Sunday, 8 June 2025
รัสเซีย

‘ปูติน’ ต้อนรับ 'พลเมืองรัสเซีย' ที่ถูกปล่อยตัว หลังบรรลุ ‘ดีล’ แลกนักโทษ กับชาติตะวันตก

เมื่อวานนี้ (2 ส.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ ประธานาธิบดีรัสเซีย เดินทางไปต้อนรับพลเมืองรัสเซียหลายคนที่ได้รับการปล่อยตัวภายใต้ข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษกับประเทศตะวันตก 

เที่ยวบินพิเศษที่ขนส่งชาวรัสเซียกลุ่มนี้ลงจอดที่ท่าอากาศยานวนูโคโว-2 ในกรุงมอสโก โดยมีการปูพรมแดงและมีกองทหารเกียรติยศจากหน่วยทหารพิเศษของประธานาธิบดีรัสเซียรอต้อนรับ ขณะที่ปูตินได้จับมือและกอดทักทายผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวแต่ละคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘วาดิม คราซิคอฟ’ ที่ได้รับการปล่อยตัวจากเยอรมนี

อังเดร เบลูซอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอเล็กซานเดอร์ บอร์ตนิคอฟ ผู้อำนวยการหน่วยความมั่นคงกลางของรัสเซีย ได้มาร่วมต้อนรับชาวรัสเซียที่เดินทางกลับมาด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ปูตินได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อความภักดีของชาวรัสเซียกลุ่มดังกล่าว และแสดงความยินดีกับพวกเขาที่ได้เดินทางกลับรัสเซีย

ตามส่องอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัสเซีย จากงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ‘Army-2024’

สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน อันเนื่องมาจากความพยายามของยูเครนต้องการเป็นสมาชิกขององค์การ NATO ซึ่งรัสเซียถือว่าเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ และได้แจ้งเตือนยูเครนแล้วหลายครั้งหลายหน แต่ยูเครนเพิกเฉยและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้าเป็นสมาชิกขององค์การ NATO ให้ได้ ดังนั้นรัสเซียจึงเปิดฉากโจมตียูเครนเพื่อไม่ให้สิ่งที่รัสเซียเห็นว่าเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศตนเกิดขึ้นได้

แม้ว่า รัสเซียจะมีกำลังทหารตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์มากมายชนิดที่ยูเครนไม่สามารถเทียบได้ แต่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนได้กลายเป็นสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนซึ่งเป็นตัวแทนโดยพฤตินัยขององค์การ NATO (Proxy war) ไปแล้ว ด้วยยูเครนได้รับการสนับสนุนทางการเงิน ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ จากองค์การ NATO มากมาย ชนิดที่เรียกว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ในคลังสำรองของหลาย ๆ ประเทศสมาชิก NATO แทบจะเกลี้ยงคลังเลยทีเดียว เช่นเดียวกับเงินสนับสนุนจนกระทั่ง Donald Trump ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึงกับประกาศว่า เขาจะไม่สนับสนุนทางการเงินแก่ยูเครนต่อไป ถ้าหากเขาชนะการเลือกตั้ง

เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุสำคัญที่รัสเซียยังไม่สามารถพิชิตยูเครนได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่การที่รัสเซียยังคงปฏิบัติการรบในยูเครนต่อไปได้ทั้ง ๆ ที่ยูเครนได้รับการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์และทรัพยากรต่าง ๆ จำนวนมหาศาลจากหลาย ๆ ชาติสมาชิก NATO ขณะที่รัสเซียเองก็ยังถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ และพันธมิตร ด้วยเพราะรัสเซียมี ‘ศักย์สงคราม’ ที่มีความแข็งแกร่ง นับต่อเนื่องมาตั้งแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 

'ศักย์สงคราม' ได้แก่ขีดความสามารถที่จะผลิตกำลังรบเพิ่ม ผลิตอำนาจการรบเพิ่ม โดยองค์ประกอบของศักย์สงครามอาจแบ่งออกเป็น 4 องค์ประกอบ คือ 1) กำลังอำนาจทางเศรษฐกิจ 2) กำลังอำนาจทางการเมือง 3) ขวัญและกำลังใจเมื่อเกิดการสู้รบขึ้น และ 4) การสนับสนุนจากพันธมิตร 

นอกจากองค์ประกอบที่กล่าวมาแล้ว ยังรายละเอียดของเงื่อนไขปัจจัยดังนี้ (1) ขนาด ที่ตั้ง และลักษณะของประเทศ (2) จำนวน อายุ ลักษณะประชากร ขีดความสามารถทางแรงงานและขวัญของพลเมือง (3) จำนวนและชนิดของอาหารและวัตถุดิบ จำนวนสำรองของวัตถุดิบรวมทั้งขีดความสามารถที่จะนำเข้ามาทั้งยามสงบและยามสงคราม (4) ขีดความสามารถทางอุตสาหกรรม (5) ขีดความสามารถในด้าน Logistics (6) ทรัพยากรด้านวัตถุและกำลังคนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ (7) คุณภาพของผู้นำและผู้บริหารของชาติรวมทั้งขีดความสามารถในการระดมสรรพกำลังด้วย 

ศักย์สงครามของรัสเซียนั้น นอกจากสงครามกับยูเครนแล้ว ยังบ่งบอกด้วยขีดความสามารถของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศอีกด้วย โดยรัสเซียเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่เป็นอันดับสามของโลก (รองจากสหรัฐฯ อันดับหนึ่ง และฝรั่งเศสอันดับสอง) คิดเป็น 11% ของยอดขายอาวุธทั่วโลกในปี 2019-23 (ฐานข้อมูลการขนย้ายอาวุธของ SIPRI มีนาคม 2024) โดยบริษัทผลิตและส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียล้วนแล้วแต่เป็นรัฐวิสาหกิจ อาทิ Rosoboronexport, Almaz-Antey และ United Shipbuilding Corporation ซึ่งเป็นบริษัทหลักที่ถือครองส่วนแบ่งอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัสเซีย ซึ่งมีประเทศผู้นำเข้าอาวุธจากรัสเซียสามอันดับแรกคือ อินเดีย (34%) จีน (21%) และอียิปต์ (7.5%)

การส่งออกอาวุธของรัสเซียลดลง 53% ตั้งแต่ปี 2014-18 ถึงปี 2019-23 สาเหตุหลักของการลดลงอย่างรวดเร็วนี้คือสงครามที่ยังคงดำเนินอยู่ระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดย Rosoboronexport (บริษัทลูกของ Rostec State Corporation) เป็นวิสาหกิจทำหน้าที่ตัวกลางที่ควบคุมโดยรัฐเพียงแห่งเดียวของรัสเซียในการส่งออกและนําเข้าผลิตภัณฑ์อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมด รวมทั้งเทคโนโลยีและการบริการ มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการดําเนินนโยบายระดับชาติของสหพันธรัฐรัสเซียในด้านความร่วมมือทางเทคนิคทางทหารกับต่างประเทศ สถานะอย่างเป็นทางการของผู้ส่งออกพิเศษที่ควบคุมโดยรัฐแต่เพียงผู้เดียวทําให้ Rosoboronexport มีโอกาสพิเศษในการขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในระยะยาวกับพันธมิตรระหว่างประเทศ ในการเสริมสร้างความเป็นผู้นําของรัสเซียในตลาดอาวุธของโลก

โดยกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่ง Rosoboronexport ให้การสนับสนุนเป็นการดําเนินโครงการขนาดใหญ่ที่มุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงขีดความสามารถในการป้องกันของประเทศคู่ค้า และมีส่วนร่วมในการพัฒนาเชิงนวัตกรรมที่ครอบคลุมขององค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ของรัสเซีย การดําเนินงานของ Rosoboronexport อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดย ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย รัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย สำนักงานบริการความร่วมมือทางทหาร หน่วยงานเทคนิคของรัฐบาลกลาง Rostec State Corporation และดําเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศและบทบัญญัติของกฎบัตรสหประชาชาติ ข้อผูกพันระหว่างประเทศในด้านการควบคุมการส่งออกอาวุธที่สหพันธรัฐรัสเซียยอมรับ และจำหน่ายเฉพาะหน่วยงานป้องกันประเทศและการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องและเป็นทางการของประเทศคู่ค้าเท่านั้นจึงจะสามารถเป็นผู้ซื้อปลายทางของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ Rosoboronexport จัดจำหน่าย

ปี 2024 นี้ สหพันธรัฐรัสเซียได้จัดงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ‘Army-2024’ ระหว่างวันที่ 12-14 สิงหาคม 2024 ณ Patriot Expo (Moscow Region), ฐานทัพอากาศ Kubinka และ สนามฝึกทางทหาร Alabino แม้งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ดังกล่าวจะใช้คำว่า ‘Army-2024’ แต่เป็นการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกมิติทั้ง บก-เรือ-อากาศ โดยสำนักข่าว THE STATES TIMES เป็นสื่อไทยรายเดียวที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมชมงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ‘Army-2024’ ในครั้งนี้ ซึ่ง ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล จะได้นำเสนอข้อมูลข่าวสารของงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ‘Army-2024’ ตลอดจนเรื่องราวของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัสเซียให้กับท่านผู้อ่านทาง THE STATES TIMES ต่อไป

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ชี้!! โลกตกอยู่ในอันตราย หลัง ‘ปูติน’ โต้ ‘ยูเครน’ เหตุโดนทหารบุกแคว้นคูสค์ จนต้องอพยพประชาชนเกือบแสนคน

(13 ส.ค. 67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง โลกตกอยู่ในอันตราย มีรายละเอียดดังนี้

“เมื่อวานนี้ ปูตินแถลงหลังจากการประชุมฝ่ายความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์ที่ยูเครนส่งทหารบุกเข้าไปในแคว้นคูสค์ของ 10 กิโลเมตร รัสเซียต้องอพยพคนออกจากพื้นที่สู้รบเกือบแสนคน เพื่อลดการสูญเสีย ถูกกระตุกหนวดเสือ

ก่อนหน้านี้ รัสเซียได้เผยแพร่ภาพหอหล่อเย็นของ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองซาโปโรซี Zaporozhye ที่ได้รับความเสียหายไฟไหม้จากการโจมตีของฝ่ายยูเครน หากจัดการไม่ได้อาจเกิดโศกนาฏกรรมแบบ เชอโนบิล

ปูตินประกาศ ว่า

1.ยกเลิกการเจรจาเพื่อแสวงหาสันติภาพทั้งหมด
2.นาโตต้องการทำสงครามโลกครั้งที่สามกับรัสเซีย
3.ให้ทำลายยูเครนด้วยทหารและอาวุธ

รอติดตามว่า รัสเซียจะตอบโต้หนักหน่วงเพียงใด และการสู้รบจะลุกลามขยายตัวเพียงใด”

เปิดเรื่องราว ‘Leo Tolstoy’ นักประพันธ์เอกของโลกชาวรัสเซีย เจ้าของผลงานชิ้นเอก ‘สงครามและสันติภาพ’ และ ‘แอนนา คาเรนินา’

ผู้เขียนมีโอกาสไปรัสเซียเพื่อชมงานนิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ Army-2024 ตามคำเชิญของบริษัท Rosoboronexport หลังจากเสร็จภารกิจชมงานนิทรรศการฯ แล้ว บริษัทฯ ได้จัดโปรแกรมวัฒนธรรม โดยจัดทริปเดินทางจากกรุงมอสโคว์ไปยังเมืองทูลา (Tula) ซึ่งอยู่ทางใต้ราว 200 กิโลเมตร (120 ไมล์) ใช้เวลา 3 ชม. เพื่อเยี่ยมชมบ้านพักของ ‘Leo Tolstoy’ นักประพันธ์เอกชาวรัสเซีย ณ พิพิธภัณฑ์ Yasnaya Polyana ซึ่งเป็นบ้านพิพิธภัณฑ์ของนักเขียนผู้นี้ และอยู่ห่างจากตัวเมือง Tula ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 12 กิโลเมตร (7.5 ไมล์)

Leo Tolstoy (9 กันยายน 1828 - 7 พฤศจิกายน 1910) นักประพันธ์เอกชาวรัสเซีย เกิดในครอบครัวขุนนางชั้นสูงของจักรวรรดิรัสเซีย ในเมือง Tula ทางตอนกลางของรัสเซีย โดยเขาเป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้อง 5 คนของท่านเคาท์ Nikolai Ilyich Tolstoy ทหารผ่านศึกในสงครามรักชาติในปี 1812 และเจ้าหญิง Mariya Tolstaya มารดาเสียชีวิตตอนที่เขามีอายุเพียง 2 ขวบ ส่วนบิดาเสียชีวิตตอนที่เขาอายุได้ 9 ขวบ หลังจากบิดาเสียชีวิต ป้าของเขาได้ทำหน้าที่เลี้ยงดูแทน เขาถูกส่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัยคาซาน (Kazan University) ด้านกฎหมายและภาษาตะวันออก (Laws & Turco-Arabic Literature) เมื่ออายุ 16 ปี แต่เรียนไม่จบ โดยอาจารย์ผู้สอนบรรยายว่า Tolstoy ‘ทั้งไม่สามารถและไม่เต็มใจที่จะเรียนรู้’ เขากลับไปที่บ้านเกิด Yasnaya Polyana จากนั้นใช้เวลาส่วนใหญ่วนเวียนในกรุงมอสโก เมืองตูลา และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยมีวิถีชีวิตที่สบาย ๆ และเขาได้เริ่มเขียนในช่วงเวลานี้ อันได้แก่นวนิยายเรื่องแรกของเขาเรื่อง Childhood ซึ่งเป็นเรื่องราวสมมติเกี่ยวกับชีวิตวัยเยาว์ของตัวเขาเอง และตีพิมพ์ในปี 1852

Leo Tolstoy ขณะเป็นทหาร

ในปี 1851 นั้นเอง Tolstoy ก็เข้าเป็นนายทหารของกองทัพรัสเซียในช่วงสงครามไครเมียจนได้รับยศเป็นร้อยโท ภายหลังออกจากกองทัพแล้ว Tolstoy ได้เดินทางท่องยุโรปสองครั้งในปี 1857 และ 1860-61 ระหว่างการเยือนยุโรปของเขาในปี 1857 เขาได้เห็นการประหารชีวิตในที่สาธารณะกลางกรุงปารีส ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจจนตลอดช่วงเวลาที่เหลือของชีวิตของเขา ในจดหมายถึง Vasily Botkin เพื่อนของเขา เขาได้เขียนว่า “ความจริงก็คือรัฐเป็นการสมรู้ร่วมคิดที่ออกแบบมาไม่เพียงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการทุจริตต่อพลเมืองของตน ... ต่อจากนี้ไป ฉันจะไม่รับใช้รัฐบาลใด ๆ อีกเลย” 

แนวคิดของการไม่ใช้ความรุนแรง หรือ ‘อหิงสา’ (Ahimsa) ของ Tolstoy ได้รับอิทธิพลจากการอ่าน ‘ติรุวัฬฬุวรร’ (Tirukkuṟaḷ) ซึ่งเป็นหนังสือรวมงานเขียนด้วยประโยคคู่ (Couplets) เกี่ยวกับจริยศาสตร์, การเมือง, เศรษฐกิจ และความรัก ฉบับภาษาเยอรมัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่างานเขียนชุดนี้โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบมากในบรรดาวรรณกรรมทมิฬ (ของอินเดีย) และต่อมาเขาได้ปลูกฝังแนวคิดนี้ให้กับ ‘มหาตมะ คานธี’ (Mahatma Gandhi) ผ่านงานเขียนที่ชื่อว่า ‘จดหมายถึงชาวฮินดู’ (A Letter to a Hindu) เมื่อ ‘มหาตมะ คานธี’ ในวัยหนุ่มได้ติดต่อกับเขาเพื่อขอคำแนะนำต่าง ๆ

ปี 1862 Tolstoy แต่งงานกับ Sonya Andreyevna Behrs ซึ่งอายุน้อยกว่าเขา 13 ปี พวกเขามีลูกชายหญิงด้วยกัน 13 คน โดย 8 คนรอดชีวิตจากวัยเด็ก ภรรยาของเขาได้ทำหน้าที่ช่วยเหลืองานของ Tolstoy ตลอดมา และปี 1865 Tolstoy เขาก็ตีพิมพ์ผลงานชิ้นเอกของเขา ‘War and Peace’ มหากาพย์ของสงครามรัสเซียช่วงก่อนและภายหลังการบุกของนโปเลียน ต่อมาปี 1877 เขาก็ได้ตีพิมพ์งานชิ้นเอกอีกเล่ม คือ ‘Anna Karenina’ ซึ่งเป็นนวนิยายแนวโศกนาฏกรรมโรแมนติกของหญิงสาวผู้หนึ่ง นิยายชิ้นเอกของเขาได้แก่ สงครามและสันติภาพ (War & Peace), แอนนา คาเรนินา (Anna Karenina), คนกับนาย (Master And Man), ความตายของอีวาน อิลลิช (The Death of Ivan Ilyich) และ ศิลปะคืออะไร? (What is art?) เป็นต้น Tolstoy เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 1910 ขณะอายุได้ 82 ปี (ข้อมูลส่วนใหญ่ระบุว่า Tolstoy เสียชีวิตในวันที่ 20 พฤศจิกายน 1910 แต่ผู้นำชมบ้านพิพิธภัณฑ์ของนักเขียนผู้นี้ยืนยันว่าเป็นวันที่ 7 พฤศจิกายน เวลา 06.05 น.) ศพของเขาได้รับการฝังอย่างเรียบง่ายภายในอาณาบริเวณที่ดินของครอบครัว Tolstoy นั่นเอง

ทางเข้าอาณาบริเวณ Yasnaya Polyana

บ้านพักของ Leo Tolstoy ที่เขาพักอาศัยจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ด้านหลังบ้านพักของ Leo Tolstoy

สวนไม้ดอกไม้ประดับรายทางในอาณาบริเวณ Yasnaya Polyana

สวนไม้ดอกไม้ประดับรายทาง

สวนไม้ดอกไม้ประดับรายทาง

Log cabin ในอาณาบริเวณ Yasnaya Polyana

คฤหาสน์หลักของตระกูล Tolstoy

บึงน้ำในอาณาบริเวณ Yasnaya Polyana

ทางเดินซึ่งมีต้นไม้สองข้างทางอันร่มรื่นในอาณาบริเวณ Yasnaya Polyana

อย่างไรก็ตาม บ้านพิพิธภัณฑ์ Yasnaya Polyana เป็นบ้านเดิมและบ้านเกิดของ Leo Tolstoy ซึ่งเขาได้พักอาศัยระหว่างการเขียนยอดนิยายชิ้นเอกของเขาทั้ง ‘สงครามและสันติภาพ’ และ ‘แอนนาคาเรนินา’ Tolstoy เรียก Yasnaya Polyana ว่าเป็น ‘ฐานที่มั่นทางวรรณกรรมที่ไม่สามารถเข้าถึงได้’ ในเดือนมิถุนายน 1911 ที่ดินดังกล่าวถูกโอนเป็นของรัฐ และกลายเป็นอนุสรณ์แห่งรัฐและเขตอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างเป็นทางการ ภายในบ้านพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวประกอบด้วยของใช้ส่วนตัวของ Tolstoy อาณาบริเวณที่ดินของครอบครัว Tolstoy มีห้องสมุดซึ่งมีหนังสือจำนวน 22,000 เล่ม อาคารซึ่งเคยเป็นโรงเรียนที่เขาก่อตั้งเพื่อเด็ก ๆ ลูกชาวนา โรงเลี้ยงม้า สวนดอกไม้ หมู่ต้นไม้ที่ร่มรื่น และบึงน้ำ

หลุมศพที่สุดแสนจะเรียบง่ายของ Leo Tolstoy

ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต Tolstoy ได้ประกาศถึงสถานที่ซึ่งเขาต้องการให้ฝังศพของเขา ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ‘สถานที่แห่งไม้กายสิทธิ์สีเขียว’ อันเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ป่าแห่งระเบียบเก่า’ ด้วยการตัดต้นไม้ในพื้นที่นั่นเป็นสิ่งต้องห้ามมาตั้งแต่สมัยปู่ของ Tolstoy และต้นไม้หลายต้นที่นั่นมีอายุมากกว่าร้อยปี โดย Nikolai และ Tolstoy น้องชายมักจะมาพูดคุยกันตรงนี้เสมอ Nikolai พี่ชายของเขาเป็นผู้ตั้งชื่อ 'สถานที่แห่งไม้กายสิทธิ์สีเขียว' ซึ่งหมายความว่า ‘บุคคลที่พบไม้กายสิทธิ์ที่นั่นจะไม่มีวันตายหรือเจ็บป่วย’

บ้านพิพิธภัณฑ์ Ernest Hemingway เมือง Key Wes มลรัฐ Florida สหรัฐอเมริกา

ประเทศต่าง ๆ มักจะมีการนำเอาบ้านพักหรือสถานที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือมีความสำคัญในอดีตมาจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชม ถือเป็นการส่งเสริมพลังละมุน (Soft power) ของชาติที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้ชื่อเสียงเรื่องราวของบุคคลสำคัญผู้นั้นไม่สูญหายจากไปตามกาลเวลา แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาก็มีบ้านพิพิธภัณฑ์เช่นนี้หลายแห่ง ซึ่งแห่งหนึ่งที่ผู้เขียนเคยไปเยี่ยมชมคือ บ้านพิพิธภัณฑ์ Ernest Hemingway เมือง Key West มลรัฐ Florida สหรัฐอเมริกา Ernest Hemingway นักประพันธ์ นักเขียนเรื่องสั้น และนักข่าวชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งได้รับรางวัล Noble สาขาวรรณกรรมในปี 1954 จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีหญิงท่านนี้ซึ่งพยายามขับเคลื่อนพลังละมุน (Soft power) ของประเทศจะได้มีวิธีคิดในการส่งเสริมและขับเคลื่อนกิจกรรมด้านนี้อย่างมีทิศทางและเป้าหมายที่ถูกต้องและชัดเจนต่อไป
 

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#1 ความก้าวหน้าด้านอาวุธที่ถูกปิดกั้นจากสื่อตะวันตก

(3 ก.ย. 67) บริษัท ROSOBORONEXPORT รัฐวิสาหกิจ ผู้นำเข้า-ส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์แต่เพียงผู้เดียวของสหพันธรัฐรัสเซีย ได้เชิญผู้เขียนในฐานะสื่อมวลชนจากสำนักข่าว THE STATES TIMES ไปเยี่ยมชมงานนิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ARMY-2024 (12-14 สิงหาคม พ.ศ. 2567) รวม 3 วัน จึงขอนำเรื่องราวและประสบการณ์มาบอกเล่าให้ท่านผู้อ่าน THE STATES TIMES ได้ทราบพอสังเขปดังนี้...

มหาวิหารหลักของกองทัพรัสเซีย (Cathedral of the Resurrection of Chris) ณ Patriot Park

งานนิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ARMY-2024 จัดขึ้นเป็นปีที่ 10 แล้ว โดยงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ อนุสรณ์สถาน Patriot Park เมือง Kubinka ห่างจากกรุง Moscow ราว 60 กิโลเมตร Patriot Park มีพื้นที่ราว 5,414 เฮกตาร์ (54.14 ตารางกิโลเมตร) ภายในประกอบด้วย มหาวิหารหลักของกองทัพรัสเซีย (Cathedral of the Resurrection of Chris) พิพิธภัณฑ์การบินฐานทัพอากาศ Kubinka พิพิธภัณฑ์ยานเกราะ Kubinka และพิพิธภัณฑ์กองทัพรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีอาคารที่ทำการของบริษัทผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียมากมายหลายบริษัท และสนามยิงปืน ซึ่งมีพื้นที่กว่า 160 เฮกตาร์ (1.6 ตารางกิโลเมตร)

รถติดตั้งจรวดต่อสู้อากาศยานจอดรักษาการณ์อยู่ด้านหน้าอนุสรณ์สถาน Patriot Park

งาน ARMY-2024 เป็นงานปิด จึงไม่เปิดให้ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนร่วมงานเข้าชม โดยผู้ร่วมงานต้องลงทะเบียนล่วงหน้า และรับบัตรเข้างานซึ่งต้องใช้ในการสแกนเพื่อผ่านเข้างานทุกครั้ง ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยอันเข้มข้น มีรถติดตั้งจรวดต่อสู้อากาศยานจอดรักษาการณ์อยู่ด้านหน้าอนุสรณ์สถาน Patriot Park พร้อมทั้งปืนต่อสู้อากาศยานอัตตาจรอีกหลายจุด บริเวณโดยรอบมีทหารติดอาวุธพร้อมอาวุธต่อต้านโดรนลาดตระเวนเป็นคู่อยู่ทั่วไป ก่อนเข้างานรถทุกคันและสิ่งของทุกชิ้นจะถูกตรวจสอบโดยไม่มีการสุ่ม ทางเข้างานนอกจากต้องแสดงบัตรเข้างานพร้อมหนังสือเดินทางก่อนผ่านประตูเครื่องตรวจจับวัตถุแล้ว ยังต้องเปิดสัมภาระทุกชิ้นให้ตรวจค้นอย่างละเอียดเหมือนกับก่อนขึ้นเครื่องบิน เพราะทราบกันดีว่า รัสเซียยังอยู่ในสถานการณ์การทำสงครามกับยูเครน

โดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตีของสหพันธรัฐรัสเซีย

โดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตีของกองทัพรัสเซียขณะทำลายเป้าหมายซึ่งเป็นปืนใหญ่อัตตาจรของยูเครน

วันแรก 12 สิงหาคม 2567 บริษัท ROSOBORONEXPORT ได้นำไปเยี่ยมชมอาคารของบริษัทฯ เอง เพื่อนำเสนอเกี่ยวกับโดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตีของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งแน่นอนว่า บริษัท ROSOBORONEXPORT เป็นผู้ส่งออกแต่เพียงผู้เดียว วิวัฒนาการของการทำสงครามมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและบริบทของสงคราม สงครามในยุคปัจจุบัน โดรนเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก จากแรกเริ่มเดิมทีมีการใช้โดรนในภารกิจ ลาดตระเวน ตรวจการณ์ แต่ทุกวันนี้โดรนเข้ามามีส่วนในการปฏิบัติการรบโดยตรง มีการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนหนึ่งที่ชาติสมาชิก NATO ได้ส่งมาช่วยเหลือยูเครนมายังกรุง Moscow ปรากฏว่า ยานรบที่เป็น รถถัง รถหุ้มเกราะ ที่อยู่ในสมรภูมิยูเครนได้รับความเสียหายจากโดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตีของกองทัพรัสเซียมากที่สุด รองลงมาเป็นกับระเบิดหรือทุ่นระเบิด และต่อมาเป็นจรวดต่อสู้รถถัง (ซึ่งจะได้นำเรื่องราวของ ‘อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ชาติสมาชิก NATO ส่งมาช่วยยูเครน’ มาบอกเล่าในตอนต่อ ๆ ไป) 

โดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตี ZALA Lancet Item 52-E ของสหพันธรัฐรัสเซีย

โดยบริษัท ROSOBORONEXPORT ได้นำเสนอโดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตี ZALA Lancet Item 52-E ผลิตโดย ZALA Aero Group ซึ่งกองกำลังรัสเซียในยูเครนได้ใช้โดรนชนิดนี้อย่างได้ผล โดรน 52-E ที่ได้รับการอัปเกรดแล้วสามารถเพิ่มระยะเวลาการบินเป็นหนึ่งชั่วโมงพร้อมหัวรบน้ำหนัก 3 กิโลกรัม สามารถใช้ในการโจมตีกำลังทหารด้วยหัวรบระเบิดแรงสูงแบบแยกส่วนหรือหัวรบเทอร์โมบาริก หรือโจมตีรถหุ้มเกราะหรือรถถังด้วยหัวรบระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง (HEAT)

โดรน ZALA Lancet Item 52-E ขณะโจมตีที่ตั้งปืนใหญ่ของยูเครน

ในสงครามอ่าวเมื่อกว่าสามสิบปีมาแล้ว สหรัฐอเมริกาได้ให้สำนักข่าวต่าง ๆ นำเสนอคลิปการโจมตีอิรักด้วยสารพัดอาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ จนทำให้อาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านั้นเป็นที่ต้องการของกองทัพชาติต่าง ๆ อย่างมากมาย แต่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน สื่อของชาติตะวันตกต่างอ้างมาตรการลงโทษ (Sanctions) ปฏิเสธการนำเสนอข่าวของรัสเซีย ทำให้ชาวโลกจึงไม่ค่อยทราบถึงความก้าวหน้าและอานุภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตโดยรัสเซีย ซึ่งหลังจากถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรและถูกมาตรการลงโทษ (Sanctions) ทำให้อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสหพันธรัฐรัสเซียต้องอาศัยการพึ่งพาตนเอง (Self-reliance) 100% (มีภาพการทำงานของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตโดยรัสเซียที่ถ่ายไว้โดยฝ่ายยูเครน และต่อมากองกำลังรัสเซียสามารถยึดรวบรวมเอาไว้ได้เป็นจำนวนมาก)

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#2 เรือดำน้ำโจมตีสุดล้ำ ศักยภาพไม่ด้อยกว่าค่ายตะวันตก

ตามที่บริษัท ROSOBORONEXPORT รัฐวิสาหกิจ ผู้นำเข้า-ส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์แต่เพียงผู้เดียวของสหพันธรัฐรัสเซีย ได้เชิญผู้เขียนในฐานะสื่อมวลชนจากสำนักข่าว THE STATES TIMES ไปเยี่ยมชมงานนิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ARMY-2024 (12-14 สิงหาคม พ.ศ. 2567) รวม 3 วัน จึงขอนำเรื่องราวและประสบการณ์ในงานดังกล่าวทั้ง 3 วัน มาบอกเล่าให้ท่านผู้อ่าน THE STATES TIMES ได้ทราบเป็นตอน ๆ พอสังเขป 

ต่อจาก EP#1 ก็ยังเป็นวันแรก (12 สิงหาคม) หลังจากรับฟังการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตีของสหพันธรัฐรัสเซีย โดยบริษัท ROSOBORONEXPORT แล้ว ทีมงานก็พาเดินไปยังอาคารของบริษัท United Shipbuilding Corporation (USC) สำนักงานใหญ่ของ USC จะตั้งอยู่ในนคร St. Petersburg แต่ก็มีสำนักงานใน Patriot Park ด้วย 

USC ก่อตั้งขึ้นตามรัฐกฤษฎีกาของประธานาธิบดี Putin แห่งสหพันธรัฐรัสเซียซึ่งลงนามเมื่อเดือนมีนาคม 2007 จดทะเบียนในเดือนพฤศจิกายน 2007 เป็นบริษัทมหาชนจำกัดที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นหลัก เป็นบริษัทต่อเรือที่ใหญ่ที่สุดของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งต่อเรือรวม 80% ของเรือที่ต่อในประเทศ USC รวมบริษัทในสาขาต่าง ๆ ที่ประกอบกิจการต่อเรือ ซ่อมแซม และบำรุงรักษา สำหรับภาคตะวันตก ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกไกลของประเทศ โดยมีบริษัทย่อยในเครือ 3 แห่ง ได้แก่...

- อู่ต่อเรือ Admiralty (ศูนย์ต่อเรือตะวันตกใน St. Petersburgและ Kaliningrad) 
- ศูนย์ต่อและบำรุงรักษาเรือภาคเหนือใน Severodvinsk 
- และศูนย์ต่อและบำรุงรักษาเรือภาคตะวันออกไกลใน Vladivostok 

ทั้งนี้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ 'Kommersant' มูลค่ารวมของคำสั่งซื้อมีอยู่ที่ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ USC มีพนักงานประมาณ 95,000 คน

สำหรับ USC รวมบริษัทลูก 3 แห่ง ประกอบไปด้วย อู่ต่อเรือในประเทศ สำนักงานออกแบบ และอู่ซ่อมเรือมากกว่า 60 แห่ง โดยบริษัทของ USC ดำเนินการในท่าเรือ และศูนย์กลางการขนส่งหลักทั้งหมดของประเทศ USC เป็นบริษัทที่รับต่อเรือทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น เรือรบ, เรือสินค้า, เรือบรรทุกน้ำมัน เรือโดยสาร ฯลฯ 

ส่วนในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ USC ต่อเรือบรรทุกเครื่องบิน, เรือรบประเภทต่าง ๆ จนกระทั่ง เรือดำน้ำ โดยผู้บริหารของ USC ได้นำเสนอเรือรบแบบต่าง ๆ ให้กับคณะสื่อมวลชนที่ได้รับเชิญ แต่สิ่งซึ่งผู้เขียนให้ความสนใจมากที่สุดคือ 'เรือดำน้ำ' ที่ต่อโดย อู่ต่อเรือ Admiralty (ศูนย์ต่อเรือตะวันตกใน St. Petersburg) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ USC ได้แก่ 'เรือดำน้ำชั้น LADA' หรือ ชื่อส่งออกคือ 'เรือดำน้ำชั้น Amur'

'เรือดำน้ำชั้น LADA' ออกแบบและต่อขึ้นตามโครงการ 677 (Project 677) ของสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นเรือดำน้ำโจมตี 'ดีเซล-ไฟฟ้า' ชั้นก้าวหน้ารุ่นใหม่ ที่ออกแบบโดยสำนักงานออกแบบ Rubin เพื่อพัฒนาเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า Gen 4 

ทั้งนี้ โครงการ 677 เป็นการออกแบบเรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าของสหพันธรัฐรัสเซียที่พัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1990 โดยออกแบบมาเพื่อใช้ในการต่อต้านเรือดำน้ำและเรือผิวน้ำ และการป้องกันฐานทัพเรือ ชายฝั่งทะเล ตลอดจนถึงเส้นทางเดินเรือ รวมถึงใช้ในการลาดตระเวน 

เรือดำน้ำรุ่นนี้ ถือเป็นการนำการออกแบบตัวถังเดียวมาใช้ครั้งแรกของกองทัพเรือรัสเซียสำหรับเรือดำน้ำโจมตีนับตั้งแต่ทศวรรษ 1940 โดยระวางขับน้ำลดลง 25% เมื่อเทียบกับเรือดำน้ำรุ่นก่อนหน้าอย่าง เรือดำน้ำชั้น KILO 

เรือดำน้ำชั้น Amur (เรือดำน้ำชั้น LADA เพื่อการส่งออก)

ไม่เพียงเท่านี้ ขีดความสามารถของเรือดำน้ำชั้น LADA ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก โดยมีเสียงที่เบาลง ทำให้คุณสมบัติในการพรางตัวดีขึ้น ขณะที่ระบบอาวุธใหม่ ทั้งตอร์ปิโด, ขีปนาวุธโจมตี และตัวเลือกสำหรับระบบขับเคลื่อนอิสระจากอากาศ (AIP) ความเร็วสูงสุดขณะดำน้ำอยู่ที่ 21 นอต (39 กม./ชม. หรือ 24 ไมล์/ชม.) เพิ่มขึ้นจาก 19 นอต (35 กม./ชม. หรือ 22 ไมล์/ชม.) ในเรือดำน้ำชั้น KILO 

นอกจากนี้ เรือดำน้ำชั้น LADA ได้รับการออกแบบให้สามารถอยู่ในทะเลได้นานถึง 45 วัน โดยมีลูกเรือประจำ 35 นาย 

ทั้งนี้ เรือดำน้ำของสหพันธรัฐรัสเซียเป็นต้นแบบของเรือดำน้ำที่สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้ผลิต มีพัฒนาการในการใช้งานมาอย่างยาวนาน โดยไม่ด้อยไปกว่าเรือดำน้ำของค่ายตะวันตกเลย 

อันที่จริงแล้วกองทัพเรือไทย ซึ่งรับผิดชอบดูแลอธิปไตย 2 ฝั่งทะเลคือ 'อ่าวไทย' และ 'อันดามัน' ซึ่งมีทั้งเรื่องของความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทั้งแหล่งน้ำมันและก๊าซ ประมง และเส้นทางเดินเรือ ฯลฯ ปีละนับล้านล้านบาทนั้น ทางกองทัพเรือไทยจึงควรที่จะต้องมีเรือดำน้ำประจำการ 3 ลำเป็นอย่างน้อย โดยประจำการฝั่งทะเลละ 1 ลำ และอีก 1 ลำเพื่อผลัดเปลี่ยนสำหรับการซ่อมบำรุง 

หลาย ๆ ท่านอาจไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ แต่ความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจที่ละเลยได้ ด้วยประเทศเพื่อนบ้านของไทยเราทุกประเทศที่แม้จะเป็นพันธมิตรกันใน ASEAN ก็ตามที แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกประเทศต่างก็แข่งขันกันสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งไม่มีการยกเว้นแม้แต่ประเทศเล็ก ๆ อย่าง สิงคโปร์ 

ทว่า การจัดซื้อจัดอาวุธยุทโธปกรณ์ ก็ไม่เหมือนสินค้าประเภทอื่น เพราะมีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ทันทีที่ต้องการ ต้องมีขั้นตอน กระบวนการ และระยะเวลาในการจัดซื้อ และหลังจากได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต้องการมาแล้ว ผู้ใช้ยังต้องทำการฝึกฝนหาความชำนาญ และทำความคุ้นเคย เพื่อให้สามารถใช้อาวุธยุทโธปกรณ์นั้น ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย

BDMS ขยายความร่วมมือกลุ่มเฮลท์แคร์ยักษ์ใหญ่จากรัสเซีย เพิ่มการเข้าถึงการแพทย์คุณภาพสูงระหว่างสองประเทศ

(4 ก.ย. 67) ณ กรุงมอสโก บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด มหาชน (BDMS) และ MEDSI Group ร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อขยายความร่วมมือระหว่างสองผู้ให้บริการด้านสุขภาพเอกชนรายใหญ่ที่สุดของไทยและรัสเซีย ณ MEDSI Group สำนักงานใหญ่ กรุงมอสโก โดยมี มร. เอ จี โซโคลอฟ (Mr. A.G. Sokolov) ประธาน MEDSI Group และนายบุรณัชย์ ลิมจิตติ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส ส่วนการตลาดต่างประเทศ โฆษณาและประชาสัมพันธ์ของ BDMS เป็นตัวแทนลงนามในข้อตกลง

MOU ฉบับนี้ ขยายขอบเขตความร่วมมือทั้งด้านทางการแพทย์ การให้บริการคำปรึกษาทางไกล การให้บริการความเห็นที่สอง การดูแลอย่างต่อเนื่อง และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์คุณภาพสูงระหว่างทั้งสองประเทศ สำหรับผู้ป่วยชาวรัสเซียทั้งที่พำนักอยู่ในประเทศไทย และเมื่อกลับไปรัสเซีย

ในฐานะผู้ให้บริการด้านสุขภาพเอกชนรายใหญ่ที่สุดของไทย ด้วยจำนวนโรงพยาบาลในเครือฯ ถึง 58 แห่ง พร้อมคลินิกสุขภาพและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง BDMS มีความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยชาวรัสเซียทั้งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และกลุ่มนักท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐานของเครือข่ายที่แข็งแกร่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของชาวรัสเซีย ทั้งกรุงเทพฯ, ภูเก็ต, พัทยา และเกาะสมุย

นอกจากการดูแลกลุ่มผู้ป่วยที่รอการรักษาแล้ว BDMS ยังมีเครือข่ายศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินเอกชนที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งหมายถึงความพร้อมทั้งด้านความต้องการทางการแพทย์เร่งด่วน และกรณีฉุกเฉินที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ผู้ป่วยจึงสามารถมั่นใจได้ว่า BDMS สามารถให้บริการได้ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใดก็ตาม 

นอกจากนี้ BDMS ยังมีศูนย์เคลื่อนย้ายฉุกเฉิน (BDMS Medevac Center) ที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยสามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 1724 ซึ่งไม่เพียงแต่ดูแลประสานงานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แต่ยังสามารถดำเนินการส่งตัวผู้ป่วยกลับไปยังภูมิลำเนาได้ในกรณีที่จำเป็น

MEDSI Group เป็นเครือข่ายโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซีย โดยให้บริการทางด้านสุขภาพแบบครบวงจร ตั้งแต่การดูแลทางการแพทย์เบื้องต้น เคสฉุกเฉิน ตลอดจนการวินิจฉัยด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง การรักษาด้วยศัลยกรรมที่ซับซ้อน และการฟื้นฟูทางการแพทย์ MEDSI Group ประกอบด้วยโรงพยาบาลและคลินิกจำนวน 148 แห่งในประเทศรัสเซีย โดยตั้งอยู่ในกรุงมอสโกและพื้นที่ใกล้เคียงจำนวน 69 แห่ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยหลัก ศูนย์วินิจฉัยทางคลินิก คลินิกเด็ก โรงพยาบาลคลินิก คลินิกดิจิทัล SmartLab นอกจากนั้น อีก 79 แห่งตั้งอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ของรัสเซีย และมีบริการให้คำปรึกษาทางไกล ปัจจุบัน MEDSI Group มีพนักงานมากกว่า 15,000 คน และมีบุคลากรทางการแพทย์กว่า 5,000 คน

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#3 เยือน KTRV บริษัทออกแบบ-ผลิตระบบขีปนาวุธสุดล้ำของรัสเซีย

หลังจากเยี่ยมชมและรับประทานอาหารกลางวันที่บริษัท United Shipbuilding Corporation (USC) แล้ว ทีมงานของบริษัท ROSOBORONEXPORT ก็พาเดินย่อยอาหารไปยังอาคารของบริษัท Tactical Missiles Corporation (KTRV) ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกแบบและผลิตระบบขีปนาวุธของสหพันธรัฐรัสเซีย โดยออกแบบและผลิตขีปนาวุธทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น อากาศสู่อากาศ อากาศสู่พื้น พื้นสู่อากาศ พื้นสู่พื้น Smart Bombs และตอร์ปิโด เพื่อใช้สำหรับปฏิบัติการบนอากาศยาน เรือรบผิวน้ำ เรือดำน้ำ และกองกำลังภาคพื้นดิน

KTRV ก่อตั้งขึ้นจากโครงสร้างพื้นฐานเดิมของบริษัท Zvezda-Strela โดยรัฐกฤษฎีกาหมายเลข 84 ซึ่งลงนามโดยประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2002 ด้วย Zvezda-Strela เป็นผู้ออกแบบและผลิตระบบขีปนาวุธทางการทหารรายใหญ่ ประกอบด้วยสำนักงานออกแบบการทดลอง Zvezda (OKB) สำนักงานออกแบบการผลิตแบบต่อเนื่อง (SKB) โรงงานหลัก Strela ในระหว่างกระบวนการปรับโครงสร้างใหม่ บริษัทได้รับโอนหุ้นจากองค์กรที่รวมอยู่ใน Defense Industry Complex การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม 2003

โดยมีการพัฒนาและการผลิตผลิตภัณฑ์พลเรือนและการใช้งานคู่ที่มีเทคโนโลยีสูงสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่นำไปสู่การก่อตั้งบริษัทคือ การรักษาและพัฒนาศักยภาพด้านการวิจัยและการผลิตขีปนาวุธ การจัดหาและเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ การระดมทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับขีปนาวุธนำวิถีที่มีประสิทธิภาพสูง และการผลิตระบบอาวุธบนอากาศ บนพื้นดิน และบนทะเล รวมถึงการเสริมสร้างตำแหน่งทางทหารของรัสเซียในตลาดอาวุธโลก รัฐกฤษฎีกาฉบับที่ 591 และฉบับที่ 930 ได้ทำให้บริษัทขยายตัวมากขึ้น และปัจจุบันได้มีการรวบรวมเอาบริษัทต่าง ๆ มากมายหลายบริษัทนี้เข้ามาอยู่ด้วย

Tactical Missiles Corporation (KTRV) เข้าร่วมงาน International Military-Technical Forum 'ARMY-2024' ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 12 ถึง 14 สิงหาคม โดยมี Boris Obnosov เป็นหัวหน้าคณะ KTRV จัดแสดงอาวุธทางอากาศที่มีความแม่นยำสูงที่ศูนย์สาธิต KTRV นำเสนอขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ (RVV-BD, RVV-SD, RVV-MD และ RVV-MD2) ขีปนาวุธอากาศสู่พื้นอเนกประสงค์ (Kh-MD-E, Grom-E1, Kh-38MLE, Kh-38MTE, Kh-69, X-29TE และ X-59MK รุ่นปรับปรุง) 

นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์ Kh-31PD และ X-58UShKE ขีปนาวุธต่อต้านเรือ Kh-31AD Kh-35UE และ X-59MK ขีปนาวุธต่อต้านเรือดำน้ำทางอากาศ APR-3ME รวมถึงระเบิดอากาศอัจฉริยะขนาด 250, 500 และ 1,500 กิโลกรัม และอาวุธร่อน Grom-E2 

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีระบบขีปนาวุธเพื่อป้องกันโครงสร้างพื้นฐานชายฝั่ง ได้แก่ Bastion ที่มีขีปนาวุธร่อนต่อต้านเรือ Yakhont, Bal-E และ Rubezh-ME ที่มีขีปนาวุธ Kh-35UE ระบบต่อต้านเรือดำน้ำขนาดเล็ก Paket-E/NK พร้อมระบบต่อต้านตอร์ปิโด ตอร์ปิโดไฟฟ้า ET-1E และ TE-2 ตอร์ปิโดขนาดเล็กสากล UMT ตอร์ปิโดเทอร์มอลขนาดกะทัดรัด MTT และตอร์ปิโดนำวิถีความลึกอเนกประสงค์ UGST นอกจากนี้ ผู้เยี่ยมชมศูนย์สาธิตยังได้จัดแสดงระบบอาวุธ Shkval-E ที่มีจรวดใต้น้ำความเร็วสูงอีกด้วย

ทุ่นระเบิดใต้ทะเล MDM-2

ส่วนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ KTRV ที่ใช้เพื่อป้องกันอาณาเขตพื้นที่ ซึ่งเป็นน้ำของท่าเรือและฐานทัพเรือ ได้แก่ ทุ่นระเบิดใต้ทะเล MDM-1, MDM-2 และ MDM-3 ทุ่นระเบิดใต้ทะเล MShM อุปกรณ์ตรวจจับเสียงขับเคลื่อนด้วยตัวเอง MG-74ME ยานยนต์ใต้น้ำขับเคลื่อนด้วยตัวเองของระบบบูรณาการ Alexandrite-ISPUM-E ที่ใช้ค้นหาและทำลายทุ่นระเบิด

ระบบควบคุมการยิงบนเรือ Uran-E และระบบอาวุธขีปนาวุธต่อต้านเรือรบแบบ KH-35e/ue

ทั้งนี้ บริษัทในเครือของ KTRV ยังมีส่วนร่วมในการออกแบบและผลิตอุปกรณ์เรดาร์หลากหลายประเภท ได้แก่ ระบบควบคุมการยิงบนเรือของระบบอาวุธขีปนาวุธ «Uran-E» และระบบเรดาร์กำหนดเป้าหมายบนเรือที่ได้รับการอัปเกรด 3C-25E ระบบเรดาร์ MRK-50UE สำหรับเรือดำน้ำเพื่อเฝ้าระวังสภาพแวดล้อมผิวน้ำและอากาศที่มีความน่าจะเป็นต่ำมากในการสกัดกั้นด้วยเรดาร์ และสำหรับการกำหนดเป้าหมายขีปนาวุธและตอร์ปิโด รวมไปถึงยานพาหนะขนส่งนักดำน้ำรายบุคคล 'Coral' สถานีโซนาร์ Mayak-s สำหรับตรวจจับวัตถุใต้น้ำขนาดเล็ก คอมเพล็กซ์ป้องกัน 'Corvet' สำหรับหน่วยป้องกันภัยทางทะเลและชายฝั่งที่สำคัญเป็นพิเศษ

ตอร์ปิโดแบบต่าง ๆ ที่ออกแบบและผลิตโดย KTRV

นอกเหนือจากอาวุธต่าง ๆ แล้ว KTRV ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับใช้งานสองแบบและสำหรับพลเรือนสำหรับการบิน เรือ การขนส่งทางรถไฟและถนน ยา โรงกลั่น โรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมโลหะและเคมี ในศาลา 'B' ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงผลิตภัณฑ์พลเรือน KTRV แยกกัน ได้แก่ สถานีชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูง EZS-150 สำหรับรถบัสไฟฟ้า แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนหลากหลายประเภท แพลตฟอร์มไฟฟ้าอเนกประสงค์ HARD-E สำหรับที่อยู่อาศัยและบริการชุมชน เครื่องจำลองพลร่ม รวมถึงแบบจำลองอุปกรณ์แรงขับกลับสำหรับเครื่องยนต์เครื่องบิน PD-8 และ PD-14 นวัตกรรมใหม่คือ เรือเดินทะเลที่มีลำตัวแบบผสม

ผู้เขียนกับขีปนาวุธโจมตีแบบ X-69 ซึ่งออกแบบมาเพื่อปล่อยจากเครื่องบินแบบ Su-57

Tactical Missiles Corporation (KTRV) จึงเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างแบบบูรณาการซึ่งรวมเอาบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของรัสเซียกว่าห้าสิบแห่งเข้าด้วยกัน พื้นที่กิจกรรมที่มีความสำคัญ ได้แก่ การพัฒนา การผลิต การปรับปรุงอาวุธการบินที่มีความแม่นยำสูงในประเภทต่าง ๆ ระบบอาวุธทางทะเลแบบรวม จรวดและอวกาศ ตลอดจนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การบำรุงรักษา การซ่อมแซม และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ทางทหาร การฝึกอบรมบุคลากรตามสัญญาการบริการที่ครอบคลุมให้กับลูกค้า และภายใต้มาตรการ Sanction จากชาติตะวันตก บริษัทฯ ได้ยึดแนวคิด 'การพึ่งพาตนเอง' นำไปสู่การปฏิบัติอย่างสมบูรณ์แบบ จนทำให้บริษัทฯ ยังคงขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#4 สุดยอดปืนเล็กยาวตระกูล AK จาก Kalashnikov Group

ยังเป็นบ่ายวันแรก (12 สิงหาคม) หลังจากชมนานาสารพัดจรวดนำวิถีที่ออกแบบและผลิตโดยบริษัท Tactical Missiles Corporation (KTRV) แล้วทีมงานของบริษัท ROSOBORONEXPORT ก็พาเดินไปยังอาคารของบริษัท Kalashnikov Group ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธปืนตระกูล AK ที่คนไทยรู้จักกันดี 

‘Mikhail Kalashnikov’ (1919 - 2013) ผู้ออกแบบและสร้างปืนเล็กยาวตระกูล AK

ก่อนปี 2013 บริษัทนี้รู้จักกันในชื่อของ 'Izhevsk Machine-Building Plant' และได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น 'Kalashnikov Concern' เพื่อเป็นเกียรติแก่ ‘Mikhail Kalashnikov’ ผู้ออกแบบและสร้างปืนเล็กยาวตระกูล AK บริษัท 'Kalashnikov' มีประวัติการก่อตั้งมายาวนาน 217 ปี โดยมีสำนักงานใหญ่ในเมือง Izhevsk ในเขต Udmurtia และกรุงมอสโกเมืองหลวง เป็นบริษัทมหาชนจำกัดออกแบบและผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์ของสหพันธรัฐรัสเซีย อาทิ อาวุธปืนสำหรับพลเรือนและทหารหลากหลายประเภท เช่น อาวุธปืนเล็กยาวจู่โจม อาวุธปืนสำหรับพลแม่นปืน ปืนกลอัตโนมัติประจำหมู่ ปืนยาวล่าสัตว์ ปืนลูกซอง ปืนใหญ่กระสุนนำวิถี และอาวุธยุทโธปกรณ์ประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น สถานีอาวุธควบคุมระยะไกล ยานยนต์ไร้คนขับ และหุ่นยนต์ทางการทหาร

ปืนเล็กยาวจู่โจมตระกูล Kalashnikov (AK)

บริษัท Kalashnikov Concern ผลิตอาวุธปืนขนาดเล็กประมาณ 95% ของที่ผลิตทั้งหมดในสหพันธรัฐรัสเซีย และส่งออกไปยังกว่า 27 ประเทศทั่วโลก ทำให้เป็นผู้ผลิตอาวุธปืนรายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย โดยมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ได้แก่ ปืนเล็กยาวจู่โจมตระกูล Kalashnikov (AK) ปืนกลเบา RPK ปืนไรซุ่มยิงกึ่งอัตโนมัติ Dragunov SVD ปืนเล็กสั้นกึ่งอัตโนมัติ SKS ปืนพก Makarov PM ปืนลูกซอง Saiga-12 และปืนกลมือ Vityaz-SN และ PP-19 Bizon อาวุธปืนเหล่านี้ ยกเว้น SVD, SKS และ PM ล้วนพัฒนาขึ้นจากอาวุธปืนตระกูล AK อันโด่งดัง ซึ่งตัวเลขโดยประมาณของปืนเล็กยาวจู่โจมตระกูลนี้น่าจะมากกว่า 100ล้านกระบอก อันเนื่องมาจากความน่าเชื่อถือในเรื่องของความแข็งแรงและทนทานในทุกสภาวะ ต้นทุนการผลิตต่ำ สามารถหาซื้อได้ในเกือบทุกภูมิภาค (เนื่องจากเป็นอาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมที่มีการผลิตเลียนแบบมากที่สุด) และใช้งานง่าย 

อุปกรณ์ป้องกัน (หมวกกันกระสุนและเกราะกันกระสุน) เครื่องแบบและอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ทางการทหารผลิตโดย Kalashnikov

ปัจจุบันบริษัทผลิตอาวุธปืนอยู่ 3 ยี่ห้อ ได้แก่ 'Kalashnikov' (อาวุธปืนสำหรับการสงครามและพลเรือน) 'Baikal' (อาวุธปืนสำหรับพลเรือนและล่าสัตว์) และ 'Izhmash' (ปืนเล็กยาวสำหรับการกีฬา) บริษัทกำลังพัฒนาสายธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งรวมถึง ยานติดอาวุธปืนไร้คนขับ ยานพาหนะทางอากาศและภาคพื้นดิน และเรืออเนกประสงค์เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ ตลอดจนอุปกรณ์ป้องกัน (หมวกกันกระสุนและเกราะกันกระสุน) เครื่องแบบและอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ทางการทหาร เกราะปฏิกิริยาต้านแรง (Explosive Reactive Armor : ERA)

แผ่นเกราะชนิดต่าง ๆ และเกราะปฏิกิริยาต้านแรงระเบิด (Explosive Reactive Armor : ERA)

อาสาสมัครทหารพรานกับอาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมแบบ AK-104 ขนาด 7.62x39 ม.ม.

สำหรับประเทศไทย กองทัพบกก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของ Kalashnikov โดยมีการจัดซื้อจัดหาอาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมแบบ AK-104 ขนาด 7.62x39 ม.ม. สำหรับกองกำลังอาสาสมัครทหารพราน และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้จัดซื้อจัดหาอาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมแบบ AK-102 ขนาด 5.56x45 ม.ม. สำหรับกองกำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน

อาสาสมัครรักษาดินแดน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กับอาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมแบบ AK-102 ขนาด 5.56x45 ม.ม.

ปัจจุบัน กองทัพของสหพันธรัฐเซียใช้อาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมแบบ AK-12 ขนาด 5.45x39 ม.ม. เป็นอาวุธปืนประจำกาย

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#5 ระบบอาวุธยุทโธปกรณ์แม่นยำสูง เพื่อการรบทางยุทธวิธี

ยังคงเป็นวันแรกของงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ARMY-2024 (12 สิงหาคม) ทีมงานของบริษัท ROSOBORONEXPORT ก็พาเดินไปยังอาคารแสดงสินค้าของบริษัท High-Precision Weapons holding ซึ่งมี Motto สำหรับปีนี้ว่า '15 ปีแห่งความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ' โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่กลุ่มบริษัท High-Precision Weapons holding ผลิตพอสังเขป เนื่องจากในวันรุ่งขึ้น (13 สิงหาคม) บริษัท High-Precision Weapons holding จะได้พาคณะฯ ไปทดสอบอาวุธยุทโธปกรณ์บางส่วนที่กลุ่มบริษัทฯ ได้ทำการผลิต

ระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Kornet

บริษัท High-Precision Weapons holding เป็นบริษัทในเครือของ Rostec State Corporation บริษัทโฮลดิ้งของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยเป็นผู้ออกแบบและผลิตระบบอาวุธความแม่นยำสูง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้วในปี 2009 โดยมีบริษัทในเครือมากกว่า 15 บริษัท อาทิ สำนักงานออกแบบอาวุธยุทโธปกรณ์ Shipunov, สำนักงานออกแบบ-ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ Machine-Building, โรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ Kurgan, สถาบันวิจัยกลางเพื่อ Automation และ Hydraulics, สำนักงานออกแบบอาวุธยุทโธปกรณ์กลาง ฯลฯ ซึ่งมีขีดความสามารถในการออกแบบ ผลิต และซ่อมบำรุง ทำให้กลุ่มบริษัทมีพนักงานประจำกว่า 25,000 คน

ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแบบ Pantsyr S-1

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่ระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความแม่นยำสูงและอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับการรบทางยุทธวิธี อาทิ ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน Pantsyr S-1, ระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Kornet, ปืนใหญ่นำวิถี Krasnopol-M2, ระบบขีปนาวุธยุทธวิธีของกองทัพ Iskander-M, ระบบต่อต้านรถถังอัตตาจร Khtizantema-S, ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานประทับไหล่ Verba, ยานรบทหารราบแบบ BMP-3, BMD-4M และ BMP-2M Berezhok ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ที่พัฒนาและผลิตโดยบริษัทต่าง ๆ ในเครือ

ปฏิบัติการพิเศษทางทหารของสหพันธรัฐรัสเซียในยูเครน ทำให้การปฏิบัติตามแผนจัดซื้อจัดจ้างของรัฐสำหรับกระทรวงกลาโหมของสหพันธรัฐรัสเซียยังคงเป็นภารกิจที่มีความสำคัญสูงสุดของบริษัทฯ โดยในปี 2024 นับตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้ง บริษัทฯ ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รวมถึงกระทรวงกลาโหมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ตลอดจนหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง แข็งขัน และเข้มข้นขึ้นเป็นอย่างมาก 

บริษัทฯ มีการจัดทำข้อเสนอแนะด้านปฏิบัติการโดยกองทัพ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่บริษัทฯ ออกแบบและผลิตทุกๆ 3-4 เดือนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามแผนจัดซื้อจัดจ้างของรัฐและการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ในเงื่อนไขการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร 

นอกจากบริษัทต่าง ๆ ภายใต้บริษัท High-Precision Weapons holding จะได้ดำเนินการออกแบบ และพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารขั้นสูงแล้ว บริษัทต่าง ๆ เหล่านั้นก็กำลังพัฒนาสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสูงอย่างมากมายสำหรับตลาดภาคพลเรือนอีกด้วย อาทิ เครื่องจักรสำหรับถนนและงานก่อสร้าง, อุปกรณ์การเก็บขยะและรถทำความสะอาดถนน, เครื่องจักรสำหรับป่าไม้และการเกษตร วิศวกรรมเครื่องจักรเช่น, การหล่อและการขึ้นรูป และผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจด้านการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นขีดความสามารถอีกอย่างหนึ่งของบริษัทฯ ในขอบข่ายของสินค้าสำหรับตลาดภาคพลเรือน โดยมีโครงการธุรกิจมากกว่า 20,000 รายการในปี 2023-2024 บนพื้นฐานการออกแบบและผลิตด้วยการ ‘พึ่งพาตนเอง’ (Self-reliance) 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top