Monday, 9 June 2025
พรรคเพื่อไทย

‘อนุสรณ์’ ซัด!! ‘ประยุทธ์’ พูดอย่างทำอย่างตลอด 8 ปี แนะ!! ควรสำรวจตัวเองให้ดี ก่อนจะพ่นคำพูดสวยหรู

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 65 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระบุต้องทำงานการเมืองให้ถูกต้อง สุจริต โปร่งใส เป็นธรรม ไม่ใช่มาทำเล่น ๆ ว่า…หลายครั้งที่การกระทำของพล.อ.ประยุทธ์ มักจะสวนทางกับคำพูด ก่อนขึ้นธรรมาสน์ต้องหัดล้างเท้า ก่อนจะพูดจาให้ดูเท่ ดูดี ต้องสำรวจการกระทำของตัวเองด้วย 

พล.อ.ประยุทธ์ใช้อาวุธยุทโธปกรณ์จากภาษีอากรของประชาชน มายึดอำนาจรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชน เขียนนิรโทษกรรมไม่ให้เอาผิดในข้อหากบฏกับคณะรัฐประหาร ถือเป็นการเข้าสู่การเมืองที่ถูกต้องหรือไม่ 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ผลคะแนน CPI ดัชนีรับรู้การทุจริตตกต่ำลงเรื่อย ๆ ปี 2564 ประเทศไทยได้ 35 คะแนน อยู่อันดับ 110 โลก ตกจากปี 2548 ในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่อยู่ในอันดับที่ 59 แบบนี้ถือว่าสุจริตโปร่งใสอยู่หรือไม่ 

'วิทยุชุมชน' ร้อง 'เพื่อไทย' แก้ กม.จัดสรรคลื่นความถี่ หลัง 'กสทช.' ออกกฎประมูลคลื่นฯ เอื้อทุนใหญ่ชัดเจน

เพื่อไทยรับข้อเรียกร้องวิทยุชุมชนเกือบ 4,000 สถานี ‘ชลน่าน’ ชี้หากแก้ไข กม.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ เข้าสภาไม่ทันปีนี้ เพื่อไทยพร้อมนำไปสานต่อ ‘สุทิน’ จวกเปิดประมูลวิทยุชุมชน ยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำ

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ​​​นายสุทิน คลังแสง​​​ ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ ประธานคณะทำงานวิทยุชุมชนพรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวรับข้อเรียกร้องจากเครือข่ายวิทยุชุมชน รวม 3,967 สถานี ขอให้พรรคเพื่อไทยแก้กฎหมายยกเลิกการประมูลคลื่นความถี่วิทยุภาคประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกประกาศเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ในการเปลี่ยนผ่านการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง (วิทยุชุมชน) ไปสู่ระบบการอนุญาตแบบประมูล โดยให้ออกอากาศถึงวันที่ 3 เมษายน 2565 ยกเลิกสถานะจาก ‘ผู้ประกอบการวิทยุชุมชน’ มาเป็น ‘ผู้ทดลองออกอากาศ’ และขอให้ใช้คลื่นความถี่ระบบเอฟ.เอ็ม กำลังส่งต่ำ (50 วัตต์) จากเดิมที่ใช้กำลังส่ง 500 วัตต์ 

นายวรพจน์ ลัภโต ผู้แทนองค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชน แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนถือว่าเป็นสื่ออีกแขนงหนึ่ง และเป็นประชาชนในท้องถิ่น มีทุนทรัพย์น้อย  หากต้องดำเนินการตามประกาศของ กสทช.คงไม่มีโอกาสชนะการประมูลคลื่นวิทยุชุมชนอยู่แล้ว  ระบบการประมูล ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กไม่มีโอกาสที่จะชนะการประมูล เพราะตามหลักการของการผู้ประมูล ผู้ที่ให้ราคาสูงจะเป็นผู้ชนะ ดังนั้นถือเป็นระบบที่เอื้อนายทุนรายใหญ่ จึงได้ขอให้พรรคเพื่อไทยยกร่างแก้ไขกฎหมาย และร่างแก้ไของค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ผลักดันเข้าสู่การกระบวนการทางสภาแล้ว พร้อมเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ดำเนินการตามข้อเสนอ 4 ข้อดังนี้

1. ขอให้พรรคเพื่อไทย กำหนดให้การมีอยู่ของวิทยุชุมชนโดยผู้ประกอบการรายเล็กเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรค เพื่อให้ให้ได้ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนระดับท้องถิ่นต่อไป

2. ขอให้พรรคเพื่อไทยผลักดันการแก้ไขกฎหมายประมูลคลื่นความถี่วิทยุชุมชนซึ่งไม่มีความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายเล็ก

3. ขอให้พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพจัดตั้งสมาคมวิทยุกระจายเสียงเพื่อประชาชน เพื่อให้เกิดความอิสระต่อการประกอบกิจการ และยังคงไว้ซึ่งการสื่อสารมวลชนระดับท้องถิ่น

4. ขอให้พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งคณะทำงานศึกษากฎหมายด้านอาหารและยา ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับการออกอากาศของวิทยุชุมชน

ทั้งนี้ กสทช. ยังได้ประกาศมายังผู้ประกอบการวิทยุชุมชนว่าจะมีการเรียกคืนคลื่นวิทยุชุมชนก่อนกำหนดเดิม 6 เดือน จากเดิมจะหมดลงในปี 2567 ด้วย ซึ่งถือเป็นความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก 

'นพดล' ชี้!! คนโยง 'เพื่อไทย-ตู้ห่าว' หวังผลทางการเมือง ยัน!! 'อุ๊งอิ๊ง' ไม่เกี่ยวข้อง ขู่!! หากไม่หยุดเจอฟ้องแน่

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 65 เวลา 11.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า จากกรณีที่มีการตั้งข้อกล่าวหาต่อนายหาวเจ๋อตู้ หรือตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีน และพวกว่ามีการกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย และให้ข้อมูลว่ามีกลุ่มทุนต่างชาติกว้านซื้อบ้านในบางโครงการ และพยายามโยงเรื่องนี้มาบิดเบือนใส่ร้ายเพื่อไทย และแกนนำพรรคฯ ให้เสียหายนั้น พรรคฯ ขอชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสืบสวนสอบสวนคดีต่าง ๆ อยู่ในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่มีอยู่ตามกฎหมายได้อยู่แล้ว เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับพรรค พรรคไม่ขัดขวางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอย้ำว่าเพื่อไทยไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว และนายตู้ห่าวก็ไม่เคยบริจาคเงินให้พรรคเพื่อไทย ข้อกล่าวหาที่มีต่อผู้ต้องหาก็เกี่ยวเนื่องกับการทำธุรกิจในช่วงเวลาหลายปี

“ที่ผ่านมาที่เพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลซึ่งเป็นเวลาเกือบ 8 ปีแล้ว ดังนั้นหากจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมายในช่วงเวลานี้ในประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะบังคับใช้กฎหมาย และรัฐบาลสามารถไปตรวจสอบว่ามีการประกอบธุรกิจผิดกฎหมายทำนองเดียวกันนี้มากน้อยเพียงใด ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าเบี่ยงเบนประเด็น” นายนพดล กล่าว

นายนพดล กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พยายามโยงว่าชาวต่างชาติกว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัทเอสซี แอสเสท และพาดพิง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ผู้ถือหุ้นในบริษัทนั้น ตนเห็นว่าการพาดพิงและกระจายข่าวต่าง ๆ มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างชัดเจน ขอเรียนว่าน.ส.แพทองธาร ไม่ได้รู้จักกับนายตู้ห่าว และเป็นเพียงผู้ถือหุ้น ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายบ้านให้บุคคลใด ๆ 

นอกจากนั้น บริษัทเอสซี แอสเสท ได้แถลงไปแล้วว่าบริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลโดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังขายให้คนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น และในการชำระค่าบ้าน ผู้ซื้อต้องชำระเงินผ่านธนาคาร ตนขอตั้งเป็นข้อสังเกตว่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดของบุคคลกลุ่มนี้ มีบ้าน รถยนต์ และทรัพย์สินที่ซื้อจากหลายโครงการ หลายบริษัท กระจายไป ไม่ใช่ซื้อจากบริษัทเอสซี แอสเสท อย่างเดียว 

“ช่วงเวลานี้ ประเทศกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ประชาชนคาดหวังที่จะเห็นพรรคต่าง ๆ นำเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อไทยขอเชิญชวนให้ช่วยกันนำเสนอนโยบายและหาทางออกให้ประเทศ และยุติการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอที่เป็นการบิดเบือนใส่ร้ายฝ่ายอื่นด้วยความเท็จ ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ดังนั้นขอให้พวกที่พยายามตีกินหรือพยายามโยงให้เพื่อไทยเสียหาย ขอให้ยุติการดำเนินการไม่เช่นนั้นเราขอสงวนสิทธิ์ปกป้องเกียรติภูมิและชื่อเสียงของพรรคในกรอบของกฎหมายต่อไป” นายนพดลกล่าว

เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการโจมตีทางการเมืองเพื่อหวังผลประโยชน์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่าตนคิดว่าการบิดเบือนมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองค่อนข้างชัดเจน เพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองที่พร้อมที่จะต่อสู้กันตามกฎกติกาและการนำเสนอนโยบายแข่งกัน ตนคิดว่าการที่มีการบิดเบือนบุคคลต่าง ๆ ก็พอจะดูออกว่ามีวัตถุประสงค์ทางการเมือง แต่เพื่อไทยสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็นและไม่มีอะไรที่จะซ่อนไว้ 

'ชลน่าน' อุบเปิดแคนดิเดตนายกฯ พท. ฟุ้ง!! ของดีต้องเก็บไว้ก่อน

(6 ธ.ค. 65) ที่ชั้น 7 พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดตัวแคนดิเดตนนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้เรายังไม่เปิด ของดีต้องเก็บไว้ในเวลาที่เหมาะสม และแคนดิเดตนายกฯ ต้องมี 3 คนเป็นลำดับชัดเจน ประชาชนไม่สับสน

เมื่อถามว่าจะมีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนตอบแทนนายเศรษฐาไม่ได้ แต่นายเศรษฐาก็ออกมาให้ข่าวเองว่าสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ต้องขอขอบคุณมาก ซึ่งนายเศรษฐาเป็นคนเก่งที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะมาหรือไม่มา แต่เมื่อสนับสนุนแนวทางของพรรคเพื่อไทยก็เป็นเรื่องที่ดี 

'บิ๊กเพื่อไทย' อบรม 'จิรายุ' ปมคัดเลือกผู้สมัคร ไม่ควรเอาเรื่องขัดแย้งส่วนตัวไปพูดนอกพรรค

(6 ธ.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาแสดงความไม่พอใจที่พรรคที่ไปคัดเลือกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งฟ้องร้องกัน จะให้มาลงสมัคร ส.ส.กาญจนบุรี ในนามพรรคเพื่อไทยว่า ต้องแยกกัน ใครเป็นคู่ขัดแย้งถือเป็นเรื่องส่วนตัว บุคคลที่เสนอตัวมาลงสมัครกับพรรคเพื่อไทย หากคุณสมบัติครบถ้วน พรรคก็ต้องพิจารณา พรรคไม่รู้ก่อนหรอกว่าใครเป็นคู่ขัดแย้งหรือทะเลาะกับใคร

“เรื่องความขัดแย้งส่วนตัวก็ควรเคลียร์กัน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว หากอยากให้ผู้ใหญ่เคลียร์ควรมาบอกกัน ไม่ใช่ออกมาไปให้ข่าวแบบนั้น” นายวิชาญ กล่าว

'เสี่ยเฮ้ง' กล่าวถึงส่วนหนึ่งของนโยบายหาเสียงจากพรรคเพื่อไทย

ถ้ามั่นใจว่าจะทำได้จริง
ให้ช่วยทำกับบริษัท
ในเครือข่ายของท่านก่อน
ลองทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

คุณอุ๊งอิ๊งเกิดมาก็รวยเลย
ไม่รู้หรอกว่ากว่าที่บริษัท
เขาจะเติบโตกันขึ้นมาได้
เขาต้องผ่านปัญหา
อุปสรรคอะไรมาบ้าง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 
ให้สัมภาษณ์กับ THE STATES TIMES เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565

สหภาพแรงงานโตโยต้าหนุนนโยบายค่าแรง 600 บ. ชี้!! เพียงพอค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

(8 ธ.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายปิยรัชต์ สมาทา ประธานสหภาพแรงงานโตโยต้า พร้อมด้วยสมาชิกผู้ใช้แรงงาน เดินทางให้กำลังใจพรรคพท.ซึ่งได้ประกาศวิสัยทัศน์ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาท ภายในปี 2570 โดยมีนายสุธรรม แสงประทุม ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนผลงานและนโยบายของพรรคพท. และ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ รองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนผลงานและนโยบายของพรรคพท. พร้อมทั้ง นายอรรถชัย อนันเมฆ คณะกรรมการขับเคลื่อนผลงานและนโยบายของพรรค ให้การต้อนรับ 

นายปิยรัชต์ กล่าวว่า ผู้ใช้แรงงานถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศหมุนเวียนได้ หลังจากที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคพท.ได้ประกาศวิสัยทัศน์ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ 600 บาท และเงินเดือนผู้จบการปริญญาตรีจบใหม่ที่ 25,000 บาทภายในปี 2570 ตนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องแรงงานไทยในหลากหลายองค์กร พบว่าพี่น้องแรงงานไทยต้องการให้ปรับค่าแรงให้มีความสมดุลกับค่าครองชีพ เพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตได้โดยปกติ สามารถดูแลครอบครัวได้ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทไม่ได้เกินกำลังของนายจ้างหรือผู้ประกอบการ เราเข้าใจเป็นอย่างดีว่าธุรกิจต้องมีกำไรจึงจะทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ ภาครัฐซึ่งเป็นส่วนกลางในการนำเสนอนโยบายที่ดี ก็จะมีมาตรการรองรับด้วย จึงขอให้กำลังใจคณะทำงานด้านนโยบายของพรรคพท.ในการผลักดันนโยบายนี้เมื่อสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

'ทิพานัน' ซัด 'เพื่อไทย' หยุดวาทกรรมเศรษฐกิจไม่ดี แนะหยุดนโยบายขายฝันแค่ไหน ซ้ำรอยอดีต 'พ่อ-อา'

(8 ธ.ค. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าควรจะชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหาของประชาชนมากกว่าและควรชัดเจนในเรื่องที่ควรจะชัดเจน น.ส. แพทองธาร ต่างหากที่ต้องชัดเจนว่า การเข้ามาการเมืองเพื่อพาพ่อกลับบ้าน หรือเพื่อประชาชน เพราะสิ่งที่สังคมสังสัยคือมาเพื่อประโยชน์ของครอบครัวตนเอง ต่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ชัดเจนมาโดยตลอดว่าทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและคนไทยทุกคน ไม่เคยเอาประชาชนมาเป็นหมากในเกมการเมือง ดังที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมองการทำงานเพื่อบ้านเมืองเป็นแค่เกมแย่งชิงอำนาจการเมืองเท่านั้น

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ต้องขอชี้แจงให้ประชาชนรับทราบว่า ความสำเร็จของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในด้านการพัฒนาและยกดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นต่อเนื่องย่างยั่งยืนไม่ฉาบฉวยจนเป็นที่ประจักษ์จาก UN โดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ได้จัดประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ระดับ 'สูงมาก' (Very High) และต่อเนื่องมา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ซึ่งต่างจากปี 2554-2557 อยู่ในระดับสูง (High)  และระหว่างปี 2544-2549 อยู่ในระดับ ปานกลาง เท่านั้น 

รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์  ได้นำพาชาติฝ่าวิกฤตโควิด 19 มาตั้งแต่ช่วง 2562 ที่ทั่วโลกประสบปัญหากันอย่างหนัก รัฐบาลตระหนักถึงการประคองเศรษฐกิจไปพร้อมกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้สูญเสียน้อยที่สุด ซึ่งก็ผ่านพ้นมาด้วยดีจนได้รับรางวัล United Nations Public Service Awards (UNPSA) ประจำปี ค.ศ. 2021 ณ เมืองดูไบ โดยเป็นรางวัลชนะเลิศจากผลงานหัวข้อ 'Intelligent and Sustainable Public Health Emergency System in Thailand' โดยรางวัล UNPSA เป็นรางวัลเชิดชูเกียรติระดับนานาชาติที่สหประชาชาติมอบให้องค์กรระดับประเทศหรือท้องถิ่นที่มีผลการดำเนินงานภาครัฐที่เป็นเลิศ  

จะเห็นได้ว่า หลังได้รับการเลือกตั้งเพียงไม่กี่เดือน วิกฤตโควิด19 ได้กระทบทุกประเทศทั่วโลก ในช่วงปี 2562-2564 จึงเป็นความท้าทายอย่างหนักที่จะทำให้ภาคธุรกิจเสียหายน้อยที่สุด รัฐบาลจึงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและใช้ยาแรงเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวให้เร็วที่สุด จึงมีโครงการกระตุ้นการใช้จ่ายในระดับครัวเรือน เช่น เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการฯซื้อของร้านธงฟ้า รวมถึงมาตรการสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ เช่น โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย มาตรการเลื่อนเวลาการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล มาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ นำส่ง และชำระภาษี มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มาตรการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การ จำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้สำหรับหนี้ที่เจ้าหนี้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ รวมไปถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านแรงงาน เรารักกัน ซึ่งมาตรการเหล่านี้สามารถพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นวิกฤตมาได้ 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในปี 2565 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยรัฐบาลมุ่งผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ เช่น สนามบิน รถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ ถนนมอเตอร์เวย์ไปยังทุกภาค ขนส่งรถไฟฟ้า รวมถึงเศรษฐกิจ EEC ที่เป็นเศรษฐกิจใหม่ที่ขณะนี้เติบโตต่อเนื่อง ในส่วนภาคการส่งออกอุตสาหกรรมยานยนต์ก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่นบ้านจัดสรร คอนโด ก็เติมโตมีกำไรทุกไตรมาส ที่สำคัญภาคการท่องเที่ยวก็มีอนาคตสดใสเช่น ในปี 2565 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวทะลุ 10 คนเข้ามาในไทย  

“ขณะเดียวกันในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังดีขึ้นนี้ รัฐบาลไม่รอช้าต่อพี่น้องแรงงานทุกคน จึงมีมติเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2565 ขึ้นค่าแรง 354 - 328 บาท ที่มาจากการหารืออย่างรอบคอบทั้ง 3 ฝ่ายคือ นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐ ซึ่งรัฐบาลเชื่อว่าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีขึ้นเร็วขึ้น ประเทศชาติสงบ ไม่มีอะไรมาทำให้สะดุด ก็จะนำข้อมูลหารือให้รอบด้านทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อขึ้นค่าแรงให้กับพี่น้องแรงงานได้อีกในไม่ช้านี้แน่นอน” น.ส. ทิพานัน กล่าว

'กิตติรัตน์' ยันค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ทำได้จริง ชี้!! เคยทำสำเร็จมาแล้วเมื่อตอน 300 บาท

(8 ธ.ค. 65) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า... 

ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในปี 2570 คนที่รู้จริงจะสนับสนุนและชื่นใจกับเรื่องนี้

การที่ภาคธุรกิจ กำลังแบกรับสภาพความไม่เติบโต และต้นทุนส่วนที่ไม่ใช่ค่าจ้างค่าแรงสูงกว่าที่ควรมายาวนาน เพราะรัฐบาลด้อยคุณภาพ บริหารไม่เป็นจึงอาจทำให้กังวลว่าการเพิ่มขึ้นของค่าแรงในอัตราที่พรรคเพื่อไทยเสนอนั้น เป็นภาระหนักหนา

ผมเห็นใจผู้ประกอบการ ธุรกิจ นายจ้าง ที่ต้องทนอยู่กับสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ แบบที่เป็นอยู่ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะที่ผ่านมายอดขายไม่เพิ่มขึ้น (หรือหลายรายลดลงอีกด้วย) อยากถามว่าเป็นเพราะความผิดพลาดไร้ฝีมือในการบริหารงานของรัฐบาลนี้หรือเปล่า

ต้นทุนการประกอบการที่ไม่ใช่ค่าเงินเดือน ค่าจ้าง ที่สูงและสูงขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายที่สูงหลายรายการเป็นเพราะรัฐบาลบวกภาระภาษีเข้าไปในอัตราที่สูง เช่น ภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง หรือค่าสาธารณูปโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าไฟฟ้าที่แพง เพราะความผิดพลาดและไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลเอง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ผู้ประกอบการรายกลางรายเล็ก ต้องจ่ายสูงกว่าอัตราที่ควร (ขอให้สังเกต อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราดอกเบี้ยที่รายใหญ่จ่ายอยู่ ว่ามีความเป็นธรรมให้กับผู้กู้รายกลางและรายเล็กที่ทำมาหาเลี้ยงธนาคารอยู่หรือไม่

พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลที่ดี มีความสามารถบริหารเศรษฐกิจให้เติบโต อย่างมีวินัยทางการเงินการคลัง อย่างที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทย และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยเป็นไม่สร้างภาระไปทิ้งให้คนในอนาคตต้องแบกรับ การดูแล ผู้ประกอบการ ให้ขายสินค้าและบริการได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบขนาดใหญ่ หรือขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นตลาดภายในประเทศ หรือตลาดส่งออก เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ดี ซึ่งเพื่อไทยจะทำและทำสำเร็จมาแล้ว (ต่างจากผลงานของรัฐบาลชุดนี้ไหมลองพิจารณาดูนะครับ)

เมื่อปี 2555 เราเคยผลักดันให้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท และอัตราเงินเดือนค่าตอบแทนทั้งระบบอย่างเป็นผลสำเร็จด้วยดี (แม้เพิ่งจะเผชิญกับมหาอุทกภัยครั้งใหญ่) ไม่มีกิจการที่ไม่สามารถอยู่รอด หรือปรับตัวไม่ได้จากนโยบายนี้ ในทางกลับกันผู้ประกอบการต่างเติบโต และจ้างงานเพิ่มขึ้น อัตราการว่างงาน ลดจาก 0.7 เหลือ 0.6 ในปีถัดไป เราจะทำให้ผู้ประกอบการเข้มแข็ง ลดภาระที่ไม่จำเป็นลง และสามารถจ่ายค่าจ้างค่าตอบแทนที่สูง(ขึ้น) และสูงขึ้นให้กับคนที่ทำงานให้ท่านได้อย่างไม่ลำบากยากเย็น ซึ่งเรื่องนี้สอดคล้องกับ นายจักรพงษ์ แสงมณี คณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่กล่าวไว้ด้วยว่า “เราเคยผลักดันให้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ จาก 212 บาทเป็น 300 บาท และอัตราเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท เมื่อปี 2555 อย่างเป็นผลสำเร็จด้วยดี อัตราการว่างงาน ลดจาก 0.7 เหลือ 0.6 ในปีถัดไป”

'ชลน่าน' แจงนโยบายค่าแรง 600 บาท ชี้ เป็นวิสัยทัศน์ + ภาพฝัน ที่ตั้งเป้าภายในปี 70

(8 ธ.ค. 65) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยว่า ไม่กังวล สิ่งที่ประกาศเป็นวิสัยทัศน์ คือภาพที่เราฝันให้เป็นจริงที่ตั้งเป้าเอาไว้ภายในปี 2570 ว่า คนไทยและประเทศไทยจะเป็นอย่างไร เช่น คนที่ทำงาน ควรที่จะได้รับค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน คนเรียนจบปริญญาตรีควรได้เงินเดือน 25,000 บาท

เมื่อเป็นวิสัยทัศน์และมีกระบวนการการจัดทำนโยบายต่าง ๆ เสร็จแล้ว หากจะประกาศเป็นนโยบายที่จะใช้รณรงค์หาเสียง ก็ต้องแจ้งไปที่กกต. เพื่อให้ทราบถึงแหล่งเงิน ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามที่กฎหมายกำหนด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top