Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

ด่วน!! สหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการแรกภายใต้ 'ไบเดน' โจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายในซีเรีย

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ได้สั่งการให้กองทัพอเมริกาโจมตีทางอากาศทางภาคตะวันออกของซีเรีย ถล่มสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่ทางเพนตากอนระบุว่า​ เป็นฐานของกลุ่มนักรบที่อิหร่านหนุนหลัง เพื่อตอบโต้เหตุยิงจรวดโจมตีฐานที่มั่นต่างๆ​ ของสหรัฐฯ​ ในอิรักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

โดยการโจมตีสถานที่ต่างๆ ของสหรัฐในอิรักก่อนหน้า​ ซึ่งรวมถึงสถานทูตอเมริกันนั้น​ เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐและอิหร่านกำลังหาทางที่จะกลับเข้าร่วมข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ซึ่งได้ถูกยกเลิกไปในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เจ้าหน้าที่ของอิรักและชาติตะวันตก​ ระบุว่า การโจมตีสหรัฐฯ​ ในอิรักนั้นเป็นฝีมือของกองกำลังติดอาวุธกาตาอิบ เฮสบอลเลาะห์ (Kataib Hezbollah) และกลุ่มกาตาอิบ ซัยยิด อัล-ชูฮาดาอฺ​ ที่ได้รับการสนับสนุนโดยอิหร่าน

เหตุโจมตีดังกล่าว ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเป็นแห่งแรก ดูเหมือนจะดำเนินการในขอบเขตจำกัด มีความเสี่ยงระดับต่ำที่จะก่อให้เกิดสถานการณ์ลุกลามบานปลาย​ โดยสหรัฐฯ​ ได้ตัดสินใจโจมตีกองกำลังอิหร่านเฉพาะในซีเรียเท่านั้น และไม่ได้ทำการโจมตีในอิรักแต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตามการโจมตีทางอากาศในซีเรียครั้งนี้ได้มีพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย ขณะที่ทหารของสหรัฐและของกองกำลังพันธมิตรบาดเจ็บหลายนาย


ที่มา: รอสเตอร์ส
https://mgronline.com/around/detail/9640000019103
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/924681

โฆษกพรรคกล้าเตือน!! หื่นกระหายแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกัน ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลเสื่อม แนะลุงตู่ 'ปรับ ครม.'​ ให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่านักการเมือง

ธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊ก Thanva Krairiksh - ธันวา ไกรฤกษ์ แสดงความเห็นถึงเรื่องการ 'ปรับ ครม.'​ ว่า...

เห็นข่าวการเตรียมเสนอชื่อรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างลง จึงขอแสดงความคิดเห็นในฐานะอดีตสมาชิกพรรค ซึ่งเคยได้เสียงกว่า 3 หมื่นคะแนนในการเลือกตั้ง “เพราะลุงตู่” สักหน่อยครับ

แม้ฐานคะแนนเดิมของส.ส.จากหลายกลุ่มหลายก๊วนจะมีจำนวนไม่น้อย แต่ต้องยอมรับว่ากระแสความมั่นใจต่อความเข้มแข็งในการปกป้องสถาบัน รวมไปถึงความเด็ดขาดในการแก้ปัญหาต่างๆ สมัยรัฐบาล คสช. ของลุงตู่ เป็นปัจจัยหลักให้พลังประชารัฐสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้​ ซึ่งผมเองเคยลงเลือกตั้งมาหลายครั้ง ไม่เคยได้คะแนนถึงหมื่น แต่คราวนี้ได้เกือบ 3 หมื่น ก็เพราะลุงตู่เช่นกัน โดยสัมผัสได้ถึงความคาดหวังของประชาชนที่อยากเห็นลุงตู่นำพาประเทศไปสู่การปฏิรูปตามที่ตั้งใจและสัญญาไว้

แต่ปรากฏว่าตั้งแต่ตั้งรัฐบาลจนถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยมีการปฏิรูปด้านใดที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย มีแต่ข่าวการขัดแข้งขัดขา แย่งเก้าอี้รัฐมนตรี จนมาถึงวันนี้มีรัฐมนตรีหลุดไป เพราะคำพิพากษาในคดี กปปส. ก็ยังไม่วายแสดงท่าทียื้อแย่งตำแหน่งกันอยู่เช่นเดิม... ราวกับไม่เห็นหัวผู้ที่เคยลงคะแนนให้จริงๆ

แล้วการพิจารณาตัวบุคคลที่จะมารับตำแหน่ง ควรเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ส่วนสมาชิกพรรคควรจะรู้จักการสงวนท่าทีบ้าง เพื่อให้รัฐบาลยังคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือ ไม่ทำเหมือนหื่นกระหายใคร่อยาก จนทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลดูเสื่อมอย่างนี้

เขียนยาวไปก็เวิ่นเว้อ ขอฝากไว้ให้พิจารณากันเพียงเท่านี้ และหวังว่าจะเห็นความเด็ดขาดในการตัดสินใจ คัดกรองตัวบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นรัฐมนตรี เพื่อให้ประชาชนยังรู้สึกว่า "นายกให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่านักการเมือง"

#เก็บอาการบ้างก็ได้!!


ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/politics/470192

ดำเนินคดีเณร 3 นิ้ว มหาเถรสมาคมมีมติร่วม ผิดวินัยสงฆ์ หมิ่นสังฆราช

เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบ​ 'สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า'​ หรือ 'โฟล์ค'​ นักศึกษาวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล สมาชิกแนวร่วมราษฎรศาลายา ที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองกับม็อบราษฎรว่า มีพฤติกรรมขัดต่อคำสั่งมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า...

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดย กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ร่วมกับพระครูสถิตปริติวศ์ วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ เจ้าคณะแขวงบางชื่อ พระวินยาธิการ ออกตรวจตราตามที่ได้รับรายงานข่าว และแจ้งเบาะแส กรณีพบเห็นสามเณรมีพฤติกรรมขัดต่อคำสั่งมหาเถรสมาคม

เรื่องห้ามภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตร่ และพักค้างแรมตามบ้านเรือน พ.ศ.2521 , คำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ.2538, ประกาศคณะสงฆ์ เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรพักแรมในสถานที่เป็นที่รังเกียจทางพระวินัย วันที่ 31 มกราคม 2501 และอาจเข้าข่ายขัดต่อประกาศมหาเถรสมาคม เรื่องห้ามภิกษุสามเณรไม่ให้เป็นสมาชิกในสมาคม หรือสโมสรคฤหัสถ์ ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2476

ซึ่งประกาศห้ามภิกษุสามเณรเข้าเป็นสมาชิกในสมาคม หรือสโมสรคฤหัสถ์ เพราะไม่สมควรเกี่ยวข้องในกิจที่ไม่ควรแก่บรรพชิต เป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา และเป็นที่ติเตียนวิพากษ์วิจารณ์ของพุทธศาสนิกชนถึงความไม่เหมาะสม ภายหลังจากที่เจ้าคณะผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ละแวกบ้านพักนักกิจกรรมแนวร่วมราษฎร ย่านเตาปูน ตรวจสอบตามที่ได้รับรายงาน

โดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ประกอบกับข้อมูลที่ได้รับจากสื่อสังคมออนไลน์ พบว่า สามเณรรูปดังกล่าวคือ สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า หรือ โฟล์ค ไม่มีสังกัด ซึ่งเป็นบุคคลตามมติมหาเถรสมาคม ที่ 57/2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 เรื่องกรณีสามเณรเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง โดยเข้าร่วมชุมนุม และปราศรัยกับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองหลายครั้ง

ทั้งในระหว่างการชุมนุมยังแสดงพฤติกรรมละเมิดองค์แห่งพระวินัยปิฎก กล่าวติพระธรรม กล่าวติพระสงฆ์ มีความเห็นผิด ไม่เหมาะสมในสมณะแห่งพระพุทธศาสนา มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอามาตมาดร้ายสมเด็จพระสังฆราช ใส่ความคณะสงฆ์ให้เสื่อมเสีย หรือแตกแยก

มหาเถรสมาคม จึงมีมติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้แจ้งมติมหาเถรสมาคมนี้ ไปยังเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด และจังหวัดทุกจังหวัต เพื่อดำเนินการตามแนวทางการลงทัณฑกรรมแก่สามเณร

พร้อมแจ้งขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแจ้งสถานีตำรวจในท้องที่ต่างๆ หากพบเห็นสามเณรดังกล่าว ให้นำเข้าพบเจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่นั้นๆ เพื่อดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคม แล้ว

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งข่าว และขอความร่วมมือพุทธศาสนิกชนทุกท่าน หากพบเห็นพระภิกษุสามเณที่มีพฤติกรรมเช่นดังกล่าว หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในความเป็นสมณะ และในลักษณะอื่นที่อาจเข้าข่าย และเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา

โปรดแจ้งข่าว และเบาะแสมาที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โทร.02-441-7992 , 02-441-7936 เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป


ที่มา:

https://www.thaipost.net/main/detail/94250

https://www.facebook.com/www.onab.go.th/posts/2511133115858641

รัฐบาลญี่ปุ่นใจถึง !!​ ใครฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วตาย​ จ่าย​ 12​ ล้านบาท​ หวังจูงใจประชาชนให้เลิกกลัว

จากกรณีเมื่อ วันที่ 17 ก.พ.64 ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลญี่ปุ่น ได้เริ่มการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่ประชาชน แต่กลับปรากฏว่า มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนไม่มากนัก

โดยดูจากผลสำรวจความคิดเห็นของสื่อหลายสำนักในญี่ปุ่น พบข้อมูลว่า ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่กล้าไปเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เนื่องจากไม่มั่นใจถึงความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีน

ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงหาวิธีดึงดูด โดยนาย โนริฮิสะ ทะมุระ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยจำนวน 44,200,000 เยน หรือ 12,536,372 บาท ให้แก่ครอบครัวหากฉีดวัคซีนต้าน โควิด-19 แล้วเสียชีวิต และจะจ่ายค่าทำศพอีกไม่เกิน 209,000 เยน หรือ 59,275 บาท หลังพบชาวญี่ปุ่นไม่กล้าฉีดวัคซีน เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย

ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีอาการเจ็บป่วย หรือได้รับผลข้างเคียงระยะยาว อาทิ พิการ จะได้รับเงินชดเชยปีละ 5 ล้านเยน หรือ 1,417,096 บาท

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายจ่ายเงินชดเชยผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนอยู่แล้ว แต่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ


ที่มา: https://www.facebook.com/336295587309275/posts/768683140737182/

https://japantoday.com/category/features/health/If-you-die-from-the-COVID-19-vaccine-in-Japan-the-government-will-give-your-family-over-¥44-mil

https://www.independent.co.uk/news/world/asia/japan-covid-vaccine-pay-families-death-b1806799.html

https://www.posttoday.com/world/646333

'หมออนุทิน'​ เผยวัคซีน Sinovac ผ่านการตรวจสอบแล้ว พร้อมลุยให้บริการประชาชน

เฟซบุ๊ก 'อนุทิน ชาญวีรกูล'​ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการโพสต์ข้อความว่า..

ว้คซีน Sinovac ได้รับการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรียบร้อยแล้ว พร้อมจัดส่งให้โรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อฉีดให้ประชาชน ตามแผนบริหารจัดการวัคซีน ของกระทรวงสาธารณสุข

#คนไทยต้องปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัคซีนของ Sinovac ได้รับการตรวจสอบ ในช่วงบ่ายของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นไปตามระบบคุณภาพของการรับวัคซีนตัวอย่าง และดำเนินการทดสอบทางห้องปฏิบัติการทันที

สำหรับผลการทบทวนเอกสารข้อมูลกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพของวัคซีนรุ่นการผลิตที่ประเทศไทยได้รับมาจากผู้ผลิตนั้น​ มีความสอดคล้องตามกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์​ จึงได้ให้การรับรองรุ่นการผลิตวัคซีน CoronaVac ของซิโนแวครุ่นที่ส่งให้ประเทศไทย เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำวัคซีนไปใช้ได้ตามแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19

คิกออฟ !! อาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพลเพิ่มรอยยิ้มเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน

ปัจจุบันประเทศไทยในหลายพื้นที่ ต้องพบกับปัญหา ขาดแคลนน้ำ ภัยแล้ง และน้ำท่วม ในบางช่วงเวลา โดยมีหนึ่งในสายน้ำที่เป็น ‘คอขวด’ ของปัญหาหนักแทบทุกปี บนช่วงพิกัดของ ‘แม่น้ำปิง’

ปัจจุบัน แม่น้ำปิง มีสภาพตื้นเขิน มีปัญหาตะกอนทรายเกาะแก่งอยู่ในลำน้ำ ทำให้ร่องน้ำเปลี่ยนทิศทาง ส่งผลให้เกษตรกรสูบน้ำไปใช้เพื่อการเกษตรไม่ได้ตามระยะเวลาที่ต้องการ รวมถึงโรงสูบน้ำของการประปาส่วนภูมิภาค การประปาของเทศบาลและท้องถิ่น ต้องเจอปัญหาการสูบน้ำเพื่อผลิตน้ำประปาสำหรับชุมชนเมือง

เหตุผลหลักๆ มาจากระดับน้ำในแม่น้ำปิง ณ ปัจจุบันต่ำมาก เนื่องจากการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล อยู่ในเกณฑ์น้อยในแต่ละวัน ซึ่งปัจจัยหลักๆ ก็มาจากปริมาณน้ำในอ่างฯ ที่อยู่ในเกณฑ์น้อยลงนั่นเอง ปัญหาดังกล่าว ทางกรมชลประทาน ได้นำมาพิจารณาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดแนวคิดแก้ไขผ่านโครงการหนึ่ง ภายใต้ชื่อ ‘อาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดกำแพงเพชร’

โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับเสียงตอบรับดีหลังร่างแผนโครงการขึ้นมา ทั้งจากภาคประชาชน ภาครัฐ ภาคการเกษตร ภาคประชาสังคม ภาคอุตสาหกรรม หอการค้า คณะกรรมการภาครัฐและเอกชน โดยแต่ละภาคส่วนต่างต้องการให้มีการศึกษาและก่อสร้างอาคารบังคับน้ำในลำน้ำปิง ในบริเวณที่เหมาะสม เพื่อยกระดับน้ำให้สูงขึ้นเล็กน้อย สามารถชะลอน้ำไว้ เพื่อยืดระยะเวลาการสูบน้ำส่งให้กับพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง ช่วยเรื่องของการอุปโภคบริโภค การเกษตร การประมง และส่งเสริมการท่องเที่ยว หากโครงการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำดังกล่าวดำเนินการได้จนแล้วเสร็จ . สำหรับแผนการดำเนินการคัดเลือกโครงการฯ เบื้องต้นมีการเลือกพิกัดจำนวน 3 แห่ง เพื่อนำไปดำเนินการศึกษาความเหมาะสม และประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม

• โครงการอาคารบังคับน้ำบ้านแม่ยะ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก พื้นที่รับประโยชน์ 32,500 ไร่

• โครงการอาคารบังคับน้ำวังยางหนองขวัญ อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร พื้นที่รับประโยชน์ 601,585 ไร่

• และโครงการอาคารบังคับน้ำคลองกระถินอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พื้นที่รับประโยชน์ 112,500 ไร่

โดยทั้ง 3 โครงมีลักษณะเป็นฝายคอนกรีตพร้อมบานระบาย

ทั้งนี้ โครงการอาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดกำแพงเพชร คาดว่า จะต้องดูรายละเอียดทั้งหมด พอทุกอย่างผ่านจะออกแบบให้แล้วเสร็จในปี 2565 จากนั้นก็จะเสนอไปกระทรวงการเกษตร เพื่อส่งเรื่องให้ ครม.พิจารณาต่ออีกที โดยคาดว่าหากโครงการดังกล่าวผ่านการพิจารณาของ ครม. ก็จะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2566 คาดสร้างเสร็จก็จะปี 2568

นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ปัจจุบันทางกรมฯ มีการลงพื้นที่ติดตามโครงการศึกษาความเหมาะสมและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม อาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดกำแพงเพชร โดยเดินทางไปยังบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการอาคารบังคับน้ำคลองกระถิน อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ และบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการอาคารบังคับน้ำหนองขวัญ อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมพบปะพูดคุยรับฟังข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากผู้แทนประชาชนในพื้นที่

ซึ่งโครงการดังกล่าวหากสามารถเดินหน้าก่อสร้างได้จนแล้วเสร็จ จะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร การอุปโภคบริโภค และควบคุมการส่งน้ำไปยังพื้นที่ชลประทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“สำหรับ ‘โครงการอาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล’ จังหวัดตาก กำแพงเพชร และนครสวรรค์ นั้น ทางกรมชลประทาน ได้เดินหน้าโครงการศึกษาความเหมาะสมและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำประชา กลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้เลี้ยงปลากระชัง และประชาชน บริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการอาคารบังคับในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงผลกระทบจากฝุ่นต่างๆ หากเริ่มก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อย

ส่วนบ้านเรือนใดที่มีส่วนติดกับพิกัดที่จะไปก่อสร้างอาคาร ก็จะมีการดูแล จ่ายค่าทดแทน ค่าผลอาสิน อย่างเป็นธรรม รวมถึงงบประมาณที่ดิน ค่าชดเชย ตอบแทน จะมาควบคู่ก่อนการก่อสร้างแก่ผู้ที่ต้องได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรมเช่นกัน โดยชาวบ้านในพื้นที่รอบเขตก่อสร้างที่ีทางกรมชลประทานได้เข้าไปประชาสัมพันธ์ ต่างเข้าใจ เพราะมองว่านี่คือแผนระยะยาว เพื่อแก้แล้ง-อุทกภัย ช่วยเกษตรกรไทยได้อย่างยั่งยืน”

.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top