Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ ประชันไอเดีย นวัตกรรมการออกแบบอาคารเพื่อร่วมแก้ปัญหา มลภาวะเป็นพิษ PM2.5 ในงาน 'HYFIVE DESIGN AWARD 2022'

ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จัดงาน HYFIVE DESIGN AWARD 2022 ขึ้นระหว่างวันที่ 8-14 ธันวาคม 2565 ณ โกดังราชวงศ์ เชียงใหม่ ซึ่งเป็นกิจกรรม CSR โครงการแรกของบริษัทฯ ที่มุ่งหวังการ มีส่วนร่วมกับชุมชนเพื่อปรับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเชียงใหม่จากมลภาวะเป็นพิษ PM 2.5 ภายในงานมีพิธีมอบรางวัลผู้ชนะการออกแบบอาคารและการจัดแสดงผลงานของผู้ชนะการประกวด 'นวัตกรรมการออกแบบอาคารเพื่อร่วมแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในจังหวัดเชียงใหม่อย่างยั่งยืน ' ที่สะท้อนการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 รวมทั้งสิ้น 6 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 70,000 บาท

นางสาวพีรญา วงศรานุชิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ “เนื่องจากบริษัทฯ ตระหนักในปัญหามลภาวะ เป็นพิษ PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนเชียงใหม่ ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ ตั้งใจให้งานนี้เป็นการเปิด โอกาสให้กับนักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจและมีความถนัดด้านการออกแบบได้ประชันฝีมือ เป็นที่มา ของงาน HYFIVE DESIGN AWARD 2022 ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมเข้าแข่งขันส่งผลงานเข้า มากว่า 37 ผลงานจากทั่วประเทศ”

“ในการจัดงานดังกล่าว เรามุ่งหวังการมีส่วนร่วมของคนในสังคมได้ร่วมคิดค้นนวัตกรรมการ ออกแบบอาคารเพื่อร่วมแก้ไขปัญหา PM2.5 ว่ามีแนวคิดและการออกแบบอย่างไร อาทิ โปรเจกต์ Ozone Square การจัด Façade และ Column เพื่อปิดล้อมลม สําหรับช่องว่างตรงกลางอาคาร รอบๆ จะป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้ามาในอาคาร และต้นไม้ที่อยู่ตรงกลางจะทําหน้าที่กรองฝุ่นที่หลงเหลืออีกครั้ง ,โปรเจกต์ Biosphere จากการนําสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) เช่น ควร ใช้ air filtration ซึ่งเป็นการนํากระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงธรรมชาติท่ีอยู่ล้อมรอบอาคารเป็น buffer ฟอกอากาศ ก่อนเข้าอาคารรวมถึงอาคารภายใน เป็นแนวคิดที่นําธรรมชาติเข้ามามีส่วน ร่วมกับผู้คนที่ช่วยฟื้นฟู และส่งเสริมทั้งภายในอาคารและพื้นที่โดยรอบ ในการรับมือปัญหามลพิษใน จังหวัดเชียงใหม่อย่างยั่งยืน” 

'สีจิ้นผิง’ เยือนซาอุฯ กระชับสัมพันธ์อาหรับ MBS ต้อนรับสมเกียรติ ผิดกับครั้ง ‘ไบเดน’

มกุฎราชกุมาร เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้ปกครองโดยพฤตินัยของซาอุดีอาระเบีย ต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดี (8 ธ.ค.) ด้วยพิธีการซึ่งมุ่งให้เกียรติอย่างเต็มที่ เป็นการส่งสัญญาณว่า ‘ริยาด’ มีความสนใจเพิ่มพูนสายสัมพันธ์กับปักกิ่งให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ถึงแม้สหรัฐฯแสดงท่าทีจับตามองอย่างระแวงระวัง

กองทหารราชองครักษ์ของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งขี่ม้าอาหรับและถือธงชาติจีนและธงชาติซาอุดีฯ เข้าคุ้มกันรถยนต์ของ สี ขณะที่แล่นเข้าสู่พระราชวังหลวงในกรุงริยาด และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด ออกมาต้อนรับด้วยการยื่นมือให้สัมผัสพร้อมรอยยิ้มสดชื่น ในทันทีที่ผู้นำจีนก้าวลงจากรถ

จากนั้นผู้นำทั้งสองได้จัดการประชุมอย่างเป็นทางการ โดยที่มกุฎราชกุมาร ‘แสดงความปรารถนาให้เขา, คณะผู้แทนของเขา พำนักอย่างมีความสุข’ ระหว่างอยู่ในซาอุดีอาระเบีย สำนักข่าวเอสพีเอ ของทางการซาอุดีอาระเบียรายงาน

บรรยายกาศเช่นนี้ช่างตรงกันข้ามกับการต้อนรับแบบเรียบ ๆ ที่จัดให้แก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางสายสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองที่มีรอยร้าวฉานสืบเนื่องจากสหรัฐฯ ไม่พอใจนโยบายด้านน้ำมันของซาอุดีฯ และกรณีสังหารโหด ‘จามาล คาชอกกี’ นักหนังสือพิมพ์ซาอุดีเมื่อปี 2018

ทั้งนี้ในคราวนั้นเจ้าชายโมฮัมเหม็ด เพียงแต่ยกกำปั้นมาชนกับไบเดนเท่านั้น ไม่ได้มีการจับมือกัน

สหรัฐฯ ซึ่งเฝ้าจับตามองอย่างระแวงระวังทั้งต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการที่สายสัมพันธ์ที่มีอยู่กับ ริยาด กำลังอยู่ในช่วงต่ำสุด ให้ ‘จอห์น เคอร์บี้’ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ออกมาแถลงในวันพุธว่า การเยือนครั้งนี้เป็นตัวอย่างของความพยายามของจีนที่จะแผ่อิทธิพลไปทั่วโลก แต่จะไม่ทำให้นโยบายที่สหรัฐฯ มีต่อตะวันออกกลางเปลี่ยนแปลงไป

สี เดินทางถึงซาอุดีอาระเบียตั้งแต่วันพุธ โดยกระทรวงการต่างประเทศจีรายงานว่า ทางกองทัพอากาศซาอุดีฯ ได้ส่งเครื่องบินมาคุ้มกันตั้งแต่ที่เครื่องบินของผู้นำจีนเข้าสู่น่านฟ้าของซาอุดีอาระเบีย และเมื่อเดินทางมาถึง ก็มีการยิงปืนสลุต 21 นัด รวมทั้งมีเชื้อพระวงศ์อาวุโสของซาอุดีหลายท่านมาต้อนรับ สี ที่สนามบิน

ทางด้าน เจ้าชายอับดุลลาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย แถลงวันพุธว่า ริยาดจะยังคงเป็นหุ้นส่วนพลังงานที่ไว้วางใจได้สำหรับปักกิ่ง และสองประเทศจะกระชับความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานพลังงานด้วยการจัดตั้งศูนย์ประจำภูมิภาคสำหรับโรงงานจีนในซาอุดีฯ

ทั้งนี้ จีน ผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นคู่ค้าสำคัญของซาอุดีอาระเบียที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 1 ของโลก และการขยายความสัมพันธ์ระหว่างกันภายใต้ความพยายามในการแตกแขนงเศรษฐกิจของตะวันออกกลางทำให้อเมริกากังวลหนักเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของจีนในโครงสร้างพื้นฐานที่อ่อนไหวในอ่าวอาหรับ

การเยือนของประธานาธิบดีสี ยังเกิดขึ้นขณะที่ตลาดพลังงานโลกแขวนอยู่กับความไม่แน่นอน หลังจากมหาอำนาจตะวันตกบังคับใช้มาตรการจำกัดราคาน้ำมันของรัสเซียที่หันไปเพิ่มปริมาณการจัดส่งน้ำมันให้จีนพร้อมส่วนลด

สำนักข่าวเอสพีเอ รายงานด้วยว่า เมื่อวันพุธ บริษัทจีนและซาอุดีฯ ได้ลงนามข้อตกลง 34 ฉบับครอบคลุมการลงทุนในพลังงานสะอาด เทคโนโลยีสารสนเทศ บริการคลาวด์คอมพิวติ้ง การขนส่ง การก่อสร้าง ฯลฯ โดยไม่มีการระบุมูลค่า แต่ก่อนหน้านี้เอสพีเอรายงานว่า สองประเทศจะทำข้อตกลงกันรวมมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์

เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า การเยือนคราวนี้นอกจาก สีจะหารือกับฝ่ายซาอุดีฯ แล้ว หลังจากนั้นริยาดยังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดระหว่างจีนกับผู้นำอาหรับซึ่งจะถือเป็น หลักหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การพัฒนาความสัมพันธ์จีน-อาหรับ

'ศิริกัญญา' ยัน 'ก้าวไกล' สนับสนุนเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ควบคู่ช่วยผู้ประกอบการ-พัฒนาทักษะแรงงาน

ศิริกัญญา ยืนยัน ก้าวไกลสนับสนุนเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ควบคู่ช่วยผู้ประกอบการ-พัฒนาทักษะแรงงาน-ลดค่าครองชีพ ย้ำต้องการแก้ทั้งระบบ หวังให้นายจ้างอยู่รอด ลูกจ้างอยู่ได้

(9 ธ.ค. 65) ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไป ว่าหลังจากได้ฟังคำอธิบายของผู้เสนอนโยบายคือพรรคเพื่อไทย ทำให้ทราบว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับปริญญาตรีที่ 25,000 บาท เป็นเป้าหมายที่ผู้เสนอนโยบายต้องการทำให้ได้ภายในปี 2570 โดยมีสภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยประกอบ ซึ่งถือว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับพรรคก้าวไกล ที่สนับสนุนการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เพียงแต่วิธีการที่ใช้แตกต่างกัน

“วิธีการที่พรรคก้าวไกลเสนอไปก่อนหน้านี้ คือให้แก้ที่ระบบการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีฐานให้พูดคุยกันในคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) เพื่อกำหนดเลยว่า ค่าแรงขั้นต่ำควรจะเป็นเท่าไหร่ เราจึงเสนอให้แก้กฎหมายคุ้มครองแรงงานว่าด้วยค่าแรงขั้นต่ำ ว่าต้องปรับขึ้นอัตโนมัติและปรับขึ้นทุกปี โดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ คือจีดีพีโตเท่าไหร่ และคำนึงถึงค่าครองชีพหรือเงินเฟ้อว่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ปัจจัยอะไรเพิ่มขึ้นมากกว่าก็นำปัจจัยนั้นมาเป็นฐานในการคำนวณปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขั้นต้นในแต่ละปี ที่จะพูดคุยบนโต๊ะของบอร์ดค่าจ้าง ก่อนให้บอร์ดฯ ตัดสินใจอีกครั้ง เพื่อให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสภาวะเศรษฐกิจ ตามค่าครองชีพ และปรับขึ้นทุกปี เพราะหากปรับขึ้นคราวละมาก ๆ ภายในครั้งเดียว เราก็เข้าใจความรู้สึกของฝั่งผู้ประกอบการ” ศิริกัญญากล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน ตามที่พรรคก้าวไกลประกาศ ศิริกัญญากล่าวว่า ย้อนกลับไปปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ก็เสนอแนวทางเดียวกันคือไม่ได้แข่งกันที่จำนวนเงินว่าควรปรับเพิ่มเป็นเท่าไหร่ แต่พูดถึงการแก้ไขที่ระบบ และทำให้ดูว่าจากปี 2555 ที่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท มาจนถึงวันนี้ หากคำนวณตามวิธีของพรรคก้าวไกล ค่าแรงจะเพิ่มเป็นเท่าไหร่ ซึ่งเราคิดว่าเป็นวิธีที่ยุติธรรมต่อทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง

“เราเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่เห็นใจฝั่งลูกจ้างมากกว่า เพราะต้องยอมรับว่ามีอำนาจต่อรองน้อยกว่า ยังไม่นับว่าองค์ประกอบภายในบอร์ดค่าจ้างซึ่งเป็นองค์กรไตรภาคีประกอบด้วย ฝ่ายรัฐ ฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง ตัวแทนฝั่งลูกจ้าง 5 คน มาจากการคัดเลือกกันเองภายในองค์กรคือมาจากสหภาพ และในประเทศไทย ก็มีจังหวัดเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่มีสหภาพ ดังนั้น จึงต้องเพิ่มอำนาจการต่อรองของลูกจ้าง ด้วยการกำหนดในกฎหมายคือพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานที่พรรคก้าวไกลเสนอ ว่าค่าจ้างต้องปรับอัตโนมัติขึ้นไปทุกปี” ศิริกัญญาระบุ

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า การที่นายจ้างต้องปรับเพิ่มค่าแรงเป็น 450 บาท อาจเป็นตัวเลขที่เยอะ พรรคก้าวไกลจึงมีแผนช่วยเหลือ เช่น สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รัฐจะเยียวยา 6 เดือนแรกที่มีการประกาศใช้ค่าแรงขั้นต่ำใหม่ รวมถึงช่วยเหลือเงินประกันสังคมที่จะให้งดจ่ายเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อชดเชยส่วนของค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น และมีอัตราภาษีใหม่สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เริ่มที่ 10% ไต่ระดับขั้นบันได ต่างจากปัจจุบันที่เริ่มต้นที่ 15%

ศิริกัญญากล่าวอีกว่า ในฝั่งลูกจ้างก็จำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและทักษะ เพราะการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ แม้มีความจำเป็นต้องทำ แต่ไม่มีความยั่งยืนหากทักษะแรงงานไม่ได้รับการยกระดับ พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้มีโครงการ Upskill และ Reskill สำหรับทักษะพื้นฐาน จะมีการเรียนออนไลน์ ส่วนทักษะขั้นสูง อาจมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ได้ประกาศนียบัตร สามารถขอเพิ่มค่าแรงจากนายจ้างได้ง่ายขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แรงงานในปัจจุบันสามารถหางานใหม่ได้หรือเพิ่มค่าจ้างง่ายขึ้น ยังช่วยให้เด็กจบใหม่ทุกคนได้งานดีๆ ไม่ว่าเขาเรียนจบด้านใด สามารถปรับทักษะได้ตลอด

'เพื่อไทย' จ่อฟ้อง ‘รองโฆษกรบ.’ แปลงสโลแกน พรรคเพื่อไทยจะซ้ำรอยอดีต ‘คิดใหญ่ โกงเป็น’

เพื่อไทยฉุนโดนแปลงสโลแกน จ่อฟ้อง ‘รองโฆษกรัฐบาล’ เอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์-กฎหมายอาญา ฐานจงใจหมิ่นประมาท ใส่ร้าย ผ่านเว็บรัฐบาลไทย

(9 ธ.ค. 65) นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์รัฐบาลไทย www.thaigov.go.th เผยแพร่ข่าวนางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 ว่า การที่นางสาวทิพานันแสดงความมั่นใจบอกว่าเศรษฐกิจดีนั้น คงจะมีแต่นางสาวทิพานันกับรัฐบาลเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ เพราะแม้แต่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยังบอกว่า พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ รับมือโควิดไม่สำเร็จ จนมีการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 20,000 ราย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่คัดค้านกับความเห็นดังกล่าวของนายมิ่งขวัญ ขณะนั่งแถลงข่าวอยู่ด้วยกัน

“ดังนั้นระหว่างนายมิ่งขวัญ ซึ่งเป็นทีมเศรษฐกิจคนใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ กับนางสาวทิพานัน ประชาชนคงเชื่อนายมิ่งขวัญมากกว่า พี่น้องประชาชนทั้งประเทศต่างรู้ดีว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังตกต่ำเพียงใด ภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ ยืนยันได้จากหนี้สาธารณะพุ่งชนเพดานที่ 10 ล้านล้านบาท คนจนพุ่งทะลุ 20 ล้านคน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หนี้ครัวเรือนพุ่งทะลุเกือบชนเพดาน ความเหลื่อมล้ำในไทยสูงสุด เด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นนางสาวทิพานันต้องเดินออกมาจากอุปทานหมู่ที่สะกดจิตตัวเองว่าเศรษฐกิจดี เพียงเพราะกังวลว่าตนเองซึ่งอยู่ในรัฐบาลจะเสียแต้มเท่านั้น” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ

“นอกจากนี้ในเว็บไซต์ www.thaigov.go.th ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาล ที่ใช้สื่อสารต่อประชาชนอย่างเป็นทางการ ยังเผยแพร่ข้อความว่านางสาวทิพานัน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะซ้ำรอยอดีต ‘คิดใหญ่ โกงเป็น’ ข้อความที่ปรากฏเป็นการเจตนาจงใจใส่ร้าย ใส่ความให้วิญญูชนทั่วไปให้เข้าใจผิดต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชันในประเทศไทยที่จัดอันดับโดยองค์กร Transparency International พบว่า ในปี 2564 ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อยู่ที่ 35 คะแนน อันดับที่ 110 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อันดับการประเมินจากองค์กรเดียวกันพบว่า ดัชนีชี้วัดคะแนนปลอดคอร์รัปชัน อยู่ในอันดับที่ 59 ซึ่งดีกว่ารัฐบาลนี้เท่าตัว”

แด่คนรักเจ้าของ!! หนุ่มโพสต์แจกไฟล์คำร้อง ไม่ขอรับค่าแรง 600 บาท/วันหรือมากกว่า

เมื่อ (8 ธ.ค. 65) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Patipan Jinawong' โพสต์ภาพแบบฟอร์มคำร้องถึงฝ่ายบุคคลบริษัทเรื่อง 'ขอไม่รับการปรับค่าจ้าง 600 บาท/วัน หรือมากกว่า' หลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายค่าแรงขั้นต่ำที่ 'พรรคเพื่อไทย' ประกาศหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า⁣

โดยแบบฟอร์มดังกล่าว เว้นช่องไว้ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ ตำแหน่ง เงินเดือน ของบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพื่อขอบันทึกข้อความเป็นหลักฐานไว้ ในกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล และจะปรับค่าแรงให้ได้ถึง 600 บาท/วัน ภายในปี 2570 ตามที่ได้หาเสียงไป⁣

นักลงทุนซาอุฯ เดินหน้ากางแผนร่วมลงทุนกับไทย เชื่อ!! 'ธุรกิจอาหาร-ท่องเที่ยว-สุขภาพ-อีอีซี' มีลุ้น!!

(9 ธ.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้ทราบว่า ซาอุดีอาระเบีย มีแผนเตรียมจะลงทุนธุรกิจในไทยด้านอาหาร, ท่องเที่ยว, สุขภาพ และในพื้นที่อีอีซี เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ เกิดเงินหมุนเวียนในไทยจำนวนมาก 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย เปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งการค้า การลงทุน และแรงงาน โดยในส่วนของความร่วมมือด้านการดำเนินธุรกิจระหว่างกันเห็นผลเป็นรูปธรรมจากการลงทุนของซาอุดีอาระเบียกับไทยจำนวนมาก อาทิ กลุ่มธุรกิจอาหารส่งออกและแปรรูป ที่องค์การอาหารและยา ซาอุดีอาระเบีย อนุญาตให้ 11 โรงงานของไทยที่ผ่านการตรวจสอบส่งออกไก่ได้ ถัดมาคือ กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ที่สายการบินแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabian Airlines) เปิดบินตรงจากกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย สู่ไทย จำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สร้างความตื่นตัวให้แก่ภาคการท่องเที่ยวอย่างมาก เนื่องจากเส้นทางบินสามารถเชื่อมต่อจากกรุงริยาด (Riyadh) ที่เป็นเมืองหลัก และเมืองเจดดาห์ (Jeddah) ที่เป็นเมืองรองได้

'หมอยง' ชี้การกลายพันธุ์ของไวรัส ไม่มีผลต่อยาที่ใช้รักษา

'หมอยง' ชี้การกลายพันธุ์ของไวรัส ไม่มีผลต่อยาที่ใช้รักษา

(9 ธ.ค. 65) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โควิด 19 การกลายพันธุ์ของไวรัส ไม่มีผลต่อยาที่ใช้รักษา

ไวรัส covid 19 มีการกลายพันธุ์เรื่อยมา ทุกคนทราบกันดี การกลายพันธุ์เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในส่วนของหนามแหลม ทำให้มีผลต่อวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันมีประสิทธิภาพลดลง และยาในกลุ่มของแอนติบอดี รวมทั้งโมโนโคลนอลแอนติบอดี มีประสิทธิภาพลดลง

‘เต๋อ เรวัต’ ผู้มีพระคุณ พลิกชีวิต ‘ก๊อท จักรพันธ์’ ‘ให้โอกาส-ผลักดัน’ จนกลายเป็น ‘เจ้าชายลูกทุ่ง’

เรียกว่าทำแฟน ๆ ช็อกหนักเลยทีเดียว หลังจากที่ ‘ก๊อท จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ’ ประกาศลาขาดจากแกรมมี่ ที่อยู่มานานกว่า 30 ปี พร้อมลั่น ถือว่าที่ผ่านมา ตนได้ตอบแทนบุญคุณ ‘เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์’ แล้ว โดย ‘ก๊อท จักรพันธ์’ ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า…

"โปรเจ็กต์นิวคันทรี่ ผมสู้มาสามปีนะคับ ผมทำให้ทุกอย่าง ตั้งแต่ดนตรีโน้ตแรกยันถ่ายทำตัดต่อ เสร็จส่งคุณ คุณไม่ต้องทำอะไรเลย ??? แค่ลงระบบ………"

"คุณบอกผมพลิกวงการลูกทุ่ง ??? ฝากคุณช่วยพลิกวงการคนทำงาน ของคุณหน่อยนะคับ ผมถือว่าผมได้ตอบแทนคุณพี่เต๋อแล้ว ลาขาดคับ GMMGRAMMY"

ซึ่งถ้าคนที่ไม่ได้เป็นเอฟซีเจ้าตัว อาจไม่รู้ว่า ‘เต๋อ เรวัต’ มีบุญคุณอะไร ทำไม ก๊อท ถึงได้ลั่นประโยคนี้ออกมา

ย้อนกลับไปสมัยที่ก๊อท ยังไม่มีชื่อเสียง ชีวิตต้องทำงานหลายอย่าง ทั้งเซลส์แมน พนักงานเสิร์ฟ นักร้องคาเฟ่ การร้องเพลงก็เป็นความฝันที่หวังว่าสักวันจะประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังไม่ถึงฝั่งฝันสักที เรียกว่าชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

แต่ต่อมาชีวิตของก๊อท จักรพันธ์ ก็พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเขาได้มีโอกาสเจอกับ ‘เต๋อ เรวัต’ ชายผู้ก่อตั้งแกรมมี่ โดยเต๋อ เรวัตถึงขั้นประกาศว่าก๊อทจะต้องโด่งดังในอนาคต รวมทั้ง ‘ออกทุน’ เพื่อให้ก๊อท จักรพันธ์ ได้ศึกษาและพัฒนาบุคลิกภาพ ทำให้เจ้าตัวร่ำเรียนอย่างหนัก ลบคำสบประมาทต่าง ๆ ออกไป 

กระทั่งวันที่ฝันได้เป็นจริง ‘ก๊อท จักรพันธ์’ ได้ออกอัลบั้ม เป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้ออกในซีรีส์ ‘แม่ไม้เพลงไทย’ ในปี 2533

'รัฐบาล' ชวนแรงงาน 'วัดระดับทักษะ-พัฒนาฝีมือ' การันตีใบรับรองเพื่อยื่นขอรับอัตราค่าจ้างเหมาะสม

(9 ธ.ค. 65) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายยกระดับรายได้หรือค่าแรงขั้นต่ำให้สอดคล้องกับการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน รวมถึงสนับสนุนการปรับเปลี่ยนทักษะและเปลี่ยนสายอาชีพให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานอุตสาหกรรมเป้าหมายและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น ดำเนินโครงการฝึกอบรมความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อพัฒนากำลังแรงงานหรือพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความรู้และทักษะฝีมือสอดคล้องกับอุตสาหกรรม 6 กลุ่มเป้าหมาย (ดิจิทัล ระบบอัตโนมัติ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ชีวภาพ ปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์) สามารถใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการต่อยอดด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โครงการยกระดับเพื่อเพิ่มศักยภาพฝีมือและสมรรถนะแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและความก้าวหน้าทางเทโนโลยีและนวัตกรรม รองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของภาคอุตสาหกรรม/บริการ มีผู้ได้รับการฝึกอบรมรวมหลายหมื่นคน ยังมีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ/ผลิตภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบ SME กลุ่ม OTOP กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ จำนวน 17,407 คน รวมถึงมีการสำรวจข้อมูลความต้องการแรงงานของสถานประกอบการที่มีแรงงานต่ำกว่า 50 คนลงมา และบันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลอุปสงค์และอุปทานกำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 17,359 แห่ง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาล โดยกระทรวงแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ขับเคลื่อนนโยบายดำเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ณ สถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานในแต่ละจังหวัด เมื่อพัฒนาทักษะฝีมือของตนเองจนผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งมี 3 ระดับแล้ว จะได้รับใบรับรองที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานออกให้ เพื่อใช้แนบยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือได้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติแล้วทั้งสิ้น 88,675 คน จากการเข้าทดสอบ 272 สาขา

คณะพยาบาลศาสตร์ มช. ขอเชิญร่วมการอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 285 ชั่วโมง (เรียนฟรี)

ผศ.ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า คณะฯ ได้รับทุนอุดหนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในการดำเนินการโครงการพัฒนาอาชีพการดูแลผู้สูงอายุของเยาวชนและแรงงานนอกระบบ เป้าหมายเพื่อส่งเสริมสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือเยาวชนนอกระบบการศึกษารวมทั้งแรงงานนอกระบบให้ได้รับการพัฒนาทักษะอาชีพการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อให้มีศักยภาพที่จะพึ่งพาตนเองในการดำรงชีวิตได้ การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุให้กับเยาวชนนอกระบบการศึกษาและแรงงานนอกระบบเป็นการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ใหม่ที่เพิ่มโอกาสทางการศึกษารวมทั้งการพัฒนาทักษะอาชีพที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ตลอดจนช่วยพัฒนาทักษะชีวิต นอกจากทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีอาชีพที่ได้รับเงินเป็นการตอบแทนในอนาคตจากครอบครัวผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงที่มีกำลังทรัพย์ในการจ้างดูแลเป็นการเฉพาะรายหรือในการเป็นผู้ดูแลของศูนย์ผู้สูงอายุ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำความรู้และทักษะไปใช้ในชีวิตประจำวันทั้งแก่ตนเองและครอบครัวได้อีกด้วย

หลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 285 ชั่วโมง ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดการอบรมระหว่างวันที่ 16 มกราคม - 24 มีนาคม 2566

คุณสมบัติของผู้สมัคร กลุ่มเยาวชนอายุ 18 - 24 ปี ,กลุ่มวัยทำงาน หรือ แรงงานนอกระบบ อายุ 25-50 ปี (ที่ยังไม่มีงานทำหรือรายได้น้อยหรือต้องการเปลี่ยนสายอาชีพ) การศึกษาภาคบังคับขึ้นไป (ม.3) เป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นอุปสรรคต่อการอบรมและการปฏิบัติงาน สามารถเข้าร่วมการอบรมได้เต็มเวลาตามเกณฑ์ที่กำหนด มีจิตบริการและทัศนคติที่ดีต่อผู้สูงอายุ รับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 ธันวาคม 2565


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top