Thursday, 12 June 2025
ก้าวไกล

‘ก้าวไกล’ ลุยขนส่งหมอชิต เปิดแคมเปญ ‘ชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล’ หวังฝาก ปชช.ที่เดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์ บอกต่อครอบครัว

(12 เม.ย. 66) พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประกอบด้วย เซีย จำปาทอง, สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ, กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี และ วรรณวิภา ไม้สน ร่วมสวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชนที่เดินทางมายังบริเวณสถานีขนส่งกรุงเทพ หรือ ‘หมอชิต 2’ พร้อมเชิญชวนประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ร่วมแคมเปญ ‘ภารกิจแห่งจักรวาล : ชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล’ ด้วยการเชิญชวนคนในครอบครัวหรือคนที่บ้านให้กาพรรคก้าวไกล

พริษฐ์ กล่าวว่า หัวใจสำคัญของแคมเปญนี้ คือการชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล เนื่องจากการลงพื้นที่หาเสียงในช่วงที่ผ่านมา ได้เห็นแนวร่วมพรรคก้าวไกลอยู่ในทุก ๆ บ้าน เป็นคนที่มีความคิดความฝันตรงกับพรรค อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อยากเห็นนโยบายของพรรคเกิดขึ้น จึงอยากให้แนวร่วมพรรคก้าวไกลได้ชวนคนทั้งบ้านหันมาเลือกพรรคก้าวไกลยกบ้าน เพื่อให้ความต้องการนั้นเป็นจริง

สำหรับแคมเปญชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล ประกอบด้วย 5 ภารกิจ ได้แก่

1.) ส่งต่อข้อมูลนโยบายพรรคให้เพื่อนและญาติในรูปแบบแผ่นพับออนไลน์

2.) เปลี่ยนเฟรมรูปโปรไฟล์ในโซเชียลมีเดียให้เป็นเฟรม กา x ก้าวไกล

3.) สร้างป้ายหาเสียงผ่านเว็บไซต์และแชร์ให้ทั้งโลกได้รู้

4.) ท้าประลองกับที่บ้านว่าใครรู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับนโยบายพรรคก้าวไกล

5.) ใช้โซเชียลมีเดียปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ ช่วยกันแชร์และเชียร์พรรคก้าวไกล

นอกจากนี้ ยังมีการทำกิจกรรมของปีกแรงงาน พรรคก้าวไกล นำโดย เซีย จำปาทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 4 ในฐานะตัวแทนผู้ใช้แรงงาน ที่ร่วมพูดคุยกับประชาชนที่เดินทางกลับบ้าน เพื่อนำเสนอนโยบายของปีกแรงงานจากพรรคก้าวไกลด้วย

‘ช่อ พรรณิการ์’ ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ กับชาวหนองคาย ปชช. แห่ถ่ายรูป-ให้กำลังใจ พร้อมรับฟังปัญหาคนในพื้นที่

‘ช่อ พรรณิการ์’ เล่นสงกรานต์ริมโขง ประชาชนรุมกรี๊ด-ถ่ายรูปแน่น 

(14 เม.ย. 66) พรรณิการ์ วานิช กรรมการมูลนิธิคณะก้าวหน้า ร่วมฉลองสงกรานต์กับพี่น้องประชาชนริมฝั่งโขง จังหวัดหนองคาย โดยได้ร่วมรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ พร้อมร่วมรำวงกับผู้สูงอายุฉลองสงกรานต์ ที่อำเภอท่าบ่อ ต่อด้วยการร่วมฉลองสงกรานต์ที่อำเภอท่าบ่อ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเฉลิมฉลองเล่นน้ำคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในหนองคาย

‘ดร.พงศ์ธร’ เทียบฟอร์มนโยบาย ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ 2 พรรคประชาธิปไตย ที่อาจทำแฟนคลับลุ้นเหนื่อย

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ติ๊กต็อก บัญชี ‘PhongThon’ โดย ‘ดร.พงศ์ธร ธาราไชย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) ได้ออกมาวิเคราะห์นโยบายทางการเมืองของสองพรรค ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล โดยกล่าวว่า...

“สำหรับคนวัยผมอย่างผมก็อยากจะเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นแฟนคลับกันมานานถือว่าพรรคเพื่อไทยมีฐานแฟนคลับคน Gen X (เกิดช่วงปี พ.ศ. 2508-2522)”

“ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ชูนโยบาย เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ลักษณะของพรรคคือ มีเจ้าของพรรคคือตระกูลชินวัตร เป็นเจ้าของพรรค และส่งผู้บริหารมืออาชีพอย่าง คุณเศรษฐา ทวีสิน มาเป็น CEO ของพรรค โดยลักษณะของการดำเนินนโยบายเป็นแบบไม่ค่อยไปตีการเมืองเก่าแบบแรงๆ ทำท่าเหมือนจะไปจับมือกันก็ยังสามารถทำได้ พร้อมมีนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน กับนโยบายเงินเดือนคนจบปริญญาตรีเริ่มต้น 25,000 บาท และนโยบายจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ซึ่งอาจจะมีการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และยังมีนโยบายเด็ด แจกเงินดิจิทัลฯ 10,000 บาท ให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไป ซึ่งนโยบายนี้สุ่มเสี่ยงต่อการเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ และมีสิทธิที่จะโดนกกต. เล่นงานได้หลังที่ชนะเข้าไป” 

‘ก้าวไกล’ ลั่น!! นโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารมาแรง วอนขอเป็น รบ. จะ ‘ดันเร่งกระจายอำนาจ-สุราก้าวหน้า-ปฏิรูปที่ดิน’

‘โรม’ พบเครือข่ายก้าวไกลพังงา เผยนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารมาแรง ขอโอกาสกาก้าวไกลเป็นรัฐบาล ดันกระจายอำนาจ-สุราก้าวหน้า-ปฏิรูปที่ดิน ให้งานและเงินอยู่ใกล้บ้าน การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

(15 เม.ย. 66) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมกับ นายธีรุตม์ สันหวัง ผู้สมัคร ส.ส.พังงา เขต 1 พบปะทีมทำงานและเครือข่ายพรรคก้าวไกล ที่ศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมือง จังหวัดพังงา โดยนายรังสิมันต์ได้รับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมหลายคน เกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกล หนึ่งในข้อข้องใจหลักคือ ข่าวปลอมที่ว่าพรรคก้าวไกลจะยกเลิกบำนาญข้าราชการ ซึ่งนายรังสิมันต์ยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่มีนโยบายดังกล่าว และหากย้อนกลับไปฟังการอภิปรายของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็จะพบว่าไม่มีการสื่อสารว่า จะตัดลดหรือยกเลิกบำนาญข้าราชการตั้งแต่ต้น

นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า นโยบายของพรรคก้าวไกลที่ดูจะได้รับความนิยมมากที่สุด คือนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารและการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกประชากรคนหนุ่มนับแสนคนต่อปีให้สามารถออกไปทำงานและใช้ชีวิตตามที่ต้องการ ยิ่งในช่วงที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) คนหนุ่มเหล่านี้ถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศ พรรคก้าวไกลจึงเสนอยกเลิกเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจทั้งหมด ลดขนาดกองทัพ และเพิ่มการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน สวัสดิการ และประสิทธิภาพของกำลังพล

‘พิธา’ ขอบคุณ ปชช.เทคะแนนโหวต หนุนเป็นนายกฯ คนต่อไป สะท้อนคนไทยเบื่อการเมืองแบบเดิม พร้อมลุยหาเสียงโค้งสุดท้าย

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีประชาชนโหวตให้เป็นอันดับ 1 คนที่จะเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้ง 2566 จากผลโพลของสำนักข่าวมติชนที่ร่วมกับสำนักข่าวเดลินิวส์ ซึ่งสำรวจกลุ่มตัวอย่างผ่านช่องทางออนไลน์จำนวน 84,076 ราย กระจายทุกภูมิภาค ทุกระดับอายุ อาชีพ การศึกษา และรายได้ และเป็นการโหวตแบบไม่ซ้ำไอพีแอดเดรส (IP Address) ระหว่างวันที่ 8-14 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา

นายพิธา กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ คะแนนจากโพลนี้สอดคล้องกับสิ่งที่เราสัมผัสได้ในทุกจังหวัดที่เดินทางไป และสอดคล้องกับตัวเลขในทางออนไลน์ ที่ประชาชนแสดงออกว่าสนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้น ยิ่งกว่าสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ในปี 2562 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งอยากเห็นตนเป็นนายกฯ อยากได้ ส.ส.เขตแบบก้าวไกลมาทำงานรับใช้ประชาชน และในภาพใหญ่ คืออยากให้คนบริหารประเทศเป็นคนแบบก้าวไกล

เสียงสนับสนุนที่เราได้รับ สะท้อนให้เห็นว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เราพิสูจน์การทำงานให้ประชาชนเห็นแล้วว่า ส.ส.พรรคก้าวไกล ทำงานได้โดดเด่นและแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่เคยมีมาอย่างไร จนได้รับคำชมว่า ก้าวไกลทำงานตรงไปตรงมา ทำงานคุ้มค่า และมุ่งแก้ปัญหาที่ต้นตอ

“สิ่งที่สำคัญที่สุด เสียงสนับสนุนที่ก้าวไกลได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนว่าคนไทยไม่ต้องการวนเวียนอยู่กับการเมืองแบบเดิม ๆ อีกแล้ว เพราะนักการเมืองแบบเดิม ๆ วิธีคิดและวิธีการทำงานการเมืองแบบเดิม ไม่สามารถตอบโจทย์ของสังคมไทยยุคใหม่ได้ ประชาชนจึงต้องการพรรคก้าวไกลมาทำในสิ่งที่นักการเมืองในอดีตทำไม่ได้” นายพิธา กล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกลทิ้งท้ายว่า ในช่วง 30 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง พวกเราพรรคก้าวไกลต้องทำงานให้หนักมากขึ้น ทั้งเปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศ ทั้งสื่อสารทางออนไลน์และผ่านสื่อมวลชน ทั้งเดินเคาะประตูบ้าน เพื่อเข้าหาพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจะเป็นปัจจัยชี้ขาดโฉมหน้าของรัฐบาลชุดต่อไป ว่าจะน่าไว้วางใจแค่ไหน และจะมีพรรคทหารจำแลงร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่

‘ชัยธวัช’ มั่นใจกระแส ‘ก้าวไกล’ ดีขึ้นต่อเนื่อง ชี้ ไม่ได้ดูแค่โพล คาดได้ ส.ส. ถึง 100 ที่นั่ง ลั่น!! 150 เขตมีโอกาสชนะ

(16 เม.ย.66) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจผลโพลต่างๆช่วงโค้งแรกของการเลือกตั้ง ใกล้เคียงกับโพลที่พรรคก้าวไกลทำอยู่ มากแค่ไหน ว่า โพลจะเเม่นหรือใกล้เคียงคือโพลช่วงโค้งเดือนสุดท้าย จะเป็นช่วงเวลาแท้จริงที่ประชาชนสนใจการเลือกตั้งจริงจัง แต่โพลก็แค่ตัวชี้ให้เห็นภาพรวมบางส่วน ไม่สามารถบ่งบอกคะแนนทั้งหมด ย้ำเลยว่า ของจริงจะอยู่หลังช่วงสงกรานต์ ถ้าจะถามว่าก้าวไกลเองมีการทำโพลหรือไม่ ที่ผ่านมาก่อนสงกรานต์ ก็ต้องบอกว่า เราไม่ได้ดูแต่โพลอย่างเดียวแต่ต้องใช้เครื่องมือหลายอย่าง เช่น โซเชียลมีเดีย รวมถึงต้องวิเคราะห์ ประเมินจากสนามการเมืองที่เป็นจริงด้วย ในรายละเอียดโดยเฉพาะส.ส.เขต ของพรรคตัวเองและคู่แข่ง ถ้าถามว่าจนมาถึงวันนี้โดยรวมจากการประเมินจากหลายตัวชี้วัด โดยภาพรวมต้องบอกว่ายิ่งใกล้เลือกตั้งเท่าไร ยิ่งมั่นใจมากๆว่าเราจะประสบความสำเร็จมากกว่าสมัยอนาคตใหม่แน่นอน ตอนอนาคตใหม่เราได้ 81 ที่นั่ง กระแสดีขึ้นเรื่อยเรื่อยอย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาคิดว่ามันจะดีขึ้นไปเรื่อยเรื่อยจนถึงช่วงโค้งสุดท้าย สิ่งที่ต่างกันก็คือเราจะได้ส.ส.เขตเยอะกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ

‘โรม’ วอน!! ยุติธรรมไทยอย่าถอนชื่อลูกสาว ‘มินอ่องลาย’ จากคดีทุนมินลัต  พร้อมจี้ ‘รัฐบาลไทย’ ต้องเจรจาหาทางออกความรุนแรงในเมียนมา 

‘โรม’ จี้ อย่าให้มีล้มคดีค้ายาข้ามชาติ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทยให้ถอนชื่อลูกสาว ‘มินอ่องลาย’ จากคดีทุนมินลัต ชี้รัฐบาลไทยต้องฟื้นฟูบทบาทนำในเวทีอาเซียน เจรจาหาทางออกความรุนแรงในเมียนมา 

(17 เม.ย.66) ที่พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวประจำสัปดาห์ในหลายประเด็น เริ่มที่ประเด็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา ที่รัฐบาลเผด็จการทหาร ทำการปราบปรามฝ่ายต่อต้านและโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน รายงานข่าวจากสื่อต่างประเทศ ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 171 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 24 คน และเด็ก 38 คน

นายรังสิมันต์กล่าวว่า พรรคก้าวไกลขอยืนยันจุดยืนว่าการใช้กำลังทางการทหารต่อพลเรือนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในทุกกรณี และขอเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมายุติการใช้ความรุนแรงกับพลเรือนทุกรูปแบบ พร้อมทั้งคืนประชาธิปไตยกลับสู่ประชาชนโดยเร็ว

พรรคก้าวไกลเห็นว่าท่าทีวางเฉยของรัฐบาลไทยในขณะนี้ เป็นการเพิกเฉยต่อมนุษยธรรมและไม่ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ประเทศไทยควรฟื้นฟูบทบาทนำในเวทีอาเซียนอีกครั้ง ด้วยการกลับมาเป็นผู้นำในการเจรจาด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการเจรจาสันติภาพ คืนประชาธิปไตยสู่ประเทศเมียนมาโดยยึดหลักการการสร้างเสถียรภาพอย่างสร้างสรรค์ (Constructive Stabilization) ตั้งเป้าหมายว่าจะยุติสงครามกลางเมืองและการเสียชีวิตของประชาชนโดยเร็ว ด้วยการใช้ความร่วมระหว่างอาเซียนและสหประชาชาติจัดการกับวิกฤติในประเทศเมียนมา และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านกลับมาเป็นประชาธิปไตย โดยเคารพเจตจำนงของประชาชนชาวเมียนมาในการแก้ไขปัญหาภายในประเทศ

นอกจากนี้ สิ่งที่รัฐบาลไทยต้องทำคือการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยทางการเมืองด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทาง ดังที่ประเทศไทยได้ส่งกลับ 3 ผู้ลี้ภัยจนมีรายงานว่าคนที่ถูกรัฐบาลไทยส่งกลับนี้ ถูกสังหารแล้วอย่างน้อย 1 ราย

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า การส่งกลับผู้ลี้ภัยทางการเมือง สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างเผด็จการทหารไทยและเผด็จการทหารเมียนมาร์ ซึ่งถูกตั้งคำถามว่าความสัมพันธ์นี้ต่อยอดกลายเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับขบวนการค้ายาเสพติด ให้ทำธุรกิจค้ายาและฟอกเงินในประเทศไทยได้อย่างง่ายดาย เห็นได้จากกรณีที่ถูกตั้งคำถามว่ามินอ่องลาย พูดคุยกับทางการไทยให้ถอนชื่อลูกสาวจากคดีทุนมินลัตหรือไม่

ตามที่สำนักข่าว The Irrawaddy ของประเทศเมียนมา รายงานข่าวว่าพลเอกอาวุโส มินอ่องลาย หัวหน้าคณะรัฐประหารเมียนมา พยายามติดต่อเจรจากับทางการไทยเพื่อให้ถอนชื่อบุตรสาวของตัวเองออกจากคดีของทุนมินลัต ผู้ซึ่งถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและข้อหาฟอกเงิน และมีความเชื่อมโยงไปถึง นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ในคดีดังกล่าวไม่ได้มีชื่อลูกของมินอ่องลายร่วมเป็นจำเลย แต่ที่เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะในการตรวจยึดทรัพย์สินของทุนมินลัตที่ถือครองอยู่ เจ้าหน้าที่พบว่ามีสมุดบัญชีธนาคารในไทยของลูกสาวมินอ่องลาย และหนังสือกรรมสิทธิ์และสัญญาซื้อขายคอนโดในไทยของลูกชายมินอ่องลาย รวมอยู่ด้วย ตนเข้าใจว่าตามรายงานข่าวข้างต้นน่าจะเป็นการเจรจาเพื่อให้ลูกของเผด็จการทหารเมียนมาหลุดพ้นจากกระบวนการตรงนี้

รัฐบาลไทยต้องสร้างความเป็นธรรมต่อเรื่องนี้ จะปล่อยให้รัฐบาลอื่นมาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ ในเมื่อคดีของทุนมินลัตมีการตั้งข้อหาทั้งเรื่องยาเสพติดและการฟอกเงินไปแล้ว ทางการไทยย่อมมีอำนาจในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดได้ ทั้งตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งริบทรัพย์สินนั้นหรือให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดินต่อไป ซึ่งหน่วยงานสำคัญที่มีอำนาจหน้าที่เหล่านี้ก็คือ ป.ป.ส. และ ปปง. ทว่าตลอดที่ผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่เห็นว่าทั้ง 2 หน่วยงานจะดำเนินการอะไรกับทรัพย์สินของลูก ๆ มินอ่องลายอย่างจริงจังเสียที

“ไม่แน่ใจว่าท้ายที่สุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำหน้าที่ของตัวเองหรือเปล่า หรือปล่อยให้คืนทรัพย์สินไปยังมินอ่องลาย เราจะถูกตั้งคำถามจากนานาชาติมากยิ่งขึ้น ว่ารัฐบาลไทยมีส่วนได้เสียกับขบวนการค้ายาเสพติดและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาหรือไม่ จากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดดังกล่าว” นายรังสิมันต์ กล่าว

‘ปิยบุตร’ เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกหมายเรียก ม.116 แนะ ‘ตร.’ ใช้ดุลยพินิจ ป้องกันการกลั่นแกล้งจากช่องโหว่ กม.

วันที่ 17 เมษายน 2566 ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน จากกรณีที่ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ตามที่นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร้องทุกข์กล่าวโทษข้อหายุยงปลุกปั่น และมีการลงนามออกหมายเรียกโดย พ.ต.ท.สำเนียง โสธร รองผู้กำกับการ (สอบสวน)

นายปิยบุตร กล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2564 ซึ่งผ่านมากว่า 1 ปี จึงได้ทราบว่ามีหมายเรียกเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ภายหลังจากตนไปช่วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หาเสียงที่อีสาน โดยก่อนหน้านี้ ได้ประสานเจ้าพนักงานเพื่อขอเลื่อนการเข้าพบเป็นช่วงหลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม เนื่องจากอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จะไม่มีเวลาว่าง แต่เจ้าพนักงานไม่ยอม ให้เหตุผลว่าพรรคการเมืองขาดผู้ช่วยหาเสียงเพียงหนึ่งคนก็คงไม่เป็นอะไร ให้มารายงานตัวให้มันจบ ๆ ไป แต่นั่นทำให้ผมต้องยกเลิกการหาเสียงที่หนองคายในวันนี้ และทำให้เพื่อนพ้องน้องพี่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.พรรคก้าวไกล ต้องเสียเวลามาให้กำลังใจตนแทน

ดังนั้น เมื่อมีการออกหมายเรียกเป็นครั้งที่สองจึงได้เดินทางมาเข้าพบวันนี้เพื่อมาดูว่าสิ่งที่ นายณฐพร ฟ้องร้องนั้นเข้าข่ายหรือไม่ หรือเป็นการกล่าวหาลอย ๆ เพราะที่ผ่านมา นายณฐพร ก็ถือว่าเป็นนักร้องมืออาชีพ ซึ่งเคยร้องเข้าเป้าตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่จนถึงขั้นโดนยุบพรรค รวมถึงนิสิต นักศึกษา เยาวชนคนรุ่นใหม่ต่างก็โดนฟ้องร้องด้วยเหมือนกัน โดยพฤติการณ์ที่เป็นเหตุให้ตนถูกร้องในครั้งนี้คือ การจัดคลับเฮาส์พูดคุยถึงกรณี ‘แอมมี่’ นายไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ เผาพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งตนได้บรรยายกรณีศึกษาในต่างประเทศและในไทย ที่เคยตัดสินยกฟ้องมาแล้ว

นายปิยบุตรเห็นว่า กรณีที่ตนถูกร้องนี้เป็นการจินตนาการของผู้กล่าวหาที่เลยเถิดไปมาก ซ้ำยังเป็นการลงทุนต่ำ เพียงแค่ถอดเทปจากรายการ พิมพ์เป็นเอกสาร และเดินทางมาร้อง ทำให้เป็นภาระต่อทั้งผู้ถูกกล่าวหา เจ้าพนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานอัยการ และศาล เพราะสุดท้ายเมื่อไม่ถูกต้องตามองค์ประกอบความผิดก็ถูกยกฟ้องอยู่ดี ดังที่ปรากฏว่า ช่วงที่ผ่านมาคดีตามมาตรา 116 ถูกยกฟ้องเป็นประจำ โดยหากพนักงานสอบสวนใช้ดุลยพินิจ ก็อาจบรรเทาการร้องเรียนเชิงกลั่นแกล้งเช่นนี้ได้

เมื่อถามว่าจะมีแนวทางอย่างไรเพื่อตรวจสอบดุลยพินิจของเจ้าพนักงานสอบสวน นายปิยบุตร กล่าวว่า ตอนสมัยเป็นอาจารย์ไม่ได้โดนหมายเรียก แต่เมื่อมาเป็นนักการเมืองกลับถูกหมายเรียกในคดีต่าง ๆ มาเป็นชุด และในช่วงที่ถอยออกจากการเมืองก็เงียบหายไป ล่าสุด ก็โดนคดี ม.112 ที่ สน.ดุสิต วันนี้ ก็คดี ม.116

สำหรับ คดี ม.116 พบว่า หลายคดีอัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือเรื่องไปถึงศาล ก็ยกฟ้อง อยู่จำนวนมาก แต่ยังสงสัยว่าทำไมเจ้าพนักงานถึงทำสำนวนคดีให้ฟ้องอยู่ตลอด ทั้งที่ตนและเจ้าพนักงานสอบสวนก็เรียนหลักการทางนิติศาสตร์มาเหมือนกัน จึงอยากให้ระลึกถึงตอนเป็นนักศึกษาปริญญาตรี หากมีข้อเท็จจริงแบบนี้มาออกเป็นข้อสอบ เชื่อว่าหากพนักงานสอบสวนที่เคยเป็น นศ. ในตอนนั้น ก็คงตอบว่า กรณีไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ตนขอให้พนักงานสอบสวนพิจารณาใช้ดุลพินิจ เพราะเจ้าพนักงานสอบสวนไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ที่เมื่อใครมาร้องทุกข์กล่าวโทษก็ต้องทำสำนวนคดี เพื่อออกหมายเรียกทุกกรณีไป

‘ธนาธร’ กร้าว!! ‘ปฏิรูปกองทัพ’ แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้จริง ไม่แค่ ‘ยกเลิกเกณฑ์ทหาร’ แต่ต้องเอาทหารออกจากการเมือง

เมื่อวานนี้ (17 เม.ย.66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์ที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์ช่องวัน (ONE 31) บริเวณหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ การดีเบตเริ่มต้นด้วยคำถามเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยธนาธรย้ำว่า ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ใช่เพิ่งมีมา เลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อปี 2562 หาเสียงครั้งแรกก็เจอคำถามนี้ 4 ปีที่ผ่านมาหนักกว่าเดิม และหากไปดูการนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเมียนมา จะเห็นว่าเพิ่มขึ้นทุกปี ปี 2561 ใกล้เคียงกับ 0 บาท ปี 2562 นำเข้า 4,200 ล้านบาท ปี 2563 นำเข้า 7,500 ล้านบาท ปี 2564 นำเข้า 1,200 ล้านบาท ปี 2565 นำเข้า 14,000 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน นี่คือกำไรของนายทุนที่แลกมาด้วยอากาศบริสุทธิ์และสุขภาพของประชาชน ถ้าจะแก้ไขเรื่องนี้ ต้องกล้าชนนายทุน ตัดวงจรการเผา หยุดผลักภาระให้ประชาชน

ส่วนการแก้ไขปัญหาการทุจริต ธนาธรกล่าวว่า เรื่องการทุจริตเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย มีการทุจริตทุกระดับและส่งผลกระทบกับชีวิตประชาชนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น การทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ระบบเส้นสายในราชการ ตนไม่รู้ว่าพรรคการเมืองอื่นเป็นอย่างไร แต่พรรคอื่นเป็นรัฐบาลกันหมดแล้ว พรรคก้าวไกลยังไม่เคยบริหารประเทศ เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะสัญญาได้ว่าถ้ามีโอกาส มีอำนาจ จะเอาอำนาจไปรับใช้ประชาชน ไม่เอามารับใช้ตัวเอง 

“เริ่มที่หัว ถ้าหัวไม่ทุจริต หางก็ไม่ทุจริต และต้องไม่อยู่ในระบบอุปถัมภ์อย่างนั้น ถ้าเข้าไปอยู่ในระบบอุปถัมภ์ เข้าไปมีอำนาจก็ต้องทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้นต้องเอาคนนอกเข้าไป คนที่ไม่เคยทำงานการเมือง ไม่มีบุญคุณต้องทดแทนใคร ต้องเป็นคนใหม่ที่มีความกล้าหาญถึงจะจัดการทุจริตได้" ธนาธรกล่าว

เมื่อถูกถามถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ธนาธรกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด ถามประชาชนมีคนเชื่อจริงๆ ใช่ไหม ที่นักการเมืองรายหนึ่งถูกอภิปรายกลางสภาฯ เรื่องความเกี่ยวข้องกับคดีค้ายาเสพติด แล้วกล่าวว่า ‘มันคือแป้ง’ พรรคไหนโหวตไว้วางใจให้กับนักการเมืองรายดังกล่าว ยกตัวอย่างความกล้าหาญของรังสิมันต์ โรม ที่กล้าทลายทุนจีนสีเทา พูดถึงทุน มิน ลัต และตั้งคำถามถึงพรรคการเมืองที่มีส่วนกับยาเสพติด ดังนั้น จะแก้ปัญหายาเสพติด ต้องทำให้เหมือนที่พูด หากบอกไม่เอายาเสพติด แต่กลับโหวตไว้วางใจให้นักการเมืองที่เกี่ยวกับยาเสพติด แบบนี้ต่างหากที่ตบหน้าประชาชน

‘ธนาธร’ แจงปมดีเบตที่เชียงใหม่ดุเดือด ชี้!! กองเชียร์-บรรยากาศ-ประเด็นมันพาไป

(18 เม.ย.66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทวิตข้อความผ่านบัญชีทวิตเตอร์ Thanathorn Juangroongruangkit @Thanathorn_FWP ว่า หลายคนถามว่าทำไมเมื่อคืนดีเบตเชียงใหม่ ผมดุดันเหลือเกิน ต้องบอกว่าบรรยากาศและประเด็นมันพาไป บวกกองเชียร์ก็ดุดันไม่แพ้กัน ขอบคุณชาวก้าวไกลทุกคนที่มาเชียร์ที่เวทีกันหนาแน่น ถ่ายรูปไม่ครบขออภัยด้วยครับ กลัวตกเครื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top