Sunday, 11 May 2025
NewsFeed

ลงชื่อในแถลง ‘ก้าวไกล’ ค้านย้าย ‘หมอสุภัทร’ เสี่ยงผิด รธน.ฐานแทรกแซงแต่งตั้ง โทษถึงขั้นพ้น ส.ส.

'ก้าวไกล' แถลงคัดค้านย้าย 'หมอสุภัทร' จาก ผอ.รพ.จะนะ ไป รพ.สะบ้าย้อย อ้างเป็นเรื่องการเมือง พร้อมจี้ สธ.ทบทวนคำสั่ง ขณะที่ 'พิธา' ลงชื่อในแถลงการณ์เอง เสี่ยงทำผิด รธน.มาตรา 185 แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย ส่อโดนศาลสั่งพ้นสภาพ ส.ส.

เมื่อวานนี้ (26 ม.ค. 66) ที่ผ่านมา หลังจาก นพ.สวัสดิ์ อภิวัจนีวงค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปฏิบัติราชการแทนปลัด สธ. ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 125/2566 เรื่อง ย้ายข้าราชการ โดยการย้ายครั้งนี้ มี นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผอ.รพ.สะบ้าย้อย ในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สงขลา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนาม คือ วันที่ 25 ม.ค. 2566 เป็นต้นไปแล้วนั้น

พรรคก้าวไกลได้ออกแถลงการณ์ ลงชื่อโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อแสดงจุดยืนต่อเรื่องดังกล่าว มีรายละเอียดระบุว่า “จากกรณีมีคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขโยกย้ายข้าราชการ นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา มีผลตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

“พรรคก้าวไกลขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว และขอตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการโยกย้ายด้วยเหตุผลทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากนายแพทย์สุภัทรเป็นข้าราชการที่ทำงานเป็นปากเสียงแทนประชาชน มีความกล้าหาญในการแสดงความเห็นคัดค้านผู้มีอำนาจ และเปิดเผยข้อมูลสาธารณสุขที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขทบทวนคำสั่งดังกล่าวโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การออกแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลคัดค้านการย้าย นพ.สุภัทร และขอให้กระทรวงสาธารณสุขทบทวนคำสั่งย้ายดังกล่าว มีความสุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 185 ที่ระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ใช้สถานะหรือตําแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภากระทําการใด ๆ อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่าย หรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในเรื่องดังต่อไปนี้

ศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 พาน้องๆ ปลูกประสบการณ์ชีวิต เรียนรู้วีถีแห่งความพอเพียงนอกรั้วโรงเรียนบางกะปิ

เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.66) ทาง ศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 (บางเขน) ได้ต้อนรับ คณะ #โรงเรียนบางกะปิ ซึ่งมาศึกษาดูงาน ณ #ศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 (บางเขน) ในหลักสูตร DAYTRIP B2

ทั้งนี้ทางศูนย์ได้เปิดการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ ความพอเพียงแก่น้อง ๆ ที่ถึงจะเป็นเด็ก ก็สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยเด็กนักเรียนที่มาที่นี่ ต่างได้พบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่นอกเหนือจากชีวิตประจำวัน ทั้งการดำนา ปลูกต้นไม้ตามวิถีบรรพบุรุษ และยังได้พบเจอกับน้องกระบือที่น่ารักที่รอต้อนรับน้อง ๆ อยู่

‘วิถีชีวิตแบบเก่า ที่ไม่เก่า’

‘สันติ’ เผย ‘สมคิด’ ยกทีม ‘สอท.’ กลับ ‘พปชร.’ เป็นเรื่องดี มีมือ ศก. มาช่วยหัวหน้าพรรค

‘สันติ’ ไม่รังเกียจ!! ‘สมคิด’ ยกทีม สอท.กลับ พปชร. บอกดีเสียอีกมีมือเศรษฐกิจมาช่วยหัวหน้าพรรค เชื่อทำงานกับ ‘นฤมล-มิ่งขวัญ’ ได้

(27 ม.ค. 66) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค พปชร.ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมใหญ่สามัญพรรค พปชร.ถึงกระแสข่าว นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) จะนำ สอท.กลับมาอยู่กับ พปชร.อีกครั้ง ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร.ได้วางแนวทางเอาไว้ว่าเราจะเป็นพรรคก้าวข้ามความขัดแย้ง อีกทั้งบุคคลที่มีชื่อตามข่าวไม่ได้ข้อด้อยอะไร โดยเฉพาะเป็นนักวิชาการ นักเศรษฐกิจ มีความตั้งใจที่จะมาช่วยกันดูแลบ้านเมือง ถ้าเป็นคนดีพรรคไม่เคยรังเกียจ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่ผู้สื่อข่าวถามได้สอบถามหรือบุคคลต่าง ๆ ตนและสมาชิกพรรคจะส่งเสริม

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวพูดคุยและดีลกับนายสมคิด กลับสู่ พปชร.เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่านักเศรษฐกิจและผู้ที่มีความรู้ความสามารถมีมาคุยกับพวกเราและหัวหน้าพรรค พปชร.จำนวนมาก และจะมีบุคคลที่มีคุณลักษณะดังกล่าวเข้ามาช่วยงานพรรคอีกจำนวนมาก ดังนั้น ที่สื่อมวลชนถาม นายสมคิดก็ดี นายอุตตม สาวนายน ก็ดี หากขอเข้ามาร่วมกับพรรค โดยส่วนตัวเห็นว่าดีเสียอีก ไม่มีความเสียหายใด ๆ เพราะนายสมคิดมีความตั้งใจที่จะดูแลบ้านเมือง มีความรู้ความสามารถค่อนข้างมาก ท่านมีกำลังที่จะมาช่วยหัวหน้าพรรคในเรื่องเศรษฐกิจ ลงทุน จะทำให้ดีขึ้น ซึ่งพรรคของเราไม่ปฏิเสธแน่นอน

‘ลุงหนู’ ไม่ประมาท เฝ้าระวังตามแนวทางวิชาการ แม้โควิดในประเทศลด สวนทาง นทท.เข้าไทยเพิ่ม

สธ.เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 เผยเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ของปี 66 ผู้ติดเชื้อใหม่ยังลดลง สวนทางจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไหลเข้าไทยเพิ่มต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนเข้ารับวัคซีน ด้านรองนายกฯ อนุทิน ย้ำแผนเฝ้าระวังตามข้อแนะนำด้านวิชาการ

(27 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันกำหนดแนวทางรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภายหลังทางการประเทศจีนประกาศอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 เป็นต้นมา กระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ได้มีการติดตามโควิด19 อย่างใกล้ชิด เพื่อมีข้อมูลนำไปสู่การบริหารจัดการที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ กรมควบคุมโรคได้รายงานข้อมูลล่าสุด ระบุให้เห็นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด19 รายใหม่ ในประเทศยังคงปรับตัวลดลง สวนทางกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุถึงข้อมูลนักท่องเที่ยวล่าสุดว่าตั้งแต่วันที่ 1-21 ม.ค. 66 มีต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 1,342,365 คน โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากรัสเซีย (143,580คน) มาเลเซีย (138,737คน) เกาหลีใต้ (111,522คน) อินเดีย (68,609คน) และ ลาว (56,517คน) ตามลำดับ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 15-21 ม.ค. 66 ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่3 ของปี 66 ในการรายงานสถานการณ์โควิด19 พบว่า มีรายงานผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 627 ราย เฉลี่ยวันละ 90 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า (8-14ม.ค.) ที่มีผู้ป่วยใหม่ 969 คน เฉลี่ยวันละ 138 คน ขณะที่ผู้เสียชีวิตตลอดสัปดาห์อยู่ที่ 44 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่เสียชีวิต 65 ราย

“เฉพาะชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8-21 ม.ค. 2566 พบผู้ติดเชื้อ 8 คน โดยมีอาการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 1 คน และที่เหลือส่วนใหญ่ไม่มีอาการ สัญชาติที่ตรวจพบเชื้อ อันดับ 1 คือ จีน 3 คน เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อังกฤษและเกาหลีใต้ ประเทศละ 1 คน และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเฝ้าติดตามสายพันธุ์ของโควิด19 ก็รายงานว่าสายพันธุ์ที่พบในไทยขณะนี้ ร้อยละ 86 คือนสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.75 ส่วนที่เหลือเป็นสายพันธุ์อื่นที่เคยพบในต่างประเทศ”รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

กระทรวงแรงงาน จับมือ 9 หน่วยงานรัฐ + เอกชน MOU ความร่วมมือด้าน 'การส่งเสริมการมีงานทำ'

วันที่ 27 มกราคม 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำ ณ ห้องประชุม ชั้น 5 กระทรวงแรงงาน โดยมีนายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี

นายสุรชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด - 19 ที่เริ่มคลี่คลาย ระบบเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น จนมีแนวโน้มจะเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน กระทรวงแรงงานจึงได้จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการให้บริการจัดหางาน เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานให้กลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยการขับเคลื่อนการให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e - Service) เชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ผ่านระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านแรงงาน หรือ Big Data โดยในวันนี้กรมการจัดหางาน กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวม 9 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สมาคมโรงแรมไทย บริษัทจัดหางาน จ็อบ มายเวย์ จำกัด บริษัทจัดหางาน กู๊ด จ๊อบ โปรเพสชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทจัดหางาน เก็ทลิงส์ จำกัด และบริษัทจัดหางาน อินเทิร์นชิพส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำ เพื่อจัดทำระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านแรงงาน หรือ ระบบ Labour Big Data Analytics สำหรับเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลด้านความต้องการแรงงาน และด้านกำลังแรงงาน เพื่อใช้แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และการว่างงาน 

“ข้อมูลมหาศาลเหล่านี้จะช่วยเตรียมความพร้อมการวางแผนกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และแนวทางการพัฒนาประเทศ สอดรับกับนโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้กระทรวงแรงงานบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการสร้างโอกาสการเข้าถึงอาชีพ ให้ประชาชนมีรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าว

มูลนิธิเรารักสงขลา สร้างดอกไม้เยาวชนบานที่สงขลา สืบสานปณิธานรัฐบุรุษ เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

วันนี้ 27 มกราคม 2566 ณ สวนประวัติศาสตร์พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ หมู่ 2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา นายอุทัย กาญจนะ  ผอ.สพป.สงขลา เขต 2 มอบให้ น.ส.ชฎาพร เสนเผือก รอง ผอ.สพป.สงขลา เขต 2 ร่วมพิธีเปิดโครงการค่ายผู้นำเยาวชน สงขลาศึกษา สงขลาสู่มรดกโลก และเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน จะช่วยพัฒนาความเป็นผู้นำของเยาวชนสร้างความกระหนักถึงคุณค่าระดับสากลของเมืองสงขลา มีจิตอาสาที่ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินฯตามปณิธานของรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

โดยมีเยาวชนจากสถานศึกษาในสังกัด สพป.สงขลา เขต2 ในเขตบริการ 5 อำเภอ ได้รับการคัดเลือก จำนวน 25 คน เข้าร่วมกิจกรรมค่ายพัฒนาผู้นำเยาวชนฯ ณ สวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ สงขลา รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 27 – 29 มกราคม 2566

พปชร.เคาะ ‘บิ๊กป้อม’ หนึ่งเดียวแคนดิเดตนายกฯ ชี้!! เป็นที่ ‘เคารพ-ศูนย์รวมใจ’ ลูกพรรค

เคาะ ‘บิ๊กป้อม’ หนึ่งเดียวแคนดิเดตนายกฯ พปชร. ชี้!! เป็นที่เคารพ-ศูนย์รวมใจลูกพรรค ไฟเขียว ตั้ง ‘บุญสิงห์-สกลธี-อภิชัย’ นั่งกก.บห.แทนที่ว่าง ด้าน ‘เสธ.โย’ นั่งนายทะเบียน ฟาก ‘อนุชา-สุรสิทธิ์’ ไขก๊อก กก.บห. ‘วิรัช’ ปลุกใช้ใจบันดาลแรงดัน ‘ประวิตร’ ผู้นำคนที่ 30

(27 ม.ค. 66) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ได้จัดประชุมใหญ่สามัญพรรค ครั้งที่ 1/2566 โดยมีนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ทำหน้าประธานการประชุม โดยประธานแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงการแก้ไขข้อบังคับพรรค และมีกรรมการบริหารพรรคลาออก 3 คน คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ลาออกจาก ผอ.พรรค, นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลาออกจาก กก.บห. และนายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ลาออกจากนายทะเบียนพรรค และได้มีการเสนอให้สมาชิกลงมติเลือกกรรมการบริหารพรรค จำนวน 3 คน แทนตำแหน่งที่ว่างคือ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล, นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และนายอภิชัย เตชะอุบล เป็นกรรมการบริหารพรรค

และเห็นชอบตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค เสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. เป็นบุคคลที่พรรค พปชร.เสนอให้ได้รับการพิจารณาเป็นนายกฯ เพียงชื่อเดียว และขั้นตอนจากนี้จะมีการเสนอต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป

ด้านนายวิรัช กล่าวว่า วันนี้ถือว่า พปชร.เราก้าวนำในพื้นที่ เราเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯก่อนทุกพรรค โดยเสนอเพียงชื่อเดียว ซึ่งพวกเราหมายมั่นปั้นมือกันทุกคน เราจะต้องร่วมแรงร่วมใจ หรือเอาใจบันดาลแรง ที่จะทำให้แคนดิเดตนายกฯ พปชร.ได้เป็นนายกฯคนที่ 30 และจากการที่เราเสนอจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เราได้เป็น นายกฯ คราวนี้เรามีความเชื่อมั่น 100% หรือ 1,000% ว่า หัวหน้าพรรคพปชร.จะได้เป็นนายกฯแน่นอน นอกจากนี้ขอแจ้งให้สมาชิกพรรคเข้าร่วมงานระดมทุนในวันที่ 30 ม.ค.นี้อย่างพร้อมเพรียง ห้ามขาด ขณะเดียวกัน นโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะนโยบายแรกคือ บัตรประชารัฐ 700 บาท และจากสโลแกนของ พปชร. เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาพื้นที่ อยากให้ทุกคนช่วยกันรณรงค์ ช่วยกันไปหาเสียงกับประชาชน จะใช้คำว่า 700 ทั่วไทย หรือจะใช้คำว่า ป้อม 700 หัวหน้าพรรคไม่ได้ขัดข้อง

ขณะนายไพบูลย์ แถลงผลการประชุมใหญ่สามัญพรรค ว่า ประเด็นสำคัญของการประชุมคือ การแก้ไขข้อบังคับ โดยเฉพาะการคัดเลือกเสนอบุคคลที่เห็นสมควรเสนอให้พิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกฯของพรรค ที่ปกติต้องรอให้มีการประกาศเลือกตั้งทั่วไปก่อน จึงจะดำเนินการ แต่เนื่องจากพรรคพปชร. พลังประชารัฐอยากให้เกิดความชัดเจน จึงได้ดำเนินการก่อนจะมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.)การเลือกตั้งออกมา

นายไพบูลย์ กล่าวว่า โดยที่ประชุมใหญ่ได้ดำเนินการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ หลังตนได้รับฟังความเห็นจาก ส.ส. ตัวแทนพรรค สาขาพรรค และสมาชิก ทุกท่านเห็นตรงกันว่าพรรคต้องเสนอบุคคลที่สมาชิกพรรคเคารพสูงสุด และเป็นศูนย์รวมจิตใจมาโดยตลอด คือ พล.อ.ประวิตร จึงได้เสนอท่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงชื่อเดียว เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ และศักดิ์ศรีของพรรค 

"ทุกคนเห็นตรงกันเสนอ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงท่านเดียว เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และศักดิ์ศรีของพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องเสนอท่านที่สูงสุด เหมาะสมที่สุด ที่ประชุมทุกระดับชั้น เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร มีความเหมาะสม และเชื่อว่าท่านจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แน่นอน" นายไพบูลย์ กล่าว

‘นิพนธ์’ ลุยยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านอาหาร มอบทุนส่งเสริม 14 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคลังกาสุกะ

‘เฉลิมชัย’ มอบ ‘นิพนธ์’ เดินหน้ายุทธศาสตร์ ทำชายแดนใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านอาหาร มอบทุนส่งเสริม 14 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคลังกาสุกะ ห้าจังหวัดชายแดนใต้

เมื่อวานนี้ (26 ม.ค. 66) นายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยได้รับมอบหมายจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีลงนามในสัญญากู้ยืมเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคของวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งมอบป้ายสนับสนุนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ให้แก่วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและจังหวัดนราธิวาส จำนวน 14 กลุ่ม  และมอบนโยบายการขับเคลื่อน โครงการเมืองปศุสัตว์ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีนายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ รองผวจ. ปัตตานี นายอำเภอกะพ้อ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน 14 กลุ่ม และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว ณ สนามฟุตบอลตำบลปล่องหอย หมู่ที่ 5 ตำบลปล่องหอย อำเภอกะพ้อจังหวัดปัตตานี

โดยที่กองบริหารกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้พิจารณาอนุมัติ สัญญายืมเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร โครงการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรเลี้ยงโคให้กับวิสาหกิจชุมชนจำนวน 14 กลุ่ม 14 โครงการ เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการต่อยอดอาชีพ การเลี้ยงโคเนื้อ และยกระดับสินค้าโคเนื้อให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากระดับชุมชน นำไปสู่การพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้ออย่างยั่งยืน รวมวงเงินทั้งสิ้น 54,149,600 บาทประกอบด้วยจังหวัดปัตตานี จำนวน 13 กลุ่ม 13 โครงการ วงเงิน 50,538300 บาท 

และในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสจำนวน 1 กลุ่ม 1 โครงการ วงเงิน 3,611,300 บาท โดยนายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานในพิธีลงนามในสัญญากู้ยืมเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคของวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและจังหวัดนราธิวาส และมอบป้ายสนับสนุนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้แก่วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและจังหวัดนราธิวาสจำนวน 14 กลุ่ม โดยมีตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคลังกาสุกะ มารับมอบจากรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ 

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า กระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมจะร่วมขับเคลื่อนการทำงานให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม ผ่านโครงการสำคัญในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางอาหาร เช่นโครงการเมืองปศุสัตว์ชายแดนภาคใต้ โดยกรมปศุสัตว์และหน่วยงานในสังกัดได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ และการพัฒนางานด้านการเกษตร ได้มีการมอบหมายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การพัฒนาส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน 'ฮาลาล' ในพื้นที่ชายแดนใต้ การพัฒนาแบบมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ

‘บิ๊กป้อม’ ถก คกก.ประมง จัดการทรัพยากรทะเลแบบยั่งยืน กำชับ ‘กรมประมง’ เข้มข้อกฎหมาย - โปร่งใส - ยึดหลักสากล

(27 ม.ค. 66) มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 (ผ่านระบบ Video Conference) เพื่อกำหนดแนวทางการทำประมงพื้นบ้านและการนำเรือประมงออกนอกระบบ โดยที่ประชุมรับทราบ ความเห็นของคณะกรรมาธิการยุโรป (DG-MARE) ถึงความพยายามของไทย ต่อพัฒนาการติดตาม เฝ้าระวังและควบคุมการทำประมงภาพรวม โดยขอให้เพิ่มการตรวจสอบดำเนินคดีอย่างเต็มประสิทธิภาพตามขั้นตอนกฎหมายกับเรือที่มีข้อมูลจากศูนย์ FMC เรือเข้าออกท่าที่ผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันมิให้ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำผิดกฎหมาย เข้าสู่ห่วงโซ่อาหารหรือส่งออกต่างประเทศ และรับทราบการขยายเวลายกเว้นบังคับใช้กฎหมาย MMPA ของสหรัฐฯ ออกไปอีก 1 ปี จนถึง 31 ธ.ค.66 

พร้อมกับรับทราบความก้าวหน้า นโยบายและแผนบริหารจัดการประมง และแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายในทะเลสาบสงขลา ปี 66-70 รวมทั้งผลการประเมินประเทศไทย ต่อสถานการณ์การขจัดแรงงานเด็กในรูปแบบเลวร้ายที่สุดของ สหรัฐฯ ปี 64 โดยเสนอให้ความสำคัญกับ การควบคุมบังคับใช้อายุขั้นต่ำของการจ้างแรงงานให้ครอบคลุมการจ้างแรงงานนอกระบบ การกำหนดอาชีพและกิจกรรมเสี่ยงที่อันตรายต่อเด็กให้ครอบคลุมมากขึ้น และการเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพผู้ตรวจแรงงานนอกระบบในพื้นที่ห่างไกล

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! ปี 65 ยอดจดทะเบียนธุรกิจพุ่ง 7.6 แสนราย สะท้อนนักลงทุนเชื่อมั่น - เกิดการจ้างงานในระยะยาว

(27 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รับทราบข้อมูลด้านการลงทุนที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยยอดธุรกิจตั้งใหม่ จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน การออกบัตรส่งเสริมที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ออกให้แก่นักลงทุนไทยและต่างชาติตลอดปี 2565 ที่เพิ่มขึ้นมากเป็นสัญญาณชี้การลงทุนใหม่ในระยะต่อไป ที่จะนำไปสู่การจ้างงานและการมีงานทำของประชาชนในระยะยาว

“นายกรัฐมนตรีพอใจกับยอดธุรกิจตั้งใหม่และการขอรับส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งการลงทุนใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะนำไปสู่การจ้างงาน การมีรายได้และกำลังการใช้จ่ายของประชาชนในระยะยาว ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top