Sunday, 20 April 2025
AI

‘ดร.อานนท์’ โพสต์เฟซ!! มหาวิทยาลัยไล่ออก ‘นักศึกษาปริญญาเอก’ เหตุใช้ ChatGPT ทำข้อสอบมาส่ง!! นศ.โต้กลับ Professor ป้อนข้อมูลเอง

(23 มี.ค. 68) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า …

คำพิพากษาจะออกมายังไงหนอ มหาวิทยาลัยไล่นักศึกษาปริญญาเอกออก ถอดวีซ่าด้วย ข้อหาทุจริต เพราะใช้ Generative AI และ Large language model อย่าง ChatGPT ทำข้อสอบมาส่ง

นักศึกษาฟ้องศาล บอกว่ามีหลักฐานว่า professor ป้อนข้อมูลให้ ChatGPT เอง จนออกมาเหมือนคำตอบของเขา ฟ้องกันใหญ่โต 

ท่าทางจะเป็นตำนานเหมือนกันครับ ผมรอฟังคำพิพากษาเลยครับ

มาเลเซียเตรียมล้อมกรอบชิป AI คุมเข้มนำเข้า-ส่งออก หวั่นเทคโนโลยีรั่วไหลสู่จีนตามข้อกังวลของสหรัฐฯ

(24 มี.ค. 68) รัฐบาลมาเลเซียเตรียมเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและควบคุมการนำเข้าและส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่ต้องการจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

รายงานระบุว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า ซาฟรูล อาซิส กล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องให้มาเลเซียติดตามการเคลื่อนตัวของชิป Nvidia ระดับไฮเอนด์ที่เข้ามาในประเทศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความสงสัยว่าชิปจำนวนมากอาจลงเอยที่จีน

“สหรัฐฯ ขอให้เราตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราได้ตรวจสอบการขนส่งทุกครั้งที่มาถึงมาเลเซีย เมื่อเกี่ยวข้องกับชิป Nvidia” อาซิสกล่าวกับหนังสือพิมพ์

ปัจจุบัน มาเลเซียเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก โดยมีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งตั้งฐานการผลิตและประกอบชิปในประเทศ ซึ่งนโยบายใหม่นี้อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมไฮเทคในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมาเลเซียยังคงเดินหน้าสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับมหาอำนาจทั้งสองฝ่าย โดยระบุว่า จะกำหนดมาตรการที่ไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและเศรษฐกิจในประเทศมากเกินไป

ด้าน สหรัฐฯ ได้เพิ่มแรงกดดันต่อประเทศพันธมิตรทั่วโลกให้เข้าร่วมมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ AI และการทหารไปยังจีน โดยก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปขั้นสูงแล้ว

นอกจากนี้ รัฐบาลมาเลเซียกำลังเร่งตรวจสอบว่ามีการละเมิดกฎหมายท้องถิ่นหรือไม่ ในกรณีการขนส่งเซิร์ฟเวอร์ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงมูลค่า 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสิงคโปร์ ท่ามกลางข้อสงสัยว่าเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นอาจมีชิปขั้นสูงที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ

การสืบสวนเกิดขึ้นหลังจากอัยการสิงคโปร์เปิดเผยในศาลเมื่อต้นเดือนมีนาคมว่า บริษัทแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ถูกกล่าวหาว่าจัดหาเซิร์ฟเวอร์จากสหรัฐฯ ให้กับมาเลเซียโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่สื่อในสิงคโปร์รายงานว่าคดีนี้อาจเกี่ยวข้องกับการโอนถ่ายชิป AI ขั้นสูงของ Nvidia ไปยังบริษัทปัญญาประดิษฐ์ของจีน DeepSeek

DeepSeek ตกเป็นเป้าสายตาของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากเปิดตัวโมเดล AI อันทรงพลังเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนในแวดวงเทคโนโลยี ท่ามกลางข้อสงสัยว่าเทคโนโลยีของบริษัทนี้อาจใช้ชิปที่ถูกสหรัฐฯ ควบคุมและจำกัดการส่งออก

ขณะที่ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าสอบสวนกรณีนี้อย่างใกล้ชิด โดยก่อนหน้านี้ วอชิงตันได้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงให้กับจีน เพื่อลดความสามารถของปักกิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ขั้นสูง

ทั้งนี้ การสืบสวนครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างมาเลเซีย สิงคโปร์ จีน และสหรัฐฯ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยี AI ที่กำลังเป็นจุดศูนย์กลางของการแข่งขันระดับโลก

อุตสาหกรรมดิจิทัลจีนพุ่งทะยานในปี 2024 รายได้แตะ 35 ล้านล้านหยวน (ราว 162 ล้านล้านบาท)

(26 มี.ค. 68) อุตสาหกรรมดิจิทัลของจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2024 โดยรายได้และกำไรของอุตสาหกรรมนี้มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ระบุว่า รายได้จากการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมดิจิทัลในปี 2024 ได้แตะระดับ 35 ล้านล้านหยวน (ราว 162 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ในขณะเดียวกัน กำไรรวม ของอุตสาหกรรมดิจิทัลจีนในปีนี้ก็เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.5 โดยมีมูลค่าถึง 2.7 ล้านล้านหยวน (ราว 12 ล้านล้านบาท) นอกจากนี้ มูลค่าเพิ่มของผู้ผลิตรายใหญ่ในกลุ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์สื่อสาร, และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ขยายตัวถึง ร้อยละ 11.8 ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.4 จุด จากปีที่ผ่านมา

ส่วนในภาคซอฟต์แวร์ของจีน ก็ได้รับการขับเคลื่อนจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), แพลตฟอร์มคลาวด์, และธุรกิจรูปแบบใหม่อื่น ๆ ทำให้รายได้รวมในภาคนี้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 โดยมีมูลค่าทั้งสิ้น 13.7 ล้านล้านหยวน (ราว 73 ล้านล้านบาท)

จีนให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อนำไปสู่การยกระดับและปรับปรุงอุตสาหกรรมดั้งเดิมให้ทันสมัยยิ่งขึ้น รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลประจำปี 2025 ระบุว่า จีนจะเร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของภาคการผลิต พร้อมทั้งส่งเสริมการเติบโตของผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงเพิ่มการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยังเดินหน้าผลักดันโครงการ 'เอไอพลัส' (AI Plus) ซึ่งเน้นความร่วมมือในการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับจุดแข็งด้านการผลิตและตลาดภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก

‘ดร.อธิป’ ชี้ การพัฒนา AI ไทยยังตามหลังเพื่อนบ้าน แนะ ต้องกล้าลงทุนปั้นบุคลากร - สร้าง AI ของตนเอง

(28 มี.ค. 68) ดร.อธิป อัศวานันท์ ผู้อำนวยการ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก Atip Asvanund ว่า ประเทศไทยควรพัฒนาทักษะด้าน STEM อย่างเร่งด่วน เพื่อให้อุตสาหกรรมดิจิทัลและ Startup ของพวกเราสามารถมีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยี AI แทนที่จะเป็นการซื้อของคนอื่นมาใช้อย่างเดียว

- คนไทยเพียง 1% (1 คนใน 100 คน) มีทักษะการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ขณะที่มาเลเซียมีถึง 16%

- บัณฑิตไทยเพียง 20% จบการศึกษาในสาขา STEM ขณะที่มาเลเซียมีถึง 50% และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 60%

- ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและเวียดนามจัดสรรงบประมาณภาครัฐสนับสนุนด้านดิจิทัลและ AI เป็นสัดส่วนสำคัญของ GDP ขณะที่จากงบวิจัยของไทย 20,000 ล้านบาท มีเพียง 200 ล้านบาท (1%) ที่จัดสรรให้ด้านดิจิทัลและ AI

อินเดียเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ เมื่อปีที่แล้ว Sam Altman แห่ง OpenAI เคยกล่าวว่าอินเดียไม่สามารถพัฒนา AI ได้เอง แต่เมื่อ DeepSeek ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศกำลังพัฒนาที่มีทุนจำกัดก็สามารถพัฒนา AI ที่แข่งขันได้ อินเดียจึงประกาศนโยบาย AI แห่งชาติเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI ของตนเอง

ความยั่งยืนทางธุรกิจเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าไม่สามารถผลิตสินค้านั้นได้เอง จึงเป็นที่มาของวาทกรรมที่ทำให้เราเชื่อว่าจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยี AI จากประเทศพัฒนาแล้ว แต่เรามักไม่ตระหนักว่า ยิ่งเราใช้และส่งข้อมูลไปประมวลผลบนแพลตฟอร์ม AI ของพวกเขา ระบบเหล่านั้นก็จะยิ่งฉลาดขึ้น ขณะที่โอกาสที่เราจะตามทันกลับลดน้อยลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้เราต้องพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แม้ผมจะเป็นเสียงส่วนน้อย แต่การผลักดันให้ประเทศไทยพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศ

อนาคตแรงงานสั่นคลอน AI แทนที่หมอ-ครูใน 10 ปี เปลี่ยนโลกของการทำงาน และมนุษย์อาจไม่ใช่ตัวเลือกหลักอีกต่อไป

(28 มี.ค. 68) บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์และมหาเศรษฐีนักลงทุนด้านเทคโนโลยี ออกมาเตือนว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจเข้ามาแทนที่อาชีพสำคัญ เช่น แพทย์และครู ภายในระยะเวลาเพียง 10 ปี ส่งผลให้มนุษย์อาจ “ไม่จำเป็น” สำหรับหลายอาชีพที่เคยต้องใช้แรงงานคน

เกตส์ชี้ว่า การพัฒนา AI กำลังเข้าสู่จุดที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ วินิจฉัยโรค แนะนำวิธีรักษา ได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องพึ่งพาแพทย์มนุษย์ เช่น AI ช่วยอ่านผลเอกซเรย์, วิเคราะห์อาการของผู้ป่วย, และให้คำแนะนำด้านต่าง ๆ

ส่วนในวงการศึกษา AI อาจทำหน้าที่เป็นครูผู้สอน ที่สามารถปรับหลักสูตรให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละคนแบบเรียลไทม์ ทำให้บทบาทของครูเปลี่ยนไปจากการเป็นผู้สอน เป็นเพียงผู้ดูแลและให้คำแนะนำแทน

นอกจากนี้ เกตส์ระบุอีกว่า แม้ AI จะสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ในหลายด้าน แต่จะยังไม่สามารถแทนที่ทุกอาชีพได้ทั้งหมด โดยเฉพาะงานที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจเชิงศีลธรรม และการมีปฏิสัมพันธ์ทางอารมณ์

อย่างไรก็ตาม อาชีพที่เกี่ยวข้องกับงานเอกสาร งานวิเคราะห์ข้อมูล หรืองานที่ใช้ตรรกะ มีโอกาสสูงที่จะถูก AI เข้ามาแทนที่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน และต้องมีการปรับตัวอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ เกตส์ยอมรับว่า AI เป็นดาบสองคม หากใช้ในทางที่ถูกต้อง มันสามารถช่วยให้มนุษย์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น เข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่แม่นยำขึ้น ลดภาระครู เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้ทั่วถึง แต่ถ้าไม่เตรียมตัวรับมือ AI อาจสร้างปัญหาด้านการว่างงาน และเพิ่มช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างกลุ่มที่ปรับตัวได้กับกลุ่มที่ปรับตัวไม่ได้

“โลกต้องเตรียมรับมือกับยุคที่ AI จะเปลี่ยนโฉมทุกอุตสาหกรรม” เกตส์กล่าว พร้อมแนะนำให้ภาครัฐและภาคธุรกิจ ปรับปรุงระบบการศึกษา และพัฒนาทักษะแรงงานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

แม้ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเชื่อว่า มนุษย์ยังคงมีจุดแข็งที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจเชิงจริยธรรม และปฏิสัมพันธ์ทางอารมณ์

อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญคือโลกต้องปรับตัวให้ทันกับ AI และหาทางใช้มันเป็นเครื่องมือช่วยพัฒนาอุตสาหกรรม แทนที่จะมองว่าเป็นภัยคุกคาม ซึ่งคำเตือนของบิล เกตส์ ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการเทคโนโลยีและตลาดแรงงานทั่วโลก หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่า มนุษย์จะยังคงมีบทบาทสำคัญในโลกอนาคต หรือ AI จะเป็นผู้ควบคุมแทน

สื่อดังเผยญี่ปุ่นเตรียมร่วงจาก 10 อันดับแรก GDP โลก ต่ำกว่า เกาหลีใต้ และรัสเซีย รายได้ต่อหัวลดลงเป็นประเทศรายได้กลางใน 50 ปี

(28 มี.ค. 68) สื่อเศรษฐกิจชื่อดังของญี่ปุ่น Nikkei ได้เผยรายงานจาก ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ เมื่อวานนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ไม่สดใสของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในอนาคต โดยคาดการณ์ว่า ในอีก 50 ปีข้างหน้า รายได้ต่อหัวของคนญี่ปุ่นจะร่วงลงอย่างรวดเร็วจนทำให้ประเทศตกไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่มี รายได้ปานกลาง

รายงานระบุอีกว่า GDP รวมของประเทศญี่ปุ่น จะลดลงอย่างรวดเร็วและ หลุดจาก 10 อันดับแรกของโลก ในอีก 50 ปีข้างหน้า คาดว่า GDP ที่แท้จริงโดยรวมของญี่ปุ่น จะลดลงจากอันดับที่ 4 ในปี 2024 (3.5 ล้านล้านดอลลาร์) ไปอยู่อันดับที่ 11 ในปี 2075 (4.4 ล้านล้านดอลลาร์) แม้ว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ แต่คาดว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยในช่วงปี 2071–2075 จะอยู่ที่เพียง 0.3% เท่านั้น

และจะตกจาก อันดับที่ 29 ปัจจุบัน ไปยัง อันดับที่ 45 หมายความว่าญี่ปุ่นจะตกต่ำกว่า เกาหลีใต้และรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งของประเทศอย่างรุนแรง

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจได้ชี้ให้เห็นว่า การขาดความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยี AI เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นไม่สามารถตามทันประเทศอื่นๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจขาดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

นอกจากนี้ การลดลงของประชากร โดยเฉพาะกลุ่มประชากรที่มีอายุสูงขึ้นและขาดแรงงานรุ่นใหม่ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นจะต้องเผชิญกับปัญหาของการขาดแคลนแรงงานและความยากลำบากในการรักษาฐานการผลิตในประเทศ

ผลการวิจัยนี้เตือนให้ญี่ปุ่นต้องเตรียมตัวรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยการไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยี AI และการลดลงของประชากร อาจนำไปสู่การลดลงของการผลิตและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการเสียสมดุลในระบบเศรษฐกิจของประเทศ

สิ่งที่น่ากังวลคือ ความสามารถในการแข่งขันของญี่ปุ่นในระดับโลก ที่จะลดลงตามลำดับ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนจากต่างชาติ การจ้างงาน และการสร้างความมั่งคั่งในประเทศในระยะยาว

แม้จะมีการทำนายสถานการณ์เศรษฐกิจที่น่าเป็นห่วง แต่รายงานยังระบุว่า ญี่ปุ่นยังคงมีโอกาสในการปรับตัว โดยการลงทุนในนวัตกรรม AI และการพัฒนานโยบายการขยายฐานแรงงาน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาด้านการผลิตและการจัดการทรัพยากรของประเทศ

อย่างไรก็ตาม หากญี่ปุ่นไม่สามารถปรับตัวได้ทันเวลา อาจทำให้ประเทศเผชิญกับการถดถอยทางเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาวที่ยากจะกลับตัวได้

ตำรวจภูธรภาค 2 ล้ำต่อเนื่อง ใช้ AI – โดรน ตรึงพัทยา – บางแสน รักษาความปลอดภัยสูงสุด สงกรานต์ 2568

ตำรวจภูธรภาค 2 อัปเลเวลความเข้ม กวดขัน เมาขับ - ขับซิ่ง ระดมกำลังดูแลประชาชน นักท่องเที่ยว หลั่งไหลเที่ยวสงกรานต์ 2568 ภาคตะวันออก สร้างความมั่นใจวันไหลบางแสน – พัทยา ปลอดภัยสูงสุด ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำ  AI – โดรน - เสาแจ้งเหตุ ตรึง CCTV หลายพันตัว ซีลพื้นที่ ย้ำความอุ่นใจ เหตุด่วนให้นึกถึงตำรวจ “ที่แรก” โทร.191

เมื่อวันที่ (11 เม.ย.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (10 เมษายน 2568) ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ และ พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ระยอง ตราด ฉะเชิงเทรา สระแก้ว นครนายก ปราจีนบุรี และ จันทบุรี ขับเคลื่อนมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยมีผู้กำกับการสถานีตำรวจทุกแห่งในพื้นที่ ภ.2 ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับให้ตำรวจทั่วประเทศดำเนินการตามมาตรการเข้ม 5 ด้าน ประกอบด้วย มาตรการด้านการข่าว และการป้องกันเหตุ มาตรการการรักษาความปลอดภัยพื้นที่จัดงาน มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มาตรการด้านการจราจรและมาตรการประชาสัมพันธ์ ดังนั้นในส่วนของตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเป็นปลายทางสำคัญระดับโลก เป็นที่นิยมของคนไทย และนักท่องเที่ยว อีกทั้งมีประชากรหลัก และประชากรแฝง แรงงาน จำนวนมาก คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีผู้คนเดินทางออกจากพื้นที่เพื่อกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเดินทางมาเที่ยวในช่วงสงกรานต์ โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีที่เป็นพื้นที่จัดงานสงกรานต์ขนาดใหญ่ถึง 6 แห่ง  จึงกำชับให้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยว เน้นการสร้างความอุ่นใจ และดูแลให้บริการ 

ผบช.ภ.2 กล่าวว่า เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ภ.2 ดูแลพี่น้องประชาชนผ่าน 4 มาตรการ คือ 1.เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา ทั้งในพื้นที่จัดงานสงกรานต์ สถานีขนส่ง และเส้นทางคมนาคมสำคัญ 2.บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการละเลยการปฏิบัติตามกฎหมายอันเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ เช่น ดื่มสุราแล้วขับรถ การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน 3.บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 4.ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงมาตรการต่าง ๆ และขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวด้วยว่า ให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ ในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญระดับประเทศ ระดับโลก รวมถึงเที่ยวเทศกาลวันไหลที่บางแสน ในวันที่ 16 – 17 เมษายน และวันไหลพัทยาในวันที่ 19 เมษายน ตำรวจภูธรภาค 2 ระดมกำลังตำรวจท้องที่ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.2 ร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่เทศกิจเมืองพัทยาและเทศบาลเมืองแสนสุข ประสานกำลังกัน พร้อมสนับสนุนใช้เทคโนโลยีในการป้องกันอาชญากรรม และสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยทุกมิติ เช่น อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน กล้อง AI  เสาแจ้งเหตุอัจฉริยะ

รวมถึงระบบบริหารจัดการพื้นที่คัดแยก คัดกรองบุคคล วัตถุสุ่มเสี่ยงอันตรายไม่ให้เข้าพื้นที่ โดยการันตี บางแสน พัทยา ปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ งานวันไหลบูรณาการกำลังทุกส่วนร่วม 800 นาย ปูพรมกล้อง CCTV กว่า 5,000 ตัว

“ขอให้ประชาชนมั่นใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมงานจากทุกหน่วย เราจะดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้อย่างเต็มความสามารถ สร้างความอุ่นใจให้ประชาชน และยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน ขอให้ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ หากใครเดินทางไม่มีคนอยู่บ้านก็ฝากบ้านไว้กับตำรวจ ในช่วงที่เดินทาง หรือท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคตะวันออก มีเหตุด่วน ต้องการความช่วยเหลือ ขอให้นึกถึงตำรวจเป็นที่แรก โดยสามารถโทรสายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมดูแลทุกท่านด้วยความจริงใจ” ผบช.ภ.2 กล่าว

ทีมนักวิจัย มจธ. พัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบ ช่วยกายภาพบำบัด ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผสาน!! ‘เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ - เกม’ เข้าไว้ด้วยกัน ฟื้นฟูร่างกายแม่นยำ สนุก

(12 เม.ย. 68) ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติและหน่วยงานด้านประชากรศาสตร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2583 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 32% ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งนำมาสู่การเพิ่มขึ้นของโรคเรื้อรังและภาวะเสื่อมของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS - Amyotrophic Lateral Sclerosis) และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงไมแอสทีเนียเกรวิส (MG - Myasthenia Gravis) ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในที่สุด

การกายภาพบำบัดจึงเป็นส่วนสำคัญในการดูแลผู้ป่วย เพื่อยืดอายุการทำงานของกล้ามเนื้อและรักษาคุณภาพชีวิต อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำนวนมากไม่สามารถทำกายภาพได้ต่อเนื่อง เนื่องจากข้อจำกัดด้านร่างกาย สภาพจิตใจ และความเบื่อหน่ายต่อวิธีการเดิม ส่งผลให้ประสิทธิภาพการฟื้นฟูลดลงอย่างมาก

เพื่อแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว ดร.ปฏิยุทธ พรามแก้ว หัวหน้าโครงการ อาจารย์จากโครงการร่วมบริหารหลักสูตรฯ (มีเดีย) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ฐิตาภรณ์ กนกรัตน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มหศักดิ์ เกตุฉ่ำ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ชูเมือง มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และ ดร.วรวุทธิ์ ยิ้มแย้ม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนา “หุ่นยนต์ต้นแบบช่วยกายภาพบำบัดผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขาโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และเกม” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ต้นแบบที่สามารถใช้งานได้จริงในบริบทของผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขา พร้อมระบบเกมที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการกระตุ้นการขยับร่างกายผ่านเกมที่มีเป้าหมายชัดเจน โดยได้รับความร่วมมือจากแพทย์และบุคลากรในโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ที่นำข้อมูลเชิงลึกและความต้องการของผู้ป่วยมาเป็นโจทย์ในการพัฒนางานวิจัย

“หุ่นยนต์ต้นแบบนี้ประกอบด้วยสององค์ประกอบหลัก ได้แก่ อุปกรณ์กายภาพบำบัดที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดยสามารถปรับน้ำหนัก แรงต้าน และตำแหน่งให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย และระบบเกมแบบจำลองสถานการณ์ (Simulation Game) ที่ใช้การขยับกล้ามเนื้อขาเพื่อควบคุมการดำเนินภารกิจในเกม ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเหมาะสมกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ เช่น ขนาดตัวอักษร หน้าจอแสดงผล รูปแบบการโต้ตอบ การวางปุ่ม และระบบให้คะแนนที่ชัดเจนเพื่อให้เห็นพัฒนาการของผู้ใช้งาน ผสานกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการติดตาม วิเคราะห์ และปรับระดับความยากง่ายของกิจกรรมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานจริงของผู้ป่วยแต่ละคน ที่ช่วยให้การฝึกมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถประเมินผลได้แม่นยำขึ้น” ดร.ปฏิยุทธ กล่าวถึงหลักการการทำงานของหุ่นยนต์ต้นแบบ

ผศ.ดร. ฐิตาภรณ์ กล่าวเสริมว่า การพัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบดังกล่าวไม่เพียงสร้างผลลัพธ์ทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบเชิงสังคมและอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ การนำไปประยุกต์ใช้ในโรงพยาบาล ศูนย์ฟื้นฟู ชุมชนผู้สูงอายุ รวมถึงการใช้งานภายในครัวเรือน ที่ช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีฟื้นฟูสุขภาพอย่างทั่วถึง เพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการฟื้นฟูที่มีคุณภาพ ลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ในระยะยาว และส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูง

ผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น รางวัลประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ ประจำปี 2568 โดยถือเป็นหนึ่งในโครงการวิจัยที่สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับโจทย์ทางสุขภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอด และตอบสนองต่อนโยบายด้านสาธารณสุขในสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในระยะต่อไป ทีมวิจัยมีแผนที่จะพัฒนาอุปกรณ์และระบบเกมให้สามารถปรับใช้กับผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ เช่น ผู้ที่มีภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัดที่ต้องการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว โดยจะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเร่งการผลิตต้นแบบให้สามารถใช้จริงได้ในวงกว้าง

“หัวใจสำคัญของงานวิจัยตัวนี้คือ การทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเขาดูแลชีวิตของตัวเองได้ เราใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเสริมทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งด้วยความต้องการของตัวเอง” ดร.ปฏิยุทธกล่าวปิดท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top