Tuesday, 10 June 2025
ElectionTime

ฟาดเดือด! ‘ณัฐวุฒิ’ สับ ‘ชูศักดิ์’ ศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจน ท้าดีเบตข้อกฎหมาย ลั่น!! เกิดก่อนไม่ได้แปลว่าเก่งกว่า

ฟาดเดือด! มือกฎหมายมหาชนสอนมวยนักกฎหมายเพื่อไทย

(12 มี.ค. 66) ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน กล่าวว่า ตามที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง นายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชนให้ความเห็น กรณีที่พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไม่อาจทำได้และการติดป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย มีแต่รูปของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยไม่มีนโยบายของพรรคเพื่อไทย อาจเข้าข่ายถูกยุบพรรคนั้นว่าเป็นการให้ความเห็นทางวิชาการนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้และเคารพทุกความเห็น แต่ผู้ให้ความเห็นควรศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนและต้องอยู่บนพื้นฐานของไม่มีอคติ กรณีให้ความเห็นนั้น ชัดเจนว่ามีความคลาดเคลื่อนต่อข้อกฎหมายมาก โดยโต้แย้งใน 2 ประเด็น

ทั้งนี้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล เคยเป็นอดีตอธิการบดีและอดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สอนลูกศิษย์ ให้มี ความรู้คู่คุณธรรม แต่วันนี้มาอยู่ฝ่ายการเมือง กลับลืมทั้งความรู้และคุณธรรม นักกฎหมายที่ดี จะต้องมีความรู้และคุณธรรม ตนเรียนจบปริญญาเอกปรัชญาสาขาการเมือง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโททางกฎหมายมหาชน ที่รั้วพ่อขุน ยังจดจำคำสอนได้ดี ส่วนปริญญาเอกทางกฎหมายมหาชน เขียนดุษฎีนิพนธ์ด้านกฎหมายมหาชนเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญโดยตรง ในหัวข้อดุษฎีนิพนธ์ "บทบาทคณะกรรมการการเลือกตั้งในการอำนวยความยุติธรรมกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร" คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สอนพิเศษด้านกฎหมายมหาชนมายาวนาน คร่ำหวอดกับภาคปฏิบัติทางกฎหมายร่วมเกือบ 30 ปี ผลงานเชิงประจักษ์ ไม่เห็นจำต้องอ้างเลยว่า เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน อ้างอย่างเดียว คือ “ตัวบทกฎหมาย” และแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่ออกมาพูดเพื่อประโยชน์แก่บ้านเมือง เป็นเครื่องเตือนสติ อันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติโดยรวม ไม่ใช่เพื่อผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ

ดร.ณัฐวุฒิ ระบุว่า เพราะที่ผ่านมาการรัฐประหาร วันที่ 22 พ.ค.2557 เกิดจากสาเหตุอะไร นายชูศักดิ์ ย่อมทราบรายละเอียดเชิงลึกเป็นอย่างดี หากไม่ทราบให้ไปถามนายจตุพร พรหมพันธ์ หรือ “ตู่ ศรัทธาธรรม” อดีตประธาน นปช. ตนไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด “ไม่มีพรรค มีแต่พวก” มีหลายพรรคการเมืองมาเทียบเชิญ แต่ปฏิเสธทุกพรรค หากวันไหนจะสังกัดพรรคการเมือง นายชูศักดิ์ มาดีเบตข้อกฎหมายกับตนในประเด็นไหนก็ได้ ที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง นัดมาได้เลยช่องไหน วันเวลาใด อย่างไร อย่ามาสร้างราคาให้ตนเอง บุคคลที่กลับไปอ่านทบทวนกฎหมายใหม่ คือ นายชูศักดิ์ ไม่ใช่ตนแน่นอน คนที่เกิดก่อน ไม่ได้หมายความมีความรู้กฎหมายมากกว่า

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวว่าส่วนประเด็นตั้งข้อสังเกตป้ายหาเสียงที่มีป้ายตามริมถนนสาธารณะมีแต่ป้ายของ อุ๊งอิ๊ง นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ไม่มีภาพของนายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สาเหตุที่ตั้งข้อสังเกตจากข้อสงสัยเพราะทุกพรรคการเมืองยกเว้นพรรคเพื่อไทย ขึ้นป้ายหัวหน้าพรรคและนโยบายพรรค ไม่มีพรรคการเมืองไหนเอาสมาชิกพรรค มาขึ้นป้ายหาเสียง ถือว่าแปลกดี เลยตั้งคำถาม ไม่มีข้อความใดระบุว่าผิดกฎหมายเลือกตั้ง ถามนายชูศักดิ์ ว่า ตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย มีกฎหมายพรรคการเมืองรับรองหรือไม่ ทั้งสองตำแหน่งนี้ ได้เขียนระบุไว้ในข้อบังคับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ อย่างไร เอาหลักฐานมาแสดงด้วย

“คุณชูศักดิ์ ต้องมาตอบด้วย ประชาชนจะได้หูตาสว่างเพราะประชาชนเขาไม่ได้กินหญ้า ผมไม่ได้โต้แย้งในระเบียบการหาเสียงว่า ติดป้ายนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร สามารถกระทำได้หรือไม่ คนละประเด็น อย่าหน้ามืดตามัว โชว์พาวเวอร์ข่มนักกฎหมายรุ่นน้อง ผิดคนแล้ว ประเด็นที่สงสัยว่า นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ไม่เห็นมีแผ่นป้ายหาเสียง” ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว

ทั้งนี้ เพราะพรรคการเมือง คือ สถาบันทางการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หมวด 2 การดำเนินกิจกรรมพรรคการเมือง มาตรา 21 วรรคสอง ระบุ กก.บห.พรรค ประกอบด้วย หัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิกและกรรมการบริหารอื่นตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยกับหัวหน้าพรรคการเมือง ใครมีอำนาจมากกว่ากันและประชาชนฝากถามมาว่า สองตำแหน่งนี้ ใครใหญ่กว่ากัน มีอำนาจตัดสินใจมากกว่ากัน แต่ผมว่าประชาชนเจ้าของอำนาจใหญ่กว่า แม้จะใช้เทคนิคให้นางสาวแพรทองธาร เป็นสมาชิกพรรค เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย คือ หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค นางสาวแพรทองธาร ไม่ได้เป็น กก.บห.ทำให้รอดถูกตัดสิทธิการเมือง

อีกประการหนึ่ง มาตรา 28 บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคครองงำพรรคการเมืองไม่ได้ เป็นเหตุในการยุบพรรคมาตรา 92(2) หากนางสาวแพรทองธาร เป็นสมาชิกพรรค จะไม่ถูกข้อหาครอบงำพรรคนำไปสู่การยุบพรรค"

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่าส่วนประเด็นตำแหน่งผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยของนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ บุคคลที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ถามกลับ นายชูศักดิ์ ว่า นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หากเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เอาหลักฐานมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย ตามกฎหมายพรรคการเมือง ให้ถือสมาชิกพรรค ณ ปัจจุบัน ไม่ใช่สมาชิกพรรคในอดีต ดั่งเช่นนายทักษิณหรือนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยบุคคลที่จะเป็นสมาชิกพรรคจะต้องเข้าเงื่อนไข หลักเกณฑ์มาตรา 27 แห่ง พรป.พรรคการเมือง

“ผมชี้ช่องข้อกฎหมายเลยว่า กฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 29 ห้ามเด็ดขาดกับบุคคลที่มิให้สมาชิกพรรคยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง โดยมาตรา 28 ห้ามพรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง โดยกำหนดพฤติการณ์การกระทำ ได้แก่ ควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิก ขาดอิสระ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เป็นหลักเกณฑ์ที่จะนำไปสู่การยุบพรรคตามมาตรา 92(3) เจตนารมณ์ให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นายชูศักดิ์ ไม่เห็นอธิบายให้ประชาชนทราบเลย”

เยือนถิ่นพิษณุโลก ‘อุ๊งอิ๊ง’ ชี้!! รัฐประหารพรากโอกาสพัฒนาชีวิตปชช. ลั่น!! สานต่อ ‘อาปู’ เดินหน้าดัน ‘บางระกำโมเดล’

‘อุ๊งอิ๊ง’ ลุยพิษณุโลก โวยรัฐประหารพรากโอกาส ลั่นสานต่อ ‘อาปู’ ดันบางระกำโมเดล

(12 มี.ค. 66) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัย ณ อาคารเป็ดร่วมใจ วัดวังเป็ด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เมื่อมาถึงพิษณุโลกก็อดกล่าวถึงคุณอา (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ไม่ได้ เพราะครั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เคยคิดไว้ว่าจะพัฒนา ‘บางระกำ โมเดล’ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม-น้ำแล้งให้พี่น้องประชาชน แต่ถูกรัฐประหารไปก่อน พี่น้องประชาชนจึงถูกพรากโอกาสได้พัฒนาชีวิตไป

“ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง พรรคเพื่อไทยจึงจะนำ ‘บางระกำ โมเดล’ กลับให้พี่น้องชาวพิษณุโลกอีกครั้ง เพื่อคืนชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชนอีกครั้งโดย อย่างแรกคือ การขยายคลอง เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำน่านลงสู่แม่น้ำยม ไม่ให้น้ำค้างอยู่ในที่นาของประชาชนนานเกินไป อย่างที่สองคือการทำแก้มลิงขนาดใหญ่ เพื่อดักน้ำที่ไหลหลากให้พี่น้อง และอย่างที่สามคือ การปรับปรุงอ่างเก็บน้ำชุมชนให้พี่น้องได้มีใช้ในหน้าแล้ง” น.ส.แพทองธาร กล่าว

เดินหน้าปั้นคนรุ่นใหม่!! ‘จุรินทร์’ บุกภูเก็ต เปิดอบรมสร้าง CEO Gen Z โว!! 4 ปี 46,500 คน คาดเป็นแม่ทัพสร้างเงินให้ประเทศ

(12 มี.ค. 66) เวลา 12.30 น. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดการอบรม Kick off โครงการกระจายความรู้สู่ผู้ประกอบการยุคใหม่ (From GenZ to be CEO) ประจําปี 2566 ซึ่งมีเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ Gen Z เข้ามาพูดคุย ขอถ่ายรูปและเซลฟี่กับนายจุรินทร์เป็นจำนวนมาก บรรยากาศสนุกสนานสุดคึกคักและเป็นกันเอง ซึ่งเป็นโครงการที่เด็กรุ่นใหม่ให้ความสนใจตรงความต้องการของเด็กยุคใหม่ในปัจจุบันที่ต้องการเป็นนายตัวเอง

ภายในงานนายจุรินทร์กล่าวว่า โครงการ CEO Gen Z เป็นนโยบายที่ตนมอบเป็นให้กระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สถาบัน NEA (สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่) เป็นผู้ดำเนินการ ต้องการปั้น Gen Z ให้เป็น CEO เพราะเด็กรุ่นใหม่น้อยคนที่อยากเป็นพนักงานองค์กร บริษัท ส่วนใหญ่อยากเป็นนายตัวเองก็ต้องมีธุรกิจตัวเอง ซึ่งเรียนในมหาวิทยาลัยก็ดีแล้ว แต่โครงการนี้จะเป็นโครงการพิเศษของกระทรวงพาณิชย์ให้ความรู้เชิงลึกบวกกับภาคปฏิบัติ มีผู้ที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จเป็น CEO ตัวจริง บริษัทระดับประเทศให้ความรู้ ให้เรียนจบแล้วสามารถนับหนึ่งเป็น CEO ได้อย่างถูกทิศทาง 

จุดยืนไม่เปลี่ยน!! 'พิธา' ลั่น!! 33 ผู้สมัคร ส.ส.พร้อมเจาะไข่แดง กทม.  ชี้!! ไม่หวั่นผลโพลเป็นรอง พท. พร้อมย้ำไม่จับ 'รทสช.-พปชร.'

(12 มี.ค.66) ที่สามย่านมิตรทาวน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จัดเวทีเปิดตัวผู้สมัครผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ทั้ง 33 เขตพร้อมเปิดตัวนโยบายที่ตอบโจทย์คนกทม. โดยนายพิธา ให้สัมภาษณ์ว่า กทม.เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล โดยการเลือกตั้งในปี 2562 ได้คะแนนป๊อบปูลาร์โหวตในกทม. 8 แสนคะแนน  

ดังนั้นทั้ง 33 เขตในกทม. จึงเป็นพื้นที่ๆ เราหวังผลทั้งหมด เป็นเขตที่เราหวังที่จะรักษาเขตเดิมและเพิ่มเติมเขตใหม่ ด้วยคะแนนเก่าที่เรามี ด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยแคนดิเดตที่มีความสดใหม่ และคนที่ทำงานในพื้นที่มาตลอด จึงพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ส.ส.แบบพื้นที่ดี สภาเด่นก็ต้องพรรคก้าวไกลเท่านั้น รวมทั้งการทำงานของ ส.ก.พรรคก้าวไกลในช่วง 1 ปีทีผ่านมา เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้กับคน กทม.ได้

เมื่อถามว่าจุดเด่นในพื้นที่กทม.ของพรรคก้าวไกลคืออะไร นายพิธา กล่าวว่า จุดเด่นก็คือ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และนโยบายที่จับต้องได้ วันนี้มีปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งพรรคก้าวไกลจะผลักดันรถเมล์ไฟฟ้าให้ได้ภายใน 7 ปี รวมทั้งจะเสนอให้มีการเก็บค่าขยะสำหรับทุนใหญ่หรือห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม นอกจากนั้นยังมีเรื่องของส่วย หรือคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในประเทศไทยซึ่งในการอภิปรายที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเราสามารถแก้ปัญหาเรื่องพวกนี้ได้ รวมทั้งการนำเสนอนโยบายหวยเอสเอ็มอี ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่กทม.อย่างครอบคลุม

เมื่อถามถึงผลการสำรวจของนิด้าโพลที่ในพื้นที่ จ.อุดรธานีที่พรรคก้าวไกลมาเป็นอันดับ 2 รองจากพรรคเพื่อไทย นายพิธา กล่าวว่า ไม่หวั่นไหว และตั้งใจทำงานต่อเต็มที่ ซึ่งนิด้าโพลกลุ่มตัวอย่างอยู่ที่ประมาณ 2,000 คน แต่ในส่วนของจ.อุดรธานีอยู่ที่ 1,020 คน ความมั่นใจอยู่ที่ร้อยละ 95 และเป็นการทำโพลในช่วง 24 ก.พ.-ต้น มี.ค. ในช่วงก่อนที่ตนจะลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เพื่อช่วยผู้สมัครหาเสียง และได้พบปะนักธุรกิจและประชาชนในพื้นที่ จึงเชื่อว่าการทำงานของเราสำหรับพรรคก้าวไกลในพื้นที่อุดรธานีที่แพ้แค่ 3,000 คะแนน จะได้รับความนิยมและได้รับความเชื่อมั่นจากชาวอุดรมากขึ้น สำหรับตนโพลขึ้นไม่หลงโพลลงไม่ท้อ เราทำงานเต็มที่เพื่อประชาชนต่อแน่นอน

ไม่ขายฝัน!! ‘เลขาฯ รทสช.’ ขอปชช. หนุน ‘บิ๊กตู่’ สานต่อนโยบายเดิม ย้ำ!! ทุกนโยบายทำได้จริง ซัดบางพรรคขายฝัน ทำไม่ได้

(12 มี.ค. 66) ที่บ้านเอื้ออาทร หัวหมาก ซอยกรุงเทพกรีฑา 7 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายเกรียงยศ สุดลาภา นายทะเบียนพรรค ลงพื้นที่พบประชาชนช่วย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ อดีตส.ส.กทม. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรครทสช.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง หาเสียง มีผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเอื้ออาทรหัวหมาก ร่วมรับฟังนโยบาย

นายเอกนัฏ กล่าวว่า พรรครทสช.ออกนโยบายมาหลายข้อ เพื่อสานต่อนโนบาย ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค อาทิ 5 นโยบายเด่นในการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน การเพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการพลัสเป็น 1,000 บาทต่อเดือน และใช้สิทธิฉุกเฉินกู้ได้อีก 10,000 บาท การตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชนวงเงิน 30,000 ล้านบาท คืนเงิน 30% โครงการปลดหนี้ด้วยงาน โครงการคนละครึ่งจะทำต่อ และแก้กฎหมายที่รังแกประชาชน ที่เป็นอุปสรรคการทำกิน โดยนโยบายเหล่านี้สามารถทำได้แน่นอน หากพรรครทสช.เป็นรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ ดังนั้นจะต้องเลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อให้เข้าไปเป็นส.ส.เพื่อเลือกพล.อ.ประยุทธ์ไปเป็นนายกฯ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า เรารู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ นโยบายของพรรคเป็นนโยบายต่อเนื่องจากการที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯมา 8 ปี รู้ว่าจะมีงบประมาณดำเนินการหรือไม่ ทุกนโยบายพิจารณาอย่างดีแล้วว่าทำได้จริงและมีงบประมาณ ในช่วงใกล้ช่วงเลือกตั้งจะมีหลายพรรคการเมืองมาลงพื้นที่นำเสนอนโยบายต่างๆทั้งที่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ เป็นนโยบายที่สวยหรูแต่ไม่มีงบประมาณ ยิ่งเลือกตั้งเสร็จไม่ได้เป็นรัฐบาลนโยบายเหล่านั้นก็ไม่มีประโยชน์

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ขอฝากทุกคนถ้าอยากได้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกฯต้องเลือกบัตรทั้ง 2 ใบเลือกพรรครทสช.และน.ส.ฐิติพัฒน์ อดีตส.ส.ที่เกาะติดพื้นที่มาตลอด ต้องเลือกส.ส.เพื่อให้ส.ส.ไปเลือกนายกฯ การคัดเลือกผู้สมัครของพรรคแม้จะเป็นพรรคใหม่ แต่เราเลือกคนที่มีคุณภาพมาให้ประชาชนเลือก ยิ่งใกล้เลือกตั้งจะมีผู้สมัครหน้าใหม่จากหลายพรรคมาเสนอตัวอ้างสารพัด แต่พรรครทสช.เราเลือกคนที่มีจิตวิญญาณลงพื้นที่มาตลอดมาให้ท่านเลือกเวลาชาวบ้านเดือดร้อนต้องเลือกคนที่ช่วยเหลือได้

เทศกาลแห่งสีสัน ‘องอาจ’ ควง ‘สุชัชวีร์’ ร่วมเทศกาลสาดสี ‘โฮลีเฟสติวัล’  ทั้งชม ทั้งชิม สนุกสนานกันทั่วหน้า 

(12 มี.ค. 66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลกทม.พร้อมด้วย นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ร่วมงานเทศกาลสาดสีโฮลีเฟติวัล จัดโดยสมาคมอินเดียแห่งประเทศไทย (IAT) ร่วมกับสมาคมวิศวะฮินดูปาริชาดประเทศไทย (VHP) ที่ บางกอกเวิลด์ สยามอะเมซิ่งพาร์ค เขตคันนายาว กทม. 

แล้วแต่จะเชื่อ!! ‘อนุทิน’ ตอกกลับ ‘พรรคเจ้าถิ่น’ หลังจ้องโจมตี ‘นโยบายกัญชา’ ลั่น!! ใครเชื่ออย่างไรก็เชื่ออย่างนั้น ให้ ปชช. ตัดสินใจ

(12 มี.ค. 66) ที่ จ.นราธิวาส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการแข่งขันทางการเมืองในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะทางพรรคเจ้าถิ่นอย่างพรรคประชาชาติ ได้หยิบยกนโยบายกัญชาเสรีมาโจมตี ว่าไม่มีเจ้าถิ่น มีแต่ประชาชน เจ้าถิ่นคือประชาชน ประชาชนแยกแยะได้ว่า อย่างไหนคือการโจมตี อย่างไหนคือประโยชน์ พรรคไหนทำงาน พรรคไหนไม่ทำงาน กัญชาทางการแพทย์และเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ประเทศหลายหมื่นล้านบาทแล้ว ถ้ายังมาโจมตีอยู่ก็ถือว่าล้าหลัง ไม่ควรเสนอตัวเองมาเป็นผู้แทนของประชาชน เป็นผู้แทนประชาชนต้องทำเรื่องที่ยากให้กับประชาชนได้ เรื่องง่ายๆใครก็ทำได้ และพรรคภูมิใจไทยทำเรื่องที่ยากๆได้

เมื่อถามว่า การที่พรรคประชาชาติประกาศไม่เอานโยบายกัญชาเสรี ถือเป็นการเปิดหน้าชนกับพรรคภูมิใจไทยพรรคเดียวเลยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกพรรคเราจะไปวิจารณ์ไม่ได้ ใครเชื่ออย่างไรก็เชื่ออย่างนั้น ประชาชนคือคนที่จะตัดสินใจ ตรงนี้ไม่มีความหมายใดๆกับพรรคภูมิใจไทย พรรคไหนไม่เชื่อก็ไปหาเสียงห้ามไม่ให้มีกัญชา แต่พรรคภูมิใจไทยก็จะหาเสียงบอกว่ากัญชาดีอย่างไร

'อิ๊งค์' อ้อน กาเพื่อไทยสองใบให้แลนด์สไลด์  ด้าน 'เศรษฐา' รับประกัน นายกฯ จะเป็นใครก็ตาม ต้องกู้คืนศักดิ์ศรีมาให้คนไทย ชี้!! รับเงินใครก็ได้ แต่ให้ดูนโยบายเป็นสำคัญ  

(12 มี.ค.66) ที่สวนกลางเมือง จ.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทยจัดเวทีปราศรัยใหญ่ มีประชาชนร่วมรับฟังการปราศรัยจำนวนมาก นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย  ปราศรัยว่า คนเยอะมากทำให้มีกำลังใจมากๆ แม้จะไม่ได้ใกล้ชิดข้างหลังแต่ขอส่งใจไปให้ ดีใจมากที่ยังสามารถมาคุยกับประชาชนได้ด้วยตัวเอง วันนี้ตนเองและพรรคเพื่อไทย พร้อมมาบอกว่าทำไมอยากให้เลือกเพื่อไทย ทำไมต้องเลือกส.ส.เพื่อไทย ทำไมถึงแบ่งใจไม่ได้ เพราะถ้าแบ่งใจพรรคเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ และจะไม่สามารถผลักดันนโยบายดีๆสู่มือประชาชนเหมือนที่เคยทำมาได้

“วันนี้ขอให้ชาวพิษณุโลกเลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค พรรคเพื่อไทยจะเพิ่มโอกาสให้กับเยาวชน รถไฟความเร็วสูงต้องผ่านพิษณุโลก การคมนาคมสี่แยกอินโดจีนที่พิษณุโลกต้องสำเร็จ อีกไม่กี่วันจะยุบสภาฯอยากให้ประชาชนกำหนดอนาคตตัวเองเลือกรัฐบาลแบบไหนมาดูแล เลือกรัฐบาลแบบไหนให้มาผลักดันนโยบายให้สำเร็จ เข้าคูหากาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคให้แลนด์สไลด์ไปเลย” น.ส.แพทองธาร ระบุ  

ฝากคนพังงา ‘จุรินทร์’ ลงพื้นที่พร้อมคณะ วอนปชช. หนุน ‘กันตวรรณ-ราเมศ’ โว!! เสียงตอบรับดี มั่นใจ ‘ปชป.’ คัมแบ็คทั้งประเทศ

(12 มี.ค. 66) ที่ จ.พังงา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคฯ และคณะ ลงพื้นที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พบปะประชาชน และสมาชิกพรรคฯ

โดยนายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคปชป.ว่า การพูดถึงเรื่องนี้เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงภารกิจการเป็นหัวหน้าพรรคปชป.ที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการเป็นรัฐมนตรี ที่ตนเคยเป็นมาตั้งแต่อายุ 36 ปี เป็นผู้แทนราษฎรมา 11 สมัย จนถึงวันนี้เป็นรัฐมนตรีมาแล้ว 6-7 กระทรวง รวมถึงการเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้วย แต่การดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคนั้น เพิ่งจะได้เป็น  ตลอดประวัติศาสตร์ ปชป. 77 ปี มีหัวหน้าพรรคมาเพียง 8 คน และตนเป็นคนที่ 8 เพราะฉะนั้นการเป็นหัวหน้าพรรคจึงยากที่สุด เพราะเป็นหัวหน้าพรรคที่เป็นสถาบันทางการเมือง และคนที่พรรคจะเลือกขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องพร้อมที่จะทำหน้าที่ที่นอกจากการเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว ก็ต้องพร้อมทำหน้าที่นายรัฐมนตรีของประเทศด้วย ไม่อย่างนั้นพรรคก็ไม่เลือก สิ่งนี้จึงบอกว่าเป็นเรื่องที่ยาก 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุที่ตนเป็น ส.ส.พังงามาก่อน ดังนั้น นายราเมศ รัตนะเชวง ผู้สมัครส.ส.พังงา เขต 2 ก็ถือว่าก็เสมือนเป็นตัวแทนของตนที่จะมาลงสมัครรับเลือกตั้งแทนตน ขอฝากคนพังงา ให้ช่วยลงคะแนนเลือก นายราเมศ ด้วย และในการเลือกตั้งครั้งนี้ จ.พังงา แบ่งเป็น 2 เขต เขต 1 ประชาธิปัตย์ ส่ง นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ ซึ่งตนได้ฝากคนพังงาไว้แล้ว โดยเฉพาะนางกันตวรรณ นั้นเป็นส.ส.มา 5 สมัย เพราะฉะนั้นถือว่ามีศักยภาพพอตัว และคาดว่าจะได้รับเลือกตั้งด้วย ขณะที่เขต 2 คือนายราเมศ ถือว่าเป็นน้องใหม่ แม้จะเป็นคนพังงา แต่ก็จำเป็นที่จะต้องแนะนำตัวกับพี่น้องประชาชน แต่ก็มั่นใจว่า มาถึงวันนี้ได้รับเสียงตอบรับดีขึ้นมาก เพราะนายราเมศ เป็นคนเก่ง เป็นคนมีศักยภาพ ตนจึงได้ขอฝากคนพังงาไว้ด้วย อย่างน้อยทั้ง 2 ท่าน ถือเสมือนเป็นตัวแทนของตน และเป็นตัวแทนหัวหน้าพรรคฯเพราะหัวหน้าพรรคก็เป็นคนพังงา

ผู้สื่อข่าวถามว่า พื้นที่จ.พังงาถือเป็นบ้านเกิดของหัวหน้าพรรคฯและผู้สมัคร ขณะที่คู่แข่งต่างพรรคก็จ้องอยู่ ปชป.จะมียุทธวิธีเพื่อรักษาพื้นที่ไว้ได้อย่างไรนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า สิ่งนั้นคืออุดมการณ์ประชาธิปัตย์ และคนพังงามีพัฒนาการทางการเมืองสูงมาก มีความยึดมั่นในอุดมการณ์สูง นอกจากนี้ตนยังมั่นใจในผลงานที่ได้ทำมาในพื้นที่จำนวนมาก ซึ่งยังไม่รวมถึงผลงานในระดับประเทศอีกหลายด้าน รวมทั้งศักยภาพของตัวผู้สมัครทั้ง 2 คน และยังมีนโยบายใหม่ของปชป.ที่จะเดินหน้าต่อไปหากเราได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล ทั้งหมดจึงทำให้ตนมั่นใจว่าคนพังงาจะช่วยเหลือพรรคปชป.และสนับสนุนตนต่อไป นอกจากนี้ความเป็นตน ก็จะมีส่วนที่จะช่วยขอแรงสนับสนุนให้ช่วยเลือกประชาธิปัตย์ทั้ง 2 เขต 

“คนพังงาเป็นคนที่มีพัฒนาการทางการเมืองสูงมาก และยึดมั่นอุดมการณ์สูงมาก เช่นเดียวกับผม เช่นเดียวกับผู้แทนราษฎรทุกคนที่เขาเลือกมาในนามพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นผมมั่นใจตรงนี้  และความเป็นผม ที่ผมเป็นผู้แทนราษฎรที่นี่มายาวนาน สร้างผลงานโดยเฉพาะในพื้นที่เยอะไปหมดในทุกด้าน ไม่นับรวมผลงานระดับประเทศ เพราะฉะนั้นผลงานก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมมั่นใจว่า คนพังงาจะช่วยสนับสนุน” นายจุรินทร์ กล่าว 

เพื่อไทยร่วมสาดสี!! ‘เพื่อไทย’ ร่วมเทศกาล ‘โฮลีอินเดีย’ บรรยากาศคึกคัก ยัน!! หากเป็น รบ. พร้อมผลักดัน Soft Power กระตุ้นการท่องเที่ยว

(12 มี.ค. 66) ที่สยามอะเมซิ่งพาร์ค เขตคันนายาว กทม. แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นางนลินี ทวีสิน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ พร้อมด้วย ส.ส. ส.ก. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ร่วมงาน “โฮลี เฟสติวัล” ครั้งที่ 1 จัดขึ้นโดย สยามอะเมซิ่งพาร์ค ร่วมกับสมาคมอินเดียแห่งประเทศไทย สมาคมวิศวะฮินดูปาริชาดประเทศไทย (VHP)  และภารตะช้อยส์ โดยคณะพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกันบูชาองค์พระพิฆเนศ เยี่ยมชมบูธอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้า อินเดียน-ไทยต่างๆ ภายในงาน ก่อนรับชมการแสดง แสง สี เสียง สไตล์บอลลีวู้ด และร่วมเล่นกิจกรรมสาดสีกับผู้มาร่วมงาน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

นายสมชาย กล่าวถึงการร่วมงานวันนี้ว่า รู้สึกตื่นเต้น เป็นบรรยากาศที่ไม่เคยสัมผัส จากการพูดคุยกับผู้จัดงาน เห็นว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้ชาวไทยได้รู้จักเทศกาลนี้ แล้วก็กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในหมู่นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย เสมือนการมาร่วมเทศกาลสงกรานต์ของไทย มองว่างานที่จัดขึ้น นอกจากจะเป็นการดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่สวยงามของชาวอินเดียแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเช่นกัน ซึ่งหากพรรคพท.ได้เป็นรัฐบาลก็อยากจะสนับสนุนงานเช่นนี้ เหมือนเป็น soft power รูปแบบหนึ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top