด็กนักเรียน และ ประชาชนพื้นที่ราบสูงในถิ่น ทุรกันดารต่อไป หลังจากเสร็จสิ้นพิธีส่งมอบ ได้ส่งรถขบวนลำเลียงสิ่งของพระราชทานที่จัดจาก กองทัพเรือโดยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกันที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาครเช่นกัน

รู้จัก 'ปลื้ม สุรบถ' ลูกนายหัวชวน หลังขยับนั่ง ส.ส.ป้ายแดงของ ปชป.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า นายสุรบถ หลีกภัย หรือ ปลื้ม ลูกชายของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ จ่อจะได้เป็นผู้เเทนฯ สมัยเเรก ในช่วงท้ายของสภาฯ ชุดปัจจุบันซึ่งจะครบวาระ 4 ปี ในเดือนมี.ค. 2566 เนื่องจากนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ยื่นใบลาออกจาก การเป็นส.ส.ในวันที่ 19 ม.ค.2566 ต่อเนื่องจากนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น ส.ส. ต่อประธานสภาฯไปก่อนหน้า 

ทั้งนี้ นายอิสระ เป็นคณะทำงานใกล้ชิดของนายชวน หลีกภัย ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานต่าง ๆ ของประธานสภาฯ โดยตลอด รวมทั้งได้รับแต่งตั้งเป็น เลขานุการประธานรัฐสภา ก่อนหน้าจะมาดำรงตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. ส่วน นายสุรบถ หรือ ปลื้ม อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 33 ของ ปชป. เป็นอดีตรองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม และเคยเป็นพิธีกรวีอาร์โซ และยังเคยเป็นที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการด้วย

นายสุรบถ เกิดเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2530 ปัจจุบัน อายุ 36ปี เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของชวนและนางภักดิพร สุจริตกุล เป็นที่รู้จักของสังคมมาตั้งแต่ยังเล็ก เนื่องจากเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยมักนิยมเรียกติดปากว่า 'น้องปลื้ม' โดยชื่อ 'สุรบถ' นั้น แปลว่า ท้องฟ้า เป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องจากภักดิพร ผู้เป็นมารดาได้ขอพระราชทานจากพระองค์ท่านในฐานะที่ทรงเป็นสหายร่วมชั้นเรียนมาด้วยกันในโรงเรียนจิตรลดา

>> ประวัติการศึกษา 
นายสุรบถสำเร็จการศึกษาชั้นอนุบาลจากโรงเรียนจิตรลดา ประถมศึกษาโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร มัธยมศึกษาจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน และโรงเรียนพร้าววิทยาคม (เป็นประธานนักเรียน และตั้งวงดนตรี ชื่อ 'วงหมากเหนือ' เป็นมือคีย์บอร์ดของวง) และระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

>> บทบาททางการเมือง
ที่ผ่านมานายสุรบท นอกจากความเป็นบุตรชายของนายชวนแล้ว ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองมักได้รับคำวิจารณ์ว่าเสนอความคิดเห็นได้เฉียบแหลม จนได้รับฉายาว่า 'มีดโกนน้อย' คู่เคียงกับฉายา 'มีดโกนอาบน้ำผึ้ง' ของบิดาเคยช่วยนายชวนหาเสียงให้แก่พรรคประชาธิปัตย์อย่างสม่ำเสมอ 

‘บิ๊กป้อม’ โดดประชุมใหญ่ พปชร. อ้างเวลาราชการ คาดเตรียมคุย ‘อุตตม-สนธิรัตน์’ ชวนกลับพรรค บ่ายนี้

‘บิ๊กป้อม’ โดด ประชุมใหญ่ พปชร. อ้างเวลาราชการ เตรียมเปิดโต๊ะดีล ‘อุตตม-สนธิรัตน์’ บ่ายนี้ ชวนกลับพรรค ลุยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 ม.ค.ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พรรคพลังประชารัฐจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1 / 2566 มีวาระสำคัญแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 เลือกคณะกรรมการบริหารพรรค เลือกคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยมีกรรมการบริหารพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค นายสกลธี ภัทธิยกุล หัวหน้าทีมกทม. และสมาชิกพรรค เข้าร่วม ตามที่กฎหมายกำหนด

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค และส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวก่อนประชุมว่า การประชุมวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยให้เหตุผลว่ายังอยู่ในเวลาราชการ จึงมอบหมายให้ตน ทำหน้าที่ประธานการประชุม

‘บิ๊กตู่’ เร่งเดินหน้าโครงการสนามบินอู่ตะเภา ยัน เริ่มก่อสร้างต้นปี 66 ช่วยฟื้นฟูอุตฯการบิน

‘บิ๊กตู่’ เร่งเดินหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เริ่มก่อสร้างต้นปี 66 นี้แน่นอน คาดสร้างผลตอบแทน 3.05 แสนล้าน จ้างงานเพิ่ม 15,600 ตำแหน่ง/ปี ใน 5 ปีแรก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโต ฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบิน 

(27 ม.ค. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) ให้ความสำคัญเดินหน้าปฏิรูปประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนในทุกมิติ โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญเร่งด่วน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ จึงเร่งผลักดันโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักสำคัญของ EEC เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลัก แห่งที่ 3 เชื่อมสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ด้วยรถไฟความเร็วสูง ทำให้ทั้ง 3 สนามบินสามารถรองรับผู้โดยสารรวมกันได้มากถึง 200 ล้านคนต่อปี ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ Logistics & Aviation เป็นศูนย์กลางของ 'มหานครการบินภาคตะวันออก' รวมถึงเป็น 'เมืองท่าที่สำคัญ' เชื่อมโยงขยายกรุงเทพไปทางตะวันออก ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,500 ไร่ ตั้งอยู่ในต.พลา อ.บ้านฉาง จังหวัดระยอง เป็นโครงการในรูปแบบ PPP มีมูลค่าการมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 290,000 ล้านบาท ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 28 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ที่ประชุมกพอ.ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน ได้รับทราบและพิจารณาความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก หลังจากเอกชนคู่สัญญา และกองทัพเรือ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงการใช้สนามบินอู่ตะเภาร่วมกัน (Joint Use Agreement) และรายงาน EHIA ได้รับการอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรี โดย สกพอ. ได้แจ้งให้เอกชนรับสิทธิตามสัญญาแล้ว เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 จากนี้ สกพอ. จะแจ้งให้เอกชนเริ่มงานก่อสร้างได้ในช่วงต้นปี 2566  หลังจากเงื่อนไขบังคับก่อนตามสัญญาร่วมลงทุนครบถ้วน

ย้อนอดีต 'ไทย-เขมร' เกียรติแห่งการวัดเชิงในยุทธจักรหมัดมวย สู่ วิวัฒนาการ เปลี่ยน 'คาดเชือก' มา 'สวมนวม' เพื่อเซฟชีวิตนักสู้

ไม่นานมานี้ เฟซบุ๊ก 'Kornkit Disthan' ของคุณกรกิจ ดิษฐาน นักเขียนด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมตะวันออก ได้โพสต์สาเหตุที่มวยไทยต้องวิวัฒนาการจากคาดเชือก มาเป็นสวมนวม ว่า...

เหตุที่มวยไทยต้องวิวัฒนาการจากคาดเชือก มาเป็นสวมนวม ก็เพราะนักมวยเขมรตายด้วยน้ำมือนักมวยไทยเมื่อ ๒๔๖๗ 

ศึกนั้น นายแพ เลี้ยงประเสริฐ ชาวไทยต่อยนายเจีย แขกเขมร จนถึงแก่ความตายที่สนามมวยหลักเมือง แต่นั้นมามวยไทยก็เปลี่ยนโฉมหน้าไป 

ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อจะบอกว่า ‘มวย’ ทั้งไทยและเขมรนั้นมีการ ‘แลกเปลี่ยน’ กันถึงใจยิ่งกว่าวิจิตรศิลป์หรือนาฏศิลป์เสียอีก 

แต่มวยมีหลักฐานการแลกเปลี่ยนน้อยกว่าเรื่องโขนละคร เรารู้แต่ว่าเขมรก็มีมวยของเขา ไทยก็มีมวยของเรา และนักชก ๒ ชาติมักจะไปชกเหย้าชกเยือนกันบ่อย ๆ 

มวยไทย มวยเขมร รวมถึงมวยลาว และพม่า ต่างก็ชกกันได้ คล้ายกัน แต่แม่ไม้ ลูกไม้ เชิงมวยย่อมต่างกันไปตามขนบครู 

ดังที่มวยฝรั่ง (Boxing) ก็ไม่ได้มีขนบเดียว อย่างที่จะเห็นว่าฝรั่งเศสเรียกมวยว่า Boxe anglaise (มวยอังกฤษ) ให้ต่างจาก La boxe française (มวยฝรั่งเศส) ที่มีการเตะด้วย ที่เรียกว่า ‘ซาวาต’ (Savate)

นี่คือสิ่งที่ทำให้มวยไทยก็คือมวยไทย มวยเขมรก็คือมวยเขมร ไม่อาจอ้างได้ว่าใครเป็นบรรพบุรุษของใคร ใครเกิดก่อน และใครลอกใคร เพราะไม่มีใครหน้าไหนล่วงรู้ได้ มีแต่ข้อมูลที่จับแพะชนแกะขึ้นมาเพื่อที่จะยกตัวเองให้เหนือกว่าคนอื่น 

ถ้าเขมรภูมิใจในมวยของตัวเองก็ไม่ต้องสร้างประวัติศาสตร์กับขนบปลอม ๆ ขึ้นมา แค่ย้อนกลับไปต้นศตวรรษก่อนก็จะรู้ว่านักมวยไทยกับนักมวยเขมรเขาไม่ได้สู้เพื่อแย่งชิงว่าใครเป็นบิดาใคร แต่ประลองกันว่าเชิงมวยใครเหนือกว่ากัน

มันต้องวัดกันแบบนี้ 

ดูเหมือนว่ามวยเขมรเชิงดี ๆ จะมาจากพระตะบอง ดังในภาพประกอบคือมวยที่เมืองพระตะบอง ในยุคนั้นยังชกกันบนลานทราย นุ่งสมพตคือถกเขมร และยังคาดเชือก

นายเจียร์ พระตะบอง หรือเจีย แขกเขมรนั้นเป็น ‘ครัวเขมร’ คือมุสลิมจาม น่าจะเป็นเครือเดียวกับแขกบ้านครัวที่พระนครกรุงเทพฯ ได้ยินมาว่านักมวยเขมรมักประลองกับนักมวยแขกครัว (คือพวกจาม) 

และมวยเขมรก็ชอบมาชกที่ไทย และไทยก็ชอบไปชกที่เขมร ราวกับว่าต้องการวัดฝีมือกัน

จิตร ภูมิศักดิ์ เคยอยู่ที่พระตะบองมาก่อน เล่าว่าเวลามวยไทยชกกับมวยเขมรที่พระตะบอง คนเขมรมักจะเชียร์ให้ไทยแพ้ว่า “ไทย แพ้ เฮ ! เฮ ! ไทย แพ้ เฮ !” เวลานักมวยเขมรได้เปรียบ แต่เวลานักมวยไทยไล่บี้บ้าง เขมรก็จะเงียบไปตามระเบียบ

ตอนนั้น ไทยเราครอบครองพระตะบองไว้ คนเขมรเกิดชาตินิยมจึงไม่พอใจไทย และมักจะระบายด้วยการเชียร์มวยตัวเองแบบนี้

พระตะบองคงเป็นเมืองมวยจริง ๆ พระองค์เจ้านโรดม นรินทเดช เจ้านายเขมรทรงเล่าไว้ในหนังสือฝรั่งเศสว่า พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ พระเจ้าแผ่นดินเขมรก็ทรงโปรดมวย ถึงขนาดทรงเป็นแชมป์ (champion de boxe) 

พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์นั้นทรงเคยประทับที่พระตะบองมานาน ต่อมามาประทับที่บางกอก น่าคิดว่าจะทรงเรียนเชิงมวยจากครูที่พระตะบองและกรุงเทพฯ ด้วยหรือเปล่า?

พระตะบองนั้นเคยเป็นดินแดนของไทยมานาน ก่อนจะถูกฝรั่งเศสเอาไปให้เขมร แล้วต่อมาหลวงพิบูลสงครามไปชิงกลับมา (ในยุคของจิตร ภูมิศักดิ์) แล้วก็กลับไปเป็นแผ่นดินกัมพูชาอีก

ไม่ได้หมายความว่ามวยเขมรต้องรับมาจากไทย แต่มันอาจหมายความว่ามวยไทยและเขมรมีพระตะบองเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยน

ย้ำว่าแลกเปลี่ยนและประลองกัน ไม่มีหรอกที่จะอ้างว่า "ข้าเป็นบรรพบุรุษของเอ็ง" เพราะต่างก็มีเชิงที่ต่างกัน

ถ้อยคำของไทยและเขมรนั้นต่างก็แลกกันแลกกันมา 

อย่างคำว่า ‘ประฏาล’ ที่กลายคำเรียกมวยเขมรว่า ‘ประฏาลเสรี’ (กับ กุน ขแมร์) นั้น คำว่า ประฏาล (ប្រដាល់) ประกอบด้วยคำว่า ฏาล (ដាល់) ซึ่งเป็นญาติกับคำว่า ฎะบาล (ត្បាល់) ในคำไทยที่รับมาคือ ตะบัน ที่ทุกวันนี้วงการข่าวมวยก็ยังใช้คำว่าตะบันกันอยู่

สังเวียน หมายถึงเวทีต่อสู้ มากจากภาษาเขมรว่า ‘สํเวียน’ (សង្វៀន) คือ สนามต่อสู้

ชกมวยแล้วต้องมีการพนันขันต่อ ภาษาเขมรว่า ภฺนาล̍ (ភ្នាល់) บางตำราว่าเขมรได้คำนี้จากไทย แต่บางคนว่าไทยสืบทอดจากเขมร 

ปี่พาทย์มวยเขมรประกอบด้วยสรไลย (ស្រឡៃ) สัมโพร (សំភោរ) ฉิง (ឈិង)

‘อุ๊งอิ๊ง’ VS ‘หญิงหน่อย’ อาภรณ์ อุดมการณ์ ความรู้ ความรวย

เทียบฟอร์มกันชัดๆ ระหว่าง ‘อุ๊งอิ๊ง’ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลูกสาวคนเล็กของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ ‘หญิงหน่อย’ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ผู้ช่ำชองในวงการการเมืองไทยมากกว่า 30 ปี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top