Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

คปภ.ไฟเขียว​ ดันค่ายประกันออกประกันภัยฉีดวัคซีนโควิดแล้วแพ้ ต้องคุ้มครอง

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ นายทะเบียนประกันภัยได้เห็นชอบแบบข้อความและอัตราเบี้ยประกันภัยกรมธรรม์ประกันภัย กรณีได้รับผลกระทบในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทประกันวินาศภัย 6 บริษัท หลังจากวัคซีนป้องกันโควิด-19 ล็อตแรกมาถึงประเทศไทย และจะมีการฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับประชาชน

ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการฉีดวัคซีน หากเกิดการแพ้วัคซีนขึ้น คปภ. จึงได้ส่งเสริมให้มีการนำระบบประกันภัยเข้าไปช่วยบริหารความเสี่ยงกรณีเกิดการแพ้วัคซีนขึ้น

สำหรับรายละเอียดความคุ้มครองของประกันภัยแพ้วัคซีนป้องกันโควิด 5 แบบ มีดังนี้

แบบที่ 1 คุ้มครองกรณีผู้เอาประกันภัยได้รับการฉีดวัคซีนและเกิดอาการแพ้ เช่น โคม่า สมองตายและระบบประสาทล้มเหลว

แบบที่ 2 เกิดอาการแพ้ จนต้องคุ้มครองการรักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน

แบบที่ 3 ให้เงินชดเชยปลอบขวัญสำหรับผู้ป่วยใน หากฉีดแล้วเกิดอาการแพ้

ส่วนแบบที่ 4 ผลประโยชน์เงินชดเชยรายวันจากการเป็นผู้ป่วยใน หากแพทย์วินิจฉัยว่ามีอาการแพ้หรือผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

และแบบที่ 5 ผลประโยชน์การแพ้วัคซีนโควิด-19 หากได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เป็นครั้งแรกว่าแพ้วัคซีนโควิด-19 บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าทดแทนให้ทันที

นายสุทธิพล กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ได้ส่งเสริมให้บริษัทประกันภัยพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 และพัฒนาช่องทางการจำหน่ายที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความเสี่ยงต่างๆ และประชาชนให้ความสนใจซื้อกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 โดยมียอดซื้อทะลุกว่า 10 ล้านฉบับ และมียอดจ่ายสินไหมทดแทนแล้วกว่า 131 ล้านบาท

เพิ่มอัตราค่าจ้าง 3 กลุ่มแรงงาน สูงสุด 630 บาทต่อวัน

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง เพิ่มอัตราค่าจ้าง 3 กลุ่มแรงงาน สูงสุด 630 บาทต่อวัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อมูลว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการเห็นชอบเพิ่มอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 กลุ่มสาขาอาชีพ รวม 13 สาขา ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพื่อให้ลูกจ้างที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติในแต่ละสาขาอาชีพ และแต่ละระดับได้รับค่าจ้างที่เหมาะสมเป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือความรู้ความสามารถของตน แต่ทั้งนี้ประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ จะมีผลบังคับใช้ 90 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา

โดยอัตราค่าจ้างแต่ละสาขาอาชีพ มีรายละเอียดดังนี้

1. กลุ่มช่างอุตสาหกรรม ค่าจ้างตั้งแต่ 460 – 630 บาทต่อวัน ได้แก่

1.1 ช่างกลึง

1.2 ช่างควบคุมเครื่องกลึง CNC

1.3 ช่างควบคุมเครื่อง Wire Cut

1.4 ช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ

2. กลุ่มช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ค่าจ้างต่อวันตั้งแต่ 440 - 540 บาทต่อวัน ได้แก่

2.1 ช่างไฟฟ้าภายนอกอาคาร

2.2 ช่างโทรคมนาคม (ไมโครเวฟและการสื่อสารดาวเทียม)

2.3 ช่างควบคุมด้วยระบบโปรแกรมเมเบิ้ลลอจิกคอนโทรลเลอร์ (Programmable Logic Controller: PLC)

2.4 ช่างไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมการจัดประชุม การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และการแสดงสินค้า (MICE : Meeting Incentives Conventions Exhibitions)

2.5 ช่างติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์

3. กลุ่มช่างเครื่องกล ค่าจ้างตั้งแต่ 415 – 430 บาทต่อวัน ได้แก่

3.1 พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถยกไฟฟ้า

3.2 พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถยกใช้เครื่องยนต์

3.3 ช่างตั้งศูนย์และถ่วงล้อรถยนต์

3.4 ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์

และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจาก กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th หรือโทร. 02 6182323

(หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี)​


ที่มา: https://www.antifakenewscenter.com/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87-3-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94-630-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD/

ทนายยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัว 4 แกนนำราษฎรอีกครั้ง หลัง 8 กปปส. ได้ประกันตัวพ้นคุก

วันนี้ (26 ก.พ. 2564)​ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทีมทนายความแกนนำกลุ่มราษฎร เดินทางมายื่นอุทธรณ์ขอประกันตัว นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม 4 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่ได้รับการประกันตัว หลังถูกยื่นฟ้องคดีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ในความผิดตาม ป.อาญา ม.112 ม.116 และข้อหาอื่น

นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ เพื่อต้องการยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวจำเลยทั้ง 4 คนอีกครั้ง หลังจากที่อดีตอธิบดีการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยื่นขอปล่อยชั่วคราวไปเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

การยื่นอุทธรณ์ครั้งนี้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งตามปกติแล้วการไม่ให้ประกันตัวจำเลยมี 4 ข้อ คือ

1.) จำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี แต่ในกรณีนี้ 4 แกนนำ ไม่มีพฤติการณ์ดังกล่าว ทั้ง 4 คน มีที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง มีอาชีพชัดเจน

2.) หลักประกันไม่น่าเชื่อถือ แต่ในกรณีนี้ได้ยื่นหลักทรัพย์คนละ 4 แสนบาท โดยมีบุคคลเป็นถึงระดับอดีตอธิการบดี และอดีตคณบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำ อย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมยื่นประกันตัว ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง มีอาชีพดีและมีเกียรติ ประวัติไม่เคยด่างพร้อย ทำหน้าที่ค้ำประกัน ยืนยันได้ว่า ทั้ง 4 คน มีหลักทรัพย์น่าเชื่อถือ และไม่หลบหนีคดี

3.) การไม่ให้ประกันเนื่องจากจำเลยจะเข้าไปยุ่งกับพยานหลักฐาน แต่คดีนี้หลักฐานหรือสำนวนอยู่ที่พนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นพนักงานตำรวจ จำเลยทั้ง 4 ไม่มีโอกาวเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว

และ 4.) คดีนี้ศาลยังไม่พิพากษาถึงที่สุด จำเลยทั้ง 4 คนควรได้โอกาส ได้อิสรภาพ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว

สำหรับกรณีที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตประกันตัว 8 อดีตแกนนำ กปปส. นั้น นายนรเศรษฐ์ มองว่า เป็นบรรทัดฐานที่ดีให้กับคดีการเมืองอื่นๆ พึงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับกลุ่มแกนนำราษฎร คดีนี้ศาลชั้นต้นยังไม่ได้พิพากษาว่ามีความผิด จึงทำให้ตนและจำเลยทั้ง 4 คนมีความหวังว่าศาลอุทธรณ์จะให้ความเป็นธรรม อนุญาตให้ประกันตัวจำเลยได้

Milk Tea Alliance พันธมิตรชานมแห่งเอเชีย ประกาศนัดรวมพลชาวเน็ตทั่วเอเชีย แสดงจุดยืนต่อต้านเผด็จการทหารในพม่าผ่านทางทวิตเตอร์พร้อมกันในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งแต่เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป

และจะเป็นการเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ในการแสดงพลังของเยาวชนชาวโซเชียลอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งที่ไต้หวัน ฮ่องกง ไทย พม่า และอีกหลายประเทศในย่านอาเซียน โดยมีอุดมการณ์เสรีนิยมประชาธิปไตย ต่อต้านกลุ่มอำนาจนิยมเป็นแรงขับเคลื่อนร่วมกัน

การประกาศนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรชานม เกิดขึ้นหลังจากที่มีข่าวการมาเยือนไทยของนาย วันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลทหารพม่า เพื่อประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการร่วมกับ นายดอน ปรมัตถ์วินัย และ นางเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และยังมีคิวเข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกด้วย

แม้จุดประสงค์ของการมาเยือนนั้นเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในพม่า และหาทางออกอย่างสันติวิธี แต่การเป็นเจ้าภาพในการจัดงานประชุมของไทยครั้งนี้ ได้รับกระแสวิจารณ์ในแง่ลบค่อนข้างมาก ในประเด็นที่รัฐบาลไทยเป็นผู้เชิญทางฝ่ายรัฐบาลพม่า ทำให้ถูกโยงว่ารัฐบาลไทยได้รับรองรัฐบาลทหารพม่าที่เพิ่งผ่านการทำรัฐประหารมา รวมถึงที่มาของ พลเอก ประยุทธ์ ที่เคยเป็นหัวหน้าคณะ คสช. ที่เคยทำรัฐประหารมาก่อน

จึงกลายเป็นที่มาของการนัดระดมพลในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ผ่านทาง Twitter ของกลุ่มพันธมิตรชานม ให้ออกมาเคลื่อนไหวทางโลกโซเชียล เพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมในพม่า หลังจากที่มีการพบปะกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายรัฐบาลทหารพม่าและผู้นำไทย เพื่อกดดันกลุ่มผู้นำประเทศอาเซียนให้เคารพผลการเลือกตั้งของชาวพม่า

และตั้งใจให้เป็นการแสดงพลังคู่ขนานไปกับการนัดชุมนุมของในประเทศไทย และพม่าในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งทางเพจพันธมิตรชานมได้ส่งข้อความถึงกลุ่มนักเคลื่อนไหวในไทยทั้ง กลุ่มเยาวชนปลดแอก กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มนักเรียนเลว กลุ่มพันธมิตรชานมแห่งประเทศไทย รวมถึงกลุ่มพันธมิตรในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย และล่าสุด พม่า ภายใต้สโลแกน "Make Milk Tea and End Dictatorship 28.2.2021"

จุดเริ่มต้นของพันธมิตรชานม เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2653 จากกระแสดราม่าในโลกอินเตอร์เนตของชาวจีน เกี่ยวกับรูปภาพของนักแสดงหนุ่มชาวไทย ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี ที่ได้รีทวิตภาพถ่ายอาคาร 4 แห่งของช่างภาพคนหนึ่งและได้ระบุว่าหนึ่งในนั้นถ่ายที่ประเทศฮ่องกง สร้างความไม่พอใจอย่างมากในกลุ่มแฟนคลับชาวจีนที่อ้างฮ่องกงเป็นประเทศเอกราช ซึ่งนักแสดงหนุ่มก็ได้ขอโทษที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และลบทวิตไป

แต่เรื่องไม่จบง่ายๆ เมื่อชาวเน็ตจีนยังตามขุดต่อ และได้พบทวิตเตอร์ของ นิว วีรญา สุขอร่าม แฟนสาวของหนุ่มไบร์ท ที่ใช้ชื่อใน IG และ Twitter ว่า nnevvy เคยรีทวิตข่าวที่กล่าวหาว่าไวรัส Covid-19 ถูกปล่อยจากแล็บในอู่ฮั่น เลยยิ่งทำให้กระแสลุกลามใหญ่โตในจีน ถึงขั้นติด #nnevvy และจะแบนผลงานของหนุ่มไบร์ท

จึงเกิดเป็นสงครามระหว่างชาวเน็ตไทย และ จีนอย่างดุเดือด จนดึงให้ชาวเน็ตในฮ่องกง และไต้หวันออกมาร่วมรบกันในสงครามคีย์บอร์ดจนชาวเน็ตจีนต้องล่าถอย และกลายเป็นที่มาของ Milk Tea Alliance พันธมิตรชานมขึ้นเป็นครั้งแรก เนื่องจากทั้ง 3 ชาติมีเอกลักษณ์ และความชอบในการดื่มชานมคล้ายๆ​ กัน

ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นการรวมกลุ่มกันแบบเฉพาะกิจ​ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดึงให้แกนนำตัวหลักในฮ่องกงอย่าง โจชัว หว่อง ได้มารู้จักกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวในไทยจากกระแสของพันธมิตรชานม

ต่อมามีการขยายกลุ่มพันธมิตรเพิ่มเติม เมื่ออินเดียและจีนเกิดข้อพิพาทในเขตชายแดนเทือกเขาหิมาลัย ที่นำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรงจนสูญเสียชีวิตทหารทั้งสองฝ่าย เป็นชนวนเหตุให้เกิดกระแสต่อต้านสินค้าจีนในอินเดีย และกลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรชานมร่วมกันในที่สุด

และจากกลุ่มพันธมิตรชานมในโลกเสมือน ก็พัฒนาสู่เวทีจริงในช่วงเดือนตุลาคม 2563 เมื่อเกิดเหตุการณ์ชุมนุมครั้งใหญ่ในประเทศไทย เรียกร้องการปฏิรูปสถาบัน และต่อต้านรัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่ากลยุทธ์ในการชุมนุมในไทย มีรูปแบบโมเดลคล้ายๆ​ กับการชุมนุมใหญ่ในฮ่องกงที่เคยเกิดขึ้นในปี 2562

เนื่องจากมีการถ่ายทอด "know - how" รูปแบบกลยุทธการจัดชุมนุมแบบใหม่ การใช้แฟลชม็อบ การใช้รหัสลับ การนัดชุมนุมผ่านโซเชียลมีเดียแบบรายวัน การใช้แอปพลิเคชันใหม่ๆ​ ในการสื่อสาร หรือแม้แต่การป้องกันตัวเองหากถูกสลายการชุมนุมด้วยแก๊ซน้ำตา จากกลุ่มแกนนำในฮ่องกงผ่านเครือข่ายพันธมิตรชานม นั่นเอง

และกลุ่มพันธมิตรชานม ก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นในกลุ่มเยาวชนที่นิยมเล่นโซเชียลในประเทศย่านเอเชีย ที่มักมีปัญหากับจีนไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ เขตพรมแดน การแบ่งปันทรัพยากรธรรมชาติ หรือการเอาเปรียบด้านการค้า

ดังนั้น การรวมกลุ่มกันในโลกโซเชียลของพันธมิตรชานม จึงมีการผสมผสานกันระหว่างแนวร่วมอุดมการณ์เสรีนิยมประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ กับประเด็นเรื่องชาตินิยม สังคม เศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์อย่างเข้มข้น และพร้อมที่จะแสดงพลังให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมได้หากเกิดกระแสการชุมนุมที่จุดติด

เช่นเดียวกับการลุกฮือต่อต้านคณะรัฐประหารในพม่า ประเทศสมาชิกล่าสุดของพันธมิตรชานม ที่ใช้สัญลักษณ์การชู 3 นิ้วเหมือนกับของไทย และมีการแชร์ข่าวสารข้อมูลของกลุ่มเคลื่อนไหวร่วมกันในโซเชียล

และเป้าหมายของกลุ่มคือการผลักดันในเกิด Spring Revolution เช่นเดียวกับที่เกิดกระแสอาหรับ สปริง ในตะวันออกกลาง เริ่มจากการโค่นล้มรัฐบาลทหารพม่า ที่อาจส่งผลถึงกระแสการต่อต้านรัฐบาลปัจจุบันของไทย และอาจลามต่อไปถึงหลายประเทศในย่านอาเซียนได้

จึงเป็นที่น่าจับตาว่า การนัดแสดงพลังทางออนไลน์ของกลุ่มพันธมิตรชานมอย่างพร้อมเพรียงกันในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ จะสร้างปรากฏการณ์ได้ขนาดไหนในกระแสโลกโซเชียล และการเบ่งบานของกลุ่มพันธมิตรชานมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะส่งผลต่ออิทธิพลของชาติมหาอำนาจของโลก อย่างสหรัฐอเมริกา และจีนในภูมิภาคย่านเอเชียอย่างไร เป็นสิ่งที่คนทุกรุ่นต้องติดตามกัน


อ้างอิง:

https://www.taiwannews.com.tw/en/news/4137020

https://twitter.com/alliancemilktea/status/1364888390219497474

https://www.theatlantic.com/international/archive/2020/10/milk-tea-alliance-anti-china/616658/

https://en.wikipedia.org/wiki/Milk_Tea_Alliance

'กรณ์' ขอโอกาสชาวเมืองคอนหวังหยุดวงจรการเมืองเก่า

ช่วงเย็นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมคณะ ร่วมงานวันมาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ ประจำปี 2564 ที่ลานพระบรมธาตุเจดีย์ วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นงานประจำปีของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธี พี่น้องประชาชนก็เข้ามาทักทาย

โดยนายกรณ์ กล่าวกับประชาชนว่า วันนี้เป็นวันดี เป็นวังมงคล พรรคกล้าจึงได้ร่วมพิธีแห่ผ้าขึ้นธาตุ ร่วมกับพี่น้องประชาชน เพื่อความเป็นสิริมงคลในการทำกิจกรรมทางการเมือง เป็นบรรยากาศที่ดี และเป็นจุดเริ่มต้นของโค้งสุดท้ายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช ซึ่งผู้สมัครของพรรคกล้าคือ เบอร์ 1 นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ ก็ได้ลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชนต่อเนื่องตลอดหลายเดือน

พรรคกล้าต้องการและตั้งใจจะทำให้การเมืองนครศรีธรรมราชมีความความสร้างสรรค์และพัฒนา เห็นของดีเมืองนครฯ เยอะมาก แต่สิ่งที่ขาดไปช่วงที่ผ่านมาคือความสนใจและการบริหารจัดการ เพราะฉะนั้นนี่คือภารกิจพรรคกล้า และรู้ดีว่าทำไมต้องเลือกตั้งซ่อม ดังนั้นจึงอยากให้ช่วยกันทำงานการเมืองให้ดีขึ้น สร้างสรรค์ขึ้น เป็นประโยชน์ของพี่น้องประชาชนมากขึ้นด้วยการ กาเบอร์ 1 เพื่อให้คนทั้งพรรคมาช่วยชาวนครศรีธรรมราชทำงาน

“เราเดินหาเสียงกันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพราะความท้าทายของเราคือเป็นพรรคใหม่ แต่วันนี้เสียงตอบรับดีมาก กระแสดีกว่าที่เราคาดหวังไว้มาก ต้องบอกว่าเราหวังผลแน่นอนในวันเลือกตั้ง 7 มีนาคมนี้ “ หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว

นายกรณ์ ยังกล่าวถึงแกนนำ กปปส. ที่ถูกดำเนินคดีว่า ก็อยากให้กำลังใจทุกๆ ท่าน และเชื่อว่าหลายคนก็สะเทือนใจที่ต้องเห็นผู้ที่ออกมาต่อสู้ต้องโทษ แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ออกมาบอกว่าจะเคารพหลักนิติรัฐ และผลของคำพิพากษา พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดยืนที่ดี ที่จะทำให้สังคมเดินไปข้างหน้าได้ ก็ขอเป็นกำลังใจ

ส่วนสิ่งที่ไม่อยากเห็นเลยคือผลลัพธ์ภายหลังจากที่ รัฐมนตรีพ้นตำแหน่งไป คือการแก่งแย่งตำแหน่งทางการเมือง มันสะท้อนถึงการเมืองเก่า แต่สิ่งที่อยากเห็นคือความคิดที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ อยากเห็นนายกฯ ใช้โอกาสนี้เลือกคนที่เหมาะสม เข้ามาในตำแหน่งสำคัญ มากกว่าการล็อบบี้กันในกลุ่มเลือกตั้งตามที่เห็นกันในข่าว

“และนี่คือเหตุผลที่ทำให้พรรคกล้ารวมตัวขึ้นมา ด้วยเจตนารมณ์ที่อยากเห็นการเมืองพัฒนา เรามองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่มีการเลือกตั้งที่เมืองคอน เขต 3 เป็น โอกาสพี่น้องประชาชนที่จะส่งสัญญาณชัด ๆ ไปเลยว่าเราต้องการ โอกาสที่จะมีการเปลี่ยนแปลงและเริ่มที่นี่ “อย่าลืมนะครับ 7 มีนา กาเบอร์ 1 สราวุฒิ สุวรรณรัตน์ เลือกคนเดียว ได้พรรคกล้าไปทำงานทั้งพรรค” หัวหน้าพรรคกล้า ย้ำในตอนท้าย

บิ๊กตู่เลื่อนปักเข็มวัคซีนโควิดจากเดิม 28 กุมภาพันธ์

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมณตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เลื่อนการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่สถาบันบำราศนราดูร จากเดิมวันที่ 28 ก.พ.นี้ ออกไปอย่างไม่มีกำหนดนั้น

ล่าสุดสำนักโฆษกสำนักนายกฯรัฐมนตรี ได้แจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่มีกำหนดการจะไปฉีดวัคซีน ที่สถาบันบําราศนราดูร โดยนางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เปิดเผยว่า เรื่องการฉีดวัคซีนของนายกรัฐมนตรี ที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการฉีดวันอาทิตย์ ที่ 28 ก.พ. นั้น ยืนยันยังไม่มีกำหนดการไปฉีดวัคซีนดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรค เป็นผู้แจ้งขอเลื่อน มายังทำเนียบรัฐบาล ส่วนรายละเอียดนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ชี้แจงเอง

รายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สาเหตุในการเลื่อนการฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ของนายกรัฐมนตรีนั้น เกิดจากปัญหาติดขัดในเรื่องของธุรการที่เป็นส่วนของเอกสาร เนื่องจากแอสตร้าเซเนก้าล็อตแรกมาจากประเทศเกาหลี แม้จะผ่านการรับรองจากประเทศต้นสังกัดแล้วก็ตาม แต่เป็นการรับรองให้ทางเกาหลีเท่านั้น การที่ประเทศไทย ตัดยอดนำเข้ามานั้นจึงยัง ไม่มีเอกสารรับรองเป็นทางการจึงอยู่ระหว่างขั้นตอนทางธุรการดำเนินการ ทำให้จำเป็นต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนล็อตดังกล่าวออกไปก่อน

ส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีอายุเกิน 60 ปี ต้องเลื่อนฉีดวัคซีนเข็มปฐมฤกษ์ออกไป ส่วนวัคซีนซิโนแวคที่นำเข้าจากจีนนั้น ผ่านการรับรองเป็นที่เรียบร้อยแล้วสามารถดำเนินการฉีดตามกำหนดได้ แต่หากขั้นตอนทางธุรการด้านเอกสารของแอสตร้าเซเนก้า ผ่านขั้นตอนได้ทัน และผ่านขั้นตอนของวิทยาศาสตร์การแพทย์ของไทยแล้ว ก็คาดว่าจะสามารถฉีดได้ทันตามที่ประกาศไว้

จุรินทร์ นำทีมเอง! ยกทัพประชาธิปัตย์ลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อมเมืองคอน 27 - 28 ก.พ. พร้อมเตรียมปราศรัยใหญ่ 4 - 5 มี.ค. นี้!

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมกรรมการบริหารพรรค ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 3 โดยทัพใหญ่หาเสียงในช่วงวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2564 โดยมีนายนิพนธ์ บุญญามณี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายถาวร เสนเนียม ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ นายจุติ ไกรฤกษ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ นายอลงกรณ์ พลบุตร นายนราพัฒน์ แก้วทอง นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายประกอบ รัตนพันธุ์ นส. พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีแกนนำและสมาชิกพรรคอีกจำนวนมากที่จะร่วมกันลงพื้นที่ลุยหาเสียงช่วยพรรคประชาธิปัตย์ที่มี "นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์" เป็นผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 3

อย่างไรก็ตาม นายจุรินทร์ยังมีกำหนดการ ร่วมการปราศรัยใหญ่ของพรรคในวันที่ 4 มีนาคม 2564 ที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอพระพรหม และในวันที่ 5 มีนาคม ที่อำเภอชะอวดและอำเภอจุฬาภรณ์อีกด้วย

สำหรับวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 นายจุรินทร์ มีกำหนดการคือ 14.00 น. พบปะพี่น้องประชาชน บริเวณตลาดเทศบาลชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช 5.30 น. พบปะพี่น้องประชาชน วิสาหกิจกลุ่มมังคุดคุณภาพชะอวดพัฒนา ณ หมู่ 10 ตําบลเกาะขันธ์ อําเภอชะอวด จังหวัด นครศรีธรรมราช 16.15 น. พบปะพี่น้องประชาชน วิสาหกิจชุมชนกลุ่มมังคุดชะอวดพูนผล ณ หมู่ 4 ตําบลเกาะขันธ์ อําเภอชะอวด จังหวัด นครศรีธรรมราช และ 17.05 น. พบปะพี่น้องประชาชน บริเวณตลาดนัดไม้เสียบ อําเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช

และพรุ่งนี้ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 มีกำหนดการ 7.00 น. พบปะพี่น้องประชาชน บริเวณตลาดกอบัว อําเภอพระพรหม จังหวัด นครศรีธรรมราช 9.30 น. พบปะพี่น้องประชาชน กลุ่มเกษตรกรรายย่อย ตําบลนาสาร อําเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช 13.30 น. พบปะพี่น้องประชาชน ตําบลเคร็ง/ตําบลขอนหาด/ตําบลนางหลง อําเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช 15.30 น. พบปะพี่น้องประชาชนบริเวณตลาดนัดควนหนองหงส์ อําเภอชะอวด จังหวัด นครศรีธรรมราช เป็นต้น

กทก. ยัน! จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้นไม่หวั่นโควิด คาดยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังไทยจิ้มเข็มวัคซีนและผ่อนปรนต่างชาติฉีดวัคซีนเข้าไทยได้ไม่ต้องกักตัว

กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ได้สรุปจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 เริ่มกลับมามีจำนวนเพิ่มขึ้น แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระรอกใหม่เกิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ต่อเนื่องมาจนถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 โดยจากการรวบรวมตัวเลขทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาผ่านวีซ่าประเภทพิเศษ (เอสทีวี) นักท่องเที่ยวกลุ่มสมาชิกไทยแลนด์อีลิทการ์ด และกลุ่มนักธุรกิจ เดินทางเข้าประเทศไทยแล้วจำนวน 7,694 คน ส่วนจำนวนรายได้ ล่าสุดยังอยู่ระหว่างการรวบรวม

ทั้งนี้ประเมินว่า ในช่วงต่อจากนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มที่ได้รับการผ่อนปรนให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ เดินทางเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประเทศไทยได้มีการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยในช่วงตังแต่เดือนมี.ค.นี้เป็นต้นไป รวมไปถึงแนวโน้มการผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีน และมีใบรับรองอย่างถูกต้อง สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยที่ไม่ต้องกักตัว ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กาลโหม ซึ่งได้ออกมาประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยในเดือนนี้ ภาพรวมมีทั้งหมด 7,694 คน ลดลง 99.80% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยรวม 3.81 ล้านคน ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการระบาดของไวรัสโควิด-19 จากประเทศจีน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่ติดลบเกือบ 100% นี้ เป็นผลมาจากการระบาดที่ยังไม่สิ้นสุด แต่ก็เป็นที่น่าสนใจว่าจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนนี้ มีจำนวนตัวเลขการเดินทางเข้ามามากกว่าหลาย ๆ เดือนในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด และรัฐบาลได้ผ่อนปรนให้เดินทางเข้ามาได้แล้ว โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาสที่ 3 - 4 ของปี 63

รมว.แรงงาน จัดโครงการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงาน ช่วยลดสถิติการประสบอันตรายจากการทำงาน เผยผลตอบรับดี นายจ้าง ลูกจ้างแห่ร่วมอบรมหวังสร้างการรับรู้มาตรการเชิงป้องกันความปลอดภัยในการทำงาน

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคนทุกกลุ่มต้องได้รับสวัสดิการและการคุ้มครองตามกฎหมาย เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งมีความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

จึงได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานดำเนินการจัดฝึกอบรมให้แก่หน่วยงานฝึกอบรมที่ได้รับอนุญาตจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นผู้จัดฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานให้แก่ผู้ใช้แรงงานโดยไม่เรียกเก็บค่าบริการ ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2564 หลักสูตรความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามกฎหมาย ซึ่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน รับผิดชอบดำเนินการภายใต้แนวคิดชื่อ “ฝึกฟรี มีทักษะ ชนะอุบัติภัย ใส่ใจแรงงาน”

สำหรับหลักสูตรดังกล่าว ได้แก่ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับบริหาร ระดับหัวหน้างาน ระดับเทคนิค คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน  การทำงานในที่อับอากาศ ดับเพลิงขั้นต้น ฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ เป็นต้น ซึ่งมีหน่วยงานฝึกอบรมสมัครเข้าร่วมจำนวน 207 หน่วยงาน แบ่งเป็น หน่วยงานภาคเอกชน จำนวน 70 หน่วยงาน และหน่วยงานภาคราชการ จำนวน 137 หน่วยงาน อบรมให้แก่ผู้ใช้แรงงาน จำนวน 15,007 คน โดยไม่เรียกเก็บค่าบริการ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการอบรมหลักสูตรตามที่กฎหมายกำหนด จำนวน 17,597,500 บาท

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากรายงานของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานถึงความคืบหน้าการจัดฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานให้แก่ผู้ใช้แรงงานปรากฎว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 64 มีหน่วยฝึกอบรมดำเนินการจัดฝึกอบรมแล้ว จำนวน 36 หน่วยงาน ประกอบด้วย หน่วยงานภาคเอกชน จำนวน 14 หน่วยงาน และหน่วยงานภาคราชการ จำนวน 22 หน่วยงานให้แก่ผู้ใช้แรงงาน จำนวน 2,880 คน โดยไม่เรียกเก็บค่าบริการ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการอบรมหลักสูตรตามกฎหมายกำหนด จำนวน 611,000 บาท

นายรุจน์ เฉลยไตร เครือข่ายชมรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานพระนคร ร่วมกับบริษัท เพอร์เฟค เซฟตี้เทรนนิ่ง แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด เป็นหน่วยฝึกอบรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการอบรม หลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน และระดับบริหาร เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้แรงงาน ซึ่งทางบริษัทฯ ยินดีที่จะร่วมโครงการฯ โดยไม่คิดค่าบริการ เพื่อร่วมกันลดสถิติการประสบอันตรายจากการทำงาน และเพื่อสร้างการรับรู้มาตรการเชิงป้องกันความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งโครงการนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้แรงงาน

ด้าน นายไชยา ใจบำรุง รองผู้จัดการบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกหาดใหญ่ ในนามตัวแทนผู้บริหารของสถานประกอบกิจการในจังหวัดสงขลา จำนวน 30 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการฯ หลักสูตร “ความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ” รุ่นที่ 1 สำหรับผู้อนุญาต กล่าวว่า เห็นด้วยกับการจัดโครงการฯ ฝึกอบรมด้านความปลอดภัยในการทำงาน ให้แก่ผู้ใช้แรงงาน ต้องขอขอบคุณรัฐบาล กระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และบริษัท เซ้าเทอร์น เซฟตี้ จำกัด ที่เล็งเห็นความสำคัญของงานด้านความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ ซึ่งแต่ละปีมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก อีกทั้งบริษัทฯ จัดฝึกอบรมยังสละเวลาพร้อมทรัพยากรอันมีค่าต่างๆ ที่ใช้สำหรับฝึกอบรมโดยไม่คิดค่าบริการ และถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสถานประกอบกิจการที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้ ผมหวังว่ากระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จะมีโครงการดีๆ ในรูปแบบนี้อีกในปีต่อๆ ไป

ขณะที่ นายธนยศ สว่างไสว พนักงาน บริษัท รักษาความปลอดภัย ดีเอสเอส จำกัด ในนามตัวแทนผู้เข้าฝึกอบรมหลักสูตร “การอบรมดับเพลิงขั้นต้น” และหลักสูตร “การฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ” กล่าวว่า ขอขอบคุณ รัฐบาลกระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และห้างหุ้นส่วนจำกัด เอที เซล เซอร์วิส แอนด์ เทรนนิ่ง ที่ร่วมกันจัดฝึกอบรม ฟรี แก่ผู้ใช้แรงงาน เพื่อนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปใช้ในการป้องกันและระงับอัคคีภัยกรณีที่เกิดขึ้นในสถานประกอบกิจการ ผู้ใช้แรงงานไม่บาดเจ็บและเสียชีวิต ทรัพย์สินของสถานประกอบกิจการไม่เสียหาย ทั้งนี้ ผมในนามตัวแทน ผู้เข้าฝึกอบรมขอสัญญาว่า จะนำความรู้ที่ได้จากท่านวิทยากรไปใช้ในการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความปลอดภัยในการทำงานให้กับสถานประกอบกิจการของตนเองต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาล และกระทรวงแรงงาน จะจัดโครงการฝึกอบรมที่เป็นประโยชน์เช่นนี้ให้แก่ผู้ใช้แรงงานในปีต่อไปอีก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top