Thursday, 12 June 2025
ก้าวไกล

'ก้าวไกล' แย้ม!! แผน 5 ขั้น ปีแรกชนนายทุนลดค่าไฟ 70 สตางค์ ใน 4 ปีเปลี่ยนแดดเป็นเงิน เปิดเสรีโซลาร์รูฟทั้งประเทศ

(18 เม.ย.66) ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลฝ่ายนโยบาย และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก้าวไกล ให้สัมภาษณ์พิเศษกับผู้สื่อข่าวถึงประเด็นค่าไฟหลายๆ บ้านที่แพงขึ้น โดยเปิดเผยถึงแผนบันได 5 ขั้น ที่พรรคก้าวไกลเตรียมเข้าไปผลักดัน หากหลังการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล ซึ่งศิริกัญญาเชื่อว่าถ้าทำได้ทั้งหมดนี้ ค่าไฟประชาชนจะลดลงได้อย่างน้อยหน่วยละ 1 บาท พร้อมฝันเห็นภูมิทัศน์ใหม่ของธุรกิจไฟฟ้าของประเทศไทยที่มีการเปิดเสรี ประชาชนไม่ถูกมัดมือชกให้ซื้อไฟฟ้าจากนายทุน

ศิริกัญญาเปิดเผยว่า บันไดขั้นที่ 1 พรรคก้าวไกลมีนโยบายเปลี่ยนนโยบายจัดสรรก๊าซธรรมชาติ จากเอื้อกลุ่มทุนเป็นเอื้อประชาชน โดยใช้กลไกคณะกรรมการกำกับดูแลนโยบายพลังงาน (กกพ.) กำหนดนโยบาย ซึ่งตัวนโยบายสามารถเปลี่ยนได้เลยใน 100 วัน และเห็นผลในบิลค่าไฟ ลดได้ทันที 70 สตางค์ต่อหน่วยในปีแรก พร้อมกันนั้น ต้องเร่งเจรจาสัมปทานก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทยเพื่อลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากการนำเข้า

ขั้นที่ 2 พรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนแดดเป็นเงิน ด้วยการปลดล็อกระบบขายไฟมิเตอร์หมุนกลับจากหลังคาบ้านเรือน (Net Metering) เพื่อให้ทุกบ้านเรือนที่ต้องการติดโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านสามารถทำได้อย่างถูกต้อง และเกิดการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านประชาชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายได้เอง เชื่อว่าภายใน 4 ปี จะเห็นการติดโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านของประชาชนเพิ่มขึ้นทั้งประเทศ

‘ปิยบุตร’ ร่วมปราศรัย จ.หนองบัวลำภู ย้ำ ต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญ ลั่น!! ถ้า ‘ก้าวไกล’ ได้เป็น รบ.พร้อมดันประชามติทั้งประเทศทันที

‘ปิยบุตร’ ช่วยผู้สมัคร ส.ส.หนองบัวลำภูหาเสียง ประชาชนร่วมเวทีอบอุ่นคับคั่ง ปราศรัยย้ำความจำเป็นเร่งแก้รัฐธรรมนูญ เชื่อถ้าเปลี่ยนขั้วอำนาจหลังเลือกตั้งแล้วไม่รีบแก้ เกิดการใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญล้มรัฐบาลแน่ ชี้ ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล ภายใน 100 วัน พร้อมดันประชามติถามประชาชนอยากได้รัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ทันที

(18 เม.ย.66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมเวทีปราศรัยของผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จังหวัดหนองบัวลำภู ในหลายเขต พร้อมกับ นายอภิชาติ ศิริสุนทร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ‘ครูใหญ่’ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล

โดยเริ่มต้นกิจกรรมช่วงเช้าที่ วัดสุวรรณาราม อำเภอสุวรรณคูหา ช่วยหาเสียงให้กับนายสมเกียรติ เชษฐสุมน ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จังหวัดหนองบัวลำภู เขต 3 (เบอร์ 8) ก่อนที่ช่วงบ่ายจะเดินทางต่อไปยัง วัดศรีชมชื่น อำเภอนาวัง ช่วยหาเสียงให้กับ นายทรงเดช มหาเสนา ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จังหวัดหนองบัวลำภู เขต 2 (เบอร์ 7) ซึ่งในทั้งสองเวที ต่างได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่ร่วมการรับฟังและส่งเสียงตอบรับชื่นชอบตลอดการปราศรัย

‘ธนาธร’ ช่วยหาเสียงชลบุรี-ระยอง รับฟังปัญหาชาวประมง ย้ำหลักการกระจายอำนาจ เพิ่มเสียงชาวประมง-ท้องถิ่น

(19 เม.ย.66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ออกเดินสายช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล อย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้เดินทางไปที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง ช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครหลายคน ทั้ง ชวาล พลเมืองดี ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 3 (เบอร์ 3), นภัสวรรณ มณีรัตน์โรจน์ ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 4 (เบอร์ 8), กฤช ศิลปชัย ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง เขต 2 (เบอร์ 5) และ ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง เขต 4 (เบอร์ 2)

โดยช่วงบ่ายมีการเปิดวงพบปะพูดคุยกับประชาชน ที่ท่าเทียบเรือสหกรณ์กลุ่มประมงบ้านเพ ต.บ้านเพ อ.เมือง จ.ระยอง ร่วมกับ กฤช ศิลปชัย ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง เขต 2 เพื่ออัปเดตความคืบหน้าร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การประมง 2558 และสิ่งที่พรรคก้าวไกลจะเดินหน้าทำต่อในสภาฯ สมัยหน้า เพื่อแก้ปัญหาชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจาก พ.ร.ก. ดังกล่าว

ในวงดังกล่าว ตัวแทนชาวประมงหลายคนได้สะท้อนปัญหาในทิศทางเดียวกัน ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากปัญหา พ.ร.ก.การประมง ไม่ได้ดีขึ้นและยังย่ำแย่ลงในบางเรื่อง โดยเฉพาะยังคงมีการออกกฎระเบียบมาควบคุมชาวประมงเพิ่มเติมอีกหลายเรื่อง แม้ช่วงหลังชาวประมงจะออกไปเรียกร้องกันบ่อยขึ้น แต่ก็มีแต่การรับฟังโดยไม่มีการแก้ไขปัญหา

ในส่วนของธนาธร ได้สรุปความเป็นไปล่าสุดของการแก้ไข พ.ร.ก.ประมง โดยระบุว่าในรอบ 4 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่มาจนเป็นพรรคก้าวไกล ตนและเพื่อนร่วมงานได้พูดคุยและรับฟังปัญหาจากชาวประมงทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง จนได้ประเด็นในการแก้ไข พ.ร.ก.การประมง และทำการยื่นร่างกฎหมายไปฉบับหนึ่งในเดือนตุลาคม 2564 และอีกฉบับในเดือนกันยายน 2565

แต่เสียดายที่อำนาจในการดึงร่างกฎหมายที่มีการยื่นเข้าสภาฯ ขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือหลัง อยู่ที่ฝ่ายบริหาร ประธานสภาฯ และเสียงข้างมากในสภาฯ พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลมีเสียงไม่มากพอ ร่างกฎหมายประมงจึงไม่ได้รับการผลักดันเข้าสู่การพิจารณาเสียที จนใกล้เลือกตั้งทุกพรรคต่างยื่นร่างเข้ามาประกบรวมกันเป็น 7 ร่าง แต่ก็ยังต้องผ่านอุปสรรคปัญหาสภาล่มบ่อยครั้ง แม้จะผ่านวาระ 1 ไปได้พอดี แต่ก็ยังจบไม่ได้ในสภาฯ ชุด 2562 ต้องยกยอดไปสู่การพิจารณาต่อในสภาฯ ชุด 2566 ต่อไป

ธนาธรยังกล่าวต่อไป ว่าหลังจากการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคมสิ้นสุดลง การเปิดสมัยประชุมสภาฯ ครั้งแรกน่าจะเริ่มต้นในราวต้นเดือนกรกฎาคม หากสภาฯ นำเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาต่อเลย ร่างแก้ไขกฎหมายประมงก็น่าจะผ่านสภาฯ ได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประธานสภาฯ จะเป็นใคร ทิศทางของฝ่ายบริหาร และเสียงข้างมากของสภาฯ เป็นอย่างไร แต่จากที่ตนติดตามพรรคก้าวไกล ไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า เมื่อไรก็ตามที่ พ.ร.บ.ประมงเข้าสู่วาระ 2 และ 3 เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นหนึ่งในพรรคที่ผ่านให้แน่นอน

ทั้งนี้ ในรายละเอียดของร่างกฎหมาย ชาวประมงทุกคนที่เฝ้าติดตาม แสดงความเห็น และขับเคลื่อนเรียกร้องน่าจะเข้าใจดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลมองว่ามีความสำคัญเป็นพิเศษ นอกจากเรื่องการปรับลดโทษให้เหมาะสมได้สัดส่วนแล้ว ก็คือการให้มีตัวแทนชาวประมง ทั้งพาณิชย์และพื้นบ้าน รวมทั้งตัวแทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าไปอยู่ในกรรมการประมงจังหวัดให้มากขึ้น

‘ก้าวไกล’ จ่อใช้ 1.2 หมื่นล้านบาท จากงบรายจ่ายประจำปี ‘ปฏิรูปกองทัพ’ ชี้ 12 ประเด็น แยกทหารออกจากการเมือง-เพิ่มสวัสดิการชั้นผู้น้อย ฯลฯ

เมื่อวันที่ 19 เม.ย.66 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปิดเผยนโยบายของพรรคการเมือง ที่ใช้ในการประกาศโฆษณาของพรรคที่ส่งผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 57 บังคับไว้ 3 เรื่อง 1.วงเงินที่ต้องใช้ 2.ที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการ และ 3.ความคุ้มค่า ประโยชน์ ในการดำเนินการและความเสี่ยง

พรรคก้าวไกล ได้ทำเอกสารชี้แจงกกต. โดยเสนอ 52 นโยบายหลัก เฉพาะในส่วนของนโยบายการปฏิรูปกองทัพนั้น เอกสารระบุว่า ก้าวไกลจะดำเนินการแยกทหารออกจากการเมือง , ปรับกองทัพให้มาอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน, ตั้งผู้ตรวจการกองทัพ, ยกเลิกศาลทหาร, ลดขนาดกองทัพ, ลดจำนวนนายพล, ตัดสิทธิพิเศษที่ไม่เป็นธรรม, ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร, ปฏิรูปการศึกษาทหาร, นำเข้ายุทโธปกรณ์ ต้องจ้างงาน-โอนถ่ายเทคโนโลยี, คืนที่ดินกองทัพให้ประชาชน, คืนธุรกิจกองทัพให้รัฐบาล เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย, ยุบกอ.รมน., ยกเลิกกฎอัยการศึกขายแดนใต้ และยกเครื่องกฎหมายความมั่นคงพิเศษ

‘ปิยบุตร’ ลุยขอนแก่น ชู ‘การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ ลั่น!! หากก้าวไกลเป็น รบ. ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม

เมื่อวานนี้ (20 เม.ย.66) ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย อภิชาติ ศิริสุนทร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ‘ครูใหญ่’ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล รณรงค์หาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดขอนแก่น

โดยช่วงบ่ายวานนี้  ปิยบุตรเดินสายปราศรัย 3 เวที ประกอบด้วย บ้านหนองปลิง บ้านโนนรัง บ้านลาดนาเพียง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ช่วยหาเสียง ‘แบงค์ชัย’ อิทธิพล ชลธราศิริ ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 (เบอร์ 1) ก่อนที่ช่วงเย็น ปราศรัยที่สวนสาธารณะริมน้ำบึงแก่นนคร อ.เมือง จ.ขอนแก่น ช่วยหาเสียง วีรนันท์ ฮวดศรี หรือ ทนายป๊อก ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 (เบอร์ 4) โดยมีประชาชนมารอฟังการปราศรัยอย่างคึกคัก

ปิยบุตรกล่าวว่า ตั้งใจมาช่วยหาเสียงที่ขอนแก่นเขต 1 สาเหตุสำคัญเพราะเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ประชาชนให้ความไว้วางใจผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ เทคะแนนกว่า 38,000 คะแนน แต่พอพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ส.ส.คนนั้นกลับย้ายพรรค ไม่ไปต่อกับพรรคก้าวไกล ซึ่งต้องขออภัยประชาชนอย่างยิ่ง ครั้งนี้ตั้งใจแก้มือ พรรคก้าวไกลส่งทนายป๊อกเป็นผู้สมัคร เขาคือทนายความด้านสิทธิมนุษยชนที่ช่วยเหลือคนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองหลังการรัฐประหาร 2557 พี่น้องประชาชนจึงเชื่อมั่นในอุดมการณ์ได้ เลือกตั้งครั้งนี้ขอความไว้วางใจอีกครั้ง ให้พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากกว่าเดิม เพื่อยืนยันว่าประชาชนชาวขอนแก่นต้องการการเมืองแห่งความหวังและการเปลี่ยนแปลง

ปิยบุตรกล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายทั้งหมด 312 นโยบาย ที่ต้องมีมากขนาดนี้ เพราะปัญหาของประเทศไทยมีมากเหลือเกิน ที่ผ่านมาหลายพรรคการเมืองต่างมีนโยบายเศรษฐกิจที่ดี แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลแตกต่างจากทุกพรรคการเมืองอย่างชัดเจน คือเรื่องการเมือง นำมาสู่คำขวัญ ‘การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ เพราะถ้าไม่มีนโยบายการเมืองที่ดี เมื่อไปเป็นรัฐบาลก็จะเจอทหารยึดอำนาจ เจออำนาจพิเศษเข้าแทรกแซง พรรคก้าวไกลจึงเล็งเห็นว่าต้องมีนโยบายการเมืองดี เป็นการเมืองเพื่อคนส่วนใหญ่ ที่จะทำให้นโยบายเศรษฐกิจส่งมอบให้ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อทุนผูกขาด และกองทัพ

“ผมขอโอกาสพี่น้องประชาชนอีกครั้ง เลือกผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น พรรคก้าวไกลเข้าสภาฯ ทุกภารกิจที่เป็นเรื่องยาก ไม่ว่าจะเป็นปฏิรูปกองทัพ รัฐสวัสดิการที่มั่นคงยั่งยืน การกระจายอำนาจ น้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ รถเมล์ไฟฟ้าทั่วประเทศ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 เรื่องเหล่านี้ที่ไม่เคยสำเร็จหรือไม่เคยมีใครทำ จำเป็นต้องมีพรรคการเมืองของมวลชนที่มีเจตจำนงชัดเจน พร้อมทำทันทีโดยไม่ต้องรีรอ และมีจำนวน ส.ส. มากพอ เป็นพรรคที่ยืนอยู่ได้ด้วยการสนับสนุนทรัพยากรจากประชาชน ไม่ใช่กลุ่มทุนผูกขาด ขอโอกาสให้พรรคก้าวไกลเข้าไปทำ โดยมีประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กผลักดันให้เราทำสำเร็จ เลือกก้าวไกลแล้วประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม” ปิยบุตรกล่าว

ติ่งส้มทิ้งบอมบ์!! เลือก ‘เพื่อไทย’ ได้ป้อม ภท.มีเฮ!! โพลพรรคใหญ่ยกให้ 2 เขต กทม.

ทุกปลายสัปดาห์...เลียบการเมืองก็จะเลาะขอบสนาม และล้วงลึกศึกเลือกตั้งด้วยข่าวสารสีสันประเภทลึกแต่ไม่ลับ...จับประเด็นจับกระแส..มาบอกกล่าวกัน...

ยื่นชี้แจงกกต. เรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทยไปแล้วเมื่อต้นสัปดาห์ หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคบอกว่าไม่เพียงเรื่องนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาทเท่านั้น แต่ยังชี้แจงนโยบายเรื่องอื่นๆ ไปด้วยรวมทั้งสิ้น 169 นโยบายเลยทีเดียว เรียกว่านาทีนี้ พรรคเพื่อไทย ก็คงผ่อนคลายได้นิดหน่อยที่กระแสถล่มนโยบายแจกหมื่นบาทเบาบางไปบ้างแล้ว…

แต่เชื่อหรือไม่ว่า ระเบิดลูกสำคัญที่พรรคเพื่อไทยยังปลดชนวนไม่ได้...แม้ว่าระยะหลังคุณหนูอุ๊งอิ๊งจะพัฒนาการพูดเก่งขึ้นแค่ไหนก็ตาม...นั่นคือระเบิดเรื่องดีลลับจับมือกับพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาล...ซึ่งเรื่องนี้พอจะอ่านทางกันออกว่าพรรคเพื่อไทยโคตรลำบากใจ...ไม่อาจจะเล่นบทผีไม่เผาเงาไม่เหยียบแบบพรรคก้าวไกลได้...

อันว่าพรรคก้าวไกลนั้นหัวหน้าพรรคประกาศชัดว่าร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยนั้นเป็นไปได้ แต่ต้องไม่มีพรรค 2ป. ร่วมด้วย กล่าวคือ… ‘มีลุงต้องไม่มีเรา’ ...ดังนั้นพอเพื่อไทยพูดไม่ชัดในเรื่องนี้ ยามนี้บรรดา ‘ติ่งส้ม’ ก็ทยอยปั่นแคมเปญด้อยค่า เพื่อไทยว่า…’เลือกเพื่อไทยได้ป้อม’ ประโยคเดียววลีเดียวเสียวทั้ง 400 เขต...

ปลายเดือนนี้สองลุงจะล่องใต้เดินตามรอยกันไป...ลุงป้อมนั้นปราศรัยใหญ่ที่นครศรีธรรมราช วันที่ 29 เม.ย.66 ส่วนลุงตู่จัดคิว 29-30 เม.ย.66 ลุยหาเสียงจังหวัดตรัง, พัทลุง, สงขลา และสตูล...แว่วว่าคืน 29 เม.ย.66 จะปักหลักพักค้างที่ อ.หาดใหญ่กันเลยทีเดียว....ทิ้งช่วงสักพักจะเลี้ยวกลับไป สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช...สมรภูมิสำคัญของภาคใต้อีกครั้ง

‘โรม’ ลั่น!! ทุกพื้นที่ในไทย ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ชี้!! อำนาจเลือกผู้แทนเข้าสภาฯ อยู่ในมือ ปชช.

(21 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล เดินทางไปที่จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมลงพื้นที่หาเสียงกับผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคก้าวไกล ได้แก่ ต่อพงษ์ จีนใจน้ำ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 10 (เบอร์ 6) และ ภูวดล ศรีหามาตย์ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 6 (เบอร์ 5)

โดยช่วงเช้า จัดกิจกรรมขึ้นแห่ปราศรัยที่ อ.ประโคนชัย มีพี่น้องประชาชนโบกมือทักทายตลอดทาง รวมถึงผู้ที่สัญจรไปมาก็พร้อมใจกันยกมือทักทายขอฝากความหวังในการเปลี่ยนแปลงไว้กับพรรคก้าวไกล 

จากนั้นเดินทางไปวนอุทยานเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พูดคุยกับประชาชนที่มาท่องเที่ยวและเดินดูพื้นที่จากกรณีพิพาทเขากระโดง โดยรังสิมันต์ฝากให้หน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวดและตรงไปตรงมา

รังสิมันต์ยังกล่าวถึงกรณีศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ระบุบนเวทีดีเบตว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคก้าวไกลจะไม่มี ส.ส.บุรีรัมย์ แม้แต่คนเดียว ว่าที่ผ่านมามีนักการเมืองหลายคนมักเข้าใจผิดว่าพื้นที่ต่างๆ จังหวัดต่างๆ มีเจ้าของแล้ว แต่พวกเราพรรคก้าวไกลยึดมั่นในความเชื่อว่าประชาชนคือผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศนี้ ดังนั้น พรรคก้าวไกลจะมี ส.ส.บุรีรัมย์หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับศุภชัย แต่ขึ้นอยู่กับประชาชน ที่จะกำหนดว่าผู้สมัครคนใดจะได้รับความไว้วางใจผ่านการเลือกตั้ง ศุภชัยจึงไม่อยู่ในจุดที่จะมาคิดแทนประชาชนได้

“กระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงมาถึงบุรีรัมย์แล้ว ผมเชื่อว่าผลงานการสอยรัฐมนตรีคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้ประชาชนเห็นแล้วว่าการเมืองแบบที่ผ่านมาเป็นอย่างไร การเลือกตั้งครั้งนี้ที่จังหวัดบุรีรัมย์ พรรคก้าวไกลหมายมั่นปั้นมือที่จะเอาชนะให้ได้ ซึ่งจากผลตอบรับของการลงพื้นที่วันนี้ ผมเชื่อว่าพี่น้องชาวบุรีรัมย์พร้อมที่จะเลือกพรรคก้าวไกลทั้งสองใบ ให้ก้าวไกลเข้าสภาฯ ให้พิธาเป็นนายกฯ รัฐบาลก้าวไกลจะเปลี่ยนประเทศไทยให้ไม่เหมือนเดิม การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” รังสิมันต์กล่าว

‘ธนาธร’ กร้าว!! ทุกพรรคเคยเป็น รบ. แต่พาไทยมาได้เท่านี้ ขอให้โอกาสให้ ‘ก้าวไกล’ เชื่อ!! 4 ปี ทำได้ดีกว่าแน่นอน

(21 เม.ย.66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล เดินสายช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล หาเสียงที่ จ.ชลบุรี และ จ.ฉะเชิงเทรา พบปะประชาชนพร้อมกับผู้สมัคร ส.ส. ประกอบด้วย วรรณิดา นพสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 2 (เบอร์ 3), เอกราช เนตรดี ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 3 (เบอร์ 1), นพรัตน์ มุริกะ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 (เบอร์ 2) และ จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 (เบอร์ 2)

การปราศรัยวันนี้ ธนาธรได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกตั้งเพื่อให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม โดยระบุว่าแม้จะมีหลายคนที่เห็นว่าเลือกตั้งกี่ครั้งก็เหมือนเดิม บ้านเมืองไม่เปลี่ยน ชีวิตไม่เปลี่ยน แต่ตนย้ำว่านั่นเป็นเพราะปัญหาของประเทศไทยฝังลึกเป็นเรื่องโครงสร้าง โดยที่ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลต่างก็พากันแก้ปัญหาแบบขอไปที ปะผุ ทำให้การแก้ปัญหาของประเทศจบไม่ได้เสียที

ปัญหาของประเทศจำนวนมากคือปัญหาที่เกิดจากต้นตอโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม ยกตัวอย่างได้มากมาย เช่น เรื่องของน้ำประปาที่คนเกินกว่าครึ่งของประเทศนี้ยังเข้าไม่ถึงน้ำประปาที่ไหลสะอาด เพียงพอใช้ 24 ชั่วโมงต่อวัน 365 วันต่อปี ในประเทศไทยปี 2566 เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำและเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดของบริการสาธารณะที่ทุกคนไม่ว่าจะเกิดที่ไหนควรจะเข้าถึง หรือเรื่องของถนนทั่วประเทศไทยที่ได้รับการพัฒนาไม่เท่ากันทั่วประเทศ บางแห่งผุพังทรุดโทรมมาหลายสิบปีก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข

ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่เกิดจากโครงสร้าง คืองบประมาณที่กระจุกตัวอยู่ที่ส่วนกลาง จะซ่อมถนนครั้งหนึ่งต้องเดินเอกสารไปถึงหน่วยงานที่กรุงเทพ กว่าหน่วยงานจะตั้งงบประมาณมาเริ่มดำเนินการได้ก็ต้องรอเป็นเดือนเป็นปี งบประมาณที่ท้องถิ่นมีอยู่ไม่พอให้แก้ปัญหาพื้นฐานเหล่านี้ได้ และนั่นคือเหตุผลที่พรรคก้าวไกล ย้ำว่าการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต้องปฏิรูประบบราชการ กระจายอำนาจ เอางบประมาณและอำนาจมาให้ประชาชนแก้ปัญหาในพื้นที่ของตัวเอง กำหนดอนาคตของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาระบบอุปถัมภ์วิ่งเต้นเส้นสายเพื่อให้ได้งบประมาณมาพัฒนาบ้านตัวเอง

นี่คือรูปธรรมของคำว่ากาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม นโยบายพรรคก้าวไกลมาจากฐานคิดแบบนี้ เพราะพรรคก้าวไกลไม่เคยสัญญาว่าจะมาสร้างถนนให้ หรือทำน้ำประปาให้ที่ไหนเป็นแห่งๆ ไปแบบปะผุ แต่ต้องทำในระดับโครงสร้าง ที่ผ่านมาพรรคอื่นต่างก็เคยเป็นรัฐบาลบริหารประเทศมาหมดแล้ว ครั้งนี้ตนอยากขอโอกาสให้พรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ขอเพียงครั้งเดียวเท่านั้นประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีก ด้วยการแก้ปัญหาที่ต้นตอที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างแท้จริงได้

‘ช่อ พรรณิการ์’ ปลื้ม!! คะแนนนิยม ‘ก้าวไกล’ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขอบคุณ ‘หัวคะแนนธรรมชาติ’ ที่ลงติ๊กต๊อกโพสต์คลิป เพิ่มกระแสให้พรรค

(22 เม.ย.66) บนเวทีปราศรัยใหญ่พรรคก้าวไกล ‘รัฐบาลก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’ ณ สามย่านมิตรทาวน์ กทม. ช่อ พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกลขึ้นปราศรัยคนแรกขึ้นปราศรัยถึงคะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของพรรคก้าวไกลว่าเกิดจากหัวคะแนนธรรมชาติ คือประชาชนผู้สนับสนุนพรรคทุกคน อ้อนขอช่วยดันคะแนนพรรคก้าวไกลให้สูงกว่าวันพรรคอนาคตใหม่ที่โดนยุบให้ได้ภายใน 22 วัน

พรรณิการ์ เริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า ย้อนกลับไป 3-4 เดือนก่อน ทุกคนยังเป็นห่วงพรรคก้าวไกลว่าไม่มีป้ายหาเสียง ไม่ค่อยเห็นการรณรงค์หาเสียงของผู้สมัคร นั่นเพราะพรรคก้าวไกลทุนน้อย ทำให้ต้องทุ่มทรัพยากรหาเสียงกันในช่วงสุดท้ายของการเลือกตั้ง และเงินทุนในการหาเสียงเลือกตั้งทั้งหมดของพรรคก้าวไกลมาจากการทอดผ้าป่าของประชาชน

“ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ขอเงินจากประชาชน จะให้ไปขอเงินจากทุนผูกขาด พ่อค้ายาเสพติด หรือนายพลคนไหน” พรรณิการ์กล่าว

พรรณิการ์กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลได้รับเงินบริจาคจากประชาชนกว่า 12.5 ล้านบาท ในเวลาเพียงแค่ 1 เดือน พรรคก้าวไกลกำลังทำให้เห็นว่าการเมืองของประชาชน ออกเงินโดยประชาชน ไม่เกรงใจใครนอกจากประชาชนเป็นไปได้จริง

ส่วนเรื่องคะแนนนิยมพรรคก้าวไกลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น พรรณิการ์บอกว่า 3 เดือนที่แล้ว มีแต่คนบอกว่าภายใต้ระบบเลือกตั้งนี้พรรคก้าวไกลเป็นไปไม่ได้ แต่ในวันนี้โพลสำนักต่างๆ คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลเพิ่มสูงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นเนชั่นโพลพรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยม 23.5%, มติชน-เดลินิวส์โพลจัดอันดับให้นายกอันดับหนึ่งในใจประชาชนคือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พรรณิการ์กล่าวว่า เฉลี่ยแล้วทุกโพลพรรคก้าวไกลมีคะแนนเฉลี่ย 21% ในวันนี้พรรคก้าวไกลมาไกลกว่าพรรคอนาคตใหม่ เพราะวันที่พรรคอนาคตใหม่ชนะการเลือกตั้งมีคะแนนนิยมในโพล 17%

“พวกเขายุบพรรคเรา พวกเขาตัดสิทธิ์ธนาธร ปิยบุตร พรรณิการ์ เพื่อที่จะได้พรรคก้าวไกลที่เติบโตทะลุเพดานยิ่งกว่าสมัยอนาคตใหม่ พวกเรายิ่งทุบยิ่งหวาน ยิ่งทุบยิ่งโต ยิ่งกระทืบจมดิน ยิ่งเติบโต เป็นต้นไม้ที่เราปลูกร่วมกันคือพรรคก้าวไกล” พรรณิการ์กล่าว

‘ก้าวไกล’ ขอเข้ามาทำนโยบายให้เป็นจริง ชวนหัวคะแนนหาเสียงร่วมกัน ลั่น!! เลือกตั้งครั้งนี้ต้องเป็น รบ. เท่านั้น เพื่อเปลี่ยนอนาคตคนไทยทุกคน

(22 เม.ย.66) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 27 (เขตบางบอน และเขตบางขุนเทียน) เบอร์ 1 ร่วมปราศรัย “ทัพใหญ่ก้าวไกล ปราศรัยโค้งสุดท้าย” ที่สามย่านมิตรทาวน์ กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2562 ตอนนั้นอายุเพียง 27 ปี จบ ปวส. ทำอาชีพรับเหมา ไม่เคยคิดฝันว่าต้องเข้าสู่การเมือง แม้ชอบการเมืองตั้งแต่เด็ก แต่ในชีวิตไม่มีใครอยู่ในวงการการเมืองเลย และมองการเมืองเป็นเรื่องไกลตัวมาโดยตลอด

แม้มีพรรคอนาคตใหม่ ตนก็ไม่ได้หวังจะมาเป็น ส.ส. ตอนนั้นได้สมัครสมาชิกพรรคจ่าย 2,000 บาท เพื่อเป็นการขอบคุณการปราศรัยของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในเวลานั้น เนื่องจากธนาธรปราศรัยว่า สังคมไทยและคนไทยไม่จำเป็นต้องประจานความจนของตัวเองเพื่อรับสวัสดิการ อยู่มาวันหนึ่งก็ได้รับข้อความจากพรรคอนาคตใหม่ว่า พรรคของคุณกำลังเปิดรับ ส.ส. จนกลายเป็น ส.ส.กาย ณัฐชาในทุกวันนี้

"ผมก้าวข้ามเส้นความกลัวและพลิกชีวิตตัวเองตอนอายุ 27 ชนะเลือกตั้งตอนอายุ 28 ปี ได้รับคะแนนความไว้วางใจจากพี่น้องบางขุนเทียน 38,340 คะแนน" ณัฐชากล่าว

ณัฐชากล่าวต่อว่า ตอนที่เข้าสภาฯ ชั่วคราวในช่วงแรกที่เป็น ส.ส. ตนไม่กล้าลุกขึ้นพูดหรืออภิปราย เนื่องจากหันซ้ายหันขวาก็เจอนักการเมืองที่เห็นในทีวีเห็นในข่าวมาตั้งแต่เด็ก จนวันหนึ่ง ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น กล่าวกับตนว่า สภาฯ เป็นที่ของทุกคน เพราะสภาฯ ไม่สามารถสร้างให้คน 66 ล้านคนเข้ามาเถียงกันได้ จึงสร้างระบบตัวแทน และตนก็เป็นตัวแทนของประชาชน เพราะฉะนั้นไม่ว่าอย่างไร แค่เอาความรู้สึกนึกคิดตอนเป็นประชาชนมาสะท้อนให้ได้มากที่สุด จึงทำให้ณัฐชากลายเป็นณัฐชาอย่างทุกวันนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top