Wednesday, 9 July 2025
NEWS FEED

‘รัดเกล้า’ เผย ‘เศรษฐา’ เตรียมนำทีม ครม. สวมเสื้อผ้าไหมมัดหมี่ ประชุมที่โคราช ชี้!! นี่คือ ‘ของดีปักธงชัย’ ลวดลายเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความประณีตสวยงาม

(29 มิ.ย. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมนำทีมคณะรัฐมนตรีสวมใส่ ผ้าไหมพื้นเรียบสีทองและผ้าไหมมัดหมี่หางกระรอกประยุกต์สีทอง ร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2567 หรือครม. สัญจร ที่จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 1-2 กรกฎาคม 2567 นี้

โดยจังหวัดนครราชสีมา มีนโยบายในการพัฒนาและส่งเสริมให้ใช้ผ้าลายเอกลักษณ์ ประจำจังหวัดนครราชสีมา จึงได้จัดประชุมระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อค้นหาภูมิปัญญาผ้าทอพื้นถิ่นของจังหวัดนครราชสีมา ที่สามารถสื่อถึงเอกลักษณ์ของจังหวัด จนมีมติให้ ‘ผ้าหางกระรอก’ เป็นผ้าเอกลักษณ์ ประจำจังหวัดนครราชสีมา

โดยผ้าไหมพื้นเรียบสีทองและผ้าไหมมัดหมี่หางกระรอกประยุกต์สีทอง ทอโดยอำเภอปักธงชัย สำหรับให้คณะรัฐมนตรีสวมใส่ ส่วนผ้าไหมมัดหมี่หางกระรอก สีชมพูกะปิ สำหรับผู้เข้าร่วมประชุม ครม. สวมใส่ ทอโดยกลุ่มทอผ้าไหมบ้านแฝกโนนสาราญ อำเภอสีดา

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ ลายหางกระรอก เป็นลวดลายเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความประณีตและงดงาม ใช้เทคนิคการทอผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าไท คือ ‘การควบเส้น’ ที่นำเส้นพุ่งพิเศษ 2 เส้น 2 สี มาตีเกลียวควบเข้าด้วยกัน ให้เป็นเส้นเดียว ที่เรียกว่า เส้นลูกลาย หรือเส้นหางกระรอก

ทอด้วยความชำนาญของแต่ละพื้นที่ ผ้าที่ได้จะมีลักษณะลวดลายเล็ก ๆ ในตัวมีสีเหลือบมันวาวระยับดูคล้ายเส้นขนของหางกระรอก ตามคำขวัญเดิมของจังหวัดที่ว่า ‘นกเขาคารม อ้อยคันร่ม ส้มขี้ม้า ผ้าหางกระรอกดอกสายทอง แมวสีสวาท’

นอกจากนี้ในเย็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ช่วงงานเลี้ยงรับรอง นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะร่วมสวมใส่เสื้อแขนสั้นลำลองลายโคราชโมโนแกรม (KORAT Monogram) ที่ถือเป็น 1 ใน soft power ของจังหวัด

ซึ่งลวดลายโคราชโมโนแกรมนี้สื่อถึงจังหวัดนครราชสีมา โดยมีรูปแมวโคราช (Korat Cat) สัตว์ประจำจังหวัดนครราชสีมา ส่วนรูปด้านบนของแปลนผังพื้นอนุสาวรีย์ย่าโม หันทางทิศตะวันตก (On the Top) ผัดหมี่โคราช (Recommended Menu) ปราสาทหินพิมาย (Ancient) ประตูชุมพล (Twain) และดอกสาธร ดอกไม้ประจำจังหวัด

ประกอบรวมกันเป็นคำว่า โคราช ในภาษาอังกฤษ (KORAT) ซึ่งประชาชนที่สนใจสามารถเข้าไปชมลวดลาย KORAT Monogram ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก KORAT Monogram ได้ทีนี่ https://www.facebook.com/koratmonogram นางรัดเกล้า กล่าว

‘อ.สันติ’ ยกเคส ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ กับความดังระดับโลก เป็นกรณีศึกษา นี่คือ!! Soft Power ที่มาจาก ‘ความพากเพียร-อุตสาหะ-มุมานะ-มีวินัย’

(29 มิ.ย. 67) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สันติ กีระนันทน์ เลขานุการคณะที่ปรึกษาว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ โดยได้ยกเป็นกรณีศึกษา ซึ่งได้ระบุว่า

กรณีศึกษาของ Lisa สอนอะไรผมบ้าง

ถ้าจะไม่เขียนถึง Lisa หรือคุณลลิษา มโนบาล ก็ดูจะตก trend ไป เมื่อไปเปิดดู YT เพลง ROCKSTAR ก็จะเห็นยอดพุ่งไป 32 ล้านวิวแล้ว

ผมไม่ได้ติดตามคุณลลิษามาตั้งแต่ต้น ก็คงเป็นเพราะวัยของผมและความชอบส่วนตัวของผม ไม่ได้ชอบดนตรีแนว K-Pop และแม้คุณลลิษาจะไม่ได้อยู่ค่าย YG แล้ว คงเปลี่ยนแนวดนตรีไป ก็คงจะยังไม่ใช่จริตของผมอีกเช่นกัน แต่คุณลลิษาเป็นระดับ world superstar ก็คงจะมีผลงานดีเลิศระดับ world class อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่รสนิยมชมชอบดนตรีของแต่ละบุคคลก็ย่อมแตกต่างกันไป

ผมนิยมชมชอบคุณลลิษา ไม่ใช่เพราะความดังของเธอ แต่เป็นเพราะความน่ารัก และในหลาย ๆ ความเคลื่อนไหวของเธอ แม้จะเต็มไปด้วยพลังอำนาจดึงดูดผู้คน แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เต็มไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน มีมารยาทที่ผมไม่อยากจะเรียกว่ามารยาทแบบไทย ๆ แต่เธอมีมารยาทที่เป็นที่ยอมรับและน่ารักในระดับสากล ... ไม่น่าแปลกใจว่าไม่เพียงชาวไทยเท่านั้น แต่ชาวโลกก็ล้วนแต่รักเธอ เพราะเธอมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อม

ความเพียบพร้อมนั้น ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ไม่ได้มาเพราะชาติตระกูล ไม่ได้มาเพราะความร่ำรวยในระดับมหาเศรษฐี แต่เป็นเพราะความอุตสาหะ ความพากเพียร ความมุมานะ ความมีวินัย คุณลลิษาได้สะสมทักษะ สะสมความงาม สะสมความน่ารัก ด้วยความอุตสาหะมาตลอดชีวิตของเธอ ดังนั้น ความสำเร็จที่เธอได้รับในขณะนี้ ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามาจากความเพียรพยายามอย่างไม่ย่อท้อของเธอ

คนจำนวนมากพูดถึง soft power แต่เธอแสดงให้เห็นว่า soft power ของเธอนั้นไม่ได้เกิดจากการประชาสัมพันธ์หรือโฆษณาแบบผิวเผิน แต่มันเต็มไปด้วยความสามารถ 'ดึงดูด' ให้คน 'สมัครใจ'

เกิดความ 'รัก' ในตัวเธอและผลงานรวมไปถึงทุกอย่างที่เป็นเธอ

ผมอยากจะเขียนอะไรมากกว่านี้ แต่ไม่อยากพาดพิงถึงคนที่มีแต่ 'เปลือก' และพยายามจะสร้าง soft power แบบไม่เข้าใจ คิดว่าการประชาสัมพันธ์หรือโฆษณาแบบผิวเผิน ก็จะสามารถนำสิ่งดี ๆ ของประเทศไทยไปเป็น soft power ได้ ... ความคิดที่เป็นระบบ การส่งเสริมที่ทำอย่างเป็นธรรมชาติแบบคำนึงถึงองค์รวม การดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้หวังให้เกิดผลแบบปัจจุบันทันด่วน ฯลฯ จึงจะทำให้ Thai attribute กลายเป็น soft power ได้ ซึ่งอันที่จริงหลายอย่างก็เป็นอยู่แล้ว เพียงแต่ความไร้สติปัญญาทำให้ไม่เห็นสิ่งเหล่านั้น

หยุดอ้างทุกเรื่องเพื่อเศรษฐกิจ หยุดคิดแบบเช้าชามเย็นชาม หยุดทำแบบหาเช้ากินค่ำ แต่ต้องมี 'สติปัญญา' เป็นฐานเบื้องต้นในการพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่าง

ความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดี บนฐานความรู้และคุณธรรม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้พระราชทานไว้ให้พลเมืองของโลกนี้ เป็นหลักในการทำงานทุกเรื่องที่จะทำให้เกิดผลที่ดีทั้งในระยะสั้น กลาง ยาว ... ย้ำว่า "ฐานความรู้และคุณธรรม" เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะนำไปสู่ผลสำเร็จ ซึ่งหมายถึงประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่ประโยชน์ของคนเพียงบางคนบางกลุ่มเท่านั้น

‘มาสด้า’ ยกทัพรถแต่ง บุกงาน ‘Auto Salon’ เปิดจองสีพิเศษ!! ในไทยมีแค่ 100 คัน เท่านั้น

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่บูธ ‘Mazda’ ภายในงาน แบงค็อก ออโต ซาลอน 2024 (Bangkok Auto Salon 2024) ในปีนี้ ได้มีการเปิดตัวชุดแต่งใหม่ ‘SCI-FI Hatchback’ สำหรับรถยนต์ มาสด้า 2 พร้อมการตกแต่งและนำมาจัดแสดงภายในงานดังกล่าวเป็นครั้งแรก รวมถึงการจัดแสดงรถยนต์ New Mazda MX-5 สีใหม่ ‘สีเทา แอโร เกรย์’ และได้เปิดจอง Mazda6 20th Anniversary Edition สีใหม่ ‘สีขาว โรเดียม ไวท์’ จำนวนจำกัด 100 คันในประเทศไทย

ชุดแต่ง SCI-FI Hatchback ของ มาสด้า 2 มีรายละเอียดดังนี้
• สติ๊กเกอร์หลังคา
• เสาอากาศวิทยุแบบครีบฉลาม สีดำ
• ชุดสติ๊กเกอร์ตกแต่งกระจังหน้า สีเขียว Lime Green
• คิ้วแต่งกระจังหน้า สีเขียว Lime Green
• ชุดฝาครอบล้อ สีดำ 4 ชิ้น
• ชุดสติ๊กเกอร์สำหรับชุดครอบล้อ สีเขียว Lime Green
• ชุดสติ๊กเกอร์สำหรับครอบกระจกข้าง สีเขียว Lime Green
• ชุดสปอยเลอร์หลังรุ่น 5 ประตู สีดำ / สีเขียว Lime Green
• คิ้วตกแต่งกันชนหลัง สีเขียว Lime Green

ราคาของชุดแต่งดังกล่าวมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 6.6 หมื่นบาท (ราคารวมค่าทำสี ค่าแรงติดตั้ง และ VAT 7%) โดยตกแต่งบนตัวรถพื้นฐาน มาสด้า 2 รุ่น 1.3 C / 1.3 C Sports ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5.99 แสนบาท (ราคาไม่รวมชุดแต่ง)

สำหรับ New Mazda MX-5 รุ่นเกียร์ธรรมดา สีเทาแอโร เกรย์ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3.02 ล้านบาท มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.49%, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service, ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี, ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

ส่วน Mazda6 20th Anniversary Edition เปิดให้ลูกค้าจำนวนจำกัด 100 คัน ในประเทศไทย ราคาจำหน่าย 2.49 ล้านบาท มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 1.99%, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 7 ปี Mazda Ultimate Service (MUS), ขยายการรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 7 ปี, ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 7 ปี, ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 7 ปี โดยเฉพาะครอบครัวมาสด้ารับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท

ผู้ที่สนใจสามารถมาสัมผัสรถยนต์ ‘มาสด้า’ ได้ที่ งาน Bangkok Auto Salon 2024 และที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ 

เพจดัง ชี้ ‘Soft Power’ ของประเทศไทย มีมานาน หลายสิบปีแล้ว ยก ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ’ เป็นผู้นำความเป็นไทย โดดเด่นในเวทีโลก

เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า ‘เอ ภักดี’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่อง ‘Soft Power’ โดยได้ระบุว่า

#ซอฟต์พาวเวอร์คนแรกของไทย ก่อนที่เรามักจะได้ยินคำว่า #SoftPower ที่เป็นคำฮิตฮอตและกระแสในไทยตอนนี้ โดยเฉพาะน้องลิซ่า (LISA) ที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็กลายเป็นกระแสที่โด่งดังไปทั่ว และที่สำคัญน้องลิซ่าจะให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมไทยและสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับประเทศไทยอยู่เสมอ (มันคือความน่ารักของน้องลิซ่า) 

แต่หากเราย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อนบุคคลสำคัญที่พยายามนำความเป็นไทยสู่สายตาคนทั่วโลกคงหนีไม่พ้น #สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไม่ว่าจะเป็นผ้าไทย ชุดไทย เครื่องประดับที่พระพันปีหลวงทรงฉลองพระองค์อยู่เสมอเมื่อคราวเสด็จประพาสต่างประเทศ รวมถึงต้อนรับประมุขหรือแขกสำคัญจากประเทศต่างๆ หรือแม้แต่ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยในหลากหลายด้าน เช่น โขนและศิลปหัตถกรรมไทย เป็นต้น อีกทั้งยังนำศิลปะและหัตถกรรมเหล่านี้มาแสดงและต้อนแขกสำคัญของประเทศอีกด้วย นำมาซึ่งอาชีพของประชาชนที่ยากไร้หรือในถิ่นทุรกันดาร ในมุมมองของแอดพระองค์คือ ‘Soft Power’ ในยุคที่ไม่มีใครรู้จักคำว่า ‘Soft Power’

บทความนี้เรียบเรียงโดยเพจ Love Thai Culture และเพจ Thai Culture and Thai Travel

ทรภ.1 ร่วมพิธีเปิด การฝึกซ้อมแผนรักษาความปลอดภัย ของเรือและท่าเรือ บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้รหัสการฝึก NASSREX’24

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ 1) โดยมี พลเรือตรี วรพาท  รัชตะสังข์ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้รหัสการฝึก NASSREX’24 ระหว่างวันที่ 27 – 28 มิถุนายน 2567 ณ อาคารหอประชุมไทยออยล์ (Auditorium) บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 

โดยมีวัตถุประสงค์ในการฝึก เพื่อเป็นการทดสอบการประสานงานระหว่างกองทัพเรือ   หน่วยงานราชการและภาคเอกชน ในการปฏิบัติตามแผนงาน หน้าที่และภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ พื้นที่เขตท่าเรือพาณิชย์ ในพื้นที่รับผิดชอบตลอดจนเป็นการเพิ่มพูนความรู้ประสบการณ์ ให้กับผู้เข้าร่วมการฝึก เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการปฏิบัติงาน โดยในการฝึกในครั้งนี้ มีการฝึกการป้องกันเหตุจลาจล การประท้วงชุมนุมในขตท่าเรือ การตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิด จึงนับได้ว่าการฝึกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นการฝึกที่จะสามารถช่วยทำให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เกิดความเข้าใจในการปฏิบัติตามขั้นตอน มีการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานอย่างเข้มแข็ง และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ต่อไปในอนาคต

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรให้กับหัวหน้าหน่วยงานและข้าราชการตำรวจในสังกัดที่มีผลการปฏิบัติดีเด่นในด้านต่างๆ

ผบช.ภ.5 เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรให้กับหัวหน้าหน่วยงานและข้าราชการตำรวจในสังกัดที่มีผลการปฏิบัติดีเด่นในด้านต่างๆ ในการประชุมบริหาร ภ.5 ครั้งที่ 9/2567 ณ ห้องประชุมอาคารสโมสรคุ้มแก้วขวัญดาว ตำรวจภูธรภาค 5  จ.เชียงใหม่

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรให้กับหัวหน้าหน่วยงานและข้าราชการตำรวจในสังกัดที่มีผลการปฏิบัติดีเด่นในด้านต่างๆ ในการประชุมบริหาร ภ.5 ครั้งที่ 9/2567 วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2567 โดยมี พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล รอง ผบช.ภ.5 ,ผบก.,รอง ผบก.,ผกก.และหน.สภ.ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 และหัวหน้าหรือผู้แทน หน่วยงานในสังกัด ตร.ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ภ.5 เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน

โดยมีพิธีมอบเกียรติบัตรจำนวน 4  รายการดังนี้ 1.หน่วยงานที่มีผลปฏิบัติดีเด่น ด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2567  2. เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่ปฏิบัติงาน ด้านยาเสพติดในห้วงเดือน ม.ค.67 - มิ.ย.67 3. ข้าราชการตำรวจปฏิบัติดีเด่นตามโครงการ Police Hero ของตำรวจภูธรภาค 5 ข้าราชการตำรวจชุดจับกุม 4. ข้าราชการตำรวจที่ได้รับเหรียญรางวัลในการแข่งขันกีฬาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเภทต่างๆณ ห้องประชุมอาคารสโมสรคุ้มแก้วขวัญดาว ตำรวจภูธรภาค 5  อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

เฉลยที่มา ท่อน LA-la-Lisa, can you teach me Japanese? จากเพลง Rockstar อดีตเคยโดน ‘ดูถูก-แอนตี้-บูลลี่’ ก่อนที่วันนี้ จะได้ดี ดังระดับโลก

เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า ‘Gitanjali Ae Saengsang’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ และเพลงฮิต เพลงใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า Rockstar โดยได้ระบุว่า

ทำไมเพลงลิซ่า จะต้องมีท่อน LA-la-Lisa, can you teach me Japanese?

เอาสั้นๆ สำหรับคนขี้เกียจอ่าน ... พวกแฟนคลับที่ติดตามลิซ่ามานาน คิดว่าท่อนนี้มันมาจากการที่ ลิซ่าเคยโดนถามจาก anti-fan ที่พยายามด้อยค่าลิซ่าสมัยที่เธอยังไม่ดังระดับโลก >>> นี่คือคำตอบ

ส่วนใครพร้อมอ่านยาวๆ มาต่อกันทางนี้จ้า บอกก่อนว่าไม่ได้คิดเอง แต่รวบรวมเอามาจากแฟนคลับลิซ่ามาเล่าต่อ...

ต้องปูพื้นฐานก่อนว่าประเทศเกาหลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาการด้อยค่า จนเกิดการฆ่าตัวตายหรือที่สื่อสมัยนี้พูดอย่างสุภาพว่า การจบชีวิตตัวเอง ติดท็อปเท็นโลกชนิดไม่เคยตกอันดับ

หนึ่งในการบูลลี่กันเองก็ไม่พ้นสีผิว รูปร่างหน้าตา ความรวยความจน นั่นจึงเป็นคำตอบว่า ทำไมคนเกาหลีถึงศัลยกรรมกันทั้งบ้านทั้งเมือง และประเทศที่คนเกาหลีมองว่าหน้าบู้บี้ ยากจน ด้อยพัฒนา ก็คือพวกเรา ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะสายพันธุ์ของพวกเรานั้นหน้าตาผิวพรรณ ห่างไกลกับคนประเทศเกาหลี และห่างไกลกับมาตรฐานความงาม (หลังศัลยกรรม) ของเกาหลีลิบลับ

อ่านถึงตรงนี้ไม่ได้ยุยงให้เกลียดเขานะ ที่เขาเป็นแบบนี้มันมีเหตุปัจจัย ซึ่งยังไม่ขอพูด เดี๋ยวจะยาว 

ทีนี้พอลิซ่าปรากฏตัวขึ้นในฐานะนักร้อง girl group ซึ่งเป็นต่างชาติคนเดียวในวงสาวเกาหลี แฟนคลับจำนวนมากจึงรับไม่ได้ ถึงกับเรียกร้องให้ไล่ลิซ่าออกจากวง ทำนองว่าเอาคนบ้านนอกมาร่วมจะทำให้วงโลว์คลาส วงสาวเกาหลีจะตกต่ำ ถึงขนาดมีการลงชื่อส่งไปถึง YG ต้นสังกัด Black Pink ให้เปลี่ยนตัวสมาชิกกันเลยทีเดียว 

แต่ YG ก็วางเฉย เพราะในฐานะเด็กฝึก ลิซ่าคือเพชรเม็ดงาม เธอได้คะแนนการซ้อมต่อสัปดาห์สูงสุดอย่างต่อเนื่อง เรียกว่า ขยัน พยายามและอดทนสุด ๆ ยิ่งตอนปล่อยเพลงออกมา แม้ในประเทศเกาหลีลิซ่าจะดังน้อยที่สุด โดนเกลียดมากที่สุด แต่นอกประเทศลิซ่าดังสุด หาเงินเข้าบริษัทโดยเฉพาะจากแม่จีนได้เยอะสุดๆ 

แต่ถึงจะดังนอกประเทศแล้ว ด้วยความอิจฉาที่เธอดังมากหรืออะไรไม่ทราบได้ ลิซ่าโดนด้อยค่าจากแฟนเพลงเกาหลีด้วยการไม่ยอมรับของที่ระลึกจากมือเธอ เมิน (น่าตบมาก) หน้าใส่ ไปรับของจากสมาชิกวงคนอื่นแทน 

ยิ่งดังนอกประเทศมากเท่าไร เธอก็ถูกตั้งกระทู้ด่าทอเรื่องรูปร่างหน้าตา และได้รับการปฏิบัติจากค่ายราวกับพลเมืองชั้นสองมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเรื่องชุดที่ต้องเลือกทีหลัง หรือเตรียมชุดซ้ำ ๆ มาให้ใส่ ในขณะที่สมาชิกวงคนอื่นได้เปลี่ยนไป 3 ชุด ลิซ่าจะมีใส่เพียงชุดเดียว 

และที่ยังฝังใจ blink (blink คือคำเรียกแฟนคลับแบล็คพิ้งก์) ก็คือแอนตี้แฟนพูดกับลิซ่าว่า “ลิซ่า..สอนพูดญี่ปุ่นหน่อย” ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอคือคนไทย คำว่า สอนพูดญี่ปุ่นหน่อย... ทำไมถึงเป็นการพยายามด้วยค่า นั่นก็เพราะมีศิลปินญี่ปุ่นซึ่งเป็นนักร้องนักแต่งเพลงชื่อว่า โอริเบะ ริซะ ซึ่งใช้ชื่อในวงการว่า LiSA พวกแอนตี้จงใจถามลิซ่าไปอย่างนั้นเพื่อแสดงว่าหล่อนไม่ดัง ฉันไม่ได้สนใจหล่อน ฉันก็เคยได้ยินคนชื่อลิซ่านะ ที่เป็นคนญี่ปุ่นใช่ไหมอ่ะ...

ดราม่าและกระแสแอนตี้ลิซ่าในเกาหลีนั้นมีเยอะและยาวเหยียด… กว่าจะมาเป็นลิซ่าเจ้าแม่ทุบสถิติอย่างทุกวันนี้ ด.ญ.ลลิษา มโนบาล ต้องใช้ความอดทนอดกลั้น และมองโลกในแง่บวก ดีที่สมาชิกวงอีก 3 เป็นเกาหลีใจงาม คอยให้กำลังใจลิซ่าตลอด ไม่อย่างนั้นคงจะถอดใจกลับเมืองไทยเหมือนที่เด็กไทยบางคนทนไม่ไหว หนีกลับบ้านมาแล้ว 

พอหลุดจาก YG มาได้ ภาพแรกที่ปล่อยออกมาคือการทาผิวแทน สร้างกระแสดิ้นพล่านในเกาหลี ที่มีมาตรฐานความงามคือขาวใส เอาซี้... อีแอนตี้แฟนเกา

ส่วนไอ้ท่อน 
"La-la-Lisa, can you teach me Japanese?"

ลิซ่าก็บอกว่า
I said, "はい, はい" ฉันตอบว่า ไฮ..ไฮ...
That's my life, life, baby, I'm a Rockstar นี่มันชีวิตของฉัน ฉันคือร็อคสตาร์

ก่อนจะฟาดด้วยท่อน
Yes, yes, I can spend it แม่นแล้ว แม่นแล้ว ฉันจ่ายได้หมด
Yes, yes, no pretendin' แม่นแล้ว แม่นแล้ว ไม่มีเวลามาเสแสร้ง
Tight dress, LV sent it ชุดแซ่บ ๆ ของฉัน LV (หลุยส์ วิตตอง) เขาส่งมาให้ย่ะ 

เป็นไงล่ะแอนตี้ รู้ไว้ซะด้วย.....
ฉันคือลิซ่า ฉันคือร็อคสตาร์ ทุกเมืองที่ฉันไปคือที่ของฉัน ไม่ได้อยู่แค่เกา ฉันจะผิวแทน ฉันจะโปร (สนับสนุน) LGBTQ มันก็เรื่องของฉันเว้ยเฮ้ย.....

อารมณ์ร่วมอาจมากไปหน่อย แต่รวบรวมมาจากความคิดเห็นเหล่า Blink (จริงๆ นะ)

เปิดใจ 'วสวัตติ์ ระวังวงศ์' คนเก่งผู้คว้า 'ทุนคิง' สานฝันสู่ MIT เผย!! "เพราะความพยายาม จึงมีโอกาสเข้า ม.อันดับ 1 ของโลกได้"

จากรายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ได้พูดคุยเด็กเก่งระดับประเทศ 'วสวัตติ์ ระวังวงศ์' หรือ 'น่านน้ำ' ซึ่งสามารถสอบทุนเล่าเรียนหลวง หรือ King’s Scholarship (ทุนเล่าเรียนหลวง หรือ 'ทุนคิง' คือ ทุนการศึกษาที่ให้นักเรียนมัธยมปลายที่ศึกษาในไทยไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในต่างประเทศ)

เกี่ยวกับเรื่องนี้ น่านน้ำ เล่าว่า ขณะนี้กำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) หรือ MIT ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงเดือนกันยายนนี้ โดยตั้งใจเรียนสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) ซึ่งเป็นสาขาเทคโนโลยีแห่งอนาคต 

สำหรับเส้นทางการศึกษาของ 'น่านน้ำ' เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า เรียนจบระดับชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และมาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ปทุมวัน ซึ่งส่วนตัวชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์มาก และมีโอกาสเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ และคว้าเหรียญทองและเหรียญเงินมาให้ประเทศไทยได้ จึงเป็นการจุดประกายแนวคิดในการศึกษาต่อต่างประเทศ โดยเลือกสอบชิงทุนเล่าเรียนหลวง ซึ่งต้องเตรียมตัวอย่างมาก เนื่องจากมีการสอบหลายวิชา อาทิ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และวิชาสังคม ซึ่งต้องทำคะแนนให้ได้ทั้งหมด ซึ่งผลปรากฏว่าสามารถชิงทุนเล่าเรียนหลวงได้ 

เมื่อถามถึงแนวทางในการเรียนให้ประสบความสำเร็จ? น่านน้ำ เล่าว่า "โดยส่วนตัวไม่ได้กำหนดว่าจะต้องฝึกโจทย์ หรือ ต้องอ่านหนังสือวันละกี่ชั่วโมง เวลาอ่านหนังสือแล้วเหนื่อยก็พักโดยการเล่นกีตาร์เพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ ผมรู้สึกว่าจะเรียนเก่งไม่ได้เลยถ้าไม่มีความอยากเรียนวิชานั้นต่างหาก เพราะฉะนั้นต้องสร้างความอยากเรียน ต้องสร้างแรงจูงใจ (Motivation) ให้ตัวเองอยากเรียน หรือเรียนตามความสนใจ ดีกว่าเรียนเพื่อสอบเพียงอย่างเดียว" 

เมื่อถามถึงกำลังใจสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในวันนี้? น่านน้ำ เผยว่า "ผมต้องขอบคุณพ่อแม่มาก ๆ ถ้าไม่สนับสนุนผมก็คงมาไม่ถึงจุดนี้ เนื่องจากพ่อแม่ดูแลใกล้ชิดและหาโอกาสในการเรียนรู้เพิ่มเติมให้ผมเสมอ รวมถึงคุณครูอาจารย์ทุกท่านที่ช่วยสอนและพัฒนาผมมาเรื่อย ๆ และเพื่อน ๆ ที่พากันเรียนทำให้ได้เรียนรู้จากเพื่อนเก่ง ๆ ที่แชร์ความรู้ร่วมกัน"

สุดท้าย น่านน้ำ ได้ขอบคุณทุนเล่าเรียนหลวง หรือ King’s Scholarship โดยเจ้าตัวกล่าวด้วยความตื้นตันว่า ถ้าไม่มีทุนนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้เรียนต่างประเทศ ไม่ได้เข้า MIT ไม่ได้หาประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อมาพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขยายผลสืบสวน สอบสวนกรณีเพลิงไหม้โรงงานกำจัดของเสียประเภทวัตถุอันตราย

กรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานกำจัดของเสียประเภทวัตถุอันตรายในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดระยอง นั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนกับวิถีชีวิต ที่อยู่อาศัย และสุขภาพของประชาชน ในวงกว้างหลายพื้นที่ จึงได้สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ และ พลตำรวจเอก ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ติดตามและขยายผลดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดให้ได้ผู้กระทำความผิดและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกรายมาลงโทษโดยเร็ว 

ต่อมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้มีคำสั่งที่ 302/2567 ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน คดีเพลิงไหม้ บริษัท วินโพรเสส จำกัด และ บริษัท เอกอุทัย จำกัด มีหน้าที่สืบสวนสอบสวมรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมอบหมายให้ พลตำรวจโท ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน, พลตำรวจโท อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน , พลตำรวจตรี ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 2 เป็นเลขานุการ พร้อมด้วยพนักงานสืบสวนสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ ทางคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ทำงานร่วมกับนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และคณะกรมควบคุมมลพิษ กรมน้ำบาดาล กรมป่าไม้ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างรอบคอบ ครบทุกมิติ

วันนี้ (28 มิ.ย.67) เวลา 13.30 น. พลตำรวจโท ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเพลิงไหม้โรงงานสารเคมี ในจังหวัดระยอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ หองประชุมแจงยอดสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมทั้งหมดเกือบ ร้อยนาย ติดตามความคืบหน้าของคดี ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับไปแล้วบางส่วน จากการสืบสวนสอบสวนยังพบว่ามีการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ในอีกหลายพื้นที่ รวมทั้งหมด 4 จังหวัด 5 แห่งตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งโรงงานในพื้นที่ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ อ.กลางดง จ.นครราชสีมา, อ.อุทัย อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บ้านค่าย อ.มาบตาพุด จ.ระยอง โดยผู้ต้องหาได้นำวัตถุอันตรายของมีพิษเหล่านี้ไปเก็บไว้และมีการกำจัดที่ไม่ถูกต้อง ทั้งยังมีการลักลอบปล่อยลงในแม่น้ำลำคลอง พื้นที่เกษตรกรรมต่าง ๆ ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตและร่างกายของประชาชนอย่างรุนแรงในพื้นที่

ด้านอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในรายละเอียด พร้อมทั้งได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือในการคัดแยกเอกสารที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ได้มีการปลอมแปลงเอกสาร และตราประทับ ตั้งแต่การว่าจ้างการขนส่ง มีการปลอมเอกสารในเกือบทุกขั้นตอน ซึ่งได้ให้นโยบายไว้ว่าเรื่องนี้ต้องทำให้กระจ่างโดยเร็ว และต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความผิดเกี่ยวกับกฎหมายการครอบครองวัตถุอันตราย การกำจัดของเสีย พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม รวมถึงกฎหมายอาญา เพื่อไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง 

ในส่วนของการดำเนินคดีนั้น ขณะนี้มีการออกหมายจับไปแล้วในหลายข้อหา มีผู้ถูกกล่าวหาประมาณ 5 คน แต่เชื่อว่าอาจมีผู้ที่เกี่ยวข้องมากกว่า 10 คน ซึ่งจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฎ โดยพบว่ามีหลายข้อหา เช่น ในเรื่องการขนส่ง พบว่ามีการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาตกว่าร้อยครั้ง จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาทุกครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกัน คาดว่าจะได้รับโทษสูงสุดเมื่อขึ้นสู่ชั้นศาล สำหรับการจัดตั้งบริษัท พบว่ามีการตั้งบริษัทอย่างถูกต้อง 1 บริษัท เป็นตัวแทนนำ สิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้ไปไว้ตามที่ต่างๆ ทั้งมีการจัดตั้งบริษัทมาอีกหลายบริษัท ทำหน้าที่เป็นนอมินีส่วนหนึ่ง เพื่อไม่ให้มีการสืบสวนติดตามได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนว่าเป็นลักษณะของกลุ่มขบวนการ ซึ่งกำลังพิจารณาในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ เข้าไปสู่ความผิดมูลฐานฟอกเงิน ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบจะได้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทุกราย

รพ.ตร. เปิด 'โครงการตำรวจไทยไร้พุงประจำปี 2567' เน้นคัดกรองตำรวจที่มีความเสี่ยงอ้วนลงพุง ให้ความรู้ด้านโภชนาการ ควบคู่การออกกำลังกาย

วันนี้ ( 29 มิ.ย.67) พล.ต.ต หญิง นิรมล ปัณฑวนันท์ นายเเพทย์(สบ 7) เปิดเผยว่า โรงพยาบาลตำรวจ ได้จัด 'โครงการตำรวจไทยไร้พุงประจำปี 2567' โดยเปิดโครงการเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.67 ณ ห้องประชุมชัยจินดา 1 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ ชั้น 20 มี พ.ต.อ หญิง พิลาสินี ชปารังษี โภชนากร(สบ 4)กลุ่มงานโภชนาการ โรงพยาบาลตำรวจและนักโภชนาการให้การต้อนรับ

“โครงการตำรวจไทยไร้พุงประจำปี 2567” จัดขึ้นโดยกลุ่มงานโภชนาการ โรงพยาบาลตำรวจ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้าราชการตำรวจเเละบุคลากรในสังกัดโรงพยาบาลตำรวจคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงอ้วนลงพุง ได้ตระหนักถึงการดูแลตนเองด้านโภชนาการ และการออกกำลังกาย รวมถึงการดูเเลด้านจิตวิทยา เพื่อนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดี ภายในงานมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาบรรยายให้ความรู้ในหลายหัวข้อ อาทิ “วางแผนอย่างไรให้ตำรวจไทยห่างไกลโรคอ้วน” โดย น.ส.รุ่งทิพย์ ฟักขาว นักโภชนาการกลุ่มงานโภชนาการ โรงพยาบาลตำรวจ, “จิตวิทยากับการควบคุมน้ำหนัก” โดย พ.ต.อ.วินัย ธงชัย นักจิตวิทยา(สบ5)โรงพยาบาลตำรวจ, “Body Fit Body Balance"  โดย ร.ต. บุรณิน เกตุนิล ประจำ Jett Fitness ประจำสาขา รัชดาภิเษก

โครงการนี้จัดในรูปแบบ Onsite Training และ Online Training (ระบบ ZOOM) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากทั่วประเทศให้ความสนใจในการเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เพื่อให้ข้าราชการตำรวจที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงได้รับความรู้ในการวางแผนการควบคุมน้ำหนัก ให้มีสุขภาพดี หุ่นดี ห่างไกลโรค และไร้พุง นอกจากการบรรยาย ยังมีการจัดบูธกิจกรรมต่างๆ เช่น การชั่งน้ำหนัก วัดเส้นรอบเอว เเละbody composition ให้ความรู้ทางด้านโภชนาการเชิงรุก โดยได้นำโมเดลอาหาร การลดหวาน ลดมัน ลดเค็ม มาจัดเเสดงอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top