Tuesday, 10 June 2025
ElectionTime

ลองกา 'ก้าวไกล' ‘พิธา’ มั่นใจ ก้าวไกล 10 คน 10 เขต พลิกเมืองคอน เปลี่ยน 'นครศรีฯ' จากเมืองรอง สู่ เมือง 'ต้องลอง'

ชิมโกปี้ ไม่มีขมปี๋ เพราะวงน้ำชาก้าวไกลสุดคึกคัก พิธา ศิริกัญญา เยือนเมืองคอน ตอบทุกคำถามคาใจ ชูแก้หนี้เกษตร กระจายอำนาจสร้างนครศรีธรรมราช ให้กลายเป็นเมืองที่ 'ต้องลอง'

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ควง ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค หวังปักธงก้าวไกลทั้งจังหวัด โดยเปิดวงน้ำชา ณ ร้านโกปิ๊ ซึมซับบรรยากาศและวัฒนธรรมการถกเถียงแลกเปลี่ยนทางการเมือง กลางเมืองคอน นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย ปกรณ์ อารีย์กุล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 จากพรรคก้าวไกล ร่วมเสวนาพบปะพี่น้องประชาชนด้วยกัน

พิธา ได้กล่าวกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมแลกเปลี่ยนว่าต้องการเห็นนครศรีธรรมราช ที่เป็น 'เมืองรอง' ให้กลายเป็นเมืองที่ต้องมา 'ลอง' ชี้เป็นเมืองที่มีครบทั้ง 3 ธรรม ทั้งธรรมะ ธรรมชาติ และธรรมดา เป็นเมืองที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองในอดีต สถานที่ทางประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่สมบูรณ์ จึงคิดว่าสามารถยกระดับจังหวัดนครศรีธรรมราชให้ดีกว่านี้ได้ พร้อมประกาศว่ามั่นใจในตัวผู้สมัครทั้ง 10 คน 10 เขต ที่พรรคก้าวไกลส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ และเชื่อจะสามารถเปลี่ยนเมืองคอนให้ดีได้กว่านี้ จากนั้นมีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสอบถาม โดยคำถามส่วนใหญ่เป็นเรื่องของปัญหาหนี้สิน ที่ดินทำกิน และการกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น

พิธา เริ่มต้นตอบคำถามถึงเรื่องการกระจายอำนาจปลดล็อกท้องถิ่น พร้อมเน้นย้ำว่า ต้องกระจายทั้งงบประมาณและบุคลากร ในด้านของ พ.ร.บ. ต้องเพิ่มงบประมาณ อิสระในการตรวจสอบ ตลอดจนสามารถออกพันธบัตรในพื้นที่ได้ในด้านที่สนใจ อย่างเช่น นครศรีธรรมราชสามารถใช้พันธบัตรแก้ไขประเด็นต่าง ๆ โดยไม่ต้องรอนโยบายจากส่วนกลาง ไม่ต้องเกษตรจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ท่องเที่ยวจังหวัด  เพราะฉะนั้นสิทธิชุมชน การบริหารน้ำประปาในพื้นที่ ท้องถิ่นสามารถทำได้ พิธา ย้ำว่า สิ่งนี้ เกาถูกที่คันแน่นอน ส่วนกรณีราคายางตกต่ำ หากส่งออกแล้วเขาไม่รับ พรรคก้าวไกล ได้ออกแบบอุตสาหกรรมที่ใช้ยาง เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น การนำประปาก้าวหน้า ในส่วนประกอบ แต่ละส่วนต้องใช้ยางร่วมด้วย หรือของเล่นเด็กและพื้นรองเท้า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถสร้างงานและซ่อมประเทศไปพร้อมกันได้  ยาง 3 แสนตัน ต้องสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้

สองหมื่นกำลังใจร่วมเชียร์!! ‘เฉลิมชัย–เมฆินทร์’ นำ ‘ปชป.’ เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณฯ ประกาศกร้าว!! ขอโอกาสรับใช้ปชช. อย่างสุจริต ซื่อตรง

คนสุพรรณฯ กว่าสองหมื่นให้กำลังใจ ‘เฉลิมชัย–เมฆินทร์’ นำทัพ ปชป. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุพรรณฯ ครบ 5 เขต ด้าน ‘พี่เม’ เผยนโยบายด้านการเกษตร ปชป. สอดคล้องกับ จ.สุพรรณฯ ที่เป็นเมือง ‘รุ่งเรืองเกษตรกรรม’ – ประกาศขอโอกาส ปชช. ทำหน้าที่เป็น ส.ส. รับใช้พี่น้อง อย่างสุจริต ซื้อตรง และมั่นคงในอุดมการณ์ต่อไป

(10 มี.ค.66) ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เปิดเวทีปราศรัยเพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ ส.ส. สุพรรณบุรี ทั้ง 5 เขต ณ ลานปราศรัยสามแยกบ่อพลอย ตำบลจรเข้าสามพัน อำเภออู่ทอง โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพรรคฯ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 5 เขต ได้แก่ นายสมมาตร วิสุทธิวงษ์ เขต 1 (อ.เมืองสุพรรณบุรี) นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 2 (อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง) นายกิจจา วงศ์ประเสริฐ เขต 3 (อ.อู่ทอง อ.สองพี่น้อง) น.ส.พิรุณวัลย์ บ้านพลูหลวง เขต 4 (อ.ดอนเจดีย์ อ.หนองหญ้าไซ อ.ด่านช้าง อ.เดิมบางนางบวช) และนายภานรินทร์ อินสกุล เขต 5 (อ.ศรีประจันต์ อ.สามชุก อ.เดิมบางนางบวช)   ได้ขึ้นมาปราศรัยถึงนโยบายของพรรคฯ โดยมีประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยกว่า 20,000 คน

โดยนายเมฆินทร์  ระบุว่า ต้องขอขอบคุณเลขาธิการพรรค และแกนนำพรรค ที่ได้มาลงพื้นที่และปราศรัยกับประชาชนชาว จ.สุพรรณบุรี ซึ่งยอมรับว่า การเลือกตั้งใน จ.สุพรรณบุรีในคราวนี้ดุเดือดกว่าทุกครั้ง โดยมีหลายๆพรรค ต่างมุ่งหน้ามาที่ จ.สุพรรณบุรี เพื่อมาขอเสียงสนับสนุนจากชาวสุพรรณฯ ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ เอง ก็ได้มีการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี มาพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะนโยบายของพรรคฯ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เพราะ จ.สุพรรณบุรี ถือเป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย สมกับคำขวัญของจังหวัดที่ว่า ‘รุ่งเรืองเกษตรกรรม’ เช่น การสานต่อนโยบายการประกันรายได้และจ่ายเงินส่วนต่าง ของผลผลิต โดยเฉพาะข้าว เพราะที่ จ.สุพรรณฯ ถือเป็นแหล่งปลูกข้าวชั้นดีอีกที่หนึ่งของประเทศ นโยบายชาวนารับ 30,000 บาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนาให้มีความสามารถในการพัฒนาตัวเอง การออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาของพี่น้องที่ไม่มีที่ดินทำกิน อยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า และอีกส่วนหนึ่งก็คือ หากพี่น้องประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่ที่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ  ทางพรรคฯ ก็มีนโยบายออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้กับพี่น้องเกษตรกรที่อยู่ในที่ดินต่างๆ เพราะทางพรรคฯ มองเห็นว่า ที่ดินเป็นหลักประกันของชีวิต จึงควรที่ให้กรรมสิทธิ์เป็นสิ่งที่ยืนยันในการใช้ประโยชน์ ซึ่งทางพรรคฯ ได้มีการดำเนินการไปบ้างแล้ว ในสมัยที่ นายนิพนธ์ บุญญามณี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จนกระทั่งถึงยุคนายนริศ ขำนุรักษ์ ซึ่งเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนให้ความมั่นใจว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล จะเดินหน้าออกโฉนดที่ดินครบ 1 ล้านแปลงภายใน 4 ปี และออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้กับประชาชนได้ตามที่พรรคฯ ประกาศไว้  รวมทั้ง ยังมีนโยบายอื่นๆ ที่ตนมั่นใจว่า จะสร้างประโยชน์ให้กับชาวสุพรรณบุรีทุกคนอย่างแน่นอน

ถามว่า เมื่อต้นปี 2566 มีอะไรใหม่เกิดขึ้นในเมืองไทย หนึ่งในนั้นคือ การเปิด “อุโมงค์มหาราช” สิ่งปลูกสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างแท้จริง

ย้อนเล่าความเป็นมาของ ถนนมหาราช-หน้าพระลาน-วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) สถานที่ทั้งสามแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ มีอายุมากกว่าร้อยปี โดยนับแต่อดีต เคยได้รับการทำนุงบำรุงเรื่อยมา กระทั่งวันเวลาผันผ่าน สถานที่ดังกล่าว ได้กลายเป็นจุดที่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ต่างให้ความสนใจ และเดินทางมาเยี่ยมชมปีละหลายล้านคน

 

กระทั่งเมื่อปี 2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอนุรักษ์และพัฒนา กรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของโบราณสถานเก่าแก่เหล่านี้ จึงหารือในที่ประชุมเกี่ยวกับการก่อสร้างอุโมงค์ทางเดินลอดถนนหน้าพระลานและถนนมหาราช เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมบริเวณสนามหลวง ถนนหน้าพระลานและถนนมหาราช ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มีศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยว และเกิดความปลอดภัยในการสัญจร โดยมอบให้กรุงเทพฯ พิจารณาให้มีความเหมาะสม

แก้กฎหมายไม่เป็นธรรม ‘พีระพันธุ์’ ปูพรมหาเสียง ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ชู 5 นโยบายโดนใจ แก้ปัญหาปากท้องประชาชน

รทสช. คิกออฟแคมเปญหาเสียง ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ชู 5 นโยบายโดนใจ เพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการพลัส  ตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชน คืนเงินสะสมชราภาพ ปลดหนี้ด้วยงาน  รื้อกฎหมายไม่เป็นธรรม เตรียมเปิดนโยบายชุดใหญ่ ต้นเมษายนนี้  
.
(11 มี.ค.66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยนโยบายหาเสียงภายใต้แคมเปญ ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคว่า นโยบายภายใตแคมเปญนี้ถือเป็นความตั้งใจของพรรคที่จะสานต่อโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งปรากฏผลชัดเจนว่าทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถช่วยให้ประชาชนคลายความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตไปได้ 
.
 
นายพีระพันธุ์ระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะสานงาน “ทำต่อ” ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ และพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนอีกหลายโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถรอได้  ทางพรรคจึงได้นำร่องหาเสียงด้วย 5 นโยบายโดนใจ ที่พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ลดภาระหนี้ สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิต และขจัดปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ดังนี้ 
.
1. เพิ่มสิทธิ ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ เป็น 1000 บาท/เดือน และ สิทธิเบิกฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน   
2. ตั้ง ‘กองทุนฉุกเฉินประชาชน’ วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท     
3. คืน 30% เงินสะสมชราภาพ ให้ผู้ประกันตน ตามมาตรา 33  
4. โครงการ ‘ปลดหนี้ด้วยงาน’   
5. รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชน และเป็นอุปสรรคการทำกิน  
.
นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงนโยบายการเพิ่มสิทธิ ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ ว่า นโยบายนี้เป็นโครงการ “ทำต่อ” จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอยู่แล้ว  โดยให้สิทธิเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจัดสรรจากเงินงบประมาณที่รองรับโครงการนี้อยู่แล้ว  ขณะเดียวกัน ผู้ถือบัตรยังมีสิทธิกู้ฉุกเฉินในวงเงิน 10,000 บาทต่อคน โดยสามารถนำบัตรนี้ไปเป็นหลักประกันเงินกู้กับธนาคารออมสินซึ่งมีโครงการให้สินเชื่อรายย่อยในวงเงิน 10,000 บาทอยู่แล้ว
 .
“บัตรนี้มีความน่าเชื่อถือ เพราะรัฐบาลเป็นคนจ่ายเงิน สามารถใช้เป็นหลักประกันอะไรก็ได้  ขณะที่ทางธนาคารออมสินก็มีโครงการให้เงินกู้แก่ชาวบ้านรายย่อยในวงเงิน 10,000 บาทอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาแทบจะไม่ค่อยได้ปล่อยกู้ เพราะคนที่มาขอกู้ซึ่งเป็นชาวบ้านระดับฐานรากไม่ค่อยมีหลักประกัน  กลายเป็นว่ามีโครงการให้ มีวงเงินให้ แต่ปล่อยกู้ไม่ได้  ก็สามารถใช้บัตรนี้ซึ่งเป็นบัตรที่รัฐจ่ายเงินแน่นอนทุกเดือนอยู่แล้ว ไปเป็นหลักประกันเงินกู้ให้กับธนาคารออมสิน โดยสามารถหักคืนเงินกู้จากบัญชีของผู้กู้ได้เลย ทำให้บัตรใบเดียวสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง” นายพีระพันธุ์กล่าว 

กลายเป็นกระแส เมื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถูกบรรดานักข่าวถามถึง ทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ

กลายเป็นกระแส เมื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถูกบรรดานักข่าวถามถึง ทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเชื่อมโยงไปถึงทีมเศรษฐกิจของ (ว่าที่) แคนดิเดตนายกฯ แห่งพรรคเพื่อไทย นามว่า “เศรษฐา ทวีสิน” งานนี้ “ลุงตู่” ถึงกับสวนถามนักข่าวทันควัน “เขาเด่นตรงไหนล่ะ ที่เสนอชื่อเขามา เขาเก่งตรงไหน เขาทำอะไรมา เขาทำธุรกิจ และประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ”

 

เท่านั้นยังไม่พอ ยังเน้นแบบชัดเจนอีกประโยค  จำคำพูดผมเอาไว้นะ คำว่าเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่เศรษฐกิจหรือธุรกิจของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง เข้าใจหรือไม่”

ลุยหาเสียงสาทร!! ‘องอาจ-เดียร์-เอ้’ นำทัพ ‘ปชป.’ ประกาศสงคราม PM 2.5 ทวงคืนอากาศสะอาด ลั่น!! พร้อมสู้ทุกรูปแบบไม่ห่วงแบ่งเขตช้า

‘องอาจ-เดียร์-เอ้’ นำทีม กทม. ลุยหาเสียงสาทร ประกาศสงคราม PM 2.5 ทวงคืนพื้นที่สีเขียวให้คนกรุง ลั่นพร้อมสู้ทุกรูปแบบไม่ห่วงแบ่งเขตช้า

(11 มี.ค.66) เวลา 7.00 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. และทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. อาทิ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ เขตปทุมวัน-สาทร-บางรัก นายอภิมุข ฉันทวานิช เขตยานนาวา-บางคอแหลม น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร เขตพญาไท-ราชเทวี นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย เขตบางกะปิ นายจักรวี วิสุทธิผล เขตสวนหลวง เขตหนองจอก น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ เขตบางบอน-หนองแขม นายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ เขตจตุจักร ลงพื้นที่สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย พบปะพูดคุยและร่วมออกกำลังกายกับประชาชนที่มาออกกำลังกายในสวนสุขภาพ ทั้ง รำไท้เก๊ก แบดมินตัน ฮูลาฮูป ฯลฯ

น.ส.อรอนงค์ กล่าวว่า จุดลงพื้นที่วันนี้เป็นสุสานที่ปรับพื้นที่เป็นสวนให้ประชาชนเข้ามาดูแลสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุในช่วงเช้า และคนวัยรุ่นในช่วงเย็น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์อย่างดี

น.ส.วทันยา กล่าวว่า สวนนี้ได้รับความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับรัฐเพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามาใช้สอย แต่โดยภาพรวมแล้วพื้นที่ กทม. ยังมีความแออัดและพื้นที่สีเขียวที่ต่ำกว่ามาตรฐานโลกเฉลี่ย 6.1 ตร.ม./คน แต่ประชาชนกรใน กทม. เองยังมีประชากรแฝงที่ไม่ได้ถูกรวมไปในผลสำรวจ ทำให้ความเป็นจริงพื้นที่สีเขียวต่ำกว่ามาตรฐานมาก พรรคจึงมีแนวทางเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อลดฝุ่น ลดอุณหภูมิโลก และเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมให้ประชาชน

ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ทีมประชาธิปัตย์ กทม. ประกาศสงครามชัดเจนกับ PM 2.5 ทุกวันนี้หายใจไม่ได้แล้วจริง ๆ เราจะผลักดันอากาศกฎหมายสะอาดให้เร็วที่สุด และกำหนดเขตพื้นที่มลพิษต่ำ ซึ่งต้องได้รับพลังจากประชาชนร่วมสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค เพื่อที่จะเข้าไปสภาปกป้องประชาชนจากฝุ่น ให้คุณให้โทษกับคนที่ไม่รับผิดชอบ และดูแลภาษีให้คนที่ช่วยป้องกันการเกิดฝุ่นพิษ รวมถึงย้ายโรงงานอุตสาหกรรมออกจากเขตเมือง

เล่นการเมืองแบบเก่า ‘ลิณธิภรณ์’ ซัดคนยื่นยุบพรรค พท. หวังสกัดแลนด์สไลด์ ชี้!! เป็นการทำลายความหวัง เริ่มต้นชีวิตใหม่ของปชช.

‘ลิณธิภรณ์’ สับพวกยื่นยุบพรรคพท. ไร้เหตุผล เล่นการเมืองแบบเก่า หวังสกัดแลนด์สไลด์

(11 มี.ค.66 ) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีความพยายามจากหลายฝ่ายในการยื่นยุบพรรคพท. ทั้งที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้งในอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้า เป็นความหวังของพี่น้องประชาชนที่จะแสดงออกถึงเจตจำนงในการใช้สิทธิที่พึงมี เลือกผู้แทนราษฎรและเลือกพรรคการเมือง 

ซึ่งเป็นที่พึ่งที่หวังในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ปรากฏว่าผู้ไม่หวังดีกำลังใช้อำนาจของกระบวนการยุติธรรมไปในทางที่ผิด เล่นการเมืองแบบเก่าโดยใช้ข้อกฎหมายที่ไม่มีเหตุหรือมูลความจริงมาสกัดกั้น นำมาเป็นเหตุอ้างในการยุบพรรคการเมือง ทั้งที่เหตุของการยุบพรรคการเมืองตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มี 4 ประเด็นหลัก คือ 

1. กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอํานาจในการปกครองประเทศที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
2. กระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 
3. กระทําการฝ่าฝืนมาตรา 20 วรรคสอง มาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 36 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 72 หรือมาตรา 74 ซึ่งว่าด้วยการดำเนินการของพรรค ว่าจะต้องไม่แสวงหากำไร ไม่ถูกครอบงำ ต้องยึดหลักประชาธิปไตย และปฏิบัติตามข้อบังคับเรื่องการเงิน 
4. มีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมืองตามที่มีกฎหมายกําหนด

นโยบายครอบคลุม ‘ปชป.’ เดินหน้าปล่อยนโยบายก๊อก 2 เพิ่ม 8 เรื่อง เอื้อประโยชน์ให้ด้านการเกษตร เพื่อดันเศรษฐกิจไทย

‘ปชป.’ เปิดนโยบายก๊อก 2 เพิ่ม 8 เรื่อง อินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด เรียนฟรีถึงปริญญาตรี 12 สาขา เอื้อความต้องการตลาดแรงงาน เดินหน้ารักษาฟรี ตรวจสุขภาพฟรี บัตรประชาชนใบเดียวไม่ต้องเสีย 30 บาท พร้อมจัดเต็มต่อ SME ลืมตาอ้าปาก พร้อมปลดล็อกกองทุน กบข.ซื้อบ้านได้ เพิ่มเงิน อกม. 1 พันบาทต่อเดือน  

(11 มี.ค.66) เมื่อเวลา 10.10 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค และนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานนโยบายพรรค ร่วมกันแถลงนโยบายพรรคที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง

โดย นายจุรินทร์ ได้นำแถลงเปิดตัวชุดนโยบายของพรรคว่า หลังจากพรรคประชาธิปัตย์เปิดตัว 1 ชุด 8 นโยบาย เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ วันนี้จึงถือเป็นชุดที่ 2 ที่จะเปิดอีก 8 นโยบาย ได้แก่ 

1.อินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน ทุกห้องเรียน ซึ่งหมายถึงชุมชนในเขตเมือง เทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนในกทม. ด้วย

2. นโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรีในสาขาที่ตลาดต้องการ จากการสำรวจเบื้องต้นโดยกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พบว่า ตลาดมีความต้องการประมาณ 1.8 แสนคน โดยประมาณ ใน 12 สาขาสำคัญ ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล จะสนับสนุนให้มีการเรียนฟรีในสาขาเหล่านี้ เพื่อที่เรียนจบจะได้มีงานทำได้ทันที 

3. นโยบายตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งมี 2 เรื่องในนโยบายเดียวกัน คือ รักษาฟรี และตรวจสุขภาพฟรี เป็นการต่อยอดนโยบายเดิมของพรรคที่ทำมาตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นรมว.สาธารณสุข (สธ.) ในปี 2531 และตนเป็นเลขานุการรมว.สธ. ต่อมาเมื่อตนเป็นรมว.สธ ในปี 2553 ตนได้ริเริ่มนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาฟรี 48 ล้านคน โดยไม่ต้องเสีย 30 บาท ซึ่งดำเนินการได้อย่างราบรื่น วันนี้จึงเป็นการต่อยอดจากสิ่งที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว 

อีกหนึ่งเรื่อง ที่เมื่อไรที่นึกถึง “ลุงตู่” นายกรัฐมนตรีประเทศไทย ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปี ลุงตู่ให้ความสำคัญเรื่องของ “กีฬา” เป็นอย่างมาก

เหตุผลประกอบส่วนหนึ่ง เนื่องจากในอดีต ลุงตู่เป็นผู้ที่ชื่นชอบในการเล่นกีฬาเป็นเดิมทุน ครั้งหนึ่งในการจัดรายการ Government Weekly EP.19 เทปนั้นได้เชิญนักกีฬาทีมชาติสองคน คือ กันตภณ หวังเจริญ นักแบดมินตันทีมชาติไทย และ วิชาสิรี รัตนนัย นักฮอกกี้น้ำแข็งทีมชาติไทย โดยบางช่วงบางตอน ลุงตู่ได้ย้อนเล่าเรื่องราวความชอบกีฬาให้ฟังว่า...

“ชอบกีฬาทุกอย่าง เพราะเป็นทหารมาก่อน ตั้งแต่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายร้อย เขาก็ฝึกให้เรียนรู้กีฬาทุกประเภท สมัยเป็นเด็กก็ชอบฟุตบอล ชอบเล่นฟุตบอลกับเพื่อนสมัยมัธยม เมื่อโตขึ้นเคยเล่นรักบี้ด้วย เมื่อเป็นผู้บัญชาการก็เล่นตระกร้อกับลูกน้อง เล่นกีฬาได้หลากหลาย วอลเลย์บอลก็เล่นได้ คือไม่เก่ง แต่เล่นได้ คือสิ่งที่เราได้ออกกำลังกาย และได้พบปะกับลูกน้อง ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา หรือผู้คนทั่วไป”

ไม่ใช่แค่ชอบเล่น แต่ลุงตู่ยังชื่นชอบในการดูกีฬาอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องติดตามและให้ความสำคัญกับนักกีฬาไทยทุกชนิด ลองสังเกตได้ว่า หากมีรายการกีฬาสำคัญ ๆ หรือทัวร์นาเมนต์กีฬาที่คนไทยให้ความสนใจ ลุงตู่มักจะไปปรากฏตัวร่วมงานอยู่บ่อย ๆ  

พร้อมทั้งตอกย้ำอีกด้วยว่า กีฬาในยุคสมัยนี้ กลายเป็น soft power ที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง รัฐบาลที่ผ่านมา จึงให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือกระทรวงดิจิทัลฯ ที่ให้การส่งเสริมกีฬาอีสปอร์ต จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 

อาจเป็นภาพปกติ ยามเมื่อเหล่านักกีฬาทีมชาติ ที่กำลังเตรียมตัวเดินทางไปแข่งขันในรายการสำคัญ ๆ มักจะเข้าพบกับนายกรัฐมนตรี เพื่อรับคำอวยพร แต่สำหรับ “ลุงตู่” ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ชื่นชอบกีฬา มากกว่าการมอบคำอวยพร คือการมอบแรงใจ ในฐานะคนชื่นชอบกีฬาเหมือน ๆ กัน เพื่อให้เหล่านักกีฬาได้นำไปต่อสู้ในเกมการแข่งขันต่อไป

 

รวมพลคนบาดเจ็บ!! 'เจ๋ง ดอกจิก' รวมเสื้อแดงถูกเท ตั้ง 'กลุ่มรวมใจรักชาติ' ปลุกแดงทั่วไทย หนุน 'ประยุทธ์' หยุดแลนด์สไลด์

'เจ๋ง ดอกจิก' จับมือคนเสื้อแดงที่ถูกทอดทิ้งตั้ง 'กลุ่มรวมใจรักชาติ' เดินสายทั่วประเทศขอคะแนนเสียงหนุนพรรครวมไทยสร้างชาติดัน 'ประยุทธ์' นั่งนายกฯอีกสมัย ลั่นเป้าหมายหลักหยุดแลนด์สไลน์พรรคไทย ชี้หมดยุค 'สู้เพื่อเขาเราติดคุกถูกทอดทิ้ง'
.
(11 มี.ค.66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ 'เจ๋ง ดอกจิก' อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมกับ นายสมหวัง อัสราศี และอดีตแกนนำ นปช.หลายจังหวัดที่เคยเป็นคนเสื้อแดง ร่วมต่อสู้ด้วยกันมาในอดีตมาตั้งกลุ่มรวมใจรักชาติ มีตนเป็นประธานกลุ่มฯ จุดประสงค์ก็เพื่อไปรวบรวมติดตามค้นหาเชิญชวนจูงใจพี่น้องเสื้อแดงในทุกจังหวัดโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน 17 ที่ถูกทำร้ายถูกทอดทิ้งมาหนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะยังมีคนเสื้อแดงจำนวนมากที่เคยร่วมทัพกันมาแต่ถูกกระทำแบบนี้ ตนติดคุกมา 4 รอบแต่ขาดการเหลียวแล หรือเขาเหลียวแลแต่ถูกอมกลางทางสู้เพื่อเขาแต่เราติดคุกสู้เพื่อเขาแต่เราขาดการเหลียวแลพอแล้ว
.
“กลุ่มรวมใจรักชาติจะร่วมมือกับคนเสื้อแดงทำประโยชน์เพื่อชาติ คนเสื้อแดงเหมือนเปรียบเสมือนหมาล่าเนื้อ ล่าเสร็จเขาก็เอาเนื้อไปแบ่งกันกิน ทอดทิ้งให้หมาเลียแผลตัวเองจากการต่อสู้ที่บาดเจ็บ พอเนื้อหมดก็ให้ออกไปล่าต่อ ขอโทษที่เปรียบเป็นหมาล่าเนื้อ แค่เพียงการเปรียบเปรยเท่านั้น เพราะคนเสื้อแดงถูกย่ำยีถูกทอดทิ้งมาตลอด ผมในนามประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ จะไปรวบรวมคนเสื้อแดงที่บาดเจ็บขาดการดูแลถูกทอดทิ้งไม่ให้เกียรติมาเป็นกลุ่มรวมใจรักชาติ เพื่อเชิญชวนให้มาสนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะเป็นพรรคที่ทำประโยชน์เพื่อประชาชนจริงๆ มีนโยบายดีๆออกมาดูแลประชาชนจำนวนมากและจับต้อง” นายยศวริศกล่าว
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top