Saturday, 18 May 2024
WORLD

‘คุณแม่ชาวจีน’ บังคับให้ลูกดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน หลังลูกชายดูแต่โทรทัศน์ ไม่รับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง

เด็กชายวัย 8 ขวบรายหนึ่งถูกพ่อแม่บังคับใช้ดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน ในบทลงโทษที่หนูน้อยรายนี้ดูทีวีมากเกินไป การสั่งสอนแบบรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ที่โหมกระพือประเด็นถกเถียงบนสื่อสังคมออนไลน์

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์อ้างอิงรายงานของสำนักข่าวจีนแผ่นดินใหญ่ Vista ระบุว่า เด็กชายไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ จากมณฑลหูหนาน ทางภาคกลางของจีน ถูกทิ้งให้อยู่บ้านเพียงลำพัง เนื่องจากพ่อแม่ออกไปข้างนอก และถูกขอให้ทำการบ้านให้เสร็จแล้วเข้านอนตอนเวลา 20.30 น.

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่กลับมาถึงบ้านในช่วงดึกคืนดังกล่าว แม่ของหนูน้อยพบว่าลูกชายยังทำการบ้านไม่เสร็จแถมยังไม่อาบน้ำ นอกจากนี้ แทนที่จะเข้านอน ลูกชายยังคงเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่ละสายตา

แม้ไม่นานหลังจากนั้น ลูกชายจะลุกเดินเข้าไปนอน แต่ผู้เป็นแม่ตามไปลากหนูน้อยลงจากเตียง กลับมายังห้องนั่งเล่น เปิดทีวีและบังคับให้ลูกชายดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน

ในตอนแรกเด็กชายยังคงดูโทรทัศน์อย่างสงบ มีท่าทีผ่อนคลาย กินขนมขบเคี้ยว เล่นแท็บแล็ตและนอนเอกเขนกบนโซฟา แต่พอหลายชั่วโมงผ่านไป หนูน้อยชักเบื่อหน่ายและเริ่มร้องไห้ตอน 02.00 น. มีอยู่ช่วงหนึ่งเด็กชายรายนี้แอบกลับไปที่เตียงเพื่อนอนหลับ แต่แม่จับได้ และบังคับให้เขากลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง และดูโทรทัศน์ต่อไป

พ่อและแม่เฝ้าดูลูกชายอยู่ตลอด โดยคนเป็นพ่อไม่ยอมให้ลูกหลับ คอยปลุกหนูน้อยให้ลืมตาตื่น และทั้ง 2 คนไม่ยอมให้ลูกชายเข้านอนจนกระทั่งถึงเวลา 05.00 น.

สื่ออังกฤษปูด ‘แอปเปิล’ สนใจซื้อสโมสรแมนยูฯ คาดตัวเลขซื้อขายอยู่ที่ 5,800 ล้านปอนด์

สะพัด ! ‘แอปเปิล’ ยักษ์เทค สนใจซื้อสโมสรดัง ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ หลังตระกูลเกลเซอร์ประกาศขายเมื่อต้นสัปดาห์ 

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 สื่อต่างประเทศรายงานว่า ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ‘แอปเปิล’ แสดงความสนใจที่จะซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากเจ้าของปัจจุบันคือตระกูลเกลเซอร์ประกาศขายสโมสรชื่อดังแห่งนี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่ามา

สื่ออังกฤษอย่าง ‘เดลีสตาร์’ อ้างว่า แอปเปิลอาจสนใจซื้อแมนฯยูไนเต็ดในราคา 5,800 ล้านปอนด์ (ประมาณ 251,076 ล้านบาท)

‘รัฐบาลสหรัฐฯ’ พร้อมหนุน ‘ยูเครน’ สู้รัสเซียสุดกำลัง แต่ ‘กองทัพสหรัฐฯ’ อยากให้เจรจายุติสงคราม

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘Thailand Vision’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และกองทัพสหรัฐฯ โดยระบุข้อความว่า…

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 สำนักข่าว CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กับกองทัพสหรัฐฯ กำลังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันสุดขั้ว ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศกับยูเครน โดยคณะเจ้าหน้าที่ความมั่นคงประจำเทียบขาว และกระทรวงต่างประเทศ ต้องการสนับสนุนให้ยูเครนสู้รบกับรัสเซียต่อไป ในขณะที่กองทัพสหรัฐฯ มองว่าควรผลักดันให้มีการเจรจาเพื่อยุติสงคราม

กองทัพสหรัฐฯ นำโดย พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ (Gen. Mark Milley) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสหรัฐฯ ได้พยายามเสนอนโยบายการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งผบ.สส.สหรัฐฯ ท่านนี้ พยายามผลักดันนโยบายดังกล่าวมาตลอดเกือบทั้งเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

‘อันวาร์ อิบราฮิม’ ขึ้นแท่นนายกฯ มาเลเซียคนใหม่ สางปัญหาเงินเฟ้อ-ศก.ชะลอตัว-ความขัดแย้งต่างเชื้อชาติ

สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียทรงประกาศแต่งตั้งนาย อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านขึ้น เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซีย โดยจะเข้าพิธีสาบานตนในเวลา 17.00 น. วันนี้ (24 พ.ย.) นับเป็นการยุติความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานถึง 5 วันเต็ม ภายหลังศึกเลือกตั้งทั่วไปที่ไม่มีพรรคใดชนะได้ครองเสียงข้างมาก

การก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ ของ อันวาร์ มีขึ้นหลังจากที่เขาต้องเผชิญมรสุมในเส้นทางการเมืองมานานถึง 30 ปี โดยเริ่มจากการเป็นอดีตศิษย์รักของ ‘มหาเธร์ โมฮาหมัด’ และเคยก้าวไปถึงตำแหน่งรองนายกฯ ก่อนจะถูกตัดสินจำคุกในคดีรักร่วมเพศ พ้นโทษออกมาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นเป็นนายกฯ มาเลเซียในวันนี้

การเลือกตั้งทั่วไปในมาเลเซียซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้นำมาสู่ภาวะ ‘สภาแขวน’ เนื่องจาก 2 กลุ่มการเมืองใหญ่ได้แก่ กลุ่มแนวร่วมแห่งความหวัง (Pakatan Harapan - PH) ของ อันวาร์ อิบราฮิม และกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ (Perikatan National - PN) ที่นำโดยอดีตนายกฯ มูห์ยิดดิน ยัสซิน ต่างไม่สามารถคว้าจำนวน ส.ส.ได้ถึง 112 ที่นั่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาล

ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นเสี่ยงที่จะซ้ำเติมภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งทำให้มาเลเซียต้องมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ มาแล้วถึง 3 คนในช่วงเวลาแค่ 3 ปี และยังอาจทำให้การกำหนดนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจล่าช้าออกไปอีก

กลุ่ม PH ของ อันวาร์ คว้าที่นั่ง ส.ส.ได้มากที่สุด 82 ที่นั่งจากศึกเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ (19 พ.ย.) ขณะที่กลุ่ม PN ของมูห์ยิดดิน ได้มา 73 ที่นั่ง ส่วน บาริซาน เนชันแนล (BN) ที่เคยผูกขาดการเป็นรัฐบาลปกครองมาเลเซียมานานถึง 60 ปีตั้งแต่ได้รับเอกราชเมื่อปี 1857 กลับได้ ส.ส.เข้ามาเพียง 30 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าทำผลงานได้ย่ำแย่เป็นประวัติการณ์ในศึกเลือกตั้งทั่วไป

‘บัณฑิตสาวชาวจีน’ โชว์ทำอาชีพ ‘คนดูแลสุสาน’ อวด ‘งานสบาย - เหมือนได้เกษียณก่อนกำหนด’

สาวจีนรายหนึ่งออกมาเผยเรื่องราวของตนเองที่เรียนจบปริญญาตรี แต่เลือกทำงานเป็น ‘คนดูแลสุสาน’ เพื่อสร้างสมดุลชีวิตและหลีกเลี่ยง ‘การเมืองในออฟฟิศ’ จนทำให้ชาวเน็ตจีนจำนวนมากออกมาวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดในการทำงานของคน Gen-Z

หญิงสาวแซ่ ตัน (Tan) วัย 22 ปี กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในจีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอได้โพสต์คลิป Douyin อวดสถานที่ทำงานที่ ‘สงบสุข’ ของเธอ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสุสานที่อยู่ติดกับภูเขาในเมืองฉงชิ่ง

“นี่คือบรรยากาศการทำงานของคนดูแลสุสาน Gen Z มันเป็นงานที่สบายมาก มีหมาแมวให้เล่น แล้วก็มีอินเทอร์เน็ตด้วย” ตัน กล่าว

หญิงสาวเล่าว่า ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ก็รู้สึกเหมือน ‘ได้เกษียณก่อนกำหนด’ เพราะงานดูแลสุสานนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน มีเวลาว่างมากมาย และยังได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม โดยไม่ต้องเจอกับการเมืองในออฟฟิศและปัญหารถติดเหมือนคนอื่น ๆ

หน้าที่ประจำวันของเธอคือการต้อนรับแขกที่มาเยือนสุสาน ขายที่ฝังศพ และปัดกวาดดูแลหลุมศพแทนญาติผู้ตาย

เธอได้รับค่าจ้างเดือนละ 4,000 หยวน (ราว 20,000 บาท) สำหรับการทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ถึง 17.00 น. โดยมีเวลาพักทานข้าวกลางวันวันละ 2 ชั่วโมง

ตามฐานข้อมูลของรัฐบาลจีน รายได้เฉลี่ยต่อปีของชาวเมืองฉงชิ่งอยู่ที่ 33,800 หยวน (170,000 บาท) หรือประมาณ 2,800 หยวนต่อเดือน (14,000 บาท) ซึ่งเท่ากับว่างานดูแลสุสานที่หญิงสาวเลือกทำช่วยให้เธอมีรายได้สูงกว่าเงินเดือนเฉลี่ยของคนทั่วไปอยู่พอสมควรทีเดียว

หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ปรากฏว่ามีชาวเน็ตจีนจำนวนมากเข้าไปแสดงความตกตะลึงที่บัณฑิตอย่าง ตัน เลือกงานในสุสาน ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่า ‘ไม่เป็นมงคล’ และไม่ใช่สถานที่ที่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยที่เข้าไปให้กำลังใจและสนับสนุนเธอ โดยมองว่านี่คือส่วนหนึ่งของ ‘กระแสวัฒนธรรมนอนราบ’ (lying flat) หรือ ‘ถ่าง ผิง’ (躺平) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหมู่คนหนุ่มสาวจีนมากขึ้น

การที่หนุ่มสาวจีนขานรับ ‘วัฒนธรรมนอนราบ’ ก็เนื่องจากความท้อแท้ต่อสภาพกดดันในสังคมโดยเฉพาะวัฒนธรรมการทำงานที่หนักสาหัสเกินไป แต่กลับได้ผลประโยชน์ไม่สมกับที่ได้ลงแรงเหนื่อยยาก จนกระทั่งมาถึงจุดที่ไม่ต้องการทนอยู่กับสภาพนี้อีกต่อไป และหันหลังให้กับความคาดหวังของสังคม

แฟนผีแดงเฮ! ‘ตระกูลเกลเซอร์’ ประกาศขายทีม หลังเพิ่งประกาศแยกทาง ‘พี่โด้’ - หุ้นปิดบวก 15%

‘ตระกูลเกลเซอร์’ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เตรียมปล่อยมือ ประกาศขายทีม 'ปีศาจแดง' แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ โดยเวลานี้พร้อมเปิดพิจารณาข้อเสนอจากนักลงทุนทั่วโลกที่ให้ความสนใจจะเข้ามาเทคโอเวอร์ ขณะที่หุ้นพุ่ง 15% 

มหาเศรษฐีจากสหรัฐอเมริกา เข้ามาซื้อกิจการ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2005 ก่อนจะบริหารทีมมาอย่างยาวนาน 17 ปีจนถึงปัจจุบัน และได้รับเสียงวิจารณ์อยู่บ่อยครั้งจากเหล่า 'เรด อาร์มี' จากการบริหารงานด้านฟุตบอลที่ดูไม่ดีเสียเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามล่าสุด 'ปีศาจแดง' แถลงผ่านเว็บไซต์สโมสรถึงประเด็นที่ว่าพวกเขาพร้อมมองหากลุ่มนักลงทุนรายอื่น ๆ ที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ และดูแลทีมต่อไป

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสโมสรกีฬาที่ประสบความสำเร็จ และมีประวัติศาสตร์เก่าแก่มากที่สุดทีมหนึ่งของโลก พวกเราขอประกาศว่า ณ วันนี้บอร์ดบริหารกำลังเริ่มต้นขั้นตอนสำหรับพิจารณาทางเลือกด้านยุทธศาสตร์ของสโมสรกันใหม่”

“ขั้นตอนดังกล่าวถูกวางแผนขึ้นเพื่อยกระดับการเติบโตของสโมสรในอนาคต โดยมีเป้าหมายที่แท้จริงคือการทำให้สโมสรอยู่ในตำแหน่งที่มีโอกาสได้รับประโยชน์มากที่สุด ทั้งในสนาม และในด้านธุรกิจ”

“บอร์ดบริหารของพวกเราจะพิจารณาทางเลือกยุทธศาสตร์ในทุกด้าน รวมไปถึงการหาการลงทุนใหม่เข้ามาในสโมสร การขายสโมสร หรือการดำเนินการทางธุรกิจอย่างอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับสโมสร รวมไปถึงการประเมินสถานการณ์เพื่อเริ่มเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม ทั้งเรื่องสนามแข่ง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และขยายโครงการด้านธุรกิจในระดับโลก”

“การดำเนินการทุกอย่างเราจะเน้นไปที่การสร้างความสำเร็จระยะยาวให้ทั้งทีมชาย ทีมหญิง และทีมเยาวชนของสโมสร สร้างประโยชน์ให้แฟนบอล และผู้ถือหุ้นรายอื่น ทั้งนี้เรายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการพิจารณาที่กำลังดำเนินการอยู่นี้จะส่งผลให้เกิดธุรกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสโมสรหรือไม่”

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่มีการแถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการนี้ จนกว่าบอร์ดบริหารจะอนุมัติธุรกรรมใดๆก็ตามหรือจนกว่าจะมีการกระทำอื่นที่จำเป็นต้องมีประกาศอย่างเป็นทางการ” ปีศาจแดง แถลงปิดท้าย

ทั้งนี้คาดกันว่ามูลค่าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากมีการทำธุรกรรมซื้อขายกันจริงๆ อาจไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท และก่อนหน้านี้ก็มีนักลุงทุนทั้งมหาเศรษฐีในอังกฤษ, กลุ่มตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกา เคยให้ความสนใจ

'ซาอุฯ' ประกาศ 23 พ.ย. เป็นวันหยุดแห่งชาติ หลังทีมพลิกชนะ 'อาร์เจนติน่า' ศึกฟุตบอลโลก

กษัตริย์แห่ง ซาอุดิอาระเบีย ประกาศให้วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน เป็นวันหยุดพิเศษของประเทศ เรียบร้อยแล้ว หลังจากทีมชาติของพวกเขาเพิ่งทำผลงานสุดช็อคโลก เอาชนะ อาร์เจนติน่า ไปด้วยสกอร์ 2-1 ในนัดประเดิมศึกฟุตบอลโลก 2022

ซาอุดิอาระเบีย ภายใต้การคุมทีมของ แอร์กเว่ เรอนาร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส โชว์ฟอร์มช็อคโลกลูกหนัง พร้อมกับสร้างสถิติใหม่ โดยเป็นครั้งแรก ที่เก็บชัยชนะจากเกมนัดประเดิมสนามของตัวเองในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้สำเร็จ แถมยังกลายเป็นทีมแรกจากทวีปเอเชียที่คว้าชัยชนะพร้อมเก็บสามแต้มในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้อีกด้วย

‘กาตาร์’ ทึ่ง!! แฟนบอลญี่ปุ่นเก็บขยะหลังเกมจบ ถามเก็บทำไม? ตอบ “เพราะเราเคารพสถานที่”

ฟุตบอลโลกกลับมาแล้ว และแฟนๆ ทั่วโลกต่างตั้งตารอชมการแข่งขันฟุตบอลหลังจากรอคอยมาสี่ปี ซึ่งในการแข่งขันนัดเปิดสนามระหว่างชาติเจ้าภาพกับเอกวาดอร์ ‘Omr94’ ผู้ใช้อินตราแกรมรายหนึ่งชาวบาห์เรนออกมาเผยเรื่องราวประทับใจของแฟนบอลสัญชาติญี่ปุ่น โดยหลังจากจบเกมแล้ว แฟนบอลชาวญี่ปุ่นที่เข้าไปชมเกมนี้ มีพฤติกรรมที่น่าชื่นชมจนได้รับคำชมเชยในตะวันออกกลางอย่างล้นหลามและกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลก

ภายในวิดีโอเผยภาพที่หลังจากจบเกมพบกาตาร์เจอกับเอกวาดอร์ แฟนบอลชาวญี่ปุ่นไม่เดินออกจากสนามเหมือนคนอื่น นำถุงขยะใบใหญ่เดินไล่เก็บขยะที่ถูกทิ้งไว้บนอัฒจันทร์ เช่น กล่องกระดาษ ถ้วย ขวดพลาสติก ธง และกระเป๋า ในโซนที่ตัวเองนั่งเชียร์อยู่ แม้ว่าทีมของพวกเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันในวันอาทิตย์ด้วยซ้ำ แต่แฟน ๆ ยังเข้าร่วมการแข่งขันกาตาร์กับเอกวาดอร์จากนั้นเลือกที่จะเดินไปรอบ ๆ เพื่อเก็บขยะโดยไม่ต้องร้องขอ 

ยูกันดา ‘ห้าม’ จนท.เรือนจำใช้มือถือช่วงบอลโลก หวั่นนักโทษหาโอกาสแหกคุกช่วงจดจ่อการแข่ง

ยูกันดา ‘ห้าม’ เจ้าหน้าที่เรือนจำใช้มือถือช่วงบอลโลก หวั่นนักโทษหาโอกาสแหกคุก

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ประเทศยูกันดา สั่งห้ามเจ้าหน้าที่เรือนจำใช้โทรศัพท์มือถือช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก เกรงนักโทษอาจหาโอกาสที่เจ้าหน้าที่กำลังตื่นเต้นกับการแข่งขันฟุตบอลหาทางหลบหนีออกจากเรือนจำ

“การเริ่มต้นแข่งขันฟุตบอลเวิลด์คัพตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน และความตื่นเต้นของการแข่งขัน อาจส่งผลให้นักโทษหลบหนี เจ้าหน้าที่จะต้องไม่รายงานการปฏิบัติหน้าที่ทางโทรศัพท์ เพราะจะทำให้เสียสมาธิและรบกวนระดับความเตรียมพร้อม” แฟรงค์ มายาจัน อิ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวในแถลงการณ์ที่ออกมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทั้งยังสั่งเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยตามพื้นที่ต่างๆ ในเรือนจำ

หนุ่มอังกฤษดวงเฮง เดินหาเบียร์ซด แต่กลับได้ปาร์ตี้บ้านคนระดับ ‘ชีค’

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในศึกฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ยากกว่าหาน้ำมันอีก เพราะผิดกฎหมายในประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามที่เคร่งจัด 

ก่อนหน้านี้ชายคนหนึ่งเพิ่งสร้างเรื่องด้วยการเดินถึง 11 กิโลเมตรเพื่อหาเบียร์ดื่ม แต่ล่าสุดมีเรื่องพีคกว่านั้นคือชายอังกฤษชื่อ ‘ร็อบ ฟิลลิปป์ส’ เดินทางไปดูฟุตบอลโลกกับครอบครัวแต่เจอเรื่องไม่คาดฝัน

ขณะกำลังปาร์ตี้เเละจะไปหาที่ต่อเขาไปเจอชายคนหนึ่ง เจ้าตัวบอกว่าจะไปหาเบียร์ดื่ม แต่ชายคนนั้นบอกเดี๋ยวจัดการให้ พาขึ้นรถแลนด์ครุยเซอร์สุดหรู เพื่อเดินทางไปคฤหาสน์ใหญ่ ที่มีทั้งสิงโต, นกหายาก, มี DJ มาเปิดเพลง เสิร์ฟอาหารแบบไม่อั้น จนมารู้ทีหลังว่าผู้ชายคนนั้นคือลูกเจ้าของหมู่บ้านที่ฐานะเกินคำว่ารวยไปเยอะ 

อดีตนายกฯ ญี่ปุ่น ตำหนิสื่อวิจารณ์แต่ ‘ปูติน’ ทั้งนี้ ‘เซเลนสกี’ มีส่วนทำให้คนยูเครนทุกข์ทรมาน

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ทำให้ประชาชนในประเทศของเขา ‘ทุกข์ทรมาน’ จากความเห็นของ ‘โยชิโร โมริ’ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น พร้อมตำหนิสื่อมวลชนแดนปลาดิบมีความลำเอียงในการรายงานข่าวความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีแต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ส่วน เซเลนสกี ไม่ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ นี่คือปัญหา เซเลนสกีทำประชาชนยูเครนจำนวนมากทุกข์ทรมาน” โมริ กล่าวระหว่างร่วมกิจกรรมทางการเมืองหนึ่งในกรุงโตเกียวเมื่อวันศุกร์ (18 พ.ย.) ตามรายงานของเกียวโดนิวส์

“สื่อมวลชนญี่ปุ่นลำเอียงเข้าหาฝ่ายหนึ่ง พวกเขาอยู่ภายใต้อิทธิพลรายงานข่าวจากตะวันตก ผมไม่อาจช่วยได้ แต่รู้สึกแค่ว่าพวกเขาพึ่งแต่รายงานข่าวจากยุโรปและอเมริกาเท่านั้น” โมริ ระบุ

นอกจากนี้ โมริ ยังวิพากษ์วิจารณ์จุดยืนของ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของญี่ปุ่นในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ว่าลำเอียง และเอนเอียงเข้าหาสหรัฐฯ

น่าปลื้มใจ!! สื่อจีนเผย ‘ละคร-อาหาร-ชุดไทย’ ดึงดูดคนจีนรุ่นใหม่ให้หลงใหลใน ‘วัฒนธรรมไทย’

สำนักข่าวซินหัว สื่อทางการของจีน ได้เผยเรื่องราวเกี่ยวกับเทรนด์ความสนใจของคนจีนรุ่นใหม่ว่า ปัจจุบันนี้มีความสนใจและชอบในวัฒนธรรมไทยมากขึ้น ผลมาจากการได้ดูละครและชิมอาหารไทย

สำนักข่าวซินหัว ได้เผยข้อมูลว่า ปัจจุบันวัฒนธรรมไทยอันมีเสน่ห์ได้ดึงดูดใจวัยรุ่นชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างจีน-ไทย ที่นับวันจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

“ถ้ามีโอกาสนะ ฉันจะไปเที่ยวกรุงเทพฯ ลองชิมต้มยำกุ้งรสต้นตำรับ สวมชุดไทยแล้วเช็กอินบนโซเชียลมีเดียว่าอยู่ที่พระบรมมหาราชวัง” หลัวเผยเยี่ยน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยครูกว่างซีทางตอนใต้ของจีนพูดคุยถึงประเทศไทยว่า มีหัวข้อให้เธอพูดถึงได้อย่างไม่รู้จบ

“ฉันกดติดตามบล็อกเกอร์ชาวไทยหลายคน ดูพวกเขาแบ่งปันเรื่องราวการใช้ชีวิตในไทย ทำให้รู้สึกว่าไทยเป็นประเทศที่เป็นมิตรและอบอุ่นมาก” หลัวบอกกับนักข่าว พร้อมเสริมว่าแรกเริ่มเธอเรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านภาพยนตร์จีนที่ถ่ายทำในไทยก่อนจะเขยิบไปดูละครไทยและกินอาหารไทยจนหลงใหลประเทศไทย

การเผยแพร่วัฒนธรรมภาพยนตร์และละครจีน-ไทย ได้หยั่งรากลึกในจิตใจของผู้คนอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นำไปสู่ความร่วมมือด้านละคร ภาพยนตร์ และเนื้อหาออนไลน์มากมายระหว่างสองประเทศ ก่อเกิดผลงานละครและภาพยนตร์ออกสู่สายตาสาธารณชน กลายเป็นสะพานเชื่อมคนรุ่นใหม่เข้าใจวัฒนธรรมของกันและกัน

จีนนั้นเริ่มนำเข้าละครโทรทัศน์ไทยตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้ชมภายในประเทศอย่างมาก ขณะการพัฒนาอันรวดเร็วของแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นในช่วงไม่กี่ปีนี้ช่วยให้ละครและภาพยนตร์ไทยน้ำดีเป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์ ส่วนเหล่าวัยรุ่นมีส่วนเผยแพร่ละครและภาพยนตร์ไทยที่พวกเขาชื่นชอบผ่านการพากย์เสียงและทำซับไตเติล

“ละครไทยไม่เพียงช่วยให้เธอเข้าใจวัฒนธรรมไทย แต่ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญของการเรียนรู้ภาษาไทยด้วย” อิ่นหรุ่ย บัณฑิตสาวจากสาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยกลุ่มชาติพันธุ์อวิ๋นหนาน (ยูนนาน) กล่าว โดยสมัยเรียน อิ่นเคยเข้าร่วมชมรมแปลซับไตเติลละครและภาพยนตร์ชื่อดัง รวมถึงข่าวสารของสื่อหลักในไทย

ขณะเดียวกันอิ่นยังเป็นนักพากย์เสียงละครไทยคนดัง ผลงานพากย์เสียงของเธอที่แชร์บนสื่อสังคมออนไลน์มักมียอดกดถูกใจจำนวนมาก โดยอิ่นเผยว่าการพากย์เสียงละครเรื่องโปรดเป็นอีกหนึ่งวิธีฝึกพูดภาษาไทยของเธอ รวมถึงหวังว่าการแปลและการเผยแพร่ผลงานเช่นนี้จะช่วยให้หลายคนเข้าใจประเทศไทยเพิ่มขึ้น

การสั่งสมประสบการณ์แปลละครไทยสมัยเรียนยังเกื้อหนุนการเลือกอาชีพของอิ่น โดยธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนจีน-ไทย ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้บรรดาชาวจีนที่เรียนภาษาไทยสามารถเลือกทำอาชีพนักแปลด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนได้ด้วย

อนึ่ง การเรียนการสอนของสาขาวิชาภาษาไทยตามมหาวิทยาลัยจีนในช่วงหลายปีนี้ได้บูรณาการวัฒนธรรมไทยเข้ากับการเรียนการสอนแต่ละวันเพื่อช่วยนักศึกษาเรียนรู้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น การแข่งขันพากย์ละครไทย การแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทย สัปดาห์วัฒนธรรมเทศกาลลอยกระทง หรือวันไหว้ครูของไทย

'สี จิ้นผิง' เข้าเฝ้าฯ 'ในหลวง-พระราชินี' พร้อมกราบบังคมทูลจะทำงานร่วมกับไทยต่อไป เพื่อสานสายสัมพันธ์พิเศษที่ใกล้ชิดสนิทสนมดั่งเครือญาติของทั้งสองประเทศ

ฮวา ชุนอิง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้โพสต์รูปภาพนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีของไทย พร้อมข้อความผ่าน Twitter โดยระบุว่า…

การบินค่อนโลก ดันแผนเหลือนักบินเดียว เพื่อลดต้นทุน ‘เยอรมนี-อังกฤษ-นิวซีแลนด์’ ถกแล้ว หวังทำจริง 2027

(21 พ.ย. 65) เพจ ‘เดือดทะลักจุดแตก’ โพสต์ข้อความกรณีการบินค่อนโลก ดันแผนเหลือนักบินคนเดียว ระบุว่า...

นี่เป็นสิ่งที่จินตนาการไม่เคยออกว่าจะมีอะไรแบบนี้

เราน่าจะคุ้นเคยกับหนังฝรั่งนะครับ เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน นักบิน 2 คนในห้องบังคับจะช่วยกันกู้สถานการณ์  ปกติเครื่องบินจะเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติเสมอ นักบินนั่งไว้ป้องกันกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ก็จะเข้าควบคุมในทันใด ... ซึ่งในหนัง นักบินหลักคนเดียวมักจะเอาไม่อยู่ ต้องให้ผู้ช่วยเข้ามาแก้ไขสถานการณ์เสมอ ย้ำว่า ‘เสมอ’

เอ๊ะ แต่ว่ามันในหนังนะ ... แต่หนังพวกนี้ ส่วนใหญ่ก็ชอบสร้าง ‘อิงจากเหตุการณ์จริง’ นะครับ
 

ลุยรถไฟใต้ดิน ครั้งแรก!! การใช้บริการระบบรางสู่ ม.บอสตัน ถามตัวเองว่า “เราจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกกี่ปีหนอ”

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เราก็รีบตื่นนอนก่อนคนอื่น เพื่อที่จะได้ใช้ห้องน้ำให้เสร็จ ญาติๆ จะได้ไม่ต้องมาทนฟังเราทำธุรกิจส่วนตัวให้ขยะแขยงโสตประสาท พอคุณอาหญิงตื่นขึ้นมา ก็บอกให้เราหาอาหารทาน 

ตอนเช้าบ้านคุณอา น้องๆ จะทานซีเรียลกันก่อนไปโรงเรียน ส่วนเราเป็นคนไม่ชอบทานอาหารเช้า เราก็เลยขอบคุณคุณอาและไปนั่งดื่มกาแฟอ่านนิตยสารไทยรอไปพลางๆ ในห้องนั่งเล่น เมื่อคุณอาทั้งสองอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็พาเราเข้าเมืองไปพร้อมๆ กัน 

ขณะที่ขับรถจะผ่านโรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น (Mount Auburn Hospital) ในเมืองแคมบริดจ์ (Cambridge) คุณอาทั้งสองก็เล่าให้ฟังว่า ในหลวงรัชกาลที่เก้าประสูติที่โรงพยาบาลนี้ เราถึงกับปลื้มใจยกมือไหว้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านมีต่อประเทศชาติและเหล่าพสกนิกร และทำเช่นนี้ทุกครั้งที่ผ่านโรงพยาบาลนี้ เมื่อมาถึงร้านแว่นตาที่คุณอาทั้งสองทำงาน คุณอาหญิงก็บอกว่าท่านจะสอนให้เราเดินทางไปกลับจากที่ทำงานท่านและโรงเรียนสอนภาษา ตอนนั้นที่ทำงานท่านอยู่ในถนนบอยล์สตัน (Boylston Street) ถนนช็อปปิ้งสายหลักของบอสตัน ซึ่งมีร้านค้าต่างๆ มากมาย 

นอกจากนั้นสถานีรถไฟใต้ดินก็อยู่ใกล้กับออฟฟิศคุณอา เดินไม่เกินสามนาทีก็ถึง ท่านสอนเราง่ายๆ ว่าเวลาเรานั่งรถจากออฟฟิศท่านไปโรงเรียนให้ขึ้นสถานีออกนอกเมือง (Outbound) และลงที่สถานีบียูเซ็นทรัล (BU Central) ส่วนขากลับมาหาท่านให้ขึ้นสถานีเข้าเมือง (Inbound) และลงที่ป้ายถนนบอยล์สตัน เนื่องจากเป็นวันแรกที่เราใช้ขนส่งมวลชนของรัฐ (MBTA หรือ Massachusetts Bay Transportation Authority) คุณอาเลยให้เหรียญที่จ่ายค่าโดยสาร (token) เป็นเหรียญทองเหลืองใหญ่กว่าเหรียญบาท แต่เล็กกว่าเหรียญห้าบาทปัจจุบัน ท่านให้ไว้สองเหรียญ เพื่อขาไปและกลับ และชี้ให้เราเห็นตู้ที่มีพนักงานขายเหรียญ 

ท่านบอกว่าจริงๆ แล้วเราสามารถที่จะเอาเศษเหรียญจริงๆ จำนวนแปดสิบห้าเซ็นต์มาหยอดได้ ไม่ต้องแลกเหรียญค่าโดยสารก็ได้ แต่บางทีคนก่อนเราอาจจะหยอดเหรียญไม่ครบ ทำให้เราต้องเสียเวลามาจ่ายค่าต่างแทนคนอื่น ดังนั้นแลกเหรียญจ่ายค่าโดยสารไว้ใช้ดีที่สุด โดยเฉพาะบางสถานีจะไม่มีพนักงานขายเหรียญ ถ้าเราไม่มีเงินจ่าย คนขับรถจะพาลไม่ให้ขึ้นเอา ต้องเดินขาลากมาออฟฟิศคุณอา เราได้ยินดังนั้นก็จำไว้ติดใจว่าต้องมีเหรียญไว้จ่ายค่าเดินทางไว้ติดกระเป๋าอยู่เสมอเพื่อไม่ให้พลาดรถ

เมื่อพูดถึงรถไฟใต้ดินของรัฐแมสซาซูเซตส์ ต้องขออนุญาตนอกเรื่องเล่าถึงระบบและสายรถไฟต่างๆ ในยุคนั้นไว้เป็นสังเขป จริงๆ แล้วการที่ใช้คำว่ารถไฟใต้ดินนั้นไม่ถูกเลยทีเดียว เพราะรถโดยสารประเภทนี้ลงทั้งใต้ดินและแล่นบนถนนเคียงข้างกับรถยนต์ ควรจะเรียกว่ารถรางจะเหมาะกว่า ส่วนที่ว่าคนไทยติดใช้คำว่ารถไฟใต้ดินคงจะเป็นเพราะคุ้นเคยกับระบบรถใต้ดินจริงๆ ของปารีสที่รู้จักกันอย่างดีในนามเมโทร (Metro) ส่วนรถใต้ดินของรัฐแมสซาซูเซตส์นั้นเรียกว่าซับเวย์ (Subway) หรือผู้โดยสารทั่วๆ ไปจะเรียกย่อๆ ว่าที (T) มีสี่สาย แต่ละสายใช้สีต่างๆ เป็นสัญลักษณ์คือ เขียว, แดง, ส้ม และน้ำเงิน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top