Wednesday, 11 June 2025
ก้าวไกล

‘ธนาธร’ ปราศรัยร้อยเอ็ด ชู น้ำประปาดื่มได้-รถเมล์ไฟฟ้า ขอโอกาส ปชช. กา ‘ก้าวไกล’ นำพาความเจริญสู่ประเทศ

(30 มี.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลุยหาเสียงเวทีปราศรัยย่อยทั่วจังหวัดร้อยเอ็ด ขอโอกาสเลือกพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล นำพาความเจริญก้าวหน้าสู่สังคมไทย ไปสร้างประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย

โดยในระหว่างการหาเสียง นายธนาธรได้ยกบทเรียนจากไต้หวัน ว่าเมื่อ 45 ปีก่อน รายได้คนไทยกับคนไต้หวันใกล้เคียงกัน แต่ผ่านมา 45 ปี คนไต้หวันรวยกว่าคนไทย 5 เท่า อะไรทำให้เป็นเช่นนั้น หากเรียนรู้จากไต้หวันหรือญี่ปุ่น จะเห็นคำตอบว่าเทคโนโลยีคือคำตอบ

“ลูกหลานคนอีสานที่ไปทำงานที่ระยอง ทั้งหมดเป็นบริษัทต่างชาติ แต่ไม่มีเทคโนโลยีของคนไทยเลย เมื่อไม่มีเทคโนโลยีของตัวเองก็แข่งขันไม่ได้ ดังนั้น เราต้องลงทุนในเทคโนโลยี อุตสาหกรรม เพื่อสร้างงาน สร้างสินค้า และเอาส่วนแบ่งจากตลาดโลกมาให้คนไทย” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร เสนอบทเรียนจากเทศบาลตำบลอาจสามารถ ในฐานะความสำเร็จในการสร้างน้ำประปาดื่มได้ เพื่อย้ำว่า คณะก้าวหน้าไม่ได้ทำได้แค่น้ำประปาที่ใสสะอาด แต่เป็นน้ำประปาดื่มได้ ทั้งหมด วัดค่าเป็นวิทยาศาสตร์ และการจะควบคุมคุณภาพของน้ำประปาได้ ต้องมีเซนเซอร์และสมาร์ทมิเตอร์ ไม่จำเป็นต้องมีคนจดค่ามิเตอร์ แต่ส่งข้อมูลประมวลผลด้วยระบบดิจิทัล เพื่อให้สามารถสร้างอุตสาหกรรมน้ำประปาสะอาดขึ้นมาได้ ให้คนไทยกว่า 66 ล้านคน ไม่ว่าจะเกิดที่จังหวัดไหน มีสิทธิใช้น้ำประปาสะอาดเท่าเทียมกัน หากสร้างอุตสาหกรรมน้ำประปาดื่มได้ จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท

นายธนาธร กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลยังมีนโยบายสร้างอุตสาหกรรมรถเมล์ไฟฟ้า ที่คิดค้นด้วยวิศวกรคนไทย เพื่อทำให้ขนส่งสาธารณะเป็นทางเลือกของการเดินทางของคนไทยมากขึ้น ลดปัญหารถติด ค่าใช้จ่าย ฝุ่นควัน ฯลฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย หากใช้รถเมล์ไฟฟ้าเชื่อมโยงสถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ทำให้เดินทางเข้าถึงสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และช่วยสร้างงานที่มีคุณภาพให้ลูกหลาน กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

นายธนาธร ทิ้งท้ายด้วยการขอโอกาสจากประชาชนให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล โดยกล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เชื่อว่าจะนำความก้าวหน้ามาให้สังคมไทย และสิ่งเหล่านี้เป็นภารกิจที่จะส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ในการสร้างสังคมที่ดีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเวลาของความทะเยอทะยาน ที่ต้องกล้าคิด กล้าทำ เพราะหากทำแบบเดิม ก็ได้เช่นเดิม

‘ก้าวไกล’ ร่วม 3 พรรค ร้อง กกต.ปมเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร แนะ ใช้วิธีเลือกตั้งทางไปรษณีย์-ไม่เลือกตั้งกระทบวันทำงาน

‘ก้าวไกล’ ร่วมอีก 3 พรรคการเมือง ยื่น กกต. ประสานกระทรวงการต่างประเทศ อำนวยความสะดวกเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ‘ชัยธวัช’ ชี้ ตอนนี้ปัญหาเพียบ สร้างความลำบากผู้ใช้สิทธิ สงสัยเอื้อประโยชน์ผู้มีอำนาจกลุ่มใดหรือไม่ เรียกร้องใช้วิธีเลือกตั้งทางไปรษณีย์-ไม่เลือกตั้งวันทำงาน

(31 มี.ค. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ร่วมกับตัวแทนอีก 3 พรรคการเมือง ประกอบด้วย นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ตัวแทนพรรคเพื่อไทย, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ยื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อขอให้แก้ไขวิธีการเลือกตั้งของคนไทยนอกราชอาณาจักร

นายชัยธวัช กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนมีความคาดหวังสูงมาก เพราะมองเป็นโอกาสเปลี่ยนชีวิตและเปลี่ยนประเทศ แต่ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเท่าไร ประชาชนกลับยิ่งไม่เชื่อมั่นมากขึ้น ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างเสรีและเป็นธรรมได้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง การรายงานผลการเลือกตั้งแบบเรียลไทม์ วันนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร

ปัญหาของการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร มีทั้งการกำหนดวันหย่อนบัตรเลือกตั้งเป็นวันทำงาน เช่น เบลเยียม มาเลเซีย การไม่มีการเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ประชาชนต้องไปใช้สิทธิด้วยตัวเองที่สถานทูตหรือหน่วยเลือกตั้ง เช่น เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ หรือต่อให้มีการเลือกตั้งแบบไปรษณีย์ ก็กำหนดวันส่งบัตรเลือกตั้งกลับไปที่สถานทูต เร็วอย่างไม่สมเหตุสมผล ไม่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้สิทธิ เช่น ญี่ปุ่นและนอร์เวย์ กำหนดส่งบัตรกลับถึงสถานทูตวันที่ 28 เมษายน ซึ่งเป็นเวลาที่เหลือมากเกินความจำเป็นในการส่งบัตรกลับประเทศไทย ที่จะต้องส่งถึงเขตเลือกตั้งก่อน 17.00 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม

“การใช้ความสะดวกความสบายของผู้จัดการเลือกตั้งมากำหนดการเลือกตั้ง แทนที่จะมุ่งรักษาสิทธิคนไทยในต่างประเทศ ตั้งคำถามได้ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้มีอำนาจคนใดคนหนึ่งหรือไม่ เพราะผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ชัดเจนมากว่าคนไทยนอกราชอาณาจักรส่วนใหญ่ ไม่ได้เลือกผู้มีอำนาจในปัจจุบัน จึงเป็นไปได้หรือไม่ ที่มีความพยายามจะลดสัดส่วนคะแนนจากคนกลุ่มนี้ แทนที่จะส่งเสริม” นายชัยธวัช กล่าว

ดังนั้น จึงขอเสนอให้ กกต. ประสานกระทรวงการต่างประเทศ นำวิธีเลือกตั้งทางไปรษณีย์กลับมาเป็นวิธีหลัก ส่วนกรณีเลือกตั้งที่สถานทูต ไม่สมควรจัดการเลือกตั้งในวันธรรมดา และขอให้มีการกำหนดวันส่งบัตรเลือกตั้งกลับมายังสถานทูตไทย โดยมีระยะเวลาที่ไม่เร่งรัดประชาชนมากเกินไป เช่น ให้ส่งกลับมาสถานทูต วันที่ 4 พฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาที่เพียงพอในการส่งบัตรกลับประเทศไทย อีกทั้งขอให้สถานทูตที่มีความพร้อม สามารถนับคะแนนที่สถานทูตและส่งผลการนับคะแนนที่รับรองกลับประเทศไทย โดยไม่ต้องส่งบัตรกลับมานับในประเทศ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 17 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ไม่สามารถส่งบัตรเลือกตั้งกลับประเทศทันเวลา

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องบัตรเลือกตั้งในประเทศ โดยเฉพาะบัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขต ที่ระบุแค่หมายเลข ในชั้นกรรมาธิการร่างกฎหมายเลือกตั้ง พรรคร่วมฝ่ายค้านได้พยายามผลักดันให้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส.เขต และหมายเลขพรรคการเมือง เป็นเบอร์เดียวกัน เพื่อสะดวกต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และแสดงความยึดโยงระหว่างพรรคกับผู้สมัคร แต่ก็ไม่สำเร็จ

‘ก้าวไกล’ เล่นใหญ่ รณรงค์ยกเลิกการเกณฑ์ทหารทั่วไทย ชี้!! นี่ต้องเป็นการจับ ‘ใบดำ-ใบแดง’ ครั้งสุดท้าย

(1 เม.ย. 66) พรรคก้าวไกล นำโดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ และนายปิยรัฐ จงเทพ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพ เขตพระโขนง-บางนา ได้เข้าสังเกตการณ์ ชวนพูดคุย และทำโพลสำรวจความเห็นต่อข้อเสนอยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร ณ หน่วยจับใบดำ-ใบแดง เขตพระโขนง โดยมีผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ทั่วประเทศกระจายทำกิจกรรมรณงค์ลักษณะเดียวกันในเขตเลือกตั้งของตนเอง

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราตั้งเป้าจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารภายใน 1 ปี เพื่อให้เมษายนปีนี้ เป็นครั้งสุดท้าย ที่ต้องมีคนมาจับใบดำ-ใบแดง หรือต้องมีคนเป็นทหารทั้งที่ไม่อยากเป็น

“เหตุผลที่พรรคก้าวไกลเสนอการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เพราะระบบเกณฑ์ทหารทำให้เกิดความสูญเสียในสองระดับด้วยกัน กล่าวคือ การสูญเสียเสรีภาพในระดับปัจเจกบุคคล ซึ่งกระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพ โอกาสความก้าวหน้าทางการงาน และเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัว ส่วนอีกระดับหนึ่งคือ ‘การสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจระดับประเทศ’ เพราะเป็นการดึงทรัพยากรมนุษย์ออกจากตลาดแรงงานในวันที่ประเทศไทยเผชิญกับ ‘สังคมสูงวัย’ และโครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนคนวัยทำงานที่ลดลง” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ ยืนยันว่า การยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารจะไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เพราะหากเราลดยอดกำลังพลที่ไม่จำเป็นหรือไม่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคง (เช่น พลทหารรับใช้) ควบคู่กับการยกระดับสวัสดิการ-สวัสดิภาพของพลทหาร และการกำจัดความรุนแรงในค่าย ยอดทหารที่สมัครใจเข้ามาจะเพิ่มขึ้นและเพียงพอต่อภารกิจการรักษาความมั่นคงของประเทศ ซึ่งหากการยกเลิกเกณฑ์ทหารสามารถเกิดขึ้นได้จริงจะส่งผลดีกับทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่กองทัพ ที่จะได้ลบข้อครหาว่าเป็น ‘สถาบันอำนาจนิยม’ และก้าวสู่ ‘กองทัพยุคใหม่’ ที่เต็มไปด้วยบุคลากรที่สมัครใจทำงานและพร้อมทุ่มเทให้องค์กรอย่างแท้จริง

‘ก้าวไกล’ เผย ข้อจำกัดดับไฟป่าเขาแหลม ขาดอุปกรณ์-แผนรับมือ ชี้ ต้องกระจายอำนาจ เปลี่ยนงบในกระทรวงเป็นเงินหนุนท้องถิ่น

(1 เม.ย. 66) พล.ท. วีรากร ประกอบ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครนายก เขต 1 พรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าที่เขาแหลมและรอบบริเวณหลังโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก ว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ไฟยังคงลามไหม้กินพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณที่มีหญ้าแห้ง กอไผ่แห้ง ยิ่งในเวลากลางคืนมีกระแสลม ทำให้ไฟปะทุขึ้นมา

จากการลงพื้นที่ ตนรู้สึกเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างเหน็ดเหนื่อยทุ่มเท และเห็นข้อจำกัดในการแก้ไขรับมือสถานการณ์ อย่างน้อย 2 เรื่อง

1.) การขาดความพร้อมของอุปกรณ์ เครื่องมือที่จำเป็นต่อการดับไฟยังขาดหรือมีไม่เพียงพอ โดยตนเสนอว่าควรใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) เพื่อบินลาดตระเวนในเวลากลางคืน ถ่ายภาพเรียลไทม์ส่งมาที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์ ให้ทราบพิกัดที่ชัดเจนของจุดที่ไฟป่าปะทุขึ้น ทั้งเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพื่อสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่

2.) การเตรียมหรือซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเพื่อความพร้อมในการดับไฟป่า ทั้งที่เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และทั้งที่ล่วงเลยหน้าฝนมาแล้วหลายเดือน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น จังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หรือกรมอุทยานแห่งชาติฯ ควรมีประสบการณ์ในการเตรียมรับมือภัยที่มาในช่วงหน้าร้อน ไม่ว่าจะเป็นการทำแนวกันไฟป่า ประชาสัมพันธ์ประชาชนที่จะเข้าไปในพื้นที่ป่าเพื่อดักสัตว์ ซึ่งอาจกระทำบางอย่างเป็นต้นเหตุของไฟป่าได้ เช่น สูบบุหรี่

‘พิธา’ กร้าว!! ปลดล็อก ‘สวัสดิการผู้สูงอายุ’ ชี้!! เคาะแล้วตกมื้อนึงได้ไข่ต้มแค่ฟองเดียว

‘พิธา’ ควงผู้สมัครปักธงชัย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ชูนโยบาย 4 ป. ปลดล็อกสวัสดิการ-ที่ดิน-หนี้สิน-ท้องถิ่น แก้ปัญหาประชาชน ก่อนขนทัพใหญ่เปิดเวทีปราศรัย ‘ก้าวไกล’ กลางเมืองพิษณุโลกเย็นนี้ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครครบ 5 เขต

(1 เม.ย.66) แกนนำพรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, น.ส.เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล และ นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมหาเสียงร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จังหวัดพิษณุโลก ทั้ง 5 เขต ก่อนที่จะร่วมเปิดเวทีปราศรัยในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้

ในส่วนของนายพิธา ได้ร่วมกิจกรรมเดินหาเสียงพบปะประชาชนในเขตชุมชน ที่ อ.นครไทย ร่วมกับนายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 5 ตามด้วยการเปิดเวทีพูดคุยพบปะประชาชน ที่วัดหนองกะท้าว ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย และที่ ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง ร่วมกับ โชคดี สายนำพามีลาภ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 3 โดยประชาชนส่วนมากประสบปัญหาร่วมกันในเรื่องที่ดินทำกิน

นายพิธากล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มต้นการทำงานในสภาฯ มาตั้งแต่ครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการที่ดินฯ ตนได้เดินทางมา จ.พิษณุโลกบ่อยครั้ง เพราะเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีปัญหาที่ดินหลายกรณีมาก และนั่นเป็นเหตุผลที่ตนต้องมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อนำข้อเสนอ ‘4 ปลดล็อก’ มาเสนอเพื่อแก้ปัญหาให้กับทุกคนที่นี่ รวมถึงประชาชนทั่วประเทศที่เผชิญปัญหาแบบเดียวกัน จากปัญหาระยะสั้นไปถึงปัญหาระยะยาว ให้แก้ปัญหาไปถึงอนาคตของลูกหลานทุกคน

ปลดล็อกที่หนึ่ง คือปลดล็อกสวัสดิการผู้สูงอายุ จากที่ตนได้เห็นงบประมาณของประเทศที่ถูกจัดสรรผ่านมาทั้ง 4 ปี พบว่ามีงบประมาณที่ถูกนำไปใช้อย่างไม่มีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะงบประมาณของกองทัพ มากมายกว่างบประมาณที่เอามาดูแลประชาชนเสมอ ปัจจุบันสวัสดิการที่ให้กับผู้สูงอายุ เริ่มต้นที่ 100 บาท เฉลี่ยออกมาได้แค่วันละ 20 บาท หรือเป็นค่ากินแค่มื้อละ 7 บาท ได้ไข่ต้มแค่ฟองเดียว ไม่สอดคล้องกับสังคมสูงวัย ของแพงค่าแรงถูกในปัจจุบัน

พรรคก้าวไกล จึงมีนโยบายที่จะเปลี่ยนงบกองทัพที่ไม่จำเป็น เอามาทำเป็นงบประมาณ เพิ่มเบี้ยสูงอายุจาก 600 เป็น 3,000 บาทต่อเดือน นี่คือรัฐสวัสดิการที่ทำให้ผู้สูงอายุอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี คนหนุ่มสาวกล้าเสี่ยงเดินตามความฝันโดยไม่ต้องกังวลถึงพ่อแก่แม่เฒ่า

ปลดล็อกที่สอง คือการปลดล็อกที่ดิน หลายพื้นที่ เช่น อ.นครไทย แห่งนี้ มีสถานะเป็นเหมือนขนมชั้น คือ ส.ป.ก. ครอบทับกับกรมป่าไม้ ดูแลกันสองหน่วยงาน อำนาจบางส่วนทับซ้อนกัน ทำให้เวลาชาวบ้านไปเดินเรื่องก็ทำอะไรไม่ได้ เกี่ยงกันเป็นเก้าอี้ดนตรี พรรคก้าวไกลจึงมีนโยบาย เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ทวงคืน ส.ป.ก. จากนายทุนทั่วประเทศ 4 ล้านไร่ หาที่ดินเพิ่มให้ประชาชนอีก 6 ล้านไร่ รวมเป็น 10 ล้านไร่ ซึ่งแม้ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับที่ดิน 320 ล้านไร่ที่ประเทศไทยมีอยู่ แต่อย่างน้อยนี่จะเป็นกระดุมเม็ดแรกที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ดินในระยะยาว

ปลดล็อกที่สาม คือปลดล็อกหนี้สิน โดยเฉพาะในภาคเกษตร สั้น ๆ ง่าย ๆ ว่าสำหรับใครก็ตามที่เป็นหนี้ ธ.ก.ส. มีอายุเกิน 60 ปี และชำระหนี้เกินครึ่งของเงินต้นไปแล้ว นโยบายคือการปลดหนี้ให้ทันที

เจาะนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารและปฏิรูปกองทัพ พรรค 'ก้าวไกล-เพื่อไทย-เสรีรวมไทย' คิดอะไรกันอยู่?

วิเคราะห์นโยบายของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๖

การเกณฑ์ทหารคือ การระดมและเตรียมพร้อมสรรพกำลังของชาติ เพื่อดำรงคงไว้ซึ่ง ‘ศักย์สงคราม’ (War Potential) เพื่อให้ประเทศชาติมีความพร้อมต่อภัยคุกคามจากอริราชศัตรู

หลาย ๆ คนที่ตั้งคำถามว่า เราจะเตรียมทหารให้พร้อมเพื่อรบกับใคร การรบครั้งล่าสุดของกองทัพไทยเกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาคือ กรณีการปะทะกับกัมพูชาตามแนวชายแดน อันเนื่องมากจากข้อพิพาทระหว่างกันในเรื่อง ‘เขาพระวิหาร’ พ.ศ. 2553 และพึ่งจะครบ 35 ปี ในกรณีการปะทะกับสปป.ลาว อันเนื่องมากจากข้อพิพาทระหว่างกันในเรื่อง ‘ชายแดนบริเวณบ้านร่มเกล้า อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก’   

อีกทั้งบนโลกใบนี้มีสงครามและความไม่สงบเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา การดำรงคงไว้ซึ่ง ‘ศักย์สงคราม’ เพื่อให้ประเทศชาติมีความพร้อมในการป้องกันประเทศจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยถือเป็นการประกันเอกราชและอธิปไตยของชาติ

นอกจากนั้นแล้ว หน่วยทหารของเราตลอดแนวชายแดนไม่ว่าทางบกหรือทางน้ำ ต้องทำหน้าที่สกัดกั้นหยุดยั้งภัยคุกความต่อความมั่นคงและสังคม ไม่ว่าจะเป็น การจับกุมคาราวานยาเสพติด การค้าอาวุธ การค้ามนุษย์ การจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง สินค้าหนีภาษี การบ่อนทำลายทรัพยากรธรรมชาติของชาติ เช่น การลักลอบตัดไม้ การจับสัตว์น้ำ ฯลฯ ด้วยกำลังและยุทโธปกรณ์ของหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบภารกิจนั้น ๆ ไม่เพียงพอต่อภารกิจที่ต้องดูแลรับผิดชอบ

กองทัพไทยยังต้องรับผิดชอบดูแลสถานการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้นับแต่เหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือค่ายปิเหล็ง ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2547 ซึ่งถูกมองว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยในระลอกใหม่ ต่อเนื่องยาวนานมากว่า 19 ปีแล้ว 

และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมื่อเกิดบรรดาพิบัติภัยต่าง ๆ ขึ้น ก็ต้องอาศัยกำลังพลตลอดจนยุทโธปกรณ์ของกองทัพในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ในทุกมิติ

'ธนาธร’ ขอคะแนน 'โคราช-เพชรบูรณ์' ส่ง ‘ก้าวไกล’ เป็นรัฐบาล ยาหอม!! ทำงานคุ้มค่าภาษีประชาชนแบบตรงไปตรงมา

(1 เม.ย.66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อช่วยหาเสียงให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล 

โดยเมื่อวานนี้ (31 มีนาคม) ธนาธรเดินตลาดใหม่แม่กิมเฮง ร่วมกับ ฉัตร สุภัทรวณิชย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครราชสีมา เขต 1 ระหว่างพูดคุยพบปะชาวโคราช มีประชาชนกลุ่มหนึ่งเข้ามาถามนโยบายของพรรคก้าวไกล ว่าจะตัดลดบำนาญข้าราชบำนาญหรือไม่ ซึ่งธนาธรตอบคำถามอย่างชัดเจนว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ จากที่ตนติดตาม พรรคก้าวไกลได้ยืนยันอย่างหนักแน่นแล้วหลายครั้ง ว่าไม่มีและไม่เคยมีนโยบายลดเงินเดือนหรือบำนาญของข้าราชการ สิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอคือให้ลดงบประจำ ที่ไม่ใช่เงินเดือนของข้าราชการ เช่น การไปดูงานเมืองนอก โครงการอบรมสัมมนา โครงการที่ซ้ำซ้อน ดังนั้น ข้าราชการบำนาญทุกคนวางใจเรื่องนี้ได้

จากนั้นธนาธร เดินทางไปยังตลาดไนท์ขามทะเลสอ ช่วยหาเสียง พ.ต.ท.อัครพงษ์ วรรณพงษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 4 มีพี่น้องประชาชนและพ่อค้าแม่ขายให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยธนาธรปราศรัยกลางตลาดว่า ขอแลกคะแนนเสียงพี่น้องประชาชนกับความสามารถในการทำงานของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ตนในฐานะผู้ช่วยหาเสียง มั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะทำงานคุ้มค่ากับทุกคะแนนที่พี่น้องประชาชนมอบให้ จะทำงานอย่างตรงไปตรงมา และพร้อมแก้ไขปัญหาของประเทศที่ต้นตอ หากใครมีภาพประเทศไทยที่อยากเห็นเหมือนกับพรรคก้าวไกล ต้องขอแรงให้ช่วยกันเพิ่มคะแนนเสียงแห่งความเปลี่ยนแปลง ช่วยกันบอกพ่อแม่พี่น้อง เพื่อน คนข้างบ้าน อธิบายว่าพรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้นอย่างไร

สำหรับรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรคก้าวไกล ทั้ง 16 เขต ประกอบด้วย...
เขต 1 ฉัตร สุภัทรวณิชย์
เขต 2 ปิยชาติ รุจิพรวศิน
เขต 3 ศุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์
เขต 4 พ.ต.ท.อัครพงษ์ วรรณพงษ์
เขต 5 เสนีย์ หาญศรี
เขต 6 สามารถ ธนกุลชัยสุข
เขต 7 อุดม เพชรอ่อน
เขต 8 กำพล แจ่มศรี
เขต 9 สมศักดิ์ บุญเสริฐ
เขต 10 วุฒิศักดิ์ พิมพ์พิสาร
เขต 11 ณฐพงศ์ สอบกิ่ง
เขต 12 ชรินทร์ ทำดี
เขต 13 ศุภวัฒน์ พันธ์นัทธีร์
เขต 14 ดร.สาธิต ปิติวรา
เขต 15 พัชริดา กีรตินพดล
เขต 16 กรฉัตรชัย นาสมใจ

ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน 2566 ธนาธร เดินทางถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมปราศรัยช่วยหาเสียงให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ที่สวนสาธารณะเพชบุระ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีพี่น้องประชาชนร่วมรับฟังอย่างอบอุ่น

‘พิธา’ กร้าว!! กาก้าวไกลได้ประโยชน์ถึง 3 เด้ง 1. ‘ประยุทธ์’ ออก 2. ‘ประวิตร’ ออก 3. ได้คนใหม่ ‘เปลี่ยนประเทศ’

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นปราศรัยปิดเวทีปราศรัยใหญ่และแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ที่สวนชมน่าน จังหวัดพิษณุโลก โดยนายพิธาเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า ตน และ ส.ส.ปดิพัทธ์ มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ‘ความเป็นพ่อคน’ พวกเราทำงานการเมือง เพราะเราไม่สามารถส่งต่อสังคมแบบนี้ให้กับลูกของเรา ตนและพรรคก้าวไกลมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนประเทศนี้ให้มีความเท่าเทียมกัน มีความเปิดกว้างหลายหลายให้กับคนทุกคนอย่างเสมอภาค และเอาระบบอำนาจนิยมออกไป

นายพิธา กล่าวต่อไปอีกว่า การเมืองที่ตนอยากเห็นในฐานะคนเป็นพ่อ คือ ประเทศที่มีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน เด็กที่มาจากครอบครัวร่ำรวยสามารถพูดได้ 3 ภาษา การศึกษาในประเทศนี้ก็ต้องมีศักยภาพทำให้เด็กทุกคนพูดได้ 3 ภาษา ตนต้องการที่จะสร้างสังคมที่เท่าเทียม หลากหลาย ปราศจากอำนาจนิยมและปิตาธิปไตยให้กับคนรุ่นต่อไป

“อีก 10 ปี อาจเป็นลูกของผมหรือลูกของท่าน ที่ไปเรียกร้องเพื่อความเท่าเทียม ทำไมเรื่องเหล่านี้ต้องให้คนหนุ่มสาวออกมาพูด ไม่ใช่ผู้แทนราษฎรที่มีกระดูกสันหลังในสภาฯ ที่พูด ทำให้คนหนุ่มสาวออกไปตามหาความฝันของเขาไม่ได้ ชีวิตลูกของผม ลูกของหมออ๋อง และลูกของเราทุกคนจะดีขึ้น เมื่อพวกเราอยู่ในสังคมที่เท่าเทียมกัน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ยังเสนอว่า สังคมที่เท่าเทียมกันต้องมีโอกาสที่เท่าเทียมกันระหว่างคนที่มีความพิการและคนอื่น ๆ ในสังคม โดยพรรคก้าวไกล 1.) จะเพิ่มเบี้ยผู้พิการ 3,000 บาท 2.) จะผลักดันนโยบายการออกแบบเพื่อคนทุกคนให้สามารถกำหนดชีวิตประจำวันในการเดินทางให้ได้ 3.) คือการสร้างงาน จากปัจจุบันที่รัฐฯ บังคับเฉพาะบริษัทเอกชนให้จ้างงานคนพิการ แต่ในรัฐบาลพรรคก้าวไกลจะจ้างงานคนพิการเป็นข้าราชการทันที 20,000 ตำแหน่ง และ 4.) สร้างอุตสาหกรรมเพื่อผู้พิการ เช่น รถเข็นของคนพิการ จากที่นำเข้ามีราคาแพง ให้สามารถผลิตได้ในประเทศ

นายพิธา ยังเสนออีกว่า ตนและพรรคก้าวไกลต้องการให้คนรุ่นต่อไปได้อากาศสะอาดไว้หายใจ นี่คือสาเหตุให้พรรคก้าวไกลผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด ซึ่งกฎหมายอากาศสะอาดของพรรคก้าวไกลต้องไม่ใช่แค่มีผลในประเทศ แต่จะไปเจรจากับต่างประเทศให้มีมาตรฐานคุณภาพอากาศเดียวกันทั้งอาเซียน ไม่ใช่ปล่อยให้กลุ่มทุนภาคเกษตรหนีจากประเทศที่มีมาตรฐานสินค้าเกษตรสูงแล้วไปทำไร่ข้าวโพดในลาวและเมียนมา

'พิธา' เสียดาย 'บิ๊กป้อม' ไม่ขึ้นดีเบต มองสื่อสารทางเดียว ปิดโอกาส ปชช.ฟังวิสัยทัศน์ 'วิธีทำงาน-ความตั้งใจ'

‘พิธา’ นำทีม ผู้สมัครกทม.33 เขต จับเบอร์ มั่นใจติวเข้มผู้สมัคร ไม่มีงูเห่า เสียดาย ‘บิ๊กป้อม’ ไม่ขึ้นดีเบต มองสื่อสารทางเดียว งัดกลยุทธ์ เคาะทุกประตู เดินทุกถนน แจกใบปลิวทุกคน

(3 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล(ก.ก.) ได้เดินทางถึง ที่สนามกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์กีฬาไทย-ญี่ปุ่น เวลา6.50น. นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พาผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33คน เดินทางด้วยรถเมล์ สาย97 เลขทะเบียนตต9243 โดยบรรยากาศมีกองเชียร์จำนวนมากมารอให้การต้อนรับ  

นายพิธา กล่าวว่า วันนี้กำลังใจเกินร้อย รู้สึกทั้งภูมิใจและตื่นเต้น ภูมิใจที่ได้ทำงานกับคนข้างหลัง และตื่นเต้นที่จะได้เลือกตั้งอย่างสมศักดิ์ศรี ขอบคุณกองเชียร์ทุกคนที่มาตั้งแต่เช้า พรรคก้าวไกลจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอน

การเลือกตั้งครั้งนี้หลังจากได้เบอร์ เชื่อว่าจะหาเสียงอย่างสนุกขึ้น และอยากให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเยอะ ๆ ตอนนี้ตั้งเป้า กทม.ต้องได้ทั้ง 33 เขต เพราะโพลนำมาเป็นที่หนึ่งตลอด และ ส.ส.ในพื้นที่ก็พื้นที่ดี สภาเด่น

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนกับครั้งนี้ ครั้งไหนยากกว่ากัน นายพิธากล่าวว่า สองครั้งนี้แตกต่างกันเยอะ ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง เพราะฉะนั้นเรามีผู้สมัครที่เข้มแข็ง สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาก็คือผลงานในสภาถ้าเราได้เข้าทำเนียบรัฐบาลต้องทำได้ดีกว่าเดิมแน่นอน ว่าที่ผู้สมัครตอนสมัยอนาคตใหม่อาจจะมีโอกาสน้อยแต่ว่าที่ผู้สมัครชุดนี้สามารถทำหน้าที่ ส.ส.ได้ในวันพรุ่งนี้เลย

เมื่อถามว่า กทม.ยากกว่าต่างจังหวัดหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า กทม.พร้อมสู้ทุกเขตอยู่แล้ว เพราะจาก ส.ก.ที่ผ่านมาเราไม่แพ้ใครและผลงานก็จะส่งมาในสภา ถ้าประชาชนชอบการทำงานแบบก้าวไกลก็ต้องแก้กฎหมายในสภา ซึ่งถ้าอยากทำงานไร้รอยต่อต้องเลือกให้ครบทั้ง 33 เขต อยากแก้ปัญหาการคมนาคมและฝุ่น PM2.5 ต้องเลือกก้าวไกล 

เมื่อถามว่าการมี ส.ส.เพียง 2 คน จากเขตเดิม กังวลหรือไม่ นายพิธา ย้ำว่า ไม่มี เพราะเราต้องรักษาเขตเดิมเพิ่มเติมเขตใหม่ มองว่าการมีคนใหม่ ๆ เข้ามา ต้องทำอะไรให้ประชาชน คนเดิมก็ทั้งนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ และนายเท่าพิภพ ลิ้มลิจิตรกร 

เมื่อถามว่ากระแสการเลือกตั้งครั้งอนาคตใหม่ต่างกับครั้งนี้หรือไม่ เราเปรียบเทียบกับตัวเองในเมื่อวาน คิดว่ากระแสดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือถึงภาคใต้ การเลือกตั้งครั้งนี้มีนโยบายมากกว่า 300 นโยบายที่ตอบโจทย์ในแต่ละพื้นที่ เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะออกไปใช้สิทธิอย่างถล่มถลายมากกว่า 80% และจะกระแสจะชนะกระสุนอย่างแน่นอน

‘โรม’ นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีฯ ทั้ง 10 เขต ลุ้นเบอร์ อ้อน!! ชาวนครฯ กาก้าวไกล เลือกคนใหม่ไปเปลี่ยนประเทศ

(3 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครศรีธรรมราช ทั้ง 10 เขต ของพรรคก้าวไกล เดินทางไปสมัคร ส.ส. และลุ้นเบอร์ ที่หอประชุมเมืองเทศบาลนครนครศรีธรรมราช บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยรังสิมันต์กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีความตั้งใจและมั่นใจว่าครั้งนี้มีโอกาสชนะทุกเขต เพราะเรามีความพร้อม การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 กับครั้งนี้ แตกต่างกันสิ้นเชิง เราเห็นแล้วว่าพี่น้องประชาชนเปิดรับพรรคก้าวไกล จึงมั่นใจว่าครั้งนี้เรามาเพื่อชนะ ปักธงในนครศรีธรรมราชได้ ประชาชนจะให้โอกาสพรรคก้าวไกล เลือกคนใหม่เข้าไปเปลี่ยนประเทศ ให้นครศรีธรรมราชเปลี่ยน ประเทศไทยเปลี่ยน

รังสิมันต์กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ตนเดินทางไปที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นช่วงเวลาประจวบเหมาะกับการเริ่มต้นของฤดูการเกณฑ์ทหารประจำปี 2566 จึงเดินทางไปที่อำเภอคีรีรัฐนิคม เพื่อจัดแคมเปญยกเลิกการเกณฑ์ทหาร โดยที่ตนและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้สอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ต้องเข้าร่วมการจับใบดำใบแดงและครอบครัวที่มาให้กำลังใจว่าต้องการเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจหรือต้องการให้ใช้ระบบเดิมต่อไป ซึ่งได้ผลลัพธ์ออกมาที่ 62:3 เป็นคะแนนที่ทำให้เราเห็นได้ชัดว่าประชาชนส่วนมากไม่ต้องการให้มีการบังคับเกณฑ์ทหารอีกต่อไป

หนึ่งในนโยบายหลักของพรรคก้าวไกลคือการปฏิรูปกองทัพและยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร โดยเปลี่ยนมาเป็นระบบสมัครใจ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทหารชั้นผู้น้อยและสามารถทำให้การสมัครเป็นทหารเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ โดยผู้ที่สมัครเข้าไปเป็นทหารจะได้รับเงินเดือนและสวัสดิการจากรัฐเพิ่มมากขึ้น เช่นประกันสุขภาพที่ครอบคลุมถึงครอบครัว มีทุนการศึกษาและทุนประกอบอาชีพหลังปลดประจำการ สามารถต่อยอดไปเป็นทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตรที่มีสิทธิในการเลื่อนขั้นได้สูงสุดถึงพันโท นอกจากนี้นโยบายของเราจะผลักดันให้เกิดการเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ให้มีการทำร้ายร่างกาย จิตใจ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมีการกำหนดโทษวินัยร้ายแรงสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน

ในปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย (Aging Society) นั่นหมายความว่าเราจะมีประชากรที่อยู่ในวัยทำงานน้อยลง ซึ่งตนและพรรคก้าวไกลเชื่อว่าการนำคนหนุ่มที่อยู่ในวัยทำงานนี้ไปอยู่ในกองทัพเป็นการใช้งานบุคคลากรของประเทศที่สิ้นเปลืองที่สุด หลายคนต้องลาออกจากงานที่กำลังไปได้ด้วยดี ต้องจากครอบครัวที่เพิ่งมีลูกอ่อน หรือจากพ่อแม่ที่ชราเริ่มภาพและขาดคนดูแลไป เพียงเพื่อไปเป็นทหารรับใช้ส่วนตัว สู้กับมดรบกับหญ้า เป็นเวลา 1 - 2 ปีก่อนจะโดนปลดประจำการออกมาโดยไม่มีสวัสดิการอะไรรองรับพวกเขาเลย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top