Monday, 19 May 2025
NewsFeed

‘สิระ’ ตอกเจ็บกลุ่มอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซัดอย่ามาอ้างเรื่องการเรียน ดิ้นประกัน ‘เพนกวิน - รุ้ง - ไผ่’ ให้สังคมเดือดร้อน แนะวิธีง่าย ๆ เอาข้อสอบไปทำกันในคุก ชี้ผิดถูกแยกไม่เป็นเรียนไปก็ไร้ประโยชน์

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2564 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ 4 อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตรียมยื่นอุทธรณ์ประกันตัว น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง , นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ในวันนี้ ว่า การยกเหตุผลนักศึกษามีสอบกลางภาคขึ้นมาสร้างความชอบธรรม เป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่า ตนคิดว่าคนเป็นครูบาอาจารย์ไม่น่าเพิ่งจะคิดถึงอนาคตของเด็กได้ในตอนนี้ พฤติกรรมที่ผ่านมาของเด็กกลุ่มนี้มีความสุ่มเสี่ยงที่จะติดคุก ติดตาราง ซึ่งน่ากลัวกว่าการไม่ได้สอบเยอะ แต่อาจารย์กลับไม่สั่งสอนในสิ่งที่ถูกต้องให้กับเด็ก แถมยังยุยงส่งเสริมให้เด็กไม่เคารพกฎหมาย มาในตอนนี้กลับมาเรียกร้องถึงการสอบ แล้วทำไมตอนทำชั่วไม่คิด

"อาจารย์กลุ่มนี้ก็เป็นพวกเคยประท้วงจะหยุดการสอน หน้าเดิม ๆ ทั้งนั้น ผมขอแนะนำว่า ทางที่ง่ายที่สุด อาจารย์ไม่ต้องยื่นประกันตัว เพราะถ้าออกมาก็จะสร้างความวุ่นวายให้สังคมอีก ผมคิดว่า อาจารย์ควรเดินหน้าทำแบบลูกศิษย์ที่รักของตัวเองซะ เพื่อให้ถูกจับเข้าคุก จะได้ไปเจอหน้ากัน โดยที่คนอื่นในสังคมก็ไม่ต้องเดือดร้อน และอย่าลืมเอาข้อสอบเข้าไปให้เด็กๆ ทำในคุกด้วย" นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า "ตนขอถามว่ามั่นใจหรือถ้าประกันตัวออกมาแล้วจะไปเรียนหนังสือ เท่าที่ตนเห็นแต่ละกระทำความผิดมาไม่ต่ำกว่า 10 คน ไม่มีวี่แววว่าจะกลับตัวกลับใจได้ เพราะฉะนั้นอย่าเอาคำว่าอนาคตมาอ้างเพื่อกดดันสังคม ถ้าไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แยกแยะถูกผิดไม่ได้ การศึกษาคงไม่มีประโยชน์กับคนกลุ่มนี้ ก่อนทำอะไรต้องไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน และตอนนี้ต้องรับผลกรรมแห่งการกระทำ บรรดาอาจารย์ที่อยากปกป้องช่วยเข้าใจด้วย ถ้าเรื่องแค่นี้ยังตะแบง เอาสีข้างเข้าถู ก็อย่าเรียกตัวเองว่าอาจารย์เลย ลาออกมาเป็นแกนนำจะดีกว่า จะได้ไม่เปลืองภาษีประชาชนที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้ และเด็กรุ่นต่อ ๆ ไป เขาจะได้ไม่ต้องมีอาจารย์ที่สั่งสอนแต่เรื่องผิด ๆ จนต้องติดคุกติดตารางแบบพวกคุณ"


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/558613

รวมนักการเมือง เปลี่ยนชื่อแล้ว ปัง!

เมื่อวาน กระแสข่าว การเปลี่ยนชื่อของ ‘แรมโบ้อีสาน’ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเจ้าตัวเปลี่ยนชื่อมาเป็น เสกสกล อัตถาวงศ์ ไม่ใช่ ๆๆ ต้องใช้ว่า ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ท่านแรมโบ้อีสานแจ้งกับนักข่าวอย่างนี้ ต่อไปนี้ ถ้าไม่เรียก ด็อกเตอร์เสกสกล ก็ต้องเรียกว่า ด็อกเตอร์แรมโบ้ กันล่ะนะ

พอมีข่าวนักการเมืองเปลี่ยนชื่อแซ่ THE STATES TIMES เลยไปสรุปมาให้ว่า ที่ผ่านมา มีนักการเมืองคนไหนบ้าง ที่เคยจัดการเปลี่ยนชื่อแซ่ แถมเพิ่มเติมให้อีกนิดว่า พอเปลี่ยนแล้ว ปัง ปัง ปัง ไม่ใช่เสียงปืนนะ เสียงความโด่งดังต่างหาก ไม่เชื่อไปดูสิ มีคนไหนไม่ดังบ้าง

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือน เมื่อรถ EV สัญชาติจีนเริ่มตีตลาดไล่บี้ Tesla ด้วยราคาสุดพิเศษ ถูกใจคนวัย First Jobber ที่เพิ่งเริมชีวิตทำงานได้ไม่นาน แต่ต้องต้องการความคล่องตัว แถมวิ่งได้ในระยะทางไม่ต่างกันมาก

แม้ว่า Tesla Model-3 จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในจีนในเวลานี้ถึงจะมีราคาสูงถึงคันละ 38,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.17 ล้านบาท ต่อคัน) แต่หากมีกำลังซื้อเพียงพอ ชาวจีนก็เลือกที่จะซื้อ Tesla ที่เป็นเหมือนแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก เหมือนกับถ้าพูดถึงสมาร์ทโฟน คนก็จะนึกถึง iPhone เป็นแบรนด์แรก ๆ

แต่ในจีนก็มีกลุ่มผู้ซื้อมากมาย ทั้งที่ไม่สนใจแบรนด์เลย ขอให้ใช้งานได้ ในราคาคุ้มค่า ซึ่งเข้าทางผู้ผลิตรถยนต์จีน พากันออกรถ EV รุ่นใหม่สู่ตลาดในราคาเพียงแค่ 1 ใน 3 ของ Tesla ด้วยสเปคที่ใกล้เคียงกัน เพื่อดึงตลาดระดับกลาง ที่พิจารณาเรื่องราคา และระยะทางที่วิ่งได้เป็นหลัก มากกว่าเอาชื่อเสียงของแบรนด์เป็นตัวตั้ง

ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมาจึงเป็นยุคเฟื่องฟูของตลาดรถ EV ในจีน ที่รถ Tesla มียอดขายโตขึ้นถึง 21% แต่ในขณะเดียวกันผู้ผลิตรถยนต์ EV ของจีนก็เติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน

จีนนับเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก และยังเป็นตลาดรถยนต์ EV ที่มีจำนวนผู้ซื้อมากที่สุดในโลกเช่นกัน การใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนจีน ที่พัฒนารถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าใช้เองในประเทศอย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 1990 แถมรัฐบาลจีนก็สนับสนุนด้วย โดยการบรรจุการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้เป็นที่แพร่หลายให้เป็นวาระแห่งชาติในแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ 5 ปี ก่อนการมาถึงของรถยนต์ Tesla ในตลาดจีนเสียอีก

และการผลักดันของจีนก็เป็นผล ที่ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนก็สามารถพัฒนารถยนต์ EV ที่มีศักยภาพพอที่จะแข่งขันในตลาดได้ แม้ไม่ใช่อันดับ 1 แต่ก็ไม่ได้ล้าหลังจนทิ้งห่าง

ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนก็มีอยู่หลายค่าย หลายแบรนด์มาก นับสิบเจ้าที่ไล่ราคาตั้งแต่ไม่เกิน 5 แสนบาท จนถึงราคาแค่แสนต้นๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าที่คุณภาพดี ขับใช้ได้ไม่อายใคร ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของจีนมองว่า ราคารถ EV ของจีนจะลดลงมาในราคาที่จับต้องได้มากกว่านี้อีก ระดับที่เด็กมัธยมปลายก็สามารถเก็บเงินพอที่จะซื้อได้ ก่อนที่จะมีสิทธิ์ถือใบขับขี่เสียอีก

ในบรรดาค่ายรถยนต์ของจีน มีบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ที่กำลังเป็นที่น่าจับตา เช่น BYD Hozon Wuling Nio Xpeng ที่ยังครองยอดขายในตลาดจีนมากกว่าครึ่ง

และทางค่ายรถยนต์จีนก็ไม่ได้มองแค่ตลาดจีน แต่มีเป้าหมายที่จะขยายตลาดผู้ใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป และอเมริกา ที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากตามกระแสลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเพื่อลดปัญหาโลกร้อน

แต่ก็ต้องยอมรับว่าแบรนด์รถยนต์จากจีนอาจจะไม่ใช่แบรนด์แรกๆ ที่ผู้ใช้รถในต่างประเทศจะเลือก ถึงกระนั้นก็เป็นธุรกิจที่น่าสนใจมากพอที่จะดึงดูด พ่อมดการเงินอย่าง วอเรน บัฟเฟต ให้เข้ามาร่วมลงทุนถือหุ้น BYD ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีนถึง 8.2% มากกว่าหุ้น GM ที่เขาถือถึงเกือบ 3 เท่า

และ รถ EV แบรนด์ Nio ค่ายรถยนต์น้องใหม่ของจีนก็สร้างความตื่นเต้นในตลาดสหรัฐไม่น้อย ที่นำเสนอบริการรถยนต์ที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลารอที่แท่นชาร์ตแบตเตอรี่เป็นชั่วโมง แค่ขับไปที่สถานีเปลี่ยนแบตเก่าออก เอาแบตใหม่ใส่ใช้เวลาแค่ 5 นาที ขับรถออกได้เลย ซึ่งค่าย Nio บอกกว่าได้เตรียมแบตเตอรี่สำหรับเปลี่ยนให้ลูกค้าแล้วไม่น้อยกว่า 1 ล้านชุด

ซึ่งก็ถือเป็นธุรกิจตลาดรถยนต์ EV ที่กำลังมาแรง และมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะรถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะมาแทนที่รถยนต์ใช้น้ำมันทั้งหมดในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า เราไม่อาจปฏิเสธกระแสนี้ไปได้เลย และประเทศที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตเอง ใช้เอง จนสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ก็จะเป็นหนึ่งจุดแข็งที่สร้างความมั่นคงทางเทคโนโนยี และเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างมากในโลกทุนนิยมในอนาคต


อ้างอิง:

https://www.straitstimes.com/business/companies-markets/chinas-5700-electric-cars-tap-huge-market-tesla-cant-reach

https://www.cnbc.com/2021/03/10/chinese-electric-carmakers-add-13point65-billion-in-value-as-tesla-surges.html

https://www.cnbc.com/2021/02/09/teslas-china-sales-more-than-doubled-in-2020.html

https://www.cnbc.com/2021/03/01/buffett-owns-more-of-chinese-electric-car-maker-byd-than-general-motors.html

https://cleantechnica.com/2020/12/27/record-electric-vehicle-sales-in-china/

https://www.caranddriver.com/news/a33670482/nio-swappable-batteries-lease/

https://en.wikipedia.org/wiki/Electric_vehicle_industry_in_China

‘อนุทิน’ แจงเหตุชะลอฉีดวัคซีนแอสตราฯ ย้ำ รอฟังผลสอบสวน ก่อนพิจารณาแผนให้บริการ ลั่นคนไทยต้องปลอดภัย

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงข่าวถึงสาเหตุการชะลอการให้บริการวัคซีนป้องกันโควิด-19 บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ว่า มันมีข่าวซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัย ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน

ซึ่งท่านนายกฯ ก็เป็นประชาชน เราก็ต้องดูแลท่านด้วย จึงได้เรียกประชุมแต่เช้า เพื่อพิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ ได้ข้อสรุปร่วมกันกับคณะแพทย์ว่าจะต้องชะลอการให้บริการวัคซีนออกไปก่อน ให้ได้ทราบข้อเท็จจริง แล้วค่อยพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ประเทศไทย ไม่ได้มีการระบาดที่รุนแรง ยังมีเวลาในการตัดสินใจที่จะทำเรื่องต่างๆอย่างรอบคอบ ระหว่างนี้ จะรอดูผลการสอบสวนจากยุโรป

นายอนุทิน เปิดเผยด้วยว่า ได้หารือกับคณะแพทย์แล้ว ได้ข้อสรุปว่า ไม่ได้เป็นการเสียหาย ที่ไทยจะเลื่อนการรับวัคซีนออกไป เป็นการแสดงให้เห็นถึงระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง ไม่ดื้อแพ่ง ไม่ใช่หน่วยกล้าตาย เราเคารพ ยืนหยัดบนหลักวิชาการ เราคำนึงความปลอดภัยของประชาชนให้มากที่สุด

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังได้โพสต์เฟซบุ๊ก "อนุทิน ชาญวีรกูล" ข้อความว่า

ความปลอดภัยของประชาชน ต้องมาก่อน

การเลื่อนฉีดวัคซีนแอซตราเซเนกา ให้แก่นายกรัฐมนตรี วันนี้ เป็นไปตามการวินิจฉัยของคณะแพทย์ เนื่องจากมีการรายงานผลข้างเคียง หรือ อาการไม่พึงประสงค์ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับการฉีดวัคซีน มาก่อน และมีการชะลอการฉีดวัคซีนแอซตราเซนเนกา ในบางประเทศ

เพื่อรอผลการสอบสวน และสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อมูลนี้เพิ่งได้รับรายงานเมื่อค่ำวานนี้ และคณะแพทย์ได้พิจารณากันอย่างจริงจัง ตามข้อมูลที่ได้รับจากต่างประเทศ จนได้ข้อสรุป ว่า จะชะลอการฉีดวัคซีนแอซตราเซนเนกา ไว้ระยะหนึ่ง เพื่อรอผลการสอบสวนอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น อย่างละเอียด ก่อน

คณะแพทย์ ยืนยันว่าวัคซีนแอซตราเซนเนกา เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัย และได้รับมาตรฐานจากองค์การอนามัยโลก ฉีดไปแล้วมากกว่า 30 ล้านโดส และมีการสั่งซื้อมากกว่า 3,000 ล้านโดส

คณะแพทย์ยึดหลักความปลอดภัยของประชาชนที่จะได้รับวัคซีน สูงสุด จึงให้ชะลอไว้ก่อน แม้ว่าวัคซีนที่ใช้ในยุโรป กับ วัคซีนที่ส่งมาประเทศไทย เป็นคนละล็อต และมาจากคนละโรงงาน แต่เมื่อมีรายงานอาการที่ไม่พึงประสงค์ แม้จะยังไม่ยืนยันว่าเป็นผลจากวัคซีน โดยตรงก็ตาม

การชะลอ หรือ หยุดฉีดวัคซีน ชั่วคราว เพื่อสอบสวนหาข้อมูลเป็นเรื่องปกติทางการแพทย์ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนใหม่ และ การฉีดวัคซีนในวงกว้างระดับประเทศ และระดับโลก ซึ่งการฉีดวัคซีนโควิด อื่นๆ ในบางประเทศ ก็เคยหยุด หรือ ชะลอ เพื่อรอผลการสอบสวนมาแล้ว ก่อนจะกลับมาฉีด เมื่อมีความมั่นใจในผลการสอบสวนว่า ไม่ใช่ผลจากวัคซีน

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งของการใช้วัคซีนแบบสถานการณ์ฉุกเฉิน หากมีอาการไม่พึงประสงค์ แม้จะไม่ชัดเจนว่ามาจากวัคซีนหรือไม่ คณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีน ของรัฐบาล จะมีคำสั่งให้หยุดการฉีดวัคซีน ไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน

นายกรัฐมนตรี ในฐานะประชาชน ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของคณะกรรมการฯ เช่นเดียวกัน

วันนี้ จึงยังไม่มีการฉีดวัคซีนแอซตราเซนเนกา ในประเทศไทย จนกว่าจะมีผลการสอบสวนชัดเจนว่า มีความปลอดภัย หรือ หากมีผลข้างเคียง จะมีแนวทางแก้ไข ป้องกัน อย่างไร จึงปลอดภัยสูงสุดสำหรับประชาชน

คาดว่าการสอบสวนในยุโรป จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะรายงานให้ประชาชน ทราบต่อไป

ในช่วงนี้ ยังมีการฉีดวัคซีน sinovac ตามแผนเดิม ครับ

#คนไทยต้องปลอดภัย


ที่มา : https://www.facebook.com/2091153520919518/posts/4200972563270926/

‘บิ๊กบี้’ รีแบรนด์ ‘สนามมวยลุมพีนี’ ทำเป็น ‘ศูนย์พัฒนากีฬา ทบ.’ ใช้ชื่อต่อท้าย ‘มวยไทยลุมพินี’ เตรียมจัดแข่งนัดแรกพรุ่งนี้ ลั่นจากนี้ไม่มีขายตั๋วให้คนไทย เพื่อไม่ให้มีเล่นพนันเด็ดขาด ตั้ง ‘คณะกรรมการ’ ขึ้นมาดูแลแทน ‘กรมสวัสดิการ ทบ.’

เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่กองบัญชากองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (บก.ทบ.) กล่าวถึงกรณีสนามมวยลุมพินี ที่จะการเปิดแข้งขันในวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) นัดแรก พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ได้ผ่านการประชุม และตนได้ย้ำนโนบายว่าให้เปลี่ยนเป็นอย่างแรกว่า ‘ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก’ แต่จะมีวงเล็บต่อท้ายก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการบริหารจะพิจารณาตามระเบียบ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกรมสวัสดิการ ทบ. โดยได้เสนอให้ใช้ชื่อ ‘มวยไทยลุมพินี’ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ไว้ แต่ขณะเดียวกันต้องตามวัตถุประสงค์การส่งเสริมกีฬามวยไทยและรักษาวัฒนธรรมไว้

แต่อย่างไรก็ตาม จะไม่ให้มีการขายตั๋ว ไม่มีกิจกรรมเชิงอมายมุข และใช้วิธีถ่ายทอดสด ตามมาตรการของ ศบค. โดยในอนาคตหลังจบสถานการณ์โควิด จะเปิดขายบัตรให้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและให้ชาวต่างชาติเรียนรู้ศิลปมวยไทย แต่จะไม่ขายบัตรให้คนไทย เพื่อเข้ามาเล่นการพนันโดยเด็ดขาด แต่ต้องทำประโยชน์ให้กับกำลังพลและนักเรียน นักศึกษา หากมาขอใช้ในการแข่งขันชกมวย ก็ยินดีให้การสนับสนุน รวมทั้งอาจมีกีฬาประเภทอื่นเพิ่มเข้ามา ให้เป็นศูนย์พัฒนากีฬาของ กองทัพบก เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดกับกำลังพลครอบครัวและบุคคลทั่วไป

เมื่อถามว่ายังคงมีตำแหน่งนายสนามมวยหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็ยังต้องมี ในรูปแบบคณะกรรมการชุดหนึ่ง ที่ไม่ใช่เจ้ากรมสวัสดิการกอบทัพบก ซึ่งตำแหน่งต่างๆจะแยกไปตามหน้าที่เพื่อให้ทุกคนทำหน้าที่ได้เต็มที่ เพื่อให้คนมีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหาร ภายใต้ ผอ.ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก ซึ่งแต่ละแห่งจะมีคณะกรรมการคนละชุดกัน เพื่อให้ทำงานได้เต็มที่ จะได้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายเดียวกัน ไม่ใช่ทำงานหลายมือแล้วจะประสบความสำเร็จได้

ส่วนความคืบหน้าการปฏิรูปกองทัพ ในเรื่องสวัสดิการเชิงพาณิชย์นั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ ว่า สถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ , สถานที่พักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก ลานนา จ.เชียงใหม่ และ สถานที่พักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก ไชยนารายณ์ จ.เชียงราย ที่เป็นลักษณะสถานที่พักผ่อนได้ให้ทางเครือดุสิตธานีเข้าไปดำเนินการ โดยยึดตามเอ็มโอยูที่กองทัพบกได้ลงนามกับกรมธนารักษ์ ซึ่งจะต้องจ่ายรายได้ให้กับกรมธนารักษ์ตามที่ลงนามไว้ ส่วนที่ไชยนารายณ์นั้นพึ่งเปิดให้บริการ ยังไม่สามารถคำนวณรายได้ที่ต้องจัดส่งให้กรมธนารักษ์

รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ หนุนเลื่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย 64 ออกไป 2 สัปดาห์ หวังช่วยเพิ่มโอกาสนักเรียนสอบติดคณะที่ตั้งใจมากขึ้น เหตุเพราะโควิด ทำให้ไม่สามารถเรียนได้ตามปกติ

นางสาวศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ หนุนนักเรียน เรียกร้องเลื่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีการศึกษา 2564 ขอให้นายกฯ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทบทวนการเลื่อนสอบสองสัปดาห์ สอบ GAT-PAT จากวันที่ 20 - 23 มี.ค. 2564 เป็นวันที่ 1 - 4 เม.ย. 2564 และเลื่อนสอบวิชาสามัญ จากวันที่ 3 - 4 เม.ย. 2564 เป็นวันที่ 17 - 18 เม.ย. 2564 ส่วนสอบ O-NET วันที่ 27 - 28 มี.ค. 2564 และ สอบ กสพท (กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย) วันที่ 10 เม.ย. 2564 ตามกำหนดการเดิม เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักเรียนในการสอบเข้าเรียนคณะต่าง ๆ ตามที่ตั้งใจไว้

เนื่องจากผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้นักเรียนไม่สามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนตามปกติได้ และเห็นว่านักเรียนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงการเรียนการสอนออนไลน์ได้บางส่วน และรวมถึงการติวนอกเวลา ทำให้นักเรียนมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวสำหรับการสอบเพิ่มเติมเพราะต้องใช้เวลาในการอ่าน และทำความเข้าใจบทเรียนด้วยตนเอง ดังนั้นการเลื่อนสอบ 2 สัปดาห์ จะเป็นทางออกที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้นักเรียนอีกจำนวนมากในสอบเข้าคณะที่ตั้งใจไว้

เพราะคะแนนเพียงครึ่งคะแนนก็ทำให้มีตัวเลือกคณะมากขึ้นแล้ว และเชื่อว่านักเรียนที่พร้อมสอบเข้าใจ และอยากเห็นเพื่อน ๆ สอบเข้าคณะที่ตั้งใจไว้ด้วยเช่นกัน ในเรื่องบางเรื่องเราไม่สามารถเอาเสียงส่วนมากหรือส่วนน้อยว่าอยากเลื่อนสอบหรือไม่มาใช้ได้ในการตัดสินใจ แต่ควรยึดหลักว่าอะไรจะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาส และสร้างศักยภาพให้กับเยาวชนอนาคตของชาติ

รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งเร่งหาข้อเท็จจริง กรณีปล่อยกลุ่มการเมืองโฟนอินหาเสียง ในโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยมุกดาหาร พร้อมสั่งห้ามจัดกิจกรรมทางการเมืองในสถานศึกษาของกระทรวงฯ เด็ดขาด

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่าตามที่มีข้อมูลปรากฏเป็นข่าวกรณีที่นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ได้มีการโฟนอินเพื่อไปร่วมพูดคุยกับน้อง ๆ นักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยมุกดาหาร เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมิได้นิ่งนอนใจ

และได้สั่งการทันทีที่ทราบเรื่องไปยังนายอัมพร พินะสา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีกภายใต้สามมาตรการ คือ

หนึ่ง ห้ามมิให้สถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการทุกแห่งจัดกิจกรรมทางการเมืองเพื่อใช้ในการหาเสียงสำหรับกลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองโดยเด็ดขาด

สอง ให้สถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการทุกแห่งมีมาตรการเฝ้าระวัง สอดส่อง แบบเข้มงวดไม่ให้ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า หรือบุคคลหนึ่ง บุคคลใด เข้ามาทำกิจกรรมในสถานศึกษาเพื่อหวังผลทางการเมือง

สาม ให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่เขตการศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบดูแลโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณมุกดาหาร เร่งหาข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรายงานผลกลับมายังกระทรวงศึกษาธิการโดยเร็ว

ทั้งนี้ ในกรณีที่ทราบว่าบุคลากรของสถานศึกษามีพฤติกรรมในการเอื้ออำนวยประโยชน์ให้บุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามาใช้สถานศึกษาเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองจะต้องมีบทลงโทษตามระเบียบราชการอย่างเคร่งครัด

นางดรุณวรรณ ยังกล่าวต่อด้วยว่า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ยินดีสนับสนุนการสร้างองค์ความรู้ทางด้านประชาธิปไตยให้กับนักเรียน นักศึกษา ตามหลักการการสร้างพลเมืองประชาธิปไตย และพร้อมเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม แต่ต้องเป็นไปภายใต้แนวทางการให้ความรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ที่มิได้หวังผลทางการเมืองหรือมีประเด็นอื่นใดแอบแฝง

“ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า ท่านรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา มิได้นิ่งนอนใจและได้สั่งการไปยังผู้เกี่ยวข้องทันทีที่ทราบเรื่อง พร้อมทั้งกำชับทุกภาคส่วนที่จะต้องไม่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นอีกในสถานศึกษาทุกแห่งภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ” นางดรุณวรรณ กล่าว

หอการค้าไทย - จีน มั่นใจ เศรษฐกิจฟื้น พร้อมชง ศบค. เร่ง ‘วัคซีนพาสปอร์ต’ คาดช่วยนักท่องเที่ยวปีนี้เพิ่ม 8 ล้านคน ย้ำ!! หากช้าจะเสียโอกาสให้ประเทศอื่นที่มีความพร้อมมากกว่า

หอการค้าไทย - จีน ได้จัดทำผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจหอการค้าไทย - จีน ซึ่งสำรวจความคิดเห็นจากคณะกรรมการหอการค้าไทย - จีน และสมาคมธุรกิจ รวม 409 คน ต่อภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2564 โดยสำรวจในระหว่างวันที่ 18 - 26 ก.พ.2564 พร้อมทั้งมีข้อเสนอให้รัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากโควิด-19

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย - จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทย - จีน จะทำหนังสือถึงศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อให้รีบดำเนินมาตรการออก ‘วัคซีนพาสปอร์ต’ ให้เร็วที่สุดภายในเดือน มี.ค.2564 หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มมีทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการออกวัคซีนพาสปอร์ตแล้ว ศบค.ควรกำหนดให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนพาสปอร์ต ไม่ต้องกักตัวแล้ว เพราะไม่มีความจำเป็นที่ต้องกักตัวแล้ว ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในไทยปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 8 ล้านคน และคาดว่าในจำนวน 8 ล้านคน จะเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากกว่า 2 ล้านคน

“หอการค้าไทย - จีน อยากให้รัฐบาลรีบดำเนินการเรื่องของวัคซีน พาสสปอร์ต ให้เร็วที่สุด เพราะหากช้าไทยสูญเสียตลาดนักท่องเที่ยวให้กับประเทศอื่นที่มีความพร้อมมากกว่า ซึ่งขณะนี้คนจีนมีความต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศมาก ประเทศที่เป็นตัวเลือกก็คือ เอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย เพราะเห็นว่าประเทศไทยปลอดภัย”

นอกจากนี้ หากมีวัคซีนพาสปอร์ต ออกมาภายในเดือน มี.ค. คาดว่านักท่องเที่ยวจะเริ่มเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยได้อย่างช้าสุดภายในเดือน เม.ย.เป็นต้นไป ส่วนการท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนเกิดโควิด-19 คาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีก 2 ปี หรือประมาณปลายปี 2565 หรือต้นปี 2566

ส่วนการชุมนุมทางการเมืองจะกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่นั้น นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจีนไม่กังวล เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ก็ไปท่องเที่ยวตามหัวเมืองหลักของประเทศ โดยจังหวัดหลักที่นักท่องเที่ยวต้องการไป คือ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา

สำหรับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจหอการค้าไทย - จีน พบว่า 60% มั่นใจเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในไตรมาส 2 จะเติบโตต่อเนื่อง แม้จะยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ในส่วนของการส่งออกของไทยไปจีน ผลสำรวจส่วนใหญ่เห็นว่าการส่งออกของไทยไปจีนจะเพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจของจีนที่เติบโตต่อเนื่อง และการนำเข้าของไทยจากจีนก็เริ่มฟื้นตัวเช่นกัน รวมทั้งแนวโน้มการลงทุนในไทยของนักลงทุนจีนจะไม่ลดลงและมีทิศทางเพิ่มขึ้น ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้าประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากมาตรการการสนับสนุนการท่องเที่ยวและการมีวัคซีน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลจีนได้เริ่มมีการฉีดให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หอการค้าไทย - จีน คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต 1.5 - 2.5% เพราะยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยใน 5 ด้าน โดยเฉพาะการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ต่อเนื่องไปถึงปี 2565 ปัญหาเสถียรภาพการเมือง เศรษฐกิจโลกที่ยังคงตกต่ำต่อเนื่อง ปัญหาหนี้ภาครัฐและหนี้ครัวเรือนของไทย และประสิทธิภาพของวัคซีนที่ไทยกำลังทยอยฉีดว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน

รวมทั้งผลสำรวจยังเห็นว่า การฉีดวัคซีนจะมีส่วนช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย และเห็นด้วยว่าหากต่างชาติได้รับการฉีดวัคซีนแล้วสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว โดยเฉพาะจะช่วยหนุนภาคท่องเที่ยวของไทยที่รับผลกระทบหนัก และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเร่งด่วน เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ดังนั้นจึงสนับสนุนให้รัฐบาลออกมาตรการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว และต้องการเข้ามาเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทย โดยขอให้ภาครัฐเร่งรัดการออกนโยบายให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีเวลาเตรียมตัว และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะได้วางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้า

“ดัชนีเชื่อมั่นในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 เห็นแนวโน้มการขยายตัวทางการค้าไทยและจีน สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในเดือน ม.ค.2564 และการค้าไทยและจีนมีมูลค่า 7,579 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.11% ซึ่งผลสำรวจส่วนใหญ่มองการส่งออกไปจีนในปีนี้จะเพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจของจีนที่เติบโตต่อเนื่อง โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการเศรษฐกิจจีนปีนี้เติบโต 8.1% เป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกไทย”

ส่วนความเห็นเกี่ยวกับธุรกิจรายสาขาที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ยังคงเป็นธุรกิจออนไลน์มากที่สุด รองลงมาเป็นธุรกิจพืชผลเกษตร โลจิสติกส์ ธุรกิจบริการสุขภาพ และเกษตรแปรรูป ในขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นกลุ่มที่เห็นว่าควรได้รับการแก้ไขมากที่สุด รองลงมาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง อุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง


ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/926950

เมื่อต้องมีพ่อ​ 3​ คน​ ใต้นิยามใหม่ของคำว่า "ครอบครัว" ที่ไม่ต้องเป็น "ชีวิตคู่" เสมอไป

เปิดโลกทัศน์สมัยใหม่ กับการใช้ชีวิตคู่ ที่ดูเหมือนจะเป็นกรอบนิยามที่ล้าสมัยไปแล้ว เมื่อการสร้างครอบครัวให้สมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องมีเพียงคู่รักหญิง - ชาย สามี - ภรรยา เสมอไป

โดยปัจจุบันคนยุคใหม่เริ่มคุ้นเคยกับครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ซิงเกิ้ลมัม ซิงเกิ้ลแดด หรือ คู่รักเพศเดียวกัน มากขึ้น

แต่นี่อาจเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้น​ หลังจากมีครอบครัวอีกรูปแบบ​ ผ่าน​ชาย​ 3 และเด็ก 1 ที่อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างมีความสุข และพยายามต่อสู้ให้ชาย​ 3​ คนนั้น​ เป็นพ่อที่ได้รับการรับรองสถานะ "บิดา" อย่างถูกต้องตามกฏหมาย

เรื่องมุมมองครอบครัวสุดพิสดารในสายตาของคนอื่น แต่เป็นเรื่องสุดแสนธรรมดาในสายตาของพวกเขา เริ่มต้นจาก เอียน เจนคินส์ ปัจจุบันเป็นถึงผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขต ซาน ดิเอโก้

เขาได้เล่าเรื่องครอบครัว 3 หนุ่มลูกติดของเขา ผ่านหนังสือชื่อ Three Dads and a Baby: Adventures in Modern Parenting และการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดของครอบครัว คือการมีลูก และยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ใส่ชื่อพวกเขาทั้ง 3 คนเป็นพ่อในใบเกิดลูก

โดยเริ่มจากชีวิตในวัยเด็กของ เอียน เจนคินส์ ในรัฐเวอร์จิเนีย ที่รู้ตัวว่าเขาเป็นเกย์ แต่เมื่อเขาบอกความจริงออกไป กลับไม่เป็นที่ยอมรับของคนในสังคมในสมัยนั้น เขาถูกคนรอบข้างต่อต้านอย่างรุนแรง ไม่มีเพื่อนเลย จนกระทั่งเขาย้ายมาเรียนแพทย์ที่บอสตัน เรียนดีจนได้เป็นถึงอาจารย์หมอ และทำให้เขาได้พบกับ อลัน หนึ่งในลูกศิษย์ของเขา ที่เป็นเกย์เช่นกัน

แล้วทั้งคู่ก็ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน และย้ายมาอยู่ที่เมือง ซาน ดิเอโก้ โดยเอียน ยังคงเป็นอาจารย์สอนที่คณะแพทย์ ใน UC San Diego ส่วน อลัน ทำงานเป็นแพทย์ประจำในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ทั้งคู่ร่วมชีวิตกันนานถึง 10 ปี จนกระทั่ง อลัน เกิดไอเดียแปลก ๆ​ ว่า ทำไมเราไม่ขยายครอบครัว หาคนร่วมชีวิตเพิ่มหล่ะ

และไอเดียแปลก ๆ​ นี้ ก็พาพวกเขามารู้จักกับ เจอรามี สัตวแพทย์หนุ่มในสวนสัตว์ ซาน ดิเอโก้ ที่ยินดีใช้ชีวิตไตรเน็ต ชัดเจนทุกความถี่ร่วมกัน 3 คน

แต่ต่อมา อลันก็มาพร้อมกับไอเดียแปลก ๆ​ อีกครั้ง คราวนี้เขาบอกว่าอยากได้ลูกสักคน

เรื่องนี้ทำให้ทั้ง 3 คน ต้องมานั่งโต๊ะคุยกันอย่างจริงจังในเรื่องการมีลูก ซึ่งสถานะครอบครัวอย่างพวกเขา การขอบุตรบุญธรรมคงไม่มีใครอนุมัติ และพวกเขาก็ต้องการลูกที่เป็นของพวกเขาจริง ๆ

เขาจึงตัดสินใจติดต่อหาผู้ที่ประสงค์บริจาคไข่ และก็ได้เมแกน ที่ยินดีบริจาคไข่ให้ แต่ต้องนำไปฝากไว้ในครรภ์ของคุณแม่อุ้มบุญที่ไม่ประสงค์ออกนาม จนได้ลูกคนแรกออกมาเป็นลูกสาว ชื่อ ไปเปอร์ ซึ่งกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อยของบ้าน

แต่ปัญหาที่ตามมาคือ พวกเขาทั้ง 3 คน ต้องการระบุว่าเป็นพ่อเด็กอย่างถูกต้องตามกฏหมาย เพื่อให้ลูกของพวกเขาได้สิทธิ์ผูกพันทางกฏหมายอย่างเสมอภาคทั้ง 3 คน

แต่ปัญหาคือ ตามกฏหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียจะอนุญาตให้ระบุชื่อพ่อในใบเกิดมากกว่า 1 คนได้ต่อเมื่อ พ่อคนปัจจุบันมีความผิดปกติ ที่อาจเป็นอันตรายต่อครอบครัว

ทำให้ ครอบครัว 3 หนุ่มต้องยื่นคำร้อง ต่อสู้เรียกร้องสิทธิ์ในชั้นศาล ยอมเสียค่าทนายหลักแสนดอลลาร์ และค่าดำเนินการมากมาย จนได้สิทธิ์ระบุชื่อพ่อ 3 คนในใบเกิดลูก ซึ่งเป็นเคสแรกในรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือจะเรียกว่าเป็นเคสแรกในสหรัฐอเมริกาก็ว่าได้

ซึ่งตอนนี้ ครอบครัว 3 หนุ่ม เอียน อลัน เจอรามี ก็มีลูกคนที่ 2 เรียบร้อย เป็นลูกชายที่พวกเขาตั้งชื่อว่า ปาร์คเกอร์ จากผู้บริจาคไข่คนเดิม แต่แม่อุ้มบุญคนใหม่ ที่พวกเขาช่วยกันเลี้ยงลูก แชร์ค่าใช้จ่ายร่วมกัน และออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ เมแกน แม่ผู้บริจาคไข่ ที่อยู่ไกลถึงรัฐเทนเนสซี บินมาเยี่ยมเด็กๆ อย่างน้อยปีละครั้ง

และเพื่อไม่ให้ลูกๆสับสนในการเรียกพ่อ ก็ตกลงกันว่าให้เรียก เอียน ว่า Papa เรียก อลันว่า Dada และเรียก เจอรามี ว่า Daddy

การสร้างครอบครัวชาย 3 ที่มีลูกติด ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต และหน้าที่การงานของพวกเขาแล้วในตอนนี้ เพื่อนร่วมงานของ 3 หนุ่มก็รับได้ และคิดว่าเป็นครอบครัวที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครดี

เอียน เจนคินส์ หวังว่าเรื่องราวของครอบครัวของเขา จะช่วยให้คนทั่วไปมีมุมมองในเรื่องครอบครัวที่กว้างกว่าเดิม และเข้าใจว่าการสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบมีได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดเฉพาะการมี "ชีวิตคู่" เท่านั้น

ตราบใดที่ครอบครัวอิ่มอุ่นด้วยความรัก ความเข้าใจ บทบาทของพ่อ และแม่ ก็มีได้หลายหลายไม่จำกัดนิยามจริง ๆ


อ้างอิง:

https://edition.cnn.com/2021/03/06/us/throuple-three-dads-and-baby-trnd/index.html?

utm_source=fbCNNi&utm_term=link&utm_content=2021-03-13T11%3A29%3A07&utm_medium=social


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top