Monday, 9 June 2025
พรรคเพื่อไทย

แด่คนรักเจ้าของ!! หนุ่มโพสต์แจกไฟล์คำร้อง ไม่ขอรับค่าแรง 600 บาท/วันหรือมากกว่า

เมื่อ (8 ธ.ค. 65) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Patipan Jinawong' โพสต์ภาพแบบฟอร์มคำร้องถึงฝ่ายบุคคลบริษัทเรื่อง 'ขอไม่รับการปรับค่าจ้าง 600 บาท/วัน หรือมากกว่า' หลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายค่าแรงขั้นต่ำที่ 'พรรคเพื่อไทย' ประกาศหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า⁣

โดยแบบฟอร์มดังกล่าว เว้นช่องไว้ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ ตำแหน่ง เงินเดือน ของบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพื่อขอบันทึกข้อความเป็นหลักฐานไว้ ในกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล และจะปรับค่าแรงให้ได้ถึง 600 บาท/วัน ภายในปี 2570 ตามที่ได้หาเสียงไป⁣

‘จักรพรรดิ’ เผย เตรียมย้ายซบภูมิใจไทยพร้อม 9 ส.ส. เพื่อไทย 16 ธ.ค.นี้ บอกตัดสินใจเพราะดูแลแบบพี่น้อง – มีแนวคิดทางการเมืองเหมือนกัน และพรรคเดิมไม่ยอมส่งชื่อชิง ส.ส.เหตุเพราะหวาดระแวงย้ายตามน้องชาย

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายจักรพรรดิ  ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า จะลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เพื่อไปเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง พร้อมกับส.ส.อีก 9 คน ของพรรคเพื่อไทยตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย 1.นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ 2.นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ 3.นางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ 4.นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. 5.นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ ส.ส.เชียงราย 6.นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก 7. นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก 8.นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา และ 9.นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา

‘แพทองธาร’ จับเข่าคุยผู้ประกอบการท่องเที่ยว แบ่งปันวิสัยทัศน์ท่องเที่ยวปี 2570 ปั้นประเทศไทยจะเป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลก

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงการเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวเมื่อวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่พรรคเพื่อไทย โดยร่วมแสดงความเห็นแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปี 2570 โดยตั้งเป้าหมายประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมีข้อความดังนี้  

“ใครๆ ก็บอกว่าการท่องเที่ยวเป็น engine สำคัญที่สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย แต่พอถึงวิกฤตโรคระบาคโควิด-19 การท่องเที่ยวไทยก็ล้มลงทันที จนทุกวันนี้แม้โควิด-19 จะซาลง รัฐบาลลดมาตรการควบคุมโรคระบาด นักท่องเที่ยวทยอยเข้ามาเที่ยวกันแล้ว แต่ปัญหาหลายอย่างก็ยังคงอยู่ อนาคตการท่องเที่ยวไทยจะไปทางไหนก็ยังไม่มีทิศทางชัดเจน

คือเสียงสะท้อนจากวงแลกเปลี่ยนความคิดจากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ทำให้กลับมาคิดตกตะกอนอะไรได้หลายอย่างมากเลยค่ะ  

พูดกันตามจริง ในฐานะผู้ประกอบการเหมือนกัน การท่องเที่ยวบ้านเรายังไม่ฟื้นค่ะ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะตั้งแต่ก่อน โควิด-19 การท่องเที่ยวของบ้านเราไม่มีรากฐานที่แข็งแรงมากพอ เมื่อเจอ worst case scenario จึงล้มลงและยากที่จะฟื้นฟูให้เป็นเหมือนเดิม 



จะดีกว่าหรือเปล่านะ ถ้ารัฐบาลในสมัยหน้ามองการณ์ไกลหรือรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที จนไม่ทำให้ engine ที่สำคัญของ GDP ไทยต้องตกหลุมตกบ่อ ชะงักงันขนาดนี้ และจากการพูดคุยในวงนี้ทำให้รู้เลยค่ะ การพาให้การท่องเที่ยวไทยเติบโตมากกว่าก่อนโควิด-19  มี 4 เรื่องที่ต้องทำดังนี้ค่ะ

1) อ่านเทรนด์โลกให้ขาด แต่เดิม ภาพรวมตลาดการท่องเที่ยวไทยพึ่งตลาดจีนกว่า 60% แต่พอมีนโยบาย Zero-Covid ก็ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่สามารถมาเที่ยวเมืองไทยได้ การท่องเที่ยวไทยก็ล้มลงทันที การท่องเที่ยวบ้านเราจะทำแบบนั้นไม่ได้แล้วค่ะ เราควรมองเทรนด์ผู้บริโภคให้ขาด ทุกวันนี้คนเราหันมาสนใจดูแลตัวเองกันมากขึ้น ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020 ตัวเลขจาก Global Wellness Institute ประเมินว่า ตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลกมีแนวโน้มเติบโตจาก 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2020 เป็น 11 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025 ขณะที่ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 15 ของตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลกในปี 2020 และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เห็นตัวเลขอย่างนี้แล้วก็น่าสนใจนะคะ เพราะตลาดนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มที่มีกำลังทรัพย์และอิสระทางเวลา ถ้าประเทศไทยสามารถปักหมุดเรื่องนี้ เท่ากับเราสามารถกำลังดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงเข้ามา 

2)สร้างแรงงานให้พร้อม ไทยเรามีแรงงานด้านการท่องเที่ยวประมาณ 1.4 ล้านคน แต่ช่วงโควิด-19 ทำให้ต้องลดพนักงานลง พอประเทศเปิด ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มเข้าที่เข้าทาง แรงงานไทยเราก็กลับเข้าสู่ระบบไม่ทัน ตั้งแต่กลุ่มอาชีพสายบริการ การโรงแรม จนไปถึงธุรกิจการบิน ถ้าไทยจะปักหมุดเรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้อยู่ในใจคนทั่วโลก การส่งเสริมและสนับสนุนภาคการศึกษาเพื่อเตรียมแรงงานให้พร้อมสำหรับธุรกิจนี้ หรือจะเป็นการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศเพิ่มขึ้นในบางสาขางานของอุตสาหกรรมนี้ที่หาแรงงานได้ยากจริงๆค่ะ ก็น่าจะนับเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวที่น่าสนใจค่ะ 

3)กิโยตินกฎหมาย กฎหมายไทยเราซับซ้อนมากเกินไป แต่ละหน่วยงานมีระเบียบของตัวเอง บางระเบียบก็ขัดแย้งกัน เช่น เรามี พ.ร.บ.โรงแรมที่ดูแลเรื่องมาตรฐาน แต่ พ.ร.บ. นี้กลับอยู่ในอำนาจมหาดไทย ขณะที่เรื่องโฮมสเตย์ กลับอยู่ในอำนาจของกรมการท่องเที่ยว ส่วนเรื่องการทำแพ เป็นเรื่องของกรมเจ้าท่า การอนุญาตให้ตั้งที่พักในอุทยานแห่งชาติ ก็เป็นอำนาจของกรมอุทยานฯ ฉะนั้นแล้ว กฎหมายอะไรที่ล้าสมัย ไม่ตอบโจทย์ยุคสมัย ควรยกเลิก/แก้ไขได้แล้วค่ะ เพราะว่าไปแล้ว กฎหมายนอกจากทำหน้าที่ควบคุมระเบียบสังคมแล้ว ก็ควรเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการทำธุรกิจด้วยหรือเปล่าคะ?

4)สุดท้ายคือ สร้างการตลาดทำให้คนทั่วโลกเชื่อมั่นและมั่นใจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย แต่เดิม Sea Sand Sun ของบ้านเราเป็นที่นิยมชมชอบอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเพิ่มมูลค่าของการท่องเที่ยวให้มากกว่าแค่เรื่องธรรมชาติ แต่เป็น ‘ธรรมชาติ+สุขภาพ+วิทยาศาสตร์’ แล้วใส่ความคิดสร้างสรรค์ในการเพิ่มความรับรู้ของนักท่องเที่ยวผ่านหลายช่องทางของการสื่อสาร จะสร้างมูลค่าได้เพิ่มอีกมากเลยค่ะ 

“เพื่อไทย” เห็นด้วย สภาอุตสาหกรรมฯ หยุดการขึ้นค่าไฟฟ้า ชี้ ความสามารถแข่งขันไทยจะลด เวียดนามหน่วย 2.88 บาท แนะ 4 แนวทางลดค่าไฟฟ้าในระยะสั้นและระยะยาว

นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขต บางรัก สาทร ปทุมวัน และ โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลประกาศขึ้นราคาไฟฟ้าสำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมจากหน่วยละ 4.72 บาท เป็น หน่วยละ 5.69 บาท สร้างความเดือดร้อนให้กับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมอย่างมาก จนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยต้องออกเรียกร้องขอให้หยุดการขึ้นค่าไฟฟ้าไว้ก่อน เพราะภาคธุรกิจคงแบกกันไม่ไหว เนื่องจากตอนต้นปียังอยู่ที่หน่วยละ 3.70 บาทเลย หรือขึ้นราคาถึง 53% ซึ่งหนักมาก อีกทั้ง ประเทศเวียดนามที่เป็นประเทศคู่แข่งของไทยคิดค่าไฟฟ้าเพียงหน่วยละ 2.88 บาทเท่านั้น ซึ่งแตกต่างกันเกือบเท่าตัว นอกจากนี้การขึ้นค่าไฟฟ้าจะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้น ผู้ผลิตก็ต้องขึ้นราคาสินค้าทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และประชาชนจะยิ่งเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงอยู่แล้ว เหมือนซ้ำเติมความลำบาก 

ดังนั้นหากรัฐบาลยังยืนยันจะขึ้นค่าไฟฟ้าในระดับนั้นจะทำให้การแข่งขันของไทยลดลง นักลงทุนต่างประเทศจะไม่มาลงทุนในประเทศไทย แต่จะหันไปลงทุนในประเทศเวียดนามหมด ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว โดยล่าสุดความสามารถแข่งขันของประเทศไทยหล่นลงมาถึง 5 อันดับจากอันดับที่ 28 ลงมาอันดับที่ 33 ซึ่งย่ำแย่อยู่แล้ว  ทั้งนี้การที่ประเทศไทยต้องขึ้นราคาไฟฟ้าในระดับสูง เกิดจากการบริหารพลังงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลเอง ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพุ่งขึ้นสูงและต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่มีราคาสูงเข้ามาใช้ในการผลิตไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญหาการส่งมอบสัมปทานการขุดก๊าซในพื้นที่อ่าวไทย ปริมาณก๊าซจากเมียนมาร์ที่ลดลง อีกทั้งยังปล่อยให้มีการผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องจ่ายค่าความพร้อมสำหรับโรงงานไฟ้ฟ้าที่สร้างเกินความต้องการใช้เป็นจำนวนมากกว่า 50% 

‘เพื่อไทย’ ตอก ‘บิ๊กตู่’ ตั้ง ’พีระพันธุ์’ เป็นเลขาฯ ลั่น!! ไม่ใช่เป็นนายกฯ แล้วจะทำอะไรก็ได้

(21 ธ.ค.65) ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่า ตนมองว่า เป็นเรื่องไม่มีมารยาททางการเมือง เนื่องจากคนเป็นเลขาธิการ ก็เหมือน ‘นายกฯ น้อย’ คนหนึ่ง ที่สำคัญเป็นการแต่งตั้งคนที่เป็นนักการเมืองอีกพรรคหนึ่ง ในขณะที่ ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ย้ำว่าตนไม่ทราบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่าลักษณะนี้จะเข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่

‘คนเพื่อไทย’ ยกเคสตีตกข้อกล่าวหา ‘จีทูจีภาค 2’ แค่ใบสั่งเพื่อหาความชอบธรรมในการทำรัฐประหาร

(21 ธ.ค. 65) นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติตีตกข้อกล่าวหาคดีระบายข้าวจีทูจีภาคสอง และกรณีศาลปกครองสั่งไม่ต้องจ่ายชดเชยคดีจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาทก่อนหน้านี้ เป็นบทพิสูจน์ถึงความสุจริตและความจริงของนายทักษิณ ชินวัตร, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ได้คิดค้นนโยบายขึ้นมา โดยยึดถือเอาประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง หวังยกระดับรายได้ของพี่น้องเกษตรกรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเท่านั้น เรื่องนี้เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันในทางการเมือง เป็นการสร้างเหตุหาความชอบธรรมในการทำรัฐประหาร เป็นคดีใบสั่ง ซึ่งผลที่สุดเวลาและความถูกต้องเป็นข้อพิสูจน์ว่าการป้ายสีทางการเมืองต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถเอาผิดกับอดีตนายกฯ ทั้งสองและ ส.ส.ของพรรคพท.ได้ 

นายชุมสาย กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ตัดสินให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.จ่ายค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้กับนายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 7 เชียงใหม่ พรรคพท.จำนวน 62 ล้านบาทกรณีแจกใบส้มโดยมิชอบ ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงความบริสุทธิ์ และไม่ได้ทำผิดตามกฎหมายการเลือกตั้งเช่นกัน ทั้งสองกรณีเป็นบทพิสูจน์ว่าทั้งอดีตนายกฯ และ ส.ส.ของพรรคพท.ทำงานเพื่อประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้ทำผิดกฎหมายตามที่ถูกกล่าวหา และที่ผ่านมาเราได้ต่อสู้และเรียกร้องความถูกต้องกลับคืนมาอย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรี

รู้จัก ‘พรรคเพื่อไทย’ พรรคใหญ่อันดับ 1 ของการเมืองไทยในแง่จำนวน ส.ส. จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา กับเป้าหมาย ‘แลนด์สไลด์ 

รู้จัก ‘พรรคเพื่อไทย’ พรรคใหญ่อันดับ 1 ของการเมืองไทยในแง่จำนวน ส.ส. จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา กับเป้าหมาย ‘แลนด์สไลด์ 

‘รองเลขา พท.’ ซัด ‘ประยุทธ์’ แก้ยาเสพติดไร้ประสิทธิภาพ ทำยาบ้าถูกกว่าก๋วยเตี๋ยว เหน็บทำไม่เป็นอย่าฝืน อยู่มา 8 ปีไม่ทำ 

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.เวลา 10.25 น.  ที่พรรคเพื่อไทย(พท.) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย(พท.)แถลงว่า ปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยในขณะนี้ ได้สะท้อนให้เห็นชัดถึงความผิดพลาด และล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการจัดการปัญหายาเสพติดในทุกด้านตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปราบปราม ป้องกัน และการฟื้นฟูเยียวยา จากรายงานของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไตรมาส 3 ปี 2565  พบว่า คนไทยมีแนวโน้มเป็นผู้ป่วยประสบภาวะเครียด และซึมเศร้าประมาณ 1.36 ล้านคน โดยเดือนกันยายนมีผู้เข้ารับการรักษาอยู่ที่ร้อยละ 90.6 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปี 64 เกือบ 6% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าคนไทยในปัจจุบันมีความเครียดเพิ่มขึ้น ซึ่งความเครียดเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ประสบภาวะเครียดหาทางออกหลายคนจึงต้องพึ่งพายาเสพติดเพราะไปต่อไม่ได้  
.
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้ป่วยจิตเวชยังมีการใช้สารเสพติดสูงถึง 622,172 ราย ในปี 2564 ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องได้รับบำบัดรักษาต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อป้องกันการกลับมาใช้สารเสพติดซ้ำ  แต่จากรายงานผลการดำเนินงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ในปี 2565 พบว่ากลุ่มผู้ป่วยยาเสพติดเพียงครึ่งเท่านั้นที่ได้รับการดูแล คือร้อยละ 57.74 ยิ่งในผู้ป่วยยาเสพติดที่มีความเสี่ยงก่อความรุนแรงกว่า 53,484 ราย กลับไม่ได้รับการดูแลกว่า 25,234 ราย หรือร้อยละ 47.18  จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นข่าวรายวันของคนที่คลั่งยาเสพติด ออกมาฆ่าพ่อ แม่ ทำร้ายประชาชน 

‘ส.ส.โจ้’ จองกฐินอภิปราย ‘บิ๊กตู่-ชัยวุฒิ’ ปมตั้งอธิบดีอุตุฯ - ลั่นทหารเรือต้องไม่ตายฟรี

‘ส.ส.โจ้’ จองกฐินอภิปรายนายกฯ ตู่-ชัยวุฒิ ปมตั้งอธิบดีกรมอุตุฯ ลั่นทหารเรือต้องไม่ตายฟรี ด้าน ‘ธีรรัตน์’ ขอบคุณคนไทยหนุน ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ 

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ระบุไม่มีส่วนสนับสนุนแต่งตั้ง น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์ มาเป็นอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และไม่ใช่คนสนิทของนายชัยวุฒิ อีกทั้ง น.ส.ชมภารี เป็นบุคคลมีความรู้ ความสามารถ เป็นนักบริหาร ทำงานตรงไหนก็ได้ว่า น.ส.ชมภารี ได้รับการโปรโมต รวดเร็วแบบสายฟ้าแลบเหมือนจรวดฮาร์พูน (พื้นสู่พื้น) ที่ติดตั้งบนเรือหลวงสุโขทัย เพราะหลังคำสั่งโปรดเกล้าฯ จากตำแหน่งผู้ตรวจราชการดีอีเอส เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. เพียง 23 วัน นายชัยวุฒิก็เสนอชื่อ น.ส.ชมภารี เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ขึ้นอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ทั้ง ๆ ที่มีลูกหม้อกรมอุตุฯ ที่เก่ง ๆ ทำงาน ที่กรมอุตุฯ มาทั้งชีวิต กลับไม่แต่งตั้งให้ไปเป็นอธิบดี และยังย้ายลูกหม้อกรมอุตุฯ ออกไปเป็นผู้ตรวจกระทรวงฯ หมด

ตนจะไม่ยอมให้ทหารเรือต้องมาตายฟรี และเรือหลวงสุโขทัย มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ต้องมาจม เพราะการแต่งตั้งในครั้งนี้ และในเดือน ม.ค. 65 ตนจะเช็กบิล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายชัยวุฒิ จะไม่ยอมให้ทหารเรือต้องมาตายฟรี และเรือหลวงสุโขทัยต้องมาจมอย่างแน่นอน ขอเรียกร้องว่า พล.อ.ประยุทธ์ อย่าชิงยุบสภาก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 ก็แล้วกัน

‘เพื่อไทย’ สับ ‘สนธิญา’ จ้องร้องเอาผิดยุบพรรค เตรียมส่งทีมกฎหมาย ร้อง กกต.เอาผิดคืน

‘ชุมสาย’ สับ ‘สนธิญา’ สิ่งน่ารำคาญทางการเมือง มโนร้องจ้องยุบ พท. เตือนร้องเท็จมีโทษหนัก ระวังโดนอาญากลับ จ่อร้อง กกต.เอาผิดนักร้องมั่ว 

(28 ธ.ค.65) นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ยุบพรรค พท. เหตุที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นบิดาที่ฮ่องกง โดยกล่าวหาว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 44,45,28,29 มีโทษตามมาตรา92 (3) (4) ว่า ตนยังไม่เห็นคำร้องของนายสนธิญา แต่หากดูประเด็นจากสื่อเห็นว่าไม่มีมูลอันจะเป็นความผิดได้ตามที่กล่าวอ้าง ไม่มีข้อเท็จจริง ไร้แก่นสารสาระ ไม่มีพยานหลักฐานและพฤติการณ์ใด ๆ ที่จะชี้ว่าเป็นความผิด แต่เป็นการใช้จินตนาการหาเหตุยื่นยุบพรรคโดยมิชอบมากกว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ กกต.คงไม่เห็นพ้องด้วย พรรค เพื่อไทยไม่ได้หวั่นไหวต่อเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะพรรคดำเนินกิจกรรมทางการเมืองภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ระเบียบและกฎหมายทุกประการ และไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวอ้าง นายสนธิญาไม่ควรทำตัวเป็นสิ่งน่ารำคาญทางการเมือง

นายชุมสาย กล่าวต่อว่า การกระทำดังกล่าวของนายสนธิญา น่าจะเข้าข่ายเป็นการกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองต่อ กกต.โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หากมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่าพรรคการเมืองใดมีส่วนรู้เห็นก็จะมีโทษเป็นสองเท่า โดย กกต.มีอำนาจสั่งยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคนั้นได้ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 101 ซึ่ง กกต.ต้องจัดการตามอำนาจหน้าที่ในเรื่องนี้ ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายของพรรค พท.จะเข้ายื่น กกต.ให้ตรวจสอบการกระทำของนายสนธิญาในวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงาน กกต.
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top