Friday, 13 June 2025
ก้าวไกล

‘บุญยอด’ แนะ ‘ก้าวไกล’ พูดถึงใครต้องให้เกียรติกัน ต้องไม่สาดโคลนใคร ไม่ด้อยค่าใคร 

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 66 นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ตอบโต้พรรคก้าวไกลผ่าน ‘หมออ๋อง’ นสพ.ปดิพัทธ์ สันติภาดา จากพรรคก้าวไกล หลังจากมีการพูดจาดูถูกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในแทบทุกการหาเสียงของพรรคก้าวไกล ในช่วงหนึ่งของเวทีดีเบต BIG DEBATE จังหวัดพิษณุโลก โดยกล่าวว่า…

“นักการเมืองไม่ควรพุ่งเป้าไปสู่คู่แข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม เปรียบเหมือนกันกับไม่มีนักมวยคนใด หรือนักฟุตบอลคนใด ไปด่าว่าปรามาสคู่แข่งขัน เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน และสิ่งที่กระทำมา ถ้ามันผิดหรือไม่ถูกต้อง สามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายได้

“พรรคก้าวไกลต้องกลับไปทบทวนเหมือนกันว่า เวลาจะพูดถึงใครต้องให้เกียรติกัน คุณดูถูก ดูแคลน ดูหมิ่น ทุกครั้งโดยไม่ให้เกียรติไม่ได้ เนื่องจากในกติกาการหาเสียงเลือกตั้งทุกครั้ง เราต้องไม่สาดโคลนใคร ไม่ด้อยค่าใคร ลองไปทบทวนดูก่อน และควรต้องตอบคำถามด้วยว่า หัวหน้าพรรคของคุณทำไมชอบโกหกประชาชนนักด้วย”

เกี่ยวกับเรื่อง ส.ว. 250 คน นายบุญยอด ก็ได้กล่าวอีกด้วยว่า “กติกาของรัฐธรรมนูญ 60 จะให้สิทธิ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ได้เพียง 5 ปี นั่นคือปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย และนั่นคือกติกาที่ร่างไปแล้ว และผ่านประชามติไปแล้ว กติกาได้เกิดขึ้น พวกท่านได้เข้าสู่การแข่งขันเมื่อปี 62 จำนวน 1 ครั้ง และปี 66 อีก 1 ครั้ง

“ตามกติกานั้น ได้เกิดขึ้นในสภาฯ แล้ว และในวันนั้น คนคงพอจำได้มีคนที่เป็นแคนดิเดต 2 คนเท่านั้น คือ…พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ นี่คือข้อเท็จจริง 

‘ธนาธร’ ลุยมหาสารคาม เดินสายหาเสียงช่วยผู้สมัคร ทั้ง 6 เขต ลั่น!! เตรียมแผนจัดการ ‘ศก.-ส่งออก-การศึกษา-การทหาร’ ไว้แล้ว

(5 พ.ค. 66) ที่สวนสุขภาพ เทศบาลเมืองมหาสารคาม พรรคก้าวไกล นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม ทั้ง 6 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 นายธีระวัฒน์ พรรณะ เบอร์ 13, เขต 2 นายธงชัย เบอร์ไธสงค์ เบอร์ 13, เขต 3 นายกุลธร แก้ววิเศษ เบอร์ 13, เขต 4 นางภานิณี ขันแก้ว เบอร์ 10, เขต 5 นายสหะ กันพล เบอร์ 9 และ เขต 6 นางเพียงพิศ เดชมาลา เบอร์ 1 มาเปิดเวทีปราศรัย พบปะพี่น้องประชาชน โดยมีประชาชนทุกเพศทุกวัยเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

ช่วงหนึ่ง นายธนาธร ขึ้นปราศรัยว่า วันนี้บนกระดานการเมือง มีหลายพรรคการเมืองเป็นความสวยงามเพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนเลือก บางพรรคต้องการพาประเทศไทยถอยหลัง บางพรรคไม่ต้องการให้ประเทศไทยเปลี่ยน อยากให้อยู่จุดเดิม ทุกอย่างมันดีและสวยงามแล้ว แต่พรรคก้าวไกลบอกว่า เราแก้ปัญหาการเมืองที่ยาก ๆ ไปพร้อม ๆ กับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ไม่ต้องกลัวอนาคต ไม่ต้องกลัวความเปลี่ยนแปลง นี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดต่างหาก

เปิดแผนไม่ลับ หยุดก้าวไกล-เพื่อไทยแลนด์สไลด์!! “ไม่เลือกลุงมันมาแน่” ปะทะ “มีเราไม่มีลุง” มนต์ไหนขลังกว่า

พรรคเพื่อไทยอุตส่าห์ย้ำแคมเปญผ่านป้ายหาเสียงตามถนนรนแคมและเสาไฟฟ้าทั่วประเทศว่า 'เพื่อไทยแลนด์สไลด์' แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลอะไรมาก สู้กระแสไวรัลปากต่อปากตามสภากาแฟและร้านอาหารที่ไม่ทันหย่อนก้นลงนั่งก็มีเสียงตะโกนถามมาแล้วว่า...พรรคก้าวไกลมาแรงจริงหรือเปล่า จะแลนด์สไลด์แทนเพื่อไทยจริงหรือ..??

ก็ต้องบอกว่าของเขาแรงจริง ๆ แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' จะขอหมายเหตุเป็นข้อ ๆ เพื่อกระชับพื้นที่ดังนี้...

ข้อที่หนึ่ง) จุดร่วมที่ผู้บริหารพรรคก้าวไกลประกาศตอนนี้คือ ทะลุ 100 ที่นั่ง ส่วน 160 ที่นั่ง เป็นตัวเลขยุทธศาสตร์ตัวเลขเป้าหมายเท่านั้น

เลือกตั้งปี 2562 พรรคอนาคตใหม่หรือก้าวไกลปัจจุบันได้ ส.ส.รวม 81 ที่นั่ง เป็นส.ส.เขต 30 ปาร์ตี้ลิสต์ 51 ส.ส. เขตส่วนหนึ่งมาจาก 'ส้มหล่น' พรรคไทยรักษาชาติซึ่งเป็นแบงก์ร้อยหรือลูกแบงก์ของพรรคเพื่อไทยถูกยุบก่อนเลือกตั้ง

ข้อที่สอง) กระแสพรรคก้าวไกลมาแรงในขณะนี้มีมาจาก 3 สาเหตุ...1.นโยบายหลายอย่างดี ทันสมัยโดนใจคนรุ่นใหม่และชนชั้นกลางแม้บางประการจะออกอาการสุดโต่ง / 2.ภาพรวมการดีเบตพรรคก้าวไกลดูเด่นกว่าพรรคอื่น ข้อมูลชัดเจน และ 3.จุดยืนเชิงอุดมการณ์มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง เป็นจุดยืนที่ภาษาทหารต้องเรียกว่า 'สูงข่ม' พรรคเพื่อไทย คะแนนจากเพื่อไทยส่วนหนึ่งจึงเทมา

ข้อที่สาม) ก่อนยุบสภาพรรคก้าวไกล มีส.ส.ในพรรค 50 กว่าคน แนวโน้มการเลือกตั้งหนนี้ที่จะได้เป็นกอบเป็นกำคือ คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ถ้าได้คะแนนเพิ่มจากเดิม 6 ล้านเศษเมื่อปี 2562 เป็น 9 ล้านเสียง ซึ่งถ้า 1 ปาร์ตี้ลิสต์ใช้เสียง 3.7 แสน ก็จะได้ปาร์ตี้ลิสต์ 24 คน สมมติได้ ส.ส.เขตอีก 50 คน ทั้งหมดจะอยู่ที่ 74 คนเท่านั้น...แต่ก็มากพอที่จะเกินครึ่งสภาหรือ 250 คน หากไปบวกรวมกับพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านเดิม...

'เฒ่าสามนิ้ว' สั่งสอน 'พิธา' พูดให้ระวังปาก ชี้!! สมัยกรุงศรีฯ มี 2 ใน 5 ราชวงศ์ มาจากสุพรรณบุรี

(9 พ.ค. 66) สุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตศิลปินแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ถึงจะเป็น Voter ให้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่สิ่งที่ ‘พิธา’ เผลอพูดออกมานี้ ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น

สยามประเทศแต่เดิมนั้นเต็มไปด้วยเสียงและสำเนียงร้อยพ่อพันแม่

‘พิธา’ ลั่น!! มีทั้ง ‘หลักฐาน-หลักการกฎหมาย’ พร้อมชี้แจงปมถือหุ้น ‘ไอทีวี’ รอฟังคำร้องจาก กกต.ก่อน ซัดแหลกเกมการเมืองเลือกตั้งโค้งสุดท้าย เย้ย!! เขาทำอะไรเราไม่ได้

(10 พ.ค.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีถูกยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบปมข้อกล่าวหาถือหุ้นสื่อ ITV ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า รอให้คำร้องมาแล้วเดี๋ยวชี้แจงได้ มีทั้งหลักฐาน และหลักการทางกฎหมาย และทีมกฎหมาย เตรียมพร้อม เพราะฉะนั้นไม่กังวลในเรื่องนี้ ขอให้ประชาชนเข้าสู่การเลือกตั้งด้วยความหวัง

“ไม่มีอะไรต้องกังวลเหมือนอย่างที่ชี้แจงไปแล้ว หลักฐานและหลักการเกี่ยวกับกฎหมายรัดกุม ตอนนี้ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เราได้แจ้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามว่า เป็นเกมเตะตัดขาทางการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มันเกิดขึ้นช่วงโค้งสุดท้าย 3-4 วันก่อนเลือกตั้ง แต่เชื่อว่าทำอะไรเราไม่ได้ ประชาชนยังมีความหวัง เพื่อเข้าสู่คูหากันอย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรต้องกังวลใจ ส่วนเรื่องไปถึงขั้นที่มีการร้องป.ป.ช.เรื่องการซุกหุ้น ปกปิดบัญชีทรัพย์สินนั้น นายพิธา กล่าวว่า ต้องดูคำร้องก่อน 

โค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ปราศรัยใหญ่ 12 พ.ค.นี้

โค้งสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ หลายพรรคปักธงสนาม ‘กรุงเทพฯ’ เป็นเวทีปราศรัยใหญ่ เวทีสุดท้าย THE STATES TIMES รวบรวมมาให้แล้วว่าพรรคไหน จัดที่ไหนกันบ้าง พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
 

อดีตเพื่อนธนาธร ชี้ กรณี ‘พิธา’ ไม่มีใครกลั่นแกล้ง แค่มรดกความอ่อนด้อยทางการเมืองจากรุ่นสู่รุ่น

‘พิชิต’ อดีตเพื่อน ‘ธนาธร’ โพสต์ จากธนาธรถึงพิธา!! มรดกความอ่อนด้อยทางการเมือง ตายน้ำตื้น อย่าฝืนว่ามีใครกลั่นแกล้ง

(10 พ.ค.66) นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pichit Chaimongkol’ ระบุว่า...

มรดก

ธนาธร ก็เจอ พิษหุ้นสื่อ จนยุบพรรค นำมาสู่มีคนลงถนนในช่วงแรก ๆ

พิธา ผู้รับมรดกพรรค ทั้งที่ไม่ค่อยได้ลงทุน หรือตั๋วช้าง ฟรี (คำนี้มาจาก ปิยบุตร เอง) ก็กำลังจะตายเพราะหุ้นสื่อ

มรดกตรงนี้ เป็นมรดกของความอ่อนด้อยทางการเมือง ไม่ใช่การกลั่นแกล้งจากใคร

ปากคุณจะสร้างวาทกรรมขนาดไหน
ใจคุณรู้ว่า ไร้เดียงสาการเมือง คืออะไร
ตายน้ำตื้น อย่าฝืนว่าถูกกลั่นแกล้ง
มันเป็นมรดก ความไร้ประสบการณ์
แค่นั้นเอง...

‘ไอซ์’ ยันอีกเสียง 'ก้าวไกล' ไม่เคยบอกตัดเงินบำนาญข้าราชการ ที่พูดๆ กัน คือ 'เฟกนิวส์' และคำว่า 'ช้างป่วย' ก็หมายถึงรัฐบาล

(10 พ.ค. 66) ผู้ใช้บัญชี TikTok ชื่อ ‘Userjvb09b1row’ โพสต์คลิปวิดีโอ ‘น.ส.รักชนก ศรีนอก’ หรือ ‘ไอซ์’ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 28 (บางขุนเทียน หนองแขม บางบอน บางบอนเหนือ คลองบางพราน) พรรคก้าวไกล โดยขณะที่กำลังลงพื้นที่หาเสียงอยู่นั้น ได้มีชาวบ้านคนนึง เข้ามาสอบถามถึงประเด็นการตัดเงินบำนาญข้าราชการของพรรคก้าวไกล ที่กำลังถกเถียงกันอยู่ขณะนี้ ทำให้ น.ส.รักชนก ได้ตอบกับชาวบ้านท่านนั้น ว่า…

“พรรคก้าวไกลไม่มีนโยบายในการตัดบำนาญข้าราชการ สิ่งที่เราพูดคือ ถ้าประยุทธ์ยังบริหารงบประมาณแบบทุกวันนี้ คือกู้มาแล้วก็ใช้ สุดท้ายมันจะไปกระทบกับบำนาญข้าราชการ นั่นคือเราต้องมาจัดสรรจัดการใช้ภาษี หรือการใช้เงินมาใหม่ แล้วจะทำให้บำนาญข้าราชการมั่งคั่งมั่นคงในรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ที่ใช้เงินเป็น ที่หาเงินได้...ข้าราชการบำนาญจะไม่ต้องมานั่งเอาตีนก่ายหน้าผากกังวลว่าในอนาคตจะมีเงินบำนาญไหม เพราะว่าจะทำให้มันมั่งคั่งมั่นคงค่ะคุณพี่ นี่คือคำมั่นสัญญาจากพรรคก้าวไกล ไม่มีนโยบายในการจัดการกับบำนาญข้าราชการ” 

ต่ออีกข้อคำถามจากชาวบ้าน คำว่าช้างป่วยคืออะไรนั้น? น.ส.รักชนก ตอบว่า “ช้างป่วยเราเปรียบเทียบวิธีการในการใช้เงินของรัฐบาลชุดนี้ ว่านั่นคือวิธีการใช้เงินแบบช้างป่วย” ชาวบ้านถามต่อว่า "ก็คือว่าจะไม่มายุ่ง" ด้าน น.ส.รักชนก ยืนยันว่า "ไม่ยุ่งแน่นอน"

น.ส.รักชนก กล่าวเสริมต่อว่า "คุณทิมก็เป็นข้าราชการบำนาญ ในพรรคเราก็มีข้าราชการบำนาญหลายคน เราไม่ทำเรื่องนี้ให้มันเสียกับเราเองแน่นอน"

ชาวบ้าน พูดต่ออีกว่า "เพราะว่าตอนนี้ เถียงกันเรื่องนี้อยู่" น.ส.รักชนก กล่าวว่า “ไม่ต้องเถียงค่ะคุณพี่ เฟกนิวส์ 100% จากฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการจะดิสเครดิตพวกเรา หนูขอแรงคุณพี่นะ กราบขอแรง ไปช่วยพวกหนูทำความเข้าใจที นี่คือสิ่งที่พวกหนูโดนโจมตี แล้วก็ทำให้พวกเราเนี่ยเสียตรงนี้อย่างมาก เยอะมากจริงๆ

“ในพรรคนะคุณพี่ไปถามร้อยคนก็ตรงกันร้อยคน ถามห้าร้อยก็ตรงกันห้าร้อย ไม่มีนโยบายในการตัดบำนาญข้าราชการ ยืนยันได้หัวหน้าพรรคเราพูดเอง”

น.ส.รักชนก กล่าวต่อว่า “คือพวกนี้ทำกันเป็นกระบวนการมากนะคะ ไม่ว่าจะบอกว่าเป็นคนล้มเจ้า หรือว่ามีนโยบายในการตัดบำนาญข้าราชการ แล้วมันมีพรรคการเมืองพรรคนึงที่เป็นพรรครัฐบาลอยู่ตอนนี้ เอาเรื่องนี้ไปตีฟูว่าพวกเราจะตัดบำนาญข้าราชการ แล้วต่อไปข้าราชการบำนาญจะเป็นขอทาน 'ตอแหลทั้งเพคุณพี่' เราไม่เคยมีนโยบายนี้ มีแต่ฝั่งนั้นแหละที่เอาไปตีฟูสร้างเฟกนิวส์ ปล่อยเฟกนิวส์เป็นกระบวนการทำให้พวกเราเสียหาย เสียหายมากจริงๆ ฝากพี่ด้วยนะ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”

“กาก้าวไกลพี่ แล้วบำนาญของบ้านพี่จะมั่นคง อยู่ในมือนะคะ ถ้าการบริหารงบประมาณอยู่ในมือของคนที่หางบเป็น บริหารจัดการเงินได้ตรงไปตรงมา บำนาญพี่จะมั่นคงไปอีกร้อยปีเลย” น.ส.รักชนก กล่าวทิ้งท้าย

‘กกต.’ ไม่เร่งวินิจฉัยคุณสมบัติ ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อ แจง!! ไม่ทันก่อนเลือกตั้ง ต้องให้ความเป็นธรรม

กกต.ไม่เร่งวินิจฉัยคุณสมบัติ ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อ ส่อไม่ทันก่อนเลือกตั้ง อ้างเหลือเวลาน้อย ต้องให้ความเป็นธรรม เผยมีผู้สมัครบัญชีรายชื่อหลายคนถูกฟ้องล้มละลาย เร่งหาข้อเท็จจริงเพิ่มก่อนชงศาลพิจารณา

(11 พ.ค.66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงกรณีมีการร้องเรียน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกของพรรคก้าวไกล ถือหุ้นสื่อ บมจ.ไอทีวี (ITV) ว่า ตนยังไม่เห็นคำร้อง ซึ่งเรื่องนี้เป็นการร้องเกี่ยวกับคุณสมบัติ มีขั้นตอนตามกฎหมาย มีอยู่ 3 ช่วง คือ ช่วงก่อนวันเลือกตั้ง / ช่วงหลังวันเลือกตั้ง และช่วงประกาศผลการเลือกตั้ง 

โดยก่อนการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 61 ถ้า กกต.ตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่มีคุณสมบัติให้ยื่นต่อศาลฎีกาพิจารณา ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาเพียง 2 วัน แต่หากดำเนินการไม่ทัน ภายหลังวันเลือกตั้งถ้าเห็นว่าผู้นั้นมีลักษณะต้องห้ามในการลงรับสมัครรับเลือกตั้ง กกต.ก็จะมีมติให้ดำเนินคดีอาญามาตรา 151 ฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติในการสมัคร แต่ก็ยังลงสมัคร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จะไม่เป็นเหตุให้นำไปสู่การไม่ประกาศผลการเลือกตั้ง 

ดังนั้น ก็ต้องประกาศผลให้เป็น ส.ส.ไปก่อน จากนั้นจะเป็นการดำเนินการภายหลังการประกาศผล ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ได้กำหนดช่องทางในการดำเนินการไว้ โดยให้ ส.ส.หรือ สว.เข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ กกต.เป็นผู้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้

เมื่อถามว่า ทำไม กกต.ไม่ยื่นเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาดำเนินการก่อการเลือกตั้ง เพราะถ้ายื่นหลังการเลือกตั้งจะมีผลกระทบมากกว่านั้น นายแสวง กล่าวว่า ทุกอย่างมีกระบวนการที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา เมื่อมีเรื่องร้องเรียน ดังนั้น สำนักงานก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหาก่อนจะนำเสนอให้ กกต.พิจารณา ซึ่งต้องใช้เวลา 

อย่างเช่นวันนี้ หน่วยงานที่ กกต.ได้ขอความร่วมมือในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง แต่ล่าสุดเพิ่งจะส่งข้อมูลมาให้ และพบว่ามีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อคนหนึ่ง ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย แต่ กกต.เห็นว่าจำเป็นต้องให้ความเป็นธรรม และได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติก่อน จึงให้สำนักงานไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าคำสั่งล้มละลายยังมีผลอยู่หรือไม่ และผู้ถูกกล่าวหาได้มีการดำเนินการในเรื่องของการต่อสู้อย่างไรหรือไม่ จากนั้น กกต.จึงค่อยมาพิจารณาเรื่องการส่งเรื่องยื่นต่อศาล 

ฉะนั้น จึงต้องแยกเรื่องกระบวนการให้ความเป็นธรรม กับผลกระทบออกจากกันด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top