Sunday, 15 June 2025
SPECIAL

เทียบนโยบายยกเลิก ‘Blacklist’ (Credit bureau) แล้วมาปล่อยกู้ด้วย Credit score ของพรรคชาติพัฒนากล้า

                  

                 

Credit bureau กับ Credit score แตกต่างกันอย่างไร? คนไทยส่วนใหญ่แล้วรู้จักแต่ Credit bureau ซึ่งรวบรวมจัดเก็บโดย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นสถาบันที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลบัญชีสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภทของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งส่งมาจากสถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิก Credit bureau โดยข้อมูลที่จัดเก็บหรือรายงานใน Credit bureau แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

1.ข้อมูลบ่งชี้ คือข้อเท็จจริงที่บ่งชี้ถึงตัวลูกค้า ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด ซึ่งไม่มีการจัดเก็บหมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งกับสถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิก Credit bureau

2.ข้อมูลสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติและประวัติการชำระหนี้ จำแนกเป็นรายบัญชีที่มีอยู่ในแต่ละสถาบันการเงินและบริษัทสมาชิก โดยมีข้อมูลที่สำคัญดังนี้ 

-สรุปข้อมูลบัญชีสินเชื่อ ซึ่งจะบอกว่าลูกค้ามีสินเชื่ออยู่ทั้งหมดกี่บัญชี มีจำนวนบัญชีที่ใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลหรือโต้แย้งกี่บัญชี

-ประเภทและเลขที่บัญชีของสินเชื่อ

-ชื่อผู้ให้สินเชื่อ

-วงเงินที่ได้รับอนุมัติ และวงเงินที่ใช้ไป

-สถานะของบัญชี เช่น ปกติ  ปิดบัญชี พักชำระหนี้ ค้างชำระหนี้ 

-รายละเอียดการชำระหนี้ ซึ่งจะแสดงประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา ทั้งที่ชำระตรง ชำระล่าช้า หรือผิดนัดชำระ

-ข้อมูลอื่น ๆ เช่น วันที่เปิดบัญชี วันที่ชำระหนี้ล่าสุด วันที่ปิดบัญชี วันที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 

                                            

Credit bureau เป็นระบบที่เป็นการรายงานเครดิต (Credit report) เป็นการบันทึกประวัติเครดิตและกิจกรรมของบุคคล เพื่อเป็นฐานข้อมูลที่ให้โดยเจ้าหนี้ เช่น ผู้ให้กู้และบริษัทบัตรเครดิต รายงานอาจมีข้อมูลหลากหลาย ตั้งแต่รายละเอียดส่วนบุคคล เช่น ชื่อและหมายเลขประจำตัวประชาชน ไปจนถึงข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับการยึดสังหาริมทรัพย์และการล้มละลาย 

              

Credit score นั้นก็ต้องใช้ข้อมูลจากรายงานเครดิต (Credit report) เพื่อคำนวณคะแนนเครดิต เป็นตัวเลข 3 หลักซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 300 ถึง 850 โดยจะแสดงภาพรวมของสถานการณ์เครดิตของแต่ละบุคคล Credit score ขึ้นอยู่กับประวัติเครดิตของบุคคล ท่ามกลางปัจจัยอื่น ๆ บริษัทที่ให้คะแนนเครดิตจะใช้ข้อมูลจากรายงานเครดิตเพื่อสร้าง Credit score พวกเขาคำนวณคะแนนโดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่าแบบจำลองการให้ Credit score ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงประวัติการชำระเงินของบุคคล หนี้ และจำนวนการสมัครขอสินเชื่อล่าสุด

‘ณัฐชา’ ตอบชัด!! ปมวินถาม “แก้ ม.112 แล้วได้อะไร” ย้ำ!! ทุกพื้นที่ต้องสามารถพูดถึง ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’

(12 เม.ย.66) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางบอน (เฉพาะแขวงบางบอนใต้และแขวงคลองบางบอน) และเขตบางขุนเทียน (ยกเว้นแขวงท่าข้าม) เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่มีพี่วินบุกถามถึงทำไมต้องแก้ ม.112 โดยระบุว่า 

“4 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้ทำแค่เรื่องการแก้ ม.112 พร้อมยังเปิดเอกสารให้ดูเลยด้วยซ้ำ ว่าในสภาฯ ได้ทำเรื่องอะไรไปบ้าง แต่พี่วินคนดังกล่าวนั้นไม่เปิดใจรับฟัง กลับบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวเป็นเพียงเรื่องยิบย่อย”

นายณัฐชา ตอบถึงกรณีที่วินถามว่า ทำไมถึงอยากจะแก้แต่ ม.112 ว่า “ เพราะ ม.112 ถูกหยิบยกมาในประเด็นทางการเมือง เพราะฉะนั้นเราอยากจะยกมาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นถ้าเห็นว่าเรื่องใดก็ตามที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อประเทศ ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างสำนักพระราชวังเป็นตัวแทนในการฟ้องร้อง”

นายณัฐชา ได้กล่าวว่า “ทุกวันนี้เป็นบุคคลที่ใช้เรื่องราวเหล่านี้กลั่นแกล้งกันทางการเมือง และยิ่งรุกคืบไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่เกี่ยวกับประมุขของประเทศ หรือพระมหากษัตริย์เลย แต่ก็ยังไปร้องเรียนเรื่อง ม.112” พร้อมเสริมว่า “ซึ่งงบางคนยังไม่ได้ถูกตัดสินคดี แต่ถูกจำคุกไปแล้ว 365 วัน แต่ยังไม่ถูกตัดสินเลยว่าทำผิดหรือเปล่า”

นายณัฐชา ได้ย้ำชัด “เราได้พยายามจะสื่อสานเรื่องเหล่านี้ แต่พี่วินนั้นไม่รับฟัง” ทั้งยังได้ตอบคำถามที่พี่วินถามไว้ว่าประเทศไทยมีกษัตริย์มากว่า 800-900 ปี ยังอยู่ได้ไม่เป็นไร ว่า “ที่ผ่านมาในอดีตนั้นเรามีกษัตริย์มาหลายราชวงศ์ และที่ผ่านก็เคยเกิดเหตุการณ์ก็เคยล้มมาแล้วผ่านกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทหารยึดอำนาจ เปลี่ยนแปลงรางวงศ์ต่างๆ ซึ่งประวัติศาสตร์ที่พี่วินบอกมานั้นผ่านการล้มโดยทหารทั้งนั้น ไม่มีการล้มโดยประชาชนแม้แต่ครั้งเดียว”

ม.112 ไม่แก้ ไม่แตะ ถ้าใครนโยบายไม่ตรงกันในเรื่องนี้ ก็ไม่ควรมาร่วมกัน

เมื่อวานนี้ (12. เม.ย.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกฯ ได้เปิดใจคุย ‘กรรมกรข่าวเปิดอกคุย’ ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง

โดยนายสรยุทธ ได้ถามพล.อ.ประวิตร ถึงแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า “พรรคพลังประชารัฐ จะไม่ร่วมกันพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ซึ่งพรรคก้าวไกลนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าพรรคพลังประชารัฐนั้นไม่อยากร่วม ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการโดยบอกว่าถามพรรคแล้วให้แถลงอย่างนี้”

ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ตอบกลับถึงประเด็นที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ประกาศว่าขอไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ว่า “ไม่ได้ถามหัวหน้าพรรคแต่พูดกับผู้ใหญ่ในพรรค” โดยนายสรยุทธได้ย้ำ “เขาขอแล้ว”

พล.อ.ประวิตร ได้เสริมว่า “เขาได้ถามตนแล้วว่าถ้านโยบายไม่ตรงกันก็ไม่ร่วมกัน ซึ่งตนก็ได้เห็นด้วย ถ้านโยบายไม่ตรงกัน หรือมีการตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มันก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง” พร้อมยังย้ำ “ถ้านโยบายไม่ตรงขอไม่ร่วม”

‘ดี้ นิติพงษ์’ ประกาศชัด!! เลือก ‘ภูมิใจไทย’ เบอร์ 7 ชี้!! เอาชนะ ‘โควิด-19’ ทำผลงานประจักษ์

‘นิติพงษ์ ห่อนาค’ นักแต่งเพลงชื่อดังโพสต์เฟซบุ๊ก จะเลือกพรรคภูมิใจไทย เบอร์ 7 ชี้มีผลงานชัดตอนร่วมรัฐบาลเอาชนะโควิด คนในพรรคไม่มอมแมมโฉ่งฉ่าง หนุนใช้ประโยชน์จากกัญชา โดยมีมาตรการควบคุม

เมื่อวันที่ (12 เม.ย.66) นายนิติพงษ์ ห่อนาค หรือ ดี้ หัวหน้าวงเฉลียงและนักประพันธ์เพลงชั้นแนวหน้าของประเทศไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Nitipong Honark’ โดยระบุว่า 

“หลายวันมานี่…ฉันขับรถไปมาหลายแห่ง ทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑลหลายจังหวัด…ได้เห็นโดยไม่ต้องสังเกต ว่าไม่มีต้นไม้หรือเสาไฟใดริมถนน ที่เหงาเดียวดาย…

ล้วนมีคู่รักเป็นป้ายโฆษณาหาเสียงเสียทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า คู่รักเสาไฟกับป้ายหาเสียง จะมีเวลาอันสั้นนัก…จากนี้เดือนเศษ ๆ เสาไฟฟ้าก็ต้องยืนเดียวดาย…ป้ายหาเสียงก็จะจากไปเป็นอะไรสักอย่างตามแต่จะมีประโยชน์

ยกเว้นเป็นเสาไฟฟ้าที่เซ็กซี่เป็นพิเศษ ก็จะมีป้ายโฆษณาคอนโด หมู่บ้าน กลับมาเป็นคู่รักใหม่…

ช่วงนี้ฉันเลยค่อนข้างถือว่าเพลิดเพลินกับป้ายหาเสียงทั่วเมือง แม้ว่าจะเวียนหัว เพราะว่ามันลายตาไปหมด แต่ก็ยินดี..ที่ทุกคนทุกพรรค เล่นในเกมเดียวกัน สนามเดียวกัน กติกาเดียวกันหมด…

เลิกเพ้อเจ้อเรื่องเผด็จการ ประชาธิปไตย อะไรนั่นได้แล้ว…

นึกขึ้นได้ ว่า เมื่อครั้งที่แล้วตอบคำถามแรกของเพื่อน…ที่ถามว่าสนใจอยากได้เป็นนายกฯ คนที่ 30

ถึงเวลานั้นและเวลานี้ ฉันตอบว่า

ฉันจับตาไปที่คุณพี่หนู อนุทิน ด้วยเหตุผลและความรู้สึกที่อธิบายไปแล้ว…เมื่อสถานะสักเดือนก่อน

รักหนูเสียดายตู่…. เป็นนายกสองคนเลยได้ไหมวะจ๊ะ แบ่งกัน จะได้ไม่เหนื่อย….ฮ่าๆๆๆ

คราวนี้จะตอบคำถามว่า ชอบพรรคไหน…

ก็แหง…เหตุผลหนึ่งที่จับตาอนุทินก็คือพรรคภูมิใจไทย

ในบรรดาพรรคการเมืองในเมืองไทยหรือทั่วโลกนั้น จะหาที่เนื้อผ้าขาวสะอาดเหมือนเสื้อนักเรียนที่แขวนอยู่ในร้านสมใจนึกบางลำภูนั้นมิได้…

การเมืองมันมีโคลนเป็นวัตถุดิบหลักเสมอ…จึงทุกพรรคการเมืองนักการเมือง ต้องเป็นสีขาวสีเทาสีหม่นแตกต่างกันไปถึงเกือบดำ ทั้งมอมแมมเพราะถูกเข้าขว้างโคลนใส่ และเพราะขว้างเขาแล้วกระเด็นใส่ตัวเอง

พรรคการเมืองใหม่ ๆ หลายพรรค ขนาดยังไม่เปิดแถลงข่าว ก็สีเทาหนักมาตั้งแต่ต้น…

ทำไมภูมิใจไทย…

ฉันรู้สึกว่า เออ คนพรรคนี้ ไม่ค่อยเสียกริยา เป็นฝ่ายบริหารมา ก็เห็นผลงานชัด โดยเฉพาะสาธารณสุข ซึ่งได้รับชัยชนะจากการสู้โควิด สถานการณ์นี้มาส่งคะแนนให้ภูมิใจไทยมาก

พูดแล้วทำ….เป็นสโลแกนที่ไม่ได้อวดเกินจริง

แล้วเรื่องราวผู้คนภายในพรรคก็ไม่มอมแมมหรือโฉ่งฉ่างเหมือนพรรคอื่น ๆ เอาว่าพอคบได้

เรื่องกัญชา เป็นเหรียญสองด้าน เลือกหน้าไหนก็มีคนชอบคนชัง แต่วิธีที่จะทำให้ได้ประโยชน์แต่ควบคุมได้นั้นมีอยู่…และควรจะช่วยกันหาวิธีควบคุมให้ชัดเจนมากกว่า

คล้ายกับเรื่องว่า…พ่อแม่ควรจะยื่นถุงยางอนามัยให้ลูกชายพกไปเที่ยวลอยกระทง หรือจะตะคอกห้ามมัน จนกระทั่งมันไปทำผู้หญิงท้อง
ในขณะที่ข่าวคราวการเมืองเริ่มเข้มข้น 

‘ศิริกัญญา’ ลุยปทุมธานี อ้อนประชาชนหนุนก้าวไกล ชวนบอกต่อคนที่บ้านกา 2 ใบ การเมืองไทยเปลี่ยนแปลง

(13 เม.ย.66) พรรคก้าวไกลได้จัดแคมเปญ ‘ชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล’ เพื่อเชิญชวนประชาชนที่เห็นด้วยกับแนวทางการทำงานและนโยบายของพรรคก้าวไกล ช่วยเชิญชวนบอกต่อให้คนในครอบครัวและคนที่บ้านลงคะแนนให้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่จะมาถึง โดยแคมเปญนี้กระจายการประชาสัมพันธ์ไปในหลายพื้นที่ เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา

สำหรับจังหวัดปทุมธานี ได้รณรงค์แคมเปญด้วยการปราศรัยบนรถแห่ เริ่มที่หน้าศูนย์ประสานงานของเชตวัน เตือประโคน ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 6 (เบอร์ 4) ไปจนถึงป้ายรถเมล์หน้าห้างเซียร์รังสิต ป้ายรถเมล์หน้าห้างโบ๊เบ๊ทาวเวอร์รังสิต ก่อนที่ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะนำแจกแผ่นพับใบปลิวแคมเปญให้แก่ประชาชนที่กำลังจะเดินทางกลับบ้าน ที่ท่ารถตู้ต่างจังหวัดตรงข้ามห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต

ศิริกัญญากล่าวว่า เนื้อหาในแผ่นพับระบุ 5 กิจกรรมที่ชวนให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้เริ่มเชิญชวนเพื่อนพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ในภูมิลำเนา ให้หันมากาพรรคก้าวไกล โดยกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย...

1. ส่งต่อข้อมูลนโยบายพรรค ให้เพื่อนและญาติ ในรูปแบบแผ่นพับออนไลน์
2. เปลี่ยนกรอบรูปประจำตัวบนโซเชียลมีเดียของเราให้เป็นกรอบ 'กา x ก้าวไกล'
3. สร้างป้ายหาเสียงของคุณผ่านเว็บไซต์และแชร์ให้ทุกคนได้รู้
4. ท้าประลองกับคนที่บ้านว่าใครรู้ลึกรู้จริงนโยบายก้าวไกล
5. ใช้โซเชียลมีเดียปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ ช่วยกันแชร์และเชียร์พรรคก้าวไกลผ่านแฮชแท็ก #ชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล #กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม #พิธา และ #พรรคก้าวไกล

"เนื่องจากในช่วงสงกรานต์ ประชาชนจะเดินทางกลับบ้านหรือท่องเที่ยว จึงเป็นที่มาของแคมเปญนี้ วันนี้ได้ร่วมกับผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี ทั้ง 7 เขต ในการพูดคุย แนะนำนโยบายพรรค และแนะนำแคมเปญให้ประชาชนที่จะเดินทางกลับบ้าน หลายคนที่รู้จักนโยบายพรรคอยู่แล้ว ก็ได้ให้กำลังใจ โดยหลังจากผ่านช่วงสงกรานต์ไป จะเป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ตอนนี้ทุกคนทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเพิ่มคะแนนเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลและผู้สมัครของเราให้มากที่สุด” ศิริกัญญากล่าว

นอกจากแนะนำแคมเปญ ศิริกัญญาได้แนะนำนโยบายของพรรคก้าวไกล เช่น ขึ้นค่าแรงทันที 450 บาทต่อวัน มีระบบเพิ่มขึ้นทุกปี, กระจายอำนาจให้ทุกจังหวัดมีผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง, เบี้ยเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน, เบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน มีระบบดูแลผู้ป่วยติดเตียง

‘บิ๊กป้อม’ อวยพรคนไทย ให้สำเร็จทุกความปรารถนา พร้อมชูความสำคัญ ‘วันผู้สูงอายุ–วันครอบครัว’ ผ่านนโยบาย ‘พปชร.’

‘บิ๊กป้อม’ อวยพรสงกรานต์ ให้ปชช. มีความสุข-พ้นทุกข์ รับปีใหม่ไทย เดินทางปลอดภัย  ชู นโยบายพปชร.เอาใจผู้สูงอายุ – วันครอบครัว” 

(13 เม.ย.66) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวอวยพรเนื่องในวันสงกรานต์ 2566 ว่า ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ไทย เทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 ขอส่งความปรารถนาดีไปยังพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ให้มีความสุข พ้นทุกข์ รับปีใหม่ไทย ขอให้ร่วมกันทำสิ่งดีๆ เพื่อเป็นมงคลต่อชีวิต และเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ดูแลรักษาสุขภาพ และเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้ประชาชนชาวไทยประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีกำลังใจและกำลังสติปัญญาที่เข้มแข็ง มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งในชีวิต หน้าที่การงานและในครอบครัว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนประสบความสำเร็จตามความปรารถนาทุกประการตลอดไป  

‘สิริพงศ์’ ขอบคุณศาล ตัดสินชนะคดีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ชี้!! เป็นเครื่องพิสูจน์การทำงานของ ‘ภท.’ รักษาประโยชน์ของปชช.

ส.ส.ภูมิใจไทย ขอบคุณศาลปกครอง ที่ตัดสินให้ชนะคดี รถไฟฟ้าสายสีเขียว กรณี ผู้ว่า กทม. ประกาศกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว 65 บาทตลอดสาย ชี้เป็นเครื่องพิสูจน์ การทำงานของพรรคภูมิใจไทย รักษาประโยชน์ประชาชน และเป็นบรรทัดฐานในคดีอื่นๆ

เมื่อวันที่ (12 เม.ย.66) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง กรณีที่ศาลปกครองให้เพิกถอน ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดค่าโดยสาร โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว 65 บาทตลอดสาย ที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย ตน และน.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ผู้สมัครฯ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายมณฑล โพธิ์คาย ผู้สมัคร ส.ส.กทม., นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ผู้สมัคร ส.ส.กทม., นายพิษณุ พลธี ผู้สมัครฯ ส.ส.ปทุมธานี, และนายอนาวิล รัตนสถาพร ผู้สมัครฯ ส.ส.ปทุมธานี ไปยื่นร้องเรียนว่า ขอขอบพระคุณศาล ที่ให้ความเมตตากับประชาชน โดยเฉพาะคนที่เดินทางโดยสารผ่านรถไฟฟ้า วันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ ให้สังคมเห็นว่า พรรคภูมิใจไทย ต่อสู้มา ไม่สูญเปล่า

“พรรคภูมิใจไทย ของเราในอดีตที่ผ่านมา แม้จะไม่มีส.ส.ใน กทม. เลย แต่เรื่องใดก็ตาม เป็นประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เราพยายามสู้อย่างเต็มที่ เพื่อนำประโยชน์สูงสุดมาให้กับประชาชนทุกคน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อยากให้ประชาชนใช้ดุลยพินิจ ในการตัดสินอนาคตของท่านด้วย” นายสิริพงศ์ กล่าว

‘ก้าวไกล’ ลุยขนส่งหมอชิต เปิดแคมเปญ ‘ชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล’ หวังฝาก ปชช.ที่เดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์ บอกต่อครอบครัว

(12 เม.ย. 66) พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประกอบด้วย เซีย จำปาทอง, สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ, กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี และ วรรณวิภา ไม้สน ร่วมสวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชนที่เดินทางมายังบริเวณสถานีขนส่งกรุงเทพ หรือ ‘หมอชิต 2’ พร้อมเชิญชวนประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ร่วมแคมเปญ ‘ภารกิจแห่งจักรวาล : ชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล’ ด้วยการเชิญชวนคนในครอบครัวหรือคนที่บ้านให้กาพรรคก้าวไกล

พริษฐ์ กล่าวว่า หัวใจสำคัญของแคมเปญนี้ คือการชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล เนื่องจากการลงพื้นที่หาเสียงในช่วงที่ผ่านมา ได้เห็นแนวร่วมพรรคก้าวไกลอยู่ในทุก ๆ บ้าน เป็นคนที่มีความคิดความฝันตรงกับพรรค อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อยากเห็นนโยบายของพรรคเกิดขึ้น จึงอยากให้แนวร่วมพรรคก้าวไกลได้ชวนคนทั้งบ้านหันมาเลือกพรรคก้าวไกลยกบ้าน เพื่อให้ความต้องการนั้นเป็นจริง

สำหรับแคมเปญชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล ประกอบด้วย 5 ภารกิจ ได้แก่

1.) ส่งต่อข้อมูลนโยบายพรรคให้เพื่อนและญาติในรูปแบบแผ่นพับออนไลน์

2.) เปลี่ยนเฟรมรูปโปรไฟล์ในโซเชียลมีเดียให้เป็นเฟรม กา x ก้าวไกล

3.) สร้างป้ายหาเสียงผ่านเว็บไซต์และแชร์ให้ทั้งโลกได้รู้

4.) ท้าประลองกับที่บ้านว่าใครรู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับนโยบายพรรคก้าวไกล

5.) ใช้โซเชียลมีเดียปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ ช่วยกันแชร์และเชียร์พรรคก้าวไกล

นอกจากนี้ ยังมีการทำกิจกรรมของปีกแรงงาน พรรคก้าวไกล นำโดย เซีย จำปาทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 4 ในฐานะตัวแทนผู้ใช้แรงงาน ที่ร่วมพูดคุยกับประชาชนที่เดินทางกลับบ้าน เพื่อนำเสนอนโยบายของปีกแรงงานจากพรรคก้าวไกลด้วย

‘บิ๊กป้อม’ วิดีโอคอล ขอบคุณชาวเเท็กซี่ ดูเเลผู้โดยสารช่วงสงกรานต์ พร้อมรับปาก หากได้เป็นรัฐบาล จะช่วยดูเเลเรื่องค่าเเก๊ส-น้ำมันให้

(12 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันนี้ (12 เม.ย. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘FC ลุงป้อม’ ได้โพสต์คลิปของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่วิดีโอคอลให้กำลังใจผู้ประกอบการรถแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยหนึ่งในกลุ่มแท็กซี่ที่มาร่วมวิดีโอคอลกับพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือ นายพัลลภ ฉายินธุ นายกสมาคมผู้ประสานงานรถรับจ้างสนามบินสุวรรณภูมิและกลุ่มที่ปรึกษาสมาคมชมรมรถแท็กซี่ อาทิ เช่น นายอำนาจ เผือกบาง และผู้ขับแท็กซี่หลายคนได้ร่วมวิดีโอคอลกับพลเอกประวิตร

โดยนายกสมาคมผู้ให้บริการแท็กชี่และรถรับจ้างกล่าวว่า สวัสดีพลเอกประวิตร ขอให้สู้ ๆ และก้าวข้ามความขัดแย้งให้ได้ ขอเป็นกำลังใจให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และขอให้ช่วยดูแลราคาค่าแก๊สและน้ำมันของรถแท็กซี่ด้วย

จากนั้น พลเอกประวิตร กล่าวทักทายให้กำลังใจผู้ขับขี่แท๊กซี่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่นว่า ขอบคุณที่ให้กำลังใจตน ดังนั้นตนขอให้กำลังใจทุกคน และขอฝากให้ดูแลผู้โดยสารด้วย หากตนได้เป็นนายกฯ รัฐบาลจะลดราคาน้ำมันและแก๊สช่วยรถแท็กซี่ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดนั้น กลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวจึงร้องเรียนมายังรัฐบาลขอความช่วยเหลือ 4 ประเด็น ได้แก่ ขอให้ผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อยได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท นำอาชีพแท็กซี่เข้าเป็นแรงงานนอกระบบ เพิ่มทางเลือกให้ผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อย เข้าไปอยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 39 รวมทั้งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์

‘กรณ์’ เปิดตัว ส.ส.หญิงแห่ง ‘ชพก.’ หลากสาขาหลายอาชีพ ย้ำ เป็นคนรุ่นใหม่-ไฟแรง พร้อมเข้าสภาฯ ทำหน้าที่เพื่อ ปชช.

(12 เม.ย. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคมีผู้สมัคร ส.ส.หญิงมาลงสมัครกันมากหน้าหลายตา และต่างลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างคึกคัก พรรค ชพก.มีผู้หญิง มาเป็นผู้สมัคร ส.ส.หลายคน ในทุกภาคของประทศ ซึ่งแต่ละคนโปรไฟล์ไม่ธรรมดา หลากหลายสาขาอาชีพ ทั้ง นักธุรกิจ, ลูกชาวนา, ลูกแม่ค้า, หมอลำ, นักแสดง ฯลฯ

นายกรณ์ กล่าวว่า เริ่มที่ จ.เชียงใหม่ แม้ไม่ใช่บ้านใหญ่แต่ใจสู้ พรรคชาติพัฒนากล้าส่งผู้สมัคร 2 คน คือ คนที่ 1 กุพชกา ยศปัน หรือ ‘นุ่มนิ่ม’ ผู้สมัครเขต 1 เบอร์ 6 เจ้าแม่เอสเอ็มอี นักธุรกิจด้านโรงแรม ร้านอาหารและสถานออกกำลังกาย เข้าสู่เส้นทางการเมืองเพราะต้องการแก้ไขเศรษฐกิจเพื่อปากท้องของคนเชียงใหม่ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ผลักดันแก้ไขปัญหา PM 2.5 ในเขตภาคเหนือ เป็นปากเป็นปากเสียงให้พี่น้องคนเมืองเจียงใหม่ ขับเคลื่อนให้คนมีงานทำ สโลแกนประจำตัว ‘นุ่มนิ่ม แน่วแน่ แก้ไข’

และคนที่ 2 นฤมล วไลศรี หรือ ‘หน่อง’ ผู้สมัครเขต 4 เบอร์ 1 มีความมุ่งมั่นตั้งใจ อยากเห็นเศรษฐกิจปากท้องความเป็นอยู่ของคนเชียงใหม่ที่ดีกว่านี้ ต้องการสร้างอาชีพให้คนในชุมชน

นายกรณ์ กล่าวว่า ตามมาด้วย ภาคอีสานส่ง 3 สาวผู้สมัคร ส.ส. เปิดตัวได้ฮือฮา เริ่มจากคนที่ 1 หมอลำชื่อดัง ดนิตา มาบุญธรรม หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เอม อภัสรา’ ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 1 เป็นลูกชาวบ้านที่อาสามาเป็นผู้แทน และมีเจตนารมณ์ ไม่ขายความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกับใคร ไม่สะสมประโยชน์ส่วนตัว เน้นทำงานเพื่อแก้ปากท้องของพี่น้องประชาชน สร้างอนาคตให้ลูกหลาน ดูแลผู้สูงอายุ ผลักดันหมอลำโกอินเตอร์

คนที่ 2 กมลวรรณ มณีศรี หรือ ‘บุ๋มบิ๋ม’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 10 มหาสารคาม เจ้าของธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง เคยเป็นผู้ช่วย ส.ส.ให้นายกรณ์ ร่วมทำโครงการข้าวอิ่ม ที่นายกรณ์ บุกเบิกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนประสบความสำเร็จ มีความมุ่งมั่นแก้ปัญหาปากท้องเพื่อพี่น้องประชาชน ให้พ้นจากความยากจน

คนที่ 3 นุจรีภรณ์ อินทะสร้อย หรือ ‘มี่’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 มหาสารคาม เบอร์ 5 ทายาทตัวจริงของชาวนาในโครงการข้าวอิ่ม ตัดสินใจเปลี่ยนวิธีทำนาตามคำแนะนำของนายกรณ์ พาชาวบ้านทำเกษตรอินทรีย์ จนปลดหนี้ปลดสิน มี่ตัดสินใจลงการเมือง เพราะต้องการแก้ปัญหาเรื้อรัง ที่ไม่เคยแก้ได้ตรงจุด อาสาขอเป็นปากเป็นเสียงให้ชาวบ้านแก้ปัญหาราพืชผลของชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน อยากเห็นเกษตรกรยิ้มได้

นายกรณ์ กล่าวว่า สำหรับกรุงเทพมหานคร มีผู้สมัครหญิงหลายคน เริ่มจากคนที่ 1 วิเวียน จุลมนต์ หรือ ‘อี๊ฟ’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เบอร์ 10 คนรุ่นใหม่ไฟแรง มีพลังงานเหลือเฟือ เริ่มเข้าสู่วงการเมืองเพราะชื่นชอบนายกรณ์ จึงสมัครเข้าแคมเปญ ‘ผู้กล้า’ ของพรรคกล้า (ในขณะนั้น) และเป็นผู้กล้ารุ่น 1 จากนั้นก็ช่วยงานพรรคเรื่อยมา อี๊ฟเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว ทำงานได้สารพัด ตั้งแต่ แม่บ้าน แม่ค้า ขับ Grab Taxi ติวเตอร์ อะไรที่ไม่ผิดกฎหมายทำหมด จึงทำให้เห็นความเหลื่อมล้ำของการได้รับสวัสดิการสังคมของฟรีแลนซ์กับมนุษย์เงินเดือน เธอจึงขอเป็นตัวแทนฟรีแลนซ์ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ทั้งเรื่องรายได้ ค่าตอบแทน สวัสดิการสังคม สิทธิทางภาษี ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่ชื่นชอบ วัฒนธรรมไทย และยังเป็นคนที่เข้าใจเด็กรุ่นใหม่ ได้เห็น ได้สัมผัสวิธีคิด จนมีแนวคิดให้เด็กรุ่นใหม่ ออกแบบอาชีพด้วยตัวเอง

คนที่ 2 ดร.แวววรรณ ก้องไตรภพ หรือ ‘บี’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 9 เบอร์ 3 มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนหาเตียง ในช่วงวิกฤตโควิดระลอกแรก ในโครงการกล้าอาสา ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการเห็นประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขและความปลอดภัย คนสูงวัยและกลุ่มเปราะบางต้องไม่ถูกทอดทิ้ง ดร.บี บอกว่า เขตที่รับผิดชอบคือ บางเขน จตุจักร หลักสี่ ยังมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยอีกมาก ตรอกซอยต่าง ๆ ยังเป็นถนนเอกชนที่มีปัญหาเรื่องการของบประมาณมาซ่อมแซม มีงานต้องประสานกับภาครัฐมากมาย ปัญหาของผู้สูงอายุและคนพิการก็สำคัญเช่นเดียวกัน ในขณะที่เรากำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ แต่ชาวบ้านกลับถูกละเลย เธอจึงอยากเข้ามาเป็นตัวแทนทำงานเพื่อประชาชน มีสโลแกนประจำตัวคือ ‘แวววรรณ เคลียร์ไว เข้าใจปัญหา’

คนที่ 3 ริณดา คงตาลนันท์ หรือ ‘เพิร์ท’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 18 เบอร์ 2 มีอาชีพฟรีแลนซ์ด้านกราฟิกดีไซน์ ประกาศขอสู้เพื่อสุนัขและแมว เธอมองว่า ปัจจุบันมีสุนัขแลแมวจรในกรุงเทพมหานคร ยังไม่ได้รับความสนใจในการสนับสนุนการแก้ไขเท่าที่ควร กทม.ควรเริ่มด้วยการช่วยเก็บข้อมูล เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ พรรคชาติพัฒนากล้าให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของสัตว์ เพราะเขาสื่อสารกับเราไม่ได้

คนที่ 4 ภัทรานิษฐ์ กิตินิรันดร์กูล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 19 เบอร์ 15 เจ้าของธุรกิจด้านขนส่ง มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองมากมายที่ต้องการผลักดันให้สำเร็จ โดยเฉพาะส่งเสริมภาคตะวันออกของกรุงเทพให้เป็น Halal Town พัฒนามีนบุรีให้ทัดเทียมกับเขตอื่น เสริมเศรษฐกิจชุมชนเขตมีนบุรี รถไฟฟ้า 2 สายของมีนบุรีต้องสำเร็จ ร่วมผลักดันนโยบายค่าตอบแทนครูสอนศาสนาผู้นำชุมชน ล็อตโต้กองทุนมุสลิมไปพิธีฮัจญ์

คนที่ 5 ยศยา ชิยาปภารักษ์ หรือ ‘นุ่น’ เจ้าของธุรกิจสายมู ผู้สมัคร ส.ส.เขต 23 เบอร์ 2 นุ่นมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่าแรงกล้า ที่จะสร้างโอกาส และ สร้างแหล่งรายได้ของคนไทยทั่วประเทศ จากนโยบายเศรษฐกิจเฉดสีขาว หรือเศรษฐกิจสายมู ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคชาติพัฒนากล้ายืนหนึ่งสนับสนุนมาโดยตลอด โดยมีนโยบายสร้างแลนด์มาร์คศักดิ์สิทธิ์ 77 จังหวัด ๆ ละ 1,000 ล้านบาท เพื่อดึงนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าประเทศ

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ขึ้นรถแห่หาเสียง พื้นที่หนองบอน-สวนหลวง พร้อมชู ‘สวนหลวง นัมเบอร์วัน’ คืนชีพสู่ย่านท่องเที่ยว-ศก.อีกครั้ง

(12 เม.ย. 66) นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ผู้สมัครเบอร์ 1 แขวงหนองบอน เขตสวนหลวง พรรคพลังประชารัฐ ขึ้นรถแห่หาเสียง พร้อมเล่นน้ำกับประชาชนในพื้นที่เขตสวนหลวง ชูนโยบาย ‘สวนหลวง นัมเบอร์วัน’ ผลักดัน 9 พลังสวนหลวง สวนหลวง 9 แหล่งท่องเที่ยว ให้สวนหลวงกลับมาเป็นแหล่งเศรษฐกิจอีกครั้ง

โดยนายฟิล์ม รัฐภูมิ กล่าวว่า “ผมมีความมั่นใจว่าจะนำทุกปัญหาของพ่อแม่พี่น้องเขตสวนหลวง และหนองบอน มาแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เพราะตัวผมเองและพรรค มีความพร้อมด้านบุคลากรและความรู้ ที่จะทำให้ปัญหาต่าง ๆ ถูกแก้ไขได้โดยเร็ว โดยปัญหาหลัก ๆ ที่ฟิล์มอยากจะ แก้ไขโดยเร็วที่สุด นั่นคือปัญหาด้านสาธารณสุขที่มีข้อจำกัดปริมาณสถานพยาบาล ที่ไม่สอดคล้องกับปริมาณของจำนวนประชากรในเขตพื้นที่สวนหลวง หนองบอน ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน แสงสว่างทางเท้า รวมถึงปัญหาด้านความปลอดภัย การเพิ่มจุดติดตั้งกล้องวงจรปิด ตลอดจนการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยว การยกระดับผู้ประกอบการในเขตให้รองรับ การเดินทางมาของนักท่องเที่ยว”

ไม่ทำผิด ไม่ต้องกลัว ทวนย้ำซ้ำๆ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ป้องกันการหมิ่นฯ เหมือน กม.อาญาธรรมดาทั่วไป

การเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองนำเรื่องของกฎหมายอาญา มาตรา 112 มากล่าวถึงมากมาย ตามแต่แนวคิดและความเชื่อของแต่ละพรรค โดยเฉพาะสมาชิกที่เป็นแกนนำของพรรคนั้น ๆ ก่อนอื่นอยากผู้อ่านได้อ่านสามบทความก่อนที่มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับเรื่องนี้ ได้แก่ :

‘Thailand Spring’ ความพยายามที่ไม่มีวันสำเร็จ ตราบที่คนไทยยังยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของแผ่นดิน https://thestatestimes.com/post/2023040420

เปิดหลักฐานความพยายามให้สยามเกิด Thailand Spring เรื่องจริง!! อันตรายพุ่งเป้าต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ https://thestatestimes.com/post/2023041016

ปัญหาใหญ่ของโลก คนรุ่นใหม่คลั่ง ‘ลัทธิปัจเจกชนนิยม’ ขั้นรุนแรง จนขาดความเข้าใจใน ‘ลัทธิเสรีนิยม’ https://thestatestimes.com/post/2023041053

อันที่จริงแล้วประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นเพียงกฎหมายป้องกันการหมิ่นประมาทเช่นเดียวกับกฎหมายอาญาธรรมดาทั่วไปมาตราหนึ่งเท่านั้น หากไม่ทำผิดก็ไม่ผิดกฎหมาย แล้วกลัวไปทำไม เมื่อไม่ได้ทำผิดแล้ว...ทำไมจึงต้องกลัว

กฎหมายหมิ่นประมาทของไทยมีอยู่ 3 จำพวก เช่นเดียวกับกฎหมายหมิ่นประมาทของนานาประเทศได้แก่

1) หมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา (มาตรา 326 ตามประมวลกฎหมายอาญาของไทย)

2) หมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ของรัฐ (มาตรา 136 ตามประมวลกฎหมายอาญา และหากหมิ่นประมาทศาลก็จะมีความเฉพาะเจาะจงลงไปอีก)

3) หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์หรือประมุขของรัฐ (มาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญาของไทย)

ขอบคุณภาพจากเพจ ‘ฤๅ’

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี"

และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 133 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ราชาธิบดี ราชินี ราชสวามี รัชทายาท หรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

บรรดาเด็กน้อย เด็กโข่งที่โดนหมายเรียกและหมายจับตามความผิดฐานนี้ เป็นเพราะ ได้กระทำการอันเป็นการ "หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท" ถ้าสิ่งที่พูดนั้นเชื่อไม่ได้พูดผิดก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในกระบวนการยุติธรรม ทำไม่ผิดย่อมไม่ต้องติดคุก หากแต่ทำผิดแล้วก็ย่อมต้องติดคุกเป็นปกติธรรมดาเช่นเดียวกับการทำผิดกฎหมายอาญาทั่วไปที่มีโทษหนักเบาเป็นไปตามโทษานุโทษ

ขอบคุณภาพจากเพจ ‘ฤๅ’

มาตรา 112 จึงเป็นเพียงกฎหมายที่มีไว้เพื่อปกป้องพระเกียรติของ ในหลวง พระราชินี และรัชทายาท เฉกเช่นเดียวกับ กฎหมายอาญา มาตรา326 อันเป็นการปกป้องการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาทั่วไป และมาตรา 126 การปกป้องการหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเหมือนกับกฎหมายปกป้องการหมิ่นประมาทต่อประมุขแห่งรัฐ (Head of State Defamation Law) ของทุกประเทศในโลกนี้

ส่วนคำว่า Lèse majesté Law ที่มักมีการนำมาเอ่ยอ้างนั้น ใน Wikipedia ระบุว่า หมายรวมถึงผู้นำที่เป็นทั้ง พระมหากษัตริย์ ประธานาธิบดี และตำแหน่งประมุขแห่งรัฐอื่น ๆ ด้วย และมักถูกนำมาแปลใช้เป็นคำว่า ‘กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ’ อันเป็นวาทกรรมที่บิดเบือน โดย นักการเมือง นักเคลื่อนไหว และกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง เพราะประเทศไทยมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 แล้ว จึงไม่มีกฎหมายนี้อยู่อีกต่อไป

สำหรับกฎหมายเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์หรือประมุขของรัฐ ในประเทศต่าง ๆ ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อาทิ

สเปน มาตรา 490 และ 491 ของประมวลกฎหมายอาญาควบคุมการหมิ่นพระมหากษัตริย์ บุคคลใดที่หมิ่นหรือดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ พระราชินี บูรพกษัตริย์หรือรัชทายาท มีโทษจำคุกได้สองปี นิตยสาร El Jueves เคยลงบทความเสียดสีภาษาสเปน จึงถูกปรับในข้อหาละเมิดกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ของสเปน หลังจากตีพิมพ์ภาพล้อเลียนปัญหาเกี่ยวกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งสเปน (ในขณะนั้นยังทรงเป็นเจ้าชายแห่ง Asturias (องค์มกุฏราชกุมาร)) ในปี ค.ศ. 2007

บรูไน การหมิ่นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนถือเป็นอาชญากรรมในบรูไนดารุสซาลาม มีโทษจำคุกสามปี

กัมพูชา กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 รัฐสภากัมพูชาได้ลงมติให้การกระทำอันเป็นการหมิ่นพระมหากษัตริย์ใด ๆ ก็ตาม มีโทษจำคุกสูงสุดหนึ่งถึงห้าปี และปรับ 2 ถึง 10 ล้านเรียล โดยเมื่อมกราคม ค.ศ. 2019 ชายชาวกัมพูชาคนหนึ่งถูกตัดสินจำคุก 3 ปีจากการโพสต์บน Facebook

มาเลเซีย มีพระราชบัญญัติการปลุกระดม ค.ศ. 1948 เพื่อตั้งข้อหาผู้ซึ่งถูกกล่าวหาว่า หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ในปี ค.ศ. 2013 Melissa Gooi และเพื่อนอีก 4 คนถูกควบคุมตัวเนื่องจากถูกกล่าวหาว่า ดูหมิ่นราชวงศ์ ในปี ค.ศ. 2014 Ali Abd Jalil ถูกคุมขังและถูกคุมขัง 22 วันในข้อหาดูหมิ่นราชวงศ์ยะโฮร์และสุลต่านแห่งสลังงอร์ มีการลงโทษจำคุกในยะโฮร์ในข้อหาดูหมิ่นราชวงศ์กับ Muhammad Amirul Azwan Mohd Shakri

โมร็อกโก มีชาวโมร็อกโกถูกดำเนินคดีจากข้อความที่ถือว่าเป็นการล่วงละเมิดต่อพระมหากษัตริย์ บทลงโทษขั้นต่ำสำหรับความผิดดังกล่าวคือ จำคุกหนึ่งปี หากคำแถลงดังกล่าวจัดทำขึ้นเป็นการส่วนตัว (เช่นไม่ออกอากาศ) และจำคุกสามปีหากเผยแพร่ในที่สาธารณะ ในทั้งสองกรณีสูงสุดคือ 5 ปี คดีของ Yassine Belassal และ Nasser Ahmed (อายุ 95 ปี ซึ่งเสียชีวิตในคุกหลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์) และ Fouad Mourtada Affair ได้อภิปรายเกี่ยวกับรื้อฟื้นการกฎหมายเหล่านี้และการบังคับใช้งานของพวกเขา ใน ปีค.ศ. 2008

ส่องชุดนโยบายเศรษฐกิจ #ชาติพัฒนากล้า ในภาพเดียว

- เศรษฐกิจเฉดสี หารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้าน
- 12 นโยบายเศรษฐกิจ หลายเรื่องรื้อโครงสร้างเพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชน โดยไม่ใช้เม็ดเงินภาษีฟุ่มเฟือย

 

‘ชัยวุฒิ’ แจง คุมตัว ‘9 Near’ แล้ว เผย ทำไปเพราะอยากดัง ตัวเจ้ายัน ไม่ได้แฮกข้อมูล แต่ซื้อมาจากเว็บมืด 8 ล้านรายการ

(12 เม.ย. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงความคืบหน้าในการติดตามผู้กระทำความผิดที่อ้างว่ามีข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทยจำนวน 55 ล้านรายการว่า จ่าสิบโทเขมรัตน์ ได้ถูกส่งตัวมาที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนคดีทางเทคโนโลยี โดยได้มีการสอบสวนและจะนำตัวจ่าสิบโทเขมรัตน์ไปค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านพัก

ผู้ต้องหายืนยันว่า ข้อมูลที่ได้มาไม่ได้มาจากการแฮกข้อมูล แต่ได้จากการซื้อมาจากเว็บมืดที่ผิดกฎหมาย จำนวน 8 ล้านรายการ ราคา 8 พันบาท เมื่อซื้อข้อมูลมาแล้วต้องการทดลองว่า มีรายชื่อของตนอยู่ในข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ เมื่อตรวจสอบพบว่ามีจริง จึงนำมาโพสต์ ครั้งแรกไม่ได้รับการตอบสนอง จึงเลือกเอารายชื่อของผู้มีชื่อเสียงมาโพสต์ทำให้เกิดความสนใจมาก

‘พปชร.’ เตรียมปล่อยทีเซอร์ซิงเกิล ต้อนรับวันสงกรานต์ ด้าน ‘บิ๊กป้อม’ นำทัพขุนพล-ผู้สมัคร มุ่งมั่นทำงานเพื่อ ปชช.

(12 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พรรคพลังประชารัฐ ได้เผยแพร่ข้อความและภาพ ประกอบเพลง เพื่อใช้สำหรับหาเสียงเลือกตั้ง ผ่านไลน์พรรค พปชร. ข้อความระบุว่า…

“พปชร.เซอร์ไพรส์ เปิดทีเซอร์ซิงเกิล!!! ก่อนปล่อย MV ฉบับเต็มต้อนรับปีใหม่ไทย 13 เมษายน 2566 ของขวัญจากใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ ‘ลุงป้อม’ ของทุกคน นำทัพขุนพลและผู้สมัคร ส.ส.พปชร.ที่พร้อมอาสาทำงานให้ประชาชนด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ มอบความสุข รอยยิ้มให้กับคนไทยทุกคน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top