Monday, 19 May 2025
NewsFeed

คืบหน้า อาการของไฮโซดัง ‘ปลาวาฬ’ นักธุรกิจเจ้าของโรงแรมศรีพันวา หลังได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชนเสาไฟฟ้า แพทย์เผยยังรักษาในห้องไอซียู เนื่องจากสมองกระทบกระเทือน

นายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เปิดเผยถึงอาการของ นายวรสิทธิ อิสสระ กรรมการผู้จัดการโรงแรมศรีพันวา ซึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้รับบาดเจ็บเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 14 มี.ค. 64 ว่า ขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการหนัก ยังต้องรักษาตัวในห้องงไอซียู เนื่องจากสมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง โดยแพทย์ได้ทำTC สแกนสมอง เพื่อดูว่าเลือดคั่งในสมองหรือไม่ รวมทั้งต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ทั้งนี้เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 14 มี.ค. 64 ร.ต.อ.ชาตรี ชูวิเชียร พนักงานสอบสวน สภ.วิชิต จว.ภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักชนเสาไฟฟ้าข้างทางริมถนน หน้าโรงเรียนบ้านอ่าวน้ำบ่อ ต. วิชิต เมือง จ. ภูเก็ต หลังรับแจ้งจึงเข้าตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งป้ายทะเบียน 6 กษ 1245 กรุงเทพมหานคร ชนอัดติดอยู่กับเสาไฟฟ้าโดยคนขับถูกอัดติดภายในรถ เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตต้องใช้เครื่องตัดถ่างเพื่อนำผู้บาดเจ็บออกมาจากรถใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงนำออกมาได้ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และประสานรถยกนำรถเก๋งคันดังกล่าวไปเก็บไว้ที่สภ.วิชิต จว.ภูเก็ต

จากการตรวจสอบคนขับรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว คือ นายวรสิทธิ อิสสระ หรือ ปลาวาฬ นักธุรกิจ เจ้าของโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน


ที่มา : https://www.posttoday.com/social/local/647876

ภาพ มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต

อดีตสมาชิกวุฒิสภา ‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ ส่งหลักฐาน ถึงป.ป.ช. งัด คลิป - รูปภาพ จากสื่อ จี้ สอบพระเครื่อง ‘บิ๊กตู่ - บิ๊กป้อม’ พ่วง ‘สมพงษ์’ ผู้นำฝ่ายค้าน

เมื่อวันที่ 15 มี.ค.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้ส่งหนังสือถึงประธานกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เนื่องจากเมื่อต้นปี 2564 มีการเผยแพร่ข่าวเปิดกรุพระเครื่องของนายกรัฐมนตรี และเมื่อย้อนไปดูคลิปข่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยให้สัมภาษณ์ และมีการนำเสนอเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 เปิดกรุพระเครื่องของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้ปลดกระดุมเสื้อเพื่อโชว์พระที่ห้อยคอ แล้วระบุว่ามีพระมาตั้งนานแล้วแต่ไม่ได้นับว่าทั้งหมดกี่องค์ และเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 คลิปที่พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีโชว์พระเครื่อง ว่าที่โชว์ยังน้อย จริง ๆ มีเป็นร้อยองค์ และตนก็พกแต่ไม่ได้โชว์

นายเรืองไกร กล่าวว่า "เมื่อค้นหาข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับบัญชีทรัพย์สินฯ ที่พล.อ.ประยุทธ์ ยื่นต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2557 กลับมีไม่ถึง 100 องค์ จึงมีเหตุสมควรตรวจสอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยื่นบัญชีพระเครื่องไว้ครบถ้วนหรือไม่ และเมื่อไปตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินอื่นของ พล.อ.ประวิตร ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4กันยายน 2557 พบว่าไม่มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินอื่นไว้เลย ทั้งที่ในคลิปที่มีการนำเสนอผ่านสื่อระบุชัดเจนว่า พล.อ.ประวิตร ก็มีพระเครื่องที่พกอยู่ด้วยเช่นกัน"

“เมื่อนำคำพูดของบิ๊กป้อมที่บอกว่า บิ๊กตู่มีพระเป็นร้อยองค์ ไปตรวจสอบกับบัญชีทรัพย์สินของบิ๊กตู่ พบว่า มียื่นไว้ไม่กี่รายการ ดังนั้น จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า อาจมีพระเครื่องอีกหลายสิบองค์ที่บิ๊กตู่อาจไม่ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.” นายเรืองไกรกล่าว

นายเรืองไกร ยังขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินอื่นของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2562 วันที่ 21 สิงหาคม 2562 วันที่ 9 ตุลาคม 2562 วันที่ 26 ตุลาคม 2562 และวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ปรากฏข่าวภาพตามสื่อต่างๆ พบว่านายสมพงษ์ สวมใส่นาฬิกา หรือสร้อยคอหรือมีพระบูชาในห้องทำงานอยู่ด้วย แต่ในบัญชีทรัพย์สินอื่นที่ยื่นไว้เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ไม่มีการยื่นรายการดังกล่าวไว้

นายเรืองไกร กล่าวว่า "ตามคู่มือของ ป.ป.ช. บอกไว้ว่า ทรัพย์สินอื่นถ้ามีมูลค่ารวมกันเกิน 200,000 บาท ก็ต้องยื่นบัญชี เมื่อมีข้อเท็จจริงตามที่กล่าวมา ประกอบกับทั้ง 3 คน เป็นผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะ จึงมีเหตุที่ควรถูกตรวจสอบตามกฎหมายต่อไป ตนจึงส่งหนังสือเพื่อขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินอื่นของทั้ง 3 คน ว่า ได้ยื่นไว้ครบถ้วนแล้วหรือไม่"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการยื่นขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบในครั้งนี้ นายเรืองไกร ได้นำคลิป ภาพ และคำสัมภาษณ์จากสื่อต่าง ๆ ที่มีการนำเสนอมาเป็นหลักฐานให้กับ ป.ป.ช.

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จ่อ ดัน “โชห่วย” เข้าตลาดหุ้น หวังช่วยสร้างความเข็มแข็งให้ธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมฯ กำลังหาทางผลักดันให้ร้านค้าปลีกค้าส่งที่อยู่กลุ่มส่งเสริมพัฒนาจากกรมฯ และเป็นร้านค้าต้นแบบ 213 ราย เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพิ่มเติม

เพื่อเป็นการช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของไทย หลังจากก่อนหน้านี้ สามารถผลักดันเข้าไปจดทะเบียนและมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ สำเร็จแล้ว 2 ราย คือ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) ที่เชียงราย และบริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จากัด (มหาชน) ที่หาดใหญ่

สำหรับประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้ โดยสามารถระดมเงินทุนมาใช้ในการขยายกิจการ เพิ่มจำนวนสาขา และแข่งขันกับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ได้ อีกทั้งยังทำให้ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกของคนไทย มีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง

ปัจจุบัน มีร้านโชห่วยทั้งประเทศประมาณ 4 แสนราย โดยตัวเลขที่ทรงตัวอยู่ในระดับนี้มานาน เพราะมีการเปิดใหม่ และปิดตัวไปเท่าๆ กัน โดยรายเดิมที่ปิดตัวไป มีทั้งทำธุรกิจมานาน และไม่มีลูกหลานมาทำกิจการต่อ จึงต้องปิดตัวไป หรือทำแล้วประสบปัญหา แข่งขันไม่ได้ ก็ปิดตัวไป

แต่ก็มีรายที่ปรับตัว และอยู่รอดได้ ก็ทำธุรกิจต่อ และยังมีรายใหม่ ๆ เข้ามาทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลมีมาตรการช่วยบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งโครงการคนละครึ่ง เราชนะ เรารักกัน ทำให้ร้านโชห่วยมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงมีร้านโชห่วยเกิดใหม่มากขึ้นตามไปด้วย

พีค of the week EP.10

สัปดาห์ที่ผ่านมา กทม. แทบแตก เพราะ ‘พระมหาเทวีเจ้า’ เดินทางด้วยรถไฟไทย มาเยือน กทม. งานนี้แฟนคลับมารอท่าจนหัวลำโพงแทบแตก พอเปิดหน้าจอสมาร์ตโฟนขึ้นมา โอ๊ว มีข่าวที่ร้อนแรงยิ่งกว่าแม่หญิงลี เป็นเรื่องราวดาราสาว 'จั๊กจั่น' กับโลกหลายใบของเธอ กลายเป็นมหากาพย์ที่สายเผือกจับจ้องกันตาไม่กระพริบ

หันมาทางด้านการเมือง นี่ก็ฮอตได้ตลอด ๆ หลังจากแนวร่วมม็อบสามนิ้ว ทยอยเข้าเรือนจำ บรรดาคณาจารย์จึงต้องออกโรง ขอยื่นเรื่องประกันเพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหา ได้กลับไปเรียนหนังสือ ต้องติดตามกันว่า ศาลจะพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวได้เมื่อไร แต่เอาเป็นว่า ตอนนี้ไปดูบรรดาข่าวพีค ๆ เหล่านี้เสียก่อน THE STATES TIMES รวบตึงมาให้ชมกันแล้ว ณ บัดนาว! Let’s go!!

.

 

 

ใครพ่น เราจะลบ!! ลูกเสืออากาศ พิทักษ์สาธารณะ ไล่ล่าลบรอยพ่นสีตามกำแพง

ไม่นานมานี้กลุ่ม ‘ลูกเสืออากาศ’ วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ได้ดำเนินกิจกรรมจิตอาสา ปฏิบัติการลบรอยพ่นสีตามสถานที่สาธารณะบริเวณดอนเมือง บางเขน หลักสี่ ปากเกร็ด บางกระดี เมื่อวันเสาร์ที่ 13 และ วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 

โดยเหตุผลของการลบครั้งนี้ เด็ก ๆ มองว่า... 

“เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม 

“ใครพ่นเราลบ จบนะครับ”
 

นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีปัญหาพี่น้องชาวกะเหรี่ยงบางกลอยว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชน การบังคับให้โยกย้ายถิ่นฐานตั้งแต่ปี 2539 และปี 2554 จนมาถึง ปี 2564

ของเจ้าหน้าที่รัฐต่อพี่น้องชาวกะเหรี่ยงบางกลอยเป็นการกระทำที่ไม่เคารพสิทธิชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม เป็นการโยกย้ายที่ไม่ชอบด้วยหลักการสากลที่รัฐบาลลงนามกับนานาอารยะประเทศ

ตนในนาม ส.ส.พรรคก้าวไกล สัดส่วนชาติพันธุ์ เมื่อทราบว่ามีการใช้กฎหมายที่รุนแรง จึงได้นำเรื่องเข้าสู่กรรมาธิการสามัญ ได้แก่ กรรมาธิการ, เด็ก, เยาวชน, สตรี, ผู้สูงอายุ, ผู้พิการ, กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศ, กรรมาธิการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อกรณีนี้

ทั้งนี้ เพื่อการแก้ปัญหาในระยะยาว พรรคก้าวไกลและเครือข่ายชาติพันธุ์พรรคก้าวไกล จึงได้ร่วมกันยกร่างกฎหมายว่าด้วย พ.ร.บ.ชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย เพื่อเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นรูปแบบการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยขณะนี้อยู่ในกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในแต่ละภูมิภาค และจะนำเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรตามขั้นตอนกระบวนการ โดยประเด็นสำคัญในร่าง พ.ร.บ.ชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย มี 2 ประเด็นหลัก คือ

1.) การยอมรับและรับรองความมีตัวตนของชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตราที่ 70 ในรูปแบบเขตวัฒนธรรมเฉพาะ หรือ เขตวัฒนธรรมพิเศษตามบริบทพื้นที่ของชาติพันธุ์ต่าง ๆ

2.) สร้างกลไกการทำงานประสานความร่วมมือ และการกำหนดแผนงานยุทธศาสตร์ต่างๆร่วมกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายมานพ กล่าวต่อว่า ส่วนงานนอกสภาผู้เเทนราษฎรตนได้ลงพื้นที่พบปะผู้นำชุมชนบางกลอย และร่วมทำงานกับเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อมภาคตะวันตก และเครือข่ายภาคี save บางกลอยเพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือทั้งในระยะสั้นและระยะยาวผ่านกลไกคณะทำงานภาคประชาชน และกลไกที่หน่วยงานภาครัฐแต่งตั้งขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับพี่น้องชาวกะเหรี่ยงภาคเหนือระดมข้าวสารและข้าวเปลือก จำนวน 4 ตัน ส่งมอบให้พี่น้องบางกลอยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะเร่งด่วน และล่าสุดได้ลงไปให้กำลังใจผู้ที่ถูกดำเนินคดีจำนวน 22 รายทั้งในพื้นที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และสถานที่ชุมนุมที่ข้างทำเนียบรัฐบาล

เฟซบุ๊ก สำนักงานยุทธศาสตร์การศึกษา สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความ เปิดข้อปฏิบัติในการสอบ O-NET ปีการศึกษา 2563 มีดังนี้

ระเบียบการเข้าห้องสอบ

1.) ไม่มีเลขที่นั่งสอบ (ไม่มีสิทธิ์สอบ)

2.) ไม่มีบัตรแสดงตน (ไม่มีสิทธิ์สอบ)

3.) ไปผิดสนามสอบ (ไม่มีสิทธิ์สอบ)

4.) ไปสายเกิน 30 นาที (ไม่มีสิทธิ์สอบในวิชานั้น)

5.) ห้ามนําเครื่องมืออุปกรณ์สื่อสารเข้าห้องสอบ

6.) ให้นั่งสอบจนหมดเวลา

7.) อนุญาต ให้นํานาฬิกาเข้าห้องสอบ (ต้องเป็นนาฬิกาธรรมดาที่ใช้ดูเวลาเท่านั้น)

หลักฐานที่ใช้ในการเข้าห้องสอบ

บัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรประจําตัวนักเรียนที่มีรูปถ่าย หรือ บัตรที่ทางราชการเป็นผู้ออกให้ที่มีรูปถ่ายและยังไม่หมดอายุ

อุปกรณ์และหลักฐานที่อนุญาตให้นําเข้าห้องสอบ

1.) ปากกา ใช้สําหรับกรอกรายละเอียดต่าง ๆ บนหัวกระดาษคําตอบ

2.) ดินสอดํา 2B ใช้สําหรับระบายรหัสวิชา เลขที่นั่งสอบและคําตอบที่ต้องการเลือก

3.) ยางลบ

4.) กบเหลาดินสอ

5.) บัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรประจําตัวนักเรียนที่มีรูปถ่าย หรือบัตรที่ทางราชการเป็นผู้ออกให้ที่มีรูปถ่ายและยังไม่หมดอายุ

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวนักเรียนที่มีรูปถ่าย หรือบัตรที่ทางราชการเป็นผู้ออกให้ที่มีรูปถ่าย และยังไม่หมดอายุ.


ที่มา: https://www.facebook.com/bmaedustrategy/posts/1619905211529371

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า #อนุทินและธนาธรใครโกหกประชาชน มีเนื้อความว่า

ผมได้อ่านรายละเอียด ความขัดแย้งในคลับเฮาส์ ระหว่าง นายอนุทิน และนายธนาธร เรื่องการฉีดวัคซีน

โดยนายธนาธรกล่าวหานายอนุทินว่า โกหกประชาชน เรื่องแผนการฉีดวัคซีน ด้านนายอนุทินก็ชี้แจงไปว่า สิ่งที่นายธนาธรพูดนั้นข้อมูลเก่า

เมื่อผมติดตามศึกษา รายละเอียดเพิ่มเติมที่ทีมแพทย์แถลง ผมเชื่อนายอนุทินครับ เพราะแผนงานต่าง ๆ นั้นสามารถปรับได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์

ต่างจากโครงการเมย์เดย์ เมย์เดย์ 3,000 บาทถ้วนหน้า ไม่ต้องพิสูจน์ความจน มีประชาชนลงทะเบียนมา 3 ล้านคน จ่ายเงินจริงแค่ 2,427 คน ที่สำคัญ มีการเอาเงินบริจาคไปทำอย่างอื่นอีก แบบนี้ถึงจะเรียกว่า โกหกประชาชน

ขอรบกวนคุณหมอท่านใด ที่สนับสนุนนายธนาธร(เพราะหมออย่างผม เขาคงไม่ฟัง) ช่วยเตือนเขาด้วยว่า อย่าเอาการเมือง มายุ่งกับงานวิจัยทางการแพทย์ วัคซีนและการรักษาพยาบาล เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของจริยธรรม คนที่ไม่มีจริยธรรมจะไม่ค่อยเข้าใจ


ที่มา: https://www.facebook.com/1635406246730420/posts/2867414883529544/

ยูทูบช่อง China Daily เผยแพร่ภาพ ‘เฉิง หยุนฟุ’ ชาวนาหนุ่มวัย 39 ปี กำลังนวดแป้ง ก่อนทำบะหมี่ขายในราคาชามละ 14 บาท ที่ตลาดเขต ‘เฟยเซียน’ มณฑลชานตง ภาคตะวันออกของจีน โดยมีผู้คนแห่ไปชมกันล้นหลาม ความดังของเขา ส่งผลให้เศรษฐกิจในเมืองเจริญก้าวหน้าไปด้วย

เซาท์ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ได้เผยว่า ในโลกออนไลน์มีการแชร์คลิปภาพของ หนุ่มชาวจีนที่ชื่อ ‘เฉิง หยุนฟุ’ ที่กำลังโด่งดังในฐานะบุคคลผู้มีน้ำใจจนได้ฉายา ‘พี่บะหมี่’ หลังจากเขาขายบะหมี่มานานกว่า 15 ปี ในราคาเพียง 3 หยวน หรือประมาณ 14 บาทเท่านั้น

ก่อนหน้านี้มีคนไปถ่ายคลิปให้เขาขณะทำบะหมี่ขายที่ตลาดเขตเฟยเซียน มณฑลชานตง ภาคตะวันออกของจีน และสอบถามไปว่าทำไมเขาถึงคิดราคาเพียง 3 หยวน ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบแบบตรงไปตรงมาว่า...

“ที่ต้องตรึงราคา 3 หยวนไว้ เพราะถ้าไปขึ้นราคา คนในหมู่บ้านก็คงกินไม่ได้ ถ้าคนมีเงินน้อย ก็ใช้วิธีลดเส้นลง ดีกว่าปล่อยให้คนหิว ถ้าทุกคนรวยเมื่อไรและมีโชคแล้ว ผมก็ค่อยขึ้นราคาก็ได้นี่นะ”

หลังจากคลิปดังกล่าวได้โพสต์ลง ปรากฏว่ามีคนเข้าไปดูคลิปมากกว่า 200 ล้านวิว พร้อมกับคำชื่นชมว่าชาวนาหนุ่มผู้นี้เป็นคนซื่อๆ แต่กลับมีน้ำใจเป็นอย่างมาก

กระแสข่าวเรื่องนี้ ทำให้สำนักข่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างแห่กันไปรุมสัมภาษณ์และเกาะติดชีวิตของชาวนาหนุ่มทันที แม้ช่วงแรก ‘เฉิง หยุนฟุ’ จะรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก เพราะเกิดความวุ่นวายในชีวิตหลายอย่าง เช่น สูญเสียความเป็นส่วนตัว หรือลูกค้าเก่า ๆ หายไปหมด

อย่างไรก็ตาม เขาก็พยายามอดทน เพราะเห็นว่าหลังจากมีคนเข้ามาดูการทำบะหมี่ขาย เศรษฐกิจในเมืองมีความเจริญก้าวหน้า นักท่องเที่ยวมากขึ้น การค้าขายดีขึ้น และเมื่อเขาทำใจยอมรับการเป็นคนดัง เขาก็เริ่มชื่นชอบเหล่าสื่อและบล็อกเกอร์ที่มารุมล้อม ประกอบกับมีอาสาสมัครในหมู่บ้าน ทำทีมรับบล็อกเกอร์และแฟนคลับให้เขา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความโกลาหล มีการจัดระเบียบให้เข้าชมอย่างเป็นระบบด้วย

ชมคลิป


ที่มา: https://www.dailynews.co.th/foreign/830804

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_6115969


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top