Wednesday, 9 July 2025
NEWS FEED

ผนึกพลัง ตำรวจ - เอไอเอส เปิดยุทธการทลายเครือข่าย “แก๊งตระเวนลักแบตเตอรี่สำรองเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ”

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.พัฒนา ปรีชานันท์ รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.พัลลภ สุภิญโญ รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.กฤตยา เลาประสพวัฒนา รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.เอนก บุตรอินทร์ รอง ผบก.สง.ก.ต.ช. ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.2

พร้อมด้วยชุดสืบสวน บก.สส.ภ.2 ทำการสืบสวนเนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายตระเวนลักทรัพย์แบตเตอรี่(ลิเธียม)ที่ติดตั้งกับเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด ในกลุ่ม เอไอเอส จำนวนหลายท้องที่ในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จากการประสานของมูลจาก บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด ว่าในห้วงระยะเวลา ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2566 ถึงปัจจุบัน พบว่าเกิดเหตุคนร้ายได้ตระเวนก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน กว่า 150 ครั้ง ได้ทรัพย์สินเป็นแบตเตอรี่ ไม่ต่ำกว่า 300 ลูก ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่าสิบล้านบาท คนร้ายได้ตระเวนลักทรัพย์ในพื้นที่หลายจังหวัดในภาคตะวันออก โดยเลือกพื้นที่ห่างไกลและไม่ค่อยมีกล้องวงจรปิด ออกตระเวนลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง และจากแผนประทุษกรรมการก่อเหตุพบว่าคนร้ายเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับระบบเสาสัญญาณโทรศัพท์เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าคนร้ายเป็นกลุ่มคนที่เคยประกอบอาชีพเกี่ยวกับการติดตั้งระบบในเสาสัญญาณโทรศัพท์

ด้านนายสมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน รักษาการหัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค-ภาคตะวันออก เอไอเอส กล่าวว่า “จากกรณีที่มีมิจฉาชีพขโมยแบตเตอรี่ สถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของเอไอเอส ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับความเสี่ยงของการให้บริการสัญญาณเครือข่ายอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้สถานีฐานขาดระบบสำรองแหล่งพลังงาน อันอาจทำให้ไม่สามารถให้บริการสัญญาณได้ตามปกติ ดังนั้นทีมวิศวกร และฝ่ายกฎหมายของเอไอเอส จึงเดินหน้าทำงานสืบสวนในเชิงลึกร่วมกับตำรวจ โดยกองบังคับการสืบสวน สอบสวนตำรวจภูธร ภาค 2 มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามกลุ่มมิจฉาชีพและสามารถเข้าจับกุมรายใหญ่ได้ในครั้งนี้ ซึ่งในนามของเอไอเอส ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านอย่างยิ่ง ที่ให้ความสำคัญกับคดีนี้ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า ในพื้นที่อื่นๆ หากมีการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในลักษณะนี้ จะทำให้สามารถติดตามจับกุม และนำทรัพย์สินกลับมาเพื่อให้สามารถส่งมอบสัญญาณเครือข่ายได้อย่างมีคุณภาพต่อไป อย่างไรก็ตามหากประชาชนพบเหตุต้องสงสัย สามารถแจ้งมาที่บริษัทฯ หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลาเช่นกัน”

สำหรับ แบตเตอรี่ลิเธียม ที่ได้ทำการติดตั้งกับเสาสัญญาณโทรศัพท์ มีไว้สำหรับเป็นกระแสไฟฟ้าสำรองกรณีหากมีเหตุไฟฟ้าดับ แบตเตอรี่จะทำงานจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเสาสัญญาณโทรศัพท์ทำให้ประชาชนที่มีพื้นที่การใช้งานบริเวณเสาสัญญาณนั้นๆ ยังสามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารได้ บริษัทจึงต้องใช้แบตเตอรี่ลิเธียมที่มีกำลังวัตต์สูง เพื่อสำรองกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอที่จะทำให้สัญญาณโทรศัพท์ไม่ขัดข้องในกรณีที่ไฟฟ้าดับ โดยในเสา 1 ต้น จะติดตั้งประมาณ 2-3 ลูก ราคาอยู่ที่ประมาณ ลูกละ 40,000 บาท ซึ่งแบตเตอรี่ลิเธียม ประเภทนี้จะไม่ได้มีการนำมาขายตามท้องตลาด ทางบริษัทนำเข้าแบตเตอรี่ จะจำหน่ายให้กับบริษัทที่จะต้องนำไปใช้งานจริงเท่านั้น

คนร้ายได้กระทำกันเป็นขบวนการเครือข่าย โดยหลังจากที่คนร้ายได้ทำการลักทรัพย์แบตเตอรี่แล้ว จะรีบนำไปส่งขายให้กับกลุ่มรับซื้อของโจร ในราคาลูกละ 5,000-8,000 บาท จากนั้น กลุ่มคนรับซื้อของโจรจะดำเนินการปลด Alert ในตัวแบตเตอรี่ แล้วนำไปลงขายใน Social ตลาดมืด ในราคาลูกละ 12,000 – 14,000 บ. และหากซื้อจำนวนมากๆ ราคาจะถูกลง ซึ่งตลาดมืดที่มีความต้องการแบตเตอรี่ประเภทนี้สูงที่สุด คือ กลุ่มตลาดที่รับติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ เนื่องจากเป็นแบตเตอรี่ ที่มีกำลังวัตต์สูง ในการเก็บไฟฟ้า รองลงมาจะเป็น กลุ่มเครื่องเสียงรถยนต์ กลุ่มเครื่องเสียงรถแห่ กลุ่มทำเหมืองขุดบิทคอย เป็นต้น

ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.2 ได้ รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้ร่วมกันประชุมวางแผนกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและวิศวกร ของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด เพื่อประสานข้อมูลในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และทำลายเครือข่ายขบวนการลักแบตเตอรี่เสาสัญญาณโทรศัพท์ ในครั้งนี้ ซึ่งชุดสืบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 7 คน และขออนุมัติศาลขอหมายค้นเพื่อตรวจยึดของกลาง อีกจำนวน 8 จุด ซึ่งได้ดำเนินการวางแผน Operation ตั้งแต่ วันที่ 21–23 มิ.ย. 67 ซึ่งรายละเอียดผลการปฏิบัติการ มีดังนี้

จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย

1.นายอัศวิน สงวนนามสกุล

2.นายอิบรอฮีม สงวนนามสกุล

3.นายนาวิน สงวนนามสกุล

4.นายรุ่งอนัน สงวนนามสกุล

5.นายศราวุธ สงวนนามสกุล

6.นายปริวัฒน์ สงวนนามสกุล

7.นายวีระวุฒฺ สงวนนามสกุล หลบหนีการจับกุม

รวมจับกุม 6 คน ตรวจยึดของกลางรวม จำนวน 114 ลูก

ซึ่งการตรวจยึดจากผู้ที่รับซื้อรวมถึงคนกลางที่รับซื้อแบตเตอรี่ซึ่งถูกขายบน Social ด้วยจากการขยายผลพบกลุ่มผู้กระทำความผิดที่เป็นตัวลงมือลักทรัพย์และตัวกลางรับซื้ออีกหลายราย ซึ่งจะได้จับกุมให้หมดทั้งขบวนการและได้ประสานงานกับชุดสืบสวน บก.สส.ภ.3,กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา,กก.สืบสวน ภ.จว.ชลบุรี การตรวจยึดในครั้งนี้

การกระทำของผู้ลงมือและตัวกลางรับซื้อ เป็นความผิดฐานลักทรัพย์/รับของโจร ซึ่งมีอัตราโทษสูงถึง 5 ปี และหากมีพฤติการณ์ลักทรัพย์ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ หรือรับของโจร เฉพาะที่เกี่ยวกับการช่วยจำหน่าย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการค้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน อีกส่วนหนึ่ง ต้องระวางโทษตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะถูกดำเนินการตามมาตรการยึดทรัพย์

ในส่วนตัวกลางรับซื้อ รับจำหน่าย ได้มีการอายัดบัญชีไว้แล้ว กว่า 1,000,000 บาท และจะถูกดำเนินคดีทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไป

สมุทรปราการ-โครงการส่งเสริมการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐาน "ปลาสลิดบางบ่อ” ออนไลน์ทั่วโลก

นายสุจินต์ วาจากิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดงาน "ปลาสลิดบางบ่อ ออนไลน์ทั่วโลก" ภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐาน ประจำปี พ.ศ. 2567

โดยมี นายสาธิต กล่อมสวัสดิ์ พาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการ คุณโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ รองประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง ตลอดจนเจ้าหน้าที่แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน ร่วมในพิธีเปิดงานในครั้งนี้ ณ เวทีกิจกรรม บริเวณ Grand Hall ชั้น 1 ศูนย์การค้า อิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ วัตถุประเพื่อขยายช่องทางการตลาด และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ปลาสลิดบางบ่อให้มากยิ่งขึ้น พัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ หรือกลุ่มเกษตรกร เพื่อสร้างรายได้ให้กับระบบเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับการจัดสรร สนับสนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของจังหวัดจังหวัดสมุทรปราการ

ภายในงานมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้า จำนวนกว่า 40 ราย ซึ่งประกอบไปด้วยสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาสลิด สินค้ากลุ่ม OTOP/SMEs กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สินค้าเครือข่าย MOC Biz Club เป็นต้น นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมเจรจาธุรกิจเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้เพิ่มมากขึ้น กิจกรรมพิเศษอื่นๆ เช่น กิจกรรมนาทีทองที่ทุกท่านจะสามารถซื้อสินค้าภายในงานได้ในราคาถูก, กิจกรรมจับสลากลุ้นรางวัลทุกวัน มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท ตลอดการจัดงาน และในทุกวันยังมีกิจกรรมสาธิตเมนูจากสินค้า G1 จ.สมุทรปราการ จากเชฟชื่อดังทุกวัน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-26 มิถุนายน 2567

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาปรับภูมิทัศน์พื้นที่ โดยรอบหน่วยงาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  3 มิถุนายน 2567

วันนี้ 24 มิ.ย.67 เวลา 09.45 น. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์  ตันตินวะชัย ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์    เทียนขาว รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์  รู้ยืนยง รอง ผบช.ปฏิบัติราชการ บช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส., พล.ต.ต.อาทร ชิ้นทอง ผบก.ประจำ บช.ปส., พ.ต.อ.วรพงษ์  ภวเวส รอง ผบก.ปส.1, พ.ต.อ.หญิง แจ่มศรี  สุรัสสนันท์ รอง ผบก.ปส.4, พ.ต.อ.บุญส่ง สนทยานานนท์ รอง ผบก.สกส., พ.ต.อ.หญิง บุศรา  จงรัชอบ รอง ผบก.ขส., พ.ต.อ.วันชนะ  บวรบุญ รอง ผบก.ขส. และข้าราชการตำรวจในสังกัดจำนวน 80 นาย ร่วมกันทำกิจกรรมอาสาพัฒนาปรับภูมิทัศน์พื้นที่ ทาสีตีเส้นจราจร เก็บกวาดขยะ โดยรอบหน่วยงาน และพื้นที่ใกล้เคียง สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิม พระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2567 และ เพื่ออำนวยความสะดวก ในการใช้รถใช้ถนน รวมทั้งเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ให้แก่ประชาชนและข้าราชการตำรวจ ที่สัญจรผ่านไปมา ณ บริเวณแห่งนี้ 

ทั้งนี้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานโครงการจิตอาสาพระราชทาน ตามแนวพระราชดำริ “เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์” ด้วยทรงมุ่งหวังให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า มีความสมัครสมานสามัคคี ร่วมมือร่วมใจ ประกอบกิจกรรมสาธารณะนี้ ยังประโยชน์สุขแก่ชุมชนส่วนรวม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

คำประกาศสละราชสมบัติ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗

“…ข้าพเจ้าเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใดคณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิ์ขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร…”

คำประกาศสละราชสมบัติ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗

'Pat Hemasuk' นักวิชาการ-อินฟลูฯ การเมือง เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบในวัย 64 ปี

(24 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล พรหมภาสิต เลขาธิการศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) แจ้งข่าวมาว่า นายธนพัฒน์ หิมะสุข อายุ 64 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า 'Pat Hemasuk' นักวิชาการอิสระ ที่วิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์การเมือง กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์บนโลกออนไลน์ ได้เสียชีวิตลงแล้ว

โดยศพสวดพระอภิธรรมที่ศาลา 16 วัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระอารามหลวง ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 22-25 มิ.ย. 67 เวลา 19.00 น. และประชุมเพลิงในวันที่ 26 มิ.ย. 67 เวลา 16.30 น.

ปทุมธานี ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ฯ ขอบคุณผู้สนับสนุนละครเวทีการกุศลจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2567 รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ดิลก ภิยโยทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอัจฉรา ตั้งสถาพรพงษ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอบคุณผู้สนับสนุนละครเวที การกุศลจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้  

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ดิลก ภิยโยทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ  ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดกิจกรรมเชิญชวนผู้มีอุปการะคุณร่วมบริจาคสมทบทุนการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ผ่านการชมละครเวที ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล รอบการกุศล ในวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์  โดยมีวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม ดังนี้ 1. เพื่อระดมทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2. เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นและเพียงพอต่อการให้บริการผู้ป่วยผ่าตัด 3. เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอัจฉรา ตั้งสถาพรพงษ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รายได้จากการจำหน่ายบัตรละครเวทีการกุศลในครั้งนี้มียอดรวมทั้งสิ้น 10,936,598 บาท  (สิบล้านเก้าแสนสามหมื่นหกพันห้าร้อยเก้าสิบแปดบาทถ้วน)  โดยวัตถุประสงค์ที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ได้กล่าวข้างต้นจะสำเร็จลุล่วงไปไม่ได้  หากไม่ได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากผู้มีอุปการะคุณ ทุกท่าน ในนามโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอขอบคุณ ผู้มีอุปการะคุณ ผู้บริจาคทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่าเพื่อรับชมละครเวที ฟ้าจรดทราย รอบการกุศล และขอขอบคุณเงินบริจาคของทุกท่านที่ “ช่วยเรา เพื่อให้เราได้ช่วยคนอื่นต่อไป”

ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

เชียงใหม่-เปิดกิจกรรมปฐมนิเทศนักเรียนชั้น ม. 4 โครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ กลุ่มภาคเหนือตอนบน ปี 2567

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2567 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โดยนายสำเร็จ ไกรพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ประธานศูนย์เครือข่ายห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน จัดกิจกรรมปฐมนิเทศนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน ประจําปีการศึกษา 2567 โดยมีนายคงกระพัน เวฬุสาโรจน์ ศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม พร้อมด้วย นายบุญเสริญ สุริยา ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวต้อนรับ นายสมบัติ คำบุญสูง รองผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวรายงาน ผู้ประสานงานห้องเรียนพิเศษ วิทยาศาสตร์ฯ เครือข่ายภาคเหนือตอนบน คณะวิทยากร คณะผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู แขกผู้มีเกียรติ และนักเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษ วิทยาศาสตร์ฯ  ร่วมเปิดกิจกรรม ณ.ห้องประชุมดารารัศมี โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 

นายคงกระพัน เวฬุสาโรจน์ ศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ กลุ่มภาคเหนือตอนบน เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักเรียนห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ เพราะในชีวิตประจำวันของนักเรียนและของมนุษย์ทุกคน จะต้องเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา วิวัฒนาการทางด้านความรู้ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้านของชีวิต จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหล่อหลอมให้คนในสังคม 

โดยเฉพาะเยาวชนได้รู้จักวิธีการคิดอย่างมีเหตุผล มีวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านสติปัญญา โดยใช้กระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากกระบวนการดังกล่าว เป็นกระบวนการที่สร้างคนให้มีเหตุผล มีความเชื่อมั่นในตนเอง ผ่านการวิเคราะห์สภาพการณ์ หรือปัญหาในชีวิตประจำวัน ให้อยู่ในแนวทางของเหตุและผลตามหลักตรรกะทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเป็นคุณลักษณะหนึ่งที่สำคัญของพลเมืองในสังคมยุคปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต 

นายบุญเสริญ สุริยา ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวว่า โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยได้เจริญก้าวหน้า มีพัฒนาการด้านคุณภาพ   ในการจัดการศึกษาอันมีรูปแบบที่เหมาะสมกับแต่ละยุคสมัยมาอย่างต่อเนื่อง เป็นโรงเรียน แม่ข่ายหรือศูนย์การเรียนรู้ในโครงการพิเศษต่าง ๆ มากมาย ทั้งในระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ รวมถึงยังได้รับเป็นศูนย์ประสานงานโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน อีกด้วย 

ซึ่งในบทบาทหน้าที่ที่ได้รับนี้ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยจึงได้ประสานความร่วมมือกับโรงเรียน ในเครือข่าย รวมถึงองค์กรภาคีเครือข่ายของโรงเรียน และหน่วยงานทางด้านวิทยาศาสตร์ ในการระดมสรรพกำลังของบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาช่วยกันขับเคลื่อนงานโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และมุ่งตรงสู่การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อผู้เรียน  

การเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ มั่นใจว่านอกเหนือจากได้รับความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว นักเรียนและครูผู้ประสานงานโครงการทุกท่าน ยังจะได้รับประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเรียน ซึ่งสิ่งนี้มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เนื่องด้วยในแต่ละโรงเรียนอาจมีข้อดีและข้อจำกัดบางประการที่ไม่สามารถต่อยอดและเพิ่มพูนศักยภาพให้แก่นักเรียนได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากแต่เมื่อได้เดินทางมาพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน อาจจะเป็นการจุดประกายความคิดให้ทุกท่าน นำไปต่อยอดในการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการผลิตผลงาน หรือสร้างโครงงานทางวิทยาศาสตร์ให้สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนได้จริง ในวงกว้างต่อไป

ด้านนายสมบัติ คำบุญสูง รองผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวว่า กิจกรรมปฐมนิเทศนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2567 ของโรงเรียนในเครือข่ายโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน หรือกลุ่มโรงเรียน S.M.T.E. ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนแม่ข่าย รับหน้าที่ดำเนินการจัดกิจกรรมเป็นประจำทุกปี มาตั้งแต่ ปีพุทธศักราช 2551 ถึงปัจจุบัน เพื่อสร้างเจตคติที่ดีต่อวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม รวมถึงจุดประกายแนวคิดในการทำโครงงาน และงานวิจัยสำหรับนักเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ ของโรงเรียนในเครือข่าย ให้เกิดความต่อเนื่อง ยั่งยืน และเกิดประสิทธิผล ที่เป็นรูปธรรม
 
การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนในเครือข่ายกลุ่มภาคเหนือตอนบน จำนวน23โรงเรียน เข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น  694 คน โดยดำเนินการจัดกิจกรรมระหว่างวันที่  23-25 มิถุนายน พุทธศักราช 2567 ทั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจาก สพฐ. รวมถึงคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้มาให้ความรู้ และบรรยายพิเศษเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานวิจัยให้แก่นักเรียน 

ตลอดจนมีกิจกรรมการศึกษาเรียนรู้ตัวอย่างงานวิจัย จากแหล่งเรียนรู้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ ที่หลากหลาย เพื่อให้นักเรียนได้รับโอกาสในการพัฒนาความรู้ และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ รวมทั้งได้เพิ่มพูนประสบการณ์ ในการ เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัย และได้พบกับนักวิทยาศาสตร์มืออาชีพ เพื่อเป็นการจุดประกายในการเขียนหัวข้อโครงร่างงานวิจัยของนักเรียนต่อไป  

พัฒนชัย/เชียงใหม่

‘หนุ่มวัยรุ่น’ เรียกแท็กซี่ไปดอนเมือง ได้ฟังเรื่องปรัชญา จากการสนทนากับ ‘คนขับ’ โชเฟอร์อดีตวิศวกร สอนการใช้ชีวิต ย้ำ!! ‘อย่าเป็นหนี้-อย่ายุ่งการพนัน’ มีสิบล้านก็หมด

(23 มิ.ย.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Hroyrang Studio’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ การได้พูดคุยกับพี่คนขับรถแท็กซี่ โดยได้ระบุว่า...

สายของวันกับการเรียกแท็กซี่ไปดอนเมือง..

โชเฟอร์: น้องดูบอลยูโรไหม..

โอม: ดูแต่คู่ 2 ทุ่มครับพี่ คู่ดึกดูไม่ไหว

โชเฟอร์: โอ้ย! เหมือนพี่เลย ปีนี้พี่คิดว่าเยอรมันน่าจะไปถึงรอบลึกเลย

โอม: ผมก็เชียร์เยอรมันครับ 

โชเฟอร์: พี่ก็เชียร์ พี่ชอบบอลระบบ 

โอม: เหมือนกันครับพี่

โชเฟอร์: ไม่รู้เกี่ยวกับการเป็นวิศวะหรือเปล่านะ (หัวเราะ)

โอม: วิศวะ?

โชเฟอร์: ก่อนมาขับแท็กซี่ พี่เป็นวิศวกรโยธามา 21 ปี ทำงานระบบพวกรถไฟฟ้าใต้ดินฐานราก แต่เบื่อแล้ว

โอม: แล้วทำไมมาขับแท็กซี่ครับ?

โชเฟอร์: อ๋อ..ตอนนั้นโฟร์แมนที่ทำงานด้วยเขาขับมาก่อน เขาเล่าให้พี่ฟัง พี่เลยขอยืมรถเขาไปขับ สรุปมันทำเงินได้เว้ย ที่สำคัญ มันไม่ต้องไปทะเลาะกับใครให้วุ่นวายเหมือนงานที่เราทำที่ต้องทะเลาะกับ ลูกค้า ตำรวจ ประปา อาคาร

โอม: ขับมากี่ปีแล้วครับ

โชเฟอร์: ผมขับมา 7 ปีแล้วนะ ขับจนได้เขียวเหลืองมา 1 คัน ผมปล่อยให้เช่าวันละ 600 แต่ก่อนจะออกจากงานผมวางแผนนะ ว่าต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะพอ ไม่เดือดร้อน ตอนทำวิศวกรเงินดี ผมก็ไม่ได้มีหนี้สินอะไรมาก เต็มที่ตอนนั้นคือ มีบ้านราคา 3.8 ล้าน เมื่อ 20 ปีที่แล้วนะ ผมก็รีบปิดได้ภายใน 8 ปี แบ่งเงินจากเงินเดือนและโบนัสมาโปะๆๆ ก็หมด 

โอม: โหดมากครับพี่ งี้พี่มีลูกไหมครับ

โชเฟอร์: มีสิ! มี 4 คน ค่าเทอมมาพร้อมกันทีหลักแสนได้ แต่ก่อนจะมีลูกมีภรรยา พี่ต้องสร้างความมั่นคงก่อน พี่มามีคู่ชีวิตตอนอายุ 38 โน่น

โอม: (นี่กูคุยกับใครอยู่ว่ะเนี่ย!) พี่ลงทุนไหมครับ

โชเฟอร์: ไม่มี..ลงทุนไม่เป็น พวกทองคำ กองทุน หุ้น ลงทุนไม่เป็น พี่ตั้งใจทำงาน เก็บเงิน และซื้อที่ดินเอา มีอยู่ 50-60 ไร่ที่หนองคาย

โชเฟอร์: ทำงานนี้มันสบายใจนะ แต่มันต้องมีเป้า อย่างขับแต่ละวันเป้าพี่คือ 1,200 - 1,300 บาทต่อวันนะ เพราะพี่มี Fix Cost คือ เบียร์วันละ 3 ขวด (หัวเราะ)

เหมือนบทสนทนาได้ย่นระยะทางจากคอนโดมาดอนเมืองเพียงไม่กี่นาที มองถนนอีกทีอาคารดอนเมืองก็อยู่ตรงหน้า และรถก็ค่อยๆ เทียบจอดใกล้ทางเท้าสนามบิน

โอม: มีอะไรที่พี่อยากจะบอกผมไหมครับ

โชเฟอร์: อื้ม...อย่าเป็นหนี้! ถ้าอยากได้อะไรลองอดใจก่อน ลดความอยาก เราจะได้รู้ว่ามันจำเป็นป่าว อีกอย่างช่วงนี้ก็บอลยูโร อย่าไปยุ่งกับการพนัน มันแก้ยาก ต่อให้คุณมีเงินสิบล้านก็หมดได้

เหมือนเป็นการนั่งฟัง Talk Show ระหว่างไปดอนเมืองในราคาตั๋วเพียง 160 บาท (ค่าโดยสาร) เท่านั้น

‘ลูกค้า’ วีนใส่ ‘แม่ค้า’ สั่ง ‘ข้าวหมูแดง’ แต่ดันมี หมูกรอบ ใส่ปนมาด้วย คนขาย ยัน!! ทำให้ถูกแล้ว ก็ไม่ได้สั่ง ‘หมูแดงล้วน’ งานนี้ชาวเน็ตมีเสียงแตก

(23 มิ.ย.67) ในกลุ่มเฟซบุ๊ก ‘ชมรมคนรักข้าวหมูแดง หมูกรอบ 叉烧饭’ มีสมาชิกรายหนึ่งโพสต์ข้อความระบุว่า 

สอบถามหน่อยค่ะ เหตุการณ์แบบนี้คุณว่าใครผิดคะ เดินเข้าร้านข้าวหมูแดงแล้วสั่ง ‘ข้าวหมูแดงจานนึง’ บอกแม่ค้าว่า ‘เอาข้าวหมูแดงจานนึงค่ะ’ สักพักแฟนเดินตามมาทีหลังสั่งข้าวหมูแดงหมูกรอบ แล้วแม่ค้าทำข้าวหมูแดงหมูกรอบมาให้ทั้ง 2 จาน เลยโวยวายใส่แม่ค้าว่า "ฉันสั่งข้าวหมูแดงล้วนนะ" แต่แม่ค้าตอบกลับมาว่า "ลูกค้าสั่งข้าวหมูแดงนะคะไม่ได้สั่งหมูแดงล้วน"

ลูกค้าก็ตอบกลับมาว่า "ก็สั่งข้าวหมูแดงไงคะ!" ทางแม่ค้าจึงตอบกลับว่า "ถ้าหากต้องการแดงล้วนก็ต้องสั่งแดงล้วนนะคะ เพราะข้าวหมูแดง มันชื่ออาหารสั่งข้าวหมูแดงก็ได้แดงกรอบค่ะ คนอื่นเขาสั่งข้าวหมูแดงก็ได้แบบนี้" 

ลูกค้าจึงเริ่มวีน "เออ! งั้นก็ไม่เอา!" แล้วก็เดินออกจากร้านไปเลยทั้งๆ ที่แม่ค้าทำข้าวให้แล้ว โชคดีที่ราดน้ำไปแค่จานเดียว สักพักแฟนเขาก็เดินตามออกไปพร้อมกับจ่ายเงินค่าข้าว 1 จานที่ราดน้ำไปแล้วโดยที่ยังไม่ได้กิน อีกจานนึงที่ทำแล้วแต่ยังไม่ได้ราดน้ำแม่ค้าต้องนำมาจัดใส่ห่อใหม่ให้ลูกค้าอีกท่าน อยากทราบว่าเหตุการณ์แบบนี้ใครผิดคะ ถ้าตลอดมา 80 ปีขายแบบนี้

ป.ล.หมูแดงล้วน หมูแดงกรอบราคา 50 เท่ากันนะไม่ได้เพิ่ม บางเม้นถามว่าสั่งหมูกรอบทำไมไม่มีหมูแดง เพราะหมูกรอบล้วนราคาแพงกว่า 10 บาทค่ะ

ด้านชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันไป บ้างก็กล่าวว่า ถ้าสั่งข้าวหมูแดงจะมีหมูแดง หมูกรอบ กุนเชียง ไข่ต้ม รวมกันอย่างละหน่อย ถ้าเอาหมูแดงล้วนก็ต้องบอกหมูแดงล้วน แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งแย้งว่า ข้าวหมูแดงก็คือข้าวหมูแดงอย่างเดียว ข้าวหมูกรอบก็คือข้าวหมูกรอบอย่างเดียว สั่งแบบไหนได้แบบนั้น ถ้าสั่งข้าวหมูแดงหมูกรอบก็จะได้แบบนั้นมา จึงยังไม่ได้ข้อสรุปว่าตกลงแล้วข้าวหมูแดงจะต้องใส่หมูแดงอย่างเดียว หรือมีหมูกรอบร่วมด้วย

สาวจะไป รพ. เจอ ‘แท็กซี่’ สายซิ่งเปิด ‘โตเกียวดริฟ’ พร้อมร้องตาม ขับเหวี่ยงไปมา  จัดเต็ม!! ‘แสง-สี-เสียง’ เหมือนมีปาร์ตี้ในรถ ขับหลง-บอกยังไม่ได้นอน ตั้งแต่เมื่อคืน

(23 มิ.ย.67) ผู้ใช้ติ๊กต็อก @maneelininkeo ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะที่กำลังนั่งแท็กซี่คันหนึ่ง โดยเจอกับคนขับที่มีพฤติกรรมประหลาด พร้อมระบุแคปชั่นว่า ‘จากผู้โดยสาร กลายเป็นผู้ประสบภัย อเมซิ่งไทยแลนด์’ 

โดยคนขับรถคันนี้ เปิดเพลงเสียงดังพร้อมร้องประสาน ในรถมีไฟหมุนราวกับอยู่ในปาร์ตี้ แถมยังขับซิ่งเหวี่ยงไปมาและหลงทางอีก สุดท้ายคนขับเฉลยว่า ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน

ล่าสุด คุณมินนี่ เจ้าของโพสต์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.30 ของเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.67) โดยตนเรียกแท็กซี่แถวพระราม 9 เพื่อไปยังโรงพยาบาลย่านฝั่งธนฯ ซึ่งตอนแรกคนขับบอกว่า แถวนี้เขาไม่กดมิเตอร์กัน ตนจึงปฏิเสธในการขึ้นรถ แต่สักพักคนขับก็เปลี่ยนใจให้ขึ้นมาและกดมิเตอร์ให้

เมื่อขึ้นรถไปตอนแรก ตัวคนขับก็ดูพูดจาปกติดี ไม่ได้เปิดเพลงหรือมีท่าทีแปลกๆ แต่ต่อมาคนขับก็หยิบเอาโทรศัพท์มาเปิดเพลงเสียงดัง เปิดไฟหมุนที่มีแสงสี พร้อมร้องประสานเพลงไปตลอดทาง

สักพักก็เริ่มขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนตนเริ่มกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ จึงอยากขอลงกลางทาง แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวเสียน้ำใจ เลยทนนั่งต่อไปจนสุดทางเป็นเวลา 45 นาที โดยระหว่างทางคนขับกลับรถผิดที่และหลงทางจนต้องขับวนอีกรอบ พร้อมบอกตนว่า “เดี๋ยวพี่เร่งให้นะ”

พอใกล้ถึงโรงพยาบาล คนขับเล่าให้ตนฟังว่า เขายังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน ได้แค่งีบหลับ 30 นาทีเท่านั้น เนื่องมาจากบ้านของเขาถูกตัดไฟ ถ้ากลับไปบ้านก็ไม่รู้จะนอนยังไงเพราะร้อน และก็เป็นห่วงลูกสาวของเขา จึงต้องการหาเงินให้ได้ 5,000 บาท ซึ่งตอนนี้ได้เพียง 2,000 บาทเท่านั้น เลยต้องขับแท็กซี่ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้เงินครบ

คุณมินนี่ กล่าวเพิ่มเติมว่า คนขับแท็กซี่คันดังกล่าวไม่ได้มีท่าทีมาคุกคาม แต่สิ่งที่ตนกังวลใจคือ การขับรถของแท็กซี่คันนี้น่ากลัวมาก กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ เพราะทั้งขับซิ่ง ขับเหวี่ยง และร้องเพลงไปด้วย ส่วนภายในรถ เป็นรถเก่า ไม่มีข้อมูลอะไร นอกจากคิวอาร์โค้ดสแกนจ่ายและป้ายขอบคุณที่ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งตนคาดว่าน่าจะเป็นแท็กซี่ที่ขับในช่วงกลางคืนและไม่ได้นอนยาวมาจนรับตนในช่วงกลางวัน

ส่วนตัวไม่ได้อยากตัดสินคนขับคนดังกล่าว เพียงแค่ลงติ๊กต็อกตั้งคำถามเฉยๆ ว่า ‘ถ้าคุณโบกแท็กซี่แล้วเจอแบบนี้ คุณจะทำอย่างไร’ ซึ่งคนอื่นอาจจะมีวิธีที่ดีกว่าการอดทนนั่งไปตลอดทาง เพราะตอนนั้นตนก็กังวลเรื่องความปลอดภัยและอยากลงจากรถ แต่ด้วยความเกรงใจและสงสารคนขับ จึงไม่รู้จะบอกกับคนขับอย่างไรให้เขาไม่รู้สึกไม่ดี

ด้านคอมเมนต์ในติ๊กต็อก ก็มีหลายคนมาแชร์ประสบการณ์ว่า เคยเจอคนขับแท็กซี่คนดังกล่าวเช่นกัน เขาขับซิ่งมาก ชอบเปิดเพลง และแสงสีประกอบไประหว่างขับรถ ผู้โดยสารที่เจอก็ทำได้แค่เพียงสวดมนต์ขอให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top