Wednesday, 9 July 2025
NEWS FEED

‘ดีอี’ ปั้น ‘โคราชโมเดล’ ต้นแบบ ‘มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต’ ยกระดับศักยภาพประเทศรับ Digital Economy Hub

(1 ก.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการอบรมสัมมนา เชิงปฏิบัติการหัวข้อ ‘Digital Korat: The Future Starts now - โคราช มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต’ ซึ่งโดยกระทรวงดีอีจัดขึ้น ในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่จังหวัดนครราชสีมา ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2557 ศูนย์การศึกษาหนองระเวียง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) 

พร้อมศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี ผู้บริหารกระทรวงดีอี และหน่วยงานในสังกัด กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.)สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) (บีดีไอ) บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (เอ็นที) บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) พร้อมทั้งเครือข่ายและพี่น้องประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 2,000 คน เข้าร่วมงาน 

นายประเสริฐ กล่าวว่า โครงการ ‘Digital Korat: The Future Starts now - โคราช มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต’ เป็นการขับเคลื่อนและยกระดับจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งถือเป็นจังหวัดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ เป็นประตูสู่ภาคอีสาน ที่มีศักยภาพความพร้อมในหลายด้าน สู่การเป็นเมืองดิจิทัลในระดับภูมิภาค ภายใต้ภารกิจของกระทรวง ดีอี ใน 4 มิติ ประกอบด้วย 1. ดิจิทัลเพื่อความเท่าเทียม (ด้านสังคม) 2. ดิจิทัลเพื่อความปลอดภัย (ด้านความมั่นคง) 3. ดิจิทัลเพื่อโอกาสที่ดีกว่า (ด้านเศรษฐกิจ) 4. ดิจิทัลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ด้านการดำเนินงานภาครัฐ)  ผ่านการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกระทรวง ดีอี และภาคส่วนต่าง ๆ ในจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ 

1.การขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นจังหวัดต้นแบบในการใช้ระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ลดการใช้กระดาษ (Paper Less) การส่งเสริมการใช้งานด้านดิจิทัลในระบบบริการสาธารณสุข และการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัล

2.ความร่วมมือด้านการพัฒนากำลังคนดิจิทัล ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี  และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เพื่อร่วมมือกันในการพัฒนากำลังคน ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านดิจิทัล ให้กับนักศึกษาและบุคลากรของสถาบันการศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา

3.ความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กับ หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา เพื่อพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในจังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ศูนย์กลางโลจิสติกส์ (Logistic Hub) และส่งเสริม Soft Power ของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น ศิลปะ และการสร้างสรรค์ผลงานผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล

นายประเสริฐ กล่าวว่า นอกจากนี้กระทรวงดีอี ยังได้จัดกิจกรรมสัมมนาและอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับดิจิทัลในด้านต่างๆ ได้แก่ การจัดกิจกรรมอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการฯ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เครือข่ายอาสาสมัครดิจิทัล (อสด.) และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรมกว่า 2,000 คน , กิจกรรมแนะนำอาสาสมัครดิจิทัล (อสด.) และแอปพลิเคชัน อสด. โดยผู้แทน สดช. เพื่อให้เกิดการพัฒนาและขยายเครือข่าย อสด. , กิจกรรมแนะนำบริการและข้อมูลที่ถูกต้องจากภาครัฐ โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวออนไลน์ , โครงการ GCC 1111 แจ้งเบาะแสข่าวปลอม เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย สื่อลามก อนาจาร เว็บไซต์พนัน 

รวมทั้งข้อมูลอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ ผ่านโทรสายด่วน 1111 , ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ให้คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากภัยออนไลน์ ประสานเรื่องการแจ้งความดำเนินคดี ระงับบัญชีธนาคาร และกิจกรรมจัดแสดงนิทรรศการของกระทรวงดิจิทัลฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และภาคเอกชน ได้แก่ 1) การนำเสนอภารกิจ/โครงการสำคัญของหน่วยงานในสังกัดกระทรวง ดีอี , 2) การนำเสนอหลักสูตรวิชาการด้านดิจิทัลของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ที่ดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชน เช่น VR Training และ EV เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ  และ 3) การนำเสนอนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของภาคเอกชน ได้แก่ Smart City ของบริษัท Huawei และ AI Mapping Robot ของบริษัท Metthier รวมถึงเทคโนโลยีทางการสื่อสารจาก บริษัท AIS และ True

“กระทรวงดีอี พร้อมขับเคลื่อนและยกระดับ จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้นแบบของมหานครดิจิทัลแห่งอนาคต ก่อนขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ที่มีศักยภาพ และความพร้อม ด้วยการวางโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลอย่างทั่วถึง สร้างสภาพแวดล้อม ระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้างองค์ความรู้ พัฒนาทุนมนุษย์ให้กับประชาชน และบุคลากรหน่วยงานรัฐ ต่อยอดไปสู่การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างความมั่นคงปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยทุกคนอย่างยั่งยืน พร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล ( Digital Economy Hub ) ของภูมิภาค” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจัทัลเพื่อเศรฐษกิจและสังคมกล่าว

‘เจือ ราชสีห์’ ตรวจเยี่ยมโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา แก้ปัญหาการสัญจร-ผลักดันสู่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัด

(2 ก.ค.67) เมื่อไม่นานมานี้ ‘เจือ ราชสีห์’ ผลักดัน-ติดตามโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อม อ.เมืองสงขลา และ อ.สิงหนคร จ.สงขลา อย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ จ.สงขลา

นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่ร่วมประชุมคณะกรรมการศึกษาความเหมาะสมในเบื้องต้นโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ระหว่าง อ.เมืองสงขลาและอ.สิงหนคร จังหวัดสงขลา ณ บริเวณท่าแพขนานยนต์ ฝั่งเทศบาลนครสงขลา 

ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่และได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดเล็ก โดยมีนายไผท ทันประจำสินธุ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทสงขลา นางปิยวรรณ ชูนวล ตัวแทนโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสงขลา นางภัตติมา รุ่งพัฒนพันธ์ ปลัดอำเภอเมืองสงขลาตัวแทนนายอำเภอเมืองสงขลา และตัวแทนภาคประชาชน ได้ลงพื้นที่ดูทางขึ้น-ลงของสะพาน เพื่อสรุปรายงานผลให้กับที่คณะกรรมการที่ประชุมใหญ่ได้ทราบในครั้งต่อไป 

ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ต้องเดินทางสัญจรไป-มา ระหว่าง อ.เมืองสงขลาและอ.สิงหนคร ให้ได้รับความสะดวกมากขึ้น และจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาได้อีกทางหนึ่งด้วย

‘ผู้ศรัทธา’ แห่สักการะ ‘หลวงปู่ขาว’ วัดอุทยาน จ.นนทบุรี เนืองแน่น นิยมขอพรด้านการงาน-เงิน กราบไหว้ด้วยน้ำตาลหลังสำเร็จผล

เมื่อวานนี้ (1 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนจำนวนมากต่างเข้าไปที่วัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อไปขอพรหลวงปู่ขาว ในวิหาร ข้างพระโอสถ โดยประชาชนได้เข้าไปกราบขอพร บ้างก็นำน้ำตาลมาไหว้ตลอดทั้งทั้งวัน โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ประชาชนที่เข้าวัดทำบุญปล่อยปลา และต้องเข้ามากราบขอพรหลวงปู่ขาว ที่มีเสียงเล่าขานกันปากต่อปากว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ขอพรด้านการงาน การเงิน ความสำเร็จ ต่างประสบความสำเร็จกันถ้วนหน้า

พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร เจ้าอาวาสวัดอุทยาน กล่าวว่า “ในส่วนเรื่องดังกว่าเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล เราคิดดี ทำดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ นั่นคือคุณธรรมความดีที่อยู่กับตัวเรา ส่วนเรื่องความเชื่อความศรัทธาก็เป็นเรื่องของบุคคลที่จะให้ความเคารพและนับถือสิ่งที่เชื่อว่าสามารถช่วยเขาได้ทำจนสำเร็จ”

“สำหรับภูเขานั้นเป็นพระพุทธรูปที่อยู่คู่กับพระอุทยานมานาน ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาส ก็ได้พบเห็นท่านแล้ว เห็นว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ ที่อยู่คู่กับทางวัดอุทยานมานาน จึงได้บูรณะวิหารและองค์หลวงปู่ขาว และได้เปิดให้ประชาชนได้เข้ามากราบไหว้ขอพร ตามความเชื่อของชาวพุทธ”

“หลังจากเปิดได้ไม่นานก็มีประชาชนต่างพูดกันปากต่อปากว่าเข้ามากราบไหว้ขอพรหลวงปู่ขาวแล้ว มีความศรัทธา ขอสิ่งใดก็ได้สมปรารถนา หลังจากได้สมปรารถนาแล้วก็นำน้ำตาลมาไหว้ จนปัจจุบันนี้มีประชาชนนำน้ำตาลมาไหว้หลวงปู่ขาวสัปดาห์ละ 1,000 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน เลยทีเดียว”

พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร กล่าวอีกว่า “โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ ก็มีประชาชนมาขอพรหลวงปู่ขาว ทำสังฆทาน และทำบุญปล่อยปลา มาจนถึงทุกวันนี้”

สำหรับ ‘หลวงปู่ขาว’ ชาวบ้านที่อยู่บริเวณเล่าต่อ ๆ กันมาว่าท่านสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใกล้วัด ชอบมาไหว้ขอพร แล้วประสบผลสำเร็จ จึงนำน้ำตาลทรายมาแก้บน เพราะสมัยนั้นบริเวณรอบ ๆ วัดอุทยาน นิยมทำขนมไทยโบราณ ซึ่งมีรสชาติหวาน แล้วใส่เรือล่องขายในคลองบางกอกน้อย คลองอ้อม ซึ่งน้ำตาลทรายหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง จึงนำมาไหว้หลังจากขอพรสำเร็จ ปัจจุบัน เป็นที่รู้จักกันจำนวนมาก ทำให้คนเข้ามากราบไหว้อย่างหนาแน่นตลอดทั้งวัน

 

'นัท เลอทาน่า' เผยบทเรียนแสนแพง หลังลงคลิปเล่นดนตรีสด ถูกนักแต่งเพลงฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ 10 เพลง 1 ล้านบาท

เมื่อวานนี้ (1 ก.ค. 67) บนโซเชียลฯ แชร์คลิปจากติ๊กต็อก @letana_24hrs ของ นัท กิตติพันธ์ ลี้ศัตรูพ่าย หรือ นัท เลอทาน่า นักร้อง เจ้าของโรงแรมและร้านอาหารย่านบางพลี สมุทรปราการ กล่าวถึงการถูกฟ้องลิขสิทธิ์เพลงที่เผยแพร่ผ่านออนไลน์ ระบุว่า…

ขออนุญาตให้ความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนทำร้านอาหารที่มีดนตรีสด มีค่าใช้จ่ายปลีกย่อยมากมาย โรงแรมฯ มีค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ต่อปีโดยรวมนับล้านบาท ซึ่งตนโดนฟ้องลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการกับเพลง ‘ทนได้ทนไป’ ของวงออโต้บาห์น แต่ผู้ฟ้องคือนายฉัตรชัย ดุริยประณีต หรือนก สมาชิกวงเฉลียง ในฐานะผู้เขียนเพลงดังกล่าว

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางปี 2566 ตนถูกแจ้งละเมิดลิขสิทธิ์จากเพลง ‘ถอนตัว’ ของเบิร์ดกะฮาร์ท คนที่ติดต่อมาคือเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงนี้ คือ นายวรวิทย์ นิมมานศิริกุล หรือไบร์ท ซึ่งเป็นผู้แต่งเพลง ได้จ่ายค่าเสียหายไป 50,000 บาท จากที่เรียกมาหลายแสนบาท นายวรวิทย์เป็นคนทำให้ตนเข้าใจคำว่าลิขสิทธิ์เพลงมากขึ้น ตอนแรกเข้าใจว่าลิขสิทธิ์การเล่นในร้านกับการเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียคืออย่างเดียวกัน แต่ว่าไม่ใช่ การที่มีลิขสิทธิ์ในการเล่นดนตรีในร้าน ไม่ใช่ว่าเราจะตัดคลิปไปลงหรือถ่ายทอดสดในโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก ยูทูบ ติ๊กต็อกได้ ต้องขอบคุณนายวรวิทย์ที่ทำให้ตนเข้าใจ

หลังจากนั้นตนก็ไปไล่ลบคลิปที่ละเมิดลิขสิทธิ์ออกทั้งหมด เหลือแต่เพลงที่ตนมีลิขสิทธิ์ไว้เท่านั้น หลังจากนั้นก็พยายามทำทุกอย่างให้รัดกุมและถูกต้องที่สุด พยายามเล่นเพลงที่เรามีลิขสิทธิ์ และเพลงที่มีลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่โซเชียลมีเดียด้วย เพื่อคนดูทางบ้านจะได้ฟังผลงานของตนทุกเพลงอย่างถูกต้อง บางครั้งเพลงไหนที่เราไม่มีลิขสิทธิ์ในการเล่นบนโซเชียลฯ ก็สั่งให้ช่างเสียงปิดเสียงเอาไว้ เพื่อคงความถูกต้องเอาไว้ และให้คนในร้านได้ฟังเพลงเหล่านั้น ผู้ชมไลฟ์อาจเสียอรรถรสไปบ้าง

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้จ่ายค่าเสียหายแก่นายวรวิทย์ไปแล้ว หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมา นายวรวิทย์กลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดยนำเพลงที่ตนละเมิดลิขสิทธิ์มา 10 เพลง ส่วนใหญ่เป็นเพลงของนายฉัตรชัย เช่น ใจนักเลง ใจบางบาง ละลาย ถอยดีกว่า ต้องการเก็บค่าเพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์เพลงละ 100,000 บาท รวมเป็นเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งตอนที่นายวรวิทย์แจ้งละเมิดลิขสิทธิ์ตนได้ลบคลิปเพลงดังกล่าวตั้งแต่ถูกแจ้งเพลงถอนตัวไปแล้ว แสดงว่านายวรวิทย์บันทึกหน้าจอเพลงเหล่านั้นเอาไว้เมื่อครั้งมาแจ้งละเมิดลิขสิทธิ์เพลงของตัวเอง แต่ไม่บอกในตอนนั้น รอจัดการกับเพลงของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเอาเพลงของนายฉัตรชัย 10 เพลง มาแจ้งค่าละเมิดเราใน 1 เดือนถัดมาอีกที

นายกิตติพันธ์กล่าวว่า “เป็นผลจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์และเป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์โดยตรงที่พบเจอ และตนเลือกแชร์ประสบการณ์ออกไปให้คนที่ยังไม่เจอ ให้มีประสบการณ์โดยอ้อม ไม่ต้องโดนโดยตรง และไม่ต้องไปลองผิดลองถูกแบบที่ตนเจอ ขอบคุณประสบการณ์เหล่านี้ที่ทำให้ตนมีความรู้มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายแต่ก็เป็นบทเรียนที่ทำไปโดยไม่รู้ ไหน ๆ มีค่าใช้จ่ายแล้วขอให้ได้ความรู้ด้วย และอยากรู้ด้วยว่าเรื่องนี้ตนต้องจ่ายเท่าไหร่”

'ชาวประมง' โกยรายได้ หลังจับ 'กุ้งแชบ๊วย' ได้มากสุดในรอบ 30 ปี แต่แอบเอะใจ!! ไม่รู้เกิดอะไรกับระบบนิเวศทางธรรมชาติหรือไม่

เมื่อวานนี้ (1 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณแพปลาเจ้นา บ้านฉางหลาง ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ชาวประมงพื้นบ้านได้ทยอยนำกุ้งแชบ๊วย ซึ่งหาได้ในทะเลปากเมง และฉางหลาง มาขายที่แพปลาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน เป็นต้นมา

เกิดปรากฏการณ์แปลก ชาวประมงจับกุ้งแชบ๊วยได้มากกว่าปกติหลายเท่าตัว ที่ปกติจะจับกุ้งแชบ๊วยได้เพียง 10-20 กิโลกรัมต่อครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับจับได้มากถึง 40-100 กิโลกรัมต่อครั้ง ซึ่งชาวประมงพื้นบ้านต่างนำกุ้งที่จับได้มาขายให้กับแพปลาแห่งนี้ รวมทั้งแพปลาในละแวกใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก

ขณะที่แพปลา เจ้นา ซึ่งรับซื้อกุ้งแชบ๊วยแบบคละไซซ์ จากชาวประมงในราคากิโลกรัมละ 200 บาท และต้องเร่งระบายออกในราคาเท่ากับทุนที่ซื้อมา และนำมาขายในตลาดสดเทศบาลนครตรัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีประชาชนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในตลาดซื้อกันเป็นจำนวนมาก

นางสาวศิริทัศน์ ทิพย์เพ็ง อายุ 54 ปี เจ้าของแพปลาเจ้นา บอกว่า “ตนรับซื้อกุ้งแชบ๊วยจากชาวประมงพื้นบ้านในราคากิโลกรัมละ 200 บาท และมาขายต่อในตลาดสดเทศบาลนครตรัง ราคากิโลกรัมละ 200 บาท เพื่อช่วยกระจายสินค้าให้ชาวประมง เพราะช่วงนี้เขาจับกุ้งแชบ๊วยได้เยอะมาก ตนมาเปิดแพปลาที่ตรังนาน 30 ปี ปีนี้เพิ่งเจอปรากฏการณ์แปลกที่ชาวประมงพื้นบ้านจับกุ้งได้เยอะมากเช่นนี้ ตนไม่รู้ว่าเกิดจากระบบนิเวศทางธรรมชาติหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ชาวประมงเขาจับกุ้งแชบ๊วยได้มาเยอะมาก ชาวประมงมีรายได้จากการขายกุ้ง 6,000 บาท จนถึงหลักหมื่นต่อลำ ซึ่งใครที่อยากกินกุ้งทะเลสด ๆ ราคาไม่แพงสามารถมาซื้อได้ที่แผงปลาเจ้นาในตลาดสดเทศบาลนครตรัง”

ศรชล. รับมอบเรือปฏิบัติการความเร็วสูง เพิ่มขีดความสามารถในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล

วันนี้ (1 ก.ค. 67) เวลา 13.00 น. พลเรือเอก วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) ในฐานะ เลขาธิการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (เลขาธิการ ศรชล.) เป็นประธาน ในพิธีรับมอบเรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่ง จำนวน 6 ลำ (ลำที่ 7 - 12) ได้แก่ เรือ ศรชล.4007 เรือ ศรชล.4008 เรือ ศรชล.4009 เรือ ศรชล.4010 เรือ ศรชล.4011 และ เรือ ศรชล.4012 ตามลำดับ ณ อู่ต่อเรือ บริษัท มาร์ซัน จำกัด (มหาชน) ถนนท้ายบ้าน ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

โดยมีประธานและเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท มาร์ซัน จำกัด (มหาชน) ผู้แทนอธิบดีหน่วยงานหลักใน ศรชล. หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงของ ศรชล. และเจ้าหน้าที่ของ บริษัทฯ ให้การต้อนรับ
ในการนี้ พลเรือตรี บุญรักษ์ โพธิ์แก้ว ประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ โครงการจ้างสร้างเรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่ง จำนวน 15 ลำ ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ว่า โครงการดังกล่าว เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานของรัฐ ในการป้องกัน ปราบปราม แก้ไขปัญหา รับมือกับสถานการณ์ หรือการกระทำผิดกฎหมายที่มีผลกระทบ หรืออาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือกิจกรรมทางทะเล การช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งการปฏิบัติการอื่น ๆ ในการนี้ พลเรือเอกวรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เลขาธิการ ศรชล. ได้กล่าวรับมอบเรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่ง (ลำที่ 7 - 12) พร้อมทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่า พิธีรับมอบเรือในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันใกล้ชิด และความสัมพันธ์อันดีระหว่าง ศรชล. และ บริษัท มาร์ซัน จำกัด (มหาชน) รวมทั้งกล่าวขอบคุณ ประธานกรรมการตรวจรับพัสดุฯ คณะทำงานสนับสนุนการสร้างเรือฯ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกระดับของ บริษัทฯ ที่ร่วมติดตามความก้าวหน้าในการสร้างเรือให้เป็นไปตามแผนการสร้างเรือ

หลังจากจากนั้น เลขาธิการ ศรชล. ได้ส่งมอบเรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่ง ให้แก่ ศรชล.ภาค 1 ศรชล.ภาค 2 และ ศรชล.ภาค 3 ภาคละ 2 ลำ ตามแผนงานฯ เพื่อนำไปใช้ราชการตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ กำหนดไว้ต่อไป ทั้งนี้ ศรชล. ได้ดำเนินการส่งมอบเรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่ง จำนวน 6 ลำแรก ได้สำเร็จเป็นไปตามแผนงาน เพื่อปฏิบัติภารกิจตามพื้นที่ ศรชล.ภาค ได้แก่ ศรชล.ภาค 1 จำนวน 2 ลำ ได้แก่ เรือ ศรชล.4001 (พื้นที่ จ.ตราด) เรือ ศรชล.4002 (พื้นที่ จ.ชุมพร) ศรชล.ภาค 2 จำนวน 2 ลำ ได้แก่ เรือ ศรชล.4003 (พื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี) เรือ ศรชล.4004 (พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช) และ ศรชล.ภาค 3 จำนวน 2 ลำ ได้แก่ เรือ ศรชล.4005 (พื้นที่ จ.ภูเก็ต) เรือ ศรชล.4006 (พื้นที่ จ.สตูล) ที่ผ่านมา เรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่งชุดนี้ ได้ถูกนำไปใช้งานในภารกิจที่หลากหลาย เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล การลำเลียงผู้ป่วยทางทะเล เนื่องจากตัวเรือมีความคล่องตัวสูงและการทรงตัวที่ดี มีพื้นที่สามารถรับผู้ป่วยที่อาจจะต้องมีการลำเลียงด้วยเครนบันไดลิง หรือผ่านบันไดข้างเรือ ทำให้การปฏิบัติการทางการแพทย์เพื่อเข้าให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่งของ ศรชล. ทั้ง 15 ลำ มีความยาวตลอดลำที่ระดับแนวน้ำ 12.39 เมตร ความกว้าง 3.48 เมตร ความสูง 1.42 เมตร กินน้ำลึกสูงสุด 0.65 เมตร ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 41 นอต (ที่น้ำหนักบรรทุกเต็มที่)

“ ศรชล. เป็นหน่วยงานหลักในการบูณาการการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศชาติและประชาชน”

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

ว่าน ธนกฤต ร่วมร้องเพลงกับวงดนตรี จิตอาสา PGH BAND โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์ขายบัตรการกุศล ลองไทม์ โนคอน 

สมทบทุนเข้าโครงการปรับปรุงหอผู้ป่วยจิตเวชและห้องตรวจผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ วันจันทร์ที่ 1 ก.ค. 2567 ณ ลานกิจกรรม อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ชั้น 2 โรงพยาบาลตำรวจ นางสาว อนุสรี ทับสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมชม ดนตรีจิตอาสา PGH BAND โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งครั้งนี้ ศิลปินชื่อดัง ว่าน ธนกฤต พานิชวิทย์ ให้เกียรติร่วมร้องเพลงกับวงดนตรี PGH BAND โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อ มอบความสุขให้กับผู้ป่วยและผู้มารับบริการ โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมประชาสัมพันธ์เชิญชวนร่วมสมทบทุนชมคอนเสิร์ตการกุศล ลองไทม์ โนคอน เพื่อเข้าโครงการปรับปรุงหอผู้ป่วยจิตเวชและห้องตรวจผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ โดย พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8)และ พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ให้การต้อนรับ นางสาว อนุสรี ทับสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ ว่าน ธนกฤต

ทั้งนี้นางสาว อนุสรี ทับสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมบริจาคสมทบทุนเข้าโครงการ จำนวน 30,000 บาท คุณ เบญจรัตน์ สิงห์สมบุญ ประธานบริษัทพรหมสุวรรณธุรกิจ จำกัด ร่วมบริจาคสมทบทุนเข้าโครงการ จำนวน 100,000 บาท รวมไปถึงข้าราชการตำรวจ บุคลากรทางการแพทย์ ร่วมสนับสนุนโครงการด้วย 

บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน อบอุ่น ทุกคนต่างร้องเพลง ขยับร่างกายไปตามจังหวะเพลง และถ่ายรูปตลอดเวลาที่ ว่าน ธนกฤต ให้ความบันเทิงอยู่บนเวที ระหว่างการร้องเพลงบนเวทีมีเซอร์ไพรส์ ผู้มีจิตศรัทธา โทรศัพท์เข้ามาขอร่วมบริจาคสมทบทุนเข้าโครงการ จำนวน 100,000 บาท

นางสาว อนุสรี ทับสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมเป็นต้นทางในการควบคุมตัวผู้ที่ติดยาเสพติด เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับคืนสู่สังคม บางคนมีภาวะทางจิตเวช โรงพยาบาล จึงมีหน้าที่หลักในการบำบัด รักษาและฟื้นฟู โครงการปรับปรุงหอผู้ป่วยจิตเวชและห้องตรวจผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ เป็นโครงการที่ควรสนับสนุน เพราะสร้างขวัญกำลังใจให้กับทีมแพทย์ พยาบาล และผู้ที่ดูแลผู้ป่วยจิตเวช และยาเสพติด ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยให้เป็นพลเมืองดีกลับคืนสู่สังคม

ว่าน ธนกฤต กล่าวว่า โลกที่หมุนเร็ว ส่งผลต่อสภาพจิตใจ จนบางคนเผชิญปัญหาเรื่องสภาวะจิต จนต้องพบจิตแพทย์ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งแรงบันดาลใจให้ผู้ป่วยผ่านพ้นสภาวะนี้ไปได้ด้วยดี หากใครมีภาวะซึมเศร้าควรรีบพบแพทย์ พร้อมเชิญชวนให้ร่วมสมทบทุนโครงการ ทำบุญใหญ่ในครั้งนี้ 
ผ่านการแสดงดนตรีแสงสีเสียงในรูปแบบ "รอบการกุศล" พร้อมแขกรับเชิญ อาทิ เฉลียง , No One Else , ป๊อบ ปองกูล และ โอ๊ต ปราโมทย์

พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ผู้ที่สนใจสมทบทุนเข้าร่วมโครงการนี้ สามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารทหารไทยธนชาต เลขบัญชี 0111070611 ทั้งนี้เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับทีมแพทย์ พยาบาล ที่ดูแลผู้ป่วยจิตเวช

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
FB : โรงพยาบาลตำรวจ Police General Hospital หรือ โทร 02-2076000 ต่อ 6850 ศูนย์ประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลตำรวจ

#ว่านธนกฤตLongTimeNoCon
#ลองไทม์โนคอน
#LongTimeNoCon 
#wan_soloist
#เฉลียง #NoOneElseBand 
#PopPongkool #โอ๊ตปราโมทย์
#โรงพยาบาลตำรวจ
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์สื่อสารองค์กรและโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ
#SPICYDISC #SPICYEVENT

ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามเหตุระเบิดหน้าแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา และเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ กำชับดูแลอย่างเต็มที่ 

วันนี้ (1 กรกฎาคม 2567) เวลา 14.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ. ลงพื้นที่ประชุมติดตามสถานการณ์เหตุระเบิดหน้าแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ  สภ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยมี พล.ท.ศานติ ศกุลตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 , พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี และ พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยศิริ รอง ผบช.ตชด/รอง ผบ.ศปก.ตร.สน. , พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฏิ์ ผบก.ภ.จว.ยะลา , พล.ต.ต.ชุมพล ศรีสุรีย์มงคล ผบก.สส.จชต , พล.ต.ต.วิชชุโชติ ขวัญใจธัญญา ผบก.ศพฐ.10  , พล.ต.นิติ ติณสูลานนท์ ผบ.ฉก.ยะลา , พ.อ.สุริยา ผาสุข ผบ.ฉพ.ทพ.33 , นายเชาวลิต สิทธิฤทธิ์ นายอำเภอบังนังสตา ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม สภ.บันนังสตา

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 67 เวลาประมาณ 10.24 น. เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณหน้าแฟลตตำรวจ สภ.บันนังสตา หมู่ 2 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา จากการตรวจที่เกิดเหตุโดยรอบ พบแฟลตของข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นอาคาร 4 ชั้น ได้รับความเสียหาย ใกล้กันบริเวณบ้านพักห้องแถวซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่ด้านหลัง สภ.บันนังสตา ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดจำนวนหลายหลัง และมีรถยนต์ของข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา ซึ่งได้จอดไว้บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ ได้รับความเสียหายหลายคัน จากเหตุดังกล่าวพบผู้เสียชีวิต 1 ราย และข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา ได้รับบาดเจ็บ 25 ราย ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 4 คน รวม 29 คน ซึ่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 29 คน ถูกนำตัวส่งทำการรักษาที่โรงพยาบาลโรงพยาบาลยะลาสิริรัตนรักษ์ จำนวน 12 คน เป็นข้าราชการตำรวจ 11 คน และประชาชน 1 คน และโรงพยาบาลบันนังสตา เป็นประชาชนจำนวน 3 คน แพทย์ทำการรักษาและสามารถกลับบ้านได้แล้ว จำนวน 14 คน ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เยี่ยมติดตามอาการกำลังพลและประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

พล.ต.ท.สำราญฯ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 ประเมินทบทวนการปฏิบัติที่ผ่านมา ว่าเป็นไปตามแผนป้องกันเหตุที่วางไว้หรือไม่ 

ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ กล่าวว่า วันนี้มาติดตามสถานการณ์และเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ ซึ่งสิ่งที่ต้องเดินหน้าต่อไปคือการระวังป้องกัน โดยต้องประเมินการปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เพื่อป้องกันเหตุในพื้นที่พิเศษให้รอบคอบมากขึ้น ซึ่งต้องทำงานร่วมกันทุกหน่วย ต้องทำให้ประชาชนและข้าราชการทุกหมู่เหล่ามีความปลอดภัย ในส่วนของคดีขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก และพอทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดี

นอกจากนี้ ผบ.ตร.กำชับและให้แนวทางการการปฏิบัติกับข้าราชการตำรวจในพื้นที่ ให้ปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข , กำชับให้ผู้บังคับบัญชาดูแลสวัสดิการและความเป็นอยู่ ตลอดจนสิทธิ์ต่างๆอันพึงมีพึงได้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมชมเชยข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา ทุกนาย ที่มีความตั้งใจและทุ่มเทในการปฎิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี และขอให้รักษามาตรฐานไว้เพื่อเป็นข้าราชการตำรวจที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา

จากนั้น ผบ.ตร.และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว ที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลยะลาสิริรัตนรักษ์ จำนวน 12 คน เป็นข้าราชการตำรวจ 11 คน และประชาชน 1 คน โดย ผบ.ตร.ได้มอบกระเช้าและเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจด้วย

iQIYI X INSIGHT จัดออดิชัน วัดสกิล เฟ้นหาบอยแบนด์ไทยสุดยิ่งใหญ่ สู่การคัดเลือกเป็นตัวจริง ในรายการวาไรตี้ iQIYI Original ใหญ่ระดับโลก ‘Youth With You International’

เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับรอบ Offline Audition In Thailand เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา สำหรับกิจกรรมการค้นหาตัวแทนเด็กไทย หรือ บอยแบนด์ไทย ที่มีความสามารถ และต้องการทำตามความฝันสู่การเป็นไอดอลตัวจริง ซึ่งในงานนี้มีเด็กไทยกว่า 100 คนเข้าร่วมคัดเลือกและโชว์ความสามารถพิเศษผ่าน การร้อง การเต้น และการแร็ป เพื่อให้เข้าสู่หนึ่งในผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมรายการวาไรตี้ระดับโลกอย่าง iQIYI Original “Youth With You International” ซึ่งถือเป็นรายการประเภท Survival อันดับหนึ่งจากประเทศจีนจัดขึ้นโดย iQIYI ที่ในปีนี้มีความต้องการขยายความยิ่งใหญ่ไปสู่ระดับสากลและทั่วโลก

สำหรับในประเทศไทย กิจกรรม Offline Audition ทางบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิงไทยและต่างประเทศ อย่าง iQIYI (อ้ายฉีอี้) บ้านของความบันเทิงยอดนิยมแห่งเอเชีย ได้ร่วมกับ Insight Entertainment ผู้นำด้านการส่งออกคอนเทนท์ละครไทยสู่ตลาดบันเทิงต่างประเทศ ในการวางกรอบนโนบายและการทำงานร่วมกันในฐานะพันธมิตรที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน เกี่ยวกับเงื่อนไขและความต้องการในการคัดเลือกและผลักดันเด็กไทยที่ผ่านการทดสอบในขั้นตอนต่างๆ รวมถึงในรอบ Offline Audition ที่จะเป็นด่านชี้วัดสำคัญว่าใครจะเป็นผู้ที่เหมาะสมเป็นตัวแทนเด็กไทยเข้ารอบไปสู่การแข่งขันระดับโลกในรายการวาไรตี้ iQIYI Original “Youth With You International” ของปีนี้

คุณ Cynthia Wang ผู้จัดการฝ่ายเนื้อหาสำนักธุรกิจต่างประเทศของอ้ายฉีอี้ แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ระดับ Global ผู้ถือสิทธิ์รายการ “Youth With You” เปิดเผยว่า “Youth With You International” เป็นรายการใหญ่ระดับโลกที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายทั่วเอเชีย มีการเปิดโอกาสการแข่งขันไปทั่วโลก และหนึ่งในประเทศที่เข้าร่วมในครั้งนี้ก็มีประเทศไทยด้วย เนื่องจากประเทศไทยปัจจุบันเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจอย่างมาก เด็กไทยล้วนมีความสามารถเฉพาะด้าน และโดดเด่น จึงทำให้เรามั่นใจว่าเด็กไทยที่มาเข้าร่วม Offline Audition จะมีไม้ตายที่งัดออกมาให้เราได้เฟ้นหากันอย่างดุเดือด และผู้ที่ได้รับคัดเลือก จะต้องเป็นผู้ที่มีฝัน มีไฟ เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถทั้งด้านการร้อง เต้น และมีใจรักการเป็นไอดอลอย่างแท้จริง” พร้อมเผยความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในระดับโลกอีกว่า “ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเราทุกคนจะได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของรายการนี้ และจะได้เห็นเด็กจากทั่วทุกมุมโลกมาประชันความสามารถกันเต็มที่ ทั้งด้านการร้อง การเต้น การแร็ป และความสามารถอีกหลากหลาย โดยที่เราทุกคนจากทั่วโลกจะได้มาร่วมเป็นผู้ตัดสินเพื่อจะช่วยกันปั้นบอยแบนด์แต่ละคนให้สำเร็จไปด้วยกัน" 

และได้รับเกียรติจาก คุณผ่านศึก ธงรบ ผู้อำนวยการอ้ายฉีอี้ ประจำประเทศไทย แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ระดับ Global ผู้ถือสิทธิ์รายการ “Youth With You” ขึ้นกล่าวถึงการจัดกิจกรรมครั้งนี้ “นี่คือรอบ Offline Audition ซึ่งถือว่าเป็นอีกด่านหนึ่งที่สำคัญของผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากรอบ Online Audition ในขั้นตอนแรก โดยได้เปิดรับสมัครในประเทศไทยไปเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และจะเป็นด่านที่ทดสอบสกิลอย่างเข้มข้น จากผู้เชี่ยวชาญทั้งฝั่ง iQIYI, SBS และ Insight เพื่อต้องการเฟ้นหาตัวแทนเด็กไทยไปเฉิดฉายในรายการใหญ่ระดับโลกดังกล่าวร่วมกัน โดยครั้งนี้จะเลือกประเทศเกาหลีใต้ เป็นสถานที่ไปถ่ายทำรายการ “Youth With You” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมุ่งหวังให้เด็กไทยไปเติบโตอยู่ในวงการ K-POP เท่านั้น เพราะเรามีวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้เด็กไทยสามารถไปเติบโตอยู่ได้ในทุก ๆ วงการบันเทิงระดับโลก รายการ “Youth With You International” จึงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่เราต่างตั้งตารอเห็นผลสำเร็จและผลผลิตที่เกิดขึ้นในตัวน้อง ๆ ทุกคน เพราะในการที่จะเดินบนเส้นทางบันเทิงสายไอดอล มันไม่ใช่เรื่องง่าย ต่างมีบททดสอบมากมายรออยู่ ซึ่งแน่นอนว่ารายการนี้จะเข้มข้น ท้าทาย ตื่นตาตื่นใจไปกับทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นร่วมกันอย่างแน่นอน มารอติดตามความปังในครั้งนี้กันได้ภายในปี 2567 แน่นอนครับ ผมเชื่อมั่นว่าบอยแบนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นมา จะต้องเป็นอีกวงหนึ่งที่ทรงอิทธิพลไปยังวงการบันเทิงระดับทั่วโลกแน่นอนครับ"

โดยครั้งนี้ทางโปรดิวเซอร์จาก SBS ผู้นำด้านวงการบันเทิงแห่งเกาหลี ที่มีชื่อเสียงในด้านการสร้างสรรค์รายการยอดนิยม อย่าง SBS Inkigayo, Running Man และ SBS Gayo Daejeon และอื่น ๆ อีกมากมาย จะมาเป็นผู้ผลิตดูแลรายการ “Youth With You International” ในปี 2567 ครั้งนี้ และจะมาเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกเด็กไทยที่ผ่านเกณฑ์ทั้งเรื่องความสามารถ, ความเชื่อมั่น และการแสดงออกในเรื่องต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมรายการ Youth With You International ด้วยตนเอง เพราะเป้าหมายของการทำ Youth With You ในปีนี้ คาดหวังจะเติบโตไปในระดับโลก และพร้อมที่จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่แบบไม่เคยมีมาก่อน”

สำหรับ Offiine Audition In Thailand ที่ผ่านมา ได้รับเกียรติจาก คุณ Amiee Liu ผู้บริหาร Insight Entertainment บริษัทใหญ่แห่งวงการบันเทิงไทย-จีน และตัวแทนผู้จัดงาน Offline Audition อย่างเป็นทางการในประเทศไทย กล่าวว่า “ทางเรารู้สึกได้รับเกียรติอย่างยิ่ง จากทางผู้บริหาร iQIYI ที่จะได้มีส่วนร่วมผนึกกำลังผลักดันเด็กไทยให้เข้าไปร่วมอยู่ในรายการ Youth With You International เนื่องจากเป็นรายการที่ดีมาก ๆ ในการเปิดโอกาสให้เด็กไทยสามารถไปแสดงความสามารถบนเวทีระดับโลกได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา เด็กไทยมีความสามารถอย่างมาก และมีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างกันออกไป เพียงแต่ขาดโอกาสและเวทีที่จะได้ออกมาแสดงความสามารถของตนเอง ดังนั้นรายการ “Youth With You International” จึงเป็นเวทีที่เป็นโอกาสสำคัญและยิ่งใหญ่ พร้อมซัพพอร์ตให้ทุกความฝันไปสู่ความสำเร็จในจุดสูงสุด อย่างไรก็ดี การ Offline Audition In Thailand ในครั้งนี้ ทาง iQIYI (อ้ายฉีอี้) ได้ร่วมมือกับ Insight Entertainment ในการช่วยกันเฟ้นหาเด็กฝึกจากทั่วโลก สืบเนื่องจาก Insight Entertainment ปัจจุบันดำเนินธุรกิจเพื่อผลักดันผลงานละครไทย รวมถึงเด็กไทยไปเติบโตอยู่ในวงการบันเทิงระดับโลกอยู่แล้ว ดังนั้นการที่ Insight Entertainment ได้รับความร่วมมือจากทาง iQIYI (อ้ายฉีอี้) ต่างก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ ที่จะช่วยเป็นอีกหนึ่งแรงในการผลักดันและเฟ้นหาเด็กไทยอย่างเข้มข้นไปด้วยกัน เพราะที่ผ่านมา Insight Entertainment ก็มีผลงานผลักดันเด็กไทยไปประสบความสำเร็จในระดับ Global มาแล้วด้วย”

สำหรับกรรมการใน Offline Audition In Thailand ยังได้ครูไก่ Harlem Shake (Choreographer และทีมเต้นระดับโลก) ร่วมด้วย คุณโฟร์-ประทีป สิริอิสสระนันท์ (โปรดิวซ์เซอร์มือทองแห่งวงการ TPOP) มาร่วมให้คำชี้แนะกับน้อง ๆ อีกด้วย เนื่องจากเกณฑ์พิจารณาการตัดสินของผู้ที่ผ่านเข้ารอบสมัครออนไลน์มาสู่ Offline Audition จะถูกคัดเลือกให้เป็นตัวจริงในการเข้าร่วมรายการ “Youth With You International” นอกจากจะต้องมีความสามารถเรื่องการร้อง, การเต้นแล้ว เรื่อง Performance ของการแสดงออกบนเวที ก็เป็นหัวใจสำคัญของการเป็นเกณฑ์พิจารณาตัดสินใจในครั้งนี้ด้วย 

นอกจากนี้กรรมการทั้งสองท่านยังกล่าวถึงการมาร่วมเป็นกรรมการผู้ช่วยในการคัดเลือกครั้งนี้ว่ารู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเด็กไทย เพราะได้เห็นแรงผลักดัน ความสามารถของเด็กไทยยุคใหม่ ๆ แล้วรู้สึกว่าไม่แพ้ชาติไหนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ร้อง เต้น แร็ป เพียงแต่เด็กไทยอาจจะต้องเพิ่มความมั่นใจและพัฒนาความเชื่อมั่นให้มากขึ้นด้วย

ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก คุณ Kim Wan Jung โปรดิวเซอร์จาก SBS ผู้รังสรรค์ความยิ่งใหญ่จัดเต็ม “Youth With You International” มาเป็นผู้คัดเลือกหลักในวัน Offline Audition In Thailand ครั้งนี้ด้วย ซึ่งแต่ละคนก็ได้มีโอกาสออกมาแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ก่อนที่จะเข้าไป Offline Audition ไม่ว่าจะเป็นน้อง ๆ นักแสดงอย่าง อินทัช - อินทัช กูรมะสุวรรณ นักแสดงจากซีรีส์ ขอเป็นพระเอกในหัวใจพระเอก หยาง - เพชรเตชินธ์ เพชรศิริพันธุ์ นักแสดงจากซีรีส์ เรื่อง OUR DAYS รักได้ไหมนายไม่ยิ้มโดยทั้งคู่ ให้สัมภาษณ์ว่า “รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ผ่านเข้ารอบจาก Online Audition มาสู่รอบ Offline Audition ครั้งนี้ เพราะแต่ละคนที่มา Audition ล้วนมีความสามารถในด้านการเต้น หลากหลายอย่างมาก กว่าจะเดินทางมาจุดนี้ได้ โดยส่วนตัวต้องเตรียมตัวฝึกซ้อมเรื่องการเต้นมาอย่างดี และคิดว่าถ้ามีโอกาสได้ถูกคัดเลือกผ่านเข้าไปสู่รายการ Youth With You ก็จะช่วยให้ตัวเองถูกพัฒนามากขึ้นในทักษะเรื่องการเต้น ไม่เพียงแต่การมีทักษะด้านนักแสดง เท่านั้น” และยังมีนักแสดงคนอื่น ๆ อีกมากมายที่เข้าร่วม Audition ไม่ว่าจะเป็น ปลาย - ฉัตริน โชติทิฆัมพร จาก 9Naa Production, ป้าน - จิรโชติ โชติทิฆัมพร จาก 9Naa Production, ปอร์เช่ ธนธรณ์ เจริญรัตนพร นักแสดงซีรีส์ My Stand-in ตัวนายตัวแทน จากค่าย YYDS Entertainment, ฟิน - พศิน นิธีธนพร จากซีรีส์ across the sky ลัดฟ้าล่าฝัน ช่อง one31, โฟม - พุฒิกร นิธีธนพร จากซีรีส์ across the sky ลัดฟ้าล่าฝัน ช่อง one31 และ เป็นต่อ - จีรภัทร พิมานพรหม ศิลปิน/นักแสดงจากค่าย Insight Entertainment อดีตสมาชิกวง LAZ1 

บรรยากาศหลังการ Offline Audition เต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกและเต็มไปด้วยพลังของเด็กไทย นอกจากนี้ยังมีผู้เข้าประกวดได้ร่วมบางส่วนได้ร่วมแสดงความสามารถและร่วมสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าวอย่างคับคั่ง ใครจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทย เพื่อก้าวเข้าสู่การแข่งขันระดับโลก มาลุ้นและเป็นส่วนหนึ่งพร้อมกันกับรายการ Survival อันดับหนึ่ง iQIYI Original “Youth With You International” เร็วๆ นี้ ทาง iQIYI (อ้ายฉีอี้)

'พี่เอ้' แนะ!! 4 แนวทาง น่าเรียนรู้จาก 'สูตรเกาหลี'  สร้าง 'ลิซ่า' คนที่ 2 ได้ ด้วยคำว่า 'สูงกว่า-หนักกว่า' 

(1 ก.ค.67) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ 'ดร.เอ้' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'ไทยจะสร้าง 'ลิซ่า' คนที่ 2 ได้ไหม? แล้วจะต้องทำอย่างไร?' ว่า...

ผมตอบ "ได้แน่นอน" เพราะ ผมเชื่อ #คนไทยเก่งไม่แพ้ใครในโลก แต่ว่า ‘มีปัจจัยอื่น’ ที่เราต้องสร้าง ก่อนจะไปถึงจุดนั้น

และก็มีหลายคน ตั้งคำถาม "หากน้องลิซ่า ไม่ไปฝึกฝนที่เกาหลี จะมีวันนี้ไหม" ตอบยากครับ อาจเป็นได้ หรือ ไม่ได้ คงไม่มีใครฟันธง

แต่คำถาม ควรจะเป็นว่า จะทำอย่างไร ให้เด็กไทย ได้ ‘โอกาสการพัฒนา’ ไปได้เต็มศักยภาพ หรือ ทะลุเพดานศักยภาพ เหมือนน้องลิซ่า น่าจะดีกว่า

ผมจึงชวนทุกท่าน ไปสังเกตการทำงานของ ‘เกาหลี’ บ้านอีกแห่งของน้องลิซ่า บอกเลย น่าเรียนรู้ยิ่ง

ผมสังเกตโค้ชกอล์ฟเกาหลี พาเยาวชนมาฝึกกอล์ฟแถวบ้าน โค้ชชี้สั่งเด็ก ๆ ให้พัตต์กอล์ฟ เป็นร้อย ๆ พัน ๆ ลูก กลางแดด พัตต์แล้วพัตต์อีก เด็กเกาหลีก็ก้มหน้าก้มตาซ้อม ไม่มีใครบ่น ไม่มีใครเบื่อ ไม่แปลกที่ทีมกอล์ฟเยาวชนเกาหลี จึงไม่แพ้ใครในโลก เพราะ ‘เด็กเกาหลีมีวินัยสูง’

ตอนผมเรียนที่ MIT สังเกตเห็นเพื่อนเกาหลี ที่เรียนปริญญาเอกด้วยกัน ทำงานจนดึกทุกวัน นั่งเขียนบทความวิชาการ ทั้งที่ MIT ไม่บังคับ แต่การจะกลับไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในเกาหลี เขาต้องมีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับโลก จึงไม่แปลกงานวิจัยเกาหลีล้ำหน้าใครในเอเชีย เพราะ ‘คนเกาหลีต้องทุ่มเท มากกว่าคนอื่น’

ตอนที่ผมทำงานให้สมาคมอุโมงค์โลก สังเกตเห็นวิศวกรและนักวิชาการเกาหลี ขึ้นบรรยายบนเวที ยอมรับว่า ใช้เวลาในการเตรียมตัวมากกว่าชาติอื่น เพราะ Powerpoint ต้องสวย รูปต้องเด่นมาก ทำสุดจริง น่าชื่นชม เพราะ ‘มาตรฐานเกาหลี ต้องสูงกว่าคนอื่น’

และ ชุมชนเกาหลีในอเมริกา ‘เหนียวแน่นมาก’ ทุกครอบครัว นอกจากขยันทำมาหากิน ยังขยันแข่งกัน ‘เลี้ยงลูกให้ดี ให้เก่ง’ จึงไม่แปลกที่ เด็กเกาหลีเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำได้มากกว่าชาติอื่น และจบมาเป็นหมอ เป็นผู้นำธุรกิจ หรือแม้แต่ผู้นำองค์กรระดับโลก 

ความเป็นเกาหลี สะท้อนถึง เรื่องการสร้าง ‘ภาพยนต์ ดนตรี และกีฬา’ เกาหลีจึงพัฒนามาได้ไกลขนาดนี้ และ เราคงเดาได้ว่า น้องลิซ่าก็ได้รับสิ่งดี ๆ จากการไปอยู่เกาหลี ด้วยเช่นกัน

ทั้งหมด จึงจบอยู่ที่ การสร้าง ‘คุณภาพคน’ เพราะ Soft Power ก็มาจากคนในชนชาตินั้น ‘สร้างขึ้นมา’ และ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ก็ไม่ได้หล่นมาจากฟ้า แต่มีรากฐานมาจาก ‘ความขยัน อดทน ไม่ยอมแพ้’ ลองผิดลองถูก จนเห็นผล ของคนในชาติ

ดังนั้นหาก ไทยจะสร้าง น้องลิซ่า คนที่ 2 และคนต่อๆ ไป น่าเรียนรู้จาก ‘สูตรเกาหลี’ มาปรับใช้บ้าง คือ

1. ต้อง ‘อดทน มีวินัยสูงกว่า’
เราก็รู้ว่า ระบบเกาหลี ให้น้องลิซ่าต้องเตรียมพร้อม มาหลายปี กว่าจะได้เริ่มต้น ร่วมวง Blackpink และเขาดูแลวินัย ตีกรอบในการทำงาน และในการใช้ชีวิต มากสุด ๆ แค่ไหน 

ถึงแม้วันนี้ มีเงินและมีชื่อเสียงระดับโลก ยิ่งต้องอดทนและมีวินัย มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ จริงไหม

2. ต้อง ‘ทุ่มเท ทำงานหนักกว่า’
เราชอบว่า ‘เด็กเกาหลีเครียด’ ต้องเรียนหนัก ต้องสอบยาก แต่ถามเถอะ เกิดมาจะไม่ให้ลูกเข้าใจว่า ‘ชีวิตต้องทุ่มเท ต้องทำงานหนัก’ ไม่ให้เข้าใจความเครียดเลยหรือ แล้วจะอยู่ในชีวิตจริง ได้อย่างไร?

แม่ชาวเกาหลี ถูกเรียกว่า ‘Tiger Mom แม่เสือ’ เพราะเคี่ยวเข็ญ ให้ลูกทุกคนทำงานหนัก ช่วยเหลือตนเอง ลูกเลยแข็งแกร่ง อยู่รอด

3. ต้อง ‘แข่งขัน ทำให้ดีกว่า’
คนเกาหลีรู้ว่า ชีวิต คือ การแข่งขัน จึงสอนลูกให้รู้จักแข่งขัน ทำให้ดีกว่า เด็กเกาหลี เล่นกีฬา ร้องเพลง เรียนหนังสือ ก็ทำจริง ไม่ทำเล่น ไม่ยอมแพ้ ดูบอลเกาหลี ก็ดูสนุก เพราะเล่นไม่ยอมแพ้ แม้นาทีสุดท้าย

4. ต้อง ‘มีมาตรฐานสูงกว่า’
วงการดนตรี และภาพยนตร์ของเกาหลี มีมาตรฐานและคุณภาพงาน ไม่แพ้อเมริกา ลองดูเพลง คอนเสิร์ตและมิวสิควิดิโอของน้องลิซ่า ยอมรับเลยว่า เบื้องหลังมาจาก ‘มาตรฐานการทำงาน’ ระดับโลกของแทร่

เพราะมาตรฐานสูง ย่อมสร้างความน่าเชื่อถือ และการยอมรับที่สูงตามไปด้วย

ดังนั้น หากประเทศไทย จะสร้าง ‘คนเก่ง คนดี’ ระดับโลกแบบน้องลิซ่า ให้เกิดขึ้นในบ้านเรา ต้องมุ่งมั่น ‘สร้างคน’ เพราะ การหวังเพียงการโปรโมทประชาสัมพันธ์ อาจเป็นเพียง ‘ฉาบฉวย’ ไม่ใช่แก่นแท้ ประเดี๋ยวก็จางไป 

>> ย้ำ ‘Soft Power’ มาจาก ‘คน’
การพัฒนาคน คือ รากฐานของ Soft Power ที่มั่นคง และไม่มีใครจะแย่งจากเราไปได้ ไม่ใช่เพียง ‘กางเกงช้าง’ ที่ของถูกจากจีน มาแย่งตลาดได้ง่ายดาย แต่คือ ความสามารถ ‘คนไทย ยุคใหม่’ ที่เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก

เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ อ่านแล้วคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง คอมเมนต์บอกเล่าให้พี่เอ้รู้หน่อยนะครับ ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นต่างเราแลกเปลี่ยนกันได้เสมอ จะได้ร่วมกันหาทางผลักดันประเทศไทยไปด้วยกันครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top