Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

ทุกอย่างอยู่ที่การเจรจา 'จุรินทร์' ยันไม่เคยได้ยินสูตรปรับ ครม. แลกกระทรวง โยน ‘เฉลิมชัย - นิพนธ์’ เจรจาพรรคร่วม

‘จุรินทร์’ ยันไม่เคยได้ยินสูตรปรับครม.แลกกระทรวง โยน ‘เฉลิมชัย - นิพนธ์’ เป็นตัวแทนเจรจาพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. เวลา 11.45 น. ที่มัสยิด กามาลุดดีน บ้านไสเจริญ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการแลกโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีข้ามกระทรวง ว่า ตนยังไม่ได้ได้ยินการปรับครม.ในสูตรดังกล่าว ขอให้ไปสอบถามจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เผื่อมีการประสานมา

ทั้งนี้ การเจรจาเรื่องใดก็ตามกับพรรคร่วมรัฐบาล ตนได้มอบหมายให้นายเฉลิมชัย และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯ เป็นตัวแทนพรรคในการเจรจา โดยตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากนายเฉลิมชัยว่านายกรัฐมนตรีให้ส่งรายชื่อรัฐมนตรี ในโควตาพรรคฯ เมื่อใด และคงต้องรอหลังการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส. นครศรีธรรมราชก่อน

“การเจรจาใด ๆ ได้มอบให้นายเฉลิมชัย และนายนิพนธ์แล้ว เมื่อได้รับแจ้ง ต้องรายงานให้ผมรับทราบ ซึ่งเรื่องใดต้องใช้มติกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) ก็ต้องใช้ ถ้าเรื่องใดไม่ต้องก็ไม่ต้อง เช่น ถ้าเป็นเรื่องเสนอรายชื่อรัฐมนตรีคนใหม่ หรือตำแหน่งทางการเมือง ต้องนำเข้าที่ประชุมกก.บห. ก่อนนำเข้าที่ประชุมร่วม กก.บห. และ ส.ส. ของพรรค ตามที่ข้อบังคับกำหนด”นายจุรินทร์ กล่าว

ด้านนายนิพนธ์ กล่าวถึงการปรับครม.ในตำแหน่ง รมช.คมนาคม จำเป็นต้องเป็นโควตาจ.สงขลาหรือไม่ ว่าไม่จำเป็น แต่ถือเป็นโควตาภาคใต้ ส่วนจะเป็นใคร สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมของพรรค

เลี่ยงได้เลี่ยงไปก่อน ตำรวจแนะเลี่ยงเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยฯ - ถ.วิภาวดีฯ ขาออก หลังม็อบนัดบุกบ้านพัก ‘บิ๊กตู่’ บ่ายวันนี้

บช.น. แนะนำหลีกเลี่ยงเส้นทาง บริเวณอนุสาวรียชัยสมรภูมิ ถึงกรมทหาราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้ หลังมีผู้ชุมนุมนัดรวมตัวกัน อาจส่งผลกระทบการจราจรในเส้นทางดังกล่าว

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.จร. ขอประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับทราบ กรณีวันที่ 28 ก.พ.2564 ตามที่ปรากฏทางสื่อโซเชียลมีเดีย ได้มีประกาศนัดรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมฯ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และจะมีการเคลื่อนขบวนไปยังกรมทหาราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป นั้น

เนื่องด้วยบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น มีประชาชนใช้ในการสัญจรเป็นจำนวนมาก ทำให้ปริมาณรถที่ใช้ทางจึงมีจำนวนมาก เพื่อความสะดวกในการเดินทางของพี่น้องประชาชน จึงขอแจ้งข้อมูลข่าวสารด้านการจราจร โดยขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไปจนกว่าเสร็จสิ้นการชุมนุม ดังนี้

1. เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบและควรหลีกเลี่ยง

    1.1) ถ.พญาไท บริเวณแยกพญาไท – อนุสาวรีย์ชัยฯ

    1.2) ถ.พหลโยธิน บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ - แยกสะพานควาย

    1.3) ถ.ดินแดง บริเวณแยกดินแดง - อนุสาวรีย์ชัยฯ

    1.4) ถ.ราชวิถีบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ - แยกตึกชัย

    1.5) ถ.วิภาวดีฯ (ช่องคู่ขนาน) บริเวณหน้า รพ.ทหารผ่านศึก - สโมสร ทบ.

    1.6) ซ.พหลโยธิน 2 เฉพาะสะพานข้ามทางต่างระดับ

2. เส้นทางที่แนะนำให้ประชาชนไปใช้เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านการจราจร

    2.1) ถ.ศรีอยุธยา 2.7) ถ.ประดิพัทธ์

    2.2) ถ.เพชรบุรี 2.8) ถ.กำแพงเพชร

    2.3) ถ.จตุรทิศ 2.9) ถ.กำแพงเพชร 2

    2.4) ถ.พระราม 6 2.10) ทางยกระดับอุตราภิมุข

    2.5) ถ.วิภาวดีฯ (ช่องทางด่วน) 2.11) ทางพิเศษศรีรัช

    2.6) ถ.สุทธิสารวินิจฉัย 2.12) ทางพิเศษเฉลิมมหานคร

จึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับทราบ เพื่อเตรียมความพร้อมวางแผนการเดินทาง และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ทั้งนี้ บช.น. ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในภาพรวม เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หากต้องการสอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขโทรศัพท์1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางแอพพลิเคชั่น M – Help Me และ ทางเว็บไซต์ WWW.TRAFFICPOLICE.GO.TH

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564)

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน

(28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564)

ผู้ติดเชื้อวันนี้ 70

เสียชีวิตสะสม 83

ผู้ติดเชื้อสะสม 25,951

หายป่วยแล้ว 25,128

อาเซียน

ประเทศบรูไน 186

ประเทศกัมพูชา 805

ประเทศอินโดนีเซีย 1.33 ล้าน

ประเทศลาว 45

ประเทศมาเลเซีย 2.98 แสน

ประเทศพม่า 1.42 แสน

ประเทศฟิลิปปินส์ 5.74 แสน

ประเทศสิงคโปร์ 59,925

ประเทศเวียดนาม 2,432

เริ่มฉีดวัคซีนโควิดจังหวัดเป้าหมาย ประเดิมสมุทรสาครนำร่องจังหวัดแรก ‘เสี่ยหนู’ ลงพื้นที่ให้กำลังใจย้ำคนไทยได้ฉีดฟรี

‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล ลงพื้นที่สมุทรสาคร ตรวจเยี่ยมฉีดวัคซีนโควิดพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย นำร่องแห่งแรก พร้อมย้ำคนไทยจะต้องได้ฉีดวัคซีนฟรีทุกคน

เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อมคณะ ลงพื้นที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19) และการฉีดวัคซีนเข็มแรกของจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกของจังหวัดสมุทรสาคร

นอกจากนี้ยังมีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายนำร่องในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร อาทิ เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ผู้บริหารจังหวัด ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ตัวแทนผู้ประกอบการ ผู้แทนแม่ค้าในตลาด ฝ่ายปกครอง คณะกรรมการโรคติดต่อ ผู้มีโรคประจำตัว และ ผู้แทนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เป็นต้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 159 คน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขภายหลังจากที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้วนั้น ก็ได้มาสังเกตการณ์และให้กำลังใจผู้ที่จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งถือว่าเป็นชุดแรก หรือชุดนำร่องในพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย โดยทางจังหวัดสมุทรสาครมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการให้บริการวัคซีน เพื่อทำให้มั่นใจว่าเราสามารถควบคุม การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19ได้ วัคซีนที่ได้นำมาฉีดให้กับจังหวัดสมุทรสาครในล็อตแรกนี้ เป็นวัคซีนยี่ห้อซิโนแวค ผลิตในประเทศจีน เป็นวัคซีนที่มาเป็นล็อตแรกจำนวน 200,000 โดส ซึ่งแม้จะเกิดวิกฤติที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่วิกฤติของจังหวัดสมุทรสาคร ก็นับเป็นโอกาสและเหตุผลหลักที่ทำให้ประเทศไทยต้องรีบจัดหาวัคซีนซิโนแวคจากจีนเข้ามา เพื่อรองรับสถานการณ์ เพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของโรคในขั้นต้น โดยหลังจากนี้ในเดือนมีนาคมก็จะมีวัคซีนซิโนแวคเข้ามาอีก 8 แสนโดส และในเดือนเมษายนอีก 1 ล้านโดส ส่วนวัคซีนแอสตราเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทย ตามที่ได้รับรายงานทราบว่า ขั้นตอนหรือกระบวนการผลิตเป็นไปตามที่คาดหมายทุกประการ และมีบางประเด็นที่ดีกว่าการคาดหมาย

นายอนุทินฯ กล่าวอีกว่า สำหรับการระบาดของเชื้อโควิด 19 ในจังหวัดสมุทรสาครนั้น ทำให้เห็นถึงศักยภาพและความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุข ที่ทุกคนได้พยายามร่วมกันที่จะแก้ไขปัญหาในทุกรูปแบบ และฝ่าฝันวิกฤตินี้ไปให้ได้ จนกระทั่งปัจจุบันจะเป็นได้ว่า การแก้ปัญหาที่เราดำเนินการมานั้นถูกทางและเห็นผลชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลง อีกทั้งข่าวดีที่หลายคนรอฟังก็คือ อาการของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่ขณะนี้ต้องเรียกว่าหายจากอาการเจ็บป่วยแล้ว คงเหลือเรื่องของการฟื้นฟูสภาพร่างกายเท่านั้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า สำหรับวัคซีนป้องกันโควิด 19 ในประเทศไทยนั้นไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน ถ้าเป็นประชากรคนไทยจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาลไทย หากสถานบริการหรือโรงพยาบาลใดทั้งของรัฐและเอกชน เรียกเก็บเงินจากการฉีดวัคซีนนี้ ก็ขอให้รีบแจ้งทางผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ หรือสาธารณสุขจังหวัดให้ได้รับทราบ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายทันที

ทางด้าน นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในครั้งนี้ความรู้สึกที่ได้ฉีดวัคซีนนั้นเหมือนฉีดวัคซีนปกติทั่วๆไปไม่มีความเจ็บปวดอะไร โดยระบบการฉีดวัคซีนนั้นจะมีขั้นตอนของสาธารณสุขที่กำหนดไว้ทั้งการลงทะเบียน มีการเซ็นยินยอม การรับใบนัดในการฉีดครั้งต่อไปเนื่องจากว่าวัคซีนนี้ต้องฉีด 2 เข็ม มีระยะเวลาห่างกันประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งความเชื่อมั่นสำหรับวัคซีนนั้น วัคซีนถือว่าเป็นอีกหนึ่งในการที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาโควิด-19ได้ ดังนั้นพี่น้องประชาชนจงเชื่อมั่นว่าวัคซีน-19 ตัวนี้ เป็นที่รัฐบาลต้องการฉีดให้ฟรีกับคนไทยทุกๆคน ดังนั้นอยากจะฝากถึงพี่น้องประชาชนขอให้มั่นใจได้ว่า เราฉีดวัคซีนตัวนี้แล้วน่าจะช่วยในเรื่องการควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างดี และก็อยากจะฝากไปถึงท่านวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ขอให้ท่านแข็งแรงโดยเร็ววัน

โดยสถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วในเขตจังหวัดสมุทรสาคร จำนวนผู้ติดเชื้อก็ลดน้อยลงและวัคซีนก็มาถึงจังหวัดสมุทรสาคร แล้วทั้งหมด 70,000 โดส ซึ่งจะฉีดได้ทั้งหมด 35,000 คน ในชุดแรกและชุดต่อไปก็จะตามมา จึงขอให้ท่านผู้ว่าฯสบายใจได้ เพราะทุกอย่างในสมุทรสาครนั้นควบคุมสถานการณ์ได้ดี และหวังว่าท่านคงจะหายกลับมาไวๆ และกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดสมุทรสาครที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่น่ารักของพี่น้องประชาชนในเขตจังหวัดต่อไป


ชูชาต แดพยนต์ ทีมข่าวสมุทรสาคร

เปิดศูนย์ One Stop Service เราชนะ คลัง - มหาดไทยผสานช่วยกลุ่มเปราะบางลงทะเบียน เล็งขยายเวลาลงทะเบียนหากยังมีผู้ตกหล่นจำนวนมาก

‘บิ๊กตู่’ ย้ำมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด19 ต้องครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ด้านคลัง-มหาดไทยจับมือเปิด One Stop Service เราชนะ อำนวยความสะดวกผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ เผยหากพบผู้ตกหล่นจำนวนมาก อาจพิจารณาขยายเวลาลงทะเบียน

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. น.ส. ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มให้มากที่สุด

หลายหน่วยงานได้ปรับรูปแบบการดำเนินมาตรการต่างๆ ให้รับกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของโครงการเราชนะ นอกจากการขยายเวลาการลงทะเบียนตามโครงการสำหรับกลุ่มประชาชนผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนไปจนถึงวันที่ 5 มี.ค. จากเดิม 25 ก.พ. 2564 แล้ว กระทรวงการคลังได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เปิดศูนย์อำนวยความสะดวก One Stop Service โครงการเราชนะแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ในพื้นหน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลัง ได้แก่ สำนักงานคลังจังหวัด สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ รวมถึงหน่วยรับลงทะเบียนของกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ ซึ่งศูนย์อำนวยความสะดวกนี้จะให้บริการทุกเรื่องของโครงการเราชนะตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการร่วมโครงการแบบครบจบ ณ จุดเดียว

น.ส. ไตรศุลี กล่าวว่า ล่าสุด วันเดียวกันนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้ลงพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของจุดบริการ One Stop Service โครงการเราชนะ ได้แก่จุดบริการ ณ ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ และที่ว่าการอำเภอขุขันธ์ รวมทั้งได้ตรวจเยี่ยมสถานคุ้มรองคนไร้ที่พึ่งปรือใหญ่ อำเภอขุขันธ์ เพื่อรับทราบถึงปัญหา ข้อจำกัด การเข้าถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งในครั้งนี้ธนาคารกรุงไทยได้เข้ามาอำนวยความสะดวกรับลงทะเบียนเพื่อร่วมโครงการเราชนะให้แก่กลุ่มคนไร้ที่พึ่ง ณ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งปรือใหญ่ด้วย

“จากการลงพื้นที่ของ รมว.คลัง ได้พบประเด็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการลงทะเบียนของกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนว่า ก่อนหน้านี้ประชาชนจำนวนมากไม่ทราบข้อมูลว่าสามารถลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชน ณ สาขาธนาคารของรัฐได้ จึงได้ใช้สมาร์ทโฟนของลูกหลานลงทะเบียนเพื่อรักษาสิทธิ์ก่อน อย่างไรก็ตามวิธีนี้จะทำให้มีปัญหาการยืนยันตัวตน และไม่สะดวกในการใช้จ่ายเนื่องจากโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับเจ้าของสิทธิ์ ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดความสะดวก หากประชาชนที่ได้ลงทะเบียนด้วยโทรศัพท์ลูกหลานและได้รับสิทธิ์แล้วยังไม่ได้ยืนยันสิทธิ์ ให้ดำเนินการกดยกเลิกสิทธิ์ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือหากไม่สะดวกก็ให้นำบัตรประชาชนไปให้เจ้าหน้าที่ ณ One Stop Service โครงการเราชนะ ณ ที่ว่าการอำเภอ ดำเนินการให้ เมื่อแก้ไขแล้วก็สามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประชาชนต่อไป ส่วนประชาชนที่ยังไม่ลงทะเบียนก็สามารถใช้บริการ One Stop Service โครงการเราชนะ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำทุกขั้นตอน

ซึ่ง รมว. คลังได้ขอบคุณกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย ธ.ก.ส. ออมสิน และเจ้าหน้าที่ทุกๆ คนที่ร่วมเป็นกลไกขับเคลื่อนให้โครงการนี้ได้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด พร้อมระบุว่าจะพิจารณาข้อมูลอีกครั้งหากยังเหลือผู้ตกหล่นจากการลงทะเบียนอีกมากก็อาจจะพิจารณาขยายระยะเวลาการลงทะเบียนออกไปจากเดิมภายในวันที่ 5 มี.ค. 2564” น.ส. ไตรศุลี กล่าว

สร้างรายได้จากแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ‘ปิดทองหลังพระ’ ช่วยเพิ่มรายได้ชุมชน 426 ล้าน เล็งขยายเพิ่มอีก 9 จังหวัดพื้นที่ต้นแบบในปีนี้

สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์ใช้แก้ปัญหาชุมชนในท้องถิ่น ในพื้นที่ 12 จังหวัด ช่วยสร้างรายได้เพิ่ม 426 ล้าน เล็งขยายเพิ่มอีก 9 จังหวัดในปีนี้

นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดเผยผลดำเนินงานของปิดทองฯ ในปี 63 ว่า ปิดทองฯ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริ โดยเฉพาะหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ช่วยแก้ปัญหาให้กับชุมชนในท้องถิ่น ในพื้นที่ดำเนินการ 12 จังหวัด สามารถเพิ่มพื้นที่รับประโยชน์จากน้ำ 33,171 ไร่ ให้กับเกษตรกร 14,260 ครัวเรือน เพื่อทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี ช่วยสร้างรายได้รวม 426 ล้านบาท

“รายได้เหล่านี้มาจากการส่งเสริมอาชีพ การปลูกพืชหมุนเวียนตลอดปีและการท่องเที่ยววิถีท้องถิ่นของพื้นที่ต้นแบบ 69 ล้านบาท โครงการทุเรียนคุณภาพสามจังหวัดชายแดนใต้ 140 ล้านบาท และรายได้ที่เป็นผลจากการพัฒนาแหล่งน้ำและส่งเสริมอาชีพจากโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานรากเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะว่างงานจากปัญหาโควิด-19 อีก 217 ล้านบาท”

สำหรับในปี 2563 ที่ผ่านมา หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ร่วมถึงปัญหาภัยแล้ง ปิดทองฯ ได้เพิ่มความเข้มข้นในการทำงาน ด้วยการดำเนินงานโครงการจ้างงานคนจากปัญหาโควิด-19 เริ่มจาก 3 จังหวัดภาคอีสาน คือกาฬสินธุ์ ขอนแก่น และ อุดรธานี 107 โครงการ จ้างงานคนว่างงาน 369 คน ทำให้มีรายได้ระหว่างว่างงาน และได้เรียนรู้แนวพระราชดำริในเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ เพิ่มทางเลือกการประกอบอาชีพ

โดยชุมชนยังได้รับประโยชน์จากแหล่งน้ำเพิ่มขึ้น 23.7 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับประโยชน์ 30,900 ไร่ คำนวณแล้วคนในพื้นที่ 5,320 ครัวเรือน จะมีรายได้เพิ่มขึ้นรวม 217 ล้านบาทและปัจจุบันนี้ได้ขยายผลดำเนินการออกไปอีก 9 จังหวัดพื้นที่ต้นแบบรวม 543 โครงการ

‘พุทธิพงษ์’ โพสต์ภาพกราบพ่อ แม่ พร้อมระบายผ่านข้อความ ระบุ หมดแรง หมดใจ หมดศรัทธา แต่ย้ำว่าไม่เสียใจในสิ่งที่ทำด้วยสติ ความคิดและศรัทธา

#หมดแรงหมดใจหมดศรัทธา

#พุทธิพงษ์โพสต์ภาพกราบพ่อแม่

#พ้อสิ่งที่ทำมันไร้ค่าไร้ราคาสิ้นดี

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความ ว่า

“หมดแรง หมดใจ หมดศรัทธา เพราะสิ่งที่ทำมันไร้ค่า ไร้ราคาสิ้นดี?...”

ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ผู้แทนของประชาชนด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธา วันนี้คงได้เวลากลับไปดูแลคุณพ่อคุณแม่ ครอบครัว ลูกๆ...ขอบคุณในทุกๆกำลังใจที่มีให้ผมมาโดยตลอด จากนี้จะมีโอกาสได้ทบทวนตัวเอง มองไปข้างหน้า ไม่เสียใจในสิ่งที่ได้ทำ เพราะเราทำด้วยสติ ความคิดและศรัทธา เราจะทำหน้าที่ประชาชนที่ดีต่อไปด้วยความจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ภูมิใจที่สุดที่ได้อยู่บนแผ่นดินไทยของพระองค์

#เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน


ที่มา : เพจ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ https://www.facebook.com/BeePunnakanta/photos/pcb.2092035407594733/2092035354261405

นักท่องเที่ยวบ่ย่านอากาศร้อนขึ้นบันได 1,049 ชั้น กราบนมัสการหลวงปู่ขาว และรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาภูพานคำขอนแก่น พร้อมชมทิวทัศน์บนยอดเขาที่มองเห็นทัศนียภาพของเขื่อนอุบลรัตน์ที่สวยงาม

นักท่องเที่ยวบ่ย่านอากาศร้อนขึ้นบันได 1,049 ชั้น กราบนมัสการหลวงปู่ขาวและรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาภูพานคำขอนแก่น พร้อมชมทิวทัศน์บนยอดเขาที่มองเห็นทัศนียภาพของเขื่อนอุบลรัตน์ที่สวยงาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั้ง จ.ขอนแก่น และ จากจังหวัดใกล้เคียง ต่างพากันเดินทางมาที่วัดพระพุทธบาทภูพานคำ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เพื่อกราบนมัสการหลวงปู่ขาวและรอยพระพุทธบาท เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัวในช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน โดยทุกคนต่างพากันเดินขึ้นบันไดที่สูงถึง 1,049 ขั้น เพื่อทดสอบกำลังร่างกาย แม้สภาพอากาศวันนี้จะร้อนจัดก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาไม่ขาดสาย

ซึ่งบนยอดเขาภูพานคำ ภายในวัดพระพุทธบาทภูพานคำนั้น มีพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ตั้งตระหง่าน โดยภายใต้ฐานพระพุทธรูปเป็นพระอุโบสถสำหรับการให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปทำบุญ ถวายสังฆทานและกราบสักการะพระพุทธรูปเพื่อขอพรและเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ภายใต้การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด

ขณะเดียวกันนอกจากจะได้กราบสักการะขอพรสิ่งศักดิ์แล้ว หลายคนอดไม่ได้ที่จะเก็บภาพทิวทัศน์ที่สวยงามบนยอดเขาซึ่งเมื่อมองลงมาจะเห็นเขื่อนอุบลรัตน์อย่างสวยงามอีกด้วย

สำหรับพระพุทธบาทภูพานคำตั้งอยู่บริเวณไหล่เขาภูพานคำ อ.อุบลรัตน์ เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองในมณฑป และ หลวงพ่อพระใหญ่ หรือพระพุทธอุตรมหามงคลอุบลรัตน์เป็นองค์พระคอนกรีต เสริมเหล็ก สีขาว อยู่บนฐานดอกบัวสีชมพู ความสูงขององค์พระ 14 เมตร โดยสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พศ. 2514 ปัจจุบันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวขอนแก่นให้ความเคารพนับถือและกราบขอพรทุกวัน

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ Thanathorn Juangroongruangkit (@Thanathorn_FWP) ถึงการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 โดยระบุว่า .....

ผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้ประชาชนออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ เขาต้องการกดขี่ประชาชนไว้เพื่อรักษาอำนาจของตนเองต่อไป - รัฐบาลที่ไม่สามารถดำรงไว้ซึ่งสิทธิเสรีภาพของประชาชน หนำซ้ำก่อความรุนแรงกับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยของประเทศนี้ ย่อมเป็นรัฐบาลที่ล้มเหลว #ม็อบ28กุมภา

เมืองพัทยา เดินหน้าพัฒนาสู่ Smart City อย่างสมบูรณ์แบบ ผุด LINE@PATTAYA CONNECT 'เชื่อมคุณภาพชีวิต สร้างพัทยาให้น่าอยู่' เสิร์ฟข้อมูล พร้อมอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวครบวงจร

เมื่อวันที่ 28 ก.พ.64 ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา จ.ชลบุรี นายบรรลือ กุลละวณิชย์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดตัว LINE@PATTAYA CONNECT ภายใต้แนวคิด เชื่อมคุณภาพชีวิต สร้างพัทยาให้น่าอยู่ ช่องทางการสื่อสารโซเชียลเน็ตเวิร์กโฉมใหม่ ให้บริการข้อมูลข่าวสารเมืองพัทยาอย่างครบวงจร

สำหรับ LINE@PATTAYA CONNECT เป็นไลน์แอด ที่ทางเมืองพัทยาได้นำเอาบริการที่หลากหลาย มาให้กับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองพัทยา โดยได้มีการรวบรวมฟังก์ชั่น 6 ฟังก์ชั่น อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ประกอบด้วย

1.) งานจราจรที่สามารถแจ้งผู้ใช้รถใช้ถนนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจัดงาน หรืองานก่อสร้างทาง การศึกษา ที่มีคลิปความรู้ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี เหมาะกับทุกกลุ่มอายุตั้งแต่แรกเกิด จนถึงวัยเกษียณ

2.) การนัดหมายโรงพยาบาลที่สามารถร่นระยะเวลาในการติดต่อรอพบแพทย์

3.) การร้องเรียนและร้องทุกข์ ทีประชาชนสามารถพิมพ์เรื่องร้องเรียนพร้อมถ่ายรูปและแชร์โลเกชั่นได้อย่างเรียลไทม์ ซึ่งจะทำให้เมืองพัทยาดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที

4.) การท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสามารถค้นหาที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว การเดินทางภายในเมืองและระหว่างเมือง

5.) รวมถึงผู้ประกอบการในเมืองพัทยาก็ยังสามารถใช้แอปเพื่อให้ทางเมืองพัทยาได้โปรโมตสินค้าและบริการได้

และ 6.) ฟังก์ชั่นสุดท้าย คือ ระบบข้อมูลราชการที่จะรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในการติดต่อราชการมาให้ผู้ที่ใช้งาน ได้อ่านกันง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก โดยทั้ง 6 ฟังก์ชั่นได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทุกกลุ่มและทุกสาขาอาชีพ เพื่อเป็นหนึ่งในการผลักดันให้เมืองพัทยาก้าวสู่ Smart City อย่างสมบูรณ์แบบ เปิดให้ทุกคนสามารถแอดเฟรนด์กันได้แล้วผ่านทางไลน์แอพพลิเคชั่น


ภาพ/ข่าว อนันต์ สุขวัฒนะ เอกชัย สุขวัฒนะ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top