Monday, 9 June 2025
จีน

‘รถไฟหัวกระสุนฟู่ซิง’ เปิดตัวแล้ว ที่นครฉางชุน ประเทศจีน ออกแบบพิเศษสำหรับ ‘เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19’ โดยเฉพาะ

ยลโฉม ‘รถไฟหัวกระสุนฟู่ซิง’ ขบวนออกแบบพิเศษสำหรับการแข่งขันกีฬาหางโจว เอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 19 ซึ่งถูกนำออกจากสายการผลิตอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ (21 ก.ค.)

รายงานระบุว่า รถไฟหัวกระสุนฟู่ซิงขบวนนี้ผลิตโดยบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ วีฮิเคิลส์ จำกัด (CRRC Changchun Railway Vehicles) ในนครฉางชุน มณฑลจี๋หลินทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

(บันทึกภาพวันที่ 21 ก.ค. 2023)
 

‘ซูโจว’ แลนด์มาร์กแห่งใหม่ หมุดหมายสำคัญอุตสาหกรรมทั่วโลก ผสานจุดเด่น 'ประวัติศาสตร์-วัฒนธรรม-วิทยาศาสตร์

เพจเฟซบุ๊ก ลึกชัดกับผิงผิง ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ เมืองซูโจว และยกย่องว่าเป็นเมืองแห่ง สวรรค์ในโลก โดยได้ระบุว่า ...

เมืองซูโจว สวรรค์ในโลก

จีนมีสำนวนโบราณที่ว่า 'บนฟ้ามีสวรรค์ ในโลกมีซูโจวและหางโจว' ความหมายคือ เมืองซูโจว (苏州)และหางโจว(杭州)เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่เปรียบเสมือนแดนสวรรค์ของมนุษย์ 

จีนมีเมืองใหญ่พิเศษ 4 แห่ง ที่ใช้คำย่อ 'เป่ยซ่างกว่างเซิน' (北上广深) ได้แก่ กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ เมืองกว่างโจวและเมืองเซินเจิ้น 

รองลงมาคือเมืองแนวหน้าใหม่ที่มีทั้งหมด 15 เมืองได้แก่ เฉิงตู ฉงชิ่ง หางโจว ซีอาน หวู่ฮั่น ซูโจว เจิ้งโจว หนานจิง เทียนจิน ฉางชา ตงกวน หนิงโป ฝอซาน เหอเฟย์ ชิงเต่า

เมืองซูโจวไม่ใช่เมืองเอกของมณฑลใด แต่สามารถเข้ารายชื่อ '15 เมืองแนวหน้าใหม่' ของจีน เมืองซูโจวมีอะไรบ้าง 

เมืองซูโจวอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลเจียงซู ภาคตะวันออกของจีน เป็น 'เมืองแห่งความฝัน' สำหรับชาวจีน เมืองนี้มีประวัติศาสตร์กว่า 2,500 ปี เคยเกิด 'จอหงวน' จำนวน 50 คน ('จอหงวน' สำเนียงกลางว่า จฺวั้ง-ยฺเหวียน สำเนียงแต้จิ๋วว่า จ่อง้วง เป็นตำแหน่งราชบัณฑิตซึ่งได้คะแนนอันดับหนึ่งในการสอบขุนนางของประเทศจีนสมัยที่จีนปกครองโดยกษัตริย์ ในประเทศจีนปัจจุบัน คำนี้ใช้เรียกนักเรียนที่ได้คะแนนมากเป็นอันดับหนึ่งของมณฑลในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย)

ปัจจุบัน เมืองซูโจวมีสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีนจำนวนกว่า 100 คน นับเป็นหนึ่งในแหล่งวัฒนธรรมสำคัญของจีน มีบุคคลชื่อดังจำนวนมาก

งิ้วคุณฉงี่ (昆曲)ของซูโจวได้ชื่อว่าเป็น 'บรรพบุรุษของงิ้วร้อยชนิดในจีน' คุนฉวี่ ผ้าไหมสมัยซ้ง  ขิมโบราณ และสถาปัตยกรรมพื้นเมืองโบราณ เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมืองซูโจว

เมืองซูโจวอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซี ที่เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดของจีน เป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำของจีน ที่ดินจะปลูกข้าวได้เป็นอย่างดี มีผลิตภัณฑ์อุดมสมบูรณ์ ทำให้เมืองซูโจวได้ชื่อว่า 'คลังธัญญาหารของประเทศ' และ 'เมืองแห่งการพาณิชย์อันดับ 1 ของจีน'  

ปี 2022 ผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือจีดีพีของเมืองซูโจวติด 10 อันดับแรกของจีนอย่างต่อเนื่อง จีดีพีของอำเภอต่างๆ ในเมืองซูโจวส่วนใหญ่ติด 100 อันดับแรกของจีน อย่างเช่นอำเภอคุนซาน (昆山) จัดอยู่อันดับ 1 ของอำเภอที่เข้มแข็งของจีนติดต่อกันหลายปีแล้ว  

ในสายตาของผู้คน ซูโจวเป็นเมืองที่มีความอ่อนโยน เขตนี้มีแม่น้ำลำคลองและทะเลสาบจำนวนมาก หมู่บ้านริมน้ำที่สวยงามกระจายไปทั่ว ทำให้กลายเป็น 'เวนิสตะวันออก' และทำให้นิสัยใจคอชาวซูโจวมีความอ่อนโยนเหมือนน้ำใส 

แต่ในอีกด้านหนึ่ง เมืองซูโจวในปัจจุบันจัดอยู่อันดับต้นๆ ของเมืองอุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญของจีน มีโครงการลงทุนจากบริษัทที่อยู่ใน 500 อันดับแรกของโลกจำนวนมากมาย มีบริษัทเอกชนหลายล้านบริษัท คุณไม่ได้อ่านผิด..หลายล้านบริษัทจริงๆ 

ปัจจุบัน ซูโจวมีเขตพัฒนาเศรษฐกิจระดับชาติจำนวน 14 แห่ง นิคมอุตสาหกรรมซูโจวเป็นผู้นำของนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศจีน ปีนี้ บริษัทแอร์บัสได้มาเปิดศูนย์วิจัยและการผลิตที่จีน ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมซูโจว บริษัทเทคโนโลยีด้านต่างๆ อาทิ  สารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ ยาชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี อุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ เป็นต้น อันเป็นองค์ประกอบทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เมืองซูโจวกำลังกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของอุตสาหกรรมทั่วโลก 

นี่คือซูโจวที่ได้รับการขนานนามว่า 'สวรรค์ในโลก' 'เมืองแห่งสวนโบราณ' 'บ้านเกิดของจอหงวน' 'หมู่บ้านของสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์' ที่นี่มีหมู่บ้านโจวจวงที่ได้ชื่อว่า 'หมู่บ้านในน้ำที่สวยงามอันดับ 1 ของจีน' มีวัดหานซาน (寒山寺) ที่มีชื่อเสียงในจีน มีคุนซานที่เป็น 'อำเภอเข้มแข็งที่สุดของจีน' เก๋งจีนที่มีประวัติศาสตร์กว่าพันปี ปริมาณผลิตผ้าไหมเป็นอันดับ 1 ของจีน เป็นเมืองแห่งหัตถกรรมและศิลปะพื้นเมือง และมีอาหารโอชาแบบภาคตะวันออกของจีน เมืองซูโจวห่างจากนครเซี่ยงไฮ้ประมาณ 80 กิโลเมตรเท่านั้น มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ การคมนาคมสะดวกมาก

ขอขอบคุณข้อมูล : เพจเฟซบุ๊ก ลึกชัดกับผิงผิง

สุดล้ำ!! ‘จีน’ ลุยส่ง ‘ดาวเทียม’ สู่ห้วงอวกาศจำนวน 4 ดวง ใช้รับข้อมูล-บริการเชิงพาณิชย์-การสื่อสารผ่านดาวเทียม

(24 ก.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.ค.) จีนปล่อยจรวดขนส่งลองมาร์ช-2ดี (Long March-2D) พร้อมส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรที่กำหนด จำนวน 4 ดวง

รายงานระบุว่าจรวดขนส่งลองมาร์ช-2ดี ทะยานออกจากศูนย์ปล่อยดาวเทียมไท่หยวน มณฑลซานซีทางตอนเหนือของจีน ตอน 10.50 น. ตามเวลาปักกิ่ง

ดาวเทียมสามดวงจะถูกใช้รับข้อมูลการสำรวจระยะไกลและให้บริการสำรวจระยะไกลเชิงพาณิชย์ ส่วนดาวเทียมอีกดวงหนึ่งจะใช้ตรวจสอบเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียม

อนึ่ง การส่งดาวเทียมดังกล่าวนับเป็นภารกิจครั้งที่ 479 ของจรวดขนส่งตระกูลลองมาร์ช

ขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนทะลุ 4 หมื่นคน ในวันที่เปิดบริการ ครบ 100 วัน

(24 ก.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งเริ่มต้นบริการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนอย่างเมื่อเดือนเมษายน ได้ขนส่งผู้โดยสาร 41,735 คน เมื่อนับถึงวันเสาร์ (22 ก.ค.) ซึ่งถือเป็นวันที่เปิดบริการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนครบ 100 วัน

รายงานระบุว่าทางรถไฟจีน-ลาว วิ่งจากนครคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผ่านภูเขาและหุบเขาจนถึงนครหลวงเวียงจันทน์ของลาวด้วยระยะเวลา 10 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งนับรวมเวลาที่ใช้ในพิธีการศุลกากร

จุดผ่านแดนตำบลโม๋ฮัน ณ ชายแดนจีนที่ติดกับลาว ระบุว่ามีการเดินรถไฟ 200 เที่ยว ซึ่งขนส่งผู้โดยสารจาก 49 ประเทศและภูมิภาค จำนวน 41,735 คน โดยจำนวนผู้โดยสารขาเข้าอยู่ที่ 22,066 คน ซึ่งมากกว่าผู้โดยสารขาออกราวร้อยละ 12.2 และร้อยละ 54 เป็นนักท่องเที่ยว

'สี จิ้นผิง' เซ็นปลด 'ฉิน กัง' พ้น รมต.ต่างประเทศ  พร้อมตั้ง 'หวัง อี้' คืนตำแหน่ง พาน กงเซิ่งนั่งผู้ว่าแบงก์ฯ

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติระดับสูงของจีน ได้ลงคะแนนเสียงแต่งตั้งหวังอี้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน และพานกงเซิ่งเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน

มติที่ได้รับการรับรอง ณ การประชุมครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการถาวรประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 14 ระบุว่าฉินกังถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน ส่วนอี้กังถูกปลดจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อบังคับใช้มติดังกล่าว

จ้าวเล่อจี้ ประธานคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ เป็นประธานการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเปิดการประชุมเมื่อเช้าวันอังคาร (25 ก.ค.)

มีการพิจารณาร่างกฎหมายอาชญากรรม (Criminal Law) ฉบับแก้ไข ณ ที่ประชุมครั้งนี้ด้วย

ร่างกฎหมายฯ ฉบับแก้ไขดังกล่าวมุ่งเน้นการดำเนินการตามหลักการของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และนโยบายเกี่ยวกับการต่อสู้การทุจริตและการคุ้มครองผู้ประกอบการเอกชนอย่างสอดคล้องกับกฎหมาย

ขณะเดียวกันร่างกฎหมายฯ ฉบับแก้ไขนี้ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับอาชญากรรมด้านการเสนอสินบน รวมถึงการทุจริตที่กระทำการโดยบุคลากรผู้ประกอบการเอกชน

เมื่อช่วงบ่ายวันอังคาร (25 ก.ค.) จ้าวเป็นประธานการประชุมสภาคณะประธานคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ ก่อนปิดการประชุมครั้งนี้

อนึ่ง การประชุมแบบปิดครั้งนี้ ซึ่งเข้าร่วมโดยสมาชิกคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ จำนวน 169 คน ได้อนุมัติการแต่งตั้งและการปลดบุคลากรข้างต้น

ทั้งนี้ ก่อนหน้ามีข่าวว่านาย ฉิน กัง วัย 57 ปี อดีตที่ปรึกษาของสีจิ้นผิงและเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ เพิ่งขึ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศจีนเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ฉินได้หายตัวอย่างปริศนาไปจากสาธารณะนับจากวันที่ 25 มิ.ย. ระหว่างนี้ยังมีการมอบหมายให้ นาย หวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ ไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งอาเซียนที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียระหว่างวันที่ 11-14 ก.ค. ที่ผ่านมา (แทนที่จะเป็นฉิน กัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีน) ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ นานา อาทิ ฉินกังป่วยหนัก และข่าวลือเรื่องอื้อฉาวชู้สาวกับนักข่าวพิธีกรรายการโทรทัศน์คนดังคือนางฟู่เสี่ยวเถียน

จับตา 'สี จิ้นผิง' สั่งกองทัพจีนเตรียมพร้อมรบตะวันตก ชี้!! ไม่ถึงขั้นสงครามครั้งที่ 3 แต่ปะทุจากพิกัดเฉพาะจุด 

(26 ก.ค. 66) ตามรายงานของเกียวโดนิวส์ สื่อมวลชนญี่ปุ่นเมื่อวันจันทร์ (24 ก.ค.66) ได้เผยว่า ก่อนหน้านี้ หากยังพอจำกันได้ ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน เคยบอกกับบรรดาผู้นำกองทัพระหว่างการประชุมหนึ่งเมื่อปี 2020 ด้วยการผงาดขึ้นมาของจีนและการเสื่อมถอยของตะวันตก ปักกิ่งจึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามระหว่าง 2 ฝ่าย

โดยคำกล่าวนั้น อ้างอิงเอกสารจากการประชุมระหว่าง สี กับ คณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน สื่อมวลชนญี่ปุ่นอ้างว่า สี ได้ประกาศกับที่ประชุมว่า “ตะวันออกกำลังผงาด และตะวันตกกำลังเสื่อมถอย”

ท่ามกลางดุลอำนาจที่เปลี่ยนไปนี้ สี คาดการณ์ว่าความขัดแย้งระดับท้องถิ่นจะปะทุขึ้นและลุกลามบานปลาย อย่างไรก็ตาม ในการสันนิษฐานครั้งนั้นเขาตัดความเป็นไปได้ของสงครามโลกครั้งที่ 3 ทั้งนี้ไม่ชัดเจนว่าในตอนนั้น สี มองว่าความขัดแย้งจะมีต้นกำเนิดที่ใด แต่สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ เชื่อว่าผู้นำจีนมองไต้หวัน ในฐานะล่อแหลมที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด

รายงานข่าวระบุว่า เอกสารเหล่านี้ผ่านการเรียบเรียงหลังการประชุมเมื่อปี 2020 และส่งไปยังบรรดาผู้บัญชาการทหารจีนและพวกเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว รัสเซีย ได้สู้รบกับสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เรียกว่า “กลไกทางทหารตะวันตกทั้งมวล” ในยูเครนไปแล้ว ในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเกี่ยวกับประเด็นไต้หวัน ทวีความร้อนแรงมาถึงจุดเดือด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งอเมริกา พูดซ้ำๆ ว่าเขาจะปกป้องเกาะแห่งนี้ ที่จีนกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนด้วยกำลังทหาร

การประชุมของสี และคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เกิดขึ้นก่อนหน้ารัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครนราวปีเศษๆ และในตอนนั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น ง่วนอยู่กับการทำสงครามการค้ากับปักกิ่ง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจยังไม่ถึงจุดต่ำสุดเหมือนเช่นปัจจุบันภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน
.
โดยไม่คำนึงถึงเรื่องดังกล่าว รายงานข่าวระบุว่า สี เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่กองทัพจีนต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่จะระเบิดขึ้นและปฏิกิริยาลูกโซ่ของมัน และสั่งให้พวกผู้บัญชาการกองทัพ "เตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่องสำหรับปกป้องอธิปไตยของจีนและผลประโยชน์แห่งชาติ"

คำสั่งของสี เกิดขึ้นระหว่างการประชุมลับ แต่บ่อยครั้งที่ผู้นำจีนมักพูดแบบเดียวกันต่อที่สาธารณะ เขาเคยออกคำสั่งให้ทหาร “ฝึกฝนเสริมความเข้มแข็งอย่างครอบคลุม เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม" ระหว่างการเดินทางตรวจเยี่ยมกองบัญชาการแห่งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว และในเดือนเมษายน เขาบอกกับกำลังพลให้มุ่งเน้นการฝึกฝนไปที่ “การสู้รบจริง” ในการปกป้อง “อธิปไตยเหนือเขตแดนและผลประโยชน์ทางทะเลของจีน”

เด็กหญิงชนเผ่าอี๋ร้องเพลงให้ 'สี จิ้นผิง' ฟังอีกครั้ง พร้อมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่ได้พบกัน

ไม่นานมานี้ เพจ 'ลึกชัดกับผิงผิง' ได้โพสต์เรื่องราวของเด็กหญิงชนเผ่าอี๋ที่เคยร้องเพลงให้ 'สี จิ้นผิง' ฟังเมื่อ 5 ปีก่อน และครั้งนี้เธอได้กลับมาร้องเพลงต่อหน้าผู้นำจีนอีกครั้ง ภายใต้คุณภาพชีวิตที่แตกต่างไป ว่า...

#สังคม #จีน
เด็กหญิงชนเผ่าอี๋ที่เคยร้องเพลงให้คุณปู่สี จิ้นผิงฟัง

งานกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อนครั้งที่ 31 เปิดฉากขึ้นที่เมืองเฉิงตูมณฑลเสฉวนภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อค่ำวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา

เด็กหญิงชนเผ่าอี๋คนหนึ่งชื่อจี๋เห่าเหยากั่ว (吉好有果) เป็น สมาชิกวงนักร้องประสานเสียงนักเรียน ขึ้นเวทีกลางสนามกีฬา ร้องเพลง ‘ธงชาติสวยจริงๆ’ ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนนั่งชมอยู่บนอัฒจรรย์

จี๋เห่าเหยากั่วอายุ 15 ปี เธอคุ้นกับเพลงนี้มากเพราะเมื่อ 5 ปีก่อน เธอเคยร้องเพลงนี้ให้คุณปู่สี จิ้นผิงฟัง

บ้านเกิดของจี๋เห่าเหยากั่วอยู่ที่หมู่บ้านซานเหอ เขตปกครองตนเองชนชาติอี๋เหลียงซาน มณฑลเสฉวน เขตปกครองตนเองชนชาติอี๋เหลียงซานเป็นหนึ่งในเขตชนบทที่ยากจนพิเศษของจีน แต่ก่อนที่หมู่บ้านซานเหอ ชาวบ้านล้วนอาศัยอยู่ในบ้านหลังเตี้ยๆ ที่ก่อด้วยดินจากรุ่นสู่รุ่น

ช่วงก่อนวันตรุษจีนปี 2018 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเดินทางไปตรวจเยี่ยมที่หมู่บ้านซานเหอ และเข้าไปในบ้านชาวนา 2 ครัวเรือนเพื่อถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ อาชีพ รายได้ ตลอดจนเด็กได้เข้าเรียนหรือไม่  

เวลานั้นเด็กหญิงจี๋เห่าเหยากั่วอายุ 10 ขวบ เธอได้ร้องเพลง ‘ธงชาติสวยจริงๆ’ ให้คุณปู่สีฟัง คุณปู่สีปรบมือและชมว่า “ร้องได้ดีมาก”

เวลาผ่านไป 5 ปี จี๋เห่าเหยากั่วโตขึ้น เธอเป็นเด็กร่าเริง ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอด เมื่อทบทวนประสบการณ์หลายปีก่อน  เธอยังคงตื่นเต้นและกล่าวว่า “วันนั้นมิอาจลืมได้ หนูยังจำคำพูดของคุณปู่สีได้แม่นว่า พยายามเรียนดีๆ หลังโตขึ้นแล้วเดินออกจากภูเขาเหลียงซานไปดูโลกที่กว้างใหญ่”

ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หมู่บ้านซานเหอที่จี๋เห่าเหยากั่วอยู่นั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ถนนดินในหมู่บ้านกลายเป็นทางหลวงมาตรฐาน บรรดาชาวบ้านได้ย้ายออกจากบ้านดินเข้าไปอยู่ในชุมชนที่สร้างใหม่ และส่วนใหญ่ได้งานใหม่

ครอบครัวของจี๋เห่าเหยากั่วได้บ้านใหม่เนื้อที่ 100 ตารางเมตร เธอกล่าวว่า “แต่ก่อนเรากินนอนในบ้านที่มีเพียง 1 ห้อง แต่บ้านใหม่ในปัจจุบันมีห้องน้ำห้องครัว และเรายังมีห้องส่วนตัวด้วย”

ปีหลังๆ นี้ เขตปกครองตนเองชนชาติอี๋เหลียงซาน ได้ดำเนินโครงการพ้นความยากจนด้วยการศึกษา โดยสร้างโรงเรียนใหม่กว่า 600 โรงเรียน ขณะเดียวกัน ได้สร้างโรงอนุบาลทุกหมู่บ้าน เพื่อให้เด็กในชนบทเหล่านี้ได้รับการศึกษาเหมือนกับเด็กในเมือง

ปัจจุบัน ชาวนาหมู่บ้านซานเหอยังได้ปลูกพืชพิเศษชนิดต่างๆ เลี้ยงวัวเลี้ยงหมูพันธุ์ดีที่ขายได้ราคาสูง และหมู่บ้านซานเหอยังได้รับการปรับปรุงให้เป็นเหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม

จี๋เห่าเหยากั่วกล่าวว่า “ต้นเดือนกรกฎาคม เมื่อครูบอกกับหนูว่าจะมีโอกาสได้ไปร้องเพลงในพิธีเปิดงานกีฬามหาวิทยาลัยโลก หนูตื่นเต้นดีใจมาก เพลง 'ธงชาติสวยจริงๆ' เพลงนี้มีความหมายพิเศษ เป็นเพลงที่หนูชอบมากที่สุด หนูรู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถเป็นตัวแทนหมู่บ้านและชนเผ่าอี๋ ขึ้นร้องเพลงบนเวทีงานกีฬามหาวิทยาลัยโลก”

เปิดเหตุผล ที่ทำให้ 'ญี่ปุ่น-เวียดนาม' ต้องปาดเหงื่อ!!  หลังจีนถ่ายทอดเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงให้ไทย

เมื่อไม่นานมานี้ ช่องยูทูบ BangkokTube Akira ได้แชร์บทวิเคราะห์ช่องยูทูบ ‘Geography Issues’ ซึ่งเป็นชาวเวียดนาม ที่ได้พาดหัวข่าวเกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคายในประเทศไทย เอาไว้ว่า “เหตุใดประเทศจีนจึงจําเป็นต้องมีโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย มูลค่า 67,000 ล้านบาท ในประเทศไทย อันตรายสําหรับเกษตรกรเวียดนาม” โดยระบุว่า…

นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2557 ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ก็แน่นแฟ้นมากขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพันธมิตรทางการทหารที่ยาวนานกับสหรัฐอเมริกาก็ตาม โดยเฉพาะในบริบทของจีนที่กําลังเร่งดําเนินโครงการ One Belt One Road สิ่งนี้จะเป็นเส้นทางรถไฟที่สําคัญ เป็นหัวใจสําคัญและเป็นความใฝ่ฝันของจีน เมื่อพิจารณาจาก ‘ทําเลที่ตั้ง’ ของประเทศไทย และตําแหน่งในภูมิภาคปักกิ่ง ซึ่งประเทศไทยนั้นเป็นศูนย์กลางที่สําคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะเป็นส่วนสําคัญในการผลักดันโครงการ One Belt One Road หรือ 1 แถบ 1 เส้นทาง สําหรับประเทศไทยสิ่งนี้จะเป็นความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เมื่อรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย เปิดให้บริการด้วยความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางระหว่าง 2 เมือง เหลือเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น

พัฒนาการเชื่อมต่อโครงข่ายทางรางระหว่างไทย-จีน ผ่านเส้นทางรถไฟเวียงจันทน์-คุนหมิง ซึ่งกรุงเทพมหานครจะเชื่อมต่อโดยตรงกับเครือข่ายระบบรางอันมหึมาของจีน พร้อมกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทย-จีน รวมถึงสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรของประเทศไทยจะเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคจีนได้อย่างรวดเร็ว และในทางกลับกันสินค้าจีนก็จะเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

จีนผู้ริเริ่มโครงการรถไฟสายนี้ ซึ่งเป็นเส้นทางสําคัญของแผนทั้งหมด ความทะเยอทะยานของปักกิ่งสําหรับทางรถไฟสายเอเชีย เชื่อมระหว่างภาคใต้ตอนกลางของอาณาจักรไปยังกัวลาลัมเปอร์และสิงคโปร์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าภายในไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนกําลังค่อยๆยกระดับการแลกเปลี่ยนทางการค้ากับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในทางบกมากยิ่งขึ้น

หากโครงการนี้สําเร็จ โอกาสนี้จึงเป็นโอกาสครั้งสําคัญของไทยในการดึงดูดนักลงทุนจากจีน และประเทศอื่นๆ ตลอดจนขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งนี้ สําหรับจีนโครงการนี้จึงเปรียบเสมือนหัวใจสําคัญของโครงการ One Belt One Road ไม่ใช่แค่เพื่อในการขนถ่ายสินค้าระหว่างไทย-จีนเท่านั้น แต่ด้วยความสําคัญของเครือข่าย จะช่วยในการสื่อสารผ่านพื้นที่ เพื่อสร้างเงื่อนไขที่ดีสําหรับตลาดผู้บริโภค พัฒนาการค้า และการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ยังมีบทบาทที่สําคัญในการส่งเสริมการออกสู่ทะเลตะวันออกผ่านอ่าวไทยและมหาสมุทรอินเดีย เพื่อสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การทหาร และอื่นๆ สําหรับจีน

อีกทั้งโครงการนี้ยังเป็นความเคลื่อนไหวที่สําคัญสําหรับประเทศจีน ในการขยายการแสดงตัวตน
และอิทธิพลของพวกเขา ในภาคสนามเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนั่นหมายถึงว่า การที่จีนถ่ายทอดเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงให้กับประเทศไทย จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อส่วนแบ่งทางการตลาดของ ‘ญี่ปุ่น’ ที่เป็นผู้นําด้านเทคโนโลยี ซึ่งครองเจ้าตลาดในภูมิภาคนี้มาอย่างยาวนาน ด้วยความสามารถของประเทศไทย หากรับเอาเทคโนโลยีจากจีน ญี่ปุ่นจะสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดที่สําคัญ สิ่งนี้จึงทําให้ญี่ปุ่นอาจเกิดความกังวลได้

นอกจากนี้จีนยังมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะให้บริการเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงแก่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งได้นําไปสู่การแข่งขันโดยตรงกับญี่ปุ่น และสิ่งนี้ยังส่งผลกระทบที่สําคัญต่อโมเดลรถไฟความเร็วสูงทั่วโลกในอนาคต

หลังจากข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป ก็มีชาวเวียดนามเข้ามารับชมนับแสนคน พร้อมแสดงความคิดเห็นทั้งชื่นชมในวิธีคิดของทั้งจีนและไทย รวมถึงมีการมองต่างมุมบ้างในบางความเห็นคละกันไปเป็นจํานวนมาก

สวนสัตว์เฉลย!! หลังชาวจีนโวยใช้คนแต่งชุดหมีหลอกนักท่องเที่ยว ชี้!! หมีจริงๆ และร้อน 40 องศา ไม่น่ามีใครกล้าใส่ชุดหนาๆ มาโชว์

กลายเป็นข่าวที่มีกระแสไวรัลไปทั่วโลกแล้วในขณะนี้ เมื่อมีชาวจีนได้โพสต์คลิปหมีตัวหนึ่งที่สวนสัตว์หังโจว ในมณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน มีอากัปกิริยาคล้ายมนุษย์ ยืนสองขา ตัวตรง แถมยังโบกมือให้นักท่องเที่ยวที่มาชมสวนสัตว์ได้ด้วย ทำให้ชาวจีนเข้าใจว่านี่ไม่ใช่หมี แต่เป็นคนที่สวมชุดหมีไว้หลอกนักท่องเที่ยวว่าเป็นหมีจริง

และกลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ของจีน เมื่อมีผู้คนมาชมคลิปนับล้านครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นหมีจริง หรือ หมีปลอมกันแน่ เพราะรูปร่างของหมีนั้นตัวเล็ก ดูจะต้อนรับขับสู้นักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ ผิดวิสัยหมี

ต่อมาทางสวนสัตว์หังโจว ได้ออกแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร ยืนยันว่าหมีที่อยู่ในคลิป เป็นหมีจริง มีชื่อว่า ‘แองเจลลา’ เป็นหมีพันธุ์ Malayan Sun Bear คนจีนเรียกว่า 马来熊 หรือ ‘หมีมาเลย์’ ซึ่งคนไทยเรียกว่า ‘หมีหมา’ หรือ ‘หมีคน’ เพราะมีรูปร่างสันทัด และมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับหมีทั่วไป

ทางสวนสัตว์กล่าวว่า “เมื่อพูดถึงหมี สิ่งที่คนจีนทั่วไปคิด คือหมีต้องมีรูปร่างสูงใหญ่ มีพละกำลัง แต่ไม่ใช่ว่าหมีทุกตัวจะมีลักษณะแบบนั้น อย่างเช่น หมีมลายูพันธุ์นี้ ที่จัดว่าเป็นหมีที่ตัวเล็กที่สุดในโลก" 

ข้อมูลที่น่าสนใจอื่นๆ ของหมีมลายู หรือ ‘หมีหมา’ ในชื่อไทย มักพบในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นในเมียนมา, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย หรือทางภาคใต้ของไทย มีขนาดตัวเพียง 100 - 140 เซนติเมตร ชอบนอนตามต้นไม้สูง เมื่อได้กลิ่นแปลกปลอม น่าสงสัย มันจะยืน 2 ขา ชูจมูกสูดดมกลิ่น และยังมีเสียงคล้ายสุนัขเห่า จึงถูกเรียกว่าหมีหมา ปัจจุบันจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์

แต่ทั้งนี้ จะหาว่าคนจีน ขี้ระแวง คิดมาก ก็ไม่ได้ เพราะสวนสัตว์จีนบางแห่งเคยมีประวัติย้อมแมว หลอกนักท่องเที่ยวมาแล้วหลายครั้ง อาทิ สวนสัตว์แห่งหนึ่งในเมืองลั่วเหอ มณฑลเหอหนาน เคยนำสุนัขพันธุ์ ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ มาจัดแสดงในกรงที่ระบุว่าเป็นสิงโตแอฟริกามาก่อน  หรือสวนสัตว์ในเมืองซีชาง ในเสฉวน ก็เคยนำสุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ มาจัดแสดงในกรงสิงโตอาฟริกาเช่นกัน

มาคราวนี้ ทางสวนสัตว์หังโจว จึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อแก้ข่าวที่สะพัดในโลกออนไลน์ ว่าภาพที่เห็นเป็นหมีมาเลย์จริงๆ ไม่ใช่สุนัข และ ไม่ใช่คนปลอมเป็นหมี เพราะคงไม่มีใครสามารถทนใส่ชุดหมียืนกลางแจ้งในอุณหภูมิที่ร้อนจัดถึง 40 องศาในช่วงหน้าร้อนนี้ได้ โดยทางสวนสัตว์ยินดีให้สื่อเข้ามาสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้แบบตัวต่อตัว งดการสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์

แต่ถ้าใครยังข้องใจ ก็ลองตีตั๋วเข้ามาชมกับตาดูได้ ว่าคุณจะเห็นหมีจริงหรือเปล่า

สหรัฐฯ แบไต๋!! ไม่จำเป็นต้องรบกับจีน แต่ให้พันธมิตรรบแทน ภายใต้แผนพึ่งพาพันธมิตรช่วยขยายขอบเขตกองทัพมะกัน

(3 ส.ค. 66) เพจ 'The World Echo' โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ลุงแซมนี่กล้าหาญจริง ๆ ชอบแอบข้างหลังชาวบ้านแล้วผลักชาตินั้นชาตินี้ให้ออกหน้า ส่วนตัวเองคอยเชิดเบี้ยหมากพลางจิบโค้กอย่างสบายใจ

ล่าสุดเผยไต๋ออกมาว่า สหรัฐฯ จะพึ่งพาพันธมิตรแทนที่จะขยายขอบเขตกองทัพของตนเองครั้งใหญ่ ตอบโต้กรณีเกิดความขัดแย้งด้านทางทหารใด ๆ กับจีนในแปซิฟิก ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาคแถบนี้ นั่นไง...

แล้วพันธมิตรของอเมริกาในแถบนี้มีชาติไหนบ้างล่ะ...แปซิฟิกตอนบน ก็มีญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน ถัดลงมามีพี่ปินส์, ออสเตรเลีย, ปาปัวนิวกินี ในขณะที่ไอ้นกอินทรีหัวล้านพยายามอย่างหนักในการแทรกแซงกิจการการเมืองในไทย

พล.อ.โจเซฟ ไรอัน ผู้บัญชาการกองพลที่ 25 ซึ่งมีกำลังพล 12,000 นาย บนเกาะโอวาฮู รัฐฮาวาย ระบุปักกิ่งกำลังอวดข้อได้เปรียบ อ้างถึงการขยายอิทธิพลของกองทัพจีน แสนยานุภาพด้านขีปนาวุธพิสัยไกล และความสะดวกที่ปักกิ่งสามารถประจำการกองกำลังและยุทโธปกรณ์ในแปซิฟิก...แน่ล่ะ!! เพราะชาติที่จีนไปซูเอี๋ยไว้ไม่ไกลจากจีน

ต่างจากอเมริกาที่อยู่ไกลโพ้น แต่กระนั้นก็ยังพยายามเผือกแถวน่านน้ำนี้ไม่หยุดหย่อน ซึ่ง พล.อ.โจเซฟ กล่าวว่าในกรณีที่เกิดความขัดแย้ง สหรัฐฯ และพันธมิตรจะจำเป็นต้องเดินทางข้ามน่านน้ำสากลหรือดินแดนของหลายประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากชาติเหล่านั้น เช่นเดียวกับการเคลื่อนย้ายและการขนส่งทั้งทางอากาศ ทางบกและทางทะเล

ในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว เป้าหมายลำดับต้น ๆ ของพันธมิตร คือพยายามจำกัดความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของจีน การมีส่วนร่วมในการซ้อมรบ Talisman Sabre ของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาของอเมริกาที่มีต่อพันธมิตร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top