Monday, 16 June 2025
SPECIAL

‘ตร.’ รวบ ‘บังฟัด’ รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้เครือข่ายยาบ้า เจ้าตัวรับสารภาพได้ค่าตอบแทน 5 พันบาท

(7 เม.ย. 66) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป.พ.ต.ต.ธีระพงษ์ คงเขียว สว.กก.5 บก.ป.จับกุม นายอาราฟัด ผลพนม อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ จ.118/2566 ลงวันที่ 17 มี.ค.66 ข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตตามีน หรือยาบ้า) และสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ” ได้หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลนาเคียน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุนพิน ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 701,400 เม็ด ขณะซุกซ่อนในรถกระบะ ได้คาด่านตรวจบริเวณแยกยางงาม ต.หนองไทร อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี สอบสวนทราบว่าลำเลียงจาก จ.สมุทรปราการ เพื่อนำไปส่งต่อที่ จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาสอบสวนขยายผลทราบว่า นายอาราฟัด ผู้ต้องหาเป็นหนึ่งในเครือข่ายดังกล่าว จึงขอศาลออกหมายจับไว้ กระทั่งตามจับกุมได้ดังกล่าว

สอบสวน ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธว่า ก่อนหน้านี้มีชายคนหนึ่งมาจ้าง 5,000 บาท ให้เปิดบัญชีธนาคาร โดยไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้ในการโอนเงินซื้อขายยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงนำส่ง สภ.พุนพิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ที่มา : https://mgronline.com/crime/detail/9660000032492

‘ธนาธร’ บุกกรุงเทพฯ อวดโฉมผู้สมัคร ส.ส ก้าวไกล 7 เขตรวด เชื่อ ‘ก้าวไกล-พท.’ สามารถนำพาประเทศสู่ความเป็นประชาธิปไตย

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมหาเสียงกับพรรคก้าวไกลในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มต้นแต่เช้าตรู่ที่ย่านฝั่งธนบุรี แนะนำผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งประกอบด้วย น.ส.แอนศิริ วลัยกนก เขต 25 ทุ่งครุ-ราษฎร์บูรณะ (เบอร์ 9), นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ เขต 26 บางขุนเทียน-จอมทอง (เบอร์ 11), นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เขต 27 บางบอน-บางขุนเทียน (เบอร์ 1) และ น.ส.รัชนก ศรีนอก เขต 28 จอมทอง-บางบอน-หนองแขม (เบอร์ 4) เดินพบปะประชาชนที่ตลาดและชุมชนซอยโรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา และขึ้นรถแห่ร่วมหาเสียงจนถึงจากบางขุนเทียนไปจนถึงสุขสวัสดิ์

ก่อนข้ามฟากจากฝั่งธนบุรี มายังเขตห้วยขวางที่ตลาดเมืองไทยภัทร และตลาดห้วยขวาง หาเสียงช่วย แรมโบ้ นายกันตพณ ดวงอำพร เขต 6 พญาไท-ดินแดง (เบอร์ 3) และ นายเฉลิมชัย กุลาเลิศ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 ห้วยขวาง-วังทองหลาง (เบอร์ 12) ก่อนปิดท้ายการหาเสียงของวันนี้ ที่เขตลาดกระบัง ร่วมกับ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 18 หนองจอก-ลาดกระบัง-มีนบุรี (เบอร์ 8) ที่ตลาด V-Market โดยการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในพื้นที่กรุงเทพมหานครวันนี้ ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น มีประชาชนเข้ามาพูดคุย ให้กำลังใจ และขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก

ระหว่างการร่วมหาเสียง สื่อมวลชนที่มาติดตามได้ถามคำถามต่อนายธนาธร ถึงสถานการณ์ทั่วไปในทางการเมืองและการเลือกตั้ง โดยเบื้องต้นได้สอบถามถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งนายธนาธรระบุว่า การแบ่งเขตเช่นนี้ กำลังนำมาซึ่งความสับสนต่อทั้งประชาชนและพรรคการเมือง แต่ไม่ว่ากติกาจะเป็นแบบไหน ตนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลก็พร้อมสู้ และเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวกรุงเทพมหานคร เพราะผลงาน 4 ปีในสภาฯ เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าพรรคก้าวไกลทำงานอย่างมุ่งมั่นคุ้มค่าภาษีประชาชน โดยต่อจากนี้ ทั้งพรรคก้าวไกลและตนจะใช้อีก 40 วันที่เหลือในการทำงานให้หนัก ให้พี่น้องประชาชนเห็นถึงความตั้งใจที่เรามีร่วมกัน

นายธนาธรยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีการออกแบบนโยบายด้านปากท้องทึ่แตกต่างกันไปของแต่ละพรรคการเมือง โดยระบุว่า จากวิกฤตที่ผ่านมาทั้งในทางเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้วันนี้คนไทยอ่อนแอลงมาก ประเทศไทยจะเข้มแข็งไม่ได้เลยถ้าประเทศไทยและคนไทยยังมีหนี้ครัวเรือนที่สูงขนาดนี้ ถ้าคนไทยยังต้องทนปากกัดตีนถีบใช้ชีวิตไปวันต่อวัน วางแผนชีวิตไม่ได้ ไม่มีความมั่นคงในชีวิตต่อยอดไม่ได้ เพื่อออกจากสภาวะแบบนี้ ประเทศไทยต้องมีรัฐสวัสดิการที่ยั่งยืนเพื่อให้ประชาชนมั่นคง มีความต่อเนื่องของนโยบาย เพื่อที่จะทำให้ประชาชนสามารถ วางแผนชีวิตตัวเองและต่อยอดการทำมาหากินได้

‘ธนาธร’ ปล่อยไก่ หาเสียงให้พรรคก้าวไกล แต่ดันพูดชื่อ ‘เพื่อไทย’ เต็มปากเด็มคำ

เรียกว่าโป๊ะ แบบโบ๊ะบ๊ะ ขำลั่นกันทั้งรถ เมื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นรถหาเสียง ส่งเสียงขายนโยบาย แต่พูดไปพูดมากลายเป็นขอคะแนนเสียงให้เพื่อไทยซะงั้น…
 

‘ผู้การแต้ม’ โวย!! ป้ายหาเสียงถูกปลด พบป้าย ‘ทสท.’ เสียบแทน เตรียมร้อง กกต.-แจ้งความเอาผิด วอน ทุกพรรคทำตามกติกา

(7 เม.ย. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่  พรรคปชป.แถลงว่า พบว่าป้ายหาเสียงของตนและผู้สมัครของพรรค ปชป.หลายเขตใน กทม.รวมไปถึงป้ายหาเสียงของพรรคอื่น ๆ อาทิ พรรคก้าวไกล (กก.), พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ถูกปลดออกเช่นกัน แล้วกองไว้ในตำแหน่งที่ป้ายดังกล่าวเคยถูกติดตั้ง ซึ่งป้ายที่ถูกนำมาติดตั้งแทนที่นั้น เป็นป้ายหาเสียงของพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.)

“ผมมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ระบบประชาธิปไตย และผิดกฎหมายอาญาด้วย เพราะป้ายหาเสียงเป็นทรัพย์สินของผู้สมัคร การมาปลดป้ายหาเสียงไปทิ้งทำลาย ถือว่าเป็นการทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งทางพรรค ปชป.จะดำเนินการแจ้งความ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำภาพจากวงจรปิดมาตรวจสอบหาผู้กระทำผิดต่อไป” พล.ต.ต.วิชัย กล่าว

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อว่า ขอวิงวอนให้ทุกพรรคการเมืองหาเสียงภายใต้กฎกติกา มารยาท และตามกฎหมาย เพราะผู้ที่จะอาสามาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน เมื่อขณะเป็นผู้สมัครยังหาเสียงอย่างไม่สุจริต หากได้เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส. แล้ว ตนก็ไม่สามารถเชื่อได้ว่า ผู้นั้นจะสามารถทำงานได้อย่างซื่อสัตย์สุจริต สำหรับกรณีนี้ตนได้เตรียมหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะนำไปยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

‘บิ๊กป้อม’ ย้ำลูกพรรค หาเสียงอย่างสร้างสรรค์ สร้างความเข้าใจเยาวชน อย่าหลงกลคนจ้องดิสเครดิต

(7 เม.ย.66) รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้ย้ำแกนนำพรรค และผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนว่า ต้องหาเสียงสร้างสรรค์ อย่าโจมตีสาดโคลน รักษากฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรงเด็ดขาด เพราะ พล.อ.ประวิตร ประเมินแล้วว่า ในช่วงนี้บางพรรคพยายามปั่นกระแส และดิสเครดิตพรรคพลังประชารัฐในเรื่องสนับสนุนการยึดอำนาจในช่วงที่ผ่านมา แต่ พล.อ.ประวิตร ให้แนวทางไปว่า ควรชี้แจงกับประชาชนว่าพรรคยึดกติกาและรักษาประชาธิปไตย รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร ช่วยประสานความขัดแย้งในช่วงที่ผ่านมาเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าและกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเร็วที่สุด วันข้างหน้าความขัดแย้งต้องลดลง และจางหายไปในที่สุด

รายงานข่าวกล่าวว่า พล.อ.ประวิตร บอกกับแกนนำพรรคให้แจ้งผู้สมัคร ส.ส.เวลาลงพื้นที่ว่า ที่ผ่านมาเยาวชนกลุ่มสามนิ้วมาประท้วง พล.อ.ประวิตร เช่น น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรือ อั๋ว แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่มายกสามนิ้วให้ พล.อ.ประวิตร ในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.หลักสี่-จตุจักร แต่ พล.อ.ประวิตรได้ทักทาย และย้ำว่าเป็นลูกหลาน จนเหตุการณ์ไม่บานปลาย หรือกรณี น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ แกนนำกลุ่มคณะราษฎร 2563 ที่มาขอสัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร ซึ่ง น.ส.ภัสราวลี ก็บอกสื่อมวลชนไปว่า หลังจากพูดคุยกับพลเอกประวิตรก็พบสัญญาณที่ดี เป็นต้น ตรงนี้แปลว่าเยาวชนกลุ่มสามนิ้วที่ต่อต้านนั้นหากได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร แล้วก็จะเข้าใจและปรับท่าที่ในเชิงบวกขึ้น รวมทั้ง พล.อประวิตร ยังพร้อมพูดคุยกับทุกฝ่ายเสมอ เพื่อให้บรรยากาศบ้านเมืองดีขึ้น ซึ่งตรงกับแนวทางของ พล.อ.ประวิตร ที่ให้แคมเปญหาเสียงว่าก้าวข้ามความขัดแย้ง

รายงานข่าวกล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ย้ำว่าหากเยาวชนต้องการมาพูดคุยกับตนหรือแกนนำพรรคนั้น ขอให้ยึดหลักเคารพกฎหมายและวัฒนธรรมอันดีของประเทศ สิ่งใดที่มาพูดคุย หรือเรียกร้องหากอยู่ในครรลองและกฎหมายก็สามารถร่วมมือกันได้ และที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร พอใจกับการพูดคุยกับเยาวชน นักศึกษาหลายสถาบันที่กลุ่มเฟซบุ๊ก FC ลุงป้อม ได้วิดีโอคอลให้ พล.อ.ประวิตร ได้สื่อสารกับคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่ได้สะท้อนปัญหาหลายเรื่องให้ พล.อ.ประวิตร และทีมงาน FC ลุงป้อม รับไว้พิจารณาแก้ไข โดยพบว่าท่าทีของคนรุ่นใหม่นั้นพร้อมที่จับมือฝ่ายต่างๆ เพื่อลดความขัดแย้ง และไม่มีท่าทีต่อต้าน พล.อ.ประวิตร ตรงนี้ทำให้ พล.อ.ประวิตร มั่นใจว่า หากเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่สื่อสารกับแกนนำพรรคต่างๆ อย่างเต็มที่นั้น ความเข้าใจที่ไม่ตรงกันเป็นบ่อเกิดของความเห็นที่รุนแรงทางการเมือง จะลดระดับลงไปได้

‘เศรษฐา’ แจงปม ‘เป๋าตังดิจิทัล 1 หมื่นบาท’ มั่นใจ!! เศรษฐกิจโต ปีละไม่ต่ำกว่า 5%

(7 เม.ย.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบายพรรค พท. และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค พท. นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค แถลงกรณีมีการตั้งข้อสงสัยกระเป๋าตังค์ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท 

นายเศรษฐา กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากที่พรรค พท. แถลงนโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัลวอลเลตเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าจะเอาเงินมาจากไหน ช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมาประเทศเราบอบซ้ำมาเยอะโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ พี่น้องประชาชนมีรายได้ลด รายจ่ายเพิ่ม จนกระทั่งอยู่ในภาวะที่เรียกว่าซึมลึก ซึมนาน ซึมยาว รัฐบาลปัจจุบันก็ค่อยๆ หยอดน้ำข้าวต้มมาเรื่อยๆ เป็นจำนวนเงินเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง ไม่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจที่เหมาะสม พรรค พท.เราคิดใหญ่ทำเป็น โดยจำนวนเงิน 10,000 บาทนั้น เราจะให้เป็นเงินดิจิทัล 10,000 บาทเลย ที่ต้องให้เป็นกระเป๋าตังค์ดิจิทัลไม่ให้เป็นเงินสด เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่เราสามารถจำกัดวิธีการใช้ได้ หากให้เป็นเงินสดก็อาจจะใช้ไปในทางอื่นที่ไม่เหมาะสม เช่น เรื่องของการพนัน ยาเสพติด การใช้หนี้นอกระบบ เทคโนโลยีจะสามารถบอกได้ว่าไปใช้อะไรบ้าง ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่าหากเป็นหนี้สถาบันการเงิน จะสามารถนำไปใช้ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เราต้องลงพื้นที่เพื่อสอบถามความต้องการ หากเป็นความต้องการเราก็จะนำมาพิจารณาอีกครั้ง 

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ส่วนระยะเวลาที่เราให้ใช้ภายใน 6 เดือนนั้น เพราะเราต้องการกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องให้ความสำคัญ อีกเรื่องคือระยะรัศมีในการใช้ตามบัตรประชาชน 4 กิโลเมตรนั้น หากพื้นที่ไหนที่ไม่มีร้านค้า ก็สามารถขยายระยะทางออกไปได้ ส่วนคนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ แต่บัตรประชาชนอยู่ต่างจังหวัดจะสามารถใช้ได้หรือไม่นั้น เราตอบชัดเจนว่าไม่ได้ เพราะเราอยากให้กลับไปใช้เงินที่บ้าน เพื่อที่จะไปกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ไม่ใช่มากระจุกตัวที่หัวเมืองอย่างเดียว หากภายใน 6 เดือนนั้นไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเลย เงินก็จะหายไป ฉะนั้นคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ให้พี่น้องได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ภูมิลำเนาและไปกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนด้วย 

เมื่อถามว่ามีนักวิชาการมองว่าเป็นนโยบายประชานิยมสุดขั้ว พร้อมตั้งคำถามว่าเงินมาจากไหน และจะกระทบหนี้สาธารณะของประเทศ นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายนี้จะทำให้ภาครัฐเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้น นี่จะตอบคำถามได้ว่าเงินมาจากไหน ยืนยันว่าเม็ดเงินมาจากการจัดสรรงบประมาณ การจัดเก็บภาษี VAT ที่ได้เพิ่มมากขึ้น และการจัดเก็บภาษีนิติบุคคล รวมทั้งสวัสดิการรัฐที่ลดน้อยลง ตนไม่อยากให้ใช้คำว่าประชานิยมสุดโต่ง แต่เป็นความจำเป็นและความต้องการของพี่น้องประชาชนที่ต้องการการช่วยเหลือเวลานี้

เมื่อถามว่างบประมาณปี 67 ที่ตั้งไว้ 3.35 ล้านล้านบาท ถ้าเป็นรัฐบาลและนำเสนอนโยบายนี้ จำเป็นต้องปรับลดงบประมาณกระทรวงอื่นๆ อย่างเช่นกระทรวงกลาโหม หรืองบประมาณลงทุนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีจะได้เพิ่มมากขึ้นกว่า 2 แสนล้าน ส่วนงบประมาณอื่นๆ นั้น จะต้องดูงบประมาณในส่วนอื่นๆ ไม่ใช่งบประมาณกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ว่าอะไรเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน 

เมื่อถามว่าจำนวนเงินที่ได้สามารถนำไปใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ได้ทั้งหมด ยกเว้นซื้อบุหรี่หรือใช้หนี้นอกระบบ 

เมื่อถามว่าร้านค้าสะดวกซื้อทั่วไปร่วมโครงการได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า สามารถเข้าร่วมโครงการได้ทั้งหมด ไม่กีดกั้นใครคนใดคนหนึ่ง เราเสมอภาคเท่าเทียม 

เมื่อถามว่าคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปสามารถใช้ได้ แล้วจะใช้งบประมารณเท่าไร นายเศรษฐา กล่าวว่า จะมีประชาชนกว่า 50 ล้านคนที่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งจะใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท คาดว่าจะเริ่มโครงการได้ช่วงไตรมาส 3 หากเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งจะเริ่มได้ประมาณวันที่ 1 ม.ค.67 

เมื่อถามว่าคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ภายใน 4 ปี การเติบโตของจีดีพีเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี 

เมื่อถามว่ากรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านโยบายนี้มองประชาชนเป็นยาจก นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมไม่เคยมองประชาชนเป็นยกจก เป้าหมายของของพรรค พท. คือช่วยประชาชนพ้นหลุมดำของความยากจน ถ้าเกิดว่าดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เป็นจุดสตาร์ทให้ประชาชนลุกขึ้นเดิน ลุกขึ้นทำมาหากินได้อีกครั้งหนึ่ง ผมถือว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน”

เปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในศึกเลือกตั้ง 2566

เปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในศึกเลือกตั้ง 2566

 

พรรครวมไทยสร้างชาติ
1.พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
2.พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

พรรคพลังประชารัฐ
1.พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

พรรคก้าวไกล
1.พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พรรคประชาธิปัตย์
1.จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
.
พรรคภูมิใจไทย
1.อนุทิน ชาญวีรกูล

‘พิธา’ ลุยพื้นที่สมุทรปราการ อ้อนขอคะแนน ปชช. ชูนโยบาย ‘หวยใบเสร็จ’ กระตุ้นเศรษฐกิจรายย่อย

(7 เม.ย.66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย วรรณวิภา ไม้สน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเพื่อช่วยหาเสียงผู้สมัคร ส.ส. สมุทรปราการ พรรคก้าวไกลในหลายเขตพื้นที่ โดยตลอดการหาเสียง มีพี่น้องประชาชนให้การต้อนรับและร่วมพูดคุยอย่างคึกคัก ก่อนที่ในช่วงเย็น พรรคก้าวไกลจะจัดเวทีปราศรัยย่อย เพื่อแนะนำนโยบายพรรคและผู้สมัคร ส.ส. ณ ตลาดครุในไนซ์มาร์เก็ต อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

สำหรับช่วงเช้า เริ่มต้นที่ตลาดสุขอนันต์คลองด่าน พิธา และ ตรัยวรรธน์ อิ่มใจ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 8 พรรคก้าวไกล เดินตลาดเพื่อทักทายประชาชนในพื้นที่ ระหว่างหาเสียง มีประชาชนเข้ามาพูดคุยและร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก จากนั้นหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ ในหลายเขตพื้นที่ ได้ขึ้นรถแห่รอบตลาดตำหรุ พื้นที่เขตบางปู ร่วมกับ รัชนก สุขประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคก้าวไกล เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมฟังปราศรัยย่อยในช่วงค่ำ ระหว่างเดินทักทายประชาชน ได้รับเสียงตอบรับจากพ่อค้าแม่ขายและคนในพื้นที่เป็นอย่างดี

ด้านวรรณวิภา ในฐานะอดีตแรงงานที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมปราศรัยขอคะแนนพี่น้องประชาชน ให้ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านการเลือกตั้ง กาก้าวไกลเพื่อให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ให้คนใหม่ได้เข้าไปทำงานในสภาฯ ให้พิธาเป็นนายกฯ

‘ธรรมรักษ์’ ติวเข้มผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ พปชร. เน้นก้าวข้ามความขัดแย้ง ตามเจตนารมณ์ ‘บิ๊กป้อม’

(7 เม.ย.66) พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ลงพื้นที่จ.ชัยภูมิ ให้กำลังใจ และแนะนำผู้สมัครส.ส.ชัยภูมิ 7 คน ได้แก่นางจิตราภรณ์ กล้าแท้ เบอร์ 3 เขต 1 อ.ชัยภูมิ (ยกเว้น ต.ห้วยต้อน ต.ท่าหิน ต.ชับสีทอง), น.ส.สุนทรี ชัยวิรัตนะ เบอร์ 4 เขต 2 อ.จัตุรัส อ.เนินสง่า อ.บ้านเขว้า อ.ซับใหญ่, นายสนั่น พัชรเตชโสภณ เบอร์ 7 เขต 3 อ.บำเหน็จณรงค์ อ.เทพสถิต อ.หนองบัวระเหว, น.ส.กาญจนา จังหวะ เบอร์ 5 อ.หนองบัวแดง อ.ภักดีชุมพล อ.เมืองชัยภูมิ (เฉพาะต.ห้วยต้อน) อ.เกษตรสมบูรณ์ (เฉพาะต.หนองข่า), นายสุขสันต์ ชื่นจิตร เบอร์ 6 เขต 5 อ.เกษตรสมบูรณ์ (ยกเว้น ต.หนองข่า) อ.คอนสาร, นายพีระพล ติ้วสุวรรณ เบอร์ 7 เขต 6 อ.ภูเขียว อ.บ้านแท่น และนายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ เบอร์ 7 เขต 7 อ.แก้งคร้อ อ.คอนสวรรค์ อ.เมืองชัยภูมิ (เฉพาะ ต.ท่าหินโงม และต.ซับสีทอง) โดยมีนายอร่าม โล่ห์วีระ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชัยภูมิ พร้อมด้วยชาวบ้านให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ผู้สมัครของพรรคพปชร. ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง โดยขอให้ประชาสัมพันธ์หมายเลขของพรรคให้ประชาชนรับทราบ พร้อมกับเดินหน้าลงพื้นที่เพื่อชูนโยบายของพรรคให้ทุกคนเข้าใจ นอกเหนือจากการดูแลปากท้องชาวบ้านให้อยู่ดีกินดี มีรายได้เพิ่มขึ้น ยังต้องมุ่งเข้าไปดูแลปัญหาทางสังคมให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ป้องกันเด็กและบุคลากรทางการศึกษาให้ห่างไกลจากยาเสพติด และที่สำคัญต้องสร้างให้สังคมไทยก้าวข้ามความขัดแย้งตามนโยบายของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มุ่งมั่นมาโดยตลอด

‘เพื่อไทย’ ลั่น!! ‘สร้างโอกาสใหม่ เพื่อฟุตบอลไทย’ ขอยกระดับมาตรฐานวงการทัดเทียมนานาชาติ

‘เพื่อไทย’ ประกาศแผน 100 วันแรก ดันกีฬาฟุตบอล ชูนโยบาย ‘สร้างโอกาสใหม่ เพื่อฟุตบอลไทย’ ยกระดับมาตรฐานวงการฟุตบอลไทย ส่งนักกีฬาไทยไประดับโลก

(7 เม.ย.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะที่ปรึกษานโยบายกีฬา พรรคเพื่อไทย แถลงนโยบาย ‘สร้างโอกาสใหม่ เพื่อฟุตบอลไทย’ โดย นายพิมล กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายใหญ่โดยจะยกระดับมาตรฐานกีฬาฟุตบอลไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ สร้างนักกีฬาสมัครเล่นไปสู่นักกีฬาฟุตบอลอาชีพระดับโลกด้วยการพัฒนาสภาพแวดล้อมของวงการฟุตบอลอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างรายได้ สร้างงานอย่างมั่นคง นอกจากนักกีฬามืออาชีพ ยังมีทั้งผู้ตัดสิน ผู้ฝึกสอน นักวิทยาศาสตร์การกีฬา

ทั้งนี้ ในอดีตพรรคไทยรักไทยได้ริเริ่มโครงการ ‘สตรีท ซอคเกอร์’ (Street soccer) ทั่วประเทศ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง ได้จุดประกายให้เยาวชนที่มีใจรักในกีฬาฟุตบอลให้หันมาเล่นกีฬานี้อย่างจริงจัง นักกีฬาที่จัดอยู่แถวหน้าของการแข่งขัน ได้รับโอกาสไปฝึกซ้อมในต่างประเทศกับทีมชั้นนำ เช่น ทีมฟูแลม (Fulham F.C.) ซึ่งนโยบาย ‘สร้างโอกาสใหม่ เพื่อฟุตบอลไทย’ จะมาต่อยอดจากนโยบายนี้

กกต. แจ้ง 10 ข้อห้ามทำในช่วงเลือกตั้ง ฝ่าฝืนเจอโทษหนัก ‘เพิกถอนสิทธิ-ยุบพรรค’

(7 เม.ย.66) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เน้นย้ำเกี่ยวกับ ‘ข้อห้าม’ ไม่ให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการ

1.จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด

2.ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์หรือสถาบันอื่นใด

3.ทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ

4.เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด

5.หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง

‘อรรถวิชช์’ ย้ำ!! แบ่งเขตแบบนี้ ประชาชนสับสน ส.ส.ทำงานยากขึ้น ลดความผูกพันผู้คนในพื้นที่

(7 เม.ย. 66) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวหลังศาลปกครองพิพากษายกฟ้องคดี กกต. ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง กทม. ไม่ขัดต่อกฎหมายว่า ถือเป็นสร้างบรรทัดฐานใหม่ เห็นได้ชัดว่า การเลือกตั้งรอบนี้ กกต. ยึดหลักเกณฑ์ค่าเฉลี่ย 10% คำนวณหา ส.ส. 1 คนต่อจำนวนราษฎร เป็นครั้งแรก ซึ่งตนได้เน้นย้ำว่า หลักเกณฑ์ดังกล่าว ส่งผลให้ละลายเขตเลือกตั้ง และ ศาลมีดุลยพินิจว่า การจะใช้หลักเกณฑ์คำนวณหา ส.ส.นั้น ล้วนเป็นอำนาจของ กกต. ในการกำหนดเกณฑ์ 10% โดยถือหลักจำนวนราษฎรสำคัญกว่า การนำอำเภอมาใช้แบ่งเขตเลือกตั้ง ก็แปลว่าในอนาคตการเดินลงพื้นที่ของ ส.ส. จะลำบากมากขึ้น เพราะเขตเลือกตั้งต่อจากนี้จะถูกแบ่งเขตได้ตลอดเวลา

‘ชวน’ ประเดิมปราศรัยใหญ่ ลานคนเมืองเย็นนี้ ก่อนเดินหน้าลุยช่วย ‘ปชป.’ หาเสียงทั่วประเทศ

(7 เม.ย.66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การปราศรัยใหญ่ของพรรคฯ ที่ลานคนเมือง กทม.ในวันนี้ (7 เม.ย. 66) ตั้งแต่เวลา 17.30 น.เป็นต้นไป นอกจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ จะนำทัพผู้สมัคร ส.ส. กทม. ปชป. และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พบปะประชาชนแล้ว นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ประเดิมเป็นครั้งแรกด้วย ก่อนที่จะเดินสายรณรงค์หาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคทั่วประเทศ โดยนายชวน พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวนหนึ่งจะร่วมคณะเดินสายช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส. ปชป. ทั่วประเทศจนเสร็จสิ้นการหาเสียงในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พ.ค. ตามกฎหมายกำหนด ก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566

‘หัวไทร-ปากพนัง’ เขตที่ ‘แทน’ ต้องทำให้ ‘เท่ห์’ ชนะ แต่ต้องจับตา ‘มนตรี-เพื่อไทย’ พร้อมเสียบ

เดินเก็บข้อมูลอยู่ในเขต 3 นครศรีธรรมราช (ปากพนัง-หัวไทร) 3 วัน ได้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ถึงวิธีคิดของชาวบ้านที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยยะ

เขตหัวไทร-ปากพนัง เดิมเป็นเขตเลือกตั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันเป็นเขต 3 ซึ่งมี ‘สัญหพจน์ สุขศรีเมือง’ เป็น ส.ส.อยู่ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ และเลือกตั้งคราวนี้ยังอยู่ในสังกัดพลังประชารัฐเหมือนเดิม และเป็นพรรคที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค รวมทั้งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ตามที่ได้ฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้าน กระแสของ ‘สัญหพจน์’ แผ่วเบามาก และแผ่วเบาพอ ๆ กับเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งสัญหพจน์ได้รับการเลือกตั้ง น่าจะเกิดจากกระแส ‘ลุงตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากกว่า เมื่อบวกรวมกับความต้องการเปลี่ยนของชาวบ้าน และสอนบทเรียนให้ประชาธิปัตย์ ทำให้สัญหพจน์ได้รับการเลือกตั้งเข้าไปเป็น ส.ส. และถือเป็นเขตล้มช้าง เพราะเอาชนะ ‘วิทยา แก้วภารดัย’ จากพรรคประชาธิปัตย์ ชนิดหักปากกาเซียน

แต่สำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ ‘ลุงตู่’ ไม่อยู่แล้ว ย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ กระแสลุงตู่สำหรับสัญหพจน์จึงไม่มี ไม่มีตัวช่วยเหมือนครั้งก่อน ตัวช่วยอย่าง พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ก็ไม่อยู่แล้ว คราวปี 2562 พ.อ.สุชาติ เป็นตัวช่วยในการทำคะแนนให้สัญหพจน์ไม่น้อย

ถามว่า ถ้าอย่างนั้นกระแสจะไปอยู่ตรงไหน ใครมีโอกาสได้รับเลือกเป็น ส.ส. ย้อนไปเมื่อ 5-6 เดือนก่อน กระแสของ ‘มานะ ยวงทอง’ จากพรรคภูมิใจไทย ค่อนข้างแรงกับคนรุ่นใหม่ กับพรรคที่กำลังมีกระแสแรงในภาคใต้ แต่วันเวลาผ่านไป กระแสของมานะเริ่มจะถดถอย ถดถอยอันเกิดจากหลายเหตุผล ประการแรกเกิดจากตัวมานะเองที่ไม่ชัดเจนในบางเรื่อง ทำงานจัดตั้งไม่เข้มแข็งพอ ได้หน้าลืมหลัง เดินไปข้างหน้า ไม่หันไปมองข้างหลัง หัวคะแนนระดับ ‘หัวกะทิ’ เริ่มถอยห่าง ซึ่งเป็นหัวกะทิในระดับจัดการคะแนนได้ จัดตั้งเป็น รู้จักคนในพื้นที่ดีว่าใครเป็นใคร น่าจะช่วยใคร แต่มานะกลับไม่เห็นคุณค่า ปล่อยให้เขาเคว้งคว้าง และคนอื่นมาคว้าพุงปลามันไปกิน

เมื่อบวกรวมกับกระแสพรรคภูมิใจไทยที่ไม่หวือหวาเหมือนเดิม ถูกโหมกระหน่ำหนักทั้งเรื่องกัญชา เรื่องศักดิ์สยาม ชิดชอบ ถูกศาลสั่งพักงาน ‘เสี่ยชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์’ ก็ตามบี้ไล่หลัง ยังมีเรื่องศาลสั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง ที่ถูกกล่าวหาบุกรุกที่ดินรถไฟอีก…หนักหน่อยนะ

ใครเข้ามาคว้า ที่เห็นอย่างน้อยสองคน คนแรกคือ ‘เท่ห์’ พิทักษ์เดช เดชเดโช จากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเขตเลือกตั้งชัด ‘เท่ห์’ ก็ชัดว่า จะลงเขต 3 และเริ่มลุยหัวไทรทันที โดยหลังจากบุกปากพนังมาแล้วหลายเดือนจนลงตัว ‘เท่ห์’ ก็เข้าหัวไทรถี่ยิบ โดยมีพี่ชาย ‘แทน’ ชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนชี้เป้า ชี้เป้าไปยังผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และผู้นำตามธรรมชาติ และบางคนแทนยกหูคุยเอง และเดินทางไปพบด้วยตัวเอง

ไม่ใช่แค่นั้น หลังแทนบุกเข้าไปชี้เป้าให้เท่ห์ ยังมี ‘เจ๊ต้อย’ กนกพร เดชเดโช นายกฯ อบจ.ผู้เป็นแม่ ตามไปสำทับ ผ่านองค์กรท้องถิ่น ผู้นำสตรีอีกครั้ง กระแสประชาธิปัตย์ที่เดิมไม่ค่อยดีนัก แต่การเข้ามาเองของ ‘แทน-ต้อย’ เริ่มมีคนกล่าวขานถึง กล่าวขานถึงการมีโอกาสได้รับเลือกตั้งสูง และเชื่อว่า ‘ต้อย-แทน’ จะต้องทำให้ ‘เท่ห์’ ชนะในเขตนี้ ไม่งั้นก็ ‘บัดสีคน’

เมื่อ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ จะก้าวข้าม พร้อมผงาดนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

ได้ยินมาเต็มสองรูหูจากปาก ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่า เบื้องหลังหมายเลข 7 เบอร์ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคนั้น พระอาจารย์ภัตร อริโย แห่งวัดนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เป็นผู้จัดให้...

ตอนไปกราบพระอาจารย์บอกว่าอยากได้หมายเลข 1 แต่พระอาจารย์บอกว่าเลขที่ถูกโฉลกกับพรรคภูมิใจไทยงวดนี้คือ หมายเลข 7

แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามพระอาจารย์ว่า... แต่แค่นั้นยังไม่พอ อนุทิน เล่าด้วยว่า พระอาจารย์ภัตร อริโย ยังบอกว่า หลังวันที่ 14 พ.ค.วันเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยจะได้เลขสามหลัก ซึ่งตรงกับที่ตนคำนวณไว้ทุกประการ…

ครับ..วันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยอายุครบ14ขวบ ย่างสามขุมสู่ปีที่ 15 ว่ากันตามทฤษฎีการเมืองแบบไทยๆ  พรรคที่อายุเกินรอบนักษัตร 12 ปี ก็พอจะนับเป็น ‘สถาบันทางการเมือง’ ได้แล้ว…

และที่น่าจับตายิ่งปีนี้ หลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค.เชื่อตรงกันแทบทุกสำนักว่า ภูมิใจไทย จะเข้าป้ายลำดับสอง รองจาก พรรคเพื่อไทย อยู่ที่ 100 บวกลบที่นั่ง...โดยประการสำคัญยิ่ง พรรคภูมิใจไทย จะเป็นแชมป์ในปีกขั้วอำนาจเดิมหรือรัฐบาลในปัจจุบัน

ดังนั้น ตามคณิตศาสตร์การเมือง...ภูมิใจไทย และ อนุทิน ชาญวีรกูล วันนี้ คือ ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีและแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเลยทีเดียว...

คำนวณกันทีเล่นทีจริง ถ้าผลเลือกตั้งออกมาประมาณว่า ภูมิใจไทย 100 เสียง รวมไทยสร้างชาติ, ประชาธิปัตย์, พลังประชารัฐ ได้พรรคละ 50 เสียงเท่ากัน ก็นับได้ 250 เสียงแล้ว บวกกับอีกสองพรรคคือชาติไทยพัฒนาและชาติพัฒนากล้าอีกอย่างน้อย 15 เสียง เท่ากับ 265 เสียง..เป็นเสียงข้างมากในสภาฯ ตอนโหวตเลือกนายกฯ ถ้า ส.ว.ไม่งอแง ยกมือหนุนให้อนุทินเป็นนายกฯ ได้...


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top