Monday, 16 June 2025
SPECIAL

‘ธนาธร’ ลั่น!! เลือกก้าวไกล ทำงานได้จริง ชี้ หาก 4 ปีไร้ผลงาน เทใจพรรคอื่นได้เลย

ประกาศขอ ปชช.เลือกคนที่ทำงานได้จริง ทำเพื่อประชาชน หาก 4 ปีในสภาฯ บอกหาก ‘ก้าวไกล’ ไม่มีผลงานให้เห็น เปลี่ยนใจเลือกพรรคอื่นได้ ย้ำพรรคเป็นประชาธิปไตยแน่นอน

(7 เม.ย. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์, นางสาวรัชนก ศรีนอก, นายปูอัด ไชยยามพวาน ผู้สมัคร ส.ส.ฝั่งธนบุรี ลงพื้นที่หาเสียงภายในซอยโรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา มาจนถึงห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีพระราม 2

หลังลงพื้นที่หาเสียงแล้ว นายธนาธรพร้อมผู้สมัคร ส.ส.ได้ปราศรัยย่อย บริเวณตลาดนัดหน้าบิ๊กซีพระราม 2 โดยย้ำถึงจุดยืนของพรรคก้าวไกล ว่ามีความพร้อมมากกว่าพรรคอนาคตใหม่ เมื่อปี 2562 เพราะ ส.ส.ทุกคนมีคุณภาพ ทำงานเรียนรู้และมีประสบการณ์มาตลอดระยะเวลา 4 ปีในสภาผู้แทนราษฎร มั่นใจจะทำงานตอบโจทย์แก้ปัญหาประชาชนได้ดีกว่าอดีตพรรคอนาคตใหม่ปี 2562 จึงอย่าปล่อยให้ ส.ส.มีคุณภาพหลุดมือไม่ได้รับใช้ประชาชน ‘พวกเราก้าวไกล พร้อมรับใช้ประชาชน’

ขณะที่หลังการลงพื้นที่หาเสียง และปราศรัยย่อยเสร็จสิ้นแล้ว มีประชาชนเดินเข้ามาหานายธนาธร พร้อมยื่นสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 ใบ ที่ใบเลขท้ายตรงกับหมายเลขพรรคก้าวไกล คือ เลข 31 และบอกนายธนาธร ว่า หากถูกรางวัลที่ 1 ให้นำเงินไปขึ้นได้ทันที พร้อมสะท้อนเรื่องการประกอบอาชีพของเด็กจบใหม่ว่า สร้างตัวว่ายากแล้ว มีกินมีใช้ไปวัน ๆ ยังยากเลย หางานไม่ยากแต่หาเงินใช้รายวันยากกว่า บางเดือนรายได้รายรับลดลง รายจ่ายกลับสวนทาง

‘ชวน’ บุกตลาดท่าดินแดง เป็นเขตแรกใน กทม. หลังยุบสภาฯ ช่วย ‘ศิริภา’ หาเสียง อ้อน ปชช.หนุนคนดี ทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง

(7 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็น วันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ตลาดท่าดินแดง เขตคลองสาน ช่วย น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ผู้สมัคร ส.ส. กทม. หมายเลข 11 เขตธนบุรี คลองสาน และราษฎร์บูรณะ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หาเสียง ซึ่งถือเป็นการประเดิมช่วยพรรคหาเสียงเลือกตั้ง เป็นเขตแรก ของ กทม. หลังมีการยุบสภาฯ

โดยนายชวน ได้เดินพบปะพี่น้องประชาชน และศักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปึงเถ่ากงม่า พร้อมนำ น.ส.ศิริภา เดินแจกเอกสารแนะนำตัว ในตลาดท่าดินแดง โดยมีประชาชนมาขอถ่ายรูปและเข้ามาทักทายจำนวนมาก

ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด เกมหักเหลี่ยมเฉือนคม สะท้อนนิยาม 'การเมือง' ผลประโยชน์ที่ไม่เข้าใครออกใคร

เริ่มจากร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดที่เข้าสู่รัฐสภา เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างส.ส. และส.ว. ได้เสนอมาตอนนั้นในร่างมาตรา 29 มันไม่มีคำว่า 'กัญชา' อยู่ตั้งแต่ร่างมาแล้ว ทั้งๆ ที่กัญชาประเภท 5 เป็นยาเสพติดที่ถูกให้ความสำคัญมาตลอด ในพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ

ต่อมารัฐสภาได้ทำการพิจารณาร่างประมวลกฎหมาย ยาเสพติด ซึ่งเสนอโดยรัฐบาล 
ในมาตรา 29 ประเภท 5 มันไม่มีคำว่า 'กัญชา' อยู่ ซึ่งมีคำว่าพืชฝิ่น กับเห็ดขี้ควาย 2 อย่างเท่านั้น ซึ่งเมื่อก่อนตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษปี 2522 ประเภท 5 มันมีคำว่ากัญชา ยาฝิ่น กระท่อม แล้วก็ถอดกระท่อมออกเหลือ 2 อย่าง 

นายศุภชัย ใจสมุทร เฝ้าเกาะติด มาตรา 29 มาตลอด มีคนเสนอว่า ควรจะต้องมีคำว่ากัญชาด้วยไหม ในการประชุม นายศุภชัย ใจสมุทร เข้าร่วมประชุมด้วย บอกว่า ไม่ มันไม่มาตั้งแต่แรก นายศุภชัยเป็นรองประธาน ในเวลานั้น บอกว่าไม่ต้องมีคำว่ากัญชา นี่คือที่มาทั้งหมด 

>>พฤศจิกายน 2564
-รัฐสภาทำการพิจารณาแล้วเสร็จ จึงมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา และ มีผลบังคับใช้หลังจากนั้นอีก 30 วัน

>>8 ธันวาคม 2564
-จุดเริ่มต้นของการปลดล็อกกัญชา
-ประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลใช้บังคับ โดยการลงมติเห็นชอบ พร้อมทั้ง ส.ส. สว. ทั้งฝ่ายค้าน ทั้งฝ่ายรัฐบาล ดังนั้นกัญชาไม่ได้เป็นยาเสพติดนับตั้งแต่วันที่ 8/12/2564 จนถึงปัจจุบัน

>>มกราคม 2565
-คณะกรรมการ ป.ป.ส.ได้มีการจัดประชุม คือตามกฎหมายมาตรา 29 กำหนดว่า ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด และโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบเรื่องนี้ ให้ประกาศระบุประเภทของยาเสพติดแต่ละประเภท 

-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอต่อที่ประชุม คณะกรรมการป.ป.ส. ว่าสิ่งที่เป็นยาเสพติด คือ 1 คือ พืชฝิ่น 2 คือเห็ดขี้ควาย 3 คือสารสกัดจากกัญชา มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนาบินอล (tetrahydrocannabinol – THC) เกิน 0.2 % ที่ยังเป็นยาเสพติด

-พรรคภูมิใจไทย ขอให้มีการประกาศบังคับใช้ โดยมีการนับไปอีก 120 วัน ก็คือวันที่ 8 มิถุนายน 2565

-นายศุภชัย เสนอ จะต้องมีกฎหมายพ.ร.บ. กัญชา กัญชง มาอีกฉบับหนึ่ง 

-ที่ประชุมมอบให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีฉบับร่างอยู่แล้ว นำฉบับร่างพ.ร.บของพรรคภูมิใจไทย ที่เกี่ยวกับการทำเรื่องกัญชาเสรีทางการแพทย์นั้นมายื่น เพื่อให้ทันภายใน 120 วัน โดย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ไปยื่นต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาเองโดยตรง 

-นายชวน หลีกภัย ประธานสภา พิจารณาบรรจุเข้ามาเป็นร่างพระราชบัญญัติต่อไปได้ และนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติรับรองให้ทันทีทันใด

>>9 มิถุนายน 2565
-วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ได้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา 25 คน และทำการพิจารณากันจนแล้วเสร็จ ผ่านไป 19 วันมีการประชุมรัฐสภาอีกครั้ง ปรากฏว่า มีการเสนอเข้าที่ประชุมแล้ว การเปิดเสรีกัญชานั้นได้ถูกตีตก จากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย พลังประชารัฐ ก้าวไกล และพรรคประชาชาติ ไม่ยอมให้กฎหมายผ่านมติการประชุม

-พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสู่วาระที่ 2  มีส.ส.จากพรรค ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ก้าวไกล ประชาชาติ ยืนยันจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด จน ณวันนี้สภาปิด พ.ร.บ.กัญชา ก็ค้างในสภา พรรคภูมิใจไทย เดินหน้าต่อ เพื่อจะทำกัญชาทางการแพทย์ตั้งแต่หาเสียง และเศรษฐกิจ จะไม่เอานันทนาการ พรรคภูมิใจไทย จะเอากัญชาทางการแพทย์เท่านั้น แต่โดนบิดเบือนจากพรรคการเมืองตรงข้ามพรรคภูมิใจไทย  

>>10 มิถุนายน 2565
-อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมวิชาการ “มหกรรมกัญชา 360 องศา ปลดล็อกกัญชา ประชาชนได้อะไร” พร้อมแจกต้นกล้ากัญชา 1 พันต้น ณ จังหวัดบุรีรัมย์ 

>>16 มิถุนายน 2565
-กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศ สธ. มีผลบังคับใช้วันที่ 17 มิ.ย 2565 เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 4, 44, 45(3), 45(4) แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 กำหนดให้กัญชา หรือสารสกัดกัญชา เป็นสมุนไพรควบคุม

>>18 มิถุนายน 2565
-อนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แจง ประกาศ สธ. กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม มีผลตามกฎหมายแล้ว

การขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กว่า 1 ปี ในช่วงแรกเน้นให้ประชาชนเข้าถึงยากัญชาทางการแพทย์ ที่ได้มาตรฐานจากสถานพยาบาลใกล้บ้านกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ 

กลาโหม เลื่อนรายงานตัว ‘ทหารเกณฑ์’ ผลัด 1 จากเดิม 1 พ.ค. เป็น 15 พ.ค. หลังเลือกตั้งเสร็จ

(7 เม.ย. 66) เมื่อวันที่ 6 เม.ย 66 มีการเผยแพร่ หนังสือกระทรวงกลาโหม เรื่อง การกำหนดวันรายงานตัวเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/2566 ลงนามโดย พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหมทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปถึง รมว.มหาดไทย มีเนื้อหาระบุถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566 นั้นเนื่องด้วยพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497มาตรา 34 กำหนดให้ "ทหารกองเกินที่ถูกเข้ากองประจำการผู้ใด จักต้องเริ่มเข้ารับราชการทหารกองประจำการเมื่อใด ให้นายอำเภอท้องที่ที่รับเข้าตรวจเลือกเป็นผู้กำหนด และให้นายอำเภอออกหมายนัดเพื่อให้ทหารกองเกินผู้นั้นมา ณ ที่อำเภอท้องที่ตามที่ได้กำหนดไว้นั้น เพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ถ้าทหารกองเกินผู้นั้นไม่มาตามนัดให้ถือว่าหลีกเลี่ยงขัดขืน"

ความดีที่ถูกมองข้าม เทียบมุมมองนักการเมืองที่ดีในทัศนะของคนอินเดีย ในขณะที่ไทยยังชิงอวด ‘ความเก่ง’ เหนือ ‘ความดี'

 

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเลือกตั้งในบ้านเรา ระบอบประชาธิปไตยที่ดีจะอยู่รอดได้หรือไม่ แล้วเราคนไทยเคยนึกถึงนิยามของ ‘นักการเมืองที่ดี’ แล้วหรือยัง? ทุกวันนี้ทุกพรรคการเมืองในสนามเลือกตั้งบ้านเราล้วนแล้วแต่ขาย ‘ความเก่ง’ และแทบไม่มีพรรคการเมืองไหนขาย ‘ความดี’ เลย จึงขอนำเสนอบทความนี้ ซึ่งการกล่าวถึง นักการเมืองที่ดีในทัศนะของคนอินเดีย

ชาวอินเดียจะได้รับประโยชน์มากมายจากงานวิจัยในเรื่อง ‘ใครคือนักการเมืองที่ดี’ เพราะเราเคยถามกันไหมว่า ‘นักการเมืองที่ดีเป็นอย่างไร?’ อย่างไรก็ตาม ในประเทศอย่างเรา (อินเดีย) การถกเถียงกันเรื่องการเมืองเป็นเรื่องปกติที่แผงขายน้ำชาริมถนนและบนรถไฟ แต่เราบังเอิญหลีกเลี่ยงคำถามนี้ การอภิปรายเหล่านี้ส่วนใหญ่มีนัยยะเชิงวิพากษ์ มีการแบ่งขั้วตามอุดมการณ์ทางการเมืองที่ใคร ๆ มอบให้ และส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ว่าด้วย ‘การเลือกคนที่เลวที่น้อยกว่า’ แล้วอะไรล่ะที่ขัดขวางไม่ให้เราปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความจริงที่สำคัญของคำถาม?

ผู้คนต่างพากันคลั่งไคล้ในความคิดที่ว่า รัฐบาลปล่อยให้พลเมืองไม่มีการศึกษา เพราะมันง่ายที่จะปกครองพลเมืองที่ไร้การศึกษา แต่ในปัจจุบันด้วยความสามารถของอินเทอร์เน็ต อุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลได้ถูกทำลายลง และประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เพียงแค่สัมผัสสมาร์ทโฟน สิ่งนี้น่าจะทำให้พลเมืองของประเทศหนึ่งหลงระเริงกับการคอร์รัปชั่น อัตราการเกิดอาชญากรรมสูง และทุกสิ่งที่ไม่ถูกต้องในประเทศกำลังพัฒนา เพื่อค้นหานักการเมืองที่เหมาะสมเป็นตัวแทนของพวกเขา

บางคนบอกว่า ‘นักการเมืองสมัยนี้ไม่ดีพอ’ สำหรับบางคน ‘การเมืองไม่เคยสร้างประโยชน์อะไรเลย’ และในขณะที่ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งบอกว่าเป็นพวกที่ ไม่ยุ่งกับการเมือง" แม้ว่าก่อนหน้านี้จะบ่งชี้ว่าผู้คนกำลังหมดความสนใจในการเมือง แต่การเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วสู่ยุคดิจิทัลทำให้ผู้คนหันไปสนใจเรื่องการเมืองในทันที แม้ว่าจะมีทั้งเรื่องแย่และแย่กว่าก็ตาม

ระบอบประชาธิปไตยของอินเดียที่ปรารถนาจะเป็นมหาอำนาจและศูนย์กลางความรู้ของโลกได้พยายามดิ้นรนเพื่อให้ทันกับธรรมชาติของการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป คนอินเดียเคยยกย่องชื่นชมนักการเมืองรุ่นแรกที่เติบโต และเป็นผลพวงของการต่อสู้เพื่อเอกราชกับการปกครองของอังกฤษ เราบูชาเสน่ห์และวิธีการของมหาตมะ คานธี ความเรียบง่ายของศาสตรี ความมุ่งมั่นของพาเทล ความรู้และวิสัยทัศน์ของอัมเบดการ์ ความซื่อสัตย์ของชอมธารี จรัล ซิงห์ และคนอื่น ๆ เรามีชีวิตอยู่ในความถวิลหาผู้นำที่เป็นไอดอลในสมัยก่อน แต่ไม่เต็มใจที่จะพัฒนาผู้นำสำหรับอินเดียในอนาคต หากรัฐบาลชุดก่อน ๆ หรืออย่างน้อยที่สุดพรรคการเมืองได้ลงทุนเพื่อหาผู้ที่เหมาะสมลงแข่งขันในการเลือกตั้ง ประเทศจะได้ประโยชน์มากมายจากมัน แต่เราจะไปจุดนั้นได้อย่างไร?

ประเทศที่พัฒนาแล้วได้มาถึงจุดที่พวกเขาอยู่ เพราะพวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญของการวิจัยและได้ลงทุนกับมัน เราต้องเข้าใจว่าความรู้มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ความรู้เกี่ยวกับกลไกที่ยั่งยืนในการระบุประเภทผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เหมาะสมจะให้ผลลัพธ์ดังที่คาดหวัง แต่ในอินเดีย ทั้งประชาชนและพรรคการเมืองไม่ได้ทำงานเพื่อริเริ่มวาทกรรมว่า 'ใครเป็นนักการเมืองที่ดี' เป็นเพียงตำนานหรือสามารถกำหนดคุณลักษณะของ 'นักการเมืองที่ดี' ได้จริงหรือไม่?

งานวิจัยก่อนหน้านี้โดย ศ. Rainbow Murray (สำนักการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วิทยาลัย Queen Mary มหาวิทยาลัยแห่ง London) ในปี ค.ศ. 2010 และ ค.ศ. 2015 และ Reuven Hazan & Gideon Rahat ในปี ค.ศ. 2010 แสดงให้เห็นว่า บรรดาพรรคการเมืองใช้เกณฑ์อัตวิสัยหลายอย่างในการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง เช่น ฝีปาก ความฉลาด และความสามารถพิเศษ พวกเขาอาจเลือกผู้สมัครตามตัวแปรที่ไม่มีความชัดเจน เช่น ความภักดีต่อพรรค ความสัมพันธ์ในครอบครัว และอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ศ. Murray ให้เหตุผลว่าการใช้ตัวแปรอื่นแทน เช่น 'ความสำเร็จทางการศึกษา' และ 'เส้นทางอาชีพ' เพื่อวัดความเก่งกาจและความสามารถพิเศษเป็นการสร้างปัญหา เนื่องจากการศึกษาที่ใช้เกณฑ์เหล่านี้อาจพบว่า เป็นการยากที่จะแยกแยะระหว่างผู้ที่ได้รับสถานะทางสังคมสูงระหว่างผู้ที่บรรลุและผู้ที่ได้รับมาโดยสิทธิพิเศษ การวิจัยของ ศ. Murray ทำให้เธอสรุปได้ว่า ผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเลือกตั้งคือ บุคคลที่มีความรู้จริง และพิสูจน์ได้สามารถจัดการปัญหา โดยเฉพาะปัญหาที่ผู้คนต้องเผชิญและอุทิศตนเพื่อจัดการกับปัญหาเหล่านั้น บุคคลนั้นควรมีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ที่โดดเด่น และควรสามารถต่อสู้เพื่อให้ได้เหตุผลและสามารถเจรจาประนีประนอมได้เมื่อจำเป็น ซึ่งพอจะอนุมานได้ว่า คุณสมบัติที่เธอระบุสำหรับนักการเมืองที่ดีคือ ความรู้ ทัศนคติในการแก้ปัญหา ความตั้งใจในการทำงาน และทักษะในการสื่อสารและได้รับสนับสนุนที่ดี

‘ปปป.’ บุกค้นคอนโดฯ ฯ สาวคนสนิท บิ๊กเขตราชเทวี พบสมุดบัญชีเงินหมุมเวียนกว่า 5 ล้านบาท เร่งสอบข้อเท็จจริง

บุกค้นคอนโดฯ สาวคนสนิท บิ๊กเขตราชเทวี คดีทุจริตเรียกเงินเลี่ยงภาษี เจอสมุดบัญชีเพียบ เงินหมุนเวียนกว่า 5 ล้าน เชิญตัวมาสอบ มีเอี่ยวด้วยหรือไม่

(6 เม.ย.66) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปปป. เข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านจตุจักร กทม. หลังสืบทราบว่าเป็นห้องพักของหญิงสาวคนใกล้ชิดของ นายประมวล เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี ผู้ต้องหาคดีเรียกรับสินบนเพื่อเลี่ยงจ่ายภาษี ที่เพิ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. จับกุมตัวไปเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม

ผลการตรวจค้นพบสมุดบัญชีธนาคารจำนวนหลายเล่ม พร้อมเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ นายประมวล หลายรายการ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินในสมุดบัญชีธนาคารดังกล่าว พบมีเงินหมุนเวียนเข้าออกกว่า 5 ล้านบาท จึงตรวจยึดไว้ตรวจสอบ

พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ยังเชิญตัวหญิงสาวรายนี้ มาสอบปากคำอย่างละเอียดด้วย ว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจ หรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดร่วมกับ นายประมวล หรือไม่ต่อไป


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7600312
 

‘เต้ อิทธิเดช’ ผู้สมัคร ส.ส. ‘ภท.’ ลุยหาเสียงชูนโยบายสุขภาพ เล็งผลักดันสร้างรพ.รัฐ ยกระดับคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานของปชช.

‘เต้ อิทธิเดช’ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ภูมิใจไทย ลุยหาเสียงชูนโยบายสุขภาพ เล็งผลักดันสร้างรพ.รัฐ ตอบโจทย์คนกรุงเทพฯ โซนตะวันออก

(6 เม.ย.66) นายอิทธิเดช สุพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 15 คันนายาว-บึงกุ่ม (เฉพาะแขวงคลองกุ่ม) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตลาดบุญนิยม สันติอโศก ซ.นวมินทร์ 46 และอีกหลายจุด ประชาชนได้สะท้อนปัญหาความแออัดล่าช้าของโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่กรุงเทพฯ โซนตะวันออก มีแค่ รพ.นพรัตน์ราชธานี เพียงแห่งเดียว ทำให้ผู้ป่วยได้รับความลำบากโดยเฉพาะผู้สูงอายุ

‘สุวัจน์-กรณ์’ ถกผู้ประกอบการภูเก็ต ชูท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจ ดันภูเก็ตสู่ ‘World Class City’ สร้างรายได้ให้คนทุกกลุ่ม

‘สุวัจน์-กรณ์’ ถกผู้ประกอบการภูเก็ต ดันสู่ World Class City สร้างรายได้ให้คนทุกกลุ่ม มั่นใจ 2 ผู้สมัคร ‘เทมส์–อรทัย’ ผลักดันนโยบายทำได้จริง

(6 เม.ย.66) ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า มินิ คอนเวนชั่น ฮออล์ พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 เบอร์ 7 และ น.ส.อรทัย เกิดทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 3 เบอร์1 ร่วมพูดคุยกับผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อแลกเปลี่ยนต่อแนวทางการพัฒนาพื้นที่ รวมถึงจัดเวทีเพื่อแสดงนโยบายของพรรค หัวข้อ ภูเก็ตแบบไหน ได้ใจคนทั้งโลก โดยมีจูรี นุ่มแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 เบอร์ 8 มาร่วมสร้างแรงบันดาลให้กับผู้ประกอบการในฐานะประสบความสำเร็จจากการค้าขายออนไลน์ด้วย 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศปัจจุบัน จะรอนักลงทุน หรือการลงทุนนั้นยาก เพราะภาวะไม่เอื้อต่อการลงทุน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลก ปัญหาสงคราม ภาวะโลกร้อน และการแบ่งขั้วของประเทศต่าง ๆ ดังนั้น สิ่งที่จะฟื้นประเทศ และเศรษฐกิจได้ ตนมองว่ามีเพียงด้านการท่องเที่ยว ดังนั้นพัฒนา 1-2 ปี ให้คนรากหญ้าอยู่ได้ ต้องฟื้นฟูด้านการท่องเที่ยว โดยพื้นที่ภูเก็ต การเป็นพระเอกขี่ม้าขาวได้ ต้องได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก และต้องสร้างคำขวัญให้ภูเก็ตเป็นที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนก่อนตาย ตนเชื่อว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ ปีละ 50 ล้านคน จากปัจจุบันที่มี 12 ล้านคน

นายกรณ์ กล่าวว่า นโยบายของพรรคให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้คนไทย โดยพรรคให้ความสำคัญกับการสร้างนโยบายให้ประชาชนมีรายได้ นำเสนอในรูปแบบของเศรษฐกิจ 7 เฉดสี สร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท ซี่งสามารถพัฒนาให้เข้ากับภูเก็ตเพื่อไปสู่ World Class ได้ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การสร้างธุรกิจใหม่ให้ท้องถิ่น สร้างงานใหม่เพื่อผู้สูงอายุ ขยายวีซ่ารับนักท่องเที่ยวให้อยู่ยาว ซึ่งทุกนโยบายของเราจับต้องได้จริง นอกจากนี้ การพัฒนาพื้นที่ จ.ภูเก็ต ต้องตอบสนองต่อความต้องการของคนภูเก็ตทุกคน ไม่เฉพาะผู้ประกอบการขนาดใหญ่เท่านั้น ซึ่งเรามั่นใจว่าด้วยผู้สมัครของทั้งสองคน จะสามารถกรณ์พัฒนาภูเก็ต ไปสู่ World Class ได้ นอกจากนี้ยังเสริมนายสุวัจน์ว่า ภูเก็ตไม่เพียงแต่จะมาก่อนตายเท่านั้น แต่อยากให้เป็นการมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่ จ.ภูเก็ต 

‘จุรินทร์’ นำทัพ ‘ปชป.’ ขึ้นเวทีลานคนเมือง 7 เมษายน นี้ เชื่อ!! ปราศรัยใหญ่ครั้งนี้ ช่วยปชช. เทคะแนนให้พรรค

ปชป. ปราศรัยใหญ่ครั้งแรก 7 เม.ย. ที่ลานคนเมือง ‘จุรินทร์’ นำทัพขึ้นเวที พร้อมเวทีต่อไป 23 เม.ย.ที่อนุสาวรีย์พระเจ้าตากฯ 

(6 เม.ย.66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ดูแลกทม. เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดปราศรัยใหญ่ในวันศุกร์ที่ 7 เม.ย.ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป ที่ลานคนเมือง เขตพระนคร นำการปราศรัยโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคฯ น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม.นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. และตน พร้อมทั้งผู้สมัคร ส.ส. กทม.ทั้ง 33 คน และผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งการปราศรัยครั้งนี้จะเป็นการปราศรัยใหญ่ครั้งแรกของพรรคฯ ส่วนครั้งต่อไปจะจัดการปราศรัยใหญ่ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช ในวันอาทิตย์ที่ 23 เม.ย. สำหรับการปราศรัยใหญ่ปิดท้ายก่อนลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 12 พ.ค.ส่วนสถานที่จัดปราศรัยจะเป็นที่ไหนนั้นกำลังพิจารณาอยู่

“พรรคปชป. เชื่อมั่นว่าเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคทั้ง 3 เวทีนี้ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศที่จะช่วยกันลงคะแนนเสียงสนับสนุนผู้สมัครของพรรคฯทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และผู้สมัครแบบเขตเลือกตั้งทั้ง 400 เขต ทั่วประเทศ ให้ได้มีโอกาสทำงานในฐานะ ส.ส. เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติต่อไป” นายองอาจกล่าว

'โบว์' เชื่อ!! 'เพื่อไทย' ปิดเกม รอรวมเสียงตั้งรัฐบาล คาด!! กุญแจสำคัญอยู่ที่การเลือก 'พันธมิตร'

(6 เม.ย.66) คุณโบว์-ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

สำหรับคอการเมือง อาจจะมีความรู้สึกหวั่นไหวกับโพสต์ล่าสุดของ อ.ปิยบุตร ที่ไม่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะลบล้างผลพวงรัฐประหารได้ แต่สำหรับฐานเสียงทั่วไปตามจังหวัดต่างๆ การประกาศแจกคนละหมื่นของเพื่อไทยเมื่อคืนคือ การปิดเกมแล้ว จบที่คนไม่ต่ำกว่า 35% จะเลือกเพื่อไทย และ ส.ว.ส่วนใหญ่จะพยายามสกัด คนทั่วไปไม่ได้สนใจเรื่องลบล้างผลพวงรัฐประหาร

ส่วนใครอยากจะโต้ก้าวไกล ก็อาจพูดได้ว่า ไม่มีพรรคไหนที่ถ้าขึ้นมาแล้วจะทำให้ประเทศเสี่ยงต่อการรัฐประหารเท่าก้าวไกล ถ้ากลัวรัฐประหารจริง เลือกพรรคอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ก้าวไกล 

'ณัฐชา' โหมลงพื้นที่บางบอน-บางขุนเทียน หวั่นสับสนแบ่งเขตใหม่ ชี้!! ปชช. ให้การตอบรับดี พร้อมเชื่อมั่นการทำงานแบบ ‘ก้าวไกล’

(6 เม.ย.66)  นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีต ส.ส.เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต.แบ่งเขตพื้นที่ใหม่ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกกังวล ที่ผ่านมาทำงานเข้าถึงพื้นที่และขยายไปยังพื้นที่รอบ ๆ มาตลอดอยู่แล้ว เพราะงานพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนเป็นงานเชิงประเด็นมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน ไม่ว่าเรื่องที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยหรือเบี้ยยังชีพคนชราที่ตนขับเคลื่อนอยู่ไม่สามารถแบ่งขาดด้วยการขีดเส้นเขตปกครองหรือมองเป็นเขตใครเขตมันได้ เมื่อลงไปจัดการแก้ปัญหาใด ๆ ก็จะพยามยามแก้ให้ครบถ้วนและครอบคลุมที่สุด

อย่างไรก็ตาม การแบ่งเขตใหม่พี่น้องประชาชนอาจยังไม่รู้ว่าเขตไหน ใครลงสมัครบ้าง ช่วงนี้จึงขยับไปแนะนำตัวในจุดใหม่ ๆ ซึ่งพบว่าเมื่อไปตั้งโต๊ะปราศรัยจุดใดพี่น้องประชาชนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แม้ตอนแรกพี่น้องประชาชนสะท้อนว่าการแบ่งเขตใหม่ทำให้สับสน แต่เมื่อรู้ว่าตนจะเป็นตัวแทนที่เขาเลือกไปทำงานในสภาได้ กลายเป็นยิ่งยินดีเพราะเชื่อมั่นในการทำงานแบบก้าวไกลและอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่รวมถึงในระดับโครงสร้างของประเทศ

‘ฐิติกันต์’ ผู้สมัครก้าวไกลภูเก็ต ชูศิลปะโปสเตอร์วาดมือติดรถแห่หาเสียง ย้ำ!! หนุนคนทำงานศิลปะ เสริมศักยภาพภูเก็ตนอกเหนือรายได้ท่องเที่ยว

‘ฐิติกันต์’ ผู้สมัครก้าวไกลภูเก็ต ใช้โปสเตอร์วาดมือติดรถแห่หาเสียง เผยได้ไอเดียจากรถแห่หนัง เรียกเสียงตอบรับประชาชน ย้ำนโยบายก้าวไกลมุ่งส่งเสริมคนทำงานศิลปะ เสริมศักยภาพภูเก็ตนอกเหนือรายได้ท่องเที่ยว

(6 เม.ย.66) จากกระแสที่เป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย กรณีรถแห่หาเสียงของ ฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 3 พรรคก้าวไกล ที่มีการนำศิลปินนักวาดโปสเตอร์ภาพยนตร์ มาวาดมือป้ายหาเสียงติดรถ แทนการพิมพ์ป้ายหาเสียงทั่วไป จนกลายเป็นหนึ่งในสีสันของการหาเสียงในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตครั้งนี้

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังฐิติกันต์ ถึงแรงบันดาลใจและที่มาของการหาเสียงในรูปแบบดังกล่าว ซึ่งฐิติกันต์ระบุว่าการทำป้ายหาเสียงโดยใช้ศิลปินวาดมือครั้งนี้ ได้จ้างให้รุ่นน้องช่างศิลป์และนักศึกษาศิลปะ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ที่เคยทำงานร่วมกัน เป็นผู้วาดให้ โดยแรงบันดาลใจจากการที่ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ได้เห็นภาพรถแห่หนังที่ใช้โปสเตอร์วาดมือเช่นนี้ วิ่งกันอยู่ทั่วไปเป็นปกติ ในโลกที่ยังไม่มีเทคโนโลยีเหมือนปัจจุบัน ต้องใช้ฝีมือคนวาดมาวาดภาพโปสเตอร์หนังติดรถ แห่ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ แต่พอโลกพัฒนาขึ้น ทำให้คนเขียนภาพรถแห่หลายคนตกงาน ขาดรายได้ และปัจจุบันการแห่หนังแบบนี้หายไปหมดแล้ว

เมื่อการหาเสียงเลือกตั้งเริ่มต้นขึ้น ตนซึ่งสนใจนโยบายพรรคก้าวไกล ด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยเฉพาะภาพยนตร์ไทย จึงนำรูปแบบดังกล่าวมาใช้แทนการจ้างโรงพิมพ์ตามปกติ เมื่อทำแล้วปรากฏว่าหลายๆ คน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่ต่างเคยมีประสบการณ์เห็นภาพรถแห่หนังเป็นที่ติดตาในอดีต ก็เริ่มนึกถึงภาพบรรยากาศความทรงจำเก่าๆ ทำให้หลายคนเริ่มหันมาสนใจพรรคก้าวไกลมากขึ้น

ฐิติกันต์ยังกล่าวต่อไปว่า สิ่งนี้ยังเป็นเครื่องสะท้อนนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่ต้องการส่งเสริมงานศิลปะ โดยเฉพาะศิลปะที่เป็นงานฝีมือคนไทย ซึ่งหลายงานทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ที่ผ่านมาคนทำงานศิลปะขาดการสนับสนุนจากรัฐอย่างจริงจัง มีแต่การเน้นงานของนายทุนจนลืมมองคนตัวเล็กๆ ที่มีฝีมือและประสบการณ์แต่ขาดโอกาส ซึ่งนี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลอยากเข้าไปส่งเสริมให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นหากได้เป็นรัฐบาล

‘สุวัจน์’ ปัดวิจารณ์ พท.แจกเงินคริปโต มองเป็นนโยบายคลายปัญหาปากท้อง ชี้!! อยู่ที่ปชช. ตัดสินใจ ‘กรณ์’ ย้ำไม่ลงเลือกตั้ง เหตุเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่

สุวัจน์ ปัดวิจารณ์ พท.แจกเงินคริปโต ชี้ ทุกพรรคต้องแข่งขัน นโยบาย แก้ปัญหาศก. ปากท้อง ด้าน “กรณ์” ย้ำ ไม่ลงส.ส. เหตุ ต้องการเปิดโอกาสคนรุ่นใหม่

(6 เม.ย.66) ที่จ.ภูเก็ต นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ปฏิเสธที่จะวิจารณ์ต่อกรณีที่พรรคเพื่อไทย โดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายเติมเงินดิจิทัล  10,000 บาท ให้กับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า ถือเป็นนโยบายแต่ละพรรคที่จะคิด และนำเสนอให้กับประชาชน ซึ่งทุกคนพยายามคิดเพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่ต้องชัดเจนเรื่องปากท้อง ของแพง หรือการไม่มีกำลังด้านเศรษฐกิจ ซึ่งการเลือกก็อยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ 

'ไพบูลย์' รับ 5 นโยบายของ P-move ชี้!! ‘พปชร.’ ดำเนินการมาตลอด ย้ำ!! ‘ลุงป้อม’ มองปชช. คือหัวใจสำคัญการทำงาน ไม่เคยทอดทิ้ง

'ไพบูลย์' ให้คำมั่น พลังประชารัฐ ไม่ทอดทิ้งประชาชน โดยเฉพาะนโยบาย 5 ข้อ ที่ P-move ยื่นถึงพรรค ยินดีช่วยเหลือ หาแนวทางแก้ไขร่วมกัน พร้อมย้ำ ‘ลุงป้อม’ ฝากความห่วงใย เพราะประชาชนถือเป็นหัวใจหลัก ในการทำงาน

(6 เม.ย.66) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมเวที ‘ภาคประชาชนเสนอนโยบายต่อพรรคการเมือง’ ซึ่งขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ P-move และเครือข่ายสลัม 4 ภาค ร่วมกันจัดขึ้นที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ท่าพระจันทร์ โดยกล่าวว่า วานนี้ (5 เมษายน 2566) P-move ได้เดินทางไปที่พรรค เพื่อยื่นข้อเสนอ 5 ด้าน ประกอบด้วย การแก้ปัญหาที่ดิน ที่อยู่อาศัย ทรัพยากรและที่อยู่อาศัย ในรูปแบบโฉนดชุมชน ที่ยังมีปัญหาทั่วประเทศ / เรื่องเสรีภาพ และกระบวนการยุติธรรม ผลักดันสิทธิสถานะและคุ้มครอง กลุ่มชาติพันธุ์ประชาธิปไตยและสิทธิชุมชน สร้างรัฐสวัสดิการและการกระจายอำนาจ รวมถึงแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาของรัฐและสาธารณูปโภค

ซึ่งเห็นด้วยกับข้อเสนอ โดยบางเรื่องบรรจุอยู่ในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว และรับไปดำเนินการ เรื่องอื่น ๆ ไปเสริมเติมแต่งให้เรื่องที่ทำสมบูรณ์เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยหลายเรื่อง พล.อ.ประวิตร ดำเนินการมาตลอด และจะดำเนินการต่อไปให้สมกับคำว่า พรรคกับประชาชน ที่ต้องแก้ไขปัญหา และก้าวข้ามความขัดแย้ง

สำหรับนโยบายเรื่องที่ดินที่ P-move เสนอ ถือว่าสอดรับกับนโยบายของพรรค วันนี้จึงทำหนังสือตอบรับเป็นลายลักษณ์อักษร มอบให้ผู้แทน P-move พร้อมนัดหมาย ในช่วงหลังเลือกตั้ง หากได้รัฐบาลชุดใหม่เป็นที่แน่นอนแล้ว ยินดีให้เข้าพบเพื่อประชุม กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้ยื่นไว้ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขข้อกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งพรรคเห็นว่า สามารถช่วยเหลือ นำเสนอได้ โดยให้ ส.ส.ของพรรค ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขให้ได้ 

ซึ่งถือเป็นกระบวนการทำงานร่วมกับภาคประชาชน ที่พรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ ‘ลุงป้อม’ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเน้นย้ำมาตลอด อีกทั้งการแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชน ถือเป็นหัวใจหลักของ ‘ลุงป้อม’ มาโดยตลอด และพรรคพลังประชารัฐ จะไม่ทอดทิ้งประชาชน

‘ครูแก้ว’ นำทีม ‘ภูมิใจไทย’ สู้ศึกเลือกตั้ง ‘นครพนม’ เชื่อผลงานเข้าตาชาวบ้าน มั่นใจชนะทั้ง 4 เขต

(6 เม.ย. 66) บรรยากาศการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนครพนมนับวันยิ่งเข้มข้น หลังมีการเปิดรับสมัครส.ส.ทั้ง 4 เขต เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา โดยพรรคใหญ่ 2 พรรคที่มีคะแนนนิยมสูงคือ พรรคภูมิใจไทย ที่มี นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขต 2 เบอร์ 3 อดีต ส.ส.แชมป์เก่าเขต 1 นครพนม ที่ย้ายมาลงเขต 2 เป็นแม่ทัพ

ล่าสุด ครูแก้ว ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า แจ้งข่าวญาติพี่น้องนครพนม ภูมิใจไทยนครพนม 4 เขต
เขต 1 ครูพูนสุข โพธิ์สุ  เบอร์ 5
เขต 2 ครูแก้ว ศุภชัย โพธิ์สุ  เบอร์ 3
เขต 3 หมออลงกต มณีกาศ เบอร์ 4
เขต 4 นายชูกัน กุลวงษา เบอร์ 8


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top