Monday, 9 June 2025
ElectionTime

‘พิธา’ โชว์วิสัยทัศน์ ‘สร้างงาน-ซ่อมประเทศ’ เปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาสในการสร้างงาน

‘พิธา’ ร่วมวงถกนโยบายเศรษฐกิจพรรคการเมือง ชงแนวคิดกำหนดนโยบายต้อง ‘ถูกใจคนไทย-ตรงใจตลาดโลก’ ชู 'สร้างงาน-ซ่อมประเทศ' เปลี่ยนปัญหา-ความต้องการคนไทย เป็นอุตสาหกรรมใหม่-จ้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง พุ่งเป้าเศรษฐกิจเติบโตควบคู่ลดเหลื่อมล้ำ

(9 ก.พ. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแสดงวิสัยทัศน์พร้อมผู้นำพรรคการเมืองต่างๆ ในงานสัมมนา ‘อนาคตประเทศไทย Economic Drives เศรษฐกิจไทยสตาร์ทอย่างไรให้ก้าวนำโลก’ ซึ่งร่วมจัดโดยเครือโพสต์ทูเดย์และเนชั่น ให้ผู้นำพรรคการเมืองได้พูดถึงมุมมองของแต่ละพรรคที่มีต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน พร้อมนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจของแต่ละพรรค

พิธาเริ่มต้นการนำเสนอ โดยระบุว่าโจทย์ที่ได้รับมาวันนี้จากผู้จัดงาน คือเราจะกำหนดนโยบายเศรษฐกิจอย่างไรให้ตรงใจตลาดโลก แต่ในการนี้ตนต้องขอคิดต่าง ว่าคำถามที่ถูกต้อง คือเราจะกำหนดนโยบายเศรษฐกิจอย่างไรให้ตรงใจคนไทยและตลาดโลกไปพร้อมกัน เพราะที่ผ่านมาเรามีเศรษฐกิจที่ตรงใจตลาดโลกมามากแล้ว ทั้งของถูกและมีคุณภาพ แต่จะมีประโยชน์อะไร ถ้าสิ่งนั้นต้องแลกมาด้วยการเสียสละของคนไทย

ดังจะเห็นได้ว่าประเทศไทยที่ส่งออกข้าวเป็นอับดับ 1-3 ของโลกมาตลอด แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศยังยากจน คิดเป็นถึง 66% หรือ 2 ใน 3 ของคนจนอยู่ในภาคการเกษตร จะมีประโยชน์อะไรกับการที่รายได้การท่องเที่ยวของประเทศก่อนโควิด สูงถึง 2 ล้านล้านบาท แต่ 74% กระจุกตัวอยู่แค่ใน 5 จังหวัดจากทั้งประเทศ และจะมีประโยชน์อะไรกับการที่ประเทศไทยมีภาคธนาคารที่เข้มแข็งเป็นอันดับที่ 21 ซึ่งถือเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยพุ่งทะยานไปถึง 89% ของจีดีพีแล้ว

พิธากล่าวต่อไปว่า ธนาคารโลกล่าสุดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะโตช้าที่สุดในรอบ 30 ปี นี่คือโจทย์ที่รัฐบาลไทยต้องออกแบบนโยบายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ จะเอาแต่พึ่งการส่งออก การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้แล้ว สิ่งที่เราต้องการวันนี้คือวิธีคิด ซึ่งพรรคก้าวไกลมีกระบวนการวิเคราะห์ กำหนดเป้าหมาย ที่จะนำไปสู่การกำหนดนโยบายอย่างเป็นระบบ พรรคก้าวไกลเริ่มต้นจากการวิเคราะห์หาจุดแข็ง-จุดอ่อน-โอกาส-ภัยคุกคาม (SWOT analysis) ที่ทำให้เราได้เห็นภาพของประเทศไทยในปัจจุบัน

กล่าวคือ ประเทศไทยมีจุดแข็ง คือความสร้างสรรค์ ห่วงโซ่อุปทานที่ดีระดับหนึ่ง และมีเสถียรภาพทางการเงินการคลัง ในขณะเดียวกันก็มีจุดอ่อนคือการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว การมีระบบรัฐราชการรวมศูนย์ที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน และความเหลื่อมล้ำที่สูงมาก หากมองในแง่โอกาส แนวโน้มการลงทุนของโลกในขณะนี้กำลังมุ่งไปที่การกระจายความเสี่ยงออกจากฐานการผลิตเดิม ขณะเดียวกันกำลังจะเกิดการปฏิรูปภาษีโลกครั้งใหม่ (Global Minimum Tax) หรือ GMT แต่โลกก็กำลังมอบโจทย์ความท้าทายให้กับประเทศไทยในหลายด้านเช่นเดียวกัน ทั้งในเรื่องภาวะโลกร้อน ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์เช่นสงคราม และราคาโภคภัณฑ์ที่ผันผวน

พิธากล่าวต่อไปว่า เมื่อได้ภาพปัจจุบันของประเทศดังนี้แล้ว การกำหนดยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลจึงเกิดขึ้นภายใต้โจทย์เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไปพร้อมกับการลดความเหลื่อมล้ำ นำมาสู่นโยบาย 'สร้างงาน ซ่อมประเทศ' หรือการนำปัญหาร้อยแปดพันเก้าที่เรื้อรังมาข้ามทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไม่ถึงระบบขนส่งสาธารณะ น้ำประปาที่ไม่สะอาด ปัญหาพลังงาน ความเหลื่อมล้ำ ฯลฯ เปลี่ยนให้เป็นโอกาสในการสร้างงาน เพื่อซ่อมประเทศ กล่าวคือ

‘ชาติพัฒนากล้า’ ปักธงที่ทำการพรรคจังหวัดสตูล ‘รับฟังปัญหา-ความคิดเห็น’ สมาชิกในพื้นที่

‘ดร.บลู’ เปิดที่ทำการและจัดตั้งตัวแทนพรรคชาติพัฒนากล้า จังหวัดสตูล ณ อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล

'พลพรรค' แห่เท 'อนาคตใหม่-ก้าวไกล' ระเบิดเวลาที่รอวันทำลายตัวเอง (อีกหน)

ดุเดือดกว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ในยามนี้ก็การเมืองไทยนี่แหละ ล่าสุดเหมือนถล่มพรรคก้าวไกลด้วยระเบิดพลีชีพ เมื่อ 'คริส โปตระนันทน์' ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และมูลนิธิเส้นด้าย ประกาศลาออกจากพรรคที่ตนเองร่วมก่อตั้งเมื่อครั้งยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ ด้วยเหตุผลหลักสามข้อ ที่เจ้าตัวชี้แจงชัดเจนออกสื่อ 

ข้อแรกคือ อยากทำงานการเมืองในพรรคที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แล้วอธิบายว่าความเป็นประชาธิปไตยของพรรคก้าวไกลยังห่างไกลจากที่พรรคโฆษณาไว้มาก จากนั้นก็แฉรัวๆ ว่า พรรคก้าวไกลไม่ใช่พรรคการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของ แต่อำนาจอยู่ในมือคนกลุ่มเล็กที่เรียกว่าโปลิตบูโร แบบนี้ควรเรียกว่าพรรค 'พวก' มากกว่า 

ส่วนข้อสองคือความขัดแย้งเรื่องการลงสมัครเลือกตั้ง เพราะตนเองเคยเกือบชนะในเขตพญาไทมาแล้ว แต่พอปรึกษาพรรค กลับถูกตอกหน้าว่าจะมาเป็นได้อย่างไร จากนั้นกล่าวอ้างว่าคริสเหยียบย่ำหัวใจคนในพรรค ทั้งนี้เพราะเคยคัดค้านการลงผู้ว่าของวิโรจน์และคัดค้านผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมเขตจตุจักร 

ส่วนเหตุผลข้อสามคือ คริสเป็นอดีตประธานมูลนิธิเส้นด้าย เคยช่วยเหลือเหยื่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศจากอดีต ส.ก.พรรคก้าวไกล แต่กลับโดนด่าว่าไม่ปกป้องพรรค 

จะว่าไปเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่ได้ยินอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่สมาชิกพรรคก้าวไกลโบกมือลาออกจากพรรค จะได้ยินปมขัดแย้งเรื่องเดิม ๆ เสมอ คนแล้วคนเล่าที่ก้าวออกจากพรรค ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าพรรคก้าวไกลใช้ระบบพรรคพวกมากกว่าพิจารณาที่ผลงาน 

ลองย้อนอดีตกันหน่อยว่า ส.ส.และ สมาชิกพรรคก้าวไกลกี่คนแล้วที่ลาออก หรือถูกไล่ออก เพราะปมขัดแย้งในพรรคนี้ หลายคนคงจำได้กรณีงูเห่าสีส้ม เมื่อปี 2562 ตอนนั้นพรรคอนาคตใหม่ยังไม่ถูกยุบ พรรคมีมติขับ ส.ส. 4 คน คือ กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี, พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี, ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ และ จารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี โดยจิกเรียก ส.ส.ทั้งสี่คนว่าเป็นงูเห่าสีส้ม เพราะลงมติสวนทางกับพรรคหลายครั้ง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์

ก่อนหน้านั้น ส.ส.ศรีนวล บุญลือ เป็น ส.ส.ที่เป็นคนขานชื่อธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในสภา เรียกได้ว่าถือเป็นขวัญใจเจ้าของพรรคก็ว่าได้ แต่พอโหวตสวนเท่านั้นแหละ มีการขับไสไล่ส่งพ้นพรรค ที่หนักสุดคือ มีการด้อยค่าสารพัด แม้กระทั่งเอาตุ๊กตาตัวเงินตัวทองมาวางหน้าที่ทำการพรรค ซึ่งอยู่ในตึกของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำให้บรรดาคอการเมืองแทบไม่เชื่อสายตาว่า จะเห็นการบูลลี่ในพรรคที่อ้างว่า 'คนเท่าเทียม' กัน

ต่อมาเกิดการแฉครั้งมโหฬารโดย ดร.โจ ชาญวิทย์ ใจสว่าง อดีตผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่เขตหนึ่ง ชุมพร หลังประกาศลาออกจากพรรค ข้อมูลที่แฉก็คล้ายกับข้อมูลของคริส นั่นคือตัวตนพรรคก้าวไกลคือ เผด็จการตัวจริง มีกลุ่มใกล้ชิดเพื่อนนักเรียนนอก มีชนชั้นในพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้เป็นเหมือนภาพที่ขายฝันไว้ พรรคนายกโซเชียลจ้างบริษัทเอเจนซี่ ตั้งวอร์รูมทำงาน 7:00-24:00 คอยจับตาตามเพจ ทวิตเตอร์ โซเชียลมีเดียต่างๆ แล้วสร้างไอดีผี ซอมบี้ส้ม เข้าไปรุมด่าคนที่มาวิจารณ์พรรค รวมถึงปั่นโหวตต่าง ๆ ดร.โจไม่ได้แฉแค่หนเดียวจบ แต่แฉตามมาต่างกรรมต่างวาระ 

สงคราม 'ข่าวลือ' ว่อน!! ใต้ลมการเมืองเปลี่ยน เกมป่วนประสาทคู่แข่ง ที่ไร้ความสร้างสรรค์

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดข่าวลือมากมาย ข่าวจริงก็เยอะ แต่ก็ยากที่จะกลั่นกรอง ซึ่งข่าวลือที่เกิดขึ้นอาจจะมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน บางคนต้องการสะท้อนมุมมองทางสังคมในเวลานี้ว่าเป็นอย่างไร บางคนต้องการโยนประเด็นเพื่อหาคำตอบ แต่มีบางคนปล่อยข่าวหวังผลทางการเมือง บิดเบือน ทำลาย

ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีการปล่อยข่าวออกมาว่า ‘แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ ส.ส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ได้ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เนื่องจาก ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พอใจ ส.ส.แทนในบางเรื่องบางประเด็น

นายหัวไทร ก็ยกหูหาเจ้าตัวโดยตรง แทนบอกว่า มันเป็นไปไม่ได้ ไม่เป็นความจริง จะเป็นไปได้ไง ผมเป็นแกนนำประชาธิปัตย์ในนครศรีธรรมราช และเป็นกรรมการบริหารพรรค

ไม่ใช่แค่นั้น เพียงสองอาทิตย์คล้อยหลังก็มีการปล่อยข่าวออกมาอีกว่า แกนนำคนสำคัญสองคนของพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช จะไปลงสมัครในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ

“เป็นการปล่อยข่าว บิดเบือน จ้องทำลายของพรรคการเมืองบางพรรค ที่เขาเองยังไม่ลงตัว ผมอยากเรียกร้องให้ยุติการปล่อยข่าวทำลาย บิดเบือน มาทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์กันดีกว่า” แทน กล่าว

หลังจากนั้น ส.ส.แทนก็ออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืนเดินในการเดินหน้าไปสู่สนามเลือกตั้ง พร้อมว่าที่ผู้สมัครอีก 8 คน และแถลงข่าวย้ำอีกครั้งที่รัฐสภา

นายหัวไทร ยกหูไปหา ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็กล่าวยืนยันเช่นกันว่า เป็นไปไม่ได้ที่แทนจะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ และในพรรคก็ไม่มีการหารือกันถึงเรื่องนี้

ข่าวลือยังมีการปล่อยกันถึงขั้นว่า ‘ชำนิ ศักดิเศรษฐ์’ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และมีฐานะเป็นน้าของ ส.ส.แทน ได้นำ ส.ส.แทน ไปจับเข่าคุยกับจุรินทร์แล้ว คุยกันรู้เรื่องแล้ว

ทั้งหมดนี้เป็นข่าวลือเกี่ยวกับ ส.ส.แทนกับพรรคประชาธิปัตย์ในนครศรีธรรมราช วงน้ำชา-กาแฟ ถกกันแต่เรื่องนี้เป็นด้านหลัก แม้แทนจะรับบทเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการจัดประชุมว่าที่ผู้สมัครในภาคใต้ทั้งหมดระหว่าง 11-12 กุมภาพันธ์นี้ที่ รร.ทวิลโลตัส จ.นครศรีธรรมราช ข่าวลือเหล่านี้ก็ยังไม่จางหายไปเสียทีเดียว

‘สุชาติ’ ยัน!! ไม่เคยคิดขน ส.ส. ซบ ‘ปชป.’ ลั่น!! ขออยู่เคียงข้าง ‘บิ๊กตู่’ ดันนั่งนายกฯ อีกสมัย

(10 ก.พ. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเตรียมยกทีม ส.ส.ชลบุรี และ ส.ส.ในกลุ่ม เข้าสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่า ไม่เป็นความจริง ยืนยันตนยังคงอยู่เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตามที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไม่มีเปลี่ยนแปลง​ และเตรียมสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์​ เป็นนายกฯ อีกสมัย

“กระแสข่าวที่ออกมา คาดว่าเกิดจากการพูดเล่นไปมาระหว่างผมกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน​ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการ​พรรค​ประชาธิปัตย์ ซึ่งมีความสนิทสนมกัน ยืนยันผมไม่ได้มีความขัดแย้งใด ๆ กับแกนนำบางส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ” นายสุชาติ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top