Saturday, 17 May 2025
NewsFeed

ออมสินปิดลงทะเบียนสินเชื่อ "SMEs มีที่ มีเงิน" เพื่อธุรกิจท่องเที่ยว ชั่วคราว หลังมีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 1,500 ราย เต็มวงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาทแล้ว

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินเพิ่มเติม เพื่อเยียวยาและเพิ่มสภาพคล่องสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวและสาขาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 นั้น โดยมอบหมายธนาคารออมสิน ดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว วงเงิน 10,000 ล้านบาท เริ่มเปิดรับลงทะเบียนยื่นกู้ทางเว็บไชต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเปิดลงทะเบียนไม่นานก็มีผู้แจ้งความประสงค์ยื่นกู้แล้วกว่า 1,500 ราย ขณะนี้เต็มวงเงินแล้ว ธนาคารจึงขอปิดระบบรับลงทะเบียนไว้ก่อน

โดยการลงทะเบียนนี้ เป็นเพียงการแจ้งความประสงค์เพื่อจองวงเงินขอกู้เท่านั้น จากนี้ธนาคารขอเวลาพิจารณาคุณสมบัติผู้กู้ตามหลักเกณฑ์โครงการ ที่ต้องเป็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา รวมถึงพิจารณาคุณภาพของหลักประกัน เป็นต้น

สำหรับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล สามารถใช้ที่ดินเปล่า หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อจากธนาคาร เพื่อนำเงินกู้ไปใช้เสริมสภาพคล่องให้กิจการ หรือเพื่อไถ่ถอนที่ดินซึ่งทำสัญญาขายฝากกับเอกชนไว้ในช่วงวันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2563 โดยธนาคารฯ ให้วงเงินสินเชื่อต่อราย ไม่เกิน 70% ของราคาประเมินที่ดินราชการ ระยะเวลากู้ 3 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษตามนโยบายรัฐบาล ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย = 0.10% ต่อปี ปีที่ 2 = 0.99% ต่อปี และปีที่ 3 = 5.99% ต่อปี กรณีบุคคลธรรมดาจำนวนเงินให้กู้ 1 - 10 ล้านบาท นิติบุคคลจำนวนเงินให้กู้ 1-50 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเงื่อนไขการขอสินเชื่อได้ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th

“สินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน ของธนาคารออมสิน เริ่มเปิดให้กู้ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2563 มีแนวคิดเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนที่ขาดสภาพคล่องในการทำธุรกิจ หรือมีความเสี่ยงสูญเสียที่ดินติดสัญญาขายฝากอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากที่ได้เตรียมวงเงินโครงการเริ่มแรก 5,000 ล้านบาท ต้องขยายเพิ่มเติมเป็น 10,000 ล้านบาท โดยมีผู้ลงทะเบียนขอกู้จนเต็มวงเงินในเวลาอันรวดเร็ว สำหรับวงเงินใหม่ 10,000 ล้านบาทนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล โดยธนาคารจะพิจารณาให้กู้จากคุณภาพของหลักประกัน และคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว

‘วราวุธ’ เผย ทีมแก้ปัญหาบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขึ้นฮ. ดูพื้นที่ป่าแก่งกระจาน พบ ป่าถูกเผาเพิ่มอื้อ ทั้งที่เซ็นต์บันทึกความเข้าใจ ให้ลงมาเจรจาก่อน แต่ยังพบชาวบ้านฝ่าฝืนต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 21 ก.พ.นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐ มนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการที่คณะทำงาน แก้ไขปัญหากรณีบ้านบางกลอย - ใจแผ่นดิน ที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ตั้งขึ้น ลงพื้นที่ทำงานหาข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่ช่วง 2 - 3 วันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบพื้นที่จากทางอากาศและได้บันทึกภาพไว้และเมื่อนำมาประเมินเบื้องต้นพบว่า มีการบุกรุกป่าในบริเวณ บ้านบางกลอยบน - ใจแผ่นดินเพิ่มมากขึ้น

ทั้งที่มีการลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวกันแล้วระหว่าง ตัวแทนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ตัวแทนภาคีเซฟบางกลอย และชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย แต่กลายเป็นว่ากลุ่มคนบางคนใช้บันทึกข้อตกลงดังกล่าวไปเป็นใบเบิกทางซึ่งถือเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมและไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะพบว่ามีการล่าสัตว์ป่า เก้ง เลียงผา ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุม ผู้กระทำผิดได้พบหลักฐาน ซากสัตว์ ดินประสิว และลูกตะกั่วเป็นจำนวนมาก

โดยนายจงคล้าย วรพงศธร ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่พร้อมกับนายประยงค์ ดอกลำไย ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เข้าไปดูในพื้นที่จริง ด้วยกันโดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์และพบว่ามีชาวบ้านเข้าบุกรุกป่าด้วยการแผ้วถาง และเผาป่า กว่า 100 ไร่ และตน ยังได้รับรายงานเมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้เพิ่มเติมด้วยว่า พบว่า มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติมอยู่อีกและเห็นที่ชัดที่สุดคือ ตามซอกเขา หลายจุด จุดละประมาณ 15 ไร่เศษ แล้วนี่หรือคือการถอยคนละก้าวตามที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกัน มีแต่จะบุกรุกเพิ่มเติม ซึ่งคณะทำงานได้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทส.ทราบแล้ว

ถ้าคนที่พยายามยังบุกรุกต่อไปไม่ยอมหยุดแล้วเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เชื่อว่าอาจจะต้องเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งเราไม่ต้องการให้ถึงวันนั้น ฉะนั้นต้องรีบหาทางสรุปเรื่องนี้ให้ได้ ขอฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่าจะต้องถอยคนละก้าว ตามที่ได้ตกลงกันไว้เพราะหากยังไม่ถอยคนละก้าว เราก็จะต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดขึ้น

อย่างไรก็ตามมีกลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพชรบุรี นำโดยน.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ อดีต ส.ว.เพชรบุรี ร่วมกับสื่อมวลชนท้องถิ่นได้เข้าพบตน เพื่อเสนอข้อคิดเห็น ว่าพื้นที่ป่าแก่งกระจานไม่ใช่พื้นที่ของคนเมืองเพชรเพียงอย่างเดียวแต่เป็นทรัพยากรธรรมชาติของโลก และกำลังจะก้าวสู่มรดกโลก

เพราะฉะนั้นถ้าปล่อยประละเลยยังให้มีการบุกรุกเพิ่มเติมอย่างนี้ทางกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพชรบุรี ได้รวมตัวกันเพื่อเปิดเวทีเสวนาในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ลานเวทีชาวบ้าน อาคารคุณแม่บุญรวม สวท.เพชรบุรี เรื่องเซฟแก่งกระจานปากของโลกเพื่อคนทั้งโลก ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป เพื่อระดมสมองของชาวเพชรบุรีแล้วสรุปเพื่อทำหนังสือ ยืนต่อ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ที่ทำเนียบรัฐบาล

ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของประชาชนทุกพื้นที่ของประเทศไทย การจะสืบสานประเพณีวัฒนธรรมใดก็แล้วแต่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพกาลเวลา และสภาพทรัพยากรของประเทศไทยที่เรามีอยู่จำกัดในทุกวันนี้ และต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ

การที่ หลายฝ่ายลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วแสดงให้เห็นว่าเราถอยกันคนละก้าว ประชาชนชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าขอให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกมาเพื่อมาเปิดโต๊ะเจรจากัน เจ้าหน้าที่ก็ถอยออกมาหมดแล้วและยังได้ขอชาวบ้านด้วยว่าเราต้องถอยกันคนละก้าว โดยต้องการให้ประชาชนชาวบ้านลงมาจากใจแผ่นดิน เพื่อมาพูดคุยกันแต่เมื่อผ่านไปได้เพียง 2 - 3 วัน เมื่อเจ้าหน้าที่ถอยลงมาแล้วแต่ชาวบ้านยังไม่กลับลงมา ยังมีภาพจากการสำรวจของคณะทำงานให้เห็นอีกว่า ทรัพยากรอันมีค่าของประเทศไทยถูกเผามากเพิ่มขึ้นอีก ไม่นับมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น PM2.5 จากการเผาป่านับ 100 ไร่จะออกมาอีกปริมาณเท่าใด

ขอความเห็นใจจากพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวว่าเราเข้าใจในสิ่งที่ทุกคนต้องดำรงชีพทำมาหากิน ซึ่งคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่ไปจากกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้ทำฐานข้อมูลมีความคืบหน้าไปอย่างมากและได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นอีกไม่นานเราจะได้ฐานข้อมูลที่ชัดเจน และจะได้ดำเนินการเยียวยาให้ประชาชนกลุ่มที่เหลือเพียง 10% หรือ 100 กว่าคนเท่านั้น ที่เรายืนยันว่าจะต้อง ดำเนินการให้เสร็จภายในปีนี้

ผมเห็นคลิปจากที่คณะทำงานลงพื้นที่ส่งมาแล้วรู้สึกสลดใจมาก เศร้าใจและเสียใจมากที่เห็นพื้นที่ป่า พื้นที่ที่คนไทยอนุรักษ์หวงแหน และต้องการเห็นว่าเป็นมรดกโลก ถึงแม้ว่าพี่น้องกลุ่มหนึ่งใช้เหตุผลว่าเป็นพื้นที่ที่อยู่กันมานานแต่พื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยเป็นทรัพย์สมบัติของคนไทย โดยเฉพาะป่าแก่งกระจานที่อีกไม่นานเราจะผลักดันให้ขึ้นเป็นมรดกโลก

ดังนั้นกำลังจะกลายเป็นมรดกของคนทั้งโลก คนในพื้นที่ต้องตระหนักว่าทรัพยากรป่าที่กำลังอยู่อาศัยและเผาอยู่นั้น เป็นการเผามรดกของมวลมนุษยชาติของโลก อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลจะเร่งหาวิธีเยียวยาให้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาการแก้ปัญหาล่าช้าก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามา ก็ต้องขอโทษในนามหน่วยงานของรัฐ แต่ขอให้กลับลงมาพูดคุยกัน แล้วขอให้หยุดการเผาป่า หยุดรุกที่ป่า แล้วจะหาวิธีเยียวยาให้ทุกคนมีพื้นที่ทำมาหากิน เหมือนกับพี่น้องประชาชนกว่า 1,000 ชีวิตที่เราได้เยียวยาไปแล้ว ส่วนใดที่เสื่อมโทรมก็จะไปแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ขอให้หยุดการกระทำเช่นนี้ เพราะไม่เช่นนั้นเราจะไม่เหลือป่าไว้ให้ลูกหลาน

มาแน่ ! ‘อนุทิน’ โพสต์ภาพ วัคซีน Sinovac ล็อตจัดส่งประเทศไทย พร้อมย้ำ See you on Wednesday.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ Facebook ส่วนตัว ปรากฏภาพ ของวัคซีน covid-19 จากบริษัท Sinovac ขณะเตรียมจัดส่งมายังประเทศไทย พร้อมข้อความว่า

Hello Sinovac Vaccines. Have a safe flight. See you on Wednesday!!!!!

(สวัสดีวัคซีน Sinovac ขอให้เดินทางปลอดภัย เจอกันวันพุธ)

#วัคซีนมาเดือนกุมภาตามเวลานะ

#ขอให้เดินทางมาถึงไทยโดยสวัสดิภาพ

ทั้งนี้ ยังมีการโพสต์ข้อความติดต่อด้วยภาษาจีนซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างสูงสุดที่จะใช้สัมพันธภาพทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งวัคซีนอีกด้วย

‘มาดามเดียร์’ แจงเหตุ ส.ส.ดาวฤกษ์ ยังไม่พร้อม ต้องยกแถลงข่าว หลังผู้ใหญ่ในพรรคสั่งแถลงเหตุผล ปมสวนมติพรรคงดออกเสียงหนุน ‘ศักดิ์สยาม’

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) แกนนำกลุ่มดาวฤกษ์กล่าวว่า ได้รับการประสานจากผู้ใหญ่ของพรรคพปชร.ให้ออกมาแถลงข่าว เรื่องการงดออกเสียงลงมติให้รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล แต่ส.ส.ทั้ง 6 คน ยังไม่พร้อม จึงขอเลื่อนการแถลงข่าวออกไปก่อนโดยที่ ส.ส.ในกลุ่มจะหารือกันเพื่อจัดทำคำแถลงข่าวออกมาอย่างเป็นทางการต่อไป

ด้าน น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพปชร.กล่าวว่า ตนติดภารกิจลงพื้นที่จึงไม่สามารถมาร่วมแถลงข่าวได้ทัน ส่วนเหตุผลที่งดออกเสียงกรณีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เนื่องจากเป็นการตัดสินใจในทันทีโดยที่มีข้อมูลเข้ามาจำนวนมากจึงของดออกเสียงไว้ก่อน โดยไม่ทราบว่าการงดออกเสียงจะส่งผลต่อความไว้วางใจระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นบทเรียนของ ส.ส.ใหม่อย่างตน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่พรรคพปชร.แจ้งแถลงข่าวด่วนและต่อมาได้แจ้งยกเลิก มีรายงานว่าผลจากที่ 6 ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ โหวตสวนมติพรรคโดยงดออกเสียงให้กับนายศักดิ์สยาม

สร้างความไม่พอใจให้กับคนในพรรคภูมิใจไทย ทำให้แกนนำของทั้งสองพรรค ต้องต่อสายพูดคุยกัน โดยแกนนำพรรคพปชร.ยืนยันให้ส.ส. ยกมือโหวตสนับสนุนรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่แกนนำพรรคภูมิใจไทยเข้าใจแต่ขอให้ ส.ส.ที่โหวตสวนมติออกมาแถลงข่าวแสดงความรับผิดชอบ ทำให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค มอบหมายนายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค ประสานส.ส.กลุ่มดังกล่าวให้ออกมาแถลงข่าว

แต่ ส.ส.ทั้ง 6 คน ปฏิเสธที่จะเดินทางมาแถลงข่าว ส่งผลให้ทางพรรคต้องยกเลิกกำหนดการอย่างกะทันหัน ทั้งนี้การแถลงข่าวในวันนี้พรรคภูมิใจไทย จะส่งตัวแทนมาฟังการแถลงข่าวของส.ส.ทั้ง 6 คนด้วย แต่สุดท้ายได้รับแจ้งว่าขอเลื่อนการแถลงข่าวออกไปก่อนจึงยกเลิก

สำหรับ ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ 6 คน ประกอบด้วย นางกรณิศ งามสุคนรัตนา ส.ส.กทม. น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม. น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม.

 

หลังจากที่รอลุ้นมานาน วัคซีน Covid-19 ล็อตแรกของบริษัท Pfizer-BioNTech ได้ส่งถึงสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ในมาเลเซียเรียบร้อยแล้ว ด้วยสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH604 เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (21 กุมภาพันธ์ 64)

วัคซีนชุดแรกที่มาเลเซียได้รับคิดเป็นจำนวน 312,390 โดส ดำเนินการขนส่งโดยบริษัท MASkargo หลังจากที่เครื่องบินโดยสารขนส่งของมาเลเซีย แอร์ไลน์ ถึงสนามบินในกัวลาลัมเปอร์ ทางการมาเลเซียได้จัดเตรียมรถขนถ่ายสินค้าดำเนินการโดยบริษัท DHL มารับไปจัดเก็บไว้ในสต็อควัคซีนของรัฐบาล โดยจะมีรถตำรวจตามประกบอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงการขนถ่ายวัคซีนจนถึงจุดหมาย

ซึ่งทางรัฐมนตรีสาธารณสุขมาเลเซีย ดาตุก์ เซอรี ด็อกเตอร์ แอดฮัม บาบา รัฐมนตรีฝ่ายประสานงานด้าน Covid -19 แห่งชาติ คาห์รี จามาลัดดิน และรัฐมนตรีคมนาคม ดาตุก์ เซอรี ด็อกเตอร์ วี กา ซง ได้เดินทางมาเป็นสักขีพยานในการรับวัคซีน Pfizer ชุดแรก ที่นับว่าช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

การเดินทางของวัคซีน Pfizer ชุดแรกของมาเลเซีย ได้จัดส่งมาจากประเทศเบลเยี่ยม มาเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานไลบ์ซิก ในเยอรมัน ก่อนที่จะบินตรงมาลงที่สิงคโปร์ ที่จะเป็นจุดกระจายวัคซีนไปสู่ประเทศอื่นๆในย่านเอเชียแปซิฟิครวมถึงมาเลเซียด้วย

ก่อนหน้านี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียได้ทำสัญญาจัดซื้อวัคซีนจาก Pfizer เมื่อวันที่ 11 มกราคมปีนี้ จำนวน 32 ล้านโดส

โดย คาห์รี จามาลัดดิน รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมพ่วง ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายประสานงานด้าน Covid-19 แห่งชาติ ยืนยันว่าการจัดเก็บวัคซีน Pfizer ในอุณหภูมิต่ำถึง - 70 องศานั้นไม่เป็นปัญหา เนื่องจากได้ซื้อตู้แช่ไว้แล้วด้วยงบประมาณมูลค่า 16.6 ล้านริงกิต (ประมาณ 123 ล้านบาท)

ส่วนวัคซีนล็อตที่ 2 คาดว่าจะจัดส่งได้ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ และนอกจากวัคซีนของ Pfizer แล้ว รัฐบาลมาเลเซียยังได้จัดซื้อวัคซีนจากบริษัท Sinovac Biotech ของประเทศจีน ที่มีกำหนดจัดส่งถึงมาเลเซียได้ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์เช่นเดียวกัน

และหลังจากที่ได้รับวัคซีนชุดแรกมาแล้ว มาเลเซียจะเริ่มเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ โดยเริ่มจากบุคลากรทางการแพทย์แถวหน้า และกลุ่มเสี่ยงสูงเป็นลำดับแรก โดยทางมาเลเซียตั้งเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนให้ได้ 80% ของประชากร


อ้างอิง

https://www.thestar.com.my/news/nation/2021/02/21/covid-19-plane-carrying-vaccines-touches-down-at-klia

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/covid-19-malaysia-start-vaccination-drive-early-pfizer-biontech-14248616

https://www.theedgemarkets.com/article/pfizerbiontech-covid19-vaccine-coldchain-delivery

‘อนุทิน’ วอน ฝ่ายการเมือง ให้คิดถึงบ้านเมือง ปมวิจารณ์วัคซีนโควิด อย่าเพียงจ้องเอาชนะคะคาน หวั่น วิจารณ์วัคซีนด้านลบจนสร้างอุปสรรคในการควบคุมโรค และทำให้การจัดหาวัคซีนยากลำบากขึ้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ว่า ทางผู้ผลิตจากประเทศจีน รับรองแล้วว่าจะส่งวัคซีนในวันที่ 24 แน่นอน และยังแสดงความยินดี ที่ได้ช่วยเหลือภารกิจด้านสุขภาพของไทย นับว่าแผนการของไทย ยังไม่สะดุด จากนี้ ไทยจะได้วัคซีนต่อเนื่องตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป จะฉีดใคร พื้นที่ไหนบ้าง ให้เป็นไปตามการพิจารณาของคณะกรรมการที่รับผิดชอบ ซึ่งตนไม่แทรกแซง ทั้งตน และพลเอกประยุทธ์ จะได้รับการฉีดตอนไหน ก็เป็นไปตามดุลพินิจของคณะกรรมการ

ทั้งนี้ เมื่อวัคซีนมาถึง ทาง อย.และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ต้องไปตรวจสอบเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ก่อนปักลงบนแขนของคนไทย การได้วัคซีนมาแต่ละโดสนั้น ต้องแข่งขันกันสูงมาก แต่ทีมประเทศไทย ได้ทำงานหนักจนประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องน่าชื่นชม

สิ่งที่ต้องการสื่อสารคือ หลายครั้งที่ฝ่ายการเมือง ทำให้เรื่องวัคซีน กลายเป็นความยากลำบากขึ้นไปอีก เพราะทางผู้ผลิต ก็ไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ยิ่งไปกว่านั้น การให้ข่าวว่าวัคซีนที่ไทยนำเข้ามา มีประสิทธิภาพต่ำ มีผลข้างเคียง ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ทั้งที่ ข้อเท็จจริงคือ การฉีดวัคซีนนั้น ช่วยป้องกันอาการป่วยหนัก แทนที่จะสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจ ให้ชาติปลอดภัย กลับเอาแต่นำเสนอด้านลบ จนสังคมเกิดความไม่มั่นใจ กลายเป็นอุปสรรคในการควบคุมโรค ตนต้องการให้ฝ่ายการเมือง นำเสนอเพื่อให้ชาติเดินหน้า ดีกว่ามุ่งทำทุกทางเพื่อเอาชนะคะคานกัน

ในประเด็นเรื่องการจัดหาวัคซีนซึ่งบางฝ่ายกล่าวว่ารัฐผูกขาด ล็อกสเป็ก ขอย้ำว่า ไทยพร้อมคุยกับผู้ผลิตทุกราย พร้อมขึ้นทะเบียน หากเป็นไปตามเงื่อนไข และพร้อมจัดหามาแน่นอน แต่ประเด็นคือ ผู้ผลิตหลายราย เสนอมอบวัคซีนในช่วงกลางปี ถึงปลายปี ซึ่งทับซ้อนกับช่วงที่ไทยจะได้วัคซีนจากผู้ผลิตฝั่งยุโรป

วัคซีน มีอายุขัยไม่นานนัก การเก็บไว้หลายเดือน จึงไม่เหมาะสม ดังนั้น ไทยจึงไม่ได้นำวัคซีนมาจนค้างสต็อก อีกอย่างคือ ไทยสามารถผลิตได้เองด้วย นับว่าไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพอย่างยิ่ง

‘ชวน’ ยัน แก้คะแนนโหวตไม่ไว้วางใจไม่ได้ หลัง ‘พิธา’ โวยเครื่องลงคะแนนผิดพลาด ชี้ทำได้แค่บันทึกไว้ในการประชุมเท่านั้น แต่สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว โบ้ยอาจเป็นเพราะไม่ได้แสดงตนก่อนกดลงมติก็ได้

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปฏิเสธหลังปรากฏมีการลงคะแนนไว้วางใจ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่าเกิดจากความผิดพลาดของเครื่องลงคะแนนว่า เบื้องต้นได้ทราบจากข่าวแล้ว โดยจะให้ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคะแนนได้ เนื่องจากสิ้นสุดการลงคะแนน และมีการแจ้งต่อที่ประชุมไว้ก่อนแล้ว แต่สามารถบันทึกไว้ในการประชุมได้

ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของความผิดพลาดดังกล่าว ที่ผ่านมามีสมาชิกขอตรวจสอบคะแนนในกรณีลงคะแนน แต่ไม่ปรากฏคะแนนเสียงของตัวเอง ตนจึงกำชับสมาชิกทุกคนก่อนลงคะแนนทุกครั้งว่าเกิดปัญหาใดหรือไม่ ประเด็นดังกล่าวอาจจะเกิดจากไม่ได้แสดงตน หรือเมื่อแสดงตนแล้ว ก่อนลงมติต้องกดแสดงตนอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับการประชุมร่วมของรัฐสภาในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม วาระที่สองในวันที่ 24 - 25 ก.พ. นายชวน กล่าวว่า จะมีการนำร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ตำรวจแห่งชาติ และร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. .... ซึ่งค้างจากการประชุมครั้งก่อนขึ้นมาพิจารณก่อนในการประขุมครั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่สอง ตลอดทั้ง 2 วัน

โดยไม่มีการกำหนดกรอบเวลาในการอภิปราย สามารถประชุมได้จนกว่าการอภิปรายจะแล้วเสร็จทั้งหมด เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสมัยวิสามัญพิจารณาในวาระ 3 ได้ ซึ่งการเปิดประชุมสมัยวิสามัญจะเป็นวันใด จะอยู่ที่ฝ่ายบริหารเป็นผู้พิจารณา หากร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไข ผ่านตามกำหนดจะมีการแจ้งสมาชิกทราบล่วงหน้า ซึ่งตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญจะต้องเว้นจากวาระสอง 15 วันถึงจะพิจารณาวนสาระสามได้

“Thai MOOC” แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ เปิดโอกาสด้านการศึกษาให้กับคนไทยทุกเพศทุกวัยได้เรียนฟรีแบบไม่มีเงื่อนไข เผยยอดผู้เรียนทะลุกว่า 800,000 คน พร้อมดันแพลตฟอร์มสู่ระดับสากล

เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด Thai MOOC Platform (Thailand Massive Open Online Course Platform) ภายใต้กำกับของโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับคนไทยทุกคน ก้าวสู่ปีที่ 5 มุ่งพัฒนาหลักสูตรที่พร้อมพัฒนาคนในทุกช่วงวัย ปั้นรายวิชาทั้งไทยและต่างประเทศ กว่า 500 รายวิชา จากผู้เชี่ยวชาญกว่า 120 สถาบัน ซึ่งมียอดผู้เรียนทะลุกว่า 800,000 คน พร้อมดันแพลตฟอร์ม Thai MOOC สู่ระดับสากล

เมื่อการศึกษาและการเรียนรู้ในปัจจุบันไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน Thai MOOC Platform หรือแพลตฟอร์มการจัดการเรียนรู้ออนไลน์แบบเปิดจึงเกิดขึ้น เพื่อเปิดโอกาสด้านการศึกษาให้กับคนไทยทุกเพศทุกวัยได้เรียนฟรีแบบไม่มีเงื่อนไข กับคอร์สเรียนออนไลน์คุณภาพที่ได้มาตรฐานจากอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพต่าง ๆ ด้วยระบบการเรียนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เลือกเรียนได้ในเวลาที่สะดวก พร้อมกันนี้ Thai MOOC มุ่งหวังให้ผู้เรียนสามารถเก็บประวัติการเรียนและสะสมผลการเรียนรู้ เพื่อเทียบโอนวุฒิการศึกษาได้ด้วยในอนาคต Thai MOOC จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งการเรียนในระบบและการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้

รศ.ดร.ฐาปนีย์ ธรรมเมธา ผู้อำนวยการโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย กล่าวว่า “ในปีนี้เราก้าวสู่ปีที่ 5 มีสมาชิกกว่า 800,000 คน ที่ครอบคลุมทั้งเยาวชนระดับมัธยมศึกษาและระดับอุดมศึกษา กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่พึ่งสำเร็จการศึกษา และกลุ่มผู้สูงวัย สะท้อนให้เห็นความตระหนักถึงคุณค่าการเรียนรู้ตลอดช่วงวัยที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย เราอยากผลักดันให้ Thai MOOC เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับคนไทยและเชิญชวนให้คนไทยทุกช่วงวัยเข้ามาหาข้อมูลการเรียนรู้จากที่นี่ได้อย่างต่อเนื่อง”

ผศ.ภก.ดร.อนุชัย ธีระเรืองไชยศรี รองผู้อำนวยการโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย กล่าวว่า “Thai MOOC เป็นเสมือนศูนย์กลางแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ที่อำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้เรียน เรารวบรวมเอาข้อมูลรายวิชาออนไลน์จากผู้ให้บริการทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามารวมไว้ด้วยกัน เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา และมีระบบ IDP (Identity Provider) ที่ให้ผู้เรียนสามารถเข้าใช้งานระบบต่าง ๆ ที่ร่วมมือกับ Thai MOOC ได้โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก ถือได้ว่าเป็น One Stop Service สำหรับผู้เรียนออนไลน์เลยทีเดียว”

ศ.ดร.จินตวีร์ คล้ายสังข์ รองผู้อำนวยการโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย กล่าวว่า “การศึกษาเป็นเรื่องของทุกภาคส่วน เราอยากให้คนไทยเข้าถึงการศึกษาได้อย่างทั่วถึง ที่ผ่านมาเราได้มีการประชุมระดับชาติ ระดับนานาชาติ ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการประชุมในระดับอาเซียนที่เราร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมวิชาการร่วมกับประเทศเกาหลีใต้ (ASEM: MOOC's Stakeholder Forum 2020) เพื่อหารือเกี่ยวกับหลักสูตรและแพลตฟอร์มที่ได้มาตรฐาน เริ่มมีการเจรจาการแลกเปลี่ยนรายวิชา ทั้งกับ MOOC ในเอเชีย เช่น J-MOOC(ประเทศญี่ปุ่น) หรือ K-MOOC (ประเทศเกาหลีใต้) หรือแม้แต่ทางฝั่งยุโรปอย่างประเทศอิตาลี ในอนาคตเราได้มีการเพิ่มซับไตเติ้ล (Subtitle) เป็นภาษาไทย คาดว่าในปีหน้าเราจะมีรายวิชาที่เป็นหลักสูตรต่างชาติ 20 รายวิชาแน่นอนค่ะ”

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเรียน และเลือกค้นหารายวิชาที่สนใจในประเด็นต่าง ๆ จากคำสำคัญได้ เช่น สุขภาพภาษา ดิจิทัล การถ่ายภาพ จิตวิทยา ฯลฯ ผ่านช่องทาง thaimooc.org หรือติดตามข่าวสารทาง Facebook Fan page “THAI-MOOC”


ขอบคุณที่มาและรูปภาพ: https://siamrath.co.th/n/221733

ศบค.เคาะแล้ว ต่อ พรก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ถึง 31 มี.ค. แต่ผ่อนคลายให้นั่งดื่มและฟังดนตรีสดได้ถึง 23.00 น. ยกเว้นสมุทรสาครจังหวัดเดียวที่ยังเป็นพื้นที่สีแดง

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบต่อ พรก.ฉุกเฉิน ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม และเหลือพื้นที่สีแดงเพียงจังหวัดเดียวคือจังหวัดสมุทสาคร ส่วนสีส้ม เหลือ 8 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ราชบุรี ตาก เป็นต้น สีเหลือง 14 สีเขียว 54 จังหวัด

ทั้งนี้ สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้ทุกพื้นที่ ยกเว้นสมุทรสาคร จนถึงเวลา 23.00 น. รวมถึงสามารถเล่นดนตรีสดได้ แต่คงห้ามเต้น ส่วนศูนย์การค้าเปิดได้ตามปกติ สำหรับสถานการศึกษาสามารถเปิดได้ตามปกติและผสมผสาน ส่วนสถานที่ออกกำลังกายเปิดได้ตามปกติ ส่วนการแข่งขันยังคงจำกัดผู้ชุม

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อกำหนดในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ให้เป็นอำนาจของแต่ละจังหวัดเป็นผู้ประกาศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top