Saturday, 14 June 2025
ก้าวไกล

‘โรม’ ไม่เห็นด้วย หลังศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง ‘พิธา’ หยุดปฏิบัติหน้าที่

(19 ก.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวในรัฐสภาฯ วาระโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 หลังศาลรัฐธรรมนูญลงมติสั่งให้ ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ แคนดิเดตนายกฯ และ ส.ส. พรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ว่า…

“การพยายามตีความข้อบังคับ เพื่อตัดไม่ให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถูกเสนอชื่อ เพื่อลงมติรอบที่ 2 ได้นั้น เห็นได้ว่า มีข้อปัญหาที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งผมไม่อาจเห็นด้วยกับการตีความแบบนี้”

‘คนกาก้าวไกล’ ชี้ ‘ด้อมส้ม’ ไม่ต่างจาก ‘สลิ่ม’ เพราะประชาธิปไตยแบบด้อมส้ม = ‘ห้ามเห็นต่าง’

(19 ก.ค. 66) จากกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี จากจุดยืนจะเสนอแก้ไขมาตรา 112 ภายหลังจากนั้นก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกออนไลน์ และเกิดกระแสหากใครเห็นต่าง ‘ด้อมส้ม’ หรือกองเชียร์ของพรรคก้าวไกลจะเข้ามารุมต่อว่าทันที

ล่าสุดก็มีผู้ใช้งานโซเชียลรายหนึ่งได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ อ้างว่าตัวเองเป็น 1 ใน 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล แต่มองว่าในตอนนี้ ‘ด้อมส้ม’ กำลังจะกลายเป็น ‘สลิ่ม’ เพราะประชาธิปไตยพรรคก้าวไกล เท่ากับห้ามคิดต่าง

ผู้ใช้โซเชียลรายดังกล่าวระบุในวิดีโอว่า “ผมเป็น 1 ใน 14 ล้านเสียงที่กาก้าวไกลนะ แต่คุณเชื่อไหมว่าต่อไป ประชากรสลิ่มจะเติบโตขึ้น เพราะอะไร? มาลองฟังเหตุผล”

“คนที่เห็นด้วยกับนโยบายพรรคก้าวไกล จะมีตั้งแต่เห็นด้วย 100% 90% 80% 70% ผมเรียกคนที่เห็นด้วย 100% ว่า ติ่ง ติ่งก็คือเขาจะทำอะไร จะเลี้ยวไปทางไหนก็คือถูกหมด คนอื่นห้ามเห็นต่าง ประชาธิปไตยของพรรคส้มไม่มีแบบว่า ผมเคารพความคิดคุณนะ เคารพความเห็นคุณนะที่เห็นต่างจากผม เราอยู่ร่วมกันได้ เรามีสิทธิคนละ 1 สิทธิ์ 1 เสียงนะ ไม่มีอะไรแบบนี้นะ ห้ามคิดต่าง!! ห้ามคิดไม่ตรงกับกู แบบนี้คือพวก 100%”

“ที่นี้พวกที่เห็นด้วย 90% 80% 70% ไม่เห็นด้วยในบางนโยบาย อย่างผมไม่เห็นด้วยเรื่องนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ก็จะโดนพวกเห็นด้วย 100% ว่าแล้วว่า ห้ามเห็นต่าง ต้องเห็นตรงกับเขา นี่คือประช่าธิปไตย ดังนั้นจะทำให้คนไปเป็นสลิ่มมากขึ้น และจะกัดกินแบรนด์ส้มจากภายในเรื่อย ๆ กัดกินแบบธรรมชาติ เหมือนพวกหัวคะแนนธรรมชาติที่ตอนนี้ค่อยๆ ล้มหายตายจากไปทีละคน”

ผู้ใช้โซเชียลรายนี้ยังทิ้งท้ายไว้ว่า “คุณลองไปลองดูนะ คุณลองคิดต่างและแหย่เข้าไปในด้อมส้มนี้ดู ลองทำแล้วดูว่าเป็นจริงไหม”

สภาฯ เคาะ!! ไม่เสนอชื่อ ‘พิธา’ ชิงนายกฯ ซ้ำ สรุปคะแนนโหวต 394 ต่อ 312 คะแนน

(19 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศของการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ระหว่างที่เปิดให้สมาชิกรรัฐสภาอภิปรายแสดงความเห็นก่อนลงมติในประเด็นที่เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้รัฐสภาเห็นชอบเป็นนายกฯ อีกครั้งจะทำได้ หรือขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 หรือไม่

จนกระทั่งเวลา 17.00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานที่ประชุม ได้ยุติการอภิปรายเพื่อให้สมาชิกลงมติ ผลปรากฏว่า ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ลงมติญัตติส่งนายพิธาชิงนายกฯ ซ้ำไม่สามารถทำได้ (ขัดข้อบังคับการประชุมข้อ 41) โดยเห็นด้วย (ส่งซ้ำไม่ได้) 394 คน ไม่เห็นด้วย (ส่งซ้ำได้) 312 คน งดออกเสียง 8 คน ไม่ลงคะแนนเสียง 1 คน

มติดังกล่าว ส่งผลให้นายพิธาหมดสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี และต้องจับตาการเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อไป

‘ส.ว.มารุต’ ขอพิจารณาชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ชิงนายกฯ ชี้!! ถ้าไม่มี ‘ก้าวไกล’ เป็นพรรคร่วม การโหวตจะง่ายขึ้น


เมื่อวานนี้ (19 ก.ค.66) ที่รัฐสภา พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนในการโหวตนายกรัฐมนตรี หากพรรคเพื่อไทยมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยว่า ก็ต้องไปดูหน้างาน
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องมีการพิจารณาอีกครั้งใช่หรือไม่ พล.อ.มารุต กล่าวว่า “ครับ” 

เมื่อถามอีกว่า ส.ว.จะมีการพูดคุยอีกครั้งถึงแนวทางการโหวตฯ หรือไม่ พล.อ.มารุต กล่าวว่า ส่วนใหญ่การโหวตเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน

เมื่อถามว่า หากเป็นชื่อนายเศรษฐา แต่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล จะมีการพิจารณาอย่างไร พล.อ.มารุต กล่าวว่า “ก็คงจะพิจารณาพอสมควร” 

เมื่อถามย้ำว่า มีแนวโน้มที่จะโหวตหรือไม่โหวตก็ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.มารุต กล่าวว่า “ใช่ครับ”

เมื่อถามอีกว่า ติดเงื่อนไขในข้อกังวลเรื่องการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ พล.อ.มารุต กล่าวว่า “ใช่ สว.เราก็เป็นห่วงเรื่องนี้”

เมื่อถามว่า หากไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล จะสบายใจในการโหวตมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.มารุต กล่าวว่า “ก็น่าจะง่ายขึ้น แต่เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน”
 

141 เสียงขุนพลพรรคเพื่อไทย 'ชัดเจน-ไม่แตกแถว' ยัน!! เสนอชื่อ ‘พิธา' เป็นนายกฯ ไม่ใช่การเสนอญัตติซ้ำ


(20 ก.ค.66) เพจพรรคเพื่อไทยได้โพสต์ข้อความหลังเสร็จสิ้นการประชุมรับสภาฯ วาระโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 นั้น ไว้ว่า...

การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรจะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตย ยืนยันความเห็นร่วมกันว่า การเสนอชื่อ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้เป็นการเสนอญัตติซ้ำ แม้ที่ประชุมรัฐสภา จะลงมติว่าเป็นญัตติซ้ำ 395 เสียงต่อ 317 เสียง

'ก้าวไกล' ชงยุบ กอ.รมน. ตั้ง กมธ.สันติภาพ 'ปาตานี' เกมถนัดสั่นคลอน 'กลุ่มอำนาจเดิม-ฝ่ายความมั่นคง'

(20 ก.ค. 66) พลันที่พรรคก้าวไกลใกล้จะสูญเสียอำนาจฝ่ายบริหารอย่างเต็มรูปแบบ ทั้ง ๆ ที่ชนะเลือกตั้ง ได้ ส.ส.มาอันดับ 1

แต่พลาดทั้งตำแหน่งนายกฯ (หมดสิทธิ์ไปแล้วจากการตีตกญัตติโหวตเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รอบ 2) และสถานะการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกำลังจะหลุดมือ

ไม่นับเก้าอี้ ‘ประธานสภา’ ที่ต้องเสียให้พรรค 9 เสียงอย่างพรรคประชาชาติไปก่อนหน้านี้

ทำให้พรรคก้าวไกลพลิกเกมสู้ เลือกเดินทางถนัด คือจัดหนักเสนอร่างแก้ไขปัญหากฎหมายแนวปฏิรูป ซึ่งจะสั่นคลอนกลุ่มอำนาจเดิม ทั้งทุนใหญ่ผูกขาด กองทัพ และฝ่ายความมั่นคง จองคิวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

โดยร่างกฎหมายที่ยื่นล็อตแรกมีทั้งหมด 7 ฉบับ ตามหลักการเปลี่ยนประเทศ- ปฏิรูปกองทัพ โดยมีผู้แทนประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รับเรื่อง และร่างกฎหมายที่เสนอมาทั้งหมด เมื่อวันที่ 18 ก.ค.66 ที่ผ่านมา

หลังการยื่น 7 ร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกล นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “การยุบ กอ.รมน. เริ่มนับหนึ่งวันนี้นะครับ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 พ.ศ. ....ถึงมีประธานแล้ว”

นอกจากนี้ นายรอมฎอน ยังโพสต์ข้อความเพิ่มเติม โดยมีเนื้อหาว่า “ความเคลื่อนไหวสำคัญเกี่ยวกับสันติภาพในชายแดนใต้ / ปาตานี เรื่องแรกคือการริเริ่มตั้งต้นยุบ กอ.รมน. ด้วยการเสนอร่างกฎหมายอย่างเป็นทางการ อีกเรื่องเป็นการเข้าชื่อเสนอญัตติให้สภาผู้แทนฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญว่าด้วยเรื่องการสร้างสันติภาพ ลงนามโดย ส.ส.ก้าวไกล รวม 30 คน

ทั้งสองเรื่องเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลสัญญาเอาไว้กับประชาชน วางอยู่บนแนวคิดที่ว่าการเผชิญหน้าและรับมือกับความขัดแย้งในชายแดนใต้มาตลอดหลายสิบปีนั้น จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทิศทาง นั่นคือการลดบทบาทของกองทัพลง และเพิ่มบทบาทของพลเรือนให้มากขึ้น โดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีความชอบธรรมทางการเมืองในฐานะที่เป็นสถาบันที่ยึดโยงกับประชาชน พื้นที่ของสภาฯ เช่นนี้จะเปิดโอกาสให้เราสามารถดึงเสียงที่แตกต่างหลากหลายมาถกเถียงเรื่องสำคัญๆ ได้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งโดยตัวมันเองก็เป็นกลไกที่จะส่งเสริมการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งโดยไม่ใช้ความรุนแรง

ความขัดแย้งในชายแดนใต้เป็นปัญหาอำนาจรัฐ เป็นเรื่องใหญ่และเรื่องระดับชาติ การมอบหมายให้อยู่ภายใต้กรอบคิดและการดำเนินงานของหน่วยงานความมั่นคงชนิดพิเศษอย่างที่ผ่านมาไม่เพียงพอแล้ว เราต้องการทิศทางที่สร้างสรรค์และเปิดกว้างมากกว่านั้น เพื่อไม่ให้ทิ้งระเบิดเวลาให้กับคนรุ่นถัดไป

ที่จริงแล้ว การยุบ กอ.รมน. ไม่ได้วางอยู่บนเหตุผลแค่เรื่องสันติภาพในดินแดนใต้สุดเท่านั้น แม้ในช่วงการฟื้นตัวก่อกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งในปี 2551 จะอิงกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่นั่น ปัญหาของหน่วยงานรัฐซ้อนรัฐนี้ปรากฏอยู่ทั่วทั้งประเทศ การแทรกแซงเข้าไปในกิจกรรมทางการเมืองของประชาชน มองหาภัยคุกคามและข้าศึกอยู่ตลอดเวลาเช่นนั้นไม่เป็นผลดีต่อพัฒนาการของประชาธิปไตยในระยะยาว

เรื่องนี้เป็นหนึ่งในกฎหมาย 5 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปกองทัพ แต่ละเรื่องนับเป็นหัวใจสำคัญของหลักการควบคุมกองทัพด้วยรัฐบาลพลเรือนแทบทั้งสิ้น ชวนทุกท่านติดตามและถกเถียงถึงพัฒนาการของกระบวนการสันติภาพในรัฐสภาไทยอย่างใกล้ชิด”

นอกจากโพสต์ข้อความ นายรอมฎอนยังโพสต์ภาพเอกสารร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เพื่อดำเนินการยุบ กอ.รมน. และภาพเอกสาร ขอเสนอญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา ติดตามและส่งเสริมการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ / ปาตานี โดยเอกสารทั้ง 2 ฉบับมีนายรอมฎอน ปันจอร์ ลงชื่อเป็นผู้เสนอ

เป็นที่น่าสังเกตว่า เอกสารการขอเสนอญัตติ พิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามและส่งเสริมการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ / ปาตานี มีการใช้คำว่า ‘ปาตานี’ ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาจากขบวนการชาตินิยมปัตตานี ที่ผ่านมามักถูกใช้โดยฝ่ายที่เห็นต่างจากรัฐและกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบ แต่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็น ส.ส.ของปวงชนชาวไทย ซึ่งหมายถึงคนไทยทั้งประเทศ นำมาใช้ห้อยท้ายชื่อของคณะกรรมาธิการฯ ที่ตนเองเสนอ

ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนในเจตนาว่าเป็นความต้องการสะท้อนความแตกต่างหลากหลาย หรือเป็นการยอมรับคำกล่าวของคู่เจรจา ซึ่งบางส่วนใช้อาวุธต่อสู้กับรัฐไทยกันแน่

นายทหารระดับสูงใน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า (ขอสงวนนาม) แสดงทัศนะหลังได้เห็นการโพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ของนายรอมฎอนว่า “อย่านำความมั่นคงของรัฐมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง”

สำหรับร่างกฎหมายทั้งหมด 7 ฉบับ ที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เสนอแก้ไข แบ่งเป็น 2 ชุด

ชุดที่ 1 ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ (Demilitarize) จำนวน 5 ฉบับ เพื่อทำให้กองทัพมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ประกอบด้วย

1) ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร เพื่อยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารในยามปกติ และเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ 100%
2) ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อตัดอำนาจสภากลาโหม ให้พลเรือนอยู่เหนือกองทัพ
3) ร่าง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสเรื่องภาระค่าใช้จ่ายและเงินนอกงบประมาณทั้งหมดของรัฐ
4) ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เพื่อดำเนินการยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
5) ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศ คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อยกเลิกประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ

ชุดที่ 2 ชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด (Demonopolize) จำนวน 2 ฉบับ เพื่อส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม และยกระดับขีดความสามารถของเศรษฐกิจไทย ประกอบด้วย

1) ร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต หรือร่าง “สุราก้าวหน้า” เพื่อปลดล็อกการผลิตสุราของผู้ผลิตรายย่อยและสุราชุมชน
2) ร่าง พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า เพื่อสร้างกติกาแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม ปฏิรูปคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า และออกกฎ “คนฮั้ววงแตก” ในการป้องกันการฮั้วประมูลของบางบริษัทที่ร่วมมือกันผูกขาดหรือลดการแข่งขัน

‘ชูวิทย์’ คาด 'เพื่อไทย' ดอดเจรจา 'ก้าวไกล' ช่วยถอยเป็นฝ่ายค้าน ชี้!! หากมีการจับขั้วใหม่ นายกฯ อาจมาจากพรรคเสียงข้างน้อย

(20 ก.ค. 66) ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย อาจเจรจาก้าวไกลขอให้ไปเป็นฝ่ายค้าน โดยระบุว่า…

เกมโหดการเมือง
อย่าไปคิดว่าจะได้คะแนนโหวตจาก ส.ว. จนถึง 376 หรือไม่?
เอาแค่ให้พิธาได้โหวตในรอบสอง ยังไม่มีโอกาส

ภาพซ้ำรอยกับธนาธรไปอีก ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.
จากจะเสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯ รอบสอง กลายเป็นการอำลากลางสภา

ขั้นต่อไปเข็มทิศพุ่งไปที่การยุบพรรคก้าวไกล
วันนี้เป็นบรรทัดฐานว่า ชื่อนายกฯ เสนอโหวตซ้ำรอบสองไม่ได้
หากเพื่อไทยจะเสนอชื่อเศรษฐา ก็ต้องมั่นใจว่าผ่าน ส.ว. ในครั้งเดียว

จึงถึงเวลาที่ก้าวไกลจะต้องถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้านสมบูรณ์แบบ
เพราะหากมีชื่อก้าวไกลในพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว แม้เสนอชื่อนายกฯ เพื่อไทยไปก็ไม่ผ่าน
ส.ว. จะมีข้ออ้างในการไม่โหวตให้ เสียของไปอีก

พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากเป็นอันดับ 1 ในทางประชาธิปไตยต้องได้จัดตั้งรัฐบาล
แต่กลับไม่ได้ทั้งตำแหน่งประธานสภา นายกฯ และรัฐบาล
ผมเคยเตือนแล้วว่าต้องเอาประธานสภามาให้ได้

เมื่อตำแหน่งประธานสภาไปตกกับคนกลาง อ.วันนอร์ ผลจึงออกมาวันนี้ ต้องโหวตว่าจะเสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯ รอบสองได้ไหม ท้ายสุดก้าวไกล ไม่ได้อะไรเลย จากกลเกมการเมืองอย่างเหี้ยม คะแนนประชาชนมาหลังสุด

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น
ก้าวไกลพลิกสถานการณ์ไม่ทันจากทะยานพุ่งสู่ฟ้า กลับดิ่งลงเหวโดยฉับพลันทันใด
ลูกบอลเข้าเท้าเพื่อไทยแต่หากเดินไม่ดีมีโอกาสพลาดเช่นกัน

จึงต้องกลืนน้ำลายตัวเอง เอาพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย มาร่วมรัฐบาล
พลิกขั้วตามที่ผมคาดไว้

'เพื่อไทย' รอ 'ก้าวไกล' นัดคุย 8 พรรค ลั่น!! ไม่ขอรบบนสมรภูมิที่แพ้แล้ว

(20 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วม ว่า มติรัฐสภาวานนี้ (19 ก.ค.) ที่ตีความว่าการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นญัตติที่ไม่สามารถเสนอซ้ำได้ในสมัยประชุมเดียวกันได้ ทำให้ไม่สามารถเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซ้ำเป็นรอบสอง ไม่ควรเกิดขึ้นเพราะจะผูกมัดต่อไปในอนาคต แต่จะเป็นเพียงการผูกมัดแค่มาตรา 272 เมื่อเปลี่ยนไปใช้การมาตรา 159 แต่งตั้งนายกฯ ข้อผูกพันนี้จะลดไป อย่างไรก็ตาม ทราบว่าเบื้องต้นเลขาธิการของพรรคเพื่อไทย และเลขาฯ พรรคก้าวไกล พูดคุยกันแล้ว เราก็รอจะมีการนัดหมายเมื่อใด

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นายบวรศักดิ์ไม่เห็นด้วยกับผลการลงมติของรัฐสภา และยังแนะนำว่าใครเห็นว่าถูกละเมิดสิทธิ์สามารถไปร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินได้

เมื่อถามว่า วันนี้ใช้คำว่าเพื่อไทยต้องรอพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียวได้ใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรค กล่าวว่า ต้องรอ ในฐานะที่เป็น 8 พรรคร่วม การตัดสินใจและท่าทีอยู่ที่พรรคก้าวไกลก่อน เมื่อถามย้ำว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยไม่ปล่อยมือพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “ขณะนี้ยัง ยังอยู่”

เมื่อถามถึงการเสนอชื่อนายกฯ ครั้งต่อไป จะต้องเป็นของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า อยู่ที่การหารือที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ โดยจะรอนัดหมาย อาจเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็แล้วแต่เขาจะนัดหมายกัน

เมื่อถามว่า แกนนำพรรคก้าวไกลหลายคนไม่พอใจการทำงานของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีใครพอใจ ส่วนตัวก็ไม่พอใจเหมือนกัน จะเสนอญัตติโดยใช้เสียงข้างมากธรรมดาโดยไม่มีช่องทางที่ชอบด้วยข้อบังคับการประชุมรัฐสภา แต่เมื่อออกมาเช่นนั้นก็ต้องยอมรับ เพราะเราปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และระบบรัฐสภา ระบบเสียงข้างมาก ก็ต้องยึดถือ เพียงแต่ว่าสิ่งหนึ่งที่อาจมีความแคลงใจ คาใจและไม่พอใจ คือเสียงข้างมากไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม และจะทำให้ระบบรัฐสภามีปัญหาแน่นอน

“แต่บทเรียนครั้งนี้สามารถนำมาปรับปรุงแก้ไขได้ เมื่อหมดวาระของ ส.ว.ในวันที่ 11 พ.ค.67 เรามีความชอบที่จะแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยนำเรื่องการให้ความเห็นชอบนายกฯมากำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุมสภาฯ อะไรที่เป็นข้อจำกัดในข้อบังคับการประชุมรัฐสภาไปบัญญัติไว้ในข้อบังคับการประชุมสภาฯ แทน” นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นห่วงว่าการเสนอชื่อนายกฯ เป็นญัตติไม่สามารถเสนอชื่อซ้ำได้ในสมัยประชุมเดียวกันนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เมื่อข้อบังคับถูกวินิจฉัยเช่นนี้ทุกคนเป็นห่วง ถ้าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ตกภาระลำบาก 

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยห่วงว่าถ้ายังจับกับพรรคก้าวไกลแล้วเสนอชื่อรอบ 3 หรือรอบต่อ ๆ ไปจะไม่ผ่านเหมือนกันใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เสนอชื่อซ้ำก็ห่วงทุกมิติ ถ้าเขาเห็นว่าเราไม่ได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย ทุกคน ก็ยากมากที่จะฝ่าด่านไปได้ ดังนั้น หลักการคือ พรรคแกนนำไม่ว่าพรรคใดต้องแสวงหาความมั่นใจว่าเสนอไปแล้วจะผ่าน ไม่มีใครรบบนสมรภูมิที่แพ้ แล้วจะรบอีก เพราะเราก็จะเสียคนของเราไปด้วย โดยเฉพาะถ้าเรามีเพียงคนเดียวเราเสนอไม่ได้อีก มันก็จบ นี่คือปัญหา

เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคก้าวไกลจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สมควรยื่น อะไรที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญควรดำเนินการ เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายกฯ แต่ยังจับขั้วกับพรรคก้าวไกล ชื่อที่พรรคเพื่อไทยเสนอก็จะไม่ผ่าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ข่าวก็คือข่าว ต้องรอพิสูจน์ว่าข่าวนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กรณีถ้าถึงคิวที่พรรคเพื่อไทยเป็นคนเสนอ คงไม่รอให้ชื่อของเราไม่ผ่าน ถ้ารอมติตรงนั้นเราก็แพ้อย่างเดียว

“ผมสงสารพรรคก้าวไกลที่ใช้ประเด็นเหล่านี้มาเป็นเงื่อนไข ขณะนี้ไม่ใช่แค่เรื่องมาตรา 112 แล้ว พรรคเพื่อไทยไม่มีความคิดก้าวล่วงสิทธิและเสรีภาพของพรรคก้าวไกล เราเป็นพรรคร่วมก็จริง การที่บอกว่าคุณไปลดหน่อย โน่นนี่นั่น เราไม่มีสิทธิ์ อยู่ที่การตัดสินใจของพรรคเขา” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

‘ณัฐวุฒิ’ ยัน!! สถานะ ‘พิธา’ ครบถ้วนทุกประการ จ่อเสนอชื่อชิงเก้าอี้นายกฯ อีกรอบ

(20 ก.ค.66) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบ ถึงคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สั่งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดในคดีที่ถูกตรวจสอบว่าขาดคุณสมบัติ กรณีถือครองหุ้นสื่อหรือไม่ ทำให้ขณะนี้มี ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ จำนวน 499 คน

จากนั้น นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกหารือต่อประชุม ว่า นายพิธา ประกาศต่อที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ว่า รับทราบ แต่ไม่ยอมรับ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่อ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น ถือว่าไม่มีผลกระทบต่อการถูกเสนอชื่อฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกล ดังนั้น นายพิธา จึงมีสถานะครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการ ดังนั้น จึงมีโอกาส มีสิทธิ ถูกเสนอชื่อให้ต่อสู้ฐานะแคนดิเดตนายกฯ และลงมติเห็นชอบให้นายพิธาเป็นนายกฯ ได้

“การให้ความเห็นชอบประเด็นเสนอชื่อนายพิธาให้เป็นนั้น หากให้ผมยืนยันอาจจะเร็วไป แต่สิ่งที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่พยายามจะพูดกับที่ประชุมรัฐสภา เมื่อ19 กรกฎาคม แต่ไม่มีโอกาส คือ ข้อบังคับการประชุมข้อ 41 วรรคท้าย กำหนดให้ ประธานรัฐสภาพิจารณาต่อได้ หากมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ผมขอยืนยันความสมบูรณ์ครบถ้วนต่อสภา ว่า นายพิธา สามารถเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ของประเทศไทย คนไทยทุกคนไม่เฉพาะคนที่เลือกพรรคก้าวไกลเท่านั้น” นายณัฐวุฒิ อภิปราย

นายณัฐวุฒิ อภิปรายย้ำด้วยว่า กรณีของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีของนายพิธานั้น ยังไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาดว่า นายพิธา นั้นกระทำผิด หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ตามหลักการของกฎหมาย ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ขณะเดียวกัน ศาลจะวินิจฉัยอย่างไร ไม่มีใครทราบ ซึ่งการเลือกนายกฯ นั้นรัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 และมาตรา 272 ดังนั้นนายพิธาจึงมีสถานะและความสมบูรณ์ที่จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ต่อรัฐสภา

ร้องยุบ 3 พรรค 'พรรคประชาชาติ-ก้าวไกล-เป็นธรรม' ผลพวงปลุกปั่นประชามติ แยกเอกราชรัฐปาตานี

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 66 นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ หรือ เป๊ปซี่ ผู้สื่อข่าวอาวุโสด้านการเมืองและความมั่นคงชื่อดัง เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า...

เตรียมร้องยุบสามพรรคการเมืองร่วมเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดน !!

โดยระบุรายละเอียดว่า ใกล้สรุปสำนวนฟ้องยุบสามพรรคการเมืองอีกคดี “ประชามติเอกราชปัตตานี” ใช้ช่องทางมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ ยื่นร้องอัยการสูงสุดพบเห็น “การกระทำเข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ” ภายใน 15 วัน หากอัยการสูงสุดไม่ดำเนิน การผู้ร้องสามารถยื่นตรงศาลรัฐธรรมนูญได้เลย

สามพรรคการเมืองที่จะถูกร้องยุบพรรคจากข้อหาร่วมเคลื่อนไหวล้มล้างการปกครองฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 92 พรรคประชาชาติ ก้าวไกลและเป็นธรรม มีส่วนร่วมกิจกรรม ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมที่ ม.อ.ปัตตานี 7 มิถุนายน 66 เรียกร้องทำประชามติเอกราชปัตตานี จัดโดยขบวนนักศึกษาแห่งชาติ

นายเสริมสุข ระบุอีกว่า ฟังว่าเป็นการประสานการทำงานงานของนักกฎหมายจากส่วนกลาง ขอข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากหน่วยความมั่นคงจังหวัดชายแดนใต้ ใช้เป็นข้อมูลประกอบสำนวนคำร้องให้เห็นถึง”เจตนาพิเศษ”ที่เคลื่อนไหวเรียกร้องในลักษณะของการแบ่งแยกดินแดนตลอดช่วงที่ผ่านมา คาดยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดได้ในช่วงปลายกรกฏาคมนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top