Sunday, 11 May 2025
NewsFeed

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้!! ครอบครัว 'พาณิชย์พิศาล' ไหว้เทพเจ้ารับตรุษจีนทำบุญ แจกทานต้อนรับปีกระต่าย

ที่มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายอัครนันท์ พาณิชย์พิศาล พร้อมด้วย นางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล นายธนิตพงษ์ วรัณวงศ์เจริญ และ นางทิพย์ประภา วรัณวงศ์เจริญ ครอบครัวเศรษฐีผู้ใจบุญเดินทางไปกราบไหว้เทพเจ้ารับเทศกาลตรุษจีน ปีกระต่าย ประจำปี 2566 ยังมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ ตามประเพณีของคนไทยเชื้อสายจีน

เพื่อขอพรต่อเทพเจ้าแห่งโชคลาภไฉ่สิ่งเอี๊ย และกราบขอพรหลวงปู่ไต้ฮงกงเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว โดยเป็นความเชื่อของคนไทยเชื้อสายจีนเพื่อให้สิ่งที่ขอนั้นสมหวังทุกประการ

รวมถึงทางครอบครัวพาณิชย์พิศาลยังได้ร่วมทำบุญบริจาคเงินอีกจำนวนหนึ่งมอบให้กับทางมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการเพื่อนำไปใช้ประโยชน์แก่สังคม นอกจากนี้ ยังได้ทำบุญแจกทานมอบเงินให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการทุกคน  อีกคนละ 500 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในเทศกาลตรุษจีน

กรมอุทยานแห่งชาติฯ สางปมปัญหาหลีเป๊ะ หากพบนายทุนรุกที่ ดำเนินคดีทุกราย เสนอตั้งคณะกรรมการทุกภาคส่วนร่วมตรวจสอบ

25 มกราคม 2566 นายนรินทร์ ประทวนชัย รองอธิบดี โฆษกกรมกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยถึงกรณีการแก้ปัญหาข้อพิพาทที่ดินทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ของชาวอุรักลาโว้ย บนเกาะหลีเป๊ะ เสนอแนวทางทำแผนที่แนวเขตที่ดินในรูปของคณะกรรมการ 

นายนรินทร์ ประทวนชัย เปิดเผยว่า ตนเองได้เดินทางลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เพื่อร่วมประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ณ ห้องประชุมเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2566 ในประเด็นปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน เกิดข้อพิพาทและฟ้องร้องสิทธิการครอบครอง ระหว่างชาวเลอูรักลาโว้ย เกาะหลีเป๊ะกับผู้ประกอบการ คณะกรรมการฯ กรมที่ดินได้ชี้ยืนยันแนวเขต หนังสือแสดงสิทธิการครอบครองที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 11 ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ การครอบครองดินส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรีสอร์ท มีหนังสือแสดงสิทธิการครอบครองที่ดิน น.ส.3 และ ส.ค.1 โดยมีชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ น.ส.3 เลขที่ 11ด้วย จากการตรวจสอบพื้นที่ พบว่า ตามเอกสาร น.ส.3 เลขที่ 11 พื้นที่จำนวน 81 - 3 - 40 ไร่ พื้นที่บางส่วนได้ซ้อนทับกับที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวเลดั้งเดิม และมีบางส่วนของชุมชนอยู่นอกพื้นที่ น.ส.3 เลขที่ 11 แนวทางการแก้ไขปัญหาจึงต้องตรวจสอบที่ดินตามหลักฐานเอกสาร น.ส.3 ส.ค.1 พร้อมที่ตั้งของที่อยู่อาศัยของราษฎรชาวเล และทำแผนที่แนวเขตที่ดินในรูปของคณะกรรมการฯ 

ส่วนกรณีนายทุนที่มีการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ทางอุทยานฯ ได้ดำเนินคดีพื้นที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะ มาตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน รวม 44 คดี โดยมีคดีสิ้นสุดแล้ว 22 คดี อยู่ในชั้นอัยการ 18 คดี ชั้นศาล 4 คดี การแก้ไขปัญหาที่ดินซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินของราษฎรดั้งเดิมในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้ดำเนินการสำรวจการครอบครองพื้นที่ตามแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์ (ตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562) ล่าสุดจากการตรวจสอบ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 กรมที่ดินได้ชี้ยืนยันแนวเขต น.ส.3 เลขที่ 11 ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ พบว่ามีรีสอร์ท เข้าทำประโยชน์นอกพื้นที่ น.ส.3 เลขที่ 11 จำนวน 2 แห่ง 

นอกจากนี้ได้ดำเนินการตรวจยึดสระน้ำของรีสอร์ทที่มีการก่อสร้างเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง จากที่ได้ดำเนินคดีไปแล้ว รวม 3 คดี พื้นที่ 5 ไร่ 1 งาน 46.8 ตารางวา ส่วนชุมชนชาวเลที่อาศัยอยู่นอกพื้นที่ น.ส.3 เลขที่ 11 นั้น ให้กรมอุทยานฯ ดำเนินการสำรวจตามมาตรา 64 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 แต่หากพบว่าเป็นนายทุนครอบครองทางกรมจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับแปลงคดีอาญาที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว กรมบังคับคดีจะลงพื้นที่ร่วมกับกรมอุทยานฯ บังคับคดีเพื่อรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามคำสั่งศาลต่อไป และคณะกรรมการฯ ให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ รวบรวมเอกสารเกี่ยวกับคดี/คำพิพากษา และข้อมูลที่เกี่ยวข้องส่งให้ DSI เพื่อดำเนินการยกเลิก เพิกถอนเอกสารแปลง ส.ค.1 และ น.ส.3 ที่ออกโดยมิชอบโดยการสืบสวนของ DSI ด้วย 

สมาคมตำรวจประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากล ประจำปี 2566

ตามที่สมาคมตำรวจได้รับมอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้รับผิดชอบในการจัดประชุมพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากล มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2550 จนถึงปัจจุบัน โดยในปีนี้ สมาคมตำรวจได้กำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากลประจำปี 2566 เมื่อวันพุธที่ 25 มกราคม 2566 เวลา 08.30 – 17.00 น. ณ ห้องบุณยะจินดา 4 อาคารสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ 
โดยมีคณะอนุกรรมการในการร่วมพิจารณา ประกอบด้วย

1. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ 
ประธานอนุกรรมการ 
2. พล.ต.อ.ชัยยง กีรติขจร รองนายกสมาคมตำรวจ รองประธานอนุกรรมการ
3. พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองประธานอนุกรรมการ 
4. พล.ต.ต.ธวัชชัย นิลานุช ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการสืบสวนสอบสวน     อนุกรรมการ
5. พล.ต.ต.สหัส โหรวิชิต ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการสืบสวนสอบสวน       อนุกรรมการ
6.พ.ต.อ.สุริยะ ประภายสาธก ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการสืบสวนสอบสวน อนุกรรมการ
7.พ.ต.อ.พิพัฒน์ บุญเพ็ชร์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการสืบสวนสอบสวน       อนุกรรมการ
8. พ.ต.อ.หญิง ปวีณา เอกฉัตร ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการสืบสวนสอบสวน  อนุกรรมการ
9. พ.ต.ท.หญิง ศิริมา ชวะโนทัย ผู้ทรงคุณวุฒิ งานสังคมสงเคราะห์ รพ.ตร 
อนุกรรมการ

10. รศ.สุดสงวน สุธีสร 
ผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตอาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   
อนุกรรมการ
11. นางสาว กรรณนิกา เจริญลักษณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว  
อนุกรรมการ
12. นางสาว ราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ 
ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว     
อนุกรรมการ
13. นางสาว ชนานาถ วิไลรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว  
อนุกรรมการ

14. พ.ต.อ.ดร.ศิริพล  กุศลศิลป์วุฒิ  รองผู้บังคับการสถาบันส่งเสริมงานสอบสวน อนุกรรมการ
15. พ.ต.อ.วิทวัส  เข่งคุ้ม ผู้กำกับการกลุ่มงานส่งเสริมงานสอบสวน ๑ 
สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน อนุกรรมการ
16. พล.ต.ท.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ เลขาธิการสมาคมตำรวจ เลขานุการ    
17. พล.ต.ต.อนุชา สุทธยดิลก ผู้บังคับการสถาบันส่งเสริมงานสอบสวน ผู้ช่วยเลขานุการ
18 เจ้าหน้าที่สถาบันส่งเสริมงานสอบสวนที่ได้รับมอบหมายจำนวน 8 คน    ผู้ช่วยเลขานุการ
19. เจ้าหน้าที่สมาคมตำรวจที่ได้รับมอบหมายจำนวน 2 คน ผู้ช่วยเลขานุการ
20.เจ้าหน้าที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวที่ได้รับมอบหมาย
จำนวน 2 คน    
ผู้ช่วยเลขานุการ

ในปีนี้คณะกรรมการดำเนินงานวันสตรีสากลได้มีการเพิ่มรางวัลด้านพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น เป็น 3 รางวัล ดังนี้

ดาราไต้หวันเที่ยวไทย อ้าง!! ถูกตำรวจไทย 'ค้น-กักตัว' พร้อมรีดไถเงินกว่า 20,000 บาท ถึงจะยอมปล่อยตัว

จากเพจ 'หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว' ได้โพสต์เรื่องราวของ ดาราชาวไต้หวันเที่ยวไทย ซึ่งอ้างว่าถูกตำรวจไทยขอค้นตัว ค้นกระเป๋า รีดไถเงินกว่า 20,000 ถึงยอมปล่อยตัว ว่า...

พอดีมีลูกเพจส่งข่าวมาให้ ขอให้ช่วยแปลข่าวนี้ พอไปเช็กหลายเว็บไซต์ข่าวในไต้หวัน คือ หลายสื่อได้ลงจริงค่ะ 

ดารานักแสดงชาวไต้หวันคนนี้ชื่อว่า 安于晴 อันหยูชิง หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Charlene An ซึ่งเธอได้โพสต์ลงอินสตราแกรมจนกลายเป็นข่าวดังในไต้หวันเมื่อช่วงต้นมกราคมที่ผ่านมา

เธอได้โพสต์ว่า “เมื่อช่วงวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนกลับไต้หวัน 1 วัน ขณะที่นั่งรถแท็กซี่กับเพื่อน ๆ กลับโรงแรม ระหว่างทางช่วงราว ตี 1 กว่า ๆ กลับถูกตำรวจที่ตั้งด่านเรียกให้รถหยุดและขอค้นตัว ค้นกระเป๋า โดยมีการมาจับค้นที่กระเป๋ากางเกง และกระเป๋าสตางค์ 

มีการถามถึงเรื่องวีซ่า เมื่อเธอยื่นหนังสือเดินทางให้ดูเเละบอกว่าได้ของวีซ่า VOA เข้ามา (VOA คือวีซ่าที่ขอที่สนามบินเมื่อมาถึงไทยเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย) 

แต่เเล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรวจค้นเธอกลับบอกว่า ไม่ยอมรับวีซ่า VOA  ต้องใช้เป็นวีซ่าจริง ๆ ที่มีตราและพิมพ์เท่านั้น คือยังไงก็จะพยายามหาข้อหายัดใส่เธอให้ได้

คนในกลุ่มเธอได้มีการอัดคลิปเพื่อเป็นหลักฐาน และเพื่อป้องกันตัว แต่ถูกเจ้าหน้าบอกให้ลบคลิป ยื้อไปมาเจรจาตกลงกัน เธอเล่าต่อว่าเขาจะพาไปสถานีตำรวจเธอก็บอกไปก็ไป (แต่ก็ไม่ได้พาเธอไป) 

เธอยืนจนเมื่อยจนนั่งยองกับพื้นก็บอกให้เธอลุก ทำเสียงดุดันใส่เธอ บังคับให้เธอพูดขอโทษ (ทั้งที่เธอไม่ผิดอะไร) เธอก็ยอมทำทุกอย่าง เธอแทบอ้อนวอนให้ปล่อยเธอไปเพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิด เธอกลัวมาก เธอบอกว่าตอนนั้นราวกลับในหนังพวกเมซิกันที่จับค้นค้ายาอะไรแบบนั้นเลย แต่เธอไม่ใช่ เธอนักท่องเที่ยว!!  ทำแทบทุกอย่างแต่ก็ไม่ยอมปล่อยเธอ จนเธองงว่าเธอทำผิดอะไร

เธออ้อนวอนเจรจาอยู่นาน แทบจะกราบ เธอบอกพยายามพูดภาษาไทยนิด ๆ พูดว่าขอโทษ ขอร้อง เเต่ไม่เป็นผล เธอทำทุกอย่าง เหลือเพียงแต่คุกเข่าไหว้แค่นั้น สุดท้ายยื้ออยู่ราว 2 ชั่วโมง และได้พาเธอไปที่ลับตาคน โดยมีการหลบกล้อง cctv หน้าสถานทูตจีน (จากที่เธอบอกต่อสื่อ) เเล้วบอกว่า “ทั้งหมดในรถต้องจ่ายมา 27,000 บาท ถึงจะยอมปล่อย!!” ทางดาราสาวบอกว่า คือ ง่าย ๆ จะเอาเงินนั่นแหละ เธอเลยถึงบางอ้อ 

สุดท้ายพอเธอยอมจ่าย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกเเท็กซี่ให้พวกเธอกลับโรงแรม เธอยังเล่าต่อว่า ข้างๆเธอยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี เป็นผู้หญิง 5 คน โดนอย่างเธอ ไม่แน่ใจว่า กลุ่มที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ (เธอเรียกพวกนี้ว่า 黑警 hēijǐng เฮยจิ่ง หมายถึง ตำรวจเลว) คือ จ้องจะจับแต่นักท่องเที่ยวผู้หญิงชาวเอเชียหรือไม่?!

‘สุชาติ’ ขึ้นเชียงรายติดตามสถานการณ์แรงงาน เร่งพัฒนากำลังคนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ - ท่องเที่ยว

รมว.สุชาติ ขึ้นเชียงรายติดตามสถานการณ์แรงงาน พัฒนากำลังคน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ - ท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบน 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุม หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย แพร่ น่าน พะเยา เพื่อติดตามผลการดำเนินการตามนโยบายกระทรวงแรงงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ไตรมาสที่ 1 ผลการเร่งรัดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว และส่งเสริมการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ และการดำเนินการส่งเสริมการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในเศรษฐกิจระดับชุมชน สินค้าอุตสาหกรรมในชุมชน วิสาหกิจชุมชน โดยมี นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 เข้าร่วมประชุมด้วย ณ ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย

เปิดภาพ 'อาจารย์แม่' รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ 'ครูภาษาไทย-นักพูดชื่อดัง' ในวัยครบ 87 ปี

เปิดภาพ 'อาจารย์แม่' ตำนานครูภาษาไทย นักพูดชื่อดัง ฉลองวันเกิดครบ 87 ปี

(26 ม.ค. 66) เกิดกระแสในโลกออนไลน์ ได้มีการโพสต์ภาพของ 'รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ' หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า 'อาจารย์แม่' ผ่านแฟนเพจ 'ภาพเก่าในอดีต' พร้อมข้อความระบุว่า "ครูบาอาจารย์ นักพูด พิธีกร ผู้บริหารสถานศึกษา ฯ อาจารย์แม่เกิด 7 มกราคม 2479 ปัจจุบันอายุ 87 ปีแล้วครับ"

สำหรับรองศาสตราจารย์ สุนีย์ สินธุเดชะ อดีตเคยเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต อดีตอาจารย์ประจำสาขาวิชาการสอนภาษาไทย ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ทั้งนี้คนส่วนใหญ่ต่างรู้จักรองศาสตราจารย์ สุนีย์ สินธุเดชะ ในฐานะนักโต้วาทีชื่อดังและในฐานะนักพูดประจำรายการ 'ทีวีวาที' โดยมีสไตล์การพูดในแนวหยิกกัดและน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

‘บิ๊กตู่’ พอใจ ศธ. เร่งแก้ปัญหาหนี้ครู ผนึก 13 หน่วยงาน แก้หนี้เป็นรูปธรรม - ลดเหลื่อมล้ำ

(26 ม.ค. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนเป็นวาระสำคัญ 

ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์พอใจกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้เร่งขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยล่าสุดนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ‘การดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา’ ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กับหน่วยงานและสถาบันการเงิน 12 แห่ง เพื่อต่อยอด ‘โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย’ และ ‘มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย’ ที่มีการช่วยเหลือและปรับโครงสร้างหนี้ให้ครูที่เข้าร่วมโครงการไปแล้วกว่า 10,300 ล้านบาท รวมไปถึงการเจรจาลดดอกเบี้ยกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศ  

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ความร่วมมือของ 13 หน่วยงานในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการและประสานความร่วมมือ เพื่อจัดกิจกรรมตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา และมีบทบาทหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครูอย่างยั่งยืน โดยดึงจุดแข็งของแต่ละหน่วยงานเข้าช่วยเหลือจัดการแก้ไขหนี้และการอบรมความรู้ปลูกฝังวินัยการเงิน พร้อมทั้งให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ สำหรับการชำระหนี้ การกู้ยืม การออม และการลงทุน เพื่อช่วยเหลือให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อาละวาดหนัก! ‘ผู้ช่วยฯสมพงษ์-ศปอส.ตร.’ เปิด 4 กลโกงโจรออนไลน์มาแรง เตือนปชช.ระวัง

26 มกราคม 2566 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) หัวหน้าอำนวยการด้านประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) , พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบช.ศปก.ตร./หัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ศปอส.ตร. , พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ฯ ปฏิบัติหน้าที่ ศปอส.ตร. และ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก./รองหัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ร่วมกันเปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม 2566 ฝ่ายบริหารการรับแจ้งความออนไลน์ ศปอส.ตร. และ บก.ตอท. พบคดีที่น่าสนใจควรเตือนประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อฉ้อโกง 4 คดี คือ

1) หลอกให้ลงทุนกับสถาบันติวสอบครูผู้ช่วย
2) ปลอมเพจโรงรับจำนำอีซี่มันนี่หลอกขายสินค้าหลุดจำนำ
3) หลอกให้โอนเงินโดยอ้าง 'โครงการประชารัฐ'
4) หลอกลงทุนอ้างบริษัทยักษ์ใหญ่ 'CP ALL'

นอกจากนี้พบว่ากลุ่มโจรออนไลน์ยังแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร หลอกลวงประชาชน โดยหลอกให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมมือถือระยะไกล ลงในมือถือ หลอกว่าจะคืนภาษี ทวงภาษี หรือให้เราตรวจสอบการเสียภาษี โดยการตรวจสอบผ่านโปรแกรมที่ส่งเป็นลิงค์มาให้โหลด ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเราโดยตรง เมื่อมือถือถูกมิจฉาชีพเข้าควบคุม ซึ่งมีคนตกเป็นเหยื่อมาแล้วหลายราย เบื้องต้นให้ตั้งสติ แล้วรีบกดปุ่มปิดมือถือให้ไว เพื่อตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตในเครื่อง แล้วคนร้ายจะไม่สามารถใช้งานบนมือถือเราได้ แล้วรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้เคียงไว้เป็นหลักฐานเพื่ออายัดบัญชีของเราไว้ก่อน 

'อัษฎางค์' แนะ!! การคงไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมของประเทศต้นทาง ในประเทศของคุณ จะทำให้ประเทศของคุณ 'สวยงาม' และ 'เจริญรุ่งเรือง'

(26 ม.ค. 66) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทด้านศิลปวัฒนธรรม ซึ่งกัมพูชาเริ่มมีการเคลมแรงจากประเทศไทยในระยะหลัง ว่า...

การคงไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมของประเทศต้นทาง ในประเทศของคุณ จะทำให้ประเทศของคุณ 'สวยงาม' และ 'เจริญรุ่งเรือง'

ทำไมผมพาดหัวเรื่องแบบนี้ ?

ประเทศไทย เป็นชื่อเรียกประเทศไทยมานานเกือบ 78 ปี เท่านั้น โดยก่อนวันที่ 7 กันยายน 2488 เรามีชื่อประเทศว่า “ประเทศสยาม”

สยามคือชื่อประเทศที่มีคนหลากหลายเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ อาศัยปะปนกัน ทั้งจีน แขกอินเดีย แขกอาหรับ แขกมาลายู มอญ และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่สยามมีคนไทยเป็นคนส่วนใหญ่และเป็นใหญ่ในประเทศ

ซึ่งความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรมนั้นหลอมรวมเป็นไทยในปัจจุบัน

ยกตัวอย่างเช่น...

ตั้งแต่คนไทยเราเกิดมาและจำความได้ เราก็เห็นว่ามีวัดจีน การไหว้เจ้าแบบจีน อาหารจีน เครื่องแต่งกายแบบจีนในเมืองไทย แม้กระทั่งการใช้คำในภาษาจีนในชีวิตประจำ เช่น เรายังคงเรียก อาเฮีย อาเจ้ อากง อาม่า รวมถึงเรายังเรียกคนไทยแท้ ๆ ว่า อาเฮีย อาเจ้ ด้วยซ้ำ แต่เราไม่เคยประกาศว่านั้นคือ ศิลปวัฒนธรรมไทย เรายอมรับชัดเจนว่านั้นคือ ศิลปวัฒนธรรมจีน

เรากินพิซซ่า สปาเกตตี แฮมเบอร์เกอร์ ตั้งแต่เราจำความได้ แต่เราไม่เคยบอกว่านั้นคือ อาหารไทย เรายอมรับว่ามันคือ อาหารฝรั่ง

เรากินโรตี ซูชิ ตั้งแต่เราเกิดและจำความได้ แต่เราก็ไม่เคยบอกว่ามันคืออาหารไทย เรายอมรับว่ามันคืออาหารอินเดีย อาหารญี่ปุ่น

เวลาเราเรียนภาษาไทย โรงเรียนและตำราเรียนของไทยเราก็สอนเราว่า ภาษาไทยคำนั้น ๆ มีที่มาจากที่ใด เช่น มาจากบาลี สันสกฤต ขอม เขมรโบราณ เรายอมรับชัดเจน

แต่บางอย่าง มันถูกพัฒนาต่อยอดวิวัฒนาการ จนกลายเป็นไทย ซึ่งเป็นธรรมชาติของการพัฒนา

เช่น ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ทั่วโลกยอมรับว่ามันคือ อาหารไทย ที่โด่งดังและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ทั้งที่ก๋วยเตี๋ยวคืออาหารของจีน แต่คนทั้งโลกเข้าใจว่า ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย คืออารยธรรมจีนที่ถูกถ่ายทอดและต่อยอดกลายเป็นไทย โดยที่จีนไม่ต้องไปเคลมว่ามันคืออาหารจีนเพราะต้นกำเนิดมาจากจีน

แม้แต่ สปาเกตตี ราวิโอลี่ ยอกกี้ ซึ่งเมื่อก่อนคนทั้งโลกเคยเข้าใจว่าเป็นอาหารประจำชาติของอิตาลี ที่ถือกำเนิดขึ้นโดยชาวอิตาลี แต่ความจริงมันคืออารยธรรมจีนที่ถูกถ่ายทอดและต่อยอดจนกลายเป็นอาหารอิตาลี

ศิลปวัฒนธรรมหรืออารยธรรมบางอย่าง ยังคงสภาพเป็นของชาติต้นทาง แต่ของบางอย่างถูกดัดแปลงต่อยอดพัฒนาจนกลายเป็นของอีกชาติ นั้นเป็นธรรมชาติของโลก

ไม่เคยมีคนจีนที่ชอบกินสปาเกตตีมาก แล้วประกาศว่ามันคือ ก๋วยเตี๋ยวของจีน ทั้งที่วัฒนธรรมกินเส้นถูกนำไปจากจีนสู่อิตาลีโดยมาร์โคโปโลแล้วต่อยอดวิวัฒนาการเป็นอาหารอิตาลีที่ทั่วโลกเคยยกย่องว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดและนิยมที่สุดในโลก

หรืออย่างเช่น กระดาษและดินปืน ซึ่งถือกำเนิดในประเทศจีน และถูกฝรั่งนำไปต่อยอดวิวัฒนาการ

จีนก็ไม่เคยเคลมว่า อารยธรรมเหล่านั้นเป็นของจีน เพราะจีนก่อกำเนิดและยิ่งใหญ่มาก่อน หรือเคลมสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของจีน แล้วก็เปลี่ยนชื่อเรียกสิ่งของเหล่านั้นไปเป็นชื่อจีน แล้วก็ประกาศว่ามันเป็นของจีน

แต่กัมพูชาชกมวยไทยและนิยมชมมวยไทย แล้วเอามวยไทยกลับไป โดยยังคงกติกาของมวยไทยไว้จนครบหมดสิ้น แต่เปลี่ยนชื่อเป็นภาษาเขมรแล้วบอกว่ามันคือศิลปวัฒนธรรมประจำชาติของตน เพราะจุดกำหนดมาจากบรรพบุรุษของตน มันคืออะไร

แบบนี้ จีน อียิปต์ อาหรับ เปอร์เซีย โรมันอิตาลี กรีก อังกฤษ ฝรั่งเศส หรือแม้แต่อเมริกา คงเคลมศิลปวัฒนธรรมวัฒนธรรมและอารยธรรมจากทั่วโลกได้มากมาย ว่าเป็นของตน แล้วเปลี่ยนชื่อเรียกสิ่งของเหล่านั้นเป็นภาษาของตน โดยอ้างว่ามันมีที่มาจากจุดกำเนิดจากบรรพบุรุษของตน

คุณเคยคิดกันบ้างมั้ย ว่าญี่ปุ่นกับเกาหลี ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองและร่ำรวยกว่าจีนมากมายหลายเท่า มีรากเหง้าอารยธรรมและศิลปวัฒนธรรมของมาจากไหน จีนเคยออกมาเคลมหรือไม่ว่าทั้งหมดนั้นคือของจีน ทั้งที่อารยธรรมและศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นกับเกาหลีมาจากจีนเกือบ ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์

'นิพิฏฐ์' เปิดเหตุผล 4 ข้อ จากมุมนักกฎหมาย 'ทักษิณ' อาจไม่กลับไทย ต่อให้ชนะแลนด์สไลด์

‘นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ’ นักกฎหมายมือฉมัง เปิดเหตุผล 4 ข้อ ทักษิณไม่กลับไทย ต่อให้ชนะแลนด์สไลด์

(26 ม.ค. 66) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักกฎหมายและนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า อนาคตของคุณทักษิณ ชินวัตร คุณทักษิณ ยังคงเป็นคนรวย ที่ล่องลอยไปในโลกนี้ได้เช่นเดิม ยกเว้น เมืองไทยที่ยังแวะเวียนมาไม่ได้ คงได้แต่ชะโงกหน้ามาดูแผ่นดินนี้ เวลานั่งเครื่องผ่านไป-ผ่านมาเท่านั้น ผมมีเหตุผล อธิบาย ดังนี้

1. คดีของคุณทักษิณ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริต คดีเหล่านี้ ไม่มีใครกล้าออกพรบ.นิรโทษกรรม เพราะมีนักโทษคดีทุจริตอยู่เยอะทั้งนักการเมือง,ข้าราชการ หากนิรโทษกรรมคดีทุจริตกันหมด ผมคิดว่าประชาชนคงไม่ยอม เพราะคดีทุนจีนสีเทา คดีกรมอุทยานฯ ก็จะขอร่วมขบวนมาด้วย หรือ จะนิรโทษเฉพาะคุณทักษิณ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้อีกเช่นกัน

2. คุณทักษิณ จะขอพระราชทานอภัยโทษได้ ตาม วิ.อาญา มาตรา 261 เป็นการเฉพาะตัว เฉพาะคดีทุจริตที่ถึงที่สุดแล้วเท่านั้น และหากได้รับพระราขทานอภัยโทษ คุณทักษิณก็ยังมีคดีอื่นที่ยังไม่ถึงที่สุดอีกหลายคดี คดีเหล่านั้นก็ขอพระราชทานอภัยโทษไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงที่สุด คุณทักษิณก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีก เราก็ไม่รู้ว่าพอศาลจะตัดสิน คุณทักษิณจะหนีไปอีกหรือเปล่า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top