Sunday, 8 June 2025
รัสเซีย

‘ยูเครน’ ส่งสัญญาณ เปิดทางทหารอียูสู้รบกับรัสเซียแทน ขู่!! หากปล่อยยูเครนพ่ายแพ้ ‘ปูติน’ จะไม่หยุดแค่นั้น

ความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอาจไปถึงจุดที่บรรดาชาติสมาชิกอียูจำเป็นต้องประจำการทหารในยูเครน เพื่อต้านทานการรุกคืบของรัสเซีย จากความเห็นของดมิทรี คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวการเมืองสหรัฐฯ ‘โพลิติโก’ เมื่อวันจันทร์ (25 มี.ค.) คูเลบา คร่ำครวญต่อกรณีที่ตะวันตกลดความช่วยเหลือด้านการทหารที่มอบแก่เคียฟในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

"กรุณามอบแพทริออตให้เรา" คูเลบากล่าว อ้างถึงระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ซึ่งเขาเน้นย้ำว่ามีความจำเป็นต่อเคียฟ สำหรับเล็งเป้าหมายสกัดฝูงบินขับไล่ของรัสเซีย ที่พึ่งพาระเบิดนำวิถีทางอากาศเป็นหลัก "มอสโกพึ่งพากระสุนอัปเกรดของพวกเขามากยิ่งขึ้น และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมทหารยูเครนถึงสูญเสียฐานที่มั่นต่าง ๆ"

เป็นอีกครั้งที่ คูเลบา แสดงความเสียใจที่บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรีพับลิกันยังคงขัดขวางความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ผลักดันเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะมอบแก่ยูเครน กระนั้นเขาปฏิเสธตอบคำถามกรณีเยอรมนี อีกชาติพันธมิตรลังเลจัดหาขีปนาวุธพิสัยไกล ‘ทอรัส’ แก่เคียฟ โดยบอกว่าเขา "เหนื่อยหน่ายกับคำถามนี้"

อย่างไรก็ตาม เขาหลีกเลี่ยงวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว ผู้นำแดนน้ำหอมบอกว่าเขาไม่ตัดความเป็นไปได้ของการส่งทหารจากบรรดาชาติสมาชิกนาโตเข้าไปยังยูเครน

"เรายินดีที่ได้เห็นประธานาธิบดีมาครง มีวิวัฒนาการไปในทิศทางนั้น" รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนกล่าว แม้ความเห็นของผู้นำฝรั่งเศส นำมาซึ่งระลอกคลื่นเสียงปฏิเสธจากบรรดาผู้นำรัฐสมาชิกนาโตอื่น ๆ ซึ่งเน้นย้ำว่าไม่มีแผนส่งทหารตะวันตกไปยังยูเครน

"เคียฟไม่เคยร้องขอทหารสู้รบจากยุโรปในภาคสนาม แต่พวกผู้นำอียูอาจจำเป็นต้องรับแนวคิดนี้ เมื่อวันนั้นมาถึง" คูเลบากล่าว "ผมทราบดีว่าเหล่าชาติยุโรปไม่คุ้นเคยกับแนวคิดแห่งสงคราม แต่ยุโรปไม่อาจอยู่ในความประมาท ไม่ว่ากับตัวเองหรือกับเด็ก ๆ ของพวกเขา เพราะว่าหากยูเครนพ่ายแพ้ ปูติน (ประธานาธิบดีรัสเซีย) จะไม่หยุดแค่นั้น"

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ระบุว่าคำกล่าวอ้างของเคียฟและบรรดาผู้สนับสนุนต่างชาติที่บอกว่ารัสเซียจะเล็งเป้าเล่นงานรัฐสมาชิกนาโต เป็นเรื่องไร้สาระ อย่างไรก็ตาม ในการให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ผู้นำรายนี้เน้นย้ำว่ามอสโกจะปฏิบัติกับทหารตะวันตกในฐานะ ‘พวกแทรกแซง’ หากพวกเขาเข้าประจำการในยูเครน และจะตอบโต้อย่างสาสม

รองประธานรัฐสภารัสเซีย ปิออตร์ ตอลสตอย เตือนมาครง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต่อการสู้รบโดยตรงกับรัสเซียในสนามรบว่า "เราจะสังหารทหารฝรั่งเศสทุกรายที่ย่างเท้าเข้าสู่แผ่นดินยูเครน"

‘รัสเซีย’ ใช้โดรนราคาถูก $500 ทำลายรถถังสหรัฐฯ $10 ล้านในยูเครน ย้ำ!! มีความแม่นยำมากกว่า 90% โจมตียานเกราะ ในจุดที่อ่อนแอที่สุด

(21 เม.ย.67) สื่อมวลชนอเมริการายงานว่า มีรถถังเอบรามส์อย่างน้อย 5 คัน จากทั้งหมด 31 คันที่สหรัฐฯ จัดหาให้แก่ยูเครน ถูกรัสเซียทำลายไปแล้ว พร้อมบอกว่ามีอีก 3 คันที่ได้รับความเสียหายพอประมาณ

รายงานข่าวระบุว่า กรณีส่วนใหญ่รถถังเอบรามส์เหล่านี้ถูกทำลายโดยโดรนกามิกาเซ แบบ first-person view หรือที่รู้จักกันในฐานะกระสุนแบบดักรออยู่กับที่ (loitering munition) จากลักษณะการทำงานของมันคือ การดักรออยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเพื่อระบุเป้าหมายก่อนที่จะโจมตี

ตามรายงานของนิวยอร์กไทม์ส ระบุว่า เวลานี้รถถังถูกกำจัดด้วยโดรนระเบิดได้ง่ายกว่าที่พวกเจ้าหน้าที่และพวกผู้เชี่ยวชาญบางส่วนสันนิษฐานไว้ในตอนแรก พร้อมกับอ้างความเห็นของ มาร์คุส รีสเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารชาวออสเตรีย ที่ให้คำจำกัดความสถานการณ์ดังกล่าว "เหลือเชื่อมาก" ในขณะที่นิวยอร์กไทม์สให้คำนิยามอากาศยานไร้คนขับของรัสเซีย "เป็นมือสังหารรถถังแม่นยำสูง และมีราคาถูก"

นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า โดรนมีความแม่นยำมากกว่า 90% พร้อมระบุพวกมันมีศักยภาพเล่นงานยานเกราะหนักในจุดที่อ่อนแอที่สุด ทั้งนี้ อากาศยานไร้คนขับมีราคาแค่ 500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18,000 บาท) แต่มีศักยภาพกำกจัดรถถังเอบรามส์ ที่มีราคาคันละ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 368 ล้านบาท) และยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปกป้องรถถังจากการโจมตีด้วยโดรน

รถถังเอบรามส์ ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ปรากฏตัวในแนวหน้าในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากถูกคาดหมายมาช้านาน ท่ามกลางความพยายามของยูเครนในการสกัดการรุกคืบของทหารรัสเซีย หลังจากกำลังพลของมอสโกยึดเมืองอัฟดิอิฟกา ในภูมิภาคดอนบาสได้สำเร็จ

บรรดาชาติผู้สนับสนุนรับปากส่งมอบเอบรามส์ M1 จำนวน 31 คันแก่เคียฟ เมื่อปีที่แล้ว ตั้งแต่ก่อนหน้าที่ยูเครนจะเปิดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้แต่ประสบความล้มเหลวในช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ตาม การส่งมอบเพิ่งเริ่มเดินเครื่องอย่างเต็มกำลังในช่วงกลางเดือนตุลาคม ครั้งที่ปฏิบัติการโจมตีตอบโต้อ่อนแรงลงไปแล้ว

นักสู้ MMA ชาวอิหร่าน เตะก้นสาวริงเกิร์ลบนเวที อ้างไม่เหมาะ โดนตะลุมบอนยับ-แบนตลอดชีวิต-ยึดค่าจ้างให้สาวที่ถูกเตะ

(23 เม.ย.67) กลายเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมมากพอสมควร หลังจาก 'อาลี เฮบาติ' นักสู้ MMA ชาวอิหร่าน เตะไปที่ก้นของสาวที่ขึ้นมาถือป้ายระหว่างยก โดยอ้างว่าเธอแต่งตัวไม่เหมาะสม (ก็แต่งแบบนี้กันมานานแล้วไหม)

สำหรับไฟต์นี้จัดแข่งกันที่รัสเซีย โดยสู้ไปได้แค่ 30 วินาที ก็แพ้น็อกเอาท์คู่แข่งจากอาร์เมเนีย แถมยังไม่พอใจไปเล่นนอกเกมใส่อีก นอกจากนี้เห็นบอกไปเล่นงานนักพากย์ด้วย ซึ่งคาดว่าคงไม่พอใจที่ไปวิจารณ์ตนเอง

ภายหลังงานนี้ มีการตะลุมบอน อาลี เฮบาติ จนไปอ่วมเลย และจากพฤติกรรมทั้งหมดนี้ ก็ทำให้เจ้าตัวถูกแบนตลอดชีวิต และยึดค่าจ้างทั้งหมดมามอบให้กับสาวที่โดนเตะด้วย

'รัดเกล้า' ชี้!! 'ครม.' เห็นชอบฟรีวีซ่า 'รัสเซีย' 60 วัน  เชื่อ 'ดึงดูดนทท.-กระตุ้นเศรษฐกิจ' เริ่ม 1 พ.ค.-31 ก.ค.นี้

(23 เม.ย.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า​ ในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางมาประเทศไทยมากกว่า 1.61 ล้านคนซึ่งมากเป็นอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปและมากเป็นอันดับห้าของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย รวม 84,666 ล้านบาท ซึ่งหากย้อนไปเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2548​ ประเทศไทยและรัสเซียได้ลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางธรรมดาร่วมกัน​ ส่งผลให้ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาไทยและรัสเซียสามารถเดินทางระหว่างกันและพำนักในประเทศได้ไม่เกิน 30 วัน โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา

ต่อมา ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 90 วัน เป็นกรณีพิเศษ โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2566 ถึงวันที่ 30 เม.ย.2567​ กล่าวคือหมดเขตสิ้นเดือนนี้นั่นเอง

เพื่อความต่อเนื่องของมาตรการ วันนี้ (23 เม.ย.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติและเห็นชอบการยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA) เพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติรัสเซีย เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1.อนุมัติในหลักการในการกำหนดให้ ‘สหพันธรัฐรัสเซีย’ อยู่ในรายชื่อประเทศในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องกำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้าในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 60 วัน เป็นกรณีพิเศษ โดยมีเงื่อนไขให้มีผลบังคับใช้ชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2567 ถึงวันที่ 31 ก.ค.2567เพื่อประโยชน์ต่อมิติเศรษฐกิจและการต่างประเทศกับสหพันธรัฐรัสเซีย โดยเฉพาะด้านความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนที่เป็นรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

2. ให้ความเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินหกสิบวัน เป็นกรณีพิเศษ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย (มท.) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการปรับปรุงแก้ไขประกาศหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป

3. มอบหมายให้หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกำกับติดตามและประเมินผลกระทบจากการออกประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ ทั้งนี้ หากมีผลกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติ หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องอาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวต่อไปได้

“การยกเว้นการตรวจลงตราเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียให้เดินทางมาท่องเที่ยวและพำนักในราชอาณาจักรตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอีกด้วย” รองโฆษกฯ​ กล่าว

‘รัสเซีย’ เตรียมโชว์ ‘รถถังตะวันตก’ ที่ยึดจาก ‘ยูเครน’ ในงานเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะ 9 พฤษภาคมนี้

วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียภูมิใจนำเสนอคอลเลกชันพิเศษ ‘รถถังอเมริกัน’ และ ‘รถถังอังกฤษ’ ที่ยึดได้ในสนามรบที่ยูเครน เตรียมพร้อมจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ในงานเฉลิมฉลองแห่งชัยชนะ (Victory Day) ปีนี้ 

โดยรถถังและยานเกราะเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นยุทโธปกรณ์ที่พันธมิตรชาติตะวันตกส่งไปสนับสนุนกองทัพยูเครน แต่เมื่อรัสเซียยึดพื้นที่ในยูเครนได้ จึงนำยานรบเหล่านี้กลับมาด้วย และตอนนี้นำมาจอดเรียงรายยาวเหยียดกลางกรุงมอสโก พร้อมป้ายข้อความว่า "ชัยชนะของพวกเรามันแน่นอนอยู่แล้ว" 

งานแสดงนี้เป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการฉลองวันแห่งชัยชนะที่ตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันที่กองทัพสหภาพโซเวียตประกาศชัยเหนือกองทัพนาซีเยอรมันในปี 1945 ถือเป็นปีที่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 

ซึ่งในวันนี้รัฐบาลรัสเซียกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ ที่จะมีงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการจัดพิธีเดินสวนสนาม และแสดงยุทโธปกรณ์ด้านการทหารหน้าจัตุรัสแดงกลางกรุงมอสโกเพื่อเป็นการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพแดงและรำลึกถึงเหล่าทหารผ่านศึก

แต่ในปีนี้พิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะมีการจัดแสดง ‘รถถังชาติตะวันตก’ ที่ยึดได้ในยูเครนเป็นไฮไลต์ ที่ประกอบด้วย รถถัง American Bradley รถหุ้มเกราะ British Saxon, รถถังสวีเดน CV90, รถถังฝรั่งเศส AMX-10RC และอื่น ๆ ซึ่งปูตินวางแผนที่จะนำรถถงเหล่านี้มาติดธงประจำชาติ แห่ในขบวนพาเหรดด้วย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการฉลองชัยชนะของรัสเซียในสงครามยูเครน

ในช่วงไม่กี่ปี หลังเกิดสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ผู้นำรัสเซียให้ความสำคัญกับงานฉลองวันแห่งชัยชนะ 9 พฤษภาคม นี้เป็นพิเศษ และมักเปรียบเทียบสงครามยูเครนว่า คล้ายคลึงกับช่วงเวลาที่โซเวียตต้องต่อสู้กับกองทัพนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 และปูตินยังเคยได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานวันแห่งชัยชนะว่า รัสเซียพร้อมต่อสู้กับ ‘ชนชั้นสูงของโลกตะวันตก’ และอารยธรรมโลกเดินทางมาถึงจุดชี้ขาดแล้ว 

แต่ในทางกลับกัน ฝ่ายรัสเซียก็สูญเสียรถถังของตนเป็นจำนวนมากจากการสู้รบในยูเครนเช่นกัน คาดการณ์ว่ามีรถถังของรัสเซียได้รับความเสียหาย หรือ ถูกทำลายไปมากถึง 3,000 คันในช่วง 2 ปี ตั้งแต่เกิดสงครามยูเครน อันเป็นเหตุให้รัฐบาลรัสเซียต้องอัดฉีดงบประมาณด้านการทหารเพิ่มขึ้น เพื่อเสริมกำลังยุทโธปกรณ์ และ รถถัง ในการสู้รบที่ด่านหน้า จนเศรษฐกิจรัสเซียเข้าสู่ภาวะสงคราม

แต่ทั้งนี้ส่วนที่เสียไปแล้วก็คือเสียไป ปูตินต้องการให้ชาวรัสเซียโฟกัสในส่วนที่ได้ อย่างน้อยก็ในวันฉลองวันแห่งชัยชนะนี้ ที่รัสเซียสามารถยึดรถถัง ยานเกราะของชาติตะวันตกกลับมาได้มากมาย และอีกหลายพื้นที่ในยูเครนที่ตอนนี้ถูกยึดครองโดยกองทัพรัสเซีย อีกทั้งยังเป็นการฝากคำท้าทายจากปูตินว่าชาติตะวันตกชาติใดต้องการมาเติมคอลเลกชันรถถังให้ปูตินมาจัดแสดงอีกในปีหน้าก็มาได้เลย 

‘สหรัฐฯ’ วอน ‘จีน-รัสเซีย’ เร่งประกาศเจตนารมณ์ “การใช้นิวเคลียร์ต้องตัดสินใจโดยมนุษย์ ไม่ใช่ AI”

(2 พ.ค.67) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมาเรียกร้องให้จีนและรัสเซียประกาศเจตนารมณ์ในลักษณะเดียวกับสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ว่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์จะต้องอยู่ภายใต้การตัดสินใจโดยมนุษย์เท่านั้น ไม่ใช่โดยปัญญาประดิษฐ์ (AI)

นายพอล ดีน รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประจำสำนักควบคุม ป้องปราม และเสถียรภาพอาวุธ กล่าวในงานแถลงข่าวออนไลน์ว่า รัฐบาลสหรัฐได้ให้คำมั่นอย่างชัดเจนและเด็ดขาดว่า มนุษย์เท่านั้นที่มีอำนาจควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด โดยฝรั่งเศสและอังกฤษก็ได้ประกาศเจตนารมณ์ในทำนองเดียวกัน

“เราหวังว่าจีนและสหพันธรัฐรัสเซียจะออกแถลงการณ์ในลักษณะเดียวกัน” นายดีนกล่าวและว่า “เราเชื่อว่านี่เป็นบรรทัดฐานสำคัญอย่างยิ่งของพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบ และจะเป็นที่ยินดีอย่างยิ่งในบริบทของ P5” 

ทั้งนี้คำกล่าวของ นายดีน ยังหมายรวมถึง 5 ประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติด้วย

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความเห็นของนายดีนมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน พยายามที่จะมีการหารือกับจีนอย่างละเอียด ทั้งในเรื่องนโยบายอาวุธนิวเคลียร์และการเติบโตของ AI

ประเด็นการแพร่กระจายเทคโนโลยี AI ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในการเจรจาครั้งสำคัญระหว่างนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 26 เม.ย.

นายบลิงเกนกล่าวว่า “ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมทวิภาคีเกี่ยวกับ AI เป็นครั้งแรกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะแลกเปลี่ยนมุมมองกันว่าจะบริหารความเสี่ยงและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI ให้ดีที่สุดได้อย่างไร ในฐานะส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูการสื่อสารทางทหารให้กลับสู่ภาวะปกติ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนได้กลับมาหารือเรื่องอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้งในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี คาดว่าจะยังไม่มีการเจรจาควบคุมอาวุธอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้”

‘รัสเซีย’ มีรายได้จากการขาย ‘น้ำมัน-ก๊าซ’ พุ่งขึ้นเท่าตัว หลังใช้กลยุทธ์ ‘ลดราคา’ ขายให้ชาติพันธมิตร แม้จะถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร

(4 พ.ค. 67) รัสเซียมีรายได้จากการขายน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้นเท่าตัวในเดือนเมษายน 2024 แม้ว่าถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ  โดยรัสเซียหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยการขายน้ำมันให้กับชาติพันธมิตรในราคาที่ถูกลง นับตั้งแต่ปี 2022  แม้กระทั่งซาอุดีอาระเบียยังรับน้ำมันราคาถูกจากรัสเซีย  แล้วนำมาขายต่อให้กับยุโรปอีกทีเมื่อปี 2023  สิ่งนี้จึงช่วยให้รัสเซียยังมีเศรษฐกิจที่สมดุลอยู่ได้ และลอยตัวแม้ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร

ด้านอินเดียก็เคยซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ช่วยประหยัดงบไปถึง 7,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 259,000 ล้านบาท ในอัตราแลกเปลี่ยน เช่นเดียวกับจีนที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียในราคาที่ถูกกว่าที่อื่น และซื้อขายกันในรูปเงินหยวน  ทั้งหมดนี้บ่งชี้ให้เห็นว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ มีผลแค่เล็กน้อย หรือแทบไม่มีผลเลยกับเศรษฐกิจรัสเซีย

รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์ ประเมินว่า รัสเซียจะมีรายได้จากการขายน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้นเท่าตัวในเดือนเมษายนนี้(2024 ) รายได้น้ำมันของรัสเซียเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว(2023 )อยู่ที่ 7,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 259,000 ล้านบาท  แต่ในปีนี้(2024 )น่าจะแตะ 14,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 518,000 ล้านบาท  เท่ากับว่าเพิ่มขึ้นมาร้อยเปอร์เซ็นต์ 

กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ยังได้ประโยชน์จากการซื้อน้ำมันรัสเซีย เพราะนอกจากจะมีราคาถูกกว่าที่อื่นแล้ว ยังใช้เงินสกุลท้องถิ่นซื้อได้ด้วย ไม่ต้องพึ่งดอลลาร์สหรัฐเลย  การทำเช่นนี้ ยังทำให้เศรษฐกิจของประเทศตัวเองแข็งแกร่งขึ้นด้วย กลายเป็นว่ามาตรการคว่ำบาตรนี้ กลับส่งผลดีต่อกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเป็นส่วนใหญ่

‘จีน’ ยินดี ‘ปูติน’ เข้ารับตำแหน่ง ปธน.รัสเซียสมัยที่ 5 เชื่อ!! จะนำพาเศรษฐกิจ-สังคมในประเทศก้าวหน้า

(10 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลินเจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า จีนแสดงความยินดีกับวลาดิเมียร์ ปูติน สำหรับการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียสมัยที่ 5 อย่างเป็นทางการ และเชื่อว่ารัสเซียจะสร้างความสำเร็จใหม่ ๆ ในการพัฒนาประเทศ รวมถึงความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมภายใต้การนำของปูติน

หลินเจี้ยน กล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน เมื่อถูกถามถึงความคิดเห็นในกรณีปูตินสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย ระยะ 6 ปี เมื่อวันอังคาร (7 พ.ค.) และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซีย เผยว่า ปูตินจะเยือนจีนในการเดินทางเยือนต่างประเทศระยะแรกของการดำรงตำแหน่งผู้นำรัสเซียสมัยใหม่นี้ โดยหลินชี้ว่าความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย ได้เติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งภายใต้การชี้นำเชิงยุทธศาสตร์จากสองผู้นำรัฐ

จีนและรัสเซียได้ยึดมั่นหลักการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และไม่มุ่งเป้าไปยังฝ่ายที่สาม รวมถึงเดินหน้าความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีด้านต่าง ๆ บนพื้นฐานการเคารพซึ่งกันและกัน ความเสมอภาค และผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งนำพาผลประโยชน์อันจับต้องได้มาสู่ประชาชนสองประเทศและมีบทบาทเชิงบวกต่อการเดินหน้าการพัฒนาโลกร่วมกัน

หลินเจี้ยน กล่าวว่า ปีนี้ตรงกับวาระครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-รัสเซีย ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการตามแนวปฏิบัติของความเข้าใจร่วมกันระหว่างสองประธานาธิบดี เสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ขยับขยายความร่วมมือ และสานต่อมิตรภาพ เพื่อร่วมสนับสนุนโลกหลายขั้วที่เท่าเทียมและเป็นระเบียบ และโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์และครอบคลุมในระดับสากล พร้อมดำเนินการตามลัทธิพหุภาคีที่แท้จริง และส่งเสริมธรรมาภิบาลโลกที่เป็นธรรมและเท่าเทียมยิ่งขึ้น

หลินเจี้ยน กล่าวอีกว่า จีนให้ความสำคัญกับการชี้นำเชิงยุทธศาสตร์จากการทูตระดับผู้นำรัฐของความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย โดยประธานาธิบดีทั้งสองเห็นพ้องจะธำรงรักษาการมีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดและรับรองการเติบโตที่ราบรื่นและมั่นคงของความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย

'ปูติน' เตรียมสังคายนา 'กองทัพ' ปรับกลยุทธ์ ใช้นักวิชาการนำการทหาร

วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียสร้างเสียงฮือฮาอีกครั้ง หลังจากเสร็จสิ้นงานพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียในสมัยที่ 6 ด้วยแผนการปรับโครงสร้างกองทัพครั้งใหญ่ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบเกือบ 20 ปี ด้วยการแต่งตั้ง 'อังเดร เบโรซอฟ' ที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และนักรังสีเคมี ขึ้นรับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ โดยปูตินตัดสินใจลองใช้นักวิชาการนำการทหาร ที่จะส่งผลต่อแผนปฏิบัติการทางทหารครั้งใหม่ในยูเครนต่อจากนี้ไป

ข่าวการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำกระทรวงกลาโหมในรัสเซีย เริ่มมีมาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งใหญ่ของรัสเซียเมื่อ เดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมาแล้ว แต่ไม่มีใครคาคดิคเลยว่าปูตินจะตัดสินใจให้นักวิชาการพลเรือนคนหนึ่ง ที่ไม่มีพื้นเพด้านการทหารมาก่อน มาแทน เซอร์เก ชอยกุ รัฐมนตรีกลาโหมที่อยู่คู่บุญปูตินมาถึง 12 ปี

อังเดร เบโรซอฟ เป็นชาวมอสโควโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 1959 ปัจจุบันอายุ 65 ปี เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์จาก Moscow State University ด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยม และทำงานด้านวิชาการอย่างเข้มข้นมาตลอด 

โดยทำงานเป็นนักวิจัยในห้องปฏิบัติการจำลองระบบมนุษย์และเครื่องจักรของสถาบัน Central Economic Mathematical Institute ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าห้องปฏิบัติการในสถาบันพยากรณ์เศรษฐกิจของสถาบัน  Russian Academy of Sciences ในปี 1991 

ในขณะเดียวกัน เขาได้รับการทาบทามให้เป็นที่ปรึกษาพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรีของรัฐบาล มอสโควไปด้วย ทำงานวิชาการไปด้วย และ ยังทำวิจัยระดับปริญญาเอกไปด้วย ที่สามารถประสบความสำเร็จทั้ง 3 ด้าน เป็นนักวิชาการที่เชี่ยวชาญทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ และ เทคโนโลยีที่หาตัวจับยาก

จนเมื่อวลาดิมีร์ ปูตินขึ้นสู่อำนาจในรัสเซียในปี 2000 อังเดร เบโรซอฟ ถูกดึงตัวไปเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลของเขา และได้รับตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ในปี 2020 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อังเดร เบโรซอฟ เป็นหนึ่งในคนสนิทข้างกายที่ปูตินไว้ใจ และมีอิทธิพลอย่างมากในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของรัสเซีย 

ดังนั้นการวางเบโรซอฟ ในตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมในครั้งนี้ จึงถูกมองว่าเป็นการสังคายนาครั้งสำคัญภายในกองทัพรัสเซีย และการเปลี่ยนมุมมองใหม่ในสถานการณ์สงครามในยูเครน ที่รัสเซียจำเป็นต้องมีระบบบริหารจัดการงบประมาณที่รัดกุมขึ้น เพื่อจะสามารถทำสงครามได้นานกว่าแรงสนับสนุนของชาติตะวันตกที่ส่งให้กับยูเครน 

คอนสแตนติน คาลาเชฟ นักวิเคราะห์การเมืองรัสเซียมองว่า การแต่งตั้ง อังเดร เบโรซอฟ เข้ามาคุมกระทรวงกลาโหมรัสเซียถือเป็นข่าวร้ายของพันธมิตรชาติตะวันตกเหมือนกัน เพราะถึง อังเดร เบโรซอฟ จะไม่ใช่นักการทหาร และ คงไม่ได้มีอิทธิพลในการวางแผนยุทธศาสตร์การรบของรัสเซียมากนัก แต่เขาเป็นนักการเงิน ที่จะดูแลงบประมาณทุกบาท ทุกสตางค์ในกองทัพไม่ให้รั่วไหล ตั้งแต่คลังอาวุธ ไปจนถึงเงินสวัสดิการทหาร 

เช่นเดียวกับ Rybar Telegram Channel สื่อรัสเซียที่เกาะติดข่าวในกองทัพรัสเซีย ก็รายงานว่า อังเดร เบโรซอฟ ถูกส่งมาเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและปรับโครงสร้างหลัก ในด้านการเงิน และ ระบบการจัดซื้อจัดจ้างในกองทัพ ที่มีข่าวอื้อฉาวเรื่องการคอร์รัปชันอย่างมโหฬารในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

และทันทีที่มีข่าวการเข้ารับตำแหน่งใหม่ของนักวิชาการด้านเศรษฐกิจ ก็มีการเข้าจับกุม พลโท ยูรี คุซเนตซอฟ  ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลหลักของกระทรวงกลาโหม ที่เป็นการจับกุมแบบสายฟ้าแล่บ ขณะที่เขากำลังพักผ่อนอยู่ในบ้าน และสามารถยึดของกลางเป็นเหรียญทอง สินค้าแบรนด์เนมหรู และ เงินสดมากกว่า 100 ล้านรูเบิล (ประมาณ 36 ล้านบาท) ภายในบ้านของเขา 

ยูรี คุซเนตซอฟ ถูกตั้งข้อหารับสินบน และมีสิทธิถูกจำคุกนานถึง 15 ปี นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพรัสเซียคนที่สองในรอบ 1 เดือนที่โดนจับข้อหาคอร์รัปชัน รับสินบนก้อนใหญ่ต่อจาก  ติมูร์ อิวานอฟ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ที่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม เซอร์เก ชอยกุ ที่เพิ่งถูกย้ายในวันนี้ 

หน้าที่รับผิดชอบของ อังเดร เบโรซอฟ ไม่ได้มีแค่การตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างโปร่งใสเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา เขาได้รับมอบหมายให้ปกป้องเศรษฐกิจรัสเซียจากผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก และยังมีบทบาทสำคัญในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีโดรนในประเทศ โดยเป้าหมายหลักของ อังเดร เบโรซอฟ คือ การส่งเสริมให้รัสเซียมีอธิปไตยทางเทคโนโลยี ที่เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปในอนาคต 

จึงเป็นที่น่าจับตาในยุทธศาสตร์ 'นักวิชาการนำการทหาร' ของปูตินในครั้งนี้ ที่อาจเป็นเพราะเล็งเห็นแล้วว่าสงครามยูเครนคงยืดเยื้อยาวนาน ดังนั้นจึงต้องเป็นฝ่ายที่อึดที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถพิชิตชัยในท้ายที่สุดนั่นเอง 

'เยอรมนี' เตรียมออกกฎหมายเกณฑ์ทหารเพิ่ม เพื่อสู้ศึกกับรัสเซีย เล็งคนอายุ 18 ปีทั้งหมด ส่วนจะทั้ง 'ชาย-หญิง' หรือไม่? ต้องรอลุ้น!!

ไม่นานมานี้ เยอรมนีกำลังพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ในการออกกฎหมายเกณฑ์ทหารเพิ่มสามแนวทาง คือ...

ประการแรกการพยายามเพิ่มการสมัคร โดยให้เข้าเป็นทหารแบบสมัครใจ ด้วยการส่งแคมเปญข้อมูลไปยังเด็กอายุ 18 ปี 

ประการที่สอง กฎหมายนี้จะใช้กับผู้ชายอายุ 18 ปีเท่านั้น โดยกฎหมายกำหนดให้พวกเขาต้องลงทะเบียนในแบบฟอร์มออนไลน์ จากนั้นจึงอาจได้รับเลือกเข้าเป็นทหาร

ทางเลือกที่สาม จะต้องรับราชการทหารเป็นเวลาหนึ่งปีสำหรับชายหนุ่มและหญิงสาวทุกคน เมื่ออายุครบ 18 ปี

นายบอริส พิสโตเรียส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า กองทัพเยอรมันหรือบุนเดสแวร์ จะต้อง ‘พร้อมทำสงคราม’ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากรัสเซีย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมนีกล่าวว่าประเทศสามารถเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารได้มากถึง 3.5% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจ

เยอรมนีได้ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มขนาดกองทัพจากประมาณ 180,000 นายในปัจจุบันเป็นมากกว่า 200,000 นาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top