Sunday, 11 May 2025
NewsFeed

‘เพื่อไทย’ จวก รัฐจัดการหลอกลวงออนไลน์ช้า จี้ ‘รมต.ชัยวุฒิ’ ควรปราบแก๊งต้มตุ๋นให้จริงจัง

(25 ม.ค. 66) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ม.ค. อนุมัติร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ว่า เหตุใดรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อยู่มา 8 ปีเพิ่งจะคิดทำเอาตอนนี้ ทั้งที่การออก พ.ร.ก.เป็นอำนาจเต็มของรัฐบาลที่ทำได้ทันที และทุกภาคส่วนก็เรียกร้องให้ดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจังมานานมากแล้ว ที่ผ่านมาเกิดปัญหาภัยไซเบอร์มากมาย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอสที่มีอำนาจอยู่เต็มมือ ต้องอธิบายกับสังคมให้ได้ว่าจงใจปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการให้เด็ดขาดหรือไม่ หรือดำเนินการล่าช้าเพราะอยู่ภายใต้รัฐบาลที่ทำงานไม่เป็น จนเกิดเป็นหลักฐานความล้มเหลวคาตาประชาชนมากมาย ทั้งแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์หลอกลวงและพนันออนไลน์ แอปพลิเคชันฝังมัลแวร์ล้วงข้อมูลประชาชน ตลอดจนคดีออนไลน์กว่า 114,000 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 22,000 ล้านบาท

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า ตนเห็นด้วยกับเนื้อหาหลายส่วนใน พ.ร.ก.แต่ยังมีข้อกังวล 2 ประการเกี่ยวกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีว่า 

1. มีหน้าที่และอำนาจอย่างไรบ้าง เพราะควรมีความพอดีในอำนาจสิทธิ์ขาด อย่าให้เกิดการให้อำนาจล้นจนละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชน

‘ชูวิทย์’ ชวนจับตา ‘ปฏิบัติการล้มทุนไทยสีเทา’ ชี้ เป็นทุนใหญ่ อยู่ในวงการพนันออนไลน์มานาน

'ชูวิทย์' แย้มปลายเดือนจะมีการจัดการกับ 'ทุนใหญ่สีเทา' แหล่งฟอกเงินของนายเอ็ดดี้ มือเก๋าในวงการพนันออนไลน์ระดับต้นของไทย อีกไม่กี่วันใกล้ถึงจุดเดือด

(25 ม.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และอดีตนักธุรกิจกลางคืน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

ข่าวแว่วมาว่า ปลายเดือนจะมีการจัดการกับ 'ทุนใหญ่สีเทา'

แหล่งฟอกเงินของนายเอ็ดดี้ (พันณรงค์ ขุนพิทักษ์) มือเก๋าในวงการพนันออนไลน์ระดับต้นของประเทศไทย

เอ็ดดี้เป็นคนสงขลา มีเงินหลายหมื่นล้าน ทำพนันออนไลน์มานาน ตั้งแต่ยุคต้น ๆ

เอ็ดดี้ซื้อโรงแรมที่ท่าขี้เหล็ก 3 แห่ง ซื้อบ้านที่ปอยเปต 6 หลัง ซื้ออพาร์ทเม้นท์ราคากว่า 200 ล้านบาท สร้างโรงแรมใหญ่ที่ท่าขนอม และซื้อโรงแรมที่อังกฤษราคากว่า 9,000 ล้านบาท

ต่อมา เอ็ดดี้ไปซื้อบ่อนอัลลัวร์ต่อจาก ส.ว. อุปกิต และขณะเดียวกันก็ใช้เงินไปฟอกที่ 'น' เพราะรู้จักมาจากลูกน้องตัวเองที่ชื่อปีเตอร์ ดาราเก่า

‘บิ๊กตู่’ ร่ายยาวผ่านเฟซบุ๊ก ลั่น!! คุกไม่ได้มีไว้ขังคนจน ยัน!! รัฐมีนโยบายปกป้องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

ไม่เว้นช่องไฟ ‘บิ๊กตู่’ ร่ายยาวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แจ้งประชาชนรัฐบาลมีนโยบายปกป้องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ดูแลสาธารณสุข -ความเป็นธรรม ลั่น คุกไม่ได้มีไว้ขังคนจน ‘ชี้’ ต้องการพิทักษ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทยทุกคน ให้ทั่วโลกยอมรับ

(25 ม.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเพจ Facebook ประยุทธ์ จันทร์โอชาPrayutChan -O -cha โดยมีข้อความระบุว่า...

“ผมมีเรื่องที่มีความสำคัญมากต่ออนาคตของประชาชนชาวไทยในภาพรวม อันเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างสรรค์สังคมไทย ให้เป็นสังคมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นคงของมนุษย์ (Human Security) ในด้านต่างๆ ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า ซึ่งผมมีความยินดีที่จะขอหยิบยกมากล่าวบางส่วน ดังนี้...

1. ด้านสุขภาพอนามัย : ครม.เห็นชอบ "โครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย" สำหรับเชื่อมโยงข้อมูลด้านสุขภาพของทุกคน ซึ่งโรงพยาบาลทุกระดับสามารถเข้าถึง ใช้ประโยชน์ และตรวจสอบประวัติการรักษา การวินิจฉัยโรค สิทธิประโยชน์ ฯลฯ ที่จะช่วยให้คนไทยทุกคนสามารถเข้ารับการรักษาที่ไหนก็ได้ ใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน อยู่ระหว่างเดินทาง หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งการส่งต่อผู้ป่วยไปรับการรักษาที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพต่อไป

2. ด้านการมีงานทำ รายได้ และเงินออมที่พอเพียงสำหรับอนาคต : ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวง สำหรับปรับเพิ่มเพดานการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นการออม ส่งผลให้มี "เงินบำนาญ" ใช้ตลอดชีพหลังเกษียณมากขึ้น เช่น ถ้าเริ่มออมตั้งแต่อายุ 15 ปี และเกษียณ 60 ปี ก็จะได้รับบำนาญ "รายเดือน" เพิ่มขึ้นมากว่าเดิม 2 เท่า คือ จาก 7,387 เป็น 16,779 บาท เป็นโอกาสที่ดีสำหรับพี่น้องแรงงานนอกระบบ รวมทั้งเด็กนักเรียน/นักศึกษา ที่อยากมีบำนาญบ้าง สามารถวางแผนการออม โดยรัฐบาลก็จะสนับสนุนเงินสมทบให้ตามสัดส่วนด้วย

3 สถิติส่วนตัว ใต้ปรากฏการณ์ ‘ลิซ่า’ ฟีเว่อร์ ที่ ‘กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด’ ยังต้องรับรอง

ถือเป็นอีก 1 ศิลปินสายเลือดไทย ที่ไปสร้างชื่อเสียงจนโด่งดังในระดับโลก ในฐานะศิลปินเคป็อป อีกทั้ง ‘ลิซ่า’ ยังสร้างปรากฏการณ์สำคัญหลายเรื่อง เช่น การขึ้นแท่นศิลปินเดี่ยว K-POP คนแรกที่ได้รับรางวัล MTV Video Music Awards / ศิลปินเดี่ยว K-POP คนแรกที่ได้รับรางวัล MTV Europe Video Music Awards และศิลปิน K-POP ที่มีผู้ติดตามบน instagram มากที่สุด

จากความสำเร็จที่เกิดขึ้น ทำให้เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 66 หนังสือบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ หรือ ‘กินเนสส์บุ๊ก’ (Guinness Book of World Records) ได้ประกาศว่า ‘ลิซ่า BLACKPINK’ หรือ ‘ลลิษา มโนบาล’ เมมเบอร์ชาวไทยของศิลปินเค-ป็อป BLACKPINK ที่เดบิวต์ในปี 2016 ได้ทำสถิติส่วนตัวเพิ่มอีก 3 รายการ เพิ่มเติมจากการทำสถิติในฐานะศิลปินหญิงเดี่ยว ยอดวิวยูทูบสูงสุดใน 24 ชม. (73.60 ล้านวิว) จากเพลง LALISA ซิงเกิ้ลเดี่ยวที่ปล่อยออกมาในเดือนกันยายน 2021 คือ…

คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดสัมมนาภาคกลาง-เปิดรับข้อเสนอโครงการปี 66

คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดสัมมนา ครั้งที่ 5 (ภาคกลาง) พร้อมเปิดรับข้อเสนอโครงการปี 66 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้จัดงานสัมมนา คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ภาคกลาง) ครั้งที่ 5 เมื่อวันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2566 ณ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ 

โดยนายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ให้เกียรติกล่าวเปิดงานสัมมนา โดยมีนางสุรีพร พรโสภณวิชญ์ ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน ซึ่งในครั้งนี้มีผู้สนใจทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลทั่วไป มาร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก โดยภายในงานมีการบรรยายเรื่อง 'ภาพรวมของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม' การบรรยายเรื่อง 'ขั้นตอนการยื่นเสนอขอรับทุนและการพิจารณากลั่นกรองโครงการ' และการบรรยายหัวข้อ 'เขียนข้อเสนอโครงการ/กิจกรรม อย่างไรเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม' โดยวิทยากรรับเชิญ คุณอภิเชษฐ์ อนุตรวณิชกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

‘บิ๊กป้อม’ จ่อไลฟ์สดแจงนโยบาย ขอบคุณทุกคนติดตามเฟซบุ๊ก

‘บิ๊กป้อม’ ขอบคุณคนติดตามเฟซบุ๊ก เผย นักการเมืองต้องคิดเก่ง-ประสานทุกฝ่ายไม่ขัดแย้ง เร่ง 3 เรื่อง ‘สร้างโครงสร้างพื้นฐาน-พลังงานเป็นธรรม-ปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิชุมชน’ จ่อไลฟ์สดแจงนโยบาย

(25 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวเพจเฟซบุ๊ก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์ข้อความทาง เฟซบุ๊กเป็นครั้งที่สอง ว่า... 

ขอขอบคุณสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนที่ให้ความสนใจจดหมายเปิดใจ ที่สื่อสารผ่านแฟนเพจ 'พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ' เมื่อ 13 มกราคม ที่ผ่านมา ทราบว่าวันแรกมียอดสืบค้นหาทางกูเกิลถึง 8 แสนครั้ง และเพิ่มขึ้นจนทะลุ 1.5 ล้านครั้ง ในวันที่สอง ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกสำหรับผมและพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับเสียงตอบรับจากสังคม ตรงตามเจตนารมณ์ที่ผมต้องการจะสื่อสารสองทาง ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ได้เต็มที่

ผมอาจจะเป็นมือใหม่บนโลกโซเชียลมีเดีย แต่ไม่ใช่มือใหม่ทางการเมือง  ตลอด 8 ปี การเมืองมีคุณค่ามากสำหรับผม ซึ่งจะทยอยเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป ว่าผมได้เรียนรู้อะไรบ้าง ขอได้โปรดติดตาม

แต่สำหรับวันนี้ ผมอยากจะบอกว่า ผมได้เรียนรู้ว่านักการเมืองไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง แต่จะต้องคิดเก่งและที่สำคัญคือต้องหาคนเก่งมาร่วมงานด้วย เพราะคนเรานั้นไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง

นอกจากนั้น นักการเมืองต้องสามารถประสานกับทุกฝ่าย ประนีประนอมกับทุกพรรค เพื่อลดความขัดแย้ง โดยยึดถือผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหัวใจสำคัญ จึงจะสามารถผลักดันประเทศชาติให้เดินหน้าไปได้

ผมพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว ทั้งในฐานะ ผบ.ทบ. และนักการเมือง โดยเฉพาะในรัฐบาลชุดนี้ ในฐานะหัวหน้าพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ประคับประคองมาจนจะครบวาระ ดังเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว

เป้าหมายที่พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญในขณะนี้ คือจะต้องนำพาประเทศฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ เพราะทั้ง IMF และธนาคารโลก ต่างก็เตือนว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้ จะยังชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศ

‘บิ๊กป้อม’ ไฟเขียว 3 จังหวัด เจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ 33 ย้ำ!! นักกีฬาทุกประเภทต้องมุ่งมั่นฝึกซ้อมเพื่อคว้าชัย

‘บิ๊กป้อม’ ถก ‘คณะกรรมการกีฬา’ ไฟเขียว 3 จังหวัด ‘กรุงเทพ-ชลบุรี-สงขลา’ เจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่33  โคราช เจ้าภาพ พาราเกมส์ ชมนักกีฬาสร้างชื่อเสียง ย้ำ กกท.เร่งพัฒนา-ดูแลสวัสดิการ 

(25 ม.ค. 66) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566 

โดยที่ประชุมเห็นชอบ จัดสรรเงินอุดหนุนให้กีฬาจังหวัด ประจำปี 2566 เพื่อส่งเสริมการพัฒนากีฬาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเห็นชอบให้เสนอแผนโครงการจำนวน 33 โครงการ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบจากกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ ปี 66 รวมทั้งเห็นชอบ ตามที่ กกท.เสนอให้ กทม.จ.ชลบุรี และ จ.สงขลา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค.2568 และให้ จ.นครราชสีมา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกม ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 20-26 ม.ค. 2569 ก่อนเสนอ ครม.ทราบต่อไป

ไขปม!! แก่นแท้แห่ง ‘กรุงศรีฯ’ พินาศหนแรก เมื่อสาย ‘อ่อนโอน’ VS ‘คลั่งสงคราม’ วัดพลังกัน

เนื้อหาในรอบนี้น่าจะมีใครหลายคนอยากตามติด เพราะผมจะพาทุกท่านไปติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการเสียกรุงศรีอยุธยาทั้ง 2 ครั้ง ที่เกิดจากการ ‘แสวงหาอำนาจ’ จนลืมนึกถึงคนในชาติ แต่ก่อนที่ผมจะเล่า ผมขอออกตัวก่อนว่านี่คือเรื่องเล่าจาก ‘บริบท’ ของอดีตที่จะนำมาสอนใจทุกท่าน เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศชาติให้แข็งแกร่ง ไม่ใช่การนำเอาอดีตมาตอกย้ำหรือสร้างดรามาให้ใครนะครับ 

สำหรับบทความแรกนี้ ผมจะสรุปถึงการเสียกรุงครั้งที่ 1 ของเรากันก่อน

หากพูดการเสียกรุงครั้งที่ 1 หลายคนคงทราบจากหนังสือประวัติศาสตร์ภาคบังคับแล้วว่ามี ‘ไส้ศึก’ ที่ชื่อ ‘พระยาจักรี’ ขุนนางกรุงศรีอยุธยาที่รู้เห็นเป็นใจกับกับพม่า ทำให้กองทัพพม่าสามารถบุกเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ แต่คุณเคยรู้หรือไม่ว่าก่อนที่จะเสียกรุงในปี พ.ศ.2112  ปัจจัยนอกจาก ‘พระยาจักรี’ มีเรื่องอะไรอีกบ้าง? แล้วพระยาจักรีคือคนขายชาติจริง ๆ หรือ? 

จริง ๆ แล้วการเสียกรุงนั้นเกิดขึ้นจากการสะสมความขัดแย้งของตระกูลราชวงศ์เป็นปฐมเหตุ นับแต่เมื่อคราวที่ ‘สมเด็จพระไชยราชาธิราช’ แห่งราชวงศ์ ‘สุพรรณภูมิ’ สวรรคต ‘พระยอดฟ้าราชโอรส’ ได้ขึ้นครองราชย์ โดยมี ‘แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์’ เป็นผู้สําเร็จราชการ จนเมื่อผ่านไป 1 ปี 2 เดือน พระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ จากนั้นก็ได้สถาปนา ‘ขุนวรวงศาธิราช’ ขึ้นครองบัลลังก์ ซึ่งตามรากของตระกูลที่พอสมมติได้ ‘ขุนวรวงศาธิราช’ และ ‘แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์’ นั้นมาจาก ‘ราชวงศ์ละโว้-อโยธยา’ ที่อยากมีอำนาจเหนือราชบัลลังก์กรุงศรีอยุธยาอันนี้เป็นคำรบหนึ่งแห่งความวุ่นวาย

แต่เพียงแค่ 42 วัน ‘ขุนวรวงศาธิราช’ ก็ตกบัลลังก์โดยการจัดหนักของทีมงาน ‘ขุนพิเรนทรเทพ’ ซึ่งสืบเชื้อสายพระร่วงเจ้า มาแต่ราชวงศ์สุโขทัย ซึ่งถือว่าเป็นใหญ่ในหัวเมืองฝ่ายเหนือตามชอบธรรม เมื่อกู้บัลลังก์คืนแล้วจะขึ้นครองเองก็ได้แต่ด้วยความไม่พร้อมบางประการ จึงได้มอบบัลลังก์ให้แก่ ‘พระเทียรราชา’ จากราชวงศ์สุพรรณภูมิ ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์เป็น ‘สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ’ พระอนุชาต่างมารดากับ ‘สมเด็จพระไชยราชาธิราช’

เมื่อได้เสวยราชสมบัติแล้ว 'สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ' ทรงตอบแทนคุณความดีของคณะผู้ก่อการทั้งหลายอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะ 'ขุนพิเรนทรเทพ' ที่ได้อวยยศเป็นถึง 'พระมหาธรรมราชา' และยังยก 'พระสวัสดิราช' ซึ่งกาลต่อมาคือ 'พระวิสุทธิกษัตรี' ที่ผู้ที่พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาเรียกว่า 'สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฝ่ายใน' ให้เป็นพระมเหสีแก่ 'พระมหาธรรมราชา' ก่อนขึ้นไปครองเมืองพิษณุโลก คุมหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งหมด ซึ่งเป็นการตอบแทนที่ใหญ่โตเป็นอย่างยิ่ง และเป็น 'ดาบสองคม' ที่เป็นเหตุทำให้ถึงกับเสียกรุงศรีอยุธยาเลยทีเดียว

ซึ่งถ้ามองประวัติศาสตร์ในห้วงเวลานี้อย่างถ่องแท้จะเห็นว่าความผูกพันระหว่างกรุงศรีอยุธยากับเมืองเหนือ เหมือนจะดีแต่เอาเข้าจริง ๆ มันยังคงมีลักษณะของความไม่แน่นอนแฝงอยู่มาก เช่น ตำแหน่งของราชบุตรเขยที่ 'พระมหาธรรมราชา' เปรียบเหมือนรัชทายาท เป็นเจ้าผู้ครองแคว้น เป็นเจ้าฟ้าสองแคว ปกครองหัวเมืองเหนือทั้งหมด ใหญ่กว่า 'พระราเมศวร' รัชทายาทที่มีอำนาจรองจาก 'สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ' ไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอะไร เพราะสิทธิ์ขาดอยู่ที่องค์เหนือหัว อำนาจบารมีก็ไม่ได้ก่อร่างสร้างขึ้น แตกต่างจาก 'พระมหาธรรมราชา' อย่างสิ้นเชิง สรุปคือ 'พระราชบุตรเขย' มีอำนาจมากกว่า 'พระราชโอรส' ของกษัตริย์อยุธยา ดังนั้นเมื่อมีมือที่สามเข้ามาแทรก หรือมีคนมาเสี้ยม ไม่แปลกที่ย่อมทำให้แตกร้าว ออกอาการกันได้ และการศึกพม่าจากหงสาวดีก็เปรียบเสมือนเป็นลิ่มที่ตอกรอยแตกแยกให้ปรากฏชัดเร็วขึ้น 

จากการเรียนประวัติศาสตร์ไทย ก่อนที่เราจะเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2112 นั้น พม่าได้ยกทัพเข้ามาทําศึกกรุงศรีอยุธยาถึง 3 ครั้ง ดังนี้ 

ครั้งแรกเป็นสงครามเสียพระสุริโยทัย พ.ศ. 2091 'พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้' ยกทัพมาทางด่านในเขตจังหวัดกาญจนบุรีเข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา ครั้งนี้พระมหาธรรมราชายังร่วมมือกับกรุงศรีอยุธยาแต่เป็นการร่วมมือแบบห่าง ๆ ไม่ได้ลงมาตีกระหนาบ กองทัพเมืองเหนือได้เข้าปะทะกองทัพพม่าก็เมื่อพม่าได้ล่าถอยเข้าสู่เขตแดนเมืองเหนือแล้ว ซึ่งพม่าก็ได้เห็นถึงความเปราะบางของความผูกพันนี้ โดยเฉพาะแม่ทัพที่ชื่อ 'บุเรงนอง' ซึ่งคือตัวละครหลักในการเสียกรุงจากฝั่งพม่า

ครั้งที่สองเป็นสงครามช้างเผือก พ.ศ. 2106 'พระเจ้าบุเรงนอง' ยกกองทัพใหญ่เข้ามาทางด่านแม่สอดจังหวัดตาก มีหน่วยลําเลียงเสบียงอาหารจากล้านนา และยึดเมืองเหนือได้ทั้งหมด เหลือเพียงเมืองพิษณุโลกของ 'พระมหาธรรมราชา' ที่ต่อสู้ป้องกันเมือง แต่กระนั้นก็ไม่มีกำลังเสริมใด ๆ โดยเฉพาะกรุงศรีฯ ที่ส่งสารไปแล้วก็ไม่ตอบสนองการทัพขึ้นไปช่วยแต่อย่างใด สุดท้ายก็ต้องยอม ซึ่งพระเจ้าบุเรงนองคาดการณ์สิ่งนี้ไว้แล้ว 

จากนั้นกองทัพของพระเจ้าบุเรงนองก็ยกเข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา โดยมี 'พระมหาธรรมราชา' คุมกําลังเมืองเหนือร่วมทัพมาด้วย การยกทัพมาประชิดเมืองครั้งนี้ 'พระเจ้าบุเรงนอง' อ้างเหตุมาขอแบ่งช้างเผือกเพื่อประดับบารมี แต่พระมหาจักรพรรดิไม่ยอมถวาย ก็พยายามเข้าราวี ต่อกร แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของทัพพม่าได้ ซึ่งสงครามครั้งนี้มีบันทึกไว้ว่านอกจากจะเสีย 'ช้างเผือก' แล้ว ยังต้องมอบ 'พระราเมศวร' พระราชโอรสองค์โตในฐานะ 'องค์ประกัน' และต้องมอบขุนนางที่อำนวยการสงครามอีกผู้หนึ่ง นั่นก็คือ 'พระยาจักรี' ให้ไปเป็นข้ารับใช้พระเจ้าบุเรงนอง ที่หงสาวดีด้วย 

หลังจากเสร็จสงครามช้างเผือกแล้ว 'สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ' ก็ทรงลาผนวช โดยมี 'สมเด็จพระมหินทราธิราช' ขึ้นครองบัลลังก์อยุธยา แต่แค่เพียงอยุธยาและเมืองที่ขึ้นกับอยุธยาในด้านอื่น ๆ เท่านี้นะครับ ไม่รวมหัวเมืองเหนือและเมืองที่ขึ้นตรงกับหงสาวดี โดยเฉพาะเมืองเหนือนั้น พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาบันทึกไว้ว่า “เมืองเหนือทั้งปวงเป็นสิทธิแก่พระมหาธรรมราชาเจ้า อนึ่งการแผ่นดินในกรุงพระมหานครศรีอยุธยา พระมหาธรรมราชาบังคับบัญชาลงมาประการใด สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินต้องทำตามทุกประการ” สรุปกรุงศรีอยุธยาอยู่ภายใต้อํานาจของพม่าแล้ว โดยมีพระมหาธรรมราชาที่เมืองเหนือกํากับดูแลเป็นหูเป็นตาแทน แต่ยังให้เกียรติแก่กรุงศรีอยุธยาไม่ได้นับเป็นเมืองขึ้น (สวามิภักดิ์ในฐานะเมืองน้อง ห้ามกระด้างกระเดื่อง) และยังให้อำนาจปกครองตนเองอยู่ ก่อนจะเข้าสู่สงครามครั้งที่ 3 

ครั้งที่สาม คือสงครามกรุงศรีอยุธยาแตก พ.ศ. 2112 สงครามครั้งนี้ห่างจากสงครามช้างเผือกประมาณ 6 ปี เป็นช่วงเวลาที่ราชอาณาจักรพม่าหงสาวดีภายใต้การนําของบุเรงนอง มีความเป็นปึกแผ่น และทรงพลานุภาพที่สุด แต่กระนั้นฝั่งกรุงศรีฯ ยังคงมีความคิดแข็งข้อกับพม่า โดยหันไปคบกับพระไชยเชษฐาแห่งราชอาณาจักรลาวล้านช้างด้วยหวังจะให้มาเช็กบิลกับ 'พระมหาธรรมราชา'

‘ไอติม’ อัด!! ศธ.ยกเลิกระเบียบทรงผม ยิ่งเปิดช่องโรงเรียนออกกฎไร้ขอบเขต

‘พริษฐ์-ก้าวไกล’ ชี้ ศึกษาธิการ ยกเลิกระเบียบทรงผม ไม่ได้แก้ปัญหา ยิ่งเปิดช่องโรงเรียนออกกฎไร้ขอบเขต แนะ ต้องมีมาตรฐานให้ชัด ห้ามโรงเรียนบังคับทรงผมเด็ก พร้อมสะท้อน ศธ. บทบาทกลับหัวกลับหาง เรื่องที่ควรให้อิสระโรงเรียนกลับไม่ให้ เรื่องที่ควรต้องคุ้มครองสิทธิเด็กในทุกโรงเรียน กลับไม่ทำ

(25 ม.ค. 66) พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงนามยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 เปลี่ยนเป็นการกำหนดแนวปฏิบัติกว้าง ๆ เกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนหรือนักศึกษา ให้สถานศึกษาแต่ละแห่งนำหลักเกณฑ์ไปกำหนดเป็นระเบียบหรือข้อบังคับเอง

พริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าพูดเฉพาะประเด็นการกำหนดทรงผม สิ่งที่รัฐมนตรีทำ ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องทรงผมของนักเรียน และอาจทำให้เป้าหมาย 'เสรีทรงผม' ห่างไกลกว่าเดิม เพราะการยกเลิกกฎระเบียบส่วนกลางเกี่ยวกับทรงผม และโอนความรับผิดชอบและการตัดสินใจทั้งหมดไปที่โรงเรียน จะยิ่งเปิดช่องให้โรงเรียนแต่ละแห่งออกกฎเกณฑ์เรื่องทรงผมที่ละเมิดสิทธิผู้เรียนอย่างไรก็ได้แบบไร้ขอบเขต เช่น โรงเรียนแห่งหนึ่งสามารถออกกฎให้เด็กทุกคนต้องโกนหัวก็ได้ ดังนั้น ถ้าอยากแก้ปัญหาจริง ๆ กระทรวงควรออกระเบียบหรือมาตรฐานขั้นต่ำจากส่วนกลางให้ชัด ห้ามไม่ให้โรงเรียนออกกฎระเบียบตนเองที่บังคับเด็กเรื่องทรงผม

‘ณัฐธิดา’ รองปธ. อบจ.ปทุมธานี สวมเสื้อ ภท. เผย ชื่นชอบนโยบายพรรค ‘พูดแล้วทำ’

‘ภูมิใจไทย’ เปิดบ้านต้อนรับ ‘หนึ่ง-ณัฐธิดา’ รองปธ.อบจ. ปทุมธานี เข้าเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ เจ้าตัวบอกชื่นชอบนโยบายพรรค ‘พูดแล้วทำ’   

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่พรรคภูมิใจไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับ น.ส.ณัฐธิดา เกียรติพัฒนาชัย สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ลำดับที่ 1 เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และสวมเสื้อแจ็คเก็ตพรรคภูมิใจไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top