Monday, 19 May 2025
NewsFeed

'ก๊อท จักรพันธ์' โพสต์ ลาขาดแกรมมี่ ลั่น!! ตอบแทนคุณพี่เต๋อแล้ว

(8 ธ.ค. 65) ทำเอาสงสัยกันยกใหญ่ เมื่อ 'ก๊อท-จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ' เจ้าชายลูกทุ่ง ออกมาโพสต์ลงโซเชียล ข้อความประกาศลั่นขอลาขาดแกรมมี่แล้ว โดยระบุว่า...

"โปรเจ็กต์นิวคันทรี่ ผมสู้มาสามปีนะคับ ผมทำให้ทุกอย่าง ตั้งแต่ดนตรีโน้ตแรกยันถ่ายทำตัดต่อ เสร็จส่งคุณ คุณไม่ต้องทำอะไรเลย ??? แค่ลงระบบ………"

"คุณบอกผมพลิกวงการลูกทุ่ง ??? ฝากคุณช่วยพลิกวงการคนทำงาน ของคุณหน่อยนะคับ ผมถือว่าผมได้ตอบแทนคุณพี่เต๋อแล้ว ลาขาดคับ GMMGRAMMY"

และล่าสุดก็ได้โพสต์อีกหนึ่งข้อความด้วยว่า "#ฝากไปถึงทีมฟ้าทีมสวรรค์ ก่อนที่จะพูดว่าใครว่า...ทำอะไรก็ไม่ถูกใจ ทำให้ถูกเรื่องก่อน กี่เรื่องที่ผมส่งไปมันไปไหน??? อย่าปากซี้ซั้ว ขยันๆ กันหน่อยสงสารคนจ้าง...." ซึ่งมีแฟนๆ เข้ามาคอมเมนต์ส่งกำลังใจให้เจ้าชายลูกทุ่งจำนวนมาก

‘นิติพล ก้าวไกล’ ร่วม ‘ทวงคืนชายหาด’ ยืนยัน ‘กำแพงกันคลื่น’ ต้องทำ EIA

คืนวานนี้ (7 ธ.ค.65) นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล เดินทางไปร่วมให้กำลังใจ พร้อมรับฟังข้อเรียกร้อง #ทวงคืนชายหาด จากกลุ่ม Beach for life เเละเครือข่ายประชาชนทวงคืนชายหาด ที่เคลื่อนขบวนจากหน้าองค์การสหประชาชาติเพื่อมาปักหลักชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ  

นิติพล กล่าวว่า เรื่องชายหาดที่หายไปเพราะโครงการสร้างกำแพงกันคลื่นของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่แค่เรื่องของพี่น้องประชาชนในบางพื้นที่เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของพวกเราทุกคนที่กำลังสูญเสียทรัพยากรอันมีค่า เพราะชายหาดเป็นทั้งระบบนิเวศของธรรมชาติและวิถีชีวิตของผู้คน ตนจึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนรวมถึงชาวกรุงเทพ มาร่วมกันเรียกร้องหลักการที่ถูกต้องในการดูแลชายหาดไม่ให้ถูกทำลายไปเพียงเพราะความต้องการใช้งบประมาณมาก ๆ จากโครงการใหญ่ ๆ โดยไม่สนใจผลกระทบที่ตามมา ซึ่งโครงการเหล่านี้มักอ้างถึงความจำเป็น ยกเฉพาะข้อมูลวิชาการฝั่งตัวเองทั้งที่ยังมีข้อโต้แย้งในหมู่นักวิชาการ และที่สำคัญคือการไม่ยอมทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA (Environmental Impact Assessment ) ด้วยการอ้างถึงความเร่งด่วน

“กำแพงกันคลื่นเป็นเหมือนโรคระบาดของชายหาดไทย หลังจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ้างถึงความจำเป็นเร่งด่วนของท้องถิ่นและหน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องแก้ไขปัญหาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรง จึงยกเว้นให้การสร้างกำแพงกันคลื่นไม่ต้องทำ EIA ในปี 2556 เป็นต้นมา แต่ในทางปฏิบัติดูเหมือนว่า เห็นหาดตรงไหนว่าง หาดตรงไหนยาวก็ทำ โดยไม่สนว่าพื้นที่นั้นมีปัญหาหรือไม่ เพราะเป็นช่องให้ใช้เงินได้ง่าย ๆเหมือนเป็นขนมหวานของกรมโยธาฯ เป็นตัวอย่างของเอาปัญหาของพื้นที่เร่งด่วนมาใช้เป็นข้ออ้างแบบหว่านแหในการใช้งบประมาณโดยไม่ดูตามบริบทจริง ซึ่งจะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นรอยโหว่นี้ไม่ได้ เพราะในสภาผู้แทนราษฎรเคยมีการอภิปรายเพื่อชี้ให้เห็นปัญหานี้หลายครั้ง พวกท่านที่อยู่ในรัฐบาลจึงรับรู้และรับทราบรูโหว่ที่เกิดขึ้นนี้เป็นอย่างดี”

นิติพล กล่าวต่อไปว่า ข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนในครั้งนี้ คือขอให้มีมติคณะรัฐมนตรีใน 3 เรื่องได้แก่ 1. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี ที่ให้อำนาจกรมโยธาธิการและผังเมือง รับผิดชอบโครงการกำแพงกันคลื่น  2. กำแพงกันคลื่นกลับมาทำ EIA และ 3. ฟื้นฟูชายหาดที่เสียหายจากกำแพงกันคลื่น  ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยและต้องมีการพิจารณาอย่างเร่งด่วน 

“เดิมทีการยกเว้นการทำ EIA เพื่อเปิดทางให้ท้องถิ่นหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถแก้ไขปัญหาทะเลกัดเซาะชายฝั่งได้อย่างรวดเร็วเป็นหลักการที่พอรับฟังได้ แต่ไม่ใช่จะยกเว้นกันตลอดกาลโดยเฉพาะเมื่อเห็นความไม่ปกติเกิดขึ้น เพราะ EIA คือหลักประกันต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ว่าจะไม่มีผลกระทบเกิดขึ้นจากโครงการที่ใส่เข้าไปในพื้นที่ หรือหากมีก็จะต้องได้รับการป้องกันเเก้ไข พูดง่าย ๆ ก็คือต้องมีผู้รับผิดชอบ นอกจากนี้ กระบวนการ EIA ยังเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เกิดกลไกรับฟังความเห็นและข้อกังวลต่าง ๆ ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การตัดออกไปจึงเท่ากับการยัดเยียดโครงการที่พื้นที่อาจไม่ต้องการก็ได้โดยปล่อยผลกระทบไว้กับคนที่อยู่ตรงนั้นรับกรรมและประเทศก็สูญเสียงบประมาณมหาศาลไปกับโครงการไร้ประโยชน์”

นิติพล ยังได้ชี้ให้เห็นว่า ภายหลังการยกเว้นการทำ EIA โรคระบาดกำแพงกันคลื่นก็ติดเชื้อไปทั่วและรุนแรงมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญตั้งแต่หลังรัฐประหารเป็นต้นมา โดย กรมโยธาฯ อยู่ภายใต้การดูแลของ หนึ่งใน 3 ป.ที่เงียบที่สุด แต่ดูเหมือนจะอิ่มที่สุดจากโครงการต่างๆของกระทรวง นั่นคือ พล.อ.อุนพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 

“เราต้องตั้งคำถามให้ชัดว่า เรื่องนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือตำน้ำพริกละลายทะเลไม่ เพราะการทำโครงการกำแพงกันคลื่นใช้งบประมาณที่สูงขึ้นอย่างมากจาก 10 ล้านบาท/กิโลเมตร ในปี 2534 เพิ่มเป็น 117 ล้านบาท/กิโลเมตร ในปี 2561 ซึ่งเราพบว่าตั้งแต่หลังปี 2561 เป็นต้นมา การสร้างกำแพงกันคลื่นเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในแบบอัตราเร่ง ดังนั้น เรื่องนี้มองจากนอกโลกก็เห็นชัดว่า การยกเว้นการทำ EIA เป็นการเปิดช่องให้ใช้งบประมาณอย่างไม่ปกติ คำถามนี้จึงต้องย้อนกลับไปยัง วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยว่า ท่านไม่สงสัยเลยหรือว่าโครงการเหล่านี้กำลังแลกมาด้วยความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และท่านมีหน้าที่จะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดมัน หรือพอเห็นว่าเป็นหน่วยงานในการดูแลของ 3 ป. ก็ไม่แตะต้อง เกรงใจสุด ๆ ไม่มีท่าทีคึกคักกล้าหาญเหมือนตอนเอากฎหมายไปไล่ประชาชนออกจากป่าทั้งที่การพิสูจน์สิทธิต่างๆยังไม่ชัดเจน แต่พอกับผู้มีอำนาจ ความกล้าหาญในการพิทักษ์รักษาสิ่งแวดล้อมหายไปไหน หรือชายหาดไม่ใช่สิ่งแวดล้อมในนิยามของท่าน 

สหภาพแรงงานโตโยต้าหนุนนโยบายค่าแรง 600 บ. ชี้!! เพียงพอค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

(8 ธ.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายปิยรัชต์ สมาทา ประธานสหภาพแรงงานโตโยต้า พร้อมด้วยสมาชิกผู้ใช้แรงงาน เดินทางให้กำลังใจพรรคพท.ซึ่งได้ประกาศวิสัยทัศน์ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาท ภายในปี 2570 โดยมีนายสุธรรม แสงประทุม ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนผลงานและนโยบายของพรรคพท. และ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ รองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนผลงานและนโยบายของพรรคพท. พร้อมทั้ง นายอรรถชัย อนันเมฆ คณะกรรมการขับเคลื่อนผลงานและนโยบายของพรรค ให้การต้อนรับ 

นายปิยรัชต์ กล่าวว่า ผู้ใช้แรงงานถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศหมุนเวียนได้ หลังจากที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคพท.ได้ประกาศวิสัยทัศน์ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ 600 บาท และเงินเดือนผู้จบการปริญญาตรีจบใหม่ที่ 25,000 บาทภายในปี 2570 ตนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องแรงงานไทยในหลากหลายองค์กร พบว่าพี่น้องแรงงานไทยต้องการให้ปรับค่าแรงให้มีความสมดุลกับค่าครองชีพ เพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตได้โดยปกติ สามารถดูแลครอบครัวได้ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทไม่ได้เกินกำลังของนายจ้างหรือผู้ประกอบการ เราเข้าใจเป็นอย่างดีว่าธุรกิจต้องมีกำไรจึงจะทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ ภาครัฐซึ่งเป็นส่วนกลางในการนำเสนอนโยบายที่ดี ก็จะมีมาตรการรองรับด้วย จึงขอให้กำลังใจคณะทำงานด้านนโยบายของพรรคพท.ในการผลักดันนโยบายนี้เมื่อสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

UNAccc ประจำประเทศไทย ธิญาดา วรารัตร์ Thailand Soft Power From Local สู่ Global อย่างไรจึงยั่งยืน

กรรมการ  UNAccc (แห่งสหประชาชาติ) ประจำประเทศไทย คุณ ธิญาดา วรารัตร์ นำเสนอ นิทรรศการ สร้างเศรษฐกิจ สร้างสิ่งแวดล้อม สร้าง มูลค่าภูมิปัญญา Thailand Soft Power From Local สู่ Global อย่างไรจึงยั่งยืน พระพุทธศาสนาความยั่งยืนที่จรรโลงโลกและสร้างอาชีพ มามากกว่าสองพันห้าร้อยปี เนรมิต..ย้อนพุทธประวัติจากตำราสู่ตำรับ ฉบับ ไทยสัปปายะโภชนบำบัด จารจารึกสู่จานอาหารเป็นยาโภชนาเภสัชจาก..พืชพันธ์สมุนไพร..สู่กลิ่นไอของมรดกโลก UNESCO ณ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา  อารามโบราณ 250 ปี ที่มี พระอุโบสถกาญจนาภิเษก ครองราช50 พรรษา รัชกาลที 9

เมื่อ วันที่ 6 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา สถาบันส่งเสริมสุขภาพองค์รวมด้วยภูมิปัญญาและวัฒนธรรม เวียงวังคลังนา ( Thailand Holistic ) โดย คุณ ธิญาดา วรารัตร์ ประธานสถาบันเวียง วัง คลัง นา และ กรรมการองค์กร UNAccc (แห่งสหประชาชาติ) ประจำประเทศไทย และสมาชิก นักส่งเสริมสุขภาพองค์รวมมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาตินักโภชนาบำบัดไทยสัปปายะ (วิชาชีพ) จัดงานส่งเสริมวัฒนธรรมจาก คัมภีร์อาหารเป็นยาในพุทธประวัติ เพื่อต้อนรับให้ความรู้นักท่องเที่ยวที่มาศึกษาดูงานจากทั่ว ประเทศโดยมี พลเอกประสูติ รัศมีแพทย์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและนายกสมาคมนายร้อยกำลังสำรอง (ประเทศไทย) และคณะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพนักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมไทยสัปปายะ โภชนาบำบัด โดยมี ข้าวมธุปายาส ตำรับนางสุชาดา โภชนายาคู และอื่น ๆ ซึ่งสนับสนุนพืชผักและสมุนไพรไทย ในการถวายระลึกถึงพระพุทธเจ้า ณ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ลานธรรม วัดอัมพุวราราม จังหวัดปทุมธานีโดยมีพระครูวิสุทธิกิตติคุณ (หลวงพ่อสมชาย กิตติสาโร) เจ้าอาวาส วัดอัมพุวราราม แสดงเทศนาธรรมในพุทธประวัติและนำคณะร่วมระลึกถึพระพุทธเจ้า บริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์ ย้อนรอยพุทธประวัติด้วยการถวายข้าวมธุปายาส

'ทิพานัน' ซัด 'เพื่อไทย' หยุดวาทกรรมเศรษฐกิจไม่ดี แนะหยุดนโยบายขายฝันแค่ไหน ซ้ำรอยอดีต 'พ่อ-อา'

(8 ธ.ค. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าควรจะชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหาของประชาชนมากกว่าและควรชัดเจนในเรื่องที่ควรจะชัดเจน น.ส. แพทองธาร ต่างหากที่ต้องชัดเจนว่า การเข้ามาการเมืองเพื่อพาพ่อกลับบ้าน หรือเพื่อประชาชน เพราะสิ่งที่สังคมสังสัยคือมาเพื่อประโยชน์ของครอบครัวตนเอง ต่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ชัดเจนมาโดยตลอดว่าทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและคนไทยทุกคน ไม่เคยเอาประชาชนมาเป็นหมากในเกมการเมือง ดังที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมองการทำงานเพื่อบ้านเมืองเป็นแค่เกมแย่งชิงอำนาจการเมืองเท่านั้น

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ต้องขอชี้แจงให้ประชาชนรับทราบว่า ความสำเร็จของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในด้านการพัฒนาและยกดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นต่อเนื่องย่างยั่งยืนไม่ฉาบฉวยจนเป็นที่ประจักษ์จาก UN โดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ได้จัดประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ระดับ 'สูงมาก' (Very High) และต่อเนื่องมา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ซึ่งต่างจากปี 2554-2557 อยู่ในระดับสูง (High)  และระหว่างปี 2544-2549 อยู่ในระดับ ปานกลาง เท่านั้น 

รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์  ได้นำพาชาติฝ่าวิกฤตโควิด 19 มาตั้งแต่ช่วง 2562 ที่ทั่วโลกประสบปัญหากันอย่างหนัก รัฐบาลตระหนักถึงการประคองเศรษฐกิจไปพร้อมกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้สูญเสียน้อยที่สุด ซึ่งก็ผ่านพ้นมาด้วยดีจนได้รับรางวัล United Nations Public Service Awards (UNPSA) ประจำปี ค.ศ. 2021 ณ เมืองดูไบ โดยเป็นรางวัลชนะเลิศจากผลงานหัวข้อ 'Intelligent and Sustainable Public Health Emergency System in Thailand' โดยรางวัล UNPSA เป็นรางวัลเชิดชูเกียรติระดับนานาชาติที่สหประชาชาติมอบให้องค์กรระดับประเทศหรือท้องถิ่นที่มีผลการดำเนินงานภาครัฐที่เป็นเลิศ  

จะเห็นได้ว่า หลังได้รับการเลือกตั้งเพียงไม่กี่เดือน วิกฤตโควิด19 ได้กระทบทุกประเทศทั่วโลก ในช่วงปี 2562-2564 จึงเป็นความท้าทายอย่างหนักที่จะทำให้ภาคธุรกิจเสียหายน้อยที่สุด รัฐบาลจึงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและใช้ยาแรงเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวให้เร็วที่สุด จึงมีโครงการกระตุ้นการใช้จ่ายในระดับครัวเรือน เช่น เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการฯซื้อของร้านธงฟ้า รวมถึงมาตรการสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ เช่น โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย มาตรการเลื่อนเวลาการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล มาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ นำส่ง และชำระภาษี มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มาตรการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การ จำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้สำหรับหนี้ที่เจ้าหนี้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ รวมไปถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านแรงงาน เรารักกัน ซึ่งมาตรการเหล่านี้สามารถพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นวิกฤตมาได้ 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในปี 2565 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยรัฐบาลมุ่งผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ เช่น สนามบิน รถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ ถนนมอเตอร์เวย์ไปยังทุกภาค ขนส่งรถไฟฟ้า รวมถึงเศรษฐกิจ EEC ที่เป็นเศรษฐกิจใหม่ที่ขณะนี้เติบโตต่อเนื่อง ในส่วนภาคการส่งออกอุตสาหกรรมยานยนต์ก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่นบ้านจัดสรร คอนโด ก็เติมโตมีกำไรทุกไตรมาส ที่สำคัญภาคการท่องเที่ยวก็มีอนาคตสดใสเช่น ในปี 2565 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวทะลุ 10 คนเข้ามาในไทย  

“ขณะเดียวกันในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังดีขึ้นนี้ รัฐบาลไม่รอช้าต่อพี่น้องแรงงานทุกคน จึงมีมติเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2565 ขึ้นค่าแรง 354 - 328 บาท ที่มาจากการหารืออย่างรอบคอบทั้ง 3 ฝ่ายคือ นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐ ซึ่งรัฐบาลเชื่อว่าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีขึ้นเร็วขึ้น ประเทศชาติสงบ ไม่มีอะไรมาทำให้สะดุด ก็จะนำข้อมูลหารือให้รอบด้านทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อขึ้นค่าแรงให้กับพี่น้องแรงงานได้อีกในไม่ช้านี้แน่นอน” น.ส. ทิพานัน กล่าว

บก.สส.สตม. ร่วมกับชุด PCT ชุดที่ 1 ปฏิบัติการทลาย 4 จุด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สัญชาติเกาหลี เงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท

บก.สส.สตม. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 1 เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นบ้านและคอนโดหรู โดยใช้หมายค้นของศาลจังหวัดเชียงใหม่เข้าค้นในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอหางดง และ อำเภอสันกำแพง รวมจำนวน 4 จุด โดยเป็นบ้านหรูจำนวน 2 หลัง และคอนโด จำนวน 2 ห้อง ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าเป็นสถานที่ตั้งของกลุ่มคนเกาหลี ที่ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผลการตรวจค้นได้ทำการจับกุมชาวเกาหลีใต้ จำนวน 5 ราย ดังนี้   
1.MR.LEE JONG หรือ นาย ลี จอง อายุ 21 ปี  สัญชาติเกาหลีใต้ (ขอสงวนนามจริง) 
2. MR.LEE หรือ นาย ลี อายุ 44 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ (ขอสงวนนามจริง)  
3. MR.JONG หรือ นาย จอง อายุ 27 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ (ขอสงวนนามจริง)  
4. MR.NOH หรือ นาย โน อายุ 31 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ (ขอสงวนนามจริง)  
5. MR.SUNG หรือ นาย ซัง อายุ 30 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ (ขอสงวนนามจริง) 
พร้อมด้วยของกลาง คอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง,โทรศัพท์มือถือ จำนวน 11 เครื่อง,แทปเล็ต จำนวน  4 เครื่อง และ.โทรศัพท์บ้าน จำนวน  7 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay)”

Swap & Go - Stallions Group ผนึกกำลังส่งเสริมประเทศใช้งานจักรยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมขยายพิกัดสับเปลี่ยนแบตฯ ดันสังคมไทยไร้มลพิษ

Swap & Go จับมือ Stallions Group เดินหน้าส่งเสริมการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมขยายเครือข่าย Battery Swapping ทางเลือกใหม่เพื่อสังคมไร้มลพิษ

(8 ธ.ค. 65) นางสาวอาวีมาศ สิริแสงทักษิณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด (Swap & Go) และนายธีรเจต ลาภจตุรพิธ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาเลียน มอเตอร์ไซค์เคิล จำกัด (Stallions) เปิดตัวโครงการความร่วมมือส่งเสริมการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมขยายเครือข่าย Battery Swapping หรือสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่ สร้างทางเลือกในการใช้พลังงานสะอาด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย ถือเป็นกลไกสำคัญที่สอดรับกับแผนพัฒนาประเทศ และเป็นการขยายผลจากต้นแบบการดำเนินธุรกิจในลักษณะแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐานการสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้กับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าโดยไม่ต้องรอชาร์จของ Swap & Go ที่ได้พัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีพลังงานสูงขึ้น รองรับการขยายตัวของผู้ใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

สตม. รวบผู้ต้องหาชาวเกาหลี OVERSTAY มี INTERPOL Red Notice คดีร่วมกับพวกฉ้อโกง ความเสียหายรวมกว่า 1,600 ล้านบาท

กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายเยจุน (นามสมมติ) อายุ 51 ปี สัญชาติเกาหลี โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณลานจอดรถของคอนโดมิเนียมย่าน ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี

พฤติการณ์จับกุม กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับหนังสือจากกงสุลฝ่ายตำรวจประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย ประสานงานขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการผลักดันนายเยจุน (นามสมมติ) ผู้ต้องหาตามหมายจับสาธารณรัฐเกาหลีในคดีฉ้อโกง และเป็นบุคคลเป็นที่ต้องการตัวของทางการสาธารณรัฐเกาหลี ตามประกาศตำรวจสากลสีแดง (INTERPOL Red Notice) ที่ A-6937/8-2022 ลงวันที่ 19 ส.ค.2565 โดยมีพฤติการณ์ในการกระทำผิด กล่าวคือ นายเยจุน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินของกลุ่มบริษัทหนึ่งในสาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างเดือน พ.ย. 2561 ถึงเดือน เม.ย. 2563 ได้ร่วมกับพวก สมรู้ร่วมคิดในการยักยอกทรัพย์สิน จำนวนเงินรวม 491 พันล้านวอน จากบริษัท 5 แห่ง เช่น Kales Hoidings Inc. Chankhanee Invest Inc. 

สตม.รวบผู้ต้องหาแดนมังกรหนีคดีฉ้อโกง ผู้เสียหาย 7,704 ราย มูลค่าความเสียหาย กว่า 6,000 ล้านบาท

กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่กรณีสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มีหนังสือขอให้จับกุมและผลักดัน นายเต๋อ (นามสมมติ) อายุ 49 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ออกหมายจับและต้องการตัวไปดำเนินคดี ในความผิดฐานฉ้อโกง โดยมีพฤติการณ์กระทำผิด คือ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2557 นายเต๋อได้จดทะเบียนและก่อตั้งบริษัท Jiahe โดยไม่มีการอนุมัติจากผู้กำกับดูแลการเงินฝากสาธารณะ นายเต๋อได้แนะนำโครงการลงทุน "Great Health Industry" แก่นักลงทุนโดยการออกใบปลิวของขวัญ การจัดกิจกรรมและทัวร์ฟรี จากนั้นได้ถอนเงินฝากสาธารณะไปอย่างผิดกฎหมายเพื่อวัตถุประสงค์ของการทำกำไร ทำให้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อ จำนวน 7,704 ราย มูลค่าความเสียหาย 1.27 พันล้านหยวน (ประมาณ 6.35 พันล้านบาท) และในปี พ.ศ.2564 นายเต๋อ ได้หนีออกจากท่าอากาศยานนานาชาติโดยเที่ยวบิน Shanghai-Pudong  กก.1 บก.สส.สตม.ได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นายเต๋อ ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทางด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2564 ได้รับการตรวจลงตราประเภท THAILAND PRIVILEGE CARD (PE) และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จึงได้ขออนุมัติ ผบก.สส.สตม. ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา 12 (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มีพฤติการณ์สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 

‘ธนวรรธน์’ เผย ศก.ไทยดีขึ้นต่อเนื่องหลังคลายล็อกโควิด คาด!! ปีใหม่เศรษฐกิจไทยสะพัดแสนล้านบาท

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายน 2565 พบว่า ดัชนีมีการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 มาอยู่ที่ระดับ 47.9 เป็นผลมาจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3 ขยายตัวร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.5 

ทั้งนี้ มีปัจจัยบวกมาจากการผ่อนคลายมาตรการในการควบคุมโควิด 19 รวมถึงนโยบายในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการผ่อนคลายมากขึ้น โดยมีการปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.2 โดยเศรษฐกิจที่ขยายตัวมาจากแนวโน้มการบริโภคของภาคเอกชนที่มากขึ้น การลงทุนของภาครัฐและเอกชน รวมถึงเม็ดเงินจากภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top