Saturday, 7 June 2025
AI

ตำรวจภูธรภาค 2 ยกระดับพนักงานสอบสวน สู่มืออาชีพยุคใหม่ ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มประสิทธิภาพงานสอบสวน สะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ทันสมัย

(15 พ.ค.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาผู้ปฏิบัติงานต้นแบบสู่การเป็นตำรวจมืออาชีพของตำรวจภูธรภาค 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (รุ่นที่ 1) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 16 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (The Cop Seminar & Resort) อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพนักงานสอบสวนจากทุกจังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรภาค 2 เข้าร่วมจำนวน 40 นาย

สาระสำคัญของการสัมมนาครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแลกเปลี่ยน รับฟังปัญหา อุปสรรค และความต้องการของผู้ปฏิบัติงานในสายงานสอบสวนเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้และเสริมสร้างทักษะใหม่ ๆ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้สนับสนุนกระบวนการสอบสวนให้มีความแม่นยำ รวดเร็ว และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า

“พนักงานสอบสวนคือด่านแรกของกระบวนการยุติธรรม ที่มีบทบาทสำคัญต่อความเป็นธรรมของสังคม หากระบบสอบสวนไม่เข้มแข็ง ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน การสัมมนาในครั้งนี้ นอกจากจะรับฟังเสียงสะท้อนจากพนักงานสอบสวนในพื้นที่จริงแล้ว เรายังผลักดันให้เกิดการนำเครื่องมือ AI มาใช้เป็นผู้ช่วยสำคัญ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลจากสำนวน, การจัดระเบียบพยานหลักฐาน, การตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึก ตลอดจนการฝึกใช้แอปพลิเคชันสืบค้นข้อมูลอัจฉริยะ เพื่อให้พนักงานสอบสวนสามารถทำงานได้แม่นยำยิ่งขึ้น ลดภาระ และลดโอกาสผิดพลาด”

“เป้าหมายของเราคือให้พนักงานสอบสวนทำงานได้อย่างมีความสุข มีเครื่องมือที่ทันสมัย มีผู้บังคับบัญชาที่รับฟัง และมีระบบสนับสนุนที่มั่นคง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ตำรวจไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง” ผบช.ภ.2 กล่าวเพิ่มเติม

การขับเคลื่อนพนักงานสอบสวนยุคใหม่ของตำรวจภูธรภาค 2 จึงไม่ใช่เพียงการพัฒนาทักษะส่วนบุคคล แต่เป็นการยกระดับทั้งระบบให้ก้าวทันโลก ก้าวทันเทคโนโลยี และก้าวทันความคาดหวังของประชาชนในศตวรรษที่ 21

คนจีนรุ่นใหม่แห่เรียน ‘ภาคค่ำ’ อัปสกิลแค่หลักพัน คอร์สหลากหลาย ตั้งแต่ใช้ AI ขับโดรน จนถึงชงกาแฟ-แต่งหน้า

(20 พ.ค. 68) หลังฤดูกาลหางานช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนผ่านไป คนหนุ่มสาวชาวจีนเริ่มหันมามองหาโอกาสใหม่ ๆ ไม่ใช่แค่สมัครงานหรือโปรโมตตัวเองในที่สาธารณะ แต่ยังเลือกเข้าเรียนใน “โรงเรียนภาคค่ำ” ซึ่งกำลังเป็นทางเลือกยอดนิยมในการอัปสกิลด้วยงบหลักพันบาท

กระแสโรงเรียนภาคค่ำกลับมาเป็นที่สนใจหลังโครงการ “โรงเรียนกลางคืนสำหรับประชาชน” ในเซี่ยงไฮ้กลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ ด้วยค่าเรียนเพียงราว 500 หยวน (ราว 2,300 บาท) หลักสูตรหลากหลายตั้งแต่การใช้ AI ไลฟ์ขายของ ไปจนถึงขับโดรนหรือทำเครื่องดื่ม ซึ่งตอบโจทย์ทั้งสายอาชีพและงานอดิเรก บางคอร์สยังมีโอกาสได้งานพาร์ตไทม์ต่อยอดหลังเรียนจบ

โรงเรียนเหล่านี้แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักคือ โรงเรียนที่ดำเนินการโดยภาครัฐ/ชุมชน และโรงเรียนของภาคเอกชนหรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ จุดเด่นคือราคาเข้าถึงง่ายและไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาเฉพาะทาง ผู้เรียนส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานที่มีเป้าหมายชัดเจน ทั้งเพิ่มทักษะ รับมือกับเทคโนโลยีใหม่ หรือเตรียมตัวเปลี่ยนอาชีพในอนาคต

นอกจากผู้เรียนแล้ว ยังมีคนทำงานบางส่วนผันตัวมาเป็นผู้สอนในโรงเรียนภาคค่ำ โดยใช้ประสบการณ์ตรงเป็นใบเบิกทาง เช่น เสี่ยวเชียนในกว่างโจวที่สอนแต่งหน้า พร้อมช่วยแนะงานให้นักเรียนแบบไม่เป็นทางการ กลายเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนทั้งความรู้และเครือข่ายงาน

โรงเรียนภาคค่ำจึงไม่ใช่แค่คลาสเรียนหลังเลิกงาน แต่เป็นเวทีสร้างโอกาส ลดความเสี่ยงในการเปลี่ยนอาชีพ และเปิดทางเลือกใหม่ให้คนจีนรุ่นใหม่ได้พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ในราคาที่จับต้องได้และเรียนรู้ได้จริงจากประสบการณ์ตรง

สัมผัสเทคโนโลยีแห่งอนาคต!!

 🤖 ร่วมเปิดโลกหุ่นยนต์ และ AI แบบสนุก เข้าใจง่าย ในงาน “หุ่นยนต์ไม่กัด!” 
พบกับเวิร์กช็อปและการบรรยายสุดพิเศษ โดยทีมกูรูจาก FIBO มจธ. 
ที่จะพาทุกคนไปรู้จักกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต พร้อมกิจกรรมมากมาย 
เข้าร่วมฟรีตลอดงาน!.

🚩 กิจกรรมไฮไลต์:
14.30 น. บรรยาย/Show “AI Service Robot หุ่นยนต์บริการอัจฉริยะ"
15.30 น. เสวนา “หุ่นยนต์และ AI เราคุมมัน หรือมันคุมเรา?” และ Talk "เรียนหุ่นยนต์ อนาคตไปไหน?"
17.00 น. เสวนา “จากเกิดจนโต AI ทำอะไรกับลูกคุณบ้าง?”

🚩 กิจกรรมพิเศษ:
13.00 น. โชว์และสาธิตเทคโนโลยี Mixed Reality | HoloLens
15.00 และ 16.30 น. เวิร์กช็อป: ไก่ชน Mobile Robot (รับจำนวนจำกัด!)

⭐️ พบกันวันจันทร์ที่ 2 มิ.ย. 2568 @ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 สยามพารากอน
▶️ สแกน QR Code เพื่อลงทะเบียนล่วงหน้า

เกาหลีใต้ดันหนังสือเรียน AI ใช้จริงแล้ว 30% ของโรงเรียน หวังยกระดับการศึกษา ปรับการสอนตามนักเรียนแต่ละคน

(21 พ.ค. 68) หลังจากกระทรวงศึกษาธิการเดินหน้าผลักดันการศึกษาแบบดิจิทัลในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โรงเรียนระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลายในเกาหลีใต้กว่า 30% ได้เริ่มนำหนังสือเรียนที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการเรียนการสอน

ซอฟต์แวร์จากภาคเอกชนและรัฐช่วยให้ AI แจกโจทย์การบ้านเฉพาะบุคคล รวมถึงเขียนรายงานประเมินผลตามระดับความเข้าใจของนักเรียนแต่ละคน เพื่อให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แม้เทคโนโลยีจะเปิดทางสู่การเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล แต่ครูบางส่วนกังวลว่าอาจกลายเป็นภาระเพิ่มเติม ขณะที่ผู้ปกครองตั้งคำถามว่า AI จะช่วยพัฒนาการเรียนรู้ได้จริงหรือแค่ทำให้เด็กติดหน้าจอมากขึ้น

รัฐจึงตัดสินใจคงการใช้หนังสือกระดาษไว้ในบางวิชา เช่น ภาษาเกาหลีและหน้าที่พลเมือง พร้อมเลื่อนการใช้ AI ในวิชาอื่นออกไปก่อน และเตรียมอบรมครู 160,000 คน รวมถึงส่งติวเตอร์ดิจิทัลกว่า 1,200 คนลงพื้นที่ช่วยโรงเรียนทั่วประเทศ

ซีอีโอ NVIDIA ยอมรับ ‘หัวเว่ย’ ขึ้นแท่นผู้นำชิป AI ชี้เทียบชั้น H200 แถมระบบคลัสเตอร์เหนือกว่าคู่แข่งอเมริกัน

(5 มิ.ย. 68) เจนเซน หวง ซีอีโอของ NVIDIA เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า เทคโนโลยีชิป AI และระบบคลัสเตอร์ของหัวเว่ย (Huawei) มีศักยภาพเทียบเท่ากับ H200 ซึ่งเป็นหนึ่งในชิปประมวลผล AI รุ่นไฮเอนด์ของ NVIDIA โดยถือเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทออกมายอมรับความก้าวหน้าของคู่แข่งรายนี้อย่างชัดเจน

ซีอีโอ NVIDIA ระบุว่าหัวเว่ยมีพัฒนาการที่รวดเร็ว โดยเฉพาะระบบ AI แบบคลัสเตอร์ 'CloudMatrix' ที่ถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่กว่าระบบ 'Grace Blackwell' ของ NVIDIA เสียอีก โดยเวอร์ชันล่าสุด 'CloudMatrix 384' ใช้ชิป AI จำนวน 384 ตัว เชื่อมต่อแบบครบวงจร ส่งผลให้สามารถประมวลผลได้ถึง 300 PFLOPs (BF16) ซึ่งเกือบเป็น 2 เท่าของระบบ GB200 NVL72 ของ NVIDIA

เจนเซน หวง ยังย้ำว่าหัวเว่ยเป็นบริษัทที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป และยอมรับว่าเป็นคู่แข่งที่มีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงอย่างต่อเนื่อง แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขามักใช้ถ้อยคำระมัดระวังในการประเมินศักยภาพของหัวเว่ย

ทั้งนี้ การยอมรับของ NVIDIA สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ที่แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ แต่หัวเว่ยยังสามารถพัฒนาเทคโนโลยี AI ได้อย่างโดดเด่นจนกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในเวทีโลกแล้วในเวลานี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top