Sunday, 15 June 2025
SPECIAL

‘พปชร.’ เตรียมปล่อยทีเซอร์ซิงเกิล ต้อนรับวันสงกรานต์ ด้าน ‘บิ๊กป้อม’ นำทัพขุนพล-ผู้สมัคร มุ่งมั่นทำงานเพื่อ ปชช.

(12 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พรรคพลังประชารัฐ ได้เผยแพร่ข้อความและภาพ ประกอบเพลง เพื่อใช้สำหรับหาเสียงเลือกตั้ง ผ่านไลน์พรรค พปชร. ข้อความระบุว่า…

“พปชร.เซอร์ไพรส์ เปิดทีเซอร์ซิงเกิล!!! ก่อนปล่อย MV ฉบับเต็มต้อนรับปีใหม่ไทย 13 เมษายน 2566 ของขวัญจากใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ ‘ลุงป้อม’ ของทุกคน นำทัพขุนพลและผู้สมัคร ส.ส.พปชร.ที่พร้อมอาสาทำงานให้ประชาชนด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ มอบความสุข รอยยิ้มให้กับคนไทยทุกคน”

‘โซเชียล’ ท้วง!! หลัง กกต. ชี้!! แจกเงินดิจิทัลไม่ผิด หวั่น!! สร้างบรรทัดฐานใหม่ ใช้เงินแผ่นดินหาเสียง

(12 เม.ย.66) จากเฟซบุ๊ก ‘Sompob Pordi' ของ นายสมภพ พอดี นิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความถึงนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ความว่า…

ตามที่มีรายงานข่าวว่า ท่านได้กล่าวถึงนโยบายพรรคการเมืองหนึ่งที่สัญญาว่า หากได้เป็นรัฐบาลแล้ว จะแจกเงินดิจิทัลจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาทให้ประชาชนทุกคนที่อายุ ๑๖ ปีขึ้นไปนั้นว่า…

…เป็นนโยบายที่ใช้งบประมาณแผ่นดินอยู่แล้ว หากได้ไปเป็นรัฐบาล นโยบายลักษณะนี้จะไม่ผิดกฎหมายสัญญาว่าจะให้ ซึ่งนโยบายที่จะเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ คือการใช้เงินที่ไม่ใช่เงินของแผ่นดิน...
ผมใคร่ขอให้ท่านพิจารณาข้อความตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา ๗๓ วรรค ๑ ซึ่งมีข้อความว่า…

ผู้สมัครหรือผู้ใด จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด…มีความผิดตามกฎหมาย โดยมีบทลงโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ถึง ๑๐ หรือปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ ถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับนั้น

ว่า มีถ้อยคำใดในกฏหมายดังกล่าวที่ระบุว่าการสัญญาว่าจะให้ จะต้องเป็นเงินของผู้สัญญาเอง หากเป็นเงินของแผ่นดิน ให้ถือว่าไม่เป็นความผิด หรือไม่? 

‘วิโรจน์’ ชี้!! ‘พปชร.-รทสช.’ กลับลำ พร้อมดีลทุกพรรค สะท้อนการเมืองแบบเก่า ลั่น!! ‘ก้าวไกล’ ไม่เอาระบบแบบนี้

‘วิโรจน์’ ชี้ ‘พปชร.-รทสช.’ กลับลำแทงกั๊ก พร้อมดีลทุกพรรค สะท้อนการเมืองเก่า-ไร้จุดยืน

เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรค ก.ก. แต่ภายหลังนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พปชร. กลับบอกว่าพร้อมดีลทุกพรรค ว่า ตอนนี้ประชาชนต้องแยกให้ออกว่า นี่คือความเห็นส่วนบุคคล หรือเป็นความเห็นของพรรค เท่าที่ตามข่าวพบว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา และประธานภาคเหนือ พรรค พปชร. ก็บอกว่าเป็นความเห็นของนายไพบูลย์ คนเดียว เช่นเดียวกับนายสันติ ตอนนี้น่าจะมีแต่พรรค ก.ก. พรรคเดียวที่ยืนยันเป็นมติพรรคว่า จะไม่ร่วมกับรัฐบาลทหารจำแลง คำพูดของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. หรือคำพูดของผู้สมัคร ส.ส.เขต และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อคนใด ก็พูดตรงกัน เพราะเป็นมติของพรรคก.ก. ที่จะไม่ร่วมงานกับพรรค พปชร. และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า การประกาศว่าเราไม่ร่วมกับพรรคทหารจำแลง ไม่ใช่แค่การประกาศเชิงสัญลักษณ์หรือเอาเท่ห์อย่างเดียว แต่มีเหตุผลคือพรรค ก.ก. มีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 รวมทั้งการปฏิรูปองค์กรอิสระที่เป็นนั่งร้านให้กับเครือข่ายรัฐประหาร และการจัดการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่เป็นพิมพ์เขียวของการแบ่งปันผลประโยชน์ของเครือข่ายอุปถัมภ์ของผู้ก่อรัฐประหาร ดังนั้นถ้าเรามีจุดยืนที่จะแก้ไขบ้านเมืองแบบนี้ แต่กลับไปเอาพรรคที่เป็นสารตั้งต้นของปัญหาเหล่านี้มาร่วมรัฐบาลด้วย เราจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร

‘กรณ์’ ลงพื้นที่ ‘ยานนาวา-บางคอแหลม-สาทร’ ชูแก้ปัญหา ศก.-ปากท้อง เน้นหารายได้เข้าประเทศ

(12 เม.ย.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ บางคอแหลม สาทร ยานนาวา เพื่อช่วย 2 ผู้สมัคร ส.ส.ได้แก่ นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 3 และ นายปรัชญา อึ้งรังษี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 14 โดยมี นายปรินต์ ทองปุสสะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 เบอร์ 12 และ นางสาวริณดา คงตาละนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 18 เบอร์ 2 ร่วมให้กำลังใจ โดยขึ้นรถแห่พร้อมผู้สมัคร พบปะพี่น้องประชาชนแถวมัสยิดดารุลอบีดีน ถนนจันทน์ ทะลุ ซอยกิ่งจันทน์ ซอยวัดไผ่เงิน เพื่อขอคะแนนพี่น้องประชาชน และผู้ที่สัญจรผ่านไปมาด้วย 

นายกรณ์ กล่าวว่า จากการพบปะพี่น้องประชาชนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทุกคนมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พวกเขาต้องการพรรคการเมืองและนักการเมืองที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาล เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชนทั้งเรื่องของแพง ค่าน้ำมันแพง ค่าไฟฟ้าแพง ซึ่งตรงกับชุดนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่นำเสนอ ซึ่งทำให้เราเชื่อมั่นว่ามาถูกทาง หลายพรรคการเมืองอาจจะมีนโยบายที่สร้างความหวือหวา ลด แลก แจก แถม ซึ่งมีจำนวนมากและมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สำหรับพรรคชาติพัฒนากล้า เราตั้งธงยุทธศาสตร์ว่า จะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาทภายใน 4 ปี เราจึงคิดนโยบาย 12 นโยบายเฉดสี ที่เรานำเสนอมาอย่างต่อเนื่อง 

นายกรณ์ ได้ยกตัวอย่างเศรษฐกิจเฉดสีเหลือง คือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยระบุว่า คนไทยทุกคนมีชีวิตอยู่บนแพลตฟอร์ม แต่ประเทศไทยกลับไม่มีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว ในแต่ละปีมีการจองโรงแรมที่พัก โดยรวมปีละนับล้านล้านบาท ซึ่งต้องเสียค่าการตลาดให้กับแพลตฟอร์ตหลายแสนล้านบาท ทำให้เราเสียโอกาสในรายได้ดังกล่าว ดังนั้นเราจึงควรพัฒนาแอปพลิเคชันเป็นของเราเอง เพื่อเก็บเงินไว้ให้กับผู้ประกอบการชาวไทย 

นอกจากนี้ ในเรื่องของซอฟท์พาวเวอร์ เรามีเยอะมากแต่ขาดการส่งเสริม เช่น ตอนนี้ซีรีส์วาย ของคนไทยเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่งหากมีการส่งเสริมผู้ผลิตคอนเทนท์เหล่านี้ มันจะนำไปสู่โอกาสในการขยายผล ประชาสัมพันธ์ผ่านอาหารไทย สินค้าไทย แหล่งท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นช่องทางผลักดันไปสู่ตลาดโลก ทำให้เขาอยากมา และประเทศไทยเองก็จะมีรายได้จากการขายคอนเทนท์เหล่านั้นด้วย  

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เศรษฐกิจสีเงิน เป็นนโยบายผู้สูงอายุ ที่พรรคเรามองต่างจากพรรคอื่น คือเรามองผู้สูงอายุเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า ไม่ใช่ภาระ เรามีนโยบาย ‘สูงไวไฟแรง’ ส่งเสริมผู้สูงอายุที่ยังมีไฟ ยังมีแรงที่จะทำงานต่อ เราจะสนับสนุนเงินชดเชยเงินเดือนให้กับผู้ประกอบการที่ว่าจ้างผู้สูงอายุ รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการพร้อมที่จะจ้างผู้สูงอายุให้ทำงานต่อไป รวมถึงเรามีนโยบายทางภาษีด้วย สำหรับทุกคนถึงวัยเกษียณและต้องการทำงานต่อ จะลดภาระภาษีเงินได้บุคคลให้ 50% 

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ด้วยโครงการ อารยสถาปัตย์ อัดฉีดเม็ดเงิน 50,000 บาท ให้กับบ้านที่มีผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้น เพื่อปรับปรุงบ้านให้มีความปลอดภัย โดยตั้งเป้าภายใน 4 ปี จะซ่อมแซมบ้านให้ได้ครบ 1,000,000 หลัง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องของแรงงานและผู้รับเหมา

‘ชวน’ ห่วง!! คอร์รัปชันระบาดหนัก เหตุ!! เป็น ‘ยุคโกงปราบรัฐธรรมนูญ’

(12 เม.ย.66) นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดเพชรบุรีโดยสรงน้ำพระเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ที่วัดมหาธาตุวรวิหารและรับพรจากท่านเจ้าอาวาส พระครูวาทีวรวัฒน์ จากนั้นจึงเดินทักทายประชาชนและขึ้นรถแห่พร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครเขต 1 นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ผู้สมัครเขต 3 นายอรรถพร พลบุตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ตระเวนในตลาดเทศบาลเมืองเพชรบุรีมีประชาชนให้การต้อนรับมอบดอกไม้พวงมาลัยผลไม้ข้าวแช่ขนมหวานเมืองเพชรเป็นกำลังใจตลอดเส้นทาง

นายชวนกล่าวปราศรัยว่า สมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรกพร้อมกับนายอลงกรณ์ พลบุตรได้รับเลือกเป็น ส.ส.เพชรบุรีพรรคประชาธิปัตย์ครั้งแรกได้ส่งเสริมจังหวัดเพชรบุรีเป็นเขตส่งเสริมการลงทุนพิเศษเขต 3 ทำให้มีการลงทุนมีการสร้างงานสร้างอาชีพเกิดขึ้นอยากมากในเพชรบุรีตลอดจนการสร้างสะพานข้ามปากอ่าวบางตะบูนเกิดถนนคลองโคน-ชะอำเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางและการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลเพชรบุรีช่วยพัฒนาเศรษฐกิจนับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงวันนี้นอกจากนี้ยังช่วยเด็กไทยนับล้านคนให้มีโอกาสทางการศึกษาด้วยกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ริเริ่มในจำนวนนี้มีลูกหลานเพชรบุรีกว่า 3 หมื่นคนด้วยรวมทั้งการที่ตนได้ริเริ่มดำเนินการให้มีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเด็กนักเรียนได้ดื่มนมและมีอาหารกลางวันรับประทาน

“ผมห่วงใยต่อปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่รุนแรงมากขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญปราบโกงแต่จริงๆ กลับเป็นยุค ‘โกงปราบรัฐธรรมนูญ’ ซึ่งประชาชนร่วมแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นได้โดยสนับสนุนนักการเมืองที่สุจริตมีความซื่อสัตย์จึงขอให้ช่วยเลือก อลงกรณ์ พลบุตร เขต 1 กัมพล สุภาแพ่ง เขต 2 อภิชาติ สุภาแพ่ง เขต 3 เบอร์ 7 อดีต ส.ส.เพชรบุรีทั้ง 3 เขตและพรรคประชาธิปัตย์เบอร์ 26” นายชวน กล่าว


ที่มา: https://www.naewna.com/politic/723869 

‘บิ๊กป้อม’ ตอบปม ‘สวัสดิการผู้สูงอายุ’ ยัน!! ทุกคนในพรรคช่วยกันคิดมาอย่างดีแล้ว

(12 เม.ย.66) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ กับ สรยุทธ สุทัศนจินดา ในกรรมกรข่าว เปิดอกคุย 'บิ๊กป้อม' โดยระบุถึง สวัสดิการผู้สูงอายุ ว่า…

"ถามว่าทำไม สวัสดิการผู้สูงอายุ (3 พัน/4พัน/5พัน) ไม่ทำในรัฐบาลนี้เลย เพราะผมไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีไง และเราก็มั่นใจนโยบายนี้ เพราะทุกคนในพรรคช่วยกันคิดมาอย่างดีแล้ว มีที่มาของเงินที่จะนำมาบริหารจัดการแล้ว"


ที่มา: https://www.youtube.com/live/ijlLuYGHe9k?feature=share 
 

สมุทรปราการ- เบอร์ 6 มาแล้ว!! “ดร.ยงยุทธ” ผู้สมัคร สส.เบอร์ 6 ลุยหาเสียงพบปะพี่น้องในชุมชน ลั่น!! ก้าวข้ามความขัดแย้ง มุ่งมั่นพัฒนาสมุทรปราการ

ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร ผู้สมัคร สส.เบอร์ 6 เขต 2 สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่องภายในชุมชนพื้นที่ เขต 2 สมุทรปราการ ประกอบด้วย ต.บางปู ต.บางปูใหม่ ต.แพรกษา และ ต.ท้ายบ้านใหม่ โดยพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในชุมชนต่างๆ พร้อมทั้งรับฟังปัญญาและพร้อมหาทางออกเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เขต 2 สมุทรปราการ ซึ่งการลงพื้นที่หาเสียงในครั้งนี้มีประชาชนจำนวนมากมาคอยให้กำลังใจ พร้อมทั้งส่งเสียงเชียร์อย่างต่อเนื่อง

อีกทั้ง ยังมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขเพื่อพัฒนาพื้นที่สมุทรปราการให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป โดยยึดมั่นอุดมการณ์ขอก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่

‘มาดามเดียร์’ กระทุ้งรัฐหนุนส่งออกอุตสาหกรรมบันเทิง ชูนโยบายกองทุนไอเดียหมื่นล้านปั้น Soft Power ไทย

(12 เม.ย.66) น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แชร์โพสต์ของ YOUNGOHM ศิลปินเจ้าเพลง ‘ธาตุทองซาวด์’ ที่กำลังเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ที่โพสต์ถึงความสำเร็จของเพลงนี้ที่ตัวเองลงทุนไปด้วยเงินส่วนตัว 1,200,000 บาทยังดังขนาดนี้ แล้วถ้าได้รับการสนับสนุนจากรัฐหรือคนไทยจะดังกว่านี้แค่ไหน ลงในเพจ ‘เดียร์ วทันยา บุนนาค’ มีเนื้อหา ระบุว่า…

“คนไทยไม่แพ้ชาติไหนในโลก!!! นอกจากแพ้กันเอง เบื่อแล้วที่ต้องนั่งดูคนที่มีความสามารถผลักดันตัวเองจนโด่งดัง แล้วสุดท้ายก็มานั่งเคลมว่าเป็นความภูมิใจของคนในชาติ”

'พลังประชารัฐ' ล้มดีลลับ 'เพื่อไทย' แค่เกมปรับกระบวนท่า ดูลมบนการเมือง

ทำเอาวงการการเมือง 'ช็อกซีนีมา' ไปพอประมาณ เมื่อไพบูลย์ นิติตะวัน มือกฎหมายและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาแถลงเสียงดังฟังชัดเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ว่า พรรคพลังประชารัฐจะไม่ขอร่วมงานทางการเมืองหรือร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย....

เหตุเพราะพรรคก้าวไกลนั้นมีจุดยืนชัดเจนที่จะแก้มาตรา 112 ซึ่งพลังประชารัฐไม่เห็นด้วย ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจน อีกทั้งกรณีการเสนอนโยบายแจกเงินดิจิตัล 1 หมื่นบาท ถือเป็นนโยบายที่อันตรายสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาใหญ่...

หะแรก...ทั้งนักข่าวและคนโตในพรรคให้ค่าเพียงความเห็นส่วนตัวของไพบูลย์ แต่วันที่ 11 เม.ย.เมื่อ 'ลุงป้อม' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาปั๊มตราประทับรับรองสั้นๆว่า "นโยบายไม่ตรงกัน..."

ผู้สันทัดกรณีแทบจะวิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกันว่า...ความพยายามเดินทางแนวทางสายกลางในนามของการ 'ก้าวข้ามความขัดแย้ง' ทำให้ผู้คนไม่น้อยตีความและเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐมีดีลลับจะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยนั้น รังแต่จะทำให้พรรคตกต่ำในสถานการณ์ที่กระแสหลักของการเลือกตั้งเริ่มโน้มเอียงถูกลากไปในทางการเมืองสองข้างสองขั้ว...คล้ายๆ กับปี 2562...เอาทักษิณกับไม่เอาทักษิณ...อะไรประมาณนั้น...

“เราถูกกล่าวหามาโดยตลอดเรื่องดีลลับว่าจะจับมือกับพรรคเพื่อไทย ตอนแรกคิดว่าจะค่อยๆ เงียบหาย แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น วันนี้ก็เลยต้องประกาศให้ชัด...” นี่คือคำให้สัมภาษณ์ของไพบูลย์   

แต่ทั้งนี้นายไพบูลย์ก็ยืนยันว่าลุงป้อมและพรรคพลังประชารัฐยังยึดมั่นในแนวทางก้าวข้ามความขัดแย้ง...และมั่นใจว่าถึงอย่างไรลุงป้อมก็จะได้รับการโหวตจากรัฐสภาให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 อย่างแน่นอน...

‘ชัยวุฒิ’ ยัน!! พปชร. ไม่จับมือ ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ ชี้!! จุดยืน ‘ม.112 - ยกเลิกเกณฑ์ทหาร’ ไม่ตรงกัน

(12 เม.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีรถน้ำดำหัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ 2566 ว่า เนื่องในเทศกาลปีใหม่ไทยคณะรัฐมนตรีจึงมารถน้ำขอพรจากนายกรัฐมนตรี และร่วมพิธีทำบุญ ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้อวยพรให้ทุกคนมีความสุข เจริญก้าวหน้า และประสบความสำเร็จ

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เดินทางมาร่วมพิธีในวันนี้ เนื่องจากติดภารกิจให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เพื่ออธิบายนโยบายของพรรคพลังประชารัฐให้ประชาชนได้รับทราบ

นายชัยวุฒิ กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประวิตร ระบุสาเหตุที่ไม่สามารถจับมือร่วมกับพรรคการเมืองที่ มีแนวคิดแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ว่า พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน เราทำงานมา 4 ปีพี่น้องประชาชนรู้อยู่แล้วว่ามีแนวคิดอย่างไร ในเรื่องของการดูแลชาติบ้านเมือง ให้สงบสุขไม่มีความขัดแย้ง โดยเฉพาะเรื่องที่เราคิดว่าเป็นปัญหาและไม่ทำแน่นอน ซึ่งหากมีพรรคการเมืองไหนที่เสนอนโยบายที่เราไม่เห็นด้วย อย่าง เรื่องการแก้ไข ม.112 และการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร คงไม่สามารถร่วมงานกันได้อยู่แล้ว นี่เป็นแนวหลักการ ไม่ได้เป็นเรื่องของอคติ หรือความขัดแย้ง 

‘พุทธิพงษ์’ เคลียร์ชัด!! ‘ภูมิใจไทย’ ไม่เคยคิดเอากัญชาเสรี โอด!! ทุกพรรคเห็นชอบ กม. แต่พอเรื่องเข้าสภากลับเทกลางทาง

(12 เม.ย.66) จากรายการพิเศษ เลือกตั้ง 66 เปลี่ยนใหม่ หรือ ไปต่อ (ขุนพลมหานคร) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งกรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทย ได้ตอบชัดถึงเรื่องกัญชาเสรี โดยระบุว่า “ตนไม่เอาเสรีกัญชา”

พร้อมยังได้กล่าวเพิ่มเติม “ การที่เราจะเอากฎหมายเข้าไปในสภานั้น ต้องผ่าน 1.ครม. หลังจากนั้น 2.ครม. ต้องส่งต่อไปให้ประธานสภาฯ 3.ประธานสภาฯ บรรจุเข้าในสภา  4.ผ่านวาระรับหลักการของสภา ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ผ่านเสียงข้างมาก

“สาระสำคัญอยู่ที่ พอผ่านหลักการเรียบร้อย ตั้งกรรมธิการ ซึ่งกรรมธิการในสภาได้มีองค์ประกอบของ ส.ส. จากทุกพรรค และจากวาระรับหลักการเดิมมีอยู่ 40 มาตราตอนเสนอ แต่พอเข้ากรรมธิการในการเพิ่มเติมกฎหมายเรื่องของกัญชา ก็เพิ่มเป็น 90 มาตรา ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นว่า ข้อกังวลของส.ส. ทุกพรรคได้เติมเต็มข้อบังคับ และกฎที่เป็นห่วงกันทั้งหมดเป็น 90 มาตรา แต่พอเอากลับมาเข้าสภาใหญ่ แต่ละพรรคกลับไม่เข้าประชุม, สภาล่ม จนทำให้หมดสมัยประชุม และดันมาบอกว่า ภูมิใจไทยเป็นพรรคที่เอากัญชาเสรี”

นายพุทธิพงษ์ ยังได้ย้ำอีกว่า “ตนเอง และพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยในเรื่องกัญชาเสรี” พร้อมยังย้อนถามกลับ “พรรคไหนที่ในวันนั้นไม่เข้าประชุม เพราะอะไร”

'เปลวสีเงิน' เปิดสตูบ้านหลังใหม่ สัมภาษณ์ 'นายกฯ' พูดคุยสิ่งที่ 'ทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อ' ในรายการ The Exclusive Talk

(11 เม.ย.66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้เกียรติร่วมเปิดสำนักงานใหม่ไทยโพสต์ ที่ซอยประชาชื่น 46 ถนนประชาชื่น แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ เมื่อ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมสนทนากับ ‘เปลว สีเงิน’ ผู้ก่อตั้งไทยโพสต์ และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ในรายการ The Exclusive Talk ทีวีไทยโพสต์ โดยในบทสนทนามีเนื้อหาบางส่วนดังนี้

เปลว สีเงิน - นายกฯ ไปหลายพื้นที่ที่คนต้องการให้ไปเยอะๆ แต่ภาคอีสานก็มีคนคิดถึงนะ

พล.อ.ประยุทธ์ : ก่อนหน้านี้ เราก็ไปในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีโครงการต่างๆก็ไปตรวจเยี่ยมทุกวันนี้ก็ต้องระวังนิดนึง ถ้าไปในฐานะนายกฯ คงไม่ได้แล้ว แต่ไปในนามของการเลือกตั้งไปได้  แต่ก็ต้องไปอย่างง่ายๆที่สุด

เปลว สีเงิน : เห็นส่ง คุณพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค เป็นแนวหน้าออกรายการดีเบต

พล.อ.ประยุทธ์ : ตอนนี้ก็มีคนออกมาพูดกันเยอะ สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือจะทำอย่างไรให้คนเข้าใจได้ โดยไม่มีความขัดแย้ง ไม่ใช่ เกลียดชังกัน สิ่งที่พูดอาจจะคิดดี หลักการอาจจะคิดว่าทำได้ แต่จริงๆ แล้วทำไม่ได้ และเป็นปัญหากับคนอื่นด้วย นี่คือประเด็นสำคัญก็ต้องระมัดระวังและคิดให้ถี่ถ้วน 

วันนี้รัฐบาลก็พยายามที่จะทำให้เรามีรายได้มากขึ้นในภาพของประเทศ เพื่อเอาเงินและรายได้เหล่านี้มาพัฒนาประเทศ และประชาชนให้ครบถ้วนมากบ้างน้อยบ้าง แต่ถ้าให้อันใดอันหนึ่งที่มากเกินไป จะส่งผลกระทบใหญ่ต่องบประมาณ อีกทั้งระบบเราเสียหายหมด ต่างประเทศดูเราอยู่ ซึ่งวันนี้เขาก็ชื่นชมประเทศไทย สามารถจัดระบบการเงินการคลัง เป็นที่น่าเชื่อถือเชื่อมั่นให้ความไว้วางใจ ค่าเงินบาทยังมีราคาเงินเฟ้อก็ลดลง ของเรายังอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยแล้ว เป็นตัวอย่างในการประชุมระหว่างประเทศ ก็ต้องช่วยกันรักษาสิ่งเหล่านี้ต่อไป

เปลว สีเงิน : เดี๋ยวนี้ก็มีการแจกโน่นแจกนี่ซึ่งเกินความเป็นจริง แต่บางทีก็ขาดเรื่องการชี้แจง
.
พล.อ.ประยุทธ์ : สิ่งที่ผมพยายามจะพูดออกไปและสื่อสารออกไปเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นหัวหน้ารัฐบาลเพื่อให้บ้านเมืองปลอดภัย คือหน่วยงาน กระทรวง ครม. เขาต้องเอาสิ่งที่ผมพูดไปช่วยกันพูด แต่ปรากฏว่าก็น้อยไปหน่อยไม่ค่อยพูดกัน ข้าราชการบางทีก็ไม่กล้าพูด

ส่วนของผมหน้าที่นายกรัฐมนตรีก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งในเชิงบริหาร การที่ผมเยี่ยมเยียนประชาชน หรือมาเยี่ยมก็ตามส่วนหนึ่งผมอาจไปเยี่ยม ส่วนหนึ่งอาจจะยังไม่ได้ไป ส่วนหนึ่งอาจไปแล้วหลายครั้ง

แต่สิ่งที่ผมไปที่เยี่ยมเยียนนั้น ก็ด้วยผลงานของผม ถนนหนทาง น้ำ การจัดที่ทำกินต่างๆ ผมไปหมดแล้วทุกพื้นที่ บางอันอาจจะอยู่ในระดับเริ่มต้น จะตกจากตรงกลางบ้าง บางอันอยู่ในระดับสำเร็จแล้วแต่ทั้งหมดผมไปเยี่ยมเขาด้วยแผนงานโครงการของผมไม่เคยแยกแยะ ไม่เคยว่าพื้นที่นี้เป็นของใคร จังหวัดของใคร สีอะไร ไม่ได้สนใจ ผมสนใจแต่เพียงว่าประชาชนของประเทศเรามีทุกภาคทุกจังหวัด 

ไปดูได้เลยว่างบประมาณแต่ละปีทุกจังหวัดทุกกลุ่มจังหวัดได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ ทุกภาคมากขึ้นไหม ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้มีผู้แทนอยู่ตรงนั้นนี่คือผมมองประชาชน ตรงนี้อยากฝากความเข้าใจด้วยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาได้เพราะบ้านเมืองสงบ ถ้าบ้านเมืองไม่สงบยังเป็นแบบเดิม จะทำอะไรไม่ได้ และวันนี้จะจับต้องอะไรไม่ได้เลย แต่นี่ตั้งเยอะที่จับต้องได้ หลายคนก็บิดเบือนว่าทำเหมือนมองไม่เห็น แล้วเอาที่ยังไม่เสร็จมาโจมตี ผมก็อธิบายต่อไปก็ต้องช่วยกัน ก็ไม่บ่น บ่นไม่ได้อยู่แล้ว ที่พูด ไม่ได้บ่น แต่เป็นการอธิบาย คือคนบางทีก็ไม่ชอบฟังแต่ชอบว่า

การจะให้อะไร ถ้าผมให้ได้ก็ดีละซิ ให้อะไรต้องคำนึงถึงว่า เรามีงบประมาณเท่าไหร่ หาได้เท่าไหร่ วันนี้เรามีเท่านี้แล้วเราจ่ายเท่านี้ แต่กลุ่มโน้นกลุ่มนี้บริหารลงทุนต่างๆมันก็สมดุลกัน ชดเชยบ้าง  ลงทุนต่างๆบ้าง ธุรกิจบ้าง แต่ถ้าทำอะไรเกินจากนี้ และยังไม่มีทางขายของมาเพิ่ม  ผมบอกได้เลยล้มทั้งประเทศ การจะกู้เงินมาแจกเฉยๆ มันทำไม่ได้ หลักการของโลกในการกู้เงินมาต้องทำให้เกิดมูลค่า เกิดรายได้หรือกู้มาในสถานการณ์พิเศษ เช่นสถานการณ์โรคอุบัติใหม่

สิ่งต่างๆเหล่านี้ทุกคนต้องเข้าใจร่วมกันถ้าทุกคนอยากได้ แต่ไม่ช่วยกัน มันไปไม่ได้สักคน นี้หลักการของผม ไม่ใช่ไม่อยากให้ ไม่ใช่ไม่เห็นใจ ไม่ใช่ไม่เห็นถึงความยากลำบาก แต่ต้องไปดูว่าความยากลำบากของแต่ละกลุ่มอยู่ตรงไหนและเราต้องไปแก้ตรงไหน อย่างไรวันนี้ถึงมีมาตรการเรื่องการบริหารหนี้ครัวเรือน ทำอย่างไรจะลดลง แต่รัฐบาลทำอย่างเดียวมันไม่พอ ทุกคนต้องร่วมมือกับมาตรการของรัฐด้วย ถ้าสมมุติมีหนี้แล้วเอาเงินไปแจก โอเคหมดหนี้แล้วมันจะเกิดหนี้ใหม่หรือไม่  ถ้าเราไม่สร้างความเข้มแข็ง ไม่สร้างการเรียนรู้ให้เขาแล้วเขาจะหาเงินเองได้อย่างไร

วันนี้ทำอย่างไรให้เด็กที่กำลังโตรู้จักว่าจะดำเนินชีวิตไปได้อย่างไร ถ้าเราทำให้เขาว่าต่อไปนี้สบายไม่ต้องทำอะไรก็ได้เงินให้แล้วผมถามว่าโตไปเขาจะทำอย่างไรในวันหน้า เขาก็คาดหวังว่าเดี๋ยวก็มีเงินมาให้อีก เพราะฉะนั้น สิ่งที่คนในยุคกลางๆ ที่จะเป็นผู้ใหญ่ในเรื่องความพยายามจะหายไปหมด ต้องถามว่าประเทศจะไปได้หรือไม่และจะเป็นอย่างไร นั่นก็อีกส่วนหนึ่งมันเป็นความเป็นธรรมที่เราต้องดูแลผู้มีรายได้น้อยตามสมควร ตามงบประมาณที่มีอยู่ซึ่งเขาทำอยู่แล้ว

อีกอันคือเรื่องความเท่าเทียมในเรื่องของโอกาส แต่ต้องให้เขามีอาชีพ มีรายได้ที่มีเงินเพียงพอรวมถึงเรื่องดิจิตอลต่างๆที่จะทำขึ้นมาต้องพูดสิ่งเหล่านี้ให้มันเชื่อมโยงว่าเราจะทำอย่างไรกับประเทศของเรา ผมเห็นพี่เขียนอะไรมาก็โอเคนะ ที่ชวนชี้นำทำความเข้าใจ วิเคราะห์ได้

เราต้องแก้ปัญหาวันนี้มีอะไรบ้าง ที่เก่าๆมาก็เก็บมาแก้ไขปัญหาและพร้อมจะทำที่วันนี้ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้น และก็ต้องทำวันหน้าไปเพื่ออนาคต ไม่ใช่มาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเดียว นี่ตอนผมคุยกับหัวหน้าพรรคมาตลอด นโยบายของเรา "ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ" มันจบที่ไหน นี่คืออดีตปัจจุบันและอนาคตของประเทศไทยสามคำของผมต้องตีความหมายให้เข้าใจตรงกัน

ตอนนี้สื่อก็เยอะไปหมดอย่างที่ทำเนียบฯก็เยอะผมก็รักเขา แต่คำถามเขาบางทีมันถามให้ผมปวดหัว บางทีผมก็หงุดหงิดก็ขอโทษแล้วกัน ไม่ได้เกลียดชังกันอยู่แล้วถึงเวลาก็รักกันเหมือนเดิม สื่อกับผมอยู่กันมา 8 ปี เขาบอกถ้าเป็นตรงนี้ต้องไม่โมโหใคร ผมก็มนุษย์เหมือนกัน ถ้าผมไม่ทำเลย แล้วด่าผม ผมไม่ว่า นี่ผมทำแต่ท่านก็ไม่ฟัง แต่รู้ก็เป็นเรื่องของพวกเราที่คิดอย่างไรก็ได้

ผมไปต่างประเทศทุกครั้งจะเอาหนังสือพิมพ์ต่างประเทศมาดู ไม่เห็นมันวุ่นวายมากมายเท่าบ้านเรา เขาใหญ่กว่าเราตั้งเยอะแข่งหน้าหนังสือพิมพ์เขามีความเจริญของบ้านเมือง ส่วนข้างในหนังสือพิมพ์มีนี่มีโน่น เขาไม่มีตีกันซักหน้าไม่มีฆ่ากันซักคนยกเว้นแต่เรื่องสงคราม อะไรต่างๆเค้าขึ้นเพราะเป็นเรื่องสำคัญแต่เรื่องภายในประเทศเขาอาจจะมีดีกว่าของเรา หรืออาจจะแย่กว่าของเราแต่เขาไม่ออกในหนังสือพิมพ์

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. ชลบุรี ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 10 เขตของจังหวัดชลบุรี ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้ 

>> เขต 1 อำเภอเมืองชลบุรี (เฉพาะตำบลแสนสุข, ตำบลเหมือง, ตำบลห้วยกะปิ, ตำบลบ้านปีก, ตำบลเสม็ด, ตำบลอ่างศิลา, ตำบลหนองข้างคอก และตำบลหนองรี)          

>> เขต 2 อำเภอเมืองชลบุรี (เฉพาะตำบลบางทราย, ตำบลบ้านโขด, ตำบลมะขามหย่ง, ตำบลบางปลาสร้อย, ตำบลบ้านสวน และตำบลนาป่า)     

>> เขต 3 อำเภอเมืองชลบุรี (เฉพาะตำบลคลองตำหรุ, ตำบลหนองไม้แดง, ตำบลดอนหัวพ่อ และตำบลสำนักบก) อำเภอพานทอง และ อำเภอบ้านบึง (เฉพาะตำบลหนองช้ำซาก, ตำบลมาบไผ่, ตำบลหนองบอนแดง และตำบลหนองชาก)        
                                                                                         
>> เขต 4 อำเภอบ้านบึง (ยกเว้นตำบลหนองซ้ำซาก, ตำบลมาบไผ่, ตำบลหนองบอนแดง และตำบลหนองชาก) อำเภอบ่อทอง และอำเภอหนองใหญ่           
                                                                                                 
>> เขต 5 อำเภอพนัสนิคม และอำเภอเกาะจันทร์                                                                          

‘นันทิวัฒน์’ ซัด!! นักการเมืองค้าน ‘เกณฑ์ทหาร’ ลั่น!! มันคือการตัดมือตัดตีนตัวเองให้ต่างชาติย่ำยี

ตบปากพวกปลุก ‘เลิกเกณฑ์ทหาร’ อย่าหาเสียงด้วยการสร้างความอ่อนแอให้ประเทศ

(12 เม.ย.66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘เกณฑ์ทหาร : ทำไม’ มีเนื้อหาดังนี้...

เกณฑ์ทหาร : ทำไม

ไม่เข้าใจ ทำไมนักการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมืองถึงได้คัดค้านและต่อต้านการเกณฑ์ทหาร ถึงขนาดเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร หรือต้องการให้ประเทศชาติอ่อนแอ

การเป็นทหารคือวิถีของลูกผู้ชาย ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้รับใช้ชาติ เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อชาติ เตรียมความพร้อมให้ตัวเองและกองทัพเผื่อยามที่ประเทศมีศึกสงคราม ทหารเกณฑ์จะได้รับการฝึกป้องกันตัว การใช้อาวุธ การฝึกความมีระเบียบวินัย ฝึกการรับฟังคำสั่ง สั่งให้ยิงต้องยิง ไม่หนีข้าศึกที่อยู่ตรงหน้า

นักการเมืองและคนที่ต่อต้านการเกณฑ์ทหารต้องตระหนักไว้ว่า ไม่มีประเทศใดในโลกนี้ที่ไม่มีกองทัพ นอกจากประเทศที่แพ้สงครามและถูกประเทศผู้ชนะห้ามไม่ให้มีกองทัพ และไม่มีประเทศใดไม่เผชิญภัยคุกคามความมั่นคงจากนอกประเทศ ยิ่งในสถานการณ์การเมืองโลกในปัจจุบัน ที่มีความตึงเครียดและการสู้รบดั่งที่เห็น

พลังอำนาจของชาติมาจากไหน แน่นอนต้องมาจากคนในชาติ สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าได้ทรงพระราชทานคำขวัญให้กองทหารเสือป่า ว่า “แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ ศัตรูกล้ามาประจัญ ก็อาจสู้ริปูสลาย”

หมายว่าอย่างไร หากต้องการความสงบภายใน ชาติต้องมีกำลังทหารที่พร้อมรบเพื่อป้องกันประเทศจากการรุกรานของต่างชาติ ประวัติศาสตร์ของไทยถูกรุกรานจากต่างชาติมาโดยตลอด เดชะบุญที่บูรพกษัตริย์ทรงมีความเข้มแข็งและสายพระเนตรที่กว้างไกลในการป้องกันประเทศ

‘ตร.สืบสวน’ ซ้อนแผนรวบ ‘ตั้มฟองเบียร์’ หนุ่มมีรสนิยมใคร่เด็ก ลวง ด.ญ.อายุต่ำกว่า 15 ปี 3 ราย มีเพศสัมพันธ์-ถ่ายคลิปอนาจาร

(12 เม.ย. 66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส. 4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ, ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา, ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ, จ.ส.ต.เอกวุฒิ เชื้อโชติ, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) จับกุม นายศรัณย์ หรือฉายา ‘ตั้มฟองเบียร์’ อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดศรีษะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ จ.228/2566 ลงวันที่ 27 มี.ค. 66

ข้อหา “ปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา” โดยชุดจับกุมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่า “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” จับกุมได้ที่ ริมถนนในซอยเอกชัย 64/5 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน จังหวัดกรุงเทพเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจาก ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของสืบนครบาล ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายรายหนึ่งผ่านเฟซบุ๊กเพจ สืบสวนนครบาล IDMB โดยผู้เสียหายแจ้งว่า ลูกสาววัย 11 ปี นักเรียนชั้นป.6 ถูกคนร้ายซึ่งมีศักดิ์เป็น ‘อดีตน้าเขย’ พาตัวหนีออกไปจากบ้านกว่า 11 วัน และกระทำชำเราจำนวนหลายครั้ง ซึ่งตนแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม

ปัจจุบันออกหมายจับคนร้ายรายนี้แล้ว แต่ยังลอยนวล เกรงว่าลูกสาวจะไม่ปลอดภัย แล้วอาจจะถ่ายคลิปโป๊เก็บไว้ จากตรวจสอบแล้วคือ นายศรัณย์ อายุ 30 ปี ชาว อ.พยุห์ จ.ศรีษะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.228/2566 ลงวันที่ 27 มี.ค.66 โดยผู้เสียหายขอความช่วยเหลือให้ช่วยติดตามจับกุมตัวโดยเร็ว เพราะครอบครัวของผู้เสียหายไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ ต้องอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวว่า คนร้ายจะมาพาตัวลูกสาวไปอีก

หลังรับแจ้งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมได้ตรวจสอบประวัติของ น.ส.ศรัณย์ พบประวัติเคยต้องโทษกว่า 4 คดี 1.) พ.ศ. 2553 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล” 2.) พ.ศ. 2555 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “ใช้สารระเหย” 3.) พ.ศ. 2558 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง” และ 4.) พ.ศ. 2558 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย”

พล.ต.ต.ธีรเดช จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) ลงพื้นที่โดยเริ่มจากการเข้าไปพบปะพูดคุยกับครอบครัวของเหยื่อ จนทราบข้อมูลว่าหลังจากที่ครอบครัวของเหยื่อพากันไปแจ้งความ นายศรัณย์หลบหนีไปไม่สามารถติดตามตัวได้ จนกระทั่ง ตนลงมาควบคุมการปฏิบัติด้วยตนเองและเปิดแผนปฏิบัติการสุดคลาสสิค คือการใช้ ‘นางนกต่อ’ ติดต่อไปหา นายศรัณย์จนกระทั่งสามารถตกลงนัดหมายได้

กระทั่งเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 66 เวลา 18.40 น. เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายศรัณย์เดินทางมา ณ จุดนัดหมาย ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเจ้าหน้าที่ดักซุ่มอยู่แล้ว ผบก.สส.บช.น. นำกำลังชุดสืบสวนนครบาลเข้าจับกุมตัว นายศรัณย์ตามหมายจับ โดยจับกุมขณะกำลังนั่งรอเด็กนกต่ออยู่ริมถนน ในซอยเอกชัย 64/5 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพฯ

จากการสอบสวนนายศรัณย์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเหยื่ออายุ 11 ปี กระทั่งมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่อเดือน ม.ค.66 บนรถที่ตนใช้ทำงาน และหลังจากนั้นก็มีเพศสัมพันธ์กันอีกหลายครั้ง

กระทั่งทางบ้านของเหยื่อจับได้และมาติดตาม ตนจึงพาเหยื่อ 11 ปี รายนี้หลบหนีไปอยู่ที่อื่นเป็นเวลากว่า 11 วัน และสุดท้ายเหยื่อก็ขอกลับบ้าน ตนก็ได้ปล่อยไป และยังยอมรับอีกว่านอกจากเหยื่อรายนี้ยังมี เด็กหญิงวัย 15 ปี อีกคนหนึ่ง ซึ่งตนคบหากันเป็นแฟนและเคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยกันมาแล้ว

โดยตั้งใจจะคบเป็นภรรยาทั้ง 2 คน และในอดีตตนเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์ ซึ่งตอนนั้นตนมีความสัมพันธ์กับเด็กหญิงอายุ 14 ปี ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบว่าตนชอบเด็กเพราะอะไร และยอมรับว่าเคยถ่ายคลิประหว่างการมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อรายอายุ 15 ปี ไว้ในโทรศัพท์ แต่ไม่ได้ไปเผยแพร่ที่ไหน”

ชุดสืบสวนขยายผลการจับกุมจนพบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของ นายศรัณย์คือคลิปโป๊ ซึ่งเป็นการบันทึกภาพระหว่างมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อจริง และยังมีภาพลักษณะวาบหวิวของเหยื่ออีกด้วย จึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่า “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีตามกฏหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top