Wednesday, 23 April 2025
ElectionTime

'วราวุธ ศิลปอาชา' รมต.ผู้ Speak English ชนิดไฟแล่บ! กับผลงานโบแดง 'ลดถุงพลาสติก' เปลี่ยนพฤติกรรมคนในสังคม

เป็น รมต.อีกคนที่มีผลงาน 'ตึง' ไม่แพ้ใครๆ สำหรับ 'วราวุธ ศิลปอาชา' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถมที่ผ่านมา ถ้ายังจำกันได้ รมต.ท็อป-วราวุธ ยังโชว์ทักษะด้านภาษาอังกฤษแบบตึงเป๊ะ ตอบคำถามสื่อต่างประเทศ เมื่อคราวเกิดปัญหาน้ำท่วมเดือนกันยายนปีก่อน งานนั้นเล่นเอากลายเป็นไวรัลให้ถูกพูดถึงกันไปทั้งเมือง

แต่หากว่าจะหยิบยกเอาผลงานที่เรียกว่าเป็น 'ชิ้นโบแดง' ของ รมต.แห่งเมืองสุพรรณคนนี้ คงต้องยกให้กับแคมเปญ 'การลดถุงพลาสติก' ซึ่งกลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึง และส่งผลต่อพฤติกรรมผู้คนในประเทศไม่น้อยเลยทีเดียว

เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไป เพียงไม่กี่เดือน หลังการเข้ามารับตำแหน่งเจ้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของ 'วราวุธ ศิลปอาชา' เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 62  เจ้าตัวประกาศหนึ่งเป้าหมายสำคัญต่อสาธารณะ คือการเดินหน้าโรดแมป การจัดการ 'ขยะพลาสติก'  ตั้งเป้าลดและเลิกใช้พลาสติก 4 ชนิด คือ ถุงพลาสติกหูหิ้ว กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว และหลอดพลาสติกภายในปี 2565

แต่ที่ฮือฮาคือการประกาศดีเดย์ 'งดแจกถุงพลาสติก' ในเครือห้างสรรพสินค้าและร้านค้าสะดวกซื้อ กว่า 43 ราย  เริ่มทันที วันที่ 1 มกราคม 2563 การประกาศหักดิบ งดแจกถุงพลาสติกในห้าง และร้านสะดวกซื้อครั้งนั้น มาพร้อมกับเสียงหนุนและต้าน โดยเฉพาะจากผู้คนที่คุ้นชินกับความสะดวกสบายแบบเดิม แต่ก็เป็นการนับหนึ่งให้ 'สังคมไทย' เริ่มปรับพฤติกรรมการบริโภคครั้งใหญ่ นับแต่นั้นมา 

แม้จะมีเสียงบ่น จากมาตรการหักดิบ แต่กระแสตอบรับก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ภาพของคนหิ้วถุงผ้าเข้าไปใส่ของในห้างร้าน การใช้หลอดกระดาษแทนหลอดพลาสติก หรือการพกแก้วแบบที่ใช้ซ้ำได้ เริ่มเป็นภาพชินตา

แต่น่าเสียดาย ที่ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน โลก และไทยต้องเผชิญการรุกรานของศัตรูที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น อย่าง 'โควิด-19' ความต่อเนื่องของการลด เลิกใช้พลาสติก ลดขยะตั้งแต่ต้นทาง มีอันต้องสะดุดลง

ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ เผยว่า ในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ตลอดปี 2562 คนไทยสร้าง 'ขยะพลาสติก' เฉลี่ย 96 กรัม/คน/วัน ขณะที่ช่วง 'โควิด-19' ปี 2563 ปริมาณขยะพลาสติก กลับเพิ่มขึ้นกว่า 40% และเพิ่มขึ้นเป็น 45% ในช่วงกลางปี 2564

'พุทธิพงษ์' ชูนโยบาย 'ภูมิใจกรุงเทพฯ' ไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องทุกข์อีกต่อไป ทุกนโยบายที่เสนอทำได้จริงตามแบบฉบับ "พูดแล้วทำ"

'พุทธิพงษ์' ขอใช้ความจริงใจทะลวงใจคนกรุง ชูนโยบาย 'ภูมิใจกรุงเทพฯ' ดูแลชาว กทม. 24 ชม. 7 วัน เน้นลดภาระ-รายจ่าย ดัน 'ตั๋ววัน' โดยสารขนส่งสาธารณะไม่เกิน 40 บ./วัน พร้อมดูแลด้านสาธารณสุข ลั่น 'มะเร็ง' ต้องรักษาฟรี ลดเครียดผู้ป่วย-คนในครอบครัว ยัน ทุกนโยบายที่เสนอทำได้จริงตามแบบฉบับ "พูดแล้วทำ"

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. พรรคภูมิใจไทย กล่าวในรายการ 'พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ' เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก และยูทูบ พรรคภูมิใจไทย ถึงการนำเสนอนโยบาย 'ภูมิใจไทย ภูมิใจกรุงเทพฯ' ว่า เป็นนโยบายที่เกี่ยวกับคน กทม. ที่ผ่านการสังเคราะห์ และตกผลึกว่า ปัญหาของคน กทม. คืออะไร และทำอย่างไรให้คน กทม.ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง ก่อนออกแบบเป็นนโยบายที่จะต้องทำได้ เกิดขึ้นจริง ในแบบฉบับพูดแล้วทำของพรรคภูมิใจไทย จึงได้เสนอนโยบายเกี่ยวกับ 24 ชม. 7 วัน โดยยึดหลักการ 'เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ให้โอกาส' เพราะเรารู้ว่า คน กทม. หรือพวกเราทุกคนใช้ชีวิตอยู่ใน กทม. 24 ชม. ต่อ 1 วัน และใน 7 วัน จันทร์ถึงอาทิตย์ เราก็ใช้ชีวิตอยู่ใน กทม. ส่งผลให้ภาระค่าใช้จ่ายของคนใน กทม.มีมากเหลือเกิน ทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการจับจ่ายใช้สอยค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเช่าบ้าน และอื่น ๆ อีกมากมาย ในฐานะที่เราจะขออาสาดูแล กทม. จึงคิดในเรื่องของการลดภาระประชาชนเป็นอันดับแรก

ความมุ่งมั่นครั้งสำคัญของ 'นายกใหญ่' สะบัดธง ‘พลังประชารัฐ’ รับใช้ 'ปทุมธานี' ยกจังหวัด

"เป้าหมายใหญ่ พัฒนาปทุมธานี ให้กลายเป็นเมืองที่ผู้คนต้องหยุดมอง และกลายเป็นอีกเมืองสำคัญของประเทศ ที่ผู้คนต้องแวะมาท่องเที่ยว เศรษฐกิจดี ปากท้องต้องดี สาธารณูปโภคพร้อม ไร้ยาเสพติด และสลายสีขั้วการเมือง" 

นี่คือการประกาศศักดาจาก นายเสวก ประเสริฐสุข ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดปทุมธานี ชายที่พี่น้องชาวปทุมฯ ต่างรู้จักกันดีในฉายา ‘นายกใหญ่’ อดีต นายก อบต.เชียงรากใหญ่ และ อดีตรอง นายก อบจ.ปทุมธานี ผู้ได้รับฉายา ‘พี่ใหญ่ มีแต่ให้’ ของชาวปทุมฯ ที่เปิดเผยในรายการ Contributor (ผู้แทน เดอะซีรีส์)

'พี่ใหญ่ เสวก' ถือเป็นบุคคลที่ชาวปทุมฯ ให้การยอมรับในความเป็นคนพูดจริงทำจริง มีน้ำใจสไตล์นักเลง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เพราะตนเองเคยผ่านความยากลำบากมาก่อน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนพื้นที่เชียงรากใหญ่ แห่งเมืองปทุมฯ จะคุ้นเคยกับพี่ใหญ่อย่างมาก เพราะถือเป็นบุคคลสำคัญที่ทุ่มเทพัฒนาผืนถิ่นในส่วนที่ทำได้ (เชียงรากใหญ่) นำความเจริญในแง่ของสาธารณูปโภค เศรษฐกิจ และการเกษตรมาสู่ปทุมธานีอย่างต่อเนื่อง ใต้บทบาทของคนทำงานเบื้องหลัง

พี่ใหญ่ มักจะมองเห็นปัญหา และแนวทางแก้ปัญหา รวมถึงวิธีการพัฒนาจังหวัดปทุมธานี แต่ด้วยข้อจำกัดของการเป็นคนเบื้องหลัง ทำให้การผลักดันภายใต้มุมคิดที่เจนจัดถูกขจัดออกไป

ดังนั้น การตัดสินใจลุกขึ้นมาเป็นคนเบื้องหน้า ลงสมัคร ตำแหน่ง ส.ส.แห่งเมืองปทุมฯ จึงเป็นธงสำคัญ ที่จะช่วยเร่งความเจริญให้ปทุมธานีไม่ต้องทนเป็นแค่เมืองล้าหลังอีกต่อไป และต่อจากนี้คือสิ่งที่พี่ใหญ่เล่าให้ THE STATES TIMES ฟัง...

>> แปลงร่างปทุมธานี 
"ปทุมธานีเหมาะที่จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมหรือโรงงานย่อยๆ เพราะใกล้กรุงเทพฯ ใกล้ท่าเรือ ถ้าทำได้ ผมกล้าบอกเลยว่าความเจริญมันจะเกิดขึ้นในพื้นที่ปทุมธานี และถ้าจะให้ผมทำมันให้เกิดขึ้นจริงได้ ต้องเลือกผมทั้ง 7 คน 7 เขต ประชาชนชาวปทุมธานีต้องร่วมมือกันเลือกทีมนายกใหญ่ ช่วยกันเลือกพลังประชารัฐปทุมธานี"

>> แค่ผมคนเดียว เปลี่ยนแปลงไม่ได้!!
"ที่บอกว่าควรเลือกเราทั้ง 7 เขต เพราะแค่ความสามารถและความตั้งใจจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งยังไม่พอ เราเห็นสิ่งที่บุรีรัมย์เป็นไหม เราเห็นสิ่งที่สุพรรณบุรีเป็นไหม ความเจริญมาจากความเป็นหนึ่งเดียวของ ส.ส.ที่มาจากพรรคเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้มีอำนาจในการผลักดันนโยบายและการทำงานแบบบูรณาการได้ชัดเจน ทำงานร่วมกัน ไม่เกิดความขัดแย้ง จังหวัดก็เจริญ"

>> เพื่อนร่วมทีมชั้นยอด เก่งกาจคนละด้าน
"ยิ่งไปกว่านั้น ผมเลือกแต่คนที่เข้าใจปัญหา และมีหัวใจที่อยากเปลี่ยนแปลงจังหวัดปทุมธานีไปในทิศทางที่ดีขึ้น ภายใต้ความสามารถที่แตกต่างกันแบบไม่ทับซ้อน เช่น ผมมี 'สจ.ตุ้ย นพดล ลัดดาแย้ม' ท่านจะเข้ามาช่วยบูรณาการด้านเกษตร ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้องค์ความรู้ในการสร้างผลผลิตทางเกษตรแนวใหม่

"ต่อมา กำนันหมู ยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า ท่านอยากจะเข้ามาผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ชาวปทุมฯ ผ่านระบบคมนาคมใหม่ที่เป็นรูปธรรมและเหมาะต่อพี่น้องชาวปทุมธานี รวมถึงท่านยังเก่งในการเข้าถึงการแก้ปัญหายาเสพติดอีกด้วย

"ด้าน ดร.ปรีชา ชื่นชนกพิบูล ท่านวางแผนระยะยาวในการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนเรื่องของรถติด และจะทำให้ชาวปทุมฯ กลับถึงบ้านได้โดยเร็ว ไม่ต้องติดบนถนนนานๆ อีกต่อไป

"ท่าน วิรัช พยุงวงษ์ นี่คือกุนซือด้านกฎหมาย และมีความสามารถในการจัดหางบประมาณมาช่วยสร้างความเจริญเติบโตให้จังหวัดได้ ซึ่งแต่ก่อนท่านก็หางบมาช่วยท้องถิ่น อบต. เทศบาลอยู่อย่างต่อเนื่อง

"ต่อมา เกียติศักดิ์ ส่องแสง ท่านต้องการทำเมืองปทุมฯ ให้เป็นแลนด์มาร์ก เช่น ปทุมฯ ต้องมีแลนด์มาร์กในจุดช่วงงบแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเป็นจริงเป็นจัง ต้องทำให้เป็นเมืองน่าเที่ยวไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ 

"สุดท้ายกับ กฤษณา วงศ์คำ เธอมองไปถึงการนำเทคโนโลยี เข้ามาเป็นสื่อกลางในการค้าขาย ยกระดับราคา และช่วยขยายตลาด เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ชาวเกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น

"ทุกคนมีพลัง มีความรู้ และมีความตั้งใจที่อยากจะเข้ามาร่วมกันพัฒนาปทุมธานีให้เจริญภายใน 4 ปีนี้"

>> ทั้งชีวิตมีแต่ให้
พี่ใหญ่ เล่าให้ฟังอีกว่า เหตุผลที่กล้าลงมาสมัคร เพราะเชื่อในความไว้วางใจที่คนปทุมฯ มอบให้ เพราะพี่ใหญ่เริ่มจากการทำบ้านเกิดจากไม่มีอะไร จนวันนี้เชียงรากใหญ่เจริญเริ่มผิดหูผิดตา

"อยากให้สังเกตดูที่เชียงรากใหญ่ ผมของบมาทำถนนคอนกรีตหมด 100% มีถังขยะทุกอาคาร จากนั้นมาต่อท่อมาบำบัดน้ำเสีย 3 ตัว 80 กว่าล้าน ทำมาประมาณ 7-8 ปีแล้ว และก่อนหน้านี้ก็มีการของบสร้างเขื่อน 764 ล้านบาท และคนที่นี่ก็ได้สันเขื่อน

"นี่เป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งในช่วงตั้งแต่ที่เป็นนายก อบต. ซึ่งผมมีแต่ให้ บางทีไปเจอคนจน คนไร้บ้าน ก็หาที่ทางให้เขาอยู่ เช่น ก่อนหน้านี้ มี 7 ครอบครัวที่ผมปลูกบ้านให้ฟรีๆ ตกหนึ่งหลังประมาณ 103,000 บาท เงินส่วนตัวทั้งนั้น ไม่ได้อวดรวยนะ แต่เราทำเราก็ได้บุญ เพราะชีวิตเราเคยจนมาก่อน เคยลำบากมาก่อนพอเห็นทุกคนยืนได้ผมก็ดีใจ"

ส่อง!! 10 อันดับพรรคการเมืองกระเป๋าตุง ประจำปี 2566

ส่อง!! 10 อันดับพรรคการเมืองกระเป๋าตุง ประจำปี 2566

หมายเหตุ: กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง เริ่มจัดตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นการสนับสนุนพรรคการเมืองโดยรัฐ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันหลักในการปกครอง

Time To Change 'เมื่อประเทศเปลี่ยนไป'

ถามคนไทยว่า “รู้จักคลองผดุงกรุงเกษมกันหรือไม่?” เชื่อว่าร้อยทั้งร้อย ต้องคุ้นเคยกับคลองสำคัญแห่งนี้เป็นอย่างดี ย้อนเวลากลับไป คลองผดุงกรุงเกษม หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่า คลองผดุงฯ ถูกดำริให้ขุดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ราวปี พ.ศ. 2394 เนื่องจากทรงเห็นว่าบ้านเมืองเจริญมากขึ้น สมควรที่จะขุดคลองเพื่อขยายออกไปรอบนอกพระนคร เป็นประโยชน์ในการสัญจร และการทำมาค้าขายของประชาชน โดยได้รับพระราชทานชื่อว่า คลองผดุงกรุงเกษม

คลองผดุงฯ มีความยาวกว่า 5.5 กิโลเมตร ถูกขุดและตัดผ่านคลองสำคัญๆ ในย่านพระนคร ทำให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ และเกิดศูนย์กลางชุมชนขึ้นอีกมากมาย รวมทั้งยังทำให้เกิดวัดสำคัญ และย่านการค้า อาทิ ตลาดเทเวศร์ ตลาดมหานาค ย่านหัวลำโพง ตลาดนางเลิ้ง ฯลฯ

'ชาติพัฒนากล้า' ลุยสำรวจปทุมธานี - อยุธยาฯ ผลักดัน 'ศก.สายมู' ดึงดูด นทท. สร้างรายได้ให้ประเทศ

(13 ก.พ. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ นายกอุ๊ ที่ปรึกษาพรรค พร้อมด้วย นางสาวยศยา ชิยาปภารักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร, นางสาววิเวียน จุลมนต์ และนางสาวกชพร คีรีโชติ ทีมนโยบายพรรค เดินทางสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสายมู ณ วัดโบสถ์ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี, วัดไชยวัฒนาราม และอุทยานหลวงปู่ทวด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยวัดโบสถ์นั้น มีการสร้างหลวงพ่อโต องค์ใหญ่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา โดย นายกอุ๊ เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างเมื่อกว่า 10 ปี ที่แล้ว จากวัดเล็ก ๆ ขยายเติบโตเป็นวัดขนาดใหญ่ ที่ประชาชนจากทั่วประเทศ เข้ามาสักการะไม่ขาดสาย สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ที่นำของมาจำหน่าย สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชน

ส่วนที่วัดไชยวัฒนาราม ก็เป็นแลนด์มาร์กสำหรับแหล่งเช็กอินของชาวไทยและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กับร้านค้า เช่าชุดไทย ที่นักท่องเที่ยวนิยมใส่ถ่ายรูปกันอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และที่อุทยานหลวงปู่ทวด ซึ่งนายกอุ๊ ได้จัดสร้างขึ้นมาใหม่ จากพื้นที่นาโล่ง ๆ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ที่สร้างรายได้ให้กับร้านค้าชุมชนในพื้นที่ต่อเดือนตั้งแต่ 100,000 – 350,000 บาท

นางสาวยศยา หรือ นุ่น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งเป็นผู้ที่ทำธุรกิจสายมู กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อและความศรัทธาในศาสตร์การกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่คู่คนไทยมาช้านานตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันกาล การกราบไหว้และบูชาในศาสตร์ต่าง ๆ เปรียบดั่งการยึดเหนี่ยวจิตใจ รวมถึงปลุกขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตทางโลกได้อย่างเสถียรภาพและมีคุณภาพ มีบทวิจัยจากนักวิจัยหลายประเทศ เป็นเครื่องยืนยันว่าศาสตร์ของการมูเตลูและการนั่งสมาธิสามารถเยียวยาจิตใจ รักษาโรคภัย และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับมวลมนุษย์ได้

นางสาวยศยา กล่าวว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า ในการบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและศาสตร์การบูชาองค์เทพสายขาวทุกแขนง เริ่มต้นจากผู้ศรัทธากลายมาเป็นผู้บูชา จนมาถึงเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ one stop services เกี่ยวกับการมูเตลู นุ่นเป็นทั้งผู้ซื้อสินค้าและบริการ จนกลายมาเป็นผู้ให้บริการทางด้านสินค้าและบริการทางศาสตร์มูเตลู เป็นเครื่องยืนยันได้จากประสบการณ์จริงว่า ความศรัทธา สามารถเปลี่ยนเป็นเม็ดเงิน และต่อยอดทางธุรกิจและเศรษฐกิจได้อย่างไม่รู้จบ

‘เพื่อไทย’ จวก กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งบิดเบี้ยว เย้ย!! ต่อไปคงต้องเรียก ส.ส.แขวง

‘เพื่อไทย’ กางตำรากฎหมายจวก กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งบิดเบี้ยว พื้นที่เดียวกันมีผู้สมัคร 3 คน เย้ยต่อไปต้องเรียก ส.ส.แขวง โวยปชช.โดนรัฐประหารผ่านการแบ่งเขต จี้ทบทวนด่วน

(13 ก.พ. 66) ที่พรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. พรรคเพื่อไทย นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ส.ส. กทม. และน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค ร่วมแถลงกรณีการเสนอรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ในเขตพื้นที่ กทม. ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. นั้น เดิมมี 5 รูปแบบ ซึ่งมากกว่าจังหวัดอื่น ๆ อยู่แล้ว ล่าสุด กกต. แบ่งออกมาเพิ่มอีกรวมเป็น 8 รูปแบบ ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในการเลือกตั้ง ส.ส.เขต เรียกได้ว่าเป็นการแบ่งเขตที่บิดเบี้ยว ไม่เป็นไปตามธรรมชาติของแต่ละพื้นที่ การแบ่งเขตรูปแบบที่ 6 - 8 นี้ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทยและพรรคอื่น ๆ ไม่เห็นด้วย เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับประชาชน เกิดความไม่สะดวกเพราะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ตรงกับที่อยู่อาศัย รวมถึงสร้างความลำบากต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเอง ทำให้ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ซึ่งเคยทำงานมา

“การแบ่งเขตดังกล่าวยังส่งผลให้ผู้สมัครพบปัญหาว่าในเขตเดียวมีผู้สมัครถึง 3 - 4 คน ต่างพรรคต่างเบอร์กัน จะเป็นเหตุให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปผิดพลาดบกพร่อง เกิดบัตรเสียจำนวนมาก และไม่เป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย กกต. ควรยึดตามหลักกฎหมายและความเป็นจริง ขอเรียกร้องให้ กกต. ทบทวนใหม่” โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ

ด้านนายวิชาญ กล่าวว่า การแบ่งเขตรูปแบบ 6 - 8 ซึ่ง กทม.มีทั้งหมด 30 เขต จำนวนประชากรประมาณ 5 ล้านคน จากการรวบรวมความเห็นของประชาชน และพิจารณาตามหลักของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. รวมถึงระเบียบของ กกต. เป็นเกณฑ์ เห็นว่าการแบ่งเขตแบบ 1-3 มีความชัดเจน พื้นที่มีความคาบเกี่ยวกัน การจัดรูปแบบดังกล่าวมีความสอดคล้องกว่า ไม่สร้างความสับสน มี 25 เขต จาก 30 เขต ที่ไม่ต้องแบ่งเขตเพิ่มเติมใหม่

“การแบ่งเขตแบบที่ 6 - 8 มีโอกาสสร้างความสับสนให้ประชาชนมากกว่า หากมีการแบ่งพื้นที่ตามแขวง คงเรียก ส.ส.เขต ไม่ได้ ต้องเรียกว่า ส.ส.แขวง และจะสร้างผลเสียคือบัตรเสียจะมากขึ้น จากการฟังเสียงประชาชน พรรคเพื่อไทยจึงเสนอว่ารูปแบบการแบ่งเขตแบบที่ 1 - 2 มีความเหมาะสมมากที่สุด เพราะเขตหลักๆ ยังอยู่ ไม่ถูกแบ่งแยก จึงมีความสะดวกต่อประชาชนมากกว่า” นายวิชาญ กล่าว

'กกต.' เตือน 'นักการเมือง' วาเลนไทน์นี้ งดแจกกุหลาบ ชี้ อาจตีความเป็นมูลค่าทรัพย์สิน เข้าข่ายผิดกฎหมาย

(13 ก.พ. 66) นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) กล่าวถึงข้อห่วงใยการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมือง และผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ช่วงวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก 14 ก.พ. นี้ ว่าการแจกดอกกุหลาบของนักการเมือง ก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งได้

โดยแม้ว่าวันดังกล่าว จะไม่ใช่ประเพณีและวัฒนธรรมโดยตรงของประเทศ แต่คนไทยนิยมและถือปฏิบัติกันตามหลักสากล ดังนั้น จึงขอให้นักการเมือง ผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง และพรรคการเมือง ปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 กำหนดลักษณะต้องห้ามไว้อย่างเคร่งครัด

“เมื่อเป็นวันพิเศษของทุกคน ก็อาจทำให้เกิดความพลั้งเผลอหรือลืมนึกถึงไปได้ ดังนั้นขอให้ระมัดระวังอย่าทำผิดกฎหมาย”

วัดพลังสองพรรคใหญ่ 'ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย' ต่างคนต่างมั่นใจ ในศึกชิงเก้าอี้ ส.ส.เมืองคอน

ช่วงวันที่ 11-12 ก.พ.66 ที่ผ่านมา สองพรรคการเมือง อย่าง ประชาธิปัตย์ และ ภูมิใจไทย ได้จัดกิจกรรมทางการเมืองพร้อมกัน และเป้าหมายเดียวกัน คือ ส่งขุนพลลุยเมืองคอน เป้าหมายยึดฐานเมืองคอนให้ได้ ดังนี้...

- ประชาธิปัตย์ขนขุนพลไปเปิดสัมมนาผู้สมัครจากภาคใต้ทั้งหมด 58 เขตเลือกตั้ง 'จุรินทร์' ลั่นหวังกวาดยกจังหวัด 9 ที่นั่ง 

- ภูมิใจไทย จัดกิจกรรมอบรมว่าที่ผู้สมัคร โฆษกบนเวทีเกี่ยวกับทักษะการพูดในที่ชุมชน การเตรียมตัวปราศรัย สองวันเต็มอิ่มกับวิทยากรจากรายการสภาโจ๊ก ด้าน 'อารี ไกรนรา' ลั่น!! มั่นใจ-พร้อม 100% เตรียมเปิดตัวผู้สมัคร และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ 26 กุมภาพันธ์นี้ เชื่อปักธงภูมิใจไทยในเมืองคอนได้แน่นอน

- นิด้าโพลสำรวจคนคอน ยังเลือกลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 ตามด้วยอุ๊งอิ๊ง ส่วนพรรคการเมือง ยังเป็นประชาธิปัตย์มาอันดับ 1 แต่น่าแปลกใจ เลือกเพื่อไทยมาอันดับ 2

>> ปรากฏการณ์แรก
'จุรินทร์' เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ 58 เขตครบ มั่นใจกวาดเรียบ

เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันที่ 11 ก.พ.2566 ที่โรงแรมทวินโลตัส อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้สพรรค ปชป.ได้เดินทางมาเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ของภาคใต้ 14 จังหวัดภาคใต้ ครบทั้ง 58 เขต 58 คน โดยมีแกนนำพรรคปชป.ประกอบด้วยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน, นายนิพนธ์ บุญญามณี, นายเดชอิศน์ ขาวทอง มาร่วมเปิดตัวในครั้งนี้ด้วย

นายจุรินทร์ ได้แถลงว่าพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่อยู่คู่กับประเทศชาติมายาวนานมีขึ้นมีลงบ้างเป็นธรรมดาของพรรคการเมืองทุกยุคทุกสมัย วันนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนของภาคใต้ทั้ง 58 เขต วันนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมแล้วในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคใต้ทั้ง 58 เขตเลือกตั้งและมั่นใจจะสามารถกวาดคว้าชัยชนะหมดทั้ง 58 เขต

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีการเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่ภาคใต้ ครบทั้ง 58 เขตเลือกตั้ง ถือเป็นพรรคแรกของประเทศ ที่แสดงความพร้อมของกับการเสนอตัวรับใช้ประชาชนในภาคใต้ จากเดิมเมื่อปี 2548 ทางพรรคฯ ส่งผู้สมัครไปแค่ 53 เขต ได้รับการเลือกตั้งมากถึง 51 เขต ในสมัยนายบรรทัดฐาน นั่งดำรงตำแหน่ง หน.พรรคฯ การเลือกตั้งสมัยหน้า ขอประกาศว่า พรรค ปชป.พร้อมสู้ทุกเขต พร้อมคัมแบ็คทั้ง 58 เขตเลือกตั้ง และในวันนี้ทางพรรคฯ ได้เสนอทางเลือกที่ดีที่สุดกับคนภาคใต้ ยืนยันได้จากจำนวน ส.ส.จำนวน 18 คน ที่ยังคงเป็นตัวแทนชาวบ้านอยู่ในตอนนี้ และรวมไปถึงบุคคลที่เป็นรัฐมนตรี และ อดีตรัฐมนตรี ทั้ง 4 คน ไม่ว่าจะเป็น นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ, นายสาธิต วงค์หนองเตย, นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพานิชย์ 

ทางพรรคฯ ไม่มีความหวั่นไหว และมั่นใจว่ายังครองใจคนภาคใต้ได้อยู่ ขอให้คนภาคใต้ช่วยกันสนับสนุน ลงคะแนนเลือก พรรคที่เคียงข้างประชาชน มาตลอดเวลา 76 ปี และในฐานะ ที่ตนเองก็เป็นคนภาคใต้ มีจิตวิญญาณคนใต้ ที่จะนำ พรรค ปชป.กลับคืนสู่ประชาชนต่อไป

>> ปรากฏการณ์ที่ 2
'อารี ไกรนรา' จัดอบรมทักษะการพูด-การปราศรัยให้กับว่าที่ผู้สมัคร-โฆษกบนเวที เตรียมเปิดต้ว 9 ผู้สมัครภูมิใจไทยเมืองคอน และปราศรัยใหญ่ เป็น 26 กุมภาพันธ์ เจอกันที่ทุ่งท่าลาด

'บิ๊กป้อม' ขึ้นรถแห่ท่องเขตป้อมปราบฯ แจกความรักคนกรุงฯ พร้อมฝากฝังผู้สมัคร พปชร. ให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหารอบด้าน

บิ๊กป้อม นำทีมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดเล่งเน่ยยี่ เอาฤกษ์เอาชัย ก่อนขึ้นรถแห่เขตป้อมปราบฯ แจกความรักคนกรุง อ้อนฝากผู้สมัคร ส.ส.กทม. พลังประชารัฐ

(14 ก.พ. 66) ที่วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใช้ฤกษ์วันวาเลนไทน์ นำผู้บริหารพรรค อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ที่รับผิดชอบพื้นที่กทม. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่หาเสียงในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นแห่งแรก โดยนำคณะ สักการะสิ่งศักดิ์ภายในวัดมังกรกมลาวาส เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top