Thursday, 12 June 2025
ก้าวไกล

'ปิยบุตร' กล่อมชาวสกลฯ ยก 'เตียง-ครูครอง' ต้นแบบ 'อนค.-ก้าวไกล' ผู้สร้างประชาธิปไตยที่ยึดคนส่วนใหญ่เป็นศูนย์กลาง

(10 เม.ย. 66) ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล เดินหน้าปราศัยพบปะพี่น้องชาวสกลนครจำนวน 4 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง เขต 1 อำเภอเต่างอย เขต 2 อำเภอวาริชภูมิ เขต 4 และอำเภอพังโคน เขต 6

ปิยบุตรกล่าวว่า สกลนครเป็นดินแดนแห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพราะเมื่อใดที่บ้านเมืองเกิดความอยุติธรรม ประชาชนชาวสกลนครก็จะเป็นกลุ่มที่ยืนต่อสู้อยู่แถวหน้าเสมอ บุคคลต้นแบบของการเป็นนักการเมืองในประวัติศาสตร์ไทย ก็เป็นคนสกลนคร เช่น เตียง ศิริขันธ์ และครอง จันดาวงศ์

“เตียง ศิริขันธ์ ผู้ได้รับสมญานามว่า 'ขุนพลภูพาน' เกิดที่สกลนคร แล้วไปเรียนมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองที่กรุงเทพฯ เขาเป็นหนึ่งในขุนพลที่ได้รับความรู้ประชาธิปไตยจากที่นี่ เรียนจบไปเป็นครู แล้วลงสมัครผู้แทน และต้องเดินทางหาเสียงด้วยการขี่ม้า เนื่องจากถนนหนทางยังไม่มีในตอนนั้น จนเป็นที่รักของประชาชน ลงสมัครกี่ครั้งก็ได้เป็นผู้แทนเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กลายเป็นคนถืออำนาจบาตรใหญ่ กลับยังเสนอญัติเพื่อช่วยพี่น้องประชาชนเสมอ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ยังเข้าร่วมกับขบวนการเสรีไทย ต่อต้านญี่ปุ่น ทำให้ประเทศไทยไม่ตกเป็นฝ่ายแพ้สงคราม เขาเป็นคนที่ยืนยันว่าคนทุกคนเท่ากัน จนสุดท้ายก็มีอำนาจมืดนำตัวเขาไปปลิดชีพ”

“ส่วนครูครอง จันดาวงศ์ ก็เป็นอีกหนึ่งนักประชาธิปไตยชาวสกลนคร ที่ถูกรัฐบาลทหารของสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใช้อำนาจตามมาตรา 17 จับไปยิงเป้าประหารชีวิต ก่อนตายท่านได้ลั่นวาทะอมตะว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” ขึ้นมา”

ปิยบุตรกล่าวต่อว่า ชาวสกลนครทั้งสองนี้เอง ที่เป็นต้นแบบให้ผู้แทนของอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้คิดออกแบบนโยบายโดยมีประชาชนคนส่วนใหญ่เป็นศูนย์กลาง

ทั้งนี้ ปิยบุตรย้ำว่า นโยบายที่ดี ไม่ว่าจะเป็นของพรรคใดก็ตาม จะไม่เกิดผลสำเร็จได้หากยังไม่สามารถทำให้เกิดการเมืองดี ประชาธิปไตยสมบูรณ์ ปลอดจากรัฐประหารได้ ดังนั้น การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคก้าวไกล พรรคที่มีความกล้าหาญที่จะจัดการเรื่องยาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปกองทัพ เอาทหารมาอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ให้รัฐบาลมีอำนาจเต็มในการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บัญชาการเหล่าทัพ แก้ไขกฎหมายความมั่นคง ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แก้ไขกฎหมายกฎอัยการศึก รวมทั้งจัดการลบล้างผลพวงรัฐประหาร เอาคณะก่อรัฐประหารมาดำเนินคดี

“นโยบายปากท้องดีจะไม่สามารถยั่งยืนได้ถ้าการเมืองไม่ดี รัฐบาลที่พี่น้องเลือกไป ไม่อาจดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพได้ หากไม่จัดการรัฐประหาร นโยบายการเมืองดีที่ควบคู่กับปากท้องดีคือจุดเด่นของพรรคก้าวไกล เช่น ปฏิรูปกองทัพ ให้รัฐบาลพลเรือนควบคุมกองทัพ ไม่ใช่กองทัพควบคุมรัฐบาลพลเรือน เอากองทัพกลับเข้ากรมกองไปเป็นทหารอาชีพ”

‘โรม’ เรียกร้อง กกต. ขยายวันลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า อย่าให้ประชาชนเสียสิทธิ หลังเว็บลงทะเบียนล่มวันสุดท้าย

(10 เม.ย.66) ที่พรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขยายวันลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า นอกเขต นอกราชอาณาจักร ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 9 เมษายน 2566 ที่ผ่านมาว่า เมื่อวานนี้ (9 เมษายน) คือวันสุดท้ายของการลงทะเบียน แต่ปรากฎว่าเว็บไซต์ลงทะเบียนกลับล่ม ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถลงทะเบียนได้

รังสิมันต์กล่าวว่า เมื่อปี 2562 มีคนลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า นอกเขต นอกราชอาณาจักร 2.63 ล้านคน แบ่งเป็น นอกราชอาณาจักร 1.2 แสนคน มาครั้งนี้ ทราบข่าวว่ามีประชาชนลงทะเบียนรวม 2.1 ล้านคน ดังนั้น เมื่อเทียบกับปี 2562 มีประชาชนที่อาจจะตกหล่นแน่ๆ ถึง 500,000 คน

‘โรม’ ซัด!! ‘พีระพันธุ์’ เป็นใครมาไล่ประชาชน หวังแต่จะแช่แข็งประเทศไทย-ไล่คนเห็นต่าง

‘ก้าวไกล’ เร่ง สตช. เคลียร์ให้ชัด ‘แฮกเกอร์ 9near’ มีใครอยู่เบื้องหลัง-เกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่ ชี้ ‘พีระพันธุ์’ ทัศนคติอันตราย แช่แข็งประเทศไทย-ไล่คนเห็นต่าง จี้ซ้ำ ปปง. จะเงียบไปถึงไหน ปม ‘ส.ว.ทรงเอ’ โดนข้อหาสมคบฟอกเงิน

(10 เม.ย.66) ที่พรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวประจำสัปดาห์ในหลายประเด็น เริ่มจาก ข้อสังเกตต่อกรณีแฮกเกอร์ใช้ชื่อ ‘9near’ โพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ ที่จนถึงตอนนี้ตำรวจยังจับกุมตัวไม่ได้ว่า เรื่องนี้เป็นการหลุดของข้อมูลครั้งสำคัญที่ไม่อาจประมาณมูลค่าความเสียหายได้ ตนและพรรคก้าวไกลติดตามอย่างใกล้ชิด และต้องการเห็นการรับมืออย่างเป็นมืออาชีพของรัฐบาล โดยจากข้อมูลที่ปรากฏ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ตำรวจขอออกหมายจับ มีการทราบตัวและทราบที่อยู่ของแฮกเกอร์ แต่กลับไม่มีการควบคุมตัว พรรคก้าวไกลมองว่ามีความไม่ชอบมาพากล อาจมีคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งหมายความว่าการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะนี้กำลังเจอ ‘ตอ’ อยู่หรือไม่

เป็นไปได้หรือไม่ที่ทหารยศจ่าสิบโทคนดังกล่าวอาจอยู่ท่ามกลางข้อมูลจำนวนมากที่เกี่ยวกับความมั่นคง แต่การที่กองทัพออกมาปฏิเสธบอกว่าการกระทำที่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ตนคิดว่ากองทัพไม่ควรร้อนตัว ต้องให้มีการตรวจสอบก่อน จะอ้างขั้นตอนระบบราชการอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เว้นเสียแต่ว่าคนที่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้เป็นคนมีอำนาจ หรือมีความเป็นไปได้ที่จะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อใส่ร้ายบางพรรคหรือนักการเมืองบางคน โดยพรรคก้าวไกลได้ติดตามการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเรื่องนี้ หวังว่าจะไม่ทำลายอาชีพของตัวเองด้วยการปล่อยให้ข้อมูลของประชาชนอยู่ในมือมิจฉาชีพ

ต่อมารังสิมันต์ กล่าวถึงกรณี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปราศรัยไล่คนเห็นต่างออกจากประเทศ พร้อมผลิตซ้ำวาทกรรมชังชาติ ล้มเจ้า โดยขอตั้งคำถามกลับว่า พีระพันธุ์เป็นใครจึงมาไล่ประชาชน ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ นักการเมืองมาเป็นรัฐบาลไม่มีสิทธิไล่ผู้เห็นต่าง ในสังคมประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติมากที่ประชาชนจะมีความเห็นแตกต่างกัน การแสดงความเห็นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตนสงสัยว่าทำไมพีระพันธุ์จึงไม่เข้าใจ ทั้งที่เป็นนักการเมืองมานาน เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เคยนั่งอยู่ในกรรมาธิการการกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกรรมาธิการที่มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนทุกคนไม่ให้ถูกละเมิด

"ความคิดของคุณพีระพันธุ์ ที่จะแช่แข็งประเทศไทย เป็นเรื่องที่อันตรายของคนที่คิดจะเป็นรัฐบาล เพราะความคิดที่บอกว่าสังคมต้องเหมือนเดิมไม่ต้องเปลี่ยน ก็คงเท่ากับประชาชนต้องอยู่กับปัญหา ความคิดแบบนี้ไม่มีทางทำให้สังคมก้าวหน้าได้ ผมอยากให้คุณพีระพันธุ์คิดให้ดีว่าหากอยากทำเพื่อประชาชนจริงๆ ควรจะใช้อำนาจที่มีปกป้องประชาชน ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ทั่วประเทศ ผมพบว่าปัญหายาเสพติดกำลังเป็นปัญหาร้ายแรง ขอถามว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำอะไรบ้าง" รังสิมันต์กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดี ส.ว.ทรงเอ รังสิมันต์กล่าวว่า ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและรอคอยความคืบหน้าว่าจะนำไปสู่บทสรุปอย่างไร ยอมรับว่ารู้สึกกังวลอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะเป็นปาหี่ นำไปสู่การช่วยเหลือ ส.ว.ทรงเอ เพราะทั้งที่ ส.ว.ทรงเอ หรือ อุปกิต ปาจรียางกูร มีสายสัมพันธ์กับขบวนการค้ายาเสพติดของ ทุน มิน ลัต แต่กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน ทำให้กระบวนการยุติธรรมอาจถูกตั้งคำถามว่ามี 2 มาตรฐาน

“ผมยังเชื่อใจว่าองค์กรอัยการจะไม่เอาชื่อเสียงของตัวเองมาทิ้งกับเรื่องนี้ คำถามคือตอนนี้รออะไร เมื่อไรกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จะส่งสำนวน เพื่อให้อัยการดำเนินการต่อไป หวังว่าก่อนสงกรานต์จะมีความชัดเจน มิเช่นนั้นประชาชนจะตั้งคำถามว่าพวกท่านกำลังช่วยเหลือ ส.ว.ทรงเอ ซึ่งอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่” รังสิมันต์กล่าว

‘ปิยบุตร’ ชูจุดยืน 'ก้าวไกล' ไม่ขอร่วมรัฐบาลกับคนเหล่านี้ 'พวกทำรัฐประหาร-เกี่ยวข้องสลายชุมนุม ปี 53'

(10 เม.ย.66) แกนนำพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมรำลึกครบรอบ 13 ปีการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง 10 เมษายน 2553 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว โดยวางพวงมาลาและกล่าวคำไว้อาลัยร่วมกับญาติวีรชน อดีตแกนนำ นปช. และพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ก่อนเข้าสู่ช่วงเวทีแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้

ขณะที่อีกด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ก็ได้กล่าวถึงวาระครบรอบ 13 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง 10 เมษายน 2553 บนเวทีปราศรัยหาเสียงจังหวัดอุดรธานี ด้วยเช่นกัน โดยมีความตอนหนึ่งว่า...

คณะประชาชนทวงคืนความยุติธรรม 2553 (คปช.53) ที่มี ธิดา ถาวรเศรษฐ เป็นตัวแทนเข้ายื่นหนังสือกับตัวแทนพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงพรรคก้าวไกล เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาว่า ข้อเสนอที่อยู่ในหนังสือนั้น ตนทราบว่าได้กลายเป็นนโยบายของพรรคก้าวไกลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น...

‘โรม’ จี้ ‘หน่วยงานรัฐ’ ทำหน้าที่อย่างซื่อตรง พร้อมดักคอ ‘ส.ว.อุปกิต’ อย่าเล่นนอกกติกา

(11 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุถึงการแถลงข่าวครั้งที่ 2 ของ ส.ว.อุปกิต ปาจรียางกูร ที่งัดเอาข้อมูลว่าบัญชีม้าในคดีฟอกเงินยาเสพติดนั้นมีการโอนเงินไปยังบัญชีอื่น ๆ ของทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลอีกถึง 86 บัญชี ทำไมมีแค่ตนคนเดียวที่ถูกกล่าวโทษ ถ้ารังสิมันต์ โรม ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่คิดกลั่นแกล้ง ไม่หวังผลทางการเมือง ก็ขอให้ไปตรวจสอบ 86 บุคคล/บริษัทเหล่านั้นด้วย

ในประเด็นนี้ตนทราบว่าทาง ส.ว.อุปกิตก็ไปยื่นข้อมูลให้กับทางอัยการด้วยเช่นกัน ซึ่งหากท่านต้องการช่วยชี้เบาะแสเผื่อว่าจะมีใครกระทำผิดฟอกเงินค้ายาอีกหรือไม่นั้น ก็เป็นสิทธิของท่านที่จะกระทำได้ แต่หากว่าทำไปเพียงเพื่อจะซัดผมว่าปฏิบัติต่อท่านอย่างไม่เป็นธรรมนั้น ผมก็ต้องขอเรียนต่อ ส.ว.อุปกิตว่าการที่ผมมาพูดอภิปรายเรื่องฟอกเงินค้ายาเสพติดได้นั้น จำเป็นต้องมีหลักฐานสนับสนุนหลาย ๆ อย่างมาประกอบกัน อย่างความเชื่อมโยงทางการเงินก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถ้าลำพังมีแค่หลักฐานนี้อย่างเดียวเช่นที่ท่านอ้างถึง 86 บุคคล/บริษัทนั้น ก็คงยังไม่เพียงพอที่จะอภิปรายได้ ท่านก็เคยพูดเองมิใช่หรือว่าคนที่ค้ายาเขาไปซื้อขายอะไรใดๆ ไม่ได้หมายความว่าร้านค้าเหล่านั้นจะต้องเป็นผู้ฟอกเงินทั้งหมดเสมอไป (แต่จะต้องพิจารณาเป็นกรณีไป)

ในกรณีของ ส.ว.อุปกิต หากว่าหลักฐานมีแค่เรื่องเส้นทางการเงินระหว่างผู้ค้ายากับเครือบริษัท Allure เพียงแค่นี้เท่านั้น ผมคงไม่เอามาอภิปรายตั้งแต่แรก แต่ที่ผมตัดสินใจเอามาอภิปรายก็เพราะมีหลักฐานอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ข้อความแชต หรือคำให้การของทุนมินลัตและคนอื่น ๆ ที่โดนจับไปก่อนหน้านี้ ที่ผมพิจารณาแล้วเห็นว่าหนักแน่นเพียงพอที่จะต้องพูดออกมาให้สังคมได้ตระหนักและช่วยการติดตามกระบวนการคดีไม่ให้เตลิดออกนอกลู่นอกทางได้

ซึ่งเรื่องข้อความแชต วันนี้ ส.ว.อุปกิตก็ยังพูดเหมือนเดิมว่าแปลผิดแปลมั่ว ตนก็เคยบอกไปแล้วว่าข้อความที่คุยกันมันเป็นศัพท์ขั้นพื้นฐานมาก ๆ ไม่ได้เกินความเข้าใจของคนเคยเรียนภาษาอังกฤษมา ยังอ้างว่าคุยกันเรื่องโรงปูนบ้าง เรื่องทองบ้าง ผมก็เคยบอกไปแล้วว่านั่นแค่ส่วนนอกเรื่องน้อยนิดที่ปะปนมา แชตส่วนใหญ่คุยเรื่องการคุมงาน Allure ทั้งนั้น พอมารอบนี้มีอ้างเพิ่มเติมด้วยว่าตำรวจไปตัดต่อแชตเก่า ๆ ของตนเพื่อมาใส่ร้าย ผมว่าก็รอติดตามในคดีต่อไปแล้วกันว่ามันจะใช่อย่างที่ท่านอ้างไหม

ส่วนที่กล่าวหาว่าเอาเรื่องหลายเดือนก่อนมาพูดตอนนี้เพราะเป็นขบวนการหวังผลการเมือง พยายามโยงมาถึงพรรคที่ผมสังกัด ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่าผมตั้งใจเอาเรื่องนี้มาพูดในวาระอภิปรายทั่วไปเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งตัวผมไม่มีอำนาจอะไรเลยที่จะไปกำหนดได้ว่าจะอภิปรายกันเมื่อไหร่ ทีแรกยังเคยนึกว่าจะมีในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ด้วยซ้ำ อีกอย่างคือเรื่องนี้ก็ต้องใช้เวลาเตรียมข้อมูลด้วย ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุ 2-3 แล้วจะให้รีบพูดเลยได้ และผมเชื่อว่าสังคมมีวิจารณญาณพอที่จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นแค่การป้ายสีเลื่อนลอย หรือเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือกันแน่

‘โรม’ จวก!! กกต. ปมเว็บลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าล่ม ซัด!! ควรขยายเวลาเพิ่ม ไม่ใช่ขอโทษแล้วเงียบหาย

(11 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ทวงถามคำตอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีการขยายวันลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า นอกเขต และนอกราชอาณาจักร ที่พรรคก้าวไกลเสนอให้เพิ่มไปจนถึงช่วงวันสงกรานต์ ว่า กกต.ต้องมีคำตอบเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ออกมาพูดขอโทษแบบส่ง ๆ แต่ไม่สามารถให้ความชัดเจนได้ว่าสุดท้ายจะดำเนินการอย่างไร เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของประชาชน กกต. มีหน้าที่ทำให้เว็บไซต์ลงทะเบียนใช้งานได้ตามเวลาที่ขีดเส้นไว้ การอ้างว่าเว็บไซต์ล่มเพราะมีประชาชนเข้าใช้งานจำนวนมากพร้อมกัน เป็นเหตุผลที่รับฟังไม่ได้ ในเมื่อ กกต. ควรคาดการณ์เหตุการณ์นี้ได้อยู่แล้ว มีทั้งงบประมาณเป็นพันล้านจากภาษี มีทั้งเวลาเตรียมการทำงาน ทำไมยังปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

ถึงที่สุด หาก กกต. ยังไม่มีคำตอบ คงต้องเตือนว่าระวังจะโดนประชาชนฟ้องร้อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 กำหนดให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของคนไทย การที่ประชาชนคนหนึ่งไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ ทั้งที่เขาไม่ได้ต้องการอย่างนั้น จะทำให้เขาถูกตัดสิทธิหลายข้อเป็นเวลาถึง 2 ปี ตามที่ระบุใน พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 35 เช่น ไม่มีสิทธิร่วมลงชื่อยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส., ไม่มีสิทธิรับสมัครเป็น ส.ส. หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือ ส.ว., ขาดคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง นายก อบจ. ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น และทุกตำแหน่งที่ผ่านการเลือกตั้ง

“มันใช่เรื่องหรือไม่ ที่ประชาชนต้องถูกจำกัดสิทธิทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร เขาต้องการไปเลือกตั้ง แต่หน่วยงานจัดการเลือกตั้งกลับไม่สามารถอำนวยความสะดวกให้เขาได้ ทั้งที่เป็นภารกิจหลักขององค์กร หาก กกต. ยังทำหน้าที่ไม่คุ้มค่าเงินภาษีแบบนี้ อาจถูกประชาชนฟ้องร้อง ดังนั้นรีบออกมาให้คำตอบดีกว่า ว่าจะขยายวันลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า หรือมีมาตรการอย่างไรเพื่อรักษาสิทธิของประชาชน ไม่ให้ต้องรับผลกระทบจากเหตุที่มาจากความผิดพลาดของ กกต. เอง” รังสิมันต์กล่าว

‘พิธา’ วอนชาวตราด เลือก ‘ศักดินัย นุ่มหนู’ รักษาแชมป์เขต 1 ย้ำชัด ‘ก้าวไกล’ ไม่มีนโยบายตัดเงินบำนาญข้าราชการแน่นอน

‘พิธา’ ลุยหาเสียงภาคตะวันออก ขอโอกาสชาวตราด กาก้าวไกลไปเปลี่ยนประเทศ ส่ง ‘ศักดินัย นุ่มหนู’ รักษาแชมป์เขต 1

(11 เม.ย. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่จังหวัดตราด ช่วยหาเสียงให้ นายศักดินัย นุ่มหนู ผู้สมัคร ส.ส.ตราด เขต 1 พรรคก้าวไกล เบอร์ 1 โดยขึ้นรถแห่ทั่วเมืองตราด ขอโอกาสให้ชาวตราดเลือกศักดินัยกลับเข้าสภาฯ อีกครั้ง โดยนายพิธากล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา นายศักดินัยแสดงให้เห็นว่าเป็น ส.ส. ที่ทำงานคุ้มค่าเงินภาษีประชาชน ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ‘ซื่อสัตย์ ชัดเจน และโคตรขยัน’ ได้ร่วมผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น การแก้ไข พ.ร.บ.ประมง ซึ่งเป็นกฎหมายที่ทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำประมงพื้นบ้าน ทำให้พี่น้องชาวประมงทั่วประเทศต้องประสบปัญหาในการออกทะเล หรือหลายคนต้องยุติอาชีพประมงไป

“วันนี้มาที่ตราด เพื่อช่วยรักษาแชมป์ ขอโอกาสให้ ส.ส.คนเดิมคนเก่งเข้าสภาฯ ต้องกาศักดินัย นุ่มหนู กาพรรคก้าวไกล” นายพิธา กล่าว

โดยในช่วงเช้าของวัน นายพิธา พร้อมด้วยนายศักดินัย เริ่มเดินหาเสียงบริเวณตลาดเช้าซอยไร่รั้ง อำเภอเมืองตราด ตลอดเส้นทางมีพี่น้องประชาชนเข้ามาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนั้น หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้สมัคร ส.ส.ตราด ได้ขึ้นรถแห่รอบอำเภอเมืองตราด ก่อนจะเดินทางต่อไปยังศูนย์วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว ซึ่งมีจุดเด่นคือความเป็นพหุวัฒนธรรมของพี่น้องไทย จีน และมุสลิม ผนวกกับเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์และมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยนายพิธาได้แสดงวิสัยทัศน์ในการยกระดับและพัฒนาจังหวัดตราดว่า จังหวัดตราดมี 4 เสาหลักค้ำยันทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว, ประมง, ผลไม้ และการค้าชายแดน แต่ที่ผ่านมารายได้กว่า 10 ปีของชาวตราดกลับไม่เพิ่มขึ้น

ดังนั้น เพื่อการเปลี่ยนแปลง ตนมีข้อเสนอ 4 แนวทาง ประการที่หนึ่ง ต้องเปลี่ยนแนวทางการเกษตรไทย ให้เป็นเกษตรเพิ่มมูลค่า ยกระดับชาวสวนผลไม้ในจังหวัด ประการที่สอง แก้ไขกฎหมายประมง กระจายอำนาจการตัดสินใจสู่ท้องถิ่น ให้ประมงพื้นบ้านสามารถทำมาหากินได้ ประการที่สาม ต้องมีการปลดล็อก SMEs ด้านการท่องเที่ยว ประการที่สี่ เสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.โรงแรม ให้ท้องถิ่นมีอำนาจแก้ปัญหาการขอใบอนุญาตที่เป็นคอขวด

‘พิธา’ หาเสียงเมืองจันท์ ชวนกาหน้าใหม่เข้าสภาฯ ลั่น!! เมืองหลวงผลไม้จันทบุรี จะมีอนาคตที่สดใส

‘พิธา’ หาเสียงเมืองจันท์ ให้ความเชื่อมั่น ‘ก้าวไกล’ คัดผู้สมัครอย่างดี ขอโอกาสให้คนใหม่เข้าสภาฯ ไปเปลี่ยนประเทศ โหวตผ่านสุราก้าวหน้า เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร

(11 เม.ย. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ช่วยหาเสียงผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี เขต1 และ 2 ของพรรคก้าวไกล สำหรับจุดแรก นายพิธาเดินทางถึงตลาดเจริญสุข พร้อมกับ นายวรายุทธ ทองสุข ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี เขต 1 (เบอร์ 4) เดินหาเสียงแนะนำตัวและขอคะแนนจากพี่น้องประชาชน โดยนายพิธากล่าวอย่างชัดเจนว่า มาครั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชน ว่าพรรคก้าวไกลได้คัดสรรผู้สมัครเป็นอย่างดี ขอโอกาสให้นายวรายุทธได้เป็นคนใหม่เข้าไปในสภาฯ เป็นปากเสียงของคนจันทบุรี เป็นอีกหนึ่งเสียงในสภาฯ ที่จะโหวตให้กฎหมายที่ก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล

จากนั้น นายพิธา เดินทางต่อไปที่ตลาดห้วยสะท้อน เพื่อช่วยหาเสียงให้นายปรัชญาวรรณ ไชยสืบ ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี เขต 2 (เบอร์ 3) พร้อมกล่าวว่า ตลอด 4 ปี พรรคก้าวไกลได้พิสูจน์ให้ชาวจันทบุรีเห็นแล้วว่า ส.ส. ทุกคนทำงานอย่างคุ้มค่า คุ้มภาษีของประชาชน แม้หลายคนชอบบทบาทของพรรคก้าวไกลในฐานะฝ่ายค้าน แต่ตนต้องบอกว่ายิ่งก้าวไกลทำงานดี ยิ่งต้องให้โอกาสส.ส. ของพรรคเข้าสภาฯ ไปเลือกนายพิธาเป็นนายกฯ ให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เปลี่ยนประเทศไทยให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

‘โรม’ ชี้ คุมตัว ‘แฮกเกอร์ 9near’ ผิดสังเกตหลายจุด จี้ สธ. ออกมาชี้แจง สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

(12 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการควบคุมตัว จ่าสิบโทเขมรัฐ บุญช่วย หรือแฮกเกอร์ 9near ผู้ต้องหาฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการโพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการว่า ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้มีความแปลกประหลาด แปลกที่หนึ่ง คือทั้งที่เจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วว่าใครเป็นแฮกเกอร์ ออกหมายจับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2556 ปัจจุบันวันที่ 12 เมษายน 2566 ใช้เวลานานถึง 9 วันในการควบคุมตัว

“ค่อนข้างเชื่อว่าเรื่องนี้มีบางคนอยู่เบื้องหลัง อาจเป็นผู้บังคับบัญชา บุคคลระดับสูงในกองทัพ เป็นเหตุผลว่าทำไมการควบคุมตัวแฮกเกอร์คนนี้ ถึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก” รังสิมันต์กล่าว

โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า แปลกที่สอง คือมีความพยายามปกป้องไม่ให้มีการเข้าถึงจ่าสิบโทคนดังกล่าว เห็นได้จากตอนควบคุมตัว สัญญะที่สื่อออกมาค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้สื่อมวลชนซักถาม ราวกับจะกีดกันเพราะเกรงว่าแฮกเกอร์อาจซัดทอดไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงขอเรียกร้องให้มีการขยายผลให้เกิดความชัดเจน อย่าให้จบแค่การควบคุมตัว เพราะหากสุดท้ายจับคนเบื้องหลังไม่ได้ ได้แค่คนตัวเล็กตัวน้อย ข้อมูลของประชาชนก็อาจหลุดได้อีก

“พรรคก้าวไกลเป็นห่วงเรื่องนี้ รวมถึงการจัดการข้อมูลที่หลุดออกมา จะทำอย่างไรให้แน่ใจได้ว่าไม่มีแบ็กอัป หรือสำรองไว้ที่ใดที่อาจทำให้ข้อมูลหลุด ให้มิจฉาชีพคนอื่นแสวงหารายได้หรือผลประโยชน์ ทำให้ประชาชนจำนวนมากอาจตกเป็นเหยื่อ” รังสิมันต์กล่าว

ทั้งนี้ ขอฝากไปถึงกระทรวงสาธารณสุข เงียบมากในเรื่องนี้ ทั้งที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าข้อมูลหลุดมาจากแอปหมอพร้อม ควรออกมาให้ความมั่นใจแก่ประชาชนหรือไม่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

“ทำไมทหารยศจ่าสิบโทถึงสามารถแฮกได้ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะจ่าสิบโทคนดังกล่าวเก่งมาก ก็เป็นไปได้ว่าระบบจัดการข้อมูลของรัฐอ่อนแอมาก หรือเป็นเพราะข้อมูลเหล่านี้ ฝ่ายความมั่นคงในกองทัพเข้าถึงได้อยู่แล้ว ดังนั้น ควรชี้แจงให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจว่าการใช้เครื่องมือของรัฐมีความปลอดภัย ไม่ใช่ใครจะล้วงออกไปง่ายๆ” รังสิมันต์กล่าว

‘ก้าวไกล’ เผย ‘รถเมล์อนาคต’ วาระแรก ผ่านสภา กทม.แล้ว ดันกฎหมายรถเมล์ไฟฟ้าทั้งกรุงเทพฯ ภายใน 7 ปี

(11 เม.ย. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจหลักของ ‘พรรคก้าวไกล - Move Forward Party’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ถึงประเด็นร่างกฎหมายรถเมล์อนาคต โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

[ร่างกฎหมายรถเมล์อนาคต ผ่านสภา กทม. วาระ 1 ด้วยคะแนนเสียง 33-3 เป็นความสำเร็จของ ส.ก.ก้าวไกล ที่ผลักดันกฎหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคน กทม. ลดฝุ่น ลดโลกร้อน ได้รถเมล์ดีมีคุณภาพ]

ส.ก.พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก.เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล ในฐานะ ส.ก.คนสำคัญที่ผลักดันข้อบัญญัติรถเมล์อนาคต เปิดเผยว่าเนื้อหาสำคัญของกฎหมาย ‘รถเมล์อนาคต’ คือการเปลี่ยนรถเมล์สันดาป เป็นรถเมล์ไฟฟ้า (EV Bus) ภายใน 7 ปี

นายพุทธิพัชร์ กล่าวว่า กลไกของข้อบัญญัตินี้ ไม่ได้บังคับผู้ประกอบการเดินรถโดยตรง แต่เป็นการบอกว่า “เฉพาะรถเมล์ไฟฟ้าเท่านั้นที่สามารถเดินทางได้ภายในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร”

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่กฎหมายฉบับนี้ผ่านสภา กทม. จะมีระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 1 ปี ถ้าพ้นจาก 1 ปีไปแล้ว นอกจากรถเมล์ที่ยังมีสัมปทานเดินรถ รถเมล์ไฟฟ้าเท่านั้นที่จะสามารถเดินทางสัญจรได้ในพื้นที่ กทม.

ส่วนรถเมล์ที่มีสัมปทานเดินรถเดิม ก็จะทยอยหมดอายุสัมปทาน ซึ่งอายุสัมปทานนานที่สุดที่มีการต่อคือ 7 ปี นั่นหมายความว่าภายใน 7 ปี รถเมล์ทั้งหมดที่วิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ จะเป็นรถเมล์ EV ทั้งหมด

นายพุทธิพัชร์ ยืนยันว่า ข้อบัญญัติที่สภา กทม. ทำไม่ใช่การจำกัดสิทธิเสรีภาพของเอกชน แต่เป็นการใช้อำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยืนยันว่าเราไม่อนุญาตให้รถที่ไม่ผ่านมาตรฐานเดินทางเข้ามาในพื้นที่ กทม.

“เรื่องนี้เป็นการใช้อำนาจของท้องถิ่นปกป้องชีวิตคนในเมือง ในอดีตก็เคยมีการใช้อำนาจแบบเดียวกันมาแล้วในสมัย อดีตผู้ว่าฯ กทม. พิจิตร รัตกุล ที่เคยสั่งห้ามรถเมล์ที่ก่อมลพิษเกินค่ามาตรฐานเข้ามาวิ่งในกรุงเทพฯ” นายพุทธิพัชร์ กล่าว

ข้อบัญญัติรถเมล์อนาคต หลังจากที่ผ่านวาระ 1 รับหลักการในวันนี้แล้ว คาดว่าจะผ่านวาระ 3 ได้ในสมัยประชุมหน้า ต้นเดือนกรกฎาคม 2566 ที่จะถึงนี้ หลังจากที่ข้อบัญญัติ ‘รถเมล์อนาคต’ ผ่าน นายพุทธิพัชร์ เปิดเผยว่า พรรคก้าวไกลเราจะเดินหน้าต่อในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นการยื่นร่างแก้ไขข้อบัญญัติควบคุมอาคาร ที่จะมีข้อกำหนดเรื่องการควบคุมการปล่อยความร้อนและพื้นที่สีเขียว หลังจากนั้นเราจะเดินหน้าต่อเรื่องการลดการปล่อยฝุ่นควัน PM2.5 จากแหล่งอื่น ๆ

“ปัญหาสิ่งแวดล้อมของคนกรุงเทพฯ เป็นปัญหาที่เรารอไม่ได้ ทุกวันนี้คนกรุงเทพฯ แม้แต่คนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ก็กำลังสูดมลพิษทางอากาศเข้าไป เท่ากับสูบบุหรี่วันละ 3.2 มวน อากาศในกรุงเทพฯ เป็นสิ่งที่ทุกคนใช้ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจน ข้อบัญญัติแบบนี้จึงสมควรมีตั้งนานแล้ว” นายพุทธิพัชร์ กล่าว

นอกจากนี้ ‘Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานคณะก้าวหน้า ได้แสดงความเห็นต่อความสำเร็จของพรรคก้าวไกลในสภากรุงเทพฯ ว่า กฎหมายรถเมล์อนาคตผ่านสภากรุงเทพฯ เป็นการเปิดมิติใหม่ในการพัฒนาเมือง

รถเมล์ไฟฟ้าจะช่วยเรื่องการลดมลพิษทางอากาศ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนกรุงเทพฯ ตนภูมิใจมากที่พรรคก้าวไกลเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ และผลักดันจนเป็นกฎหมายเมืองออกมาได้สำเร็จ และมากไปกว่านั้น กฎหมายเมืองฉบับนี้คือมิติใหม่ของการเมืองท้องถิ่นอย่างแท้จริง

ที่ผ่านมา เราแทบไม่เคยเห็นกรุงเทพ, อบจ. จังหวัดต่าง ๆ, เทศบาล หรือ อบต. เสนอกฎหมายเพื่อการพัฒนาบ้านเมืองตัวเองเลย การพัฒนาล้วนแต่ถูกกำหนดกฎเกณฑ์และรูปแบบผ่านส่วนกลาง

นายธนาธร กล่าวเพิ่มเติมว่า กฎหมายฉบับนี้จึงเป็นหมุดหมายประวัติศาสตร์ของการพัฒนาท้องถิ่น เป็นการเปิดประตูบานใหม่ เป็นการเพิ่มเครื่องมือในการพัฒนาเมืองให้กับท้องถิ่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top