Thursday, 19 June 2025
WORLD

จำนวน 'คนไร้บ้าน' ในสหรัฐฯ พุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี สะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำ 'รวย-จน' กำลังขยายวงกว้างขึ้น

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานข้อมูลข่าวสารแห่งคณะรัฐมนตรีจีนออกรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ ประจำปี 2023 ซึ่งเปิดเผยว่าจำนวนคนไร้บ้านในสหรัฐฯ ได้พุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี

รายงานอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงการเคหะและพัฒนาเมืองสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2023 ซึ่งระบุว่าจำนวนคนไร้บ้านในสหรัฐฯ พุ่งสูงกว่า 650,000 คนแล้ว มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรายงานเกี่ยวกับประเด็นนี้เมื่อปี 2007

รายงานระบุว่าคนไร้บ้านร้อยละ 40 อาศัยอยู่ตามท้องถนนโดยปราศจากสิ่งกำบัง ตามอาคารร้าง หรือสถานที่อื่น ๆ ที่ไม่ได้มีไว้สำหรับให้มนุษย์อยู่อาศัย โดยคนกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ต้องผจญกับความเสี่ยงในการถูกตัดสินว่ากระทำความผิดทางอาญาเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

รายงานชี้ให้เห็นว่าช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนกำลังขยายกว้างกว่าเดิมในสหรัฐฯ โดยมีสารพัดปัญหาที่กำลังเลวร้ายลง อาทิ "ความยากจนในการทำงาน" (working poor) การขาดแคลนอาหาร อัตราการฆ่าตัวตาย รวมทั้งการใช้ยาเสพติดและสารเสพติดที่เพิ่มขึ้น

เปิดมูลค่า Nvidia บริษัทเดียวมากกว่า GDP ไทยทั้งประเทศถึง 6 เท่า สะท้อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต ที่ 'ชิป' จะเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนสูง

(30 พ.ย. 67) Business Tomorrow รายงานว่า บริษัท Nvidia ผู้ผลิตชิปประมวลผลกราฟิกและระบบปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำของโลก กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงเกินกว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยทั้งประเทศ 6 เท่าตัวแล้ว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Nvidia ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการเติบโตของตลาดปัญญาประดิษฐ์และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดสูงถึง 2.801 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 102 ล้านล้านบาท

โดยปัจจุบัน GDP ไทยมีมูลค่าอยู่ที่ราว 18 ล้านล้านบาท หรือเรียกได้ว่า GDP ไทยน้อยกว่า Nvidia เพียงบริษัทเดียวมากถึง 5.67 เท่าหรือเกือบ 6 เท่ากันเลยทีเดียว

สำหรับความสำเร็จของ Nvidia หากมองในเชิงรายได้และกำไรจะพบว่า เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยปี 2566 Nvidia มี รายได้กว่า 26.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น +44% จากปี 2565 และนักลงทุนต่างมั่นใจว่า Nvidia จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ส่งผลให้มูลค่าตลาดถูกผลักดันให้สูงขึ้น

อีกทั้ง Nvidia ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าใดกลุ่มหนึ่ง แต่มีฐานลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ ผู้บริโภคทั่วไป ที่ซื้อการ์ดจอสำหรับเล่นเกมไปจนถึง บริษัทขนาดใหญ่ที่ใช้ชิปของ Nvidia ใน Data Center และ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ จึงไม่แปลกใจว่าทำไม Nvidia ที่สามารถครองลูกค้าทั่วโลกได้มีมูลค่าบริษัทมากกว่า GDP ของไทยเกือบ 6 เท่า

ความสำเร็จของ Nvidia สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตของโลกที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลนำพาสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล บริษัทที่มีขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีก้าวหน้าสามารถสร้างมูลค่าได้มากกว่าขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศเสียอีก

อย่างไรก็ตาม Nvidia เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจที่บริษัทในวงการเทคโนโลยีสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็วจนทำมูลค่ามหาศาลเท่าตัวเศรษฐกิจของประเทศ บ่งบอกถึงบทบาทสำคัญของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต

‘พลเมืองสหรัฐฯ’ เสียชีวิตจากน้ำมือ 'ตำรวจ' สูงเป็นประวัติการณ์ปี 2023 สะท้อน!! วิธีแก้ปัญหาเกินกำลังกว่าเหตุ ซ้ำ!! ยังเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศ

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานข้อมูลข่าวสารแห่งคณะรัฐมนตรีจีนออกรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ ประจำปี 2023 ซึ่งระบุว่า สหรัฐฯ พบจำนวนประชาชนถูกตำรวจสังหารมากสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีก่อน นับตั้งแต่เริ่มติดตามข้อมูลทั่วประเทศเมื่อปี 2013

รายงานอ้างอิงข้อมูลจากแมปปิง โพลิส ไวโอเลนซ์ (Mapping Police Violence) กลุ่มวิจัยที่ไม่แสวงหากำไรแห่งหนึ่ง ระบุว่าตำรวจในสหรัฐฯ สังหารประชาชนเมื่อปีก่อนอย่างน้อย 1,247 ราย หมายความว่ามีผู้เสียชีวิตจากน้ำมือตำรวจโดยเฉลี่ยประมาณ 3 รายต่อวัน

อย่างไรก็ตาม ระบบความรับผิดชอบเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของตำรวจนั้นไร้ประโยชน์

รายงานอ้างอิงหนังสือชื่อ ‘การจับกุมความเป็นพลเมือง : ผลพวงประชาธิปไตยของการควบคุมอาชญากรรมของอเมริกา’ (Arresting Citizenship: The Democratic Consequences of American Crime Control) ระบุว่า หน่วยงานตำรวจอเมริกันชิงชังพลเมืองที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายในการบังคับใช้กฎหมายของพวกเขา และกลไกในการให้ตำรวจรับผิดชอบต่อการกระทำมิชอบด้วยกฎหมายนั้นแทบไม่มีประโยชน์อันใด

ทั้งนี้ แม้ว่าปัญหาการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในสหรัฐฯ แต่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้กำลัง

‘นักวิจัยญี่ปุ่น’ สร้าง ‘LignoSat’ ดาวเทียมไม้ดวงแรกของโลก เตรียมส่งขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวดขนส่ง ‘สเปซเอ็กซ์’ กันยายนนี้

(29 พ.ค.67) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ดาวเทียมไม้ดวงแรกของโลก ที่มีทรงลูกบาศก์ พัฒนาโดยทีมนักวิจัยญี่ปุ่น มีกำหนดจะถูกจรวดขนส่งของบริษัท สเปซเอ็กซ์ ส่งขึ้นสู่อวกาศในเดือนกันยายนนี้

ดาวเทียมไม้ดวงแรกนี้ ได้รับการตั้งชื่อว่า ดาวเทียม LignoSat ทำจากไม้จากต้นแมกโนเลีย มีขนาดกว้างคูณยาวเพียง 10 เซนติเมตร ได้รับการพัฒนาโดยทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต ร่วมกับบริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสตรี ถูกคาดหมายว่าจะเผาไหม้โดยสมบูรณ์เมื่อกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกอีกครั้ง ซึ่งผู้พัฒนาคาดหวังว่าด้วยวิธีการนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการใช้ดาวเทียมที่สร้างจากอนุภาคโลหะ ซึ่งอาจก่อผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและการโทรคมนาคม

‘ดาวเทียมที่ไม่ได้ทำจากโลหะควรกลายเป็นกระแสหลัก’ ทาคาโอะ โดอิ นักบินอวกาศและศาสตราจารย์พิเศษแห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต กล่าวในการแถลงข่าวเปิดตัวดาวเทียมไม้ดวงแรกของโลก

ทีมผู้พัฒนามีแผนที่จะมอบดาวเทียมไม้ดวงนี้ให้กับองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) ในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นจะถูกส่งขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวดขนส่งของสเปซเอ็กซ์ ที่ศูนย์อวกาศเคนเนดี้ ในเดือนกันยายน เพื่อมุ่งหน้าสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ต่อไป

จากสถานีไอเอสเอส ดาวเทียมไม้ LignoSat จะถูกปล่อยจากโมดุลทดลองของญี่ปุ่นบนไอเอสเอส ที่จะทำการทดสอบความแข็งแรงและความทนทานของดาวเทียมไม้ดวงแรกนี้

“ข้อมูลจากดาวเทียมไม้จะถูกส่งกลับมายังทีมนักวิจัยที่สามารถตรวจสอบสัญญาณของแรงตึงและดูว่าดาวเทียมสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิครั้งใหญ่ได้หรือไม่” โฆษกหญิงของบริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสตรี กล่าว

‘ศาลจีน’ สั่งประหารชีวิต ‘ไป๋ เทียนฮุย’ อดีตผู้จัดการใหญ่สถาบันการเงิน ฐานรับสินบน 1.1 พันล้านหยวน ตามบรรทัดฐาน รบ.จีน ‘โกง=ประหาร’

ศาลนครเทียนจินได้อ่านคำตัดสิน พิพากษาประหารชีวิต ‘ไป๋ เทียนฮุย’ อดีตผู้จัดการใหญ่บริษัท China Huarong International Holdings หนึ่งในสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของรัฐบาลจีน ด้วยข้อหารับสินบนก้อนโตถึง 1.1 พันล้านหยวน (ประมาณ 5.5 พันล้านบาท) 

‘ไป๋ เทียนฮุย’ เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปให้กับ Huarong Asset Management ที่เป็นบริษัทจัดการหนี้เสียในเครือ China Huarong และได้ถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริงในข้อหารับสินบน โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาในการแอบอ้าง รับผลประโยชน์และข้อเสนอพิเศษจากการซื้อ-ขายโครงการก่อสร้างต่าง ๆ และการจัดหาเงินทุนให้กับองค์กร นับรวมมูลค่าเงินสินบนที่เขาได้รับนั้นสูงถึง 1.1 พันล้านหยวน 

และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการไต่สวนคดีทุจริตของผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง China Huarong 

ย้อนกลับไปในปี 2018 มีข่าวการจับกุม ‘ไล่ เสี่ยวหมิน’ ประธานใหญ่ของบริษัท Huarong Asset Management ในข้อหารับสินบน ฉ้อโกง และ คบชู้ มาแล้ว

และหลังจากตรวจค้นอพาร์ตเมนต์หรูของ ‘ไล่ เสี่ยวหมิน’ ในกรุงปักกิ่ง ตำรวจจีนพบเงินสดกว่า 200 ล้านหยวนซุกอยู่ในตู้กับข้าว นอกจากนี้ยังพบว่า เขาได้ซุกซ่อนทองคำแท่ง รถหรู สินค้าแบรนด์เนม และเงินสดในธนาคารโดยใช้บัญชีชื่อแม่ของเขามากถึง 100 ล้านหยวน 

และได้กระจายทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ให้กับภรรยาเก็บที่เขาเคยมีสัมพันธ์ด้วยถึง 100 คน ที่ทำให้ประธานใหญ่ของสถาบันการเงินฉาวแห่งนี้ถูกตัดสินประหารชีวิต ด้วยข้อหาทุจริต รับสินบนรวมมูลค่าถึง 1.79 พันล้านหยวนในช่วงเวลา 10 ปีที่เขาดำรงตำแหน่ง พ่วงด้วยข้อหาคบชู้กับหญิงสาวจำนวนมาก

ไล่ เสี่ยวหมิน ถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2021 หลังจากที่ศาลเทียนจินตัดสินคดีเขาถึงที่สุดเพียง 24 วัน

คดีของ ไล่ เสี่ยวหมิน และ การทุจริต China Huarong เป็นหนึ่งในนโยบายปราบปรามการคอร์รัปชันในแวดวงธุรกิจการเงินของ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่มักถูกมองเป็นแวดวงของกลุ่มผู้มีอิทธิพลสูงในรัฐบาลจีน 

ซึ่งแผนการปราบโกงในแวดวงกลุ่มคนธนาคารก็มีทั้งผู้สนับสนุนให้รัฐบาลจีนกวาดล้างการคอร์รัปชันในระบบให้เด็ดขาด และกลุ่มผู้ต่อต้าน ที่มองว่า ‘สี จิ้นผิง’ ใช้นโยบายปราบโกงเป็นเครื่องมือประหารขั้วตรงข้ามทางการเมืองของเขา 

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พายุในแวดวงสถาบันการเงินจีนยังไม่จบง่าย ๆ เมื่อทางการจีนได้ออกหมายจับกุม ‘ไป๋ เทียนฮุย’ อดีตผู้จัดการใหญ่ของ China Huarong ด้วยข้อหาทุจริต รับสินบนในวงเงินระดับพันล้านหยวนเช่นกัน และได้ถูกตัดสิน ณ ศาลของนครเทียนจินด้วยโทษประหารชีวิต ไม่ต่างจากคดีของประธานบริษัทเมื่อ 3 ปีก่อน 

นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารสถาบันการเงินจีน ที่ถูกดำเนินคดีทุจริตอีกหลายคนในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน อาทิ หลิว เหลียงเก๋อ ประธานธนาคาร Bank of China ที่ออกมารับสารภาพหลังถูกสอบสวนว่าเขาเคยรับสินบน และปล่อยสินเชื่ออย่างผิดกฎหมาย และล่าสุด ‘หลี เสี่ยงเผิง’ ประธานใหญ่บริษัท Everbright Group ก็กำลังถูกสอบสวนดำเนินคดีจากการกระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงหลายข้อหาอยู่ในขณะนี้ 

ด้านผู้นำระดับสูงในคณะรัฐบาลจีนได้ประกาศในที่ประชุมโปลิตบูโร เมื่อวันจันทร์ (27 พ.ค. 67) ที่ผ่านมาว่า เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านการเงิน ผู้ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างซื่อตรง ต้องถูกตรวจสอบ และ ถูกลงโทษอย่างรุนแรง 

และกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบยุติธรรมจีนว่า ‘โกง = ประหาร’ ที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่งในสายตาคนนอกประเทศ

‘เกาหลีเหนือ’ ปล่อย ‘ลูกโป่งติดขยะ’ ลอยเข้า ‘เกาหลีใต้’ 150 ลูก ตอบโต้เอาคืน!! หลังโดนโสมขาวส่งใบปลิวต่อต้านรัฐบาลมาให้

(29 พ.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพเกาหลีใต้แถลงวันนี้ว่า เกาหลีเหนือได้ส่งลูกโป่งหิ้วขยะมากกว่า 150 ลูกลอยข้ามพรมแดนเข้ามาในเกาหลีใต้ หลังจากเกาหลีเหนือเตือนว่า จะตอบโต้ที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ส่งลูกโป่งติดใบปลิวต่อต้านรัฐบาลเกาหลีเหนือลอยข้ามพรมแดนเข้าไปในเกาหลีเหนือ

ด้านคณะเสนาธิการร่วมหรือเจซีเอส (JCS) ของเกาหลีใต้แถลงว่า นับตั้งแต่คืนวันอังคารที่ผ่านมา ลูกโป่งเหล่านี้ได้ลอยข้ามพรมแดน 2 เกาหลีกระจายไปยังหลายพื้นที่ทั่วเกาหลีใต้ โดยลอยไปไกลที่สุดถึงจังหวัดคยองซังใต้ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ และเมื่อตกถึงพื้นก็ทำให้ขยะที่ติดมากับลูกโป่งกระจายเกลื่อนพื้น การกระทำของเกาหลีเหนือละเมิดกฎหมายสากลอย่างชัดเจน และคุกคามความปลอดภัยของประชาชนเกาหลีใต้ ขอเตือนเกาหลีเหนืออย่างจริงจังให้ยุติการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและหยาบช้า

เจซีเอสแนะนำประชาชนอย่าแตะต้องลูกโป่งและขยะที่ผูกติดมา โดยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจใกล้เคียง และเตือนว่าลูกโป่งเหล่านี้อาจสร้างความเสียหายได้หากตกลงมาใส่ ดังที่เคยทำให้ยวดยานและหลังคาบ้านเสียหายในปี 2559 เจซีเอสจะร่วมกับตำรวจและรัฐบาลหามาตรการรักษาความปลอดภัย และกำลังประสานงานกับกองบัญชาการสหประชาชาตินำโดยสหรัฐที่ดูแลความเคลื่อนไหวในเขตปลอดทหารที่แบ่ง 2 เกาหลี

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะส่งกองขยะและเศษกระดาษข้ามพรมแดนเพื่อตอบโต้ที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ส่งลูกโป่งติดใบปลิวชักชวนให้ชาวเกาหลีเหนือลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาล เกาหลีเหนือเรียกร้องมาโดยตลอดให้เกาหลีใต้ยุติการกระทำนี้

‘จีน’ เปิดตัว ‘หุ่นยนต์สุนัขติดไรเฟิล’ ระหว่างซ้อมรบกับต่างชาติ ตอกย้ำ!! เทคโนโลยีสงครามของประเทศก้าวหน้าไประดับหนึ่ง

(29 พ.ค. 67) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ในระหว่างการซ้อมรบ Golden Dragon 2024 ของกองทัพกัมพูชา และจีน กองทัพจีนได้เปิดตัว ‘หุ่นยนต์สุนัข’ ที่ติดตั้งอาวุธปืนไรเฟิลอัตโนมัติไว้ที่หลัง ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้เปลี่ยนเพื่อนรักแสนรู้ของมนุษย์ ไปอยู่ในรูปแบบของ ‘เครื่องจักรสังหาร’

‘เฉิน เว่ย’ ทหารจากกองทัพจีน กล่าวผ่านวิดีโอการซ้อมรบที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวซีซีทีวีของรัฐบาลจีนว่า

ในการเปิดตัวหุ่นยนต์สุนัข กองทัพจีนได้แสดงให้เห็นว่า หุ่นยนต์นี้สามารถเดิน กระโดด นอน และเดินถอยหลังได้ ภายใต้การควบคุมของรีโมตสั่งการ

นอกจากนี้ ในการซ้อมรบ กองทัพจีนยังได้เปิดตัวปืนไรเฟิลอัตโนมัติที่ติดตั้งอยู่ใต้โดรนแบบ 6 ใบพัด แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของอุปกรณ์อัจฉริยะที่ไร้มนุษย์ควบคุมของจีน

แน่นอนว่าหุ่นยนต์สุนัขที่ใช้ทางทหาร และโดรนติดตั้งอาวุธนี้ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่รายงานของซีซีทีวีตอกย้ำว่า สุนัขอิเล็กทรอนิกส์แบกปืนไรเฟิลของจีน มีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมระหว่างกองทัพจีน และชาติอื่น ๆ มากขึ้น อาทิ กองทัพกัมพูชา กองทัพลาว กองทัพมาเลเซีย กองทัพไทย และกองทัพเวียดนาม

อีกทั้งยังดูเหมือนว่า หุ่นยนต์สุนัขนี้จะได้รับการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักมากมาย เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าของกองทัพปลดปล่อยประชาชน และหุ่นยนต์ชนิดนี้ปรากฏอยู่ในโซเชียลมีเดียของจีนมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี

ตามข้อมูลของโกลบอลไทม์ส สื่อรัฐบาลจีน ระบุว่า การปรากฏของหุ่นยนต์สุนัขสังหารในการฝึกซ้อมร่วมกับกองทัพต่างชาติบ่งชี้ถึงการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน

นักวิชาการคนหนึ่งเผยกับโกลบอลไทม์สว่า “ปกติแล้ว อุปกรณ์ใหม่ ๆ จะไม่นำมาร่วมฝึกซ้อมกับประเทศอื่น ดังนั้น หุ่นยนต์สุนัขจะต้องมีความพร้อมทางเทคนิคในระดับหนึ่งแล้ว”

เวียนว่าย!! เมื่อ 'บัตรชมพู' ทำให้ 1 ชีวิตมีหลายตัวตน 'ประวัติเสีย-หนีคดี' รอดหมด!! หากคดีไม่จรดมาถึงเมืองไทย

ในบทความครั้งที่แล้ว เอย่า ได้กล่าวถึงการฟอกขาวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ในความเป็นจริงการฟอกขาวแบบนี้เกิดขึ้นมานานแล้วในประเทศไทย

ในอดีตการฟอกขาวทำได้ยาก เนื่องจากคนที่อยากฟอกขาวจริง ๆ คือ เข้ามาสวมบัตรคนตายเป็นส่วนใหญ่ และรัฐบาลไทยเองก็มีการประกาศขึ้นทะเบียนคนต่างด้าวเป็นช่วง ๆ แต่ปัจจุบันการฟอกขาวทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคพลเอกประยุทธ์ที่ให้ขึ้นทะเบียนแรงงานคนต่างด้าว 

แม้การขึ้นทะเบียนจะเป็นสิ่งที่ดีต่อประเทศไทย โดยการให้คนต่างด้าวที่แอบพักอาศัยในไทยมาขึ้นทะเบียนซะ เพื่อจะได้จัดเก็บอย่างเป็นระบบ แต่ทว่าในระบบดังกล่าวกลับยังมีช่องโหว่ที่ให้คนลักลอบหาผลประโยชน์ด้วยความที่ฝั่งไทยไม่ได้มีการตรวจเช็กว่าบุคคลนี้เคยทำบัตรชมพูมาหรือไม่

หลายคนพอบัตรหมดอายุ ก็เลือกจะไม่ไปต่ออายุด้วยเหตุผลหลายประการ แต่ประการหนึ่งที่เอย่าทราบคือ พวกเขาไม่ได้เดือดร้อนที่บัตรชมพูจะมีอายุหรือหมดอายุ เพราะว่าสุดท้ายทางไทยก็เปิดทำบัตรใหม่ ซึ่งเขาก็ใช้ชื่อใหม่หรือคำสะกดที่ใกล้เคียงคำเดิมไปออกบัตรใบใหม่ โดยที่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยไม่มีการเช็กประวัติอะไรเลย

นั่นคงไม่ได้มีปัญหาอะไรถ้าปัจจุบันมีชาวต่างชาติที่หลบหนีเข้ามาอาศัยในไทยเป็นจำนวนมาก หลายคนพักพิงในย่านชุมชนเมียนมาในประเทศไทยรอวันที่จะมาทำบัตร เมื่อทำบัตรแล้ว คนเหล่านี้ก็จะมีตัวตนสามารถหางานทำได้อย่างถูกต้อง แม้ว่าเขาจะเคยมีประวัติเสียหรือมีคดีมาจากประเทศต้นทางก็ตาม หากคดีไม่ได้มาถึงไทยก็เท่ากับว่าคนเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าพวกเขาจะก่อเรื่องในไทย

ถามว่านี่มันแฟร์กับคนไทยอย่างงั้นหรือ...?

เอย่าเข้าใจภาคแรงงานที่ต้องการแรงงานต้นทุนต่ำมาทำงานเพื่อลดต้นทุน อย่างไรก็ตามมาตรการในการควบคุมผู้เข้ามาอยู่ในไทย ก็ควรมีมาตรฐานด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ 1 ชีวิตมีหลายตัวตน จนฟอกขาวกลายเป็นคนไทยได้ในที่สุด

'จีน-ญี่ปุ่น' พร้อมเดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ จับมือขับเคลื่อนหลากมิติ เพื่อผลประโยชน์ 2 ประเทศ

เมื่อวานนี้ (27 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เรียกร้องให้ญี่ปุ่นทำงานร่วมกับจีนในทิศทางเดียวกัน และดำเนินตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุโดยผู้นำสองประเทศ

ทั้งนี้ ระหว่างการพบปะกับ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกรอบการประชุมสุดยอดไตรภาคีจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 9 โดยหลี่แสดงความหวังว่าทั้งสองประเทศจะเดินหน้าเสริมสร้างความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ดำเนินความร่วมมืออย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น จัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสม และสร้างความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์และมีเสถียรภาพซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดในยุคสมัยใหม่

หลี่กล่าวว่าสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และคิชิดะได้บรรลุฉันทามติสำคัญระหว่างการพบปะกันในนครซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยทั้งสองยืนยันจุดยืนของการเดินหน้าความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์และที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและญี่ปุ่นอย่างครอบคลุมรอบด้าน ซึ่งส่งมอบการชี้นำทางการเมืองที่สำคัญสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี

หลี่ระบุว่าประวัติศาสตร์และไต้หวันเป็นประเด็นสำคัญของหลักการที่เกี่ยวข้องกับรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น รวมถึงประเด็นพื้นฐานอย่างความเชื่อและความซื่อสัตย์ โดยปัญหาไต้หวันถือเป็นแกนกลางของผลประโยชน์หลักของจีน และเป็นเส้นแดงของจีน

หลี่เผยว่าจีนหวังว่าญี่ปุ่นจะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา พร้อมสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง

หลี่กล่าวว่าการพัฒนาของจีนและญี่ปุ่นนับเป็นโอกาสสำคัญของทั้งสองฝ่าย ปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนและญี่ปุ่นมีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด นำผลประโยชน์ที่จับต้องได้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ พร้อมเสริมว่าความเกื้อกูลทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและญี่ปุ่นจะคงอยู่ต่อไปอีกเนิ่นนาน อีกทั้งยังคงมีศักยภาพมหาศาลสำหรับความร่วมมือในด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสำรวจตลาดแห่งที่สามอื่น ๆ

ขณะเดียวกัน หลี่กล่าวว่าจีนและญี่ปุ่นควรช่วยเหลือกันและกันให้ประสบความสำเร็จ ร่วมรักษาห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานที่มีเสถียรภาพและไร้อุปสรรค รวมทั้งปกป้องระบบการค้าเสรีทั่วโลก โดยจีนยินดีที่จะเดินหน้าดำเนินการแลกเปลี่ยนฉันมิตรกับญี่ปุ่นในด้านต่าง ๆ ผ่านหลายช่องทาง ณ ระดับที่หลากหลายต่อไป พร้อมเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและการแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่อย่างแข็งขัน เพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนจากสาธารณชนสำหรับความร่วมมือฉันมิตรจีน-ญี่ปุ่น

หลี่กล่าวว่าการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะส่งผลต่อสุขภาพของมนุษยชาติ สภาพแวดล้อมทางทะเลทั่วโลก และผลประโยชน์สาธารณะระหว่างประเทศ พร้อมระบุว่าจีนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายสำคัญ รัฐบาลและประชาชนจีนกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างมาก ซึ่งจีนหวังว่าญี่ปุ่นจะแสดงความจริงใจและทัศนคติที่สร้างสรรค์ในประเด็นดังกล่าว เช่น การจัดให้มีการเฝ้าติดตามระหว่างประเทศในระยะยาว การแก้ไขข้อกังวลอันชอบด้วยกฎหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างจริงจัง ตลอดจนการปฏิบัติตามความรับผิดชอบและพันธกรณีของตนอย่างกระตือรือร้น

ด้านคิชิดะกล่าวว่าการรักษาแรงขับเคลื่อนการพัฒนาที่ดีของความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีนไม่เพียงแต่เอื้อประโยชน์ต่อทั้งประเทศ แต่ยังเอื้อประโยชน์ต่อโลกอีกด้วย ญี่ปุ่นพร้อมที่จะทำงานร่วมกับจีนเพื่อปฏิบัติตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุโดยผู้นำสองประเทศ รักษาการแลกเปลี่ยนระดับสูง เสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่าง ๆ อาทิ เศรษฐกิจสีเขียว การดูแลทางการแพทย์ ตลาดแห่งที่สามอื่นๆ รวมถึงเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนบุคลากร กระชับความร่วมมือระดับภูมิภาคอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตลอดจนร่วมกันจัดการการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และประเด็นอื่นๆ ทั่วโลก

นอกจากนั้น คิชิดะเผยว่าญี่ปุ่นยังยินดีที่จะสร้างความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีนที่สร้างสรรค์และมีเสถียรภาพอย่างแข็งขัน ยกระดับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์และที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและญี่ปุ่นอย่างครอบคลุมรอบด้าน รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีในระยะยาว

คิชิดะกล่าวว่าญี่ปุ่นยึดมั่นในจุดยืนของตนต่อปัญหาไต้หวันตามที่ระบุในแถลงการณ์ร่วมญี่ปุ่น-จีนซึ่งลงนามเมื่อปี 1972 และสิ่งนี้ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างการเจรจาและการสื่อสารในทุกระดับ จัดการเจรจาทางเศรษฐกิจระดับสูงจีน-ญี่ปุ่น และการประชุมกลไกการปรึกษาการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประชาชนระดับสูงรอบใหม่ในเวลาที่เหมาะสม เดินหน้าส่งเสริมการปรึกษาหารือและการเจรจาเกี่ยวกับการปล่อยน้ำปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้าฯ บนพื้นฐานความคืบหน้าที่มีอยู่ และรักษาการสื่อสารและการประสานงานในด้านกิจการระหว่างประเทศและภูมิภาค

อนึ่ง ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นระหว่างประเทศและภูมิภาคที่เป็นข้อกังวลร่วมกันด้วย

ค่าเงินพม่ายวบ จาก ‘1,500’ มาอยู่ที่ ‘4,400’ จ๊าดต่อดอลลาร์  สะท้อนความมั่งคั่งของคนพม่ากำลังลดลง 3 เท่าตัว 

(28 พ.ค.67) จากเพจ 'สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ค่าเงินจ๊าดพม่าหายไป 2 เท่าในห้วงเวลา 3 ปี จากมกราคม 2021 ถึงปัจจุบัน จาก 1,500 จ๊าดต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ 4,400 จ๊าดต่อดอลลาร์ แค่ช่วง 5 เดือนของปีนี้ค่าเงินจ๊าดอ่อนลงไปอีก 20%

คนไทยอยู่กันสบายมากแล้ว พร้อมทั้งแชร์ข้อความจากผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก 'Jojoe Sue' ที่โพสต์รายละเอียดเพิ่มเติมไว้ว่า “แหละแล้วสิ่งที่คาดการณ์ไว้ก้อมาถึง แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาถึงไวกว่าที่คาดการณ์ไว้” 

เตือนเพื่อนคนพม่าไปหลายคนให้ระวังค่าเงิน 2 ช่วง

1. ช่วงแรกเดือนพฤษภาถึงมิถุนา

2. ช่วงที่สองเดือนกรกฎาถึงกันยา

ต้นเดือนมกรา ค่าเงินพม่าอยู่ที่ 99 จ๊าดต่อบาท วันนี้ได้ยินว่าไป 120 จ๊าดต่อบาท หรือประมาณ 4,400 จ๊าดต่อดอลล์แหละ โดยเฉพาะเดือนนี้ต้นเดือนอยู่ที่ 107 จ๊าดต่อบาท เดือนเดียวค่าเงินพม่าอ่อนไป 13% 

สงสัยจะได้เห็น 5,000 จ๊าดต่อดอลล์ตามที่ได้ยินข่าวลือในช่วงที่สองแน่นอนแหละ น่าสงสารคนพม่า จะอยู่กันยังไง ตอนมกราปี 2021 ค่าเงินยังไม่ถึง 1,500 จ๊าดต่อดอลล์เลย ผ่านมา 3 ปีกว่า ค่าเงินไป 4,400 จ๊าด ขึ้นมาเกือบ 3 เท่า หมายถึงความมั่งคั่งของคนพม่าลดลง 3 เท่าตัว 

แต่ผมยังเชื่อว่าพม่าจะกลับมาได้ เพราะประเทศนี้เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ

ได้แต่รอวันนั้นครับ

นักแสดงหนุ่มถูกยิงดับ เพื่อหยุดโจรไม่ให้ขโมยรถ สะท้อนปัญหาใหญ่แห่งมหานครลอสแอนเจลิส

(28 พ.ค. 67) เพจ 'BrandThink' ได้เผยรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า ‘จอห์นนี แวกเตอร์’ (Johnny Wactor) นักแสดงหนุ่มชาวอเมริกัน ถูกยิงเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 37 ปี ในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะพยายามเข้าไปหยุดโจรไม่ให้ขโมยชิ้นส่วนรถยนต์ จากรถของเขาในช่วงเช้าของวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ตามรายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณหัวมุมถนนเวสต์พิโกบูเลอวาร์ดและถนนเซาท์โฮปสตรีท ในย่านดาวน์ทาวน์ของมหานครลอสแอนเจลิส โดยเกิดขึ้นขณะที่แวกเตอร์กําลังกลับไปที่รถหลังจากเลิกงาน แล้วพบว่ามีชายคนหนึ่งกําลังทำอะไรบางอย่างกับรถของเขา ซึ่งขณะนั้นแวกเตอร์คิดว่าชายผู้นี้อาจไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร จึงเดินเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วจู่ ๆ ชายคนนี้ก็กลับชักปืนขึ้นมายิงไปที่นักแสดงหนุ่มทันที ก่อนจะหลบหนีไปพร้อมกับโจรอีกสองราย ที่ขณะนี้ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้

ด้าน ‘สการ์เลตต์ แวกเตอร์’ ผู้เป็นแม่ของนักแสดงหนุ่มให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เธอรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก เพราะสิ่งที่พวกโจรกระทำกับลูกของเธอ เป็นการกระทำที่ ‘ไร้หัวใจ’ ในขณะที่ ‘แกรนด์ แวกเตอร์’ น้องชายของอดีตนักแสดงระบุว่า ในวันที่เกิดเหตุนั้นแวกเตอร์ได้ไปทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านแห่งหนึ่ง และกำลังเดินไปส่งเพื่อนร่วมงานหญิงที่รถของเธอ สำหรับเขา พี่ชายเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เขาเคยรู้จัก เพราะไม่ว่าเขาจะพูดหรือฟังอะไรก็ตาม เขาจะทำสิ่งนั้นออกมาจากใจจริง ๆ 

ทั้งนี้สำหรับ จอห์นนี่ แวกเตอร์ ถือเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย เพราะได้ฝากผลงานการแสดงทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ รวมทั้งสิ้นกว่า 44 เรื่อง โดยบทที่ทำให้เขาโด่งดังคือการแสดงเป็น ‘แบรนโด คอร์บิน’ (Brando Corbin) ในละครเรื่อง ‘General Hospital’ ที่ฉายทางสถานีโทรทัศน์ ABC ของอเมริกา โดยเรื่องนี้ได้รับการจดทะเบียนใน Guinness World Records ว่าเป็นละครอเมริกันที่ออกอากาศยาวนานที่สุดในโลก (ออกฉาย 61 ตอน) ซึ่งผลงานที่มากมายเช่นนี้ ทำให้แฟนคลับของเขาเสียใจอย่างมากที่อนาคตของนักแสดงหนุ่มต้องมาดับไปภายในเพียงเสี้ยววินาที จากฝีมือของโจรไร้ศีลธรรมและไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม 

อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของแวกเตอร์นี้ ได้สะท้อนปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่ได้สักทีของมหานครลอสแอนเจลิส อย่างปัญหาเรื่อง ‘อาชญากร’ ที่ทำให้เมืองนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่อันตรายมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2023 ที่ผ่านมานั้น จากสถิติพบว่าอัตราการก่ออาชญากรรมต่อทรัพย์สินในนครลอสแอนเจลิสอยู่ที่ 27.53 ต่อประชากร 1,000 คน และมีจำนวนอาชญากรรมรุนแรงที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 32,000 ครั้งต่อปี เลยทีเดียว 

และในส่วนตัวเลขของอาชญากรรมต่อทรัพย์สินนั้น มีแนวโน้มสูงขึ้นจากปี 2022 ถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ และตัวเลขด้านการโจรกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ โดยมีทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปแล้วรวมมูลค่ากว่า 150,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 5.5 ล้านบาท แต่กลับจับกุมผู้ต้องหาได้เพียง 128 ราย และยึดอาวุธปืนได้ 15 กระบอกจากทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์หลังจากนี้ของลอสแอนเจลิสจะเป็นเช่นไร ก็เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายเป็นกังวลและเรียกร้องให้รัฐแคลิฟอร์เนียออกมาจัดการกับปัญหานี้อย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที

หนุ่มจีนดับ หลัง ‘ดื่มน้ำอัดลม 1.5 ลิตร’ 10 นาทีหมดขวด แพทย์เผย มีก๊าซสะสมในลำไส้ จนนำไปสู่ ‘ตับวายเฉียบพลัน’

(28 พ.ค. 67) วันที่ 27 พ.ค.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วารสารการแพทย์ ‘肝臟病學與胃腸病學的臨床與研究’ ตีพิมพ์กรณีการเสียชีวิตของหนุ่มชาวจีนวัย 22 ปี ซึ่งมีสาเหตุการเสียชีวิตที่หาได้ยาก โดยผู้เสียชีวิตรายนี้ ดื่มน้ำอัดลม 1.5 ลิตร ต่อมามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงใน 6 ชั่วโมง และเสียชีวิต 18 ชั่วโมงหลังการรักษา อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชาวอังกฤษ เชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ชายคนนี้จะเสียชีวิตจากการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป

ผลการศึกษากรณีดังกล่าวถูกตีพิมพ์โดยแพทย์ชาวจีนในวารสารระบุว่า หนุ่มวัย 22 ไม่มีโรคประจำตัว ดื่มน้ำอัดลม 1.5 ลิตร ใน 10 นาที เนื่องจากอากาศร้อนและกระหายน้ำ โดย 6 ชั่วโมงหลังจากดื่มเขารู้สึกท้องบวมและปวดอย่างรุนแรง จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา ผลตรวจเบื้องต้นพบว่ามีอาการหัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ และหายใจลำบาก ผลแอกซเรย์แสดงให้เห็นว่าเนื่องจากเขาดื่มน้ำอัดลมเร็วเกินไป ก๊าซจึงสะสมอยู่ในลำไส้ และรั่วเข้าไปในหลอดเลือดดำพอร์ทัล ซึ่งเป็นหนึ่งในหลอดเลือดหลักของตับ ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง

ต่อมา ชายคนดังกล่าวมีอาการขาดเลือดในตับ ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า ‘ตับวายเฉียบพลัน’ มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจนไปยังอวัยวะต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์พยายามปล่อยก๊าซออกจากระบบย่อยอาหารของเขา และใช้ยาเพื่อควบคุมตับและอวัยวะอื่น ๆ ไม่ให้ได้รับความเสียหายเพิ่มเติม แต่อาการของเขายังคงแย่ลงเรื่อย ๆ กระทั่งเสียชีวิตใน 18 ชั่วโมงหลังได้รับการรักษา

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Daily Mail รายงานเกี่ยวกับกรณีนี้โดยอ้างอิงจากความคิดเห็นของ ‘นาธาน เดวีส์’ นักชีวเคมีจากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน เชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะ เสียชีวิตจากการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป พร้อมชี้ให้เห็นว่า "ความน่าจะเป็นที่จะเสียชีวิตจากการดื่มเครื่องดื่มทั่วไป 1.5 ลิตร หรือมากกว่า 3 ไพนต์เล็กน้อยนั้น เรียกได้ว่าน้อยมากเลยทีเดียว เชื่อว่าผู้ชายคนนี้อาจเสียชีวิตจากการติดเชื้อ"

เดวิสอธิบายเพิ่มเติมว่า แบคทีเรียอาจก่อตัวเป็นถุงก๊าซในผนังลำไส้แล้วรั่วไหลไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย และการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมในปริมาณมากอาจทำให้อาการแย่ลงได้ แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักของการเสียชีวิตของเขา 

"แน่นอนว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพฟัน นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด การดื่มเครื่องดื่มอัดลมมาก ๆ จะส่งผลต่อการสร้างแร่ธาตุของกระดูก แต่เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำตาลของคน การดื่มเครื่องดื่มอัดลมทุกวันแทบไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ" และเมื่อพิจารณาจากการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมทั่วโลกแล้ว หากสามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้จริง ก็ควรมีกรณีที่คล้ายกันมากกว่านี้

‘นางแบบเวเนซุเอลา’ ถูกรถไฟดูดร่าง ดับสลดที่เม็กซิโก หลังพยายามถ่ายรูป ให้มีรถไฟแล่นผ่านเป็นฉากหลัง

เมื่อวานนี้ (27 พ.ค.67) นสพ.The Sun ของอังกฤษ รายงานข่าว Model, 30, killed after clothes became tangled in passing high-speed train during photoshoot near tracks in Mexico ซึ่งระบุว่า ที่ประเทศเม็กซิโก เกิดอุบัติเหตุรถไฟชนคนเสียชีวิต โดยผู้ตายคือ ซินเธีย นาเยลี ฮิกาเรดา เบอร์เมโฮ (Cinthya Nayeli Higareda Bermejo) อายุ 30 ปี นางแบบสาวชาวเวเนซุเอลา เหตุเกิดที่บริเวณในเมืองซาโกอัลโก เดอ ตอร์เรส ใกล้เมืองกวาดาลาฮารา ทางภาคตะวันตกของเม็กซิโก

โดยรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้เข้าไปยืนใกล้กับรางรถไฟ โดยหวังจะถ่ายภาพตนเองให้มีรถไฟแล่นผ่านเป็นฉากหลัง กระทั่งเมื่อรถไฟแล่นมาด้วยความเร็วสูง ได้เกิดแรงลมดูดเสื้อผ้าพร้อมดึงร่างของผู้ตายเข้าไป ส่งผลให้ถูกรถไฟชนเสียชีวิตดังกล่าว โดยหน่วยกู้ภัยได้นำร่างของนางแบบสาวรายนี้ส่งไปชันสูตร ก่อนจะมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ขณะที่ โจอาคิน เมนเดซ รุยซ์ (Joaquin Mendez Ruiz) อัยการรัฐฮาลิสโก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองซาโกอัลโก เดอ ตอร์เรส กล่าวว่า จากคำให้การของผู้เห็นเหตุการณ์ เบื้องต้นชี้ว่าคดีนี้เป็นอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ยังมีการสืบสวนเพิ่มเติม

ขณะที่ Enstarz สำนักข่าวออนไลน์ในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเน้นเสนอข่าวบันเทิง รายงานข่าว Model Killed After Clothes Get Tangled In High-Speed Train During Photoshoot ระบุว่า เหตุสลดที่เกิดขึ้นกับนางแบบสาววัย 30 ปี ชาวเวเนซุเอลารายนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

‘สหรัฐฯ’ อ่วม!! เจอ ‘พายุทอร์นาโด’ ถล่ม 4 รัฐตอนกลาง คร่าชีวิตไป 18 ศพ ด้านศูนย์พยากรณ์ฯ เตือน!! จะรุนแรงขึ้นอีก

(27 พ.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 18 คน เป็นเด็ก 4 คน หลังจากพายุทอร์นาโดพัดกระหน่ำ 4 รัฐที่อยู่ทางตอนกลางของสหรัฐ มีรายงานผู้เสียชีวิต 7 คนในรัฐเท็กซัสเมื่อพายุพัดกระหน่ำเมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 4 คน ขณะที่รัฐอาร์คันซอมีผู้เสียชีวิต 8 คน ผู้ว่าการรัฐได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการท้องถิ่น ส่วนที่รัฐเคนทักกีมีผู้เสียชีวิต 1 คน และที่รัฐโอคลาโฮมามีผู้เสียชีวิต 2 คน ได้รับบาดเจ็บ 23 คน

ผู้คนในสหรัฐประมาณ 109 ล้านคนยังคงเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันเมโมเรียลเดย์ (Memorial Day) ซึ่งเป็นวันเชิดชูทหารที่รับใช้ชาติและตรงกับวันจันทร์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคมคือวันที่ 27 พฤษภาคมตามเวลาท้องถิ่น ศูนย์พยากรณ์พายุเตือนในขณะที่พายุหลายลูกกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกว่า จะเกิดทอร์นาโดรุนแรง ลูกเห็บขนาดใหญ่เท่าลูกเบสบอล และความเสียหายจากลมเป็นวงกว้าง

‘ซูนัค’ เล็งคืนชีพ ‘เกณฑ์ทหารภาคบังคับ’ หากชนะเลือกตั้งสมัย 2 หวังให้ ‘หนุ่ม-สาว’ เป็นกำลังสำคัญต่อสู้ภัยคุกคามจากนอกประเทศ

‘ริชี ซูนัค’ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมที่จะนำกฎหมายการเกณฑ์ทหารภาคบังคับกลับมาใช้อีกครั้งหากพรรคอนุรักษ์นิยมสามารถชนะการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 นี้ โดยยกเหตุจำเป็นผลด้านความมั่นคงเป็นหลักจากสถานการณ์ปัจจุบันที่อังกฤษกำลังเผชิญภัยคุกคามที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม

นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวผ่านสื่อเมื่อวันเสาร์ (25 พ.ค.67) ที่ผ่านมาว่า “ในสหราชอาณาจักรตอนนี้ คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ยังไม่เคยได้โอกาสที่พวกเขาสมควรได้รับ และมาตรการนี้จะช่วยให้สังคมอังกฤษมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้สถานการณ์โลกที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น”

ซึ่งผู้นำอังกฤษคาดหวังว่าการออกกฎหมายเกณฑ์ทหารใหม่ครั้งนี้จะสามารถส่งเสริมจิตวิญญาณแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความภาคภูมิใจในประเทศ ในกลุ่มคนหนุ่มสาวให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง

แผนบังคับการเกณฑ์ทหารใหม่นี้ จะกำหนดให้หนุ่ม-สาว ชาวอังกฤษ ที่มีอายุ 18 ปี มาลงทะเบียนเข้ารับการฝึกทหาร โดยแบ่งเป็น 2 โปรแกรมให้เลือกดังนี้

1. โปรแกรมอาสาสมัครชุมชน: กำหนดให้หนุ่มสาวทำงานอาสาสมัครในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สัปดาห์ละครั้งต่อเดือนเป็นเวลา 12 เดือน รวม 25 วัน ในหน่วยงานสาธารณะต่าง ๆ อาทิ สถานพยาบาล หน่วยดับเพลิง หน่วยฉุกเฉิน สำรวจ และ กู้ภัย และ หน่วยงานสาธารณะที่จำเป็นอื่น ๆ ในชุมชน 

2. โปรแกรมฝึกทหาร: เปิดรับสมัครจำนวน 3 หมื่นคน โดยการคัดเลือกคนหนุ่ม-สาว ที่หน่วยก้านดี มีทักษะไหวพริบ เพื่อฝึกฝนเพิ่มพูนความรู้ด้านโลจิสติกส์ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ การจัดซื้อจัดจ้าง หรือการตอบสนองต่อแผนปฏิบัติการพลเรือน

ริชี ซูนัค ย้ำว่า แผนการนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การฝึกทหารอย่างเดียว ‘หนุ่ม-สาว’ ส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดถูกส่งไปทำงานอาสาสมัครชุมชน เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะในโลกแห่งความเป็นจริง และมีโอกาสได้อุทิศตนทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติสักครั้งในชีวิต

พรรคอนุรักษ์ ต้นไอเดียนี้กล่าวว่า โครงการนี้นอกจากจะช่วยส่งเสริมทักษะ และหัวใจรักชาติของหนุ่มสาวอังกฤษแล้ว ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหนุ่ม สาวในวัยหัวเลี้ยว หัวต่อ ที่ยังไม่มีที่เรียน หรือยังว่างงาน ให้มาทดลองทำงานอาสาสมัคร ก็จะช่วยให้พวกเขาได้ใช้เวลาอย่างมีคุณค่า ได้รับแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และลดการก่อคดีอาชญากรรมของหนุ่มสาวได้

ถึงจะเรียกว่าเป็น ‘งานอาสาสมัคร’ แต่หนุ่มสาววัย 18 ต้องลงทะเบียนทุกคนตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาลจะจับใครส่งเข้าคุกเพราะไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรมการเกณฑ์ทหารภาคบังคับนี้ เพียงแต่จะติดประวัติขาดการเกณฑ์ทหารในฐานข้อมูลส่วนบุคคล ที่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีบทลงโทษอย่างไรในภายหน้า 

สำหรับที่อังกฤษ เคยมีการเกณฑ์ทหารภาคบังคับมาก่อนในช่วงปี 1947 - 1960 โดยกำหนดให้ชายอายุระหว่าง 17 - 21 ปี ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 18 เดือน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการบังคับเรียกเกณฑ์อีกและได้ลดขนาดกองทัพลงเรื่อย ๆ จาก 1 แสนนาย เหลือ 7.3 หมื่นนายในปัจจุบัน 

แต่นโยบายนี้ ถูกคัดค้านโดยพรรคแรงงานที่เป็นฝ่ายค้านว่า การออกกฎหมายเกณฑ์ทหารใหม่ของพรรคอนุรักษ์ในครั้งนี้ ต้องใช้งบประมาณสูงถึง 2.5 พันล้านปอนด์ ที่ต้องเจียดงบประมาณจากโครงการอื่น เช่น จากกองทุน UK Shared Prosperity Fund 1.5 พันล้านปอนด์ และ การไล่บี้เอาจากแผนปราบปรามการทุจริต หลบเลี่ยงภาษีอีก 1 พันล้านปอนด์ 

และจะกลายเป็นอีกหนึ่งนโยบายละลายน้ำพริกลงแม่น้ำของพรรคอนุรักษ์นิยม ที่ทำแล้วไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ หรือปัญหาหนี้เสียจากภาคอสังหาริมทรัพย์แต่อย่างใด แถมยังสร้างปัญหาให้เลวร้ายหนักลงไปอีก ด้วยการบั่นทอนกำลังพลในกองทัพ แทนที่จะได้จำนวนพลทหารที่เต็มใจเข้ารับการฝึกเต็มรูปแบบกลับต้องแบ่งงบประมาณไปลงให้กับโครงการจิตอาสา ที่ไม่รู้แน่ชัดว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ 

แต่ถึงจะมีเสียงคัดค้าน ด้านนายกรัฐมนตรี ริชี ซูนัค มุ่งมั่นตั้งใจว่าจะผลักดันนโยบายทหารเกณฑ์จิตอาสาภาคบังคับให้ได้ โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินผ่านการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงนี้

หากพรรคอนุรักษ์นิยมชนะการเลือกตั้ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ก็จะเริ่มโปรแกรมเกณฑ์ทหารรุ่นนำร่องได้ทันนี้ภายในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งจากฐานข้อมูลประชากรสหราชอาณาจักรพบว่า จะมีหนุ่ม-สาว ชาวอังกฤษในวัย 18 ปี ที่อาจต้องลงทะเบียนเข้าโครงการภาคบังคับนี้มากกว่า 7 แสนคนใน

ถือว่าเป็นโครงการใหญ่ระดับชาติของอังกฤษ ที่เป็นการเกณฑ์ทหารในรูปแบบงานอาสาสมัคร ซึ่งหลายประเทศในยุโรป อาทิ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก ก็มีรูปแบบการเกณฑ์ทหารในลักษณะใกล้เคียงกัน โดยกำหนดให้หนุ่ม-สาวต้องเข้ารับใช้ชาติในเครื่องแบบภายในระยะเวลาที่กำหนด ที่จะต้องผ่านการฝึกทหาร เพื่อสามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายในฐานะหน่วยสำรองหากเกิดสงคราม หรือสถานการณ์ฉุกเฉินได้

ทั้งนี้ หนุ่ม-สาวอังกฤษ วัย18 จะต้องไปลงทะเบียนเข้ากรมเกณฑ์ทหารหรือไม่ หลังเลือกตั้ง 4 กรกฎาคมนี้ รู้กัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top