Sunday, 5 May 2024
WORLD

‘รมต.จีน’ ชี้ รถ EV จากจีน ได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่ใช่เพราะเงินอุดหนุน ย้ำ มีการสร้างสรรค์ นวัตกรรม อย่างต่อเนื่อง ห่วงโซ่อุปทานมีเสถียรภาพ

(8 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า หวังเหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวว่าการพัฒนาอันรวดเร็วของกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของจีนเป็นผลจากการสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ระบบห่วงโซ่อุปทานที่มีเสถียรภาพ และการแข่งขันในตลาดอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่เงินอุดหนุน ดังนั้นคำกล่าวหา "กำลังการผลิตล้นเกิน" จากสหรัฐฯ และยุโรปจึงไม่มีมูล

หวัง ซึ่งเดินทางเยือนกรุงปารีสของฝรั่งเศส กล่าวว่าการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของจีนมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการเปลี่ยนผ่านอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปล่อยคาร์บอนต่ำทั่วโลกอย่างมาก และรัฐบาลจีนจะสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการในการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมตามกฎหมายอย่างจริงจัง

ยามเผชิญกับความท้าทายและความไม่แน่นอนจากภายนอก กลุ่มผู้ประกอบการควรเพิ่มพูนขีดความสามารถภายใน ยึดมั่นการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ เสริมสร้างการจัดการความเสี่ยง และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยกลุ่มผู้ประกอบการของจีนควรกระชับความร่วมมือกับผู้ประกอบการท้องถิ่น แสวงหาการพัฒนาร่วมกัน พร้อมมีส่วนร่วมและส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

อนึ่ง คณะผู้แทนจากหอการค้าแห่งประเทศจีนประจำสหภาพยุโรป และกลุ่มผู้ประกอบการมากกว่า 10 ราย อาทิ จี๋ลี่ (Geely) เอสเอไอซี (SAIC) บีวายดี (BYD) และซีเอทีแอล (CATL) ได้เข้าร่วมการประชุมที่มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดกระบวนของกลุ่มผู้ประกอบการจีนและกระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติระหว่างจีนและยุโรปในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

ผู้เข้าร่วมประชุมแจกแจงการลงทุนและการดำเนินงานในยุโรป รวมถึงการรับมือกับการสอบสวนเพื่อต่อต้านเงินอุดหนุนของสหภาพยุโรป โดยพวกเขาแสดงคำมั่นจะเดินหน้าส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยึดมั่นการเปิดกว้างและความร่วมมือ ดำเนินการแข่งขันอย่างเป็นธรรม รับมือกับข้อขัดแย้งทางการค้าอย่างจริงจัง และสร้างผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ผ่านความร่วมมือเชิงปฏิบัติกับหุ้นส่วนในยุโรป

สังคมเกาหลีเดือด กระแส 4B Movement ลาม ทำอัตราเด็กแรกเกิดเกาหลีใต้ต่ำที่สุดในโลก

ขบวนการสตรีนิยม (กลุ่ม เฟมินิสต์) ในเกาหลีใต้ กำลังตกเป็นจำเลยสังคมเมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกาหลีใต้มีอัตราเด็กแรกเกิดน้อยที่สุดในโลก เนื่องจากจุดกระแส 4B Movement ที่ให้ผู้หญิงเกาหลีลุกขึ้นมาปฏิเสธการแต่งงาน และการมีลูก 

กระแส 4B Movement ย่อมาจากแนวทางการปฏิเสธบรรทัดฐานของสังคมต่อผู้หญิง 4 ประการของเกาหลีใต้ได้แก่...

- Bihon (非婚) - ปฏิเสธการแต่งงานกับผู้ชาย
- Bichulsan (非出産) - ปฏิเสธการมีลูก
- Biyeonae (非戀愛) - ปฏิเสธการดูตัวกับผู้ชาย
- Bisekseu ( 非sex) - ปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย 

โดยกระแส 4B Movement เริ่มเกิดขึ้นราวๆ ปี 2019 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก 'คิมจียอง เกิดปี 82' นิยายแนวเฟมินิสม์ เรื่องดังของเกาหลีใต้ ของ 'โช นัม-จู' ที่มียอดจำหน่ายสูงกว่า 1 ล้านเล่ม ต่อมาถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ นำแสดงโดยดาราชื่อดังระดับแถวหน้าของเกาหลีใต้อย่าง ช็อง ยู-มี และกงยู มาแล้ว 

และเคยเป็นนิยายที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากกลุ่ม 'ชายแท้' และ 'กลุ่มอนุรักษ์นิยม' ในเกาหลีใต้อย่างรุนแรง ถึงกับประกาศบอยคอดนักแสดงหญิงทุกคนที่อ่านนิยายเล่มนี้ออกสื่อ หรือจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยอ่านนิยายเล่มนี้โดยเด็ดขาด 

แต่ในขณะเดียวกัน นิยายเล่มนี้ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ชื่นชมอย่างถล่มทลายจากนักวิจารณ์วรรณกรรม และ กลุ่มนักอ่านผู้หญิง และเป็นต้นกำเนิดของกระแส 4B Movement ของกลุ่มสตรีนิยมสุดโต่งในเกาหลีใต้ในเวลาต่อมา ที่คาดว่าน่าจะสมาชิกราวๆ 5 พัน - 5 หมื่นคนทั่วประเทศ

แม้จะมีเคลื่อนไหวในกลุ่มสตรีนิยมของเกาหลีใต้มานานหลายปีแล้ว แต่อยู่ดีๆ ก็มีการพูดถึงกระแส 4B ขึ้นมาอีก เมื่อมียูทูปเบอร์ 2 สาวชื่อดัง จอง เซ-ยองและ แบ็ก ฮา-นา ได้แสดงความคิดเห็นของพวกเธอผ่านช่อง SOLOdarity ว่าการแต่งงานเป็น 'สาเหตุที่แท้จริงของระบบปิตาธิปไตย' หรือระบบที่ผู้ชายเป็นใหญ่ และ 2 สาวยูทูบเบอร์ยังสนับสนุนให้ผู้หญิงเกาหลีลุกขึ้นมาปฏิเสธค่านิยมที่ว่าด้วยเรื่องหน้าที่ของผู้หญิงที่ฝังรกลึกมาแต่โบราณ รวมถึง การต้องแต่งงาน หรือ ต้องมีลูกให้ได้

จึงทำให้มีการหยิบประเด็นเรื่อง 4B กลับมาถกเถียงกันอย่างร้อนแรงใน Tiktok ของเกาหลีใต้อีกครั้งโดยดาว TikTok สาวชื่อ Jeanie ได้ออกมาวิจารณ์ว่า การปฏิเสธผู้ชายนั่นต่างหากที่อาจทำให้ผู้หญิงสูญพันธุ์ และเกาหลีก็จะสิ้นชาติ แต่ประเด็นคือ กระแส 4B เกิดจากการที่สังคมเกาหลีมีแนวคิดเหยียด และรังเกียจผู้หญิงมาตลอด จึงทำให้ผู้หญิงเกาหลีใต้จำนวนมากลุกขึ้นมาต่อต้านความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิง และ บรรทัดฐานทางสังคมที่มีต่อผู้หญิงเกาหลี

ซึ่งตอนนี้กระแส 4B ก็เริ่มลุกลามออกไปนอกเกาหลีแล้ว จากการแชร์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และกำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกาหลีใต้มีอัตราเด็กเกิดใหม่ต่ำที่สุดในโลกในปี 2023 ที่ผ่านมาด้วยอัตราเด็กแรกเกิดเพียง 0.78 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยโลกที่ 2.3 และสอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นของผู้หญิงเกาหลีใต้ล่าสุด กว่า 65% ระบุว่าไม่ต้องการมีลูก

สื่อเกาหลีใต้ชี้ว่า กระแส 4B ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการตอบโต้ของผู้หญิงเกาหลี ต่อความรุนแรงในสังคมที่ผู้หญิงมักเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำ อาทิ คดีฆาตกรรมหญิงสาวในห้องน้ำสาธารณะเมื่อไม่นานมานี้ โดยชายหนุ่มที่อ้างว่าโกรธแค้นเพราะฝ่ายหญิงหมางเมิน ไม่สนใจเขา 

อย่างไรก็ตาม กระแส 4B Movement ก็ยังถือว่าเป็นเพียงกลุ่มเคลื่อนไหวเล็กๆ ในเกาหลีใต้เท่านั้น ไม่อาจระบุว่าเป็นตัวแทนกลุ่มประชากรหญิงของเกาหลีใต้ทั้งหมดได้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกาหลีใต้มีเด็กเกิดน้อย หรือ ผู้หญิงเกาหลีใต้ไม่อยากแต่งงาน หรือ ไม่อยากมีลูก ไม่ได้เกิดจากกระแสเรื่อง 4B Movement เพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาเรื่องปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม สวัสดิการช่วยเหลือของรัฐบาล หรือค่านิยมโดยรวมที่เปลี่ยนไปของคนหนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ด้วย 

เพราะเรื่องของหัวใจ และ ความรักระหว่างหญิง-ชาย กับ ความพร้อมในการดูแลลูกนั้น ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน 

 

ชายอายุยืนที่สุดในโลก เผยเคล็ดลับการอยู่นาน  ‘ฟิชแอนด์ชิปส์-รู้จักพอดี-มีโชค’ ทำให้อยู่มา 111 ปี

(7 เม.ย.67) จอห์น อัลเฟรด ทินนิสวูด ชายชาวอังกฤษวัย 111 ปี ได้รับการยืนยันว่า เป็นผู้ครองตำแหน่งชายที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกคนใหม่โดยกินเนสส์บุ๊ก หลังการเสียชีวิตของนายฮวน วิเซนเต เปเรซ เจ้าของสถิติเดิมชายเวเนซุเอลา ที่เพิ่งเสียชีวิตในเดือนนี้ขณะมีอายุ 114 ปี และนายกิซาบุโร โซโนเบะ จากญี่ปุ่น ซึ่งมีอายุมากที่สุดในลำดับถัดมาคือ 112 ปี ก็เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคมเช่นกัน

ทินนิสวูดได้รับเอกสารรับรองจากกินเนสส์บุ๊ก เวิลด์ เรคคอร์ดส์ เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ที่บ้านพักคนชราในเซาท์พอร์ท ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน

ทินนิสวูดเกิดที่เมืองลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2455 ไม่กี่เดือนหลังจากเรือไททานิคจมลงสู่ใต้ท้องทะเล เขาใช้ชีวิตผ่านช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเขารับราชการในกองทัพอังกฤษด้วย

คุณทวดนักบัญชีที่เกษียณอายุการทำงานมานานแล้วกล่าวว่า การรู้จักความพอดีและพอประมาณเป็นกุญแจสำคัญในการมีสุขภาพที่ดี เขาไม่เคยสูบบุหรี่ ไม่ค่อยดื่มเหล้า และไม่รับประทานอาหารใดๆ เป็นพิเศษ ยกเว้นการทานฟิชแอลน์ชิปส์เป็นมื้อเย็นสัปดาห์ละครั้ง

“ถ้าคุณดื่มมากไป กินมากไป หรือเดินมากไป ถ้าคุณทำอะไรมากเกินไป ในที่สุดแล้วคุณก็จะต้องทรมานเอง” เจ้าของสถิติโลกด้านอายุยืนคนใหม่ระบุ แต่ก็รับว่า “ไม่ว่าจะอายุยืนยาวหรืออายุสั้น มันเป็นเรื่องของโชคล้วนๆ คุณไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก”

ขณะที่ผู้หญิงซึ่งครองตำแหน่งสตรีอายุยืนที่สุดในโลกคือ มาเรีย แบรนยาส โมเรรา จากสเปนที่มีอายุยืนถึง 117 ปี

ผลสำรวจ เผย คนวัยผู้ใหญ่ 50% ในประเทศเศรษฐกิจใหญ่เครียดเรื่องเงิน ยอมรับการเงินรุ่นพ่อแม่แข็งแรงกว่า แถมห่วงการเงินลูกหลานในอนาคต

(6 เม.ย.67) BTimes เปิดเผยรายงานผลสำรวจความมั่นคงการเงินระหว่างประเทศ หรือ International Your Money Financial Security Survey จาก เซอร์เวย์มังกี้ (SurveyMonkey) ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากการสำรวจผู้ใหญ่ทั้งหมด 4,342 คน ในช่วงเดือนมีนาคม 2024 พบว่า ประชากรวัยผู้ใหญ่มากกว่าครึ่งหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ มีความเครียดด้านการเงินส่วนบุคคล สาเหตุจากภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าเงินลดเสื่อมลง นอกจากนี้ มีสัดส่วนจำนวนมากยอมรับว่า ตนเองมีฐานะทางการเงินแย่กว่าพ่อแม่ และมีมุมมองด้านลบต่ออนาคตทางการเงินของลูกหลาน

ประชากรวัยผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ใน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สเปน และเม็กซิโกในสัดส่วนราว 70% ยอมรับว่า มีความเครียดค่อนข้างมากถึงมากในเรื่องการเงิน ขณะที่สัดส่วนดังกล่าวมีที่ 63% ในประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหราชอาณาจักร มีถึง 57% ในเยอรมนี มี 55 % ในสวิตเซอร์แลนด์ และมี 50% ในสิงคโปร์ และฝรั่งเศส

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความเครียดทางการเงิน ได้แก่ ภาวะเงินเฟ้อสูง ขาดแคลนเงินออม ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ผลสำรวจเปิดเผยว่า ชนชั้นกลางเป็นกลุ่มคนที่มีความสะดวกสบายทางการเงินในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม พบว่า 45%-62% ของผู้ตอบแบบสำรวจในครั้งนี้กลับยอมรับว่าเป็นชนชั้นกลางที่ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน ในทำนองเดียวกัน สัดส่วนราวครึ่งหนึ่ง หรือ 50% ในออสเตรเลีย เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ยอมรับว่าตนเองมีสถานะทางการเงินย่ำแย่กว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว หรือตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่น่าสนใจ คือ ผู้ตอบแบบสำรวจในสิงคโปร์และเม็กซิโก ซึ่งเป็นเพียง 2 ประเทศเท่านั้น ที่ส่วนใหญ่ยอมรับว่าตนเองมีฐานะทางการเงินดีกว่าพ่อแม่

นักวิจัยจีน ปลูกถ่าย ‘ไตหมูดัดแปลงพันธุกรรม’ ในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตาย เผยเป็นทางเลือกใหม่ ให้กับผู้ป่วย ‘โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย’

เมื่อวานนี้ (5 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักวิจัยจีนประกาศความสำเร็จในการปลูกถ่ายไตหมูดัดแปลงพันธุกรรมในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตาย ซึ่งไตดังกล่าวสามารถทำงานได้ดีในร่างกายมนุษย์เป็นระยะเวลา 9 วัน นับตั้งแต่วันผ่าตัดเมื่อวันที่ 25 มี.ค. จนถึงวันพุธ (3 เม.ย.) และความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นภายหลังการปลูกถ่ายตับหมูดัดแปลงพันธุกรรมในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายเมื่อเดือนก่อน

การปลูกถ่ายนาน 6 ชั่วโมง 15 นาทีครั้งล่าสุดนี้ได้รับคำแนะนำจากโต้วเคอเฟิง นักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน และดำเนินการโดยทีมงานที่นำโดยฉินเว่ยจวิน แพทย์จากโรงพยาบาลซีจิงในเครือมหาวิทยาลัยการแพทย์กองทัพอากาศ ในนครซีอัน มณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

ฉินระบุว่าทีมงานได้ย้ายไตหมูที่ผ่านการตัดต่อยีนใส่บริเวณท้องน้อยฝั่งขวาของผู้ป่วยรายดังกล่าว โดยหลังจากถอดอุปกรณ์หนีบห้ามเลือดออก พบไตที่ปลูกถ่ายสามารถผลิตน้ำปัสสาวะได้ทันที ส่วนการอัลตราซาวนด์ระหว่างผ่าตัดเผยให้เห็นการไหลเวียนของเลือดที่ดี ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านอวัยวะใหม่ที่ร้ายแรง

แผนการผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายไตหมูดัดแปลงพันธุกรรมผ่านการพิจารณาและอนุมัติโดยคณะกรรมการด้านวิชาการและจริยธรรมต่าง ๆ และดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของจีนอย่างเคร่งครัด โดยครอบครัวของผู้ป่วยยินดีที่จะมีส่วนร่วมในการวิจัยข้างต้นเพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าทางการแพทย์

การวิจัยการปลูกถ่ายข้ามสายพันธุ์ (xenotransplantation) มีความก้าวหน้าอย่างมากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีการพัฒนาเชิงลึกในด้านเทคโนโลยีการตัดต่อยีนและภูมิคุ้มกันวิทยา และอาจกลายเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่จะแก้ปัญหาขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย

ฉินระบุว่าการวิจัยครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปลูกถ่ายข้ามสายพันธุ์ในจีน ซึ่งจะปูทางสู่การวิจัยและประยุกต์ใช้การปลูกถ่ายประเภทนี้ในทางคลินิก พร้อมมอบทางเลือกใหม่ให้กับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในอนาคต

อนึ่ง เมื่อวันที่ 10 มี.ค. โรงพยาบาลฯ ประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายตับหมูดัดแปลงพันธุกรรมในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายได้สำเร็จ ซึ่งสามารถทำงานได้ดีในร่างกายมนุษย์เป็นระยะเวลา 10 วัน ก่อนที่การศึกษาจะสิ้นสุดลงตามความต้องการของครอบครัวผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ

เกิดเหตุ ‘แผ่นดินไหว’ ขนาด 4.8 ในมลรัฐ ‘นิวเจอร์ซีย์’ ความรุนแรงมากที่สุด ในรอบกว่า 200 ปี สะเทือนถึง ‘วอชิงตัน-นิวยอร์ก’

(6 เม.ย.67) จากข้อมูลการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ระบุว่าแผ่นดินไหวขนาด 4.8 ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักทางตอนเหนือของมลรัฐ New Jersey เมื่อวันศุกร์ ถือเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 3 ที่เกิดขึ้นในมลรัฐนี้

แผ่นดินไหวช่วงเช้าวันศุกร์ยังถือเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1783 หรือกว่า 240 ปีมาแล้ว แผ่นดินไหวขนาด 5.1 สองครั้งเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงเพียงครั้งเดียวในมลรัฐนี้ ครั้งแรกในปี 1755 และอีกครั้งในปี 1783 ทั้งสองเกิดขึ้นก่อนที่ New Jersey จะกลายเป็นมลรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในเดือนธันวาคม 1787 แต่เกิดขึ้นในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ซึ่งปัจจุบันเป็นเขตแดนของมลรัฐนี้แล้ว

ข้อมูลของ สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Geological Survey : USGS ระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงเป็นอันดับ 3 ที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในรอบ 50 ปี และรุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 10 ในภูมิภาคนี้ แผ่นดินไหวในมลรัฐ New Jersey และภูมิภาคนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก มีแผ่นดินไหวขนาด 2.5 แมกนิจูดหรือมากกว่านั้นเกิดขึ้นเพียง 24 ครั้งในมลรัฐ New Jersey นับตั้งแต่ปี 1700

USGS ระบุว่าเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 4.0 ในมลรัฐ New Jersey ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองแกลดสโตน ของมลรัฐนี้ อาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นเกือบ 8 ชั่วโมงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.8 เกิดอาฟเตอร์ช็อกมาแล้วอย่างน้อย 10 ครั้ง แม้ว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 1.8 ถึง 2.2 แมกนิจูด 

USCG ระบุว่า แผ่นดินไหวขนาด 4.8 เขย่าอาคารต่าง ๆ ทั่วทั้งพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ เมื่อเช้าวันศุกร์ โดยรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนตั้งแต่กรุง Washington, DC ไปจนถึงมหานคร New York และมลรัฐ Maine แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลังแผ่นดินไหวในมลรัฐ New Jersey และการคมนาคมหยุดชะงักเพียงไม่นาน และผู้คนก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง

โอกาสมาแล้ว!! เรียนต่อด้าน บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ ที่ เมืองเฉิงตู Southwestern University of Finance and Economics

(6 เม.ย.67) Southwestern University of Finance and Economics มหาวิทยาลัยชั้นนำ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านสาขาวิชา บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจจะศึกษาทางด้านศาสตร์วิชาดังกล่าว โดยได้เปิดรับสมัครแล้ว วันนี้!!
 

CATL เปิดตัวแบตฯ ใหม่ อายุการใช้งาน 15 ปี รองรับวิ่ง 1.5 ล้านกิโลเมตร เผย!! มีบัสไฟฟ้ารายใหญ่จากจีน เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรยาว 10 ปี

เมื่อไม่นานมานี้ CATL ได้เปิดตัวแบตเตอรี่ LFP รุ่นใหม่ รองรับการใช้งาน 1.5 ล้านกิโลเมตร อยู่ได้นาน 15 ปี พร้อมการันตีชาร์จ 1,000 รอบโดยไม่เสื่อมสภาพเลย 

CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน เปิดตัวแบตเตอรี่รุ่นใหม่แบบ lithium iron phosphate (LFP) ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน รองรับการใช้งานในรถยนต์ 1.5 ล้านกิโลเมตร การันตีอายุการใช้งานนาน 15 ปี โดยการชาร์จ 1,000 รอบแรกจะไม่เสื่อมสภาพเลย (zero degradation)

ลูกค้ารายแรกของ CATL คือ Yutong Bus ผู้ผลิตรถบัสไฟฟ้ารายใหญ่ของจีนที่มีลูกค้าทั่วโลก โดยทั้งสองบริษัทเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรยาวนาน 10 ปี ตั้งแต่ปี 2022

‘อากาศยานไร้คนขับ' ลำใหม่ ‘ฝีมือจีน’ พร้อมขึ้นบินเที่ยวแรกแล้ว ชี้ ช่วยปฏิบัติหลากภารกิจ ‘โลจิสติกส์-ดับเพลิง-ฝนเทียม-การสื่อสาร’

(5 เม.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทอุตสาหกรรมการบินแห่งประเทศจีน (AVIC) เผยว่าต้นแบบระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAS) อเนกประสงค์เชิงพาณิชย์ลำใหม่ พร้อมที่จะออกขึ้นบินเที่ยวแรกแล้ว หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยความเร็วสูงครั้งสุดท้ายไม่นานมานี้

ทั้งนี้ ระบบอากาศยานเอชเอช-100 (HH-100) ซึ่งพัฒนาขึ้นเองของจีน สามารถทำงานอย่างเสถียรระหว่างการทดสอบ ขณะศักยภาพควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติทำงานได้เป็นอย่างดี 

เอชเอช-100 พัฒนาโดยบริษัทเอวิก เอ็กซ์เอซี คอมเมอร์เชียล แอร์คราฟต์ จำกัด ในนครซีอัน มณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ อากาศยานไร้คนขับ และสถานีสั่งการและควบคุมภาคพื้นดิน

ระบบดังกล่าวมีต้นทุนต่ำ น้ำหนักบรรทุกสูง รวมถึงจุดแข็งอื่น ๆ โดยได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักขึ้นบินสูงสุด 2,000 กิโลกรัม น้ำหนักบรรทุก 700 กิโลกรัม และพิสัยการบิน 520 กิโลเมตร

เอชเอช-100 สามารถปฏิบัติภารกิจได้หลากหลาย เช่น โลจิสติกส์ระดับภูมิภาค การดับเพลิงในพื้นที่ป่าและทุ่งหญ้า การติดตามไฟไหม้ การจัดส่งสิ่งของบรรเทาภัยพิบัติ การถ่ายทอดการสื่อสาร และส่งเสริมการทำฝนเทียม

‘อิสราเอล’ สั่งปิดสัญญาณ GPS - ห้ามทหารลาหยุด หวังเสริมการป้องกัน หลังเพิ่งโจมตีสถานกงสุล ‘อิหร่าน’ มา

(5 เม.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อิสราเอลปิดใช้งานระบบ GPS ทั่วประเทศเพื่อขัดขวางการใช้งานของขีปนาวุธและโดรน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นกับอิหร่าน ซึ่งประกาศคำมั่นว่าจะตอบโต้ หลังอิสราเอลโจมตีอาคารของแผนกกงสุลในสถานทูตอิหร่านที่ซีเรียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย รวมถึงนายพลอิหร่านจากหน่วยรบพิเศษคุดส์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการรบกวนการทำงานของระบบ GPS ในพื้นที่ตอนกลางของอิสราเอล ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันที่ออกแบบมาเพื่อขัดขวางการใช้อาวุธที่สามารถระบุตำแหน่งได้ โดยพลเมืองอิสราเอลระบุว่า พวกเขาไม่สามารถใช้บริการแอปในการระบุสถานที่ในเมืองใหญ่ ๆ เช่น เทลอาวีฟและเยรูซาเลม ซึ่งอยู่ห่างไกลจากพื้นที่สู้รบได้

นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ไทม์ออฟอิสราเอล รายงานว่า ได้มีการร้องขอให้ชาวอิสราเอลตั้งค่าตำแหน่งบนแอปด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยให้มีการส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการโจมตีด้วยจรวด เพื่อให้แน่ใจว่าตำแหน่งของพวกเขายังคงแม่นยำ แม้ว่าจะมีการรบกวนสัญญาณ GPS อยู่ก็ตาม

ด้าน ดาเนียล ฮาการี โฆษกกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ยืนยันว่า อิสราเอลกำลังทำการบล็อคการใช้งาน GPS ซึ่งบางครั้งถูกเรียกว่าเป็นการปลอมแปลง

ดาเนียล ฮาการี ยังเรียกร้องให้ประชาชนไม่ตื่นตระหนกด้วยการกักตุนซื้อสินค้า โดยเขาโพสต์บน X ว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องปั่นไฟ กักตุนอาหาร หรือถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม ทำตัวเหมือนปกติอย่างที่เคยทำมา และเราแจ้งให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทันที หากมีอะไรที่เป็นทางการ

ขณะเดียวกันไอดีเอฟยังประกาศว่าจะระงับการขอลาพักของทหารทั้งหมดที่อยู่ในหน่วยรบ โดยคำประกาศดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่ทหารกองหนุนอิสราเอลเพิ่งถูกเรียกเข้าเสริมกำลังในหน่วยป้องกันภัยทางอากาศ

ดูเหมือนไอดีเอฟจะเชื่อว่าการตอบโต้ของอิหร่านใกล้จะเกิดขึ้น และอาจเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดในวันศุกร์ที่ 5 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันศุกร์สุดท้ายในเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม

นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวหลังมีข่าวเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับความเป็นไปได้ของการโจมตีตอบโต้ของอิหร่านว่า อิสราเอลจะทำร้ายใครก็ตามที่ทำร้ายเรา หรือวางแผนที่จะทำร้ายเรา

เนทันยาฮูกล่าวก่อนเริ่มประชุมคณะรัฐมนตรีความมั่นคงเมื่อค่ำวันที่ 4 เม.ย.ว่า หลายปีมาแล้วที่อิหร่านดำเนินการต่อต้านเราทั้งโดยตรงและผ่านตัวแทน ดังนั้นอิสราเอลจึงจะดำเนินการต่อต้านอิหร่านและตัวแทนของอิหร่านทั้งในเชิงรับและเชิงรุก

“เรารู้วิธีที่จะป้องกันตนเอง และเราจะปฏิบัติตามหลักการง่าย ๆ ว่าใครก็ตามที่ทำร้ายเรา หรือวางแผนจะทำร้ายเรา เราก็จะทำร้ายพวกเขากลับ” เนทันยาฮู กล่าว

‘ทุเรียนเวียดนาม’ มาแรง!! คว้าส่วนแบ่ง 31.8% ‘ตลาดจีน’ เตรียมพุ่งสูง เป้าหมาย หลังรองจาก ‘ไทย’ 68% เท่านั้น

(4 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม รายงานว่า ทุเรียนเวียดนามครองส่วนแบ่งตลาดในจีนสูงถึงร้อยละ 31.8 ซึ่งเป็นรองจากทุเรียนไทย ร้อยละ 68 เท่านั้น

โดย กระทรวงฯ ระบุว่า ทุเรียนเวียดนามสามารถเพิ่มส่วนแบ่งดังกล่าวจนแซงหน้าทุเรียนไทยและครองตลาดจีน หากเวียดนามพยายามใช้โอกาสและข้อได้เปรียบให้ดี รวมถึงจัดเตรียมการผลิตอย่างมืออาชีพ

ปัจจุบันเวียดนามมีสวนทุเรียน 708 แห่ง และโรงงานบรรจุหีบห่อทุเรียน 168 แห่ง ซึ่งดำเนินการส่งออกทุเรียนสู่ตลาดจีนภายใต้การอนุมัติจากสำนักบริหารศุลกากรทั่วไปของจีน

ทั้งนี้ สวนทุเรียนทั้งหมดของเวียดนามครอบคลุมพื้นที่ 112,000 เฮกตาร์ (ราว 7 แสนไร่) และสร้างผลผลิตรายปีสูงถึง 863,000 ตัน

เวียดนามส่งออกทุเรียนสู่จีนเป็นหลัก โดยปริมาณการส่งออกสู่จีนในปี 2023 สูงถึง 595,000 ตัน คิดเป็นร้อยละ 98.6 ของการส่งออกทุเรียนทั้งหมด

ทึ่ง!! ‘ไทเป 101’ มี ‘ลูกต้มยักษ์’ น้ำหนัก 660 ตัน เทียบเท่าช้าง 132 ตัว ช่วยป้องกันตึกถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว ชี้ ถือเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด

เมื่อไม่นานมานี้ จากช่องติ๊กต็อก jadeforyouofficial ได้โพสต์คลิปขณะไปเยือน Taipei 101 ตึกที่สูงที่สุดในไต้หวัน และยังมีอีกหนึ่งความพิเศษนั่นก็คือ ‘ลูกตุ้มยักษ์’ หรือ Tuned Mass Damper หัวใจหลัก ถ้าหากเกิดเหตุ ‘แผ่นดินไหว’ ที่ตรงนี้จะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในไต้หวันเลยก็ว่าได้ โดยในคลิประบุว่า…

Taipei 101 คือตึกที่สูงที่สุดในไต้หวัน และเคยสูงที่สุดในเอเชีย มีทั้งหมด 101 ชั้น และมีความพิเศษอย่างนึงที่หลายตึกสูง ๆ ไม่มี นั่นก็คือ ‘การทนกับแผ่นดินไหว’ ที่ถึง 7 ริกเตอร์

แต่ก่อนจะเข้าถึงเรื่องนี้ ไต้หวันเป็นประเทศที่มีภูเขาเยอะมาก สำหรับพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ราบ มีแค่ประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่โดยรวม และคือ 2 ใน 3 นี้เป็นภูเขาหมดเลย ดังนั้น ผู้คนต้องอยู่กับธรรมชาติ ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ท้าทายอย่างมาก เพราะจะทํายังไงให้ใช้พื้นที่ที่มีอยู่จํากัดให้เกิดประโยชน์ที่สุด ซึ่งคนไต้หวันเลยเป็นอีกหนึ่งชาติในโลกที่เทียบเท่ากับคนญี่ปุ่น เนื่องจากต้องสู้กับสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ

ถัดมาที่ชั้น 91 ซึ่งจะเป็นแบบเปิด และสามารถรับลมได้ 400 เมตร โดยมุมนี้จะมองเห็นเลยว่าไต้หวันถือว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญในระยะเวลาที่ไม่นาน เนื่องจากตึกเต็มไปหมด ถือเป็นความมหัศจรรย์ของมนุษย์จริง ๆ นอกจากนี้ การจัดวางแบบลักษณะภูเขาสูงและตึกสลับกันไปมา ซึ่งเราจะไม่ค่อยเห็นกันมากนัก

อย่างไรก็ตาม ถัดมาที่ไฮต์ไลท์เด็ดภายในตึก Taipei 101 ที่มี ‘ลูกตุ้มยักษ์’ หรือ Tuned Mass Damper อยู่ด้วย ซึ่งเวลาแผ่นดินไหว เจ้าลูกบอลใบนี้ มันก็จะเคลื่อนตัว โดยมีการแกว่งไปมา ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าแผ่นดินไหวไปทางด้านไหน โดยมีน้ำหนัก 660 ตัน เท่ากับช้างประมาณ 132 ตัว ฉะนั้นถ้าเกิดแผ่นดินไหวที่ตรงนี้จะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในไต้หวัน ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักเลยทีเดียว…และถ้าหากตึกต่าง ๆ ในโลกมีแบบนี้ ก็จะสามารถช่วยรับแรงเคลื่อนไหวของ ‘แผ่นดินไหว’ ได้เช่นกัน

สำหรับตึกต่าง ๆ อาจจะรับน้ำหนัก รับแรงสั่นสะเทือนไม่ได้มาก แต่สำหรับตึก Taipei 101 นี้การสร้างของเขาคือสร้างมาเพื่อป้องกันแผ่นดินไหวโดยเฉพาะ และยังมีเคเบิ้ลทองที่เป็นตัวรองรับน้ำหนักของเจ้าลูกต้มนี้อีกที่นึง ส่วนข้างล่างก็มี Choke ซึ่งไม่ใช่ว่าจะแกว่งไปไหนก็ได้ และถ้าหากถูกแกว่งไปด้านไหน มันก็จะรับน้ำหนักแล้วก็จะกลับมาด้านเดิม

ชาวเน็ตชื่นชม!! ผู้ดูแลไต้หวันใช้ร่างกายปกป้องผู้สูงอายุพิการ ไม่หวั่น!! แม้ของจะหล่นใส่ตัวเอง หลังเกิดแผ่นดินไหว

(4 เม.ย.67) จากกรณีไต้หวันเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ณ เวลาประมาณ 07.58 น. เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีความลึก 15.5 กิโลเมตร สร้างความสั่นสะเทือนทั่วทั้งไต้หวัน มีรายงานภัยพิบัติจากสถานที่ต่าง ๆ จนหลายคนตื่นจากการหลับใหล

รวมไปถึงชาวเน็ตจากเมืองนิวไทเปก็สามารถรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงได้เช่นกัน พร้อมออกมาเล่านาทีประทับใจขณะเกิดแผ่นดินไหว โดยไม่คาดคิดหลังจากที่ผู้ดูแลตื่นขึ้น เธอไม่ได้รีบออกจากประตู แต่กลับปกป้องร่างกายผู้พิการวัย 71 ปีบนเตียงทันทีแทน

ด้าน ชายแซ่หวัง เผยว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวบ้านสั่นสะเทือนทั้งหลังอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่สามารถวิ่งไปหาแม่ได้ทันที ทว่าเมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบว่า ผู้ดูแลที่บ้านรู้สึกตัวสั่นขณะนอนหลับจึงเงยหน้าขึ้นสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ต่อมาเธอรีบกอดแม่ของเขาที่ป่วยเป็นโรคเลือดออกในสมองบนเตียงทันทีและพยายามปกป้องเขาด้วยร่างกายของเขาจนความสั่นไหวของสิ่งต่าง ๆ ค่อย ๆ ลดลง ซึ่งหมอน ผ้าห่ม แม้แต่โทรทัศน์และเศษซากอื่น ๆ ที่กองไว้ก็ล้มลงกับพื้น โชคดีที่ทั้งสองคนปลอดภัยซึ่งทำให้นายหวังโล่งใจเช่นกัน

นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ลงโซเชียล ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ประทับใจในการดูแลคนป่วยของผู้ดูแลคนนี้ เช่น “ใจดีกว่าพี่เลี้ยงเด็กคนนั้น” , “ผู้สูงอายุหลายคนมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่ากับผู้ดูแล” , “พยาบาลประจําครอบครัวของเราที่ดูแลคุณยายทําวันนี้ กอดปุ๊บ ปลอบปั๊บ ไม่ต้องกลัว”, “คนดีหวังว่าจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย” , “มันไม่มากเกินไปสําหรับการขึ้นเงินเดือน” , “มีความรับผิดชอบมาก ปลอดภัยในการจ่ายเงินให้กับผู้ดูแลคนนี้”

วิเคราะห์ 'จีน-สหรัฐฯ' วัดพลัง ‘รถยนต์บินได้’ คลื่นลูกใหม่โลกยานยนต์ ลุ้นได้ใช้ปี 2025

แม้จะยังถกเถียงว่ารถยนต์สันดาปจะหมดไป รถยนต์ไฟฟ้าจะมา หรือรถยนต์ไฮโดรเจนจะยั่งยืนกว่า? แต่ยังไม่ทันที่คำถามนี้จะหาข้อสรุปได้ก็ได้เกิดคลื่นลูกใหม่ที่กำลังเริ่มต้นก่อตัวขึ้นกับ ‘รถยนต์บินได้’ เมื่อคำนิยามของการเดินทางบนท้องถนนอาจรวมถึงถนนล่องหนเหนือหัวเราอย่างอากาศเสียแล้ว?

(4 เม.ย. 67) Business Tomorrow รายงานว่า ก่อนหน้านี้ 'อเลฟ แอโรนอติก' (Alef Aeronautic) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัปภายใต้ร่มเงาของสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ของเจ้าของบริษัทรถยนต์ดังอย่างเทสล่าอย่างอีลอน มัสก์ เพิ่งมีการเปิดจองรถยนต์บินได้อย่าง อเลฟ โมเดลเอ (Alef Model A) เมื่อต้นมีนาคมที่ผ่านมาไปถึง 2,850 คันแล้ว โดยโมเดลเอจะมีราคาเพียง 300,000 ดอลลาร์ หรือราว 11 ล้านบาท ราคาพอ ๆ กับซุปเปอร์คาร์หนึ่งคันได้เลยในบ้านเรา

แต่ในเวลาไม่นาน คู่แข่งคู่กัดในประเทศจีนอย่าง เสี่ยวเผิง (Xpeng) คู่แข่งสำคัญเทสล่าได้แจ้งบริษัทลูกอย่าง 'แอร็อต' (AeroHT) ได้ออกรายงานว่าบัดนี้ ‘รถยนต์บินได้’ ของพวกเขาได้รับการประตรารับรองจากสำนักงานการบินพลเรือนของจีนตอนกลางและตอนใต้ของจีน นั่นหมายความว่าอีกไม่นาน เสี่ยวเผิงจะผลิตรถยนต์บินได้ออกตามมาติด ๆ กับของฝั่งอเมริกา

และนี่อาจจะไม่ใช่การรอคอยที่เนิ่นนานอะไรมาก ทางฝั่งสหรัฐฯ อย่างอเลฟพร้อมส่งมอบโมเดลเอและพร้อมออกวิ่ง (และบิน) ได้ในปี 2025 หรือภายใน 1 ปีหน้า ส่วนทางเสี่ยวเผิง หากไม่มีข้อติดขัดอะไร จะมีการส่งมอบแอร็อตถึงมือลูกค้าภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

ทั้งนี้ หากลองดูสเปคคร่าว ๆ จากเจ้าสองโมเดลจากสองขั้วบนโลกนี้จะพบว่า...

📌 อเลฟ โมเดลเอ (Alef Model A) จาก อเลฟ แอโรนอติก

- ที่นั่ง 4 ที่นั่ง
- ตัวถังหุ้มใบพัดหมุนสำหรับบินด้านในตัวรถและช่วยให้มีลมหมุนเวียนข้างในรถยนต์
- ใช้ใบพัดทั้ง 8 ใบทั้งหน้าและหลังในการบิน
- โหมดรถจะมีความเร็ว 37-54 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- โหมดบินมีความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

📌 เอ็กซ์ทรีเอฟ (X3-F) จาก แอร็อต

- ที่นั่ง 4 - 5 ที่นั่ง
- แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือโมดูลภาคพื้นดินและทางอากาศ
- เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 6 ล้อ ขับเคลื่อนทั้งหกล้อ
- ยังไม่เปิดเผยความเร็วทั้งสองโหมด
- โหมดการบินจะต้องประกอบโมดูลบิน มีใบพัด 6 ใบรวมถึงท่อไอพ่น 2 ท่อ

นอกจากสองฝั่งจากสหรัฐฯ และจีนแล้ว ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่มองไปในการพัฒนารถยนต์บินได้อย่าง Joby Aviation จากสหรัฐฯ ซึ่งก็ได้มีการร่วมมือกับทางเกาหลีใต้อย่างยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี SK Telecom ที่คาดว่าจะออกบินแท็กซี่นี้ได้ช่วงปี 2025 และ Lilium จากเยอรมันที่กำลังพัฒนาแท็กซี่แบบบินได้ 

เห็นท่าอย่างนี้ ไม่พ้นปีหน้า ก็คงจะได้ยลโฉมรถบนฟ้าแบบที่เคยเห็นในภาพยนตร์แน่นอน

เมื่อไทยกำลังกลายเป็นประเทศ NATO เต็มตัว หากยังไม่หยุดตามรอย ‘ฮิตเลอร์-เซเลนสกี’

จริงหรือที่ไทยเรากำลังจะกลายเป็นประเทศ NATO 

อันที่จริงประเทศไทยของเรามีสถานะเป็น ‘ชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มนาโต’ (Major Non-NATO Ally: MNNA) ตั้งแต่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) โดยในระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของ George W. Bush ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ได้ประกาศให้ไทยมีสถานะดังกล่าว 

แต่การได้รับสถานะดังกล่าวนี้ ไม่ได้หมายถึงการมีหลักประกันด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศร่วมกันเช่นเดียวกับที่สหรัฐฯ มีกับประเทศสมาชิก NATO แต่อย่างใด เป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงความสําคัญที่สหรัฐฯ ให้ความสัมพันธ์ในลักษณะพันธมิตรกับประเทศไทยในช่วงศตวรรษที่ 21 อันมาจากการที่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตรได้ส่งทหารไทยไปร่วมปฏิบัติการทั้งในอัฟกานิสถาน (กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ 975 ไทย/อัฟกานิสถาน) และอิรัก (กองกำลังเฉพาะกิจปฏิบัติการเพื่อมนุษยธรรม 976 ไทย/อิรัก)

สำหรับ NATO เป็นชื่อย่อที่เรียกกันโดยทั่วไปของ ‘องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ’ (North Atlantic Treaty Organization: NATO) ซี่งก่อตั้งเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) โดย สหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ ในยุโรปรวม 12 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, แคนาดา, เบลเยียม, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, ไอซ์แลนด์, อิตาลี, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์ และโปรตุเกส ที่ได้ร่วมกันลงนามในสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (The North Atlantic Treaty) ก่อตั้งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือ ‘นาโต’ ขึ้นในช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมในปีเดียวกัน 

วัตถุประสงค์เริ่มแรกก่อตั้ง คือ เพื่อจัดตั้งระบบพันธมิตรทางทหารในการถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ (อดีตสหภาพโซเวียต) และให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกในกรณีที่ประเทศสมาชิกถูกคุกคามจากภายนอก ตลอดจนส่งเสริมความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ 

ปัจจุบัน NATO ประกอบด้วย 34 ชาติสมาชิก โดยได้ปฏิบัติการออกนอกเขตพื้นที่ของชาติสมาชิกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอัฟกานิสถาน, ลิเบีย และมีแผนที่จะเปิดสำนักงานติดต่อของ NATO ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นภายในปีนี้

ย้อนกลับมาที่ไทย ความหมายของ NATO ที่ไทยกำลังเป็นอยู่ในที่นี้นั้น มิได้หมายถึง NATO หรือ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือแต่อย่างใด หากแต่ความหมายของ NATO ที่ประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่หมุดหมายดังกล่าวก็คือ NATO ที่ย่อมาจากคำว่า No Action, Talk Only ซึ่งแปลเป็นไทยว่า ‘ไม่ทำอะไรสักอย่าง เอาแต่พูดอย่างเดียว’ 

ด้วยเพราะผู้คนในสังคมไทยยุคนี้ส่วนหนึ่งมีความเชื่อถือศรัทธาในบรรดานักพูด นักแซะ ซึ่งมาแต่มีเพียงประสบการณ์เป็นนักคิด (ผิด ๆ ถูก ๆ) นักพูด (เอามัน เอาฮา เอาสนุก) แต่ไม่เคยทำงานอะไรในภาคปฏิบัติให้เห็นผลสำเร็จอย่างเป็นชิ้นเป็นอันเลย เรื่องราวเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วมากมายหลายครั้งบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็น Adolf Hitler ที่สามารถยุยงปลุกปั่นพลเมืองชาวเยอรมันที่มีคุณภาพในลำดับต้น ๆ ของโลกให้ต้องหลงใหล คลั่งไคล้ ชนิดที่โงหัวไม่ขึ้น ตั้งแต่การสร้างพรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมัน (พรรค NAZI) ทั้งการปลูกฝังเด็ก ๆ เยอรมันในยุคนั้นให้เป็น ‘ยุวชนฮิตเลอร์’ (Hitler Youth หรือ Hitlerjugend) และพาเยอรมันเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 กระทั่งพ่ายแพ้ เยอรมันเสียหายย่อยยับและต้องถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเทศคือ เยอรมันตะวันตกและเยอรมันตะวันออก ต้องใช้เวลารอคอยยาวนานกว่า 40 ปี (ค.ศ. 1949-1990) ก่อนที่จะสามารถกลับมาร่วมเป็นชาติเดียวได้อีกครั้งหนึ่งในปี ค.ศ. 1990 

แม้แต่ ยูเครน ในปัจจุบันที่ถูกชาติตะวันตกหลอก ด้วยการเอา ‘โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี’ (Volodymyr Zelenskyy) ผู้มีอาชีพนักแสดงตลกและเจ้าของบริษัทโปรดักชัน Kvartal 95 ซึ่งผลิตภาพยนตร์ การ์ตูน และรายการทีวี รวมถึงซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Servant of the People ซึ่ง Zelenskyy เองรับบทเป็นครูสอนประวัติศาสตร์ระดับมัธยมปลาย และในบทตัวเขาก็ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนด้วย 

ซีรีส์ดังกล่าวซึ่งได้ออกอากาศตั้งแต่ปี 2015 ถึง 2019 ได้รับความนิยมอย่างมาก จนกระทั่ง Servant of the People พรรคการเมืองชื่อเดียวกับซีรีส์นี้ ก็ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม 2018 โดยพนักงานของ Kvartal 95 

ความนิยมในตัวเขาจากบทบาท รวมถึงซีรีส์โทรทัศน์เรื่องนี้ ทำให้ชาติมหาอำนาจตะวันตก นำเขามาเป็นหุ่นเชิดและเครื่องมือกระทั่งกลายเป็นประธานาธิบดียูเครนจริง ๆ หากแต่ประธานาธิบดีในภาพยนตร์โทรทัศน์กับโลกแห่งความเป็นจริงแตกต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว เมื่อเขาดึงดันที่จะท้าทายกับรัสเซียจนเกิดสงครามยื้อเยื้อ และกำลังทำให้ยูเครนต้องพินาศย่อยยับ จนไม่อาจที่จะฟื้นคืนสภาพของบ้านเมืองที่เสียหายอย่างหนักภายใน 10-20 ปีนี้ได้ อีกทั้งต้องกลายเป็นลูกหนี้ต่างชาติจนไม่น่าจะใช้คืนได้ในอีกไม่ต่ำกว่า 50 ปีข้างหน้า

เหล่านี้คือ ตัวอย่างของนักการเมืองที่นำพาประเทศชาติไปสู่ความเป็นประเทศ NATO: No Action, Talk Only ของแท้ที่มีให้เห็น 

ดังนั้นพอหันมามองสังคมไทยในยุคนี้ ยุคที่ไทยเต็มไปด้วยกลุ่มชนที่มีความรู้ มีตรรกะ มีเหตุผล มีความสามารถในการพินิจพิจารณาใคร่ครวญในข้อเท็จจริงของเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากแต่กลับมาตกหลุมในกับดักของเหล่าบรรดานักสังคมศาสตร์ ซึ่งถนัดแต่การปั้นแต่งคำ สร้างวาทกรรมที่บ่มเพาะความแตกแยก เกิดเป็นบรรทัดฐานความเชื่อในเรื่องผิด ๆ ว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และทำให้สังคมเชื่อว่า สิ่งที่ถูกต้องดีงามกลายเป็นเรื่องผิด ๆ ล้าสมัย ฯลฯ 

ท้ายสุดก็หนักถึงขั้นพยายามอย่างหนัก เพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงของบ้านเมือง โดยเฉพาะสถาบันหลักที่สำคัญของชาติ ซึ่งหากวันนี้คนไทยยังคงเป็น ‘ไทยเฉย’ ไม่พูด ไม่ทำ เป็นพวก NTNA : No Talk, No Action ในที่สุดแล้วประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ซึ่งเหล่าชาติมหาอำนาจตะวันตกกำลังจ้องเล็งที่จะเข้ามามีบทบาทในการชี้นำและครอบงำรัฐบาลบ้านเรา ให้ตั้งอยู่ในตำแหน่งทางภูมิรัฐศาสตร์ตามที่พวกเขาต้องการในหมุดภูมิภาคนี้ ประเทศชาติอันเป็นที่รักของเราก็จะกลายเป็นประเทศ NATO: No Action, Talk Only ไปจริง ๆ 

ถึงเวลานั้นแล้วก็คงยากเกินกว่าที่จะแก้ไขอะไรได้อีก 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top