Saturday, 14 June 2025
ก้าวไกล

‘ภูมิธรรม’ ซัด ‘พิธา’ มัดมือชก ‘เพื่อไทย’ แก้ 272  เหน็บ!! นี่คือ ‘วาระประเทศ’ ไม่ใช่วาระ ‘ก้าวไกล’ 

(17 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ระบุว่า จะต่อสู้ใน 2 สมรภูมิ คือ การโหวตนายกฯ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ว่า ไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะการเปิดสมรภูมิใหม่ของพรรคก้าวไกล เป็นการเสนอประเด็นที่อยู่นอกเหนือเอ็มโอยูที่ 8 พรรคเซนต์ร่วมกัน ส่วนที่จะต่อสู้จนประสบความสำเร็จและไม่สามารถไปได้แล้ว และจะมอบอำนาจให้กับพรรคอันดับ 2 นั้น เป็นการพูดเช่นนี้ฟังดูดี แต่ทั้ง 2 ประเด็น มียากลำบากและไม่มีกรอบเวลาชัดเจน 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การแก้ไข ม.272 เป็นได้เพียงสัญลักษณ์ ไม่ได้รับชัยชนะ แต่การเร่งตั้งรัฐบาลจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่พรรค พท. ได้เสนอเป็นนโยบายไว้ว่าจะแก้ทั้งระบบ นี่ถือเป็นวาระสำคัญแต่การเปิดวาระใหม่ ของพรรคก้าวไกล เป็นการเสนอนอกเหนือเอ็มโอยู ตนเห็นว่าการที่นายพิธา และพรรคก้าวไกลนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อสาธารณชน จึงคิดว่ามันไม่ใช่วาระของทั้ง 2 พรรค เราตกลงกันว่าจะกลับไปคุยในพรรคตัวเอง แต่ที่นายพิธาออกมาพูดเช่นนี้เหมือนมัดมือชก เราจึงจำเป็นต้องออกมาพูดความจำเป็น และความเป็นจริงให้ทราบ

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนกล่าวไม่ใช่ความขัดแย้งหรือโกรธกัน แต่เราจะเสนอความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า วาระประเทศและวาระประชาชนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่วาระของพรรคก้าวไกล หรือวาระของนายพิธา วันนี้อยากให้เปิดใจให้กว้างแล้วเอาวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง วาระประเทศเป็นที่ตั้งถูกต้องหรือไม่ การที่นายพิธา พูดว่าเวลานี้ อนาคตของพรรคก้าวไกล และอนาคตของประชาชนอยู่ในมือของประชาชนแล้ว ตนคิดว่าอย่าเอาประชาชนเป็นตัวประกัน วันนี้ประเทศชาติและปัญหาประชาชนอยู่ในมือพรรคก้าวไกล และนายพิธา จึงต้องหยิบเอาปัญหาและวาระของประชาชนเป็นที่ตั้งแล้วตัดสินใจ ถ้าการตัดสินใจครั้งนี้ผิดพลาด ปัญหาประชาชนจะลำบาก ต้องอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ไปอีกนาน และจะรักษาการไปเรื่อยๆ แต่ถ้าตัดสินใจถูกต้องปัญหาจะคลี่คลาย อยากให้นายพิธา และพรรคก้าวไกลนำไปคิด

“พรรค พท. ขอให้เอาวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง แล้วหาทางออกร่วมกันอย่างรวดเร็ว เพราะเราห่วงโรคแทรกซ้อน หากรัฐบาลเดิมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เราจะสู้เขาไม่ได้เพราะเขามี 188 เสียง และส.ว.อีก 250 เสียงสามารถตั้งรัฐบาลได้เลย เราต้องอยู่กับลุงไปอีก 4 ปี ประชาชนยินดีเช่นนั้นหรือไม่ ถ้าไม่ยินดีก็ต้องหาทางออก” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า ได้คิดเรื่องการเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯ ไว้บ้างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรค พท. ไม่มีแผนสำรอง แผนแรกแผนเดียว เราอยากจับมือกับ 8 พรรคร่วมเดินหน้าไปให้ถึงที่สุด แต่ต้องมีคำตอบที่ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้มีการเลือกไปเรื่อยๆ โดยที่ประเทศไม่รู้ว่าทางออกจะเป็นอย่างไร เรารอไปถึงต้นปีหน้าไม่ได้ เพราะปัญหาประเทศตอนนี้รุนแรงมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องแคนดิเดตนายกฯพรรค พท. ซึ่งพรรค พท. มีแคนดิเดตอยู่แล้ว 3 คน หากวันไหนชัดเจนให้พรรค พท. เสนอ เราสามารถเสนอได้ แต่ไม่ใช่วาระสำคัญเราไม่คิดเรื่องนี้ก่อน เราคิดถึงการหาทางออกให้กับประเทศ 8 พรรคการเมืองเสนอนายพิธา ถ้าไม่ได้จะมีวิธีไหนที่ 8 พรรค จะดำเนินการร่วมกันให้ชนะ

เมื่อถามว่า การพูดคุยวันนี้จะต้องเตรียมแคนดิเดตนายกฯ สำรองไว้เลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ความเป็นจริง เรารู้อยู่แล้วว่าแคนดิเดตของเราเป็นอย่างไร ถ้าบอกว่าพรรค พท. ไม่ได้คิดเลย ก็เท่ากับโกหก เราคิดทางออกแต่ยังพูดไม่ได้ เพราะอยากให้ชัดเจนถึงความมุ่งหน้าสนับสนุนของความร่วมมือของ 8 พรรค จนถึงเวลาจำเป็นแล้วถึงจะเสนอ และชัดเจนจะไม่มีคนนอก ขอให้สบายใจว่าหากถึงเวลาต้องเสนอ พรรค พท. มีคนเข้าไปทำงานแน่นอน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับแคนดิเดตทั้ง 3 คน เพราะเรามุ่งหน้าทำเรื่องการเสนอนายพิธา เป็นเรื่องหลัก

“สิ่งที่ผมพูดอาจทำให้เกิดความไม่สบายใจของใครก็ตาม อาจมีรถทัวร์ลงก็ได้ แต่ผมคิดว่าเรายืนอยู่บนความเป็นจริง และอยากให้ความเป็นจริงประสบความสำเร็จ เราไม่อยากเห็นความเชื่อทำให้เกิดความจริง เราอยากเห็นความจริง เอามาคลี่คลาย และทำให้ความเชื่อประสบความสำเร็จ” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ไปพูดคุยกับรัฐบาลเดิมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้มีข่าวลือมาก เราได้ยินข่าวดังกล่าว แต่เมื่อเป็นข่าวลือเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ สิ่งที่สำคัญคือกลับไปตรวจสอบคนของตัวเอง เพราะประวัติศาสตร์การเมืองไทย เรื่องการแจกกล้วย เรื่องงูเห่าเคยเกิดมาแล้ว เราเสนอให้เกิดการระมัดระวัง เราต้องให้เกียรติ ส.ส.ทั้ง 2 พรรค และในส่วนของพรรค พท. ได้ให้แกนนำแต่ละส่วนไปพูดคุยกับ ส.ส.เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

‘เสรีพิศุทธ์’ ชี้!! ‘พิธา’ ไม่ค่อยมีจุดยืนเป็นของตัวเอง เหมือนมี ‘คณะฯ’ อะไรมาควบคุม แนะ!! ควรถอยห่างบ้าง จะได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

(17 ก.ค. 66) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวในรายการ ‘เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand’ ระบุว่า…

“ตั้งแต่ได้รู้จักคุณพิธามา เป็นคนดี น่ารัก มีความรู้ แต่พูดตรงๆ ภาพที่ออกมาแบบทุกวันนี้ เพราะไม่ค่อยมีจุดยืนเป็นของตัวเอง มีอะไรมาคุมข้างหลัง มี คณะฯ อะไร มาคุมพรรคก้าวไกล จับซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้ คณะฯ พวกนั้นควรถอยไปบ้าง และให้คุณพิธาเป็นตัวของตัวเองจะดีกว่า”

เปิดเซฟ 7 ส.ส.ก้าวไกล แต่ละคนมีทรัพย์สินเท่าไร?

(17 ก.ค. 66) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส. กรณีพ้นจากตำแหน่ง ระหว่างวันที่ 28 ก.พ. 17 มี.ค. และ 20 มี.ค.66 จำนวน 100 คน โดยมีบุคคลที่น่าสนใจ ดังนี้ 

-นายรังสิมันต์ โรม อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,380,781 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 6,602,028 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของนายรังสิมันต์ 8,039,177 บาท ของ Ivana Kurniamati (สัญชาติอินโดนีเซีย) คู่สมรส 5,341,603 บาท นอกจากนี้ ยังแจ้งมีบ้านเดี่ยว 1 หลัง ได้มา 23 ก.ค. 2564 มูลค่า 4,950,000 บาท ครอบครองเหรียญดิจิทัล 15 เหรียญ 13,337 บาท และเหรียญดิจิทัลอีก 10 เหรียญ 12,117 บาท สร้อยคอ 13 เส้น 313,205 บาท ทองคำแท่ง 1.201 กิโลกรัม 2,136,571 บาท เป็นต้น

โดยนายรังสิมันต์ ระบุว่า มีรายได้ต่อปี 1,936,736 บาท มีรายจ่ายต่อปี 1,799,290 บาท ที่น่าสนใจ นายรังสิมันต์ แจ้งมีรายได้จากการขายภาพศิลปะ 84,750 บาท ขายหนังสือ 115,435 บาท รายได้จากงานมงคลสมรส 139,811 บาท นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังหมายเหตุไว้ในส่วนของรายจ่ายว่า มีการชำระหนี้ กยศ. 48,699 บาท โดยชำระ กยศ.หมดแล้ว

-นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล แจ้งสถานะโสด มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 10,485,862 บาท ได้แก่ เงินสด 3.2 แสนบาท เงินฝาก 90,223 บาท เงินลงทุน 391,498 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 8.4 ล้านบาท ยานพาหนะ 936,960 บาท สิทธิและสัมปทาน 161,500 บาท ทรัพย์สินอื่น 185,680 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 4,040,151 บาท มีรายได้รวม 1,362,720 บาท มีรายจ่ายรวม 1,785,149 บาท โดยนายณัฐชา แจ้งถือครองอาวุธปืน 5 กระบอก ได้มาก่อน 20 มี.ค. 2566 มูลค่า 185,680 บาท

-นายณัฐวุฒิ บัวประทุม อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 9,265,886 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 513,701 บาท เป็นทรัพย์สินของนายณัฐวุฒิ 7,483,327 บาท ไม่มีหนี้สิน เป็นทรัพย์สินของ น.ส.กรรณิการ์ วงศ์ไชย นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ คู่สมรส 1,782,558 บาท มีหนี้สิน 513,701 บาท 

-นายวาโย อัศวรุ่งเรือง อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 40,542,103 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 15,215,388 บาท เป็นทรัพย์สินของนายวาโย 30,337,958 บาท หนี้สิน 15,215,388 บาท ของ น.ส.เกวลิน พูลภิไกร คู่สมรส 10,204,145 บาท ไม่มีหนี้สิน

-นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 71,578,345 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 2,944,378 บาท เป็นทรัพย์สินของนางอมรัตน์ 52,348,025 บาท (มีบ้าน 8 หลัง 26.25 ล้านบาท) ไม่มีหนี้สิน เป็นทรัพย์สินของนายวิเชษฐ์ โรจนสุกาญจน ผอ.ฝ่ายบริหารการเงิน สถาบันคุ้มครองเงินฝาก คู่สมรส 19,230,320 บาท มีหนี้สิน 2,944,378 บาท โดยมีบ้าน 3 หลัง 13.8 ล้านบาท

-น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไก แจ้งสถานะโสด โดยระบุว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 5,294,506 บาท ได้แก่ เงินฝาก 428,834 บาท เงินลงทุน 915,472 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3,690,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 260,200 บาท มีหนี้สิน 2,013,536 บาท มีรายได้รวม 1,767,720 บาท มีรายจ่ายรวม 1,105,000 บาท

-นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 261,542,260 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 165,181 บาท เป็นทรัพย์สินของนายพิจารณ์ 190,939,958 บาท มีหนี้สิน 47,416 บาท เป็นของนางอัจฉรียา เชาวพัฒนวงศ์ ที่ปรึกษาฝ่ายทรัพยากรบุคคล บจก.พิมคิน คอร์ปอเรชั่น คู่สมรส 50,495,800 บาท มีหนี้สิน 117,765 บาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สิน 20,106,502 บาท

ทั้งนี้ นายพิจารณ์ แจ้งมีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 63,010,720 บาท ในจำนวนนี้คือการขายที่ดินในปี 64 มูลค่า 43 ล้านบาท และขายที่ดินในปี 2565 มูลค่า 16,848,000 บาท นอกจากนี้ นายพิจารณ์ยังแจ้งถือครองรถยนต์หรูหลายคัน เช่น Porsche PANAMERA ได้มา 25 ต.ค. 2564 มูลค่า 7 ล้านบาท Porsche 911 ได้มา 1 เม.ย. 2565 มูลค่า 8 ล้านบาท Bentley GT ได้มา 19 ต.ค. 2564 มูลค่า 15 ล้านบาท มอเตอร์ไซค์ Harley V-Rod ได้มา 3 ก.ค. 2560 มูลค่า 6 แสนบาท เป็นต้น

'ศิริกัญญา' ฟันธงโหวตนายกฯ รอบ 2 พิธาได้เสียงเพิ่มจาก ส.ว. ถาม!! ใครคือผู้ที่ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปเชิญ 'ชทพ.-ปชป.'

(17 ก.ค. 66) ที่อาคารไทยซัมมิท น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล คาดว่าการประชุมวันนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี และมีการหารือเรื่อง เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งที่สอง รวมถึงเรื่องการยกเลิกม.272 ที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นไปก่อนหน้านี้ โดยขอเสียงสนับสนุนจาก 8 พรรคร่วม พร้อมทั้งไม่กังวลกับการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2

"เราได้ทำตามสิ่งที่ได้ให้สัญญากับประชาชนไว้ หากประชาชนยังไม่ถอยเราก็ยังไม่ถอย และคิดว่าจะมีการเสนอชื่อคุณพิธาอีกรอบนึงตามสมรภูมิที่เราได้แจ้งกับประชาชนไว้"

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้เจรจาการดึงพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาล มีการระบุว่าได้รับการทาบทามจากพรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบเรื่องว่าใครคือ ผู้ที่ให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปเชิญ ซึ่งหากได้เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคชาติไทยพัฒนาก็จะได้จำนวนเสียงที่มากขึ้น
.
ส่วนเงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนาระบุว่าไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่แก้ไขมาตรา 112 เป็นเงื่อนไขที่เป็นการเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยได้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า หากเป็นเงื่อนไขมาตรา 112 ก็คงไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ที่มีก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้ง
.
เมื่อถามว่าการหารือระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยในวันนี้จะราบรื่นหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า จะต้องราบรื่นและเป็นไปตามที่เราได้คาดหวังไว้
.
ซักว่ายังยืนยันในจำนวนเสียงส.ว.หรือไม่เพราะพรรคเพื่อไทยต้องการทราบจำนวน ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เรื่องนี้เรามีการสื่อสารด้วยกันมาโดยตลอด ว่าทางพรรคก้าวไกลจะติดต่อท่านไหนและพรรคเพื่อไทยจะช่วยติดต่อคือส.ว.ท่านไหน รวมถึงมีการพูดคุยกันมาโดยตลอด ซึ่งการโหวตในรอบนี้จากที่มีการทำงานกันมาได้คะแนนเสียงเพิ่มเติมจากจำนวนส.ว.ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมในวันนั้น

น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า จริง ๆ แล้วเราไม่มีความกังวลใด ๆ เราสัญญากับประชาชนไว้ว่าจะสู้กับ 2 สมรภูมิ ซึ่งเราจะสู้อย่างเต็มที่เพื่อเสนอนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมคาดหวังว่าจากสิ่งที่เราได้ทำแคมเปญ จะทำให้ส.ว.เปลี่ยนใจมายืนเคียงข้างประชาชนก็คิดว่าเราจะได้คะแนนเสียงเพิ่ม ส่วนเรื่อง 2 สมรภูมิหากส.ว.ที่ต้องการปิดสวิตตัวเอง ในม.272 ซึ่งเป็นไปตามที่เราได้แจ้งกับประชาชนและสื่อมวลชนไว้ หากการต่อสู้ทั้ง 2 สมรภูมิไม่เป็นผลเราก็จะเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ถามว่าได้มีการกำหนดระยะเวลาในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ไทม์ไลน์ต่าง ๆ จริง ๆ แล้วต้องขึ้นอยู่กับประธานสภา ที่จะบรรจุวาระม.272 ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า ซึ่งตามระเบียบแล้วต้องเอาเข้าภายใน 15 วันอยู่แล้ว จึงคาดว่าจะจบภายในสัปดาห์และทราบทิศทางต่อไปอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยไม่พอใจกับการแก้ไขม.272 เหมือนเป็นการมัดมือชกพรรคเพื่อไทย จะมีการหารือในวันนี้ด้วยหรือไม่ ศิริกัญญากล่าวว่า ประเด็นม.272 จะเป็นประเด็นที่หารือกันในวันนี้เป็นการพูดคุยทำความเข้าใจ พร้อมยืนยันว่าการแก้ไขม.272 ไม่ได้เป็นการมัดมือชกใด ๆ และคิดว่าเราน่าจะทำภารกิจนี้ร่วมกันทั้ง 8 พรรค โดยยืนยันว่าหาแก้ไขม.272 ไม่สำเร็จพร้อมเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตามที่ได้แถลงไว้กับประชาชน

เมื่อถามต่อว่าจะไม่เป็นการยืดเวลาในการจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญายืนยันว่า ไม่ได้เป็นการยืดเวลาอย่างแน่นอนซึ่งจะทราบผลในอาทิตย์หน้า หากผ่านสามารถดำเนินการวาระที่ 2 วาระที่ 3 แล้วเสร็จภายใน 2-3 สัปดาห์ และไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นการยืดระยะเวลาไปไกล ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดตั้งรัฐบาลและนำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณตน จากวันที่มีการเลือกตั้งใช้เวลาทั้งสิ้น 7 สัปดาห์ หากเราต้องการใช้เวลาแก้ไขม.272… 2-3 สัปดาห์ไม่ใช่การยืดเวลาอะไรอย่างใด

ซักว่ามีความมั่นใจ หรือไม่ว่าการแก้ไขม.272 จะเป็นทางออกของพรรคก้าวไกล ศิริกัญยากล่าวว่า เราเห็นใจส.ว.หลายท่านและเราก็ทราบว่า มีกระบวนการที่จะไม่ให้บุคคลเหล่านั้นมาโหวตให้กับนายพิธา ถูกขู่เอาชีวิตและเราเห็นใจและคิดว่านี่คือทางออกที่หลายฝ่ายสบายใจ รวมถึงส.ว.ด้วยที่อยากจะปิดสวิตช์ตัวเอง

ถามอีกว่ามีความเข้าใจในเรื่องสัดส่วนในการแก้ไขม. 272 ต้องใช้เสียงจากฝ่ายค้าน น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการโหวตที่อยู่ในขั้นที่ 3 ที่จะต้องใช้คะแนนเสียงจากฝ่ายค้าน ซึ่งเราได้มีการคำนวณแล้ว คิดว่าน่าจะผ่าน ถึงวาระที่สาม

เมื่อถามว่าเหตุใดพรรคก้าวไกลจึงไม่ถอยการแก้ไขมาตรา 112 แทนที่จะมาเดินหน้าแก้ไขม. 272 น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นสิ่งที่เราได้สัญญากับประชาชน ผ่านการหาเสียงเลือกตั้ง และแล้วเราก็คิดว่าการแก้ไขม.112 เป็นเพียงข้ออ้าง ที่จะไม่โหวตให้กับพรรคก้าวไกล ถึงแม้ว่าเราจะยอมถอย และเสียสัจจะที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน ก็ไม่ได้เป็นข้ออ้างที่ทำให้ส.ว. จะไม่โหวตให้กับเราเพราะเรื่องการแก้ไขม.112 อย่างแน่นอน ดังนั้นเราขอเลือกที่จะไม่เสียสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชน

ถามว่าไม่กังวลเรื่องการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ยาวใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่าไม่ถึงขั้นนั้นและไม่ได้ใช้ระยะเวลาเป็นปีอย่างมากแค่ 3 สัปดาห์และอยู่ในวิสัยที่เราสามารถจัดการได้อย่างแน่นอนซึ่งนิด้าโพลได้มีการเผยแพร่อย่างชัดเจนว่าประชาชนอยากให้ทำการโหวตให้กับนายพิธาไปเรื่อยๆ

‘สุวินัย’ เห็นด้วย หลัง ‘แสนดี’ ออกมาวิจารณ์พรรคก้าวไกล

เมื่อวานนี้ (17 ก.ค. 66) สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ถึงกรณีนายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ แสดงความคิดเห็นต่อพรรคก้าวไกล ระบุว่า…

“คุณแสนดีพูดได้ตรงประเด็นมาก ทุกข้อเลย เหมือนตีแสกหน้าพรรคก้าวไกลด้วยไม้หน้าสาม โพสต์นี้ของคุณแสนดี คือการจับพรรคก้าวไกลออกมาเปลือยกลางแจ้ง อย่างล่อนจ้อน ผมดีใจที่คนรุ่นใหม่อย่างคุณแสนดี มีความคิดและเท่าทัน ความคิดไม่ซื่อ และคิดไม่ชอบของก้าวไกล”

อ่านความคิดเห็นของนายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ ที่กล่าวถึงพรรคก้าวไกลได้ที่ >> https://thestatestimes.com/post/2023071740

‘ดร.สุวินัย’ มอง ‘กุนซือก้าวไกล’ เดินเกม ‘ยอมหักไม่ยอมงอ’ เชื่อ!! มี ‘พิมพ์เขียว’ ในใจ ถึงยอมสละ ‘พิธา’ ไม่ได้นั่งนายกฯ

(18 ก.ค. 66) สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ในหัวข้อ ยุทธศาสตร์การปฏิวัติ : ที่พรรค ‘ปฏิวัติประชาน’ จะหยิบมาใช้ โดยระบุว่า…

ตอนนี้ ผมมองข้ามช็อตไปหลายก้าวแล้ว คือมองว่า ‘กุนซือก้าวไกล’ กำลังวางแผนอะไร กำลังคิดอะไรกันแน่ในอีก 4 ปี 8 ปีข้างหน้า ถึงขนาดเดินหมาก ‘ยอมหักไม่ยอมงอ’ เรื่องการผลักดันแก้ ม.112 โดยยอมสละ ‘เบี้ยพิธา’ ไม่ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เก้าอี้นี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม

การที่ ‘กุนซือก้าวไกล’ วางแผนอย่างลึกซึ้งถึงขั้นเลือดเย็นแบบนี้ ย่อมมีเหตุผลเดียวเท่านั้น คือพวกเขามี ‘พิมพ์เขียว’ ของยุทธศาสตร์การปฏิวัติประชาชน เพื่อล้มล้างการปกครอง ล้มล้างสถาบัน อยู่ในหัวแล้วนั่นเอง

นักยุทธศาสตร์ได้จำแนก ‘ยุทธศาสตร์การปฏิวัติ’ จากมุมมองของนโยบายทางทหาร ออกเป็น 8 วิธี ดังต่อไปนี้

(1) ยุทธศาสตร์การกบฏแบบดั้งเดิม
-ใช้กองกำลังติดอาวุธขนาดเล็กในการกบฏ
-ยุทธวิธีที่ใช้คือเข้าโจมตียึดคลังอาวุธเพื่อแจกจ่ายให้มวลชนที่ต้องการเข้าร่วมการกบฏ
-เข้ายึดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
-ตั้งด่านกีดขวางเพื่อปิดถนนในเมืองใหญ่ ขัดขวางการเคลื่อนตัวของกองกำลังฝ่ายรัฐ

(2) ยุทธศาสตร์การกบฏโดยการประท้วงหยุดงานทั้งประเทศ
- มุ่งทำลายรัฐผ่านการเคลื่อนไหวโดยประชาชนจำนวนมากเพียงครั้งเดียว
- ต้องรอให้เกิดการแตกแยกภายในอำนาจรัฐของชนชั้นปกครองด้วย

(3) ยุทธศาสตร์การก่อการร้ายที่ต้องการให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
- เน้นการลอบสังหารบุคคลสำคัญโดยองค์กรลับ
- มุ่งสร้างความหวาดกลัวในหมู่ศัตรู และต้องการให้ศัตรูโต้ตอบด้วยกำลังหรือความรุนแรง

(4) ยุทธศาสตร์การกบฏของพวกคอมมิวนิสต์
-ให้ความสำคัญที่สุดกับการจัดตั้ง ‘พรรคแนวหน้า’ (Vanguard Party) เพื่อปลุกระดมมวลชนให้มีจิตสำนึกปฏิวัติที่ต้องการล้มล้างการปกครอง ผ่านการให้การศึกษาทุกช่องทาง
-จัดตั้งองค์กรทางการเมืองและทางการของภาคประชาชน
-ยุยงให้ทหารระดับล่างแปรพักตร์มาอยู่ฝั่งผู้ก่อกบฏ

(5) ยุทธศาสตร์สงครามประชาชนยืดเยื้อ
- ตามแนวทางของเหมาเจ๋อตุง ที่ใช้ชนบทล้อมเมือง
- ต่อสู้ด้วยสงครามจรยุทธ์หรือสงครามกองโจรเป็นหลัก

(6) ยุทธศาสตร์การรัฐประหาร
- การทำรัฐประหารส่วนมากเกิดจากการ ‘ฉกฉวยโอกาส’ มากกว่าเป็นการวางแผนยุทธศาสตร์การปฏิวัติ
- การรัฐประหารเป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีมากระหว่างคณะปฏิวัติกับกองกำลังอื่น ๆ ในประเทศ มาเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ

(7) ยุทธศาสตร์ชนะการเมืองเลือกตั้งแบบติดอาวุธ
- ก่อนอื่นมุ่งยึดอำนาจรัฐส่วนหนึ่ง ผ่านวิธีทางกฎหมายโดยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายก่อน
- เมื่อมั่นใจว่าได้มวลชนขนาดใหญ่มากพอแล้ว จึงเอาไปรวมกับทรัพยากรของกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายตน เพื่อปฏิวัติประชานชน ยึดอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จในที่สุด

(8) ยุทธศาสตร์สงครามปฏิวัติแบบผสม (Hybrid Revolutionary Warfare)
- ยุทธศาสตร์นี้ยึดการสู้รบทุกรูปแบบ มาผสมผสานกัน ผ่านการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย, การเคลื่อนไหวประท้วงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และการเคลื่อนไหวประท้วงเรื่องการศึกษา เป็นต้น
- โดยมีเป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่การมี ‘กองกำลังทหาร’ เป็นของตัวเอง โดยพัฒนามาจากการจัดตั้ง ‘กองกำลังกองโจร’ ที่ทำหน้าที่ป่วนเมืองมาก่อน

อ่านแล้ว ท่านผู้อ่านตกผลึกหรือยังว่า ตอนนี้ พรรคปฏิวัติประชาชน อย่างพรรคก้าวไกล กำลังใช้ยุทธศาสตร์การกบฏแบบไหน ในการขับเคลื่อนขบวนการปฏิวัติประชาชนของพวกเขา ?

ผมสรุปให้อีกครั้งก็ได้ว่า…

ยุทธศาสตร์การกบฏของพรรคปฏิวัติประชาชนนั้น จะมีเป้าหมายเพื่อทำให้สถานการณ์บานปลายยิ่งขึ้นจนรัฐบาลคุมไม่อยู่ 

จะได้โค่นล้มเอาชนะรัฐบาล ยึดอำนาจรัฐใน ‘การต่อสู้ครั้งสุดท้าย’ ได้ด้วย ‘กองกำลังกองโจร’ ของฝ่ายตน ที่พัฒนาไปเป็น ‘กองทัพประจำการ’ ของฝ่ายตนได้สำเร็จ

หรือไม่ก็ต้องใช้ ‘กองกำลังต่างชาติ’ ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย

~ สุวินัย ภรณวลัย 
Suvinai Pornavalai

‘พิธา’ ลั่น!! เป็นฝ่ายค้านก็พร้อม และทำประโยชน์ให้ ปชช. ได้เยอะเหมือนกัน

(18 ก.ค. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ในรายการ Suthichai Live โดยบางช่วงบางตอนได้ระบุว่า…

"ผมได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ใจคอจะผลักผมไปเป็นฝ่ายค้านเลยหรือ แต่ถ้าคุณคิดว่าไม่สนใจ ไม่เห็นหัวประชาชนเลย เลือกมาเป็นอันดับ 1 ก็ยังให้เป็นฝ่ายค้าน ผมก็พร้อม ผมเชื่อว่าเป็นฝ่ายค้านก็ทำประโยชน์ให้ประชาชนได้เยอะ"

‘อุ๊งอิ๊ง’ ชี้!! ‘เศรษฐา’ ตัวเลือกที่ดีที่สุด หาก ‘พิธา’ ชวดตำแหน่งนายกฯ โหวตรอบ 2

(18 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุว่า หากโหวตนายกฯ รอบ 2 คะแนนไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็เป็นหน้าที่พรรคเพื่อไทย ว่า นายพิธา คงพูดไปตามระบบ แต่ขอให้ทำให้เต็มที่ก่อนในวันที่ 19 ก.ค. ยืนยันพรรคเพื่อไทย สนับสนุน แต่ที่สุดแล้วผลจะเป็นอย่างไรคงต้องรอดู

เมื่อถามว่า หากที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย มองว่าการเสนอนายพิธา เป็นญัตติซ้ำขัดกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ 41 อาจจะทำให้ต้องเสนอชื่ออื่น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สิ่งที่เราเตรียมการ คือ การโหวตให้นายพิธา แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงในวันที่ 19 ก.ค. กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ต้องคุยกันก่อน

ถามว่า ในส่วนของแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 คน ได้พูดคุยกันบ้างหรือไม่ หากถึงเวลาพรรคเพื่อไทยต้องเสนอชื่อแคนดิเดต จะเป็นใคร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “พรรคเพื่อไทยก็จะเสนอ นายเศรษฐา ทวีสิน อันนี้เป็นที่ชัดเจน แต่เราทำไปทีละขั้น”

ซักว่า หากนายกฯ เป็นนายเศรษฐาแล้ว น.ส.แพทองธาร จะรับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดในส่วนของตัวเองไว้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรแคนดิเดตทั้ง 3 คนจะช่วยกันทำงาน ตอนนี้ที่กำลังเสนอชื่อนายพิธา เราก็ทำงานด้วยกันทั้ง 3 คน และทุกคนในพรรคยืนยันไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งอะไรก็ช่วยกันได้แน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทย ไม่สนับสนุนนายเศรษฐา น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเป็นการตกลงกันในพรรค ตนไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน แต่ตนสนับสนุนนายเศรษฐา

“ตอนนี้ประเทศชาติไม่ง่าย เพราะฉะนั้นเราคิดว่าตัวเลือกที่สุดกับประเทศ ณ ตอนนี้ คือคุณเศรษฐา ที่จะช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจ ถ้าพรรคเพื่อไทย ได้เป็นรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้เราก็ทำงานร่วมดันในการช่วยประเทศชาติ ทั้งนี้หากเป็นหัวหน้ารัฐบาลและต้องเลือกจากเรา เราก็มองว่าคือคุณเศรษฐา” น.ส.แพทองธาร กล่าว

ถามย้ำว่า หากเป็นชื่อนายเศรษฐา จะพูดคุยกับส.ส.ได้ทั้งหมดหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ได้แน่นอน เพราะตนสนับสนุนอยู่เต็มที่ และตนก็มองตัวเองด้วยว่าเราพร้อมแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรหากถึงเวลาต้องลุยตนมีทีมที่ดี แต่ตอนนี้หากเป็นไปได้ก็มองว่านายเศรษฐา เป็นคนที่สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทันท่วงที และตนก็จะเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ว่ามีตรงไหนที่พัฒนาตัวเองได้ก็เป็นเรื่องดี

เมื่อถามว่า ท่าที ส.ว. หากยกมือสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ต้องไม่มีพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องที่ 8 พรรคร่วม และกก.บห.คุยกันอีกดัน ตนไม่มีหน้าที่ตอบ และเราจะทำไปทีละขั้นตอน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวายและความไม่สบายใจของประชาชนด้วย

ซักว่า หาก ส.ว. ไม่เอา พรรคก้าวไกล เป็นไปได้หรือไม่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะไม่มีพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอให้กก.บห.พูดคุยกันก่อน เรื่องนี้มันอ่อนไหวมาก หากพูดอะไรออกไป ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบแบบนั้น และยังไม่ได้วางฉากทัศน์แบบนั้น

ถามว่า กรณีที่นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ยอมรับมีการพูดกับพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้มีการเทียบเชิญร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ได้มีการพูดคุยกับตน

เมื่อถามย้ำว่า จะเป็นไปได้หรือไม่หากการโหวตชื่อนายเศรษฐา แล้วพรรคชาติไทยพัฒนา มีความชัดเจนที่จะไม่เอาพรรคแก้ ม.112 น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ต้องโฟกัสว่าเราจะจัดตั้งรัฐบาลให้ประชาชนได้เมื่อไร เพราะประเทศชาติต้องไปต่อได้แล้ว แต่เข้าใจว่ากฎกติกาไม่ปกติมีกับดักมากเราต้องผ่านตรงนี้ และโฟกัสที่ประเทศชาติกับประชาชนว่าเราจะพัฒนาต่อไปอย่างไร เพื่อให้ต่างชาติมีความมั่นใจและเข้ามาลงทุน

เมื่อถามอีกว่า หากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธาร จะออกหน้าประสานหาเสียงสนับสนุนเองหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงต้องดูตัวเลขเป็นหลัก เพราะหากไม่ถึง 376 ก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ หากคิดว่าตนมีประโยชน์ตรงไหนตนก็พร้อมช่วย แต่ถึงอย่างไรวันพรุ่งนี้เราก็เต็มที่ในการโหวตให้กับนายพิธา ก็ขอให้มองทีละขั้นเนื่องจากไม่ทราบจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

ถามถึงกรณีกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทย กว่า 30 คน ไปพูดคุยกับกลุ่มรัฐบาลเดิม น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดเรื่องงูเห่านั้นไม่ใช่ แต่ไม่ทราบเรื่องตื้นลึกหนาบางว่าคุยอะไรกันไว้บ้าง แต่จากการพูดคุยส.ส.ในพรรคมันไม่ใช่แบบนั้น และมั่นใจในตัวส.ส.พรรคเพื่อไทย

‘ก้าวไกล’ ชงแก้ กม. 2 ชุด ‘ปฏิรูปกองทัพ-ปิดช่องทุนผูกขาด’   หวัง ส.ส. ทุกพรรคเห็นพ้อง แก้ปัญหาที่กดทับประชาชน

(18 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา ส.ส. พรรคก้าวไกล นำโดย พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอร่างกฎหมายเปลี่ยนประเทศ จำนวน 2 ชุด รวม 7 ฉบับ ได้แก่ ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ 5 ฉบับ และ ชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด 2 ฉบับ โดยมีตัวแทนประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับเอกสาร

พริษฐ์ กล่าวว่า สาเหตุของการมีอยู่ของพรรคก้าวไกลคือการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้มีการเมืองที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม มีระบบการบริหารราชการที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ และมีสังคมที่เท่าเทียมและโอบรับความหลากหลาย เริ่มต้นจากการผลักดันนโยบายที่พรรคก้าวไกลได้ให้สัญญากับประชาชนในการเลือกตั้ง ผ่านสองกลไกสำคัญคือ กลไกฝ่ายบริหารและกลไกฝ่ายนิติบัญญัติ

แม้การจัดตั้งรัฐบาลตามมติมหาชนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายผ่านกลไกฝ่ายบริหารยังไม่แล้วเสร็จ แต่พรรคก้าวไกลเราพร้อมเดินหน้าในการใช้กลไกนิติบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนนโยบายทันที ผ่านการเสนอชุดกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนและของประเทศ

ปัจจุบัน พรรคก้าวไกลได้เตรียม ‘ชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศ’ ไว้ทั้งหมด 14 ชุด โดยวันนี้เป็นการยื่นร่างกฎหมาย 2 ชุดแรก รวมกันทั้งหมด 7 ฉบับ

ได้แก่ ชุดที่หนึ่ง ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ (Demilitarize) จำนวน 5 ฉบับ เพื่อทำให้กองทัพมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ประกอบด้วย
(1) ร่าง พ.ร.บ. รับราชการทหาร เพื่อยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารในยามปกติ และเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ 100%
(2) ร่าง พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อตัดอำนาจสภากลาโหม ให้พลเรือนอยู่เหนือกองทัพ
(3) ร่าง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสเรื่องภาระค่าใช้จ่ายและเงินนอกงบประมาณทั้งหมดของรัฐ
(4) ร่าง พ.ร.บ. ยกเลิก พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เพื่อดำเนินการยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
(5) ร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกประกาศ คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อยกเลิกประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ

ชุดที่สอง ชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด (Demonopolize) จำนวน 2 ฉบับ เพื่อส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม และยกระดับขีดความสามารถของเศรษฐกิจไทย ประกอบด้วย
(1) ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต หรือร่าง ‘สุราก้าวหน้า’ เพื่อปลดล็อกการผลิตสุราของผู้ผลิตรายย่อยและสุราชุมชน
(2) ร่าง พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า เพื่อสร้างกติกาแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม ปฏิรูปคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า และออกกฎ ‘คนฮั้ววงแตก’ ในการป้องกันการฮั้วประมูลของบางบริษัทที่ร่วมมือกันผูกขาดหรือลดการแข่งขัน

ส่วนชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศอีก 12 ชุด ที่พรรคก้าวไกลจะยื่นต่อสภาฯ หลังจากนี้ ประกอบด้วย ชุดกฎหมายปลดล็อกท้องถิ่น, ชุดกฎหมายปฏิรูประบบราชการ, ชุดกฎหมายป้องกันการทุจริต, ชุดกฎหมายยกระดับบริการสาธารณะ, ชุดกฎหมายปฏิรูปที่ดิน, ชุดกฎหมายคุ้มครองสิทธิแรงงาน, ชุดกฎหมายรักษาสิ่งแวดล้อม, ชุดกฎหมายปฏิรูประบบภาษี, ชุดกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ, ชุดกฎหมายโอบรับความหลากหลาย, ชุดกฎหมายยุติความขัดแย้ง และชุดกฎหมายแก้รัฐธรรมนูญ

พรรคก้าวไกลเชื่อว่าหากได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ชุดกฎหมายดังกล่าวจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนว่าประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม เป็นไปได้ โดยมีจุดเริ่มต้นที่สภาผู้แทนราษฎร

'ช่อ' อ้าง!! ฝ่ายอนุรักษ์พร้อมหักได้ทุกดีล  ชี้!! ก้าวไกลถอย 112 จะได้เป็นนายกฯ จริงหรือ?

(19 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดกระแสการรีทวีตคลิปการให้สัมภาษณ์ในตอนหนึ่งของนางสาวพรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ แกนนำคณะก้าวหน้า ซึ่งให้สัมภาษณ์ ‘มติชนทีวี’ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยตอบคำถามในประเด็นมาตรา 112 กับพรรคก้าวไกล

นางสาวพรรณิการ์กล่าวว่า ตนขอถามจริงๆ จากใจ ว่าเชื่อจริง ๆ ใช่หรือไม่ ว่าถ้าพรรคก้าวไกลถอนจากการผลักดันแก้ไข ม.112 แล้ว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี

“ดิฉันถามจริง ๆ ทุกท่านมองตาดิฉันนะ ถามจริง ๆ จากใจ ท่านเชื่อจริง ๆ หรือ ว่าถ้าก้าวไกลถอน ม.112 แล้วจะได้เป็นนายกฯ ท่านเชื่อจริง ๆ ใช่ไหม ตอนพรรคอนาคตใหม่ ถูกกระทำสารพัดขนาดไหน ตอนนั้นยังไม่มีเรื่อง 112 คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดนระงับการปฏิบัติหน้าที่ โดนตัดสิทธิ ยังไม่มีเรื่อง 112

มาวันนี้ท่านเชื่อจริง ๆ หรือว่า ถ้าพรรคก้าวไกลยอมถอยเรื่อง ม.112 จะทำให้เขาได้เป็นรัฐบาล ดิฉันอาจจะมองโลกในแง่ร้ายก็ได้ แต่วันใดที่พรรคก้าวไกลถอยเรื่อง 112 คุณจะไม่เหลืออะไรเลย เพราะคุณถูกบังคับให้ทรยศต่อประชาชน คุณถูกฝ่ายอนุรักษนิยมบังคับ หลอกล่อ หรืออะไรก็ตามให้กลายเป็นหนึ่งในพรรคที่ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในการเลือกตั้ง แล้วไม่มีอะไรการันตีได้ คุณเห็นมากี่ครั้งแล้วว่า อนุรักษนิยมสามารถหักทุกดีลได้ ไม่ว่าเขาจะเคยพูดหรือสัญญาอะไรไว้ คุณเห็นมากี่ครั้งแล้วในการเมืองไทย เขาพร้อมที่จะหลอกให้คุณทรยศประชาชน และสุดท้ายเขาก็ทรยศคุณอีกต่อหนึ่ง ไม่มีอะไรแน่นอนไปกว่าความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อเรา และความเชื่อมั่นศรัทธาที่เราและประชาชนมีต่อกัน” นางสาวพรรณิการ์กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top