Thursday, 26 June 2025
NEWS FEED

'พีระพันธุ์' เปิดงาน 'เทศกาล แสง สี สิงห์' ประจำปี 2567 จังหวัดสิงห์บุรี บรรยากาศย้อนยุค ชมหนังกลางแปลง การแสดงหนังใหญ่วัดสว่างอารมณ์

เมื่อวานนี้ (25 ต.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิดเทศกาล 'แสง สี สิงห์' ประจำปี 2567  

จัดขึ้นโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดสิงห์บุรี, สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรี และเอกชน ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรีหลังเดิม ร.ศ.130 

โดยมี นายสุเมธ ธีรนิติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวต้อนรับ-นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวความร่วมมือ-นายวัชรินทร์ เรืองฤทธิ์กูล นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรี ประธานคณะอำนวยการจัดงาน กล่าวรายงาน วัตถุประสงค์การจัดงาน 

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเมืองรองของจังหวัดสิงห์บุรี ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ณ บริเวณศาลากลางหลัง เดิม ร.ศ.130   

ภายในงานประกอบด้วย งานแสดงสินค้าจากชุมชน, คอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้อง, ย้อนบรรยากาศยุคเก่าชมภาพยนตร์กลางแปลง, การแสดงหนังใหญ่วัดสว่างอารมณ์, ชมดนตรีรีไซเคิลจากน้อง ๆโรงเรียนสิงห์บุรี, การแสดงดนตรีจากน้องๆเยาวชน ตลอดการจัดกิจกรรม มีการประดับประดาไฟสีสันสวยงาม 

สงขลา-วันแรกหมดอายุความคดีตากใบ 4 วันอันตรายชายแดนใต้ หวั่นมีเหตุการณ์รุนแรง นายกฯขอโทษ ไม่ทำให้เหตุการณ์ลดลง แม่ทัพภาค 4 สั่งคุมเข้ม ห้ามกำลังทหารลากิจ-ลาป่วย

จากกรณีที่อายุความผู้ต้องหาคดีตากใบ 14 คน จะหมดอายุความเวลา 24.00 น.ในวันที่ 25 ต.ค.67 ไม่สามารถนำผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับทั้ง 14 คนเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมได้

(26 ต.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่าสถานการณ์วันสุดท้ายคดีตากใบหมดอายุความ ถึงแม้เมื่อคืนได้ผ่านเหตุร้ายไปได้  เพราะมีกำลังเจ้าหน้าที่อยู่ทุกเต็มพื้นที่ จึงไม่มีกองกำลังติดอาวุธก่อเหตุร้ายเคลื่อนไหวก่อเหตุได้

นายไชยยงค์ กล่าวว่า มีแหล่งข่าวในพื้นที่แจ้งเตือนในช่วงวันที่ 24-28 ต.ค. กองกำลังติดอาวุธจะก่อเหตุใน อ.เมืองนราธิวาส เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ตำบลรอบนอกอาทิ ต.ลำภู กะลุวอ กะลุวอเหนือ บางปอและ ต.มะนังตายอ และจุดตรวจและฐานปฏิบัติการณ์

นายไชยยงค์ ยังกล่าวอีกว่า มีข่าวจากแหล่งข่าวมีการขนระเบิด 2 ลูกเข้าทาง อ.ตากใบ มาพักคอยใน อ.เมืองนราธิวาส ประกอบระเบิดในรถยนต์หรือรถ จยย. ก่อเหตุคาร์บอมม์ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นราธิวาสตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีมาตรการเฝ้าระวังเข้มข้น พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาค 4 สั่งการให้กำลังทหารห้ามลาป่วย ลากิจเด็ดขาด รักษาความสงบเรียบร้อยในชายแดนใต้

นายไชยยงค์ ยังกล่าวต่ออีกว่า บีอาร์เอ็นใช้ยุทธการเดิมคือยุทธการควบคู่กันไป  คือฉวยโอกาสการก่อการร้าย และประสานปีกทางการเมืองของขบวนการในพื้นที่จัดกิจกรรม เคลื่อนไหวทางการเมืองของขบวนการ บีอาร์เอ็น ที่ต้องการปลุกระดมมวลชนต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐและแสดงเชิงสัญลักษณ์ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น มีการจัดกิจกรรม เช่น เสวนาระลึกวีรชนตากใบ ฉากหนังสั้นตากใบ ตากใบลมหายใจที่ลอยนวล

“ต้องการสื่อให้สังคมโลกโดยเฉพาะสังคมมุสลิมรับทราบว่า คนมุสลิมในประเทศไทยได้รับความอยุติธรรม”

นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีออกมาขอโทษและแสดงความเสียใจมีการวิพากวิจารย์กันว่าไม่ทำให้เหตุการณ์ความรุนแรงลดลง แต่เขาต้องการความยุติธรรม ต้องการรัฐบาลเพื่อไทยนำผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับทั้ง 14 คน ขึ้นศาลเพื่อให้ศาลไต่สวน ให้คดีจบด้วยขบวนการของศาล ไม่ทำให้เหตุการณ์ร้ายลดลง เพราะประเด็นเรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีและมาเกิดในสมัยนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกของคุณทักษิณ สังคมบอกว่าทั้งพ่อทั้งลูกไม่ได้อำนวยความเป็นธรรมให้กับผู้สูญเสีย

นายไชยยงค์ กล่าวอีกว่า มีข่าวจากหน่วยความมั่นคงว่าก่อเหตุร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนไม่ได้ ก็จะถือโอกาสนำระเบิดมาก่อเหตุใน จ.สงขลา โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจได้แก่ อ.หาดใหญ่ เมือง และ อ.สะเดา หากป้องกันเมืองไม่ได้จะทำให้เศรษฐกิจทรุดลงอีก และ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลา ได้แก่ อ.นาทวี เทพา จะนะ และ อ.สะบ้าย้อย ขณะนี้ทราบว่าได้มีการยกระดับมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังขั้นสูงสุดแล้ว

นราธิวาส-แม่ทัพลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ กำชับเจ้าหน้าที่ ตื่นตัว รู้ทัน ป่วนสร้างสถานการณ์ สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนพื้นที่ตากใบ - สุไหงโก-ลก ยาวไปจนถึงสงขลา

เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 25 ตุลาคม 2567 พลโท ไพศาล  หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามด่านตรวจ จุดตรวจ และเจ้าหน้าที่ป้องกันชายแดน ในพื้นที่อำเภอตากใบ และอำเภอสุไหงโก-ลก ของจังหวัดนราธิวาส ทั้งแนวชายแดน เขตรอยต่อทางบกและทางน้ำ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ และสร้างความเชื่อมั่นในความมั่นคงปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน หลังมีกระแสและข่าวลือถึงความพยายามเข้ามาก่อเหตุก่อกวน สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความสับสนระแวง ไม่สบายใจถึงความปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ทุกส่วนทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตลอดจนฝ่ายกำลังพลเรือนก็ได้ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อควบคุมดูแลพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง ตามนโยบายของ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 

โดยแม่ทัพภาคที่ 4 และคณะ ได้เดินทางไปยังจุดตรวจยูงทอง ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นจุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจและพลเรือน จุดตรวจสถานีตำรวจภูธรตากใบ และกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 4 กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย เกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยได้ตรวจตราความเรียบร้อยระบบการทำงานของ CCTV ระบบป้องกันภัย ไฟส่องสว่างทั่วบริเวณ ตลอดจนแนวชายแดน ไทย - มาเลเซีย และล่องเรือสำรวจทางน้ำตลอดเส้นทางลำน้ำโก-ลก ก่อนแม่ทัพภาพที่ 4 และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังพื้นที่ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา 40

แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กำชับต่อเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ให้ตรึงเข้มมาตรการในการดูแลพื้นที่อย่างเข้มงวด รู้ทันเหตุและตื่นตัวในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ  เพื่อหยุดยั้งการกระทำของผู้ไม่หวังดี ที่อาจจะเข้ามาก่อกวนสร้างความสับสนวุ่นวายในพื้นที่ได้ โดยเฉพาะด่านตรวจ จุดตรวจ เฝ้าสังเกตุสิ่งผิดปกติ ยานพาหนะ บุคคต้องสงสัย โดยจะต้องบูรณาการร่วมของเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้มีอิสระในการก่อเหตุ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้งได้สร้างความความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจนประชาชน จึงต้องเพิ่มความรอบคอบมากยิ่งขึ้น และในช่วงของคืนวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวันที่คดีตากใบจะหมดอายุความ อาจมีการปลุกปั่นสร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชน หวังทำลายความสงบสุขในพื้นที่

‘รองนายกฯประเสริฐ’ ชี้ AI เครื่องมือสำคัญขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเติบโต ปลุกทุกฝ่ายร่วมกันยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ 

เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานในพิธีเปิดและปาฐกถาพิเศษ 'แนวรบประเทศไทยยุค AI 'New Business to New Economy' วิสัยทัศน์จากผู้นำองค์กรชั้นนำ' ในงานสัมมนาเชิงกลยุทธ์ Battle Strategy 'เศรษฐกิจยุค AI โอกาสของไทยและความเสี่ยง The AI Economy: Opportunity and Threat for Thailand' ซึ่งจัดโดยบริษัท เอสซีบี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน)  หรือ เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) และพันธมิตรชั้นนำว่า  งานสัมมนานี้เป็นเวทีสำคัญยิ่งในการระดมสมองจากผู้นำหลากหลายภาคส่วน เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางและวางรากฐานอันมั่นคงให้กับประเทศไทย  ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งยวดต่อเศรษฐกิจและสังคมโลก  โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่  เทคโนโลยี AI ได้เข้ามา Disrupt  ทุกอุตสาหกรรม  ธุรกิจ  และวิถีชีวิตของผู้คน  การปรับตัวให้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้จึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง

"AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 3 ภาคส่วนหลัก  ได้แก่ ภาคการผลิต การนำ AI มาประยุกต์ใช้ในภาคการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต  ลดต้นทุน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ภาคการดูแลสุขภาพ ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งนำมาซึ่งความท้าทายด้านการดูแลสุขภาพ AI จะมีบทบาทสำคัญในการยกระดับระบบการดูแลสุขภาพของประเทศ  ด้วยเทคโนโลยีการวินิจฉัยโรคด้วย AI การแพทย์ทางไกล และการรักษาแบบเฉพาะบุคคล  ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ แม่นยำ และรวดเร็ว ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา และภาคการเกษตร  ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม  มีประชากรจำนวนมากประกอบอาชีพเกษตรกร  AI จะเข้ามาช่วยพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศ  เพิ่มผลผลิต  และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร  ด้วยเทคโนโลยีการเกษตรแม่นยำ  การตรวจสอบพืชผลด้วย AI  และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน" นายประเสริฐ กล่าว 

ด้านนายชาญชัย สงวนวงศ์ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ ระบุว่า การจัดเวทีสัมมนานี้ ถือเป็นการจัดขึ้นเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ มุมมองด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในปีนี้ประเทศไทยและทั่วโลกเผชิญกับความท้าทาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของโลกอย่างรวดเร็ว และกำลังกลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม การเงินการลงทุน การแพทย์สาธารณสุข หรือแม้กระทั่งการดำเนินชีวิตประจำวัน AI ได้เริ่มเข้ามามีบทบาท และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ยกระดับความสะดวกสบาย และสร้างสรรค์นวัตกรรมล้ำสมัยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

สำหรับประเทศไทย การมาถึงของยุค AI นับเป็นทั้งโอกาสอันมหาศาลและความท้าทายที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือ โอกาสในการนำ AI มาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าและบริการ และแก้ไขปัญหาสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัวให้เท่าทันต่อวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

ขณะที่ นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)  ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ขององค์กรในประเด็น ‘AI-first Organization’  โดยมองว่า ในยุคปัจจุบัน AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกองค์กร ไม่เว้นแม้แต่ ‘สถานบันการเงิน’ ใช้ AI ในหลายด้านทั้งการทำความเข้าใจ การวิเคระห์ความสามารถในการขอสินเชื่อของลูกค้า และเมื่อเทคโนโลยีมาถึงจุดที่พัฒนาขีดความสามารถ SCBx ก็มีการนำมาใช้ในหลากหลายด้าน อาทิ การให้ AI เข้าไปตรวจบัญชีตามสามารถ ก็ทำให้ลดต้นทุนขององค์กร ทั้งในเรื่องของบุคลากร และเวลาในการทำงาน อีกทั้งมีความแม่นยำ และรวดเร็วมากขึ้น 

ส่วนการพัฒนาบุคลากรที่ถูก AI เข้ามา Disrupt  ในระบบการทำงาน  SCBx ได้ให้พัฒนากว่า 20,000 คนได้เรียนรู้การใช้ AI ในการทำงานภายในองค์กร ภายใต้แนวคิดที่ว่า ‘ทุกคนมีโอกาสที่จะอยู่กับ AI แทนที่จะกลัวและซ่อนงานไว้ ไม่เช่นนั้นงานขององค์กรก็ขยับไม่’

นอกจากนี้ กิจกรรมภายในงาน ยังสัมภาษณ์พิเศษ ผู้บริหารระดับสูงจาก Google Cloud ประเทศไทย และ Microsoft (ประเทศไทย) ร่วมเสวนาในหัวข้อ ‘AI Cloud: The Key to Unlocking Future Achievements’ และ ‘ความพร้อมของธุรกิจไทยกับ AI Opportunity’ เพื่อเปิดมุมมองของบริษัทไอทีชั้นนำของโลกถึงศักยภาพของเทคโนโลยีคลาวด์ AI และโอกาสของธุรกิจไทย

รวมถึงมุมมองจาก นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม บรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘Intelligent Economics: Leveraging AI Amid Climate Challenges’ ซึ่งนำเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้ AI ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน ‘คาร์บอนเครดิต’

‘หนูนา ศิลปอาชา’ เผยโครงการ ‘โรงช้างตกมัน’ มูลค่ากว่า 5.6 ล้าน เน้น!! ให้ช้างมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ต้องถูกผูกอยู่กับหลัก พร้อมใช้ได้ปีหน้า

(26 ต.ค. 67) นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ โครงการ ‘โรงช้างตกมัน’ โดยมีใจความว่า ...

โรงช้างตกมันที่ดิฉันจะสร้างให้ช้างเพศผู้ของคชบาลบนพื้นที่ 5 ไร่ในคชบาล ..เพื่อว่า ในยามที่ช้างตกมันจะได้ไม่ต้องถูกผูกหลักอยู่กับที่ยาวนานหลายเดือน…

อย่างเช่นศักดิ์สุรินทร์..ตอนช่วงตกมัน ต้องถูกผูกอยู่กับหลักถึงประมาณเกือบ 5 เดือน…ทำให้ขาข้างที่มีปัญหาต้องกลับไปฟื้นฟูใหม่ …

การมีโรงช้างเช่นนี้ จะทำให้ช้างเดินได้อย่างอิสระในบริเวณที่กำหนดตลอดช่วงตกมัน ..(เมื่อหายตกมัน ก็ออกมาใช้ชีวิตปกติ)…

โรงช้างนี้..จะแบ่งเป็น 2 คอกกักแยกกัน อยู่ได้พร้อมกันทีละ 2 เชือก…

มีแอ่งน้ำ มีที่ที่จะเอาอาหารไปให้ และมีที่ที่จะให้หมอเข้าตรวจสุขภาพได้อย่างปลอดภัย …

วันนี้โรงช้างดังกล่าว มูลค่า 5,650,000 บาท ผู้รับเหมาจะเริ่มลงมือสร้างแล้ว และจะเสร็จไม่เกิน 25 มีนาปีหน้า …

ถ้าใช้แล้วได้ผลดี.. ดิฉันก็ยินดีสร้างให้อีก เพราะช้างเพศผู้ของคชบาลมีเกือบ 30 เชือกถ้าจำไม่ผิด…

พวกเขาจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีแม้ยามตกมันค่ะ…

'นายกแพทองธาร' สั่งพาณิชย์ดึงทุกหน่วยงาน ตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพและธุรกิจต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย เร่งเคาะนโยบาย-มาตรการเร่งด่วน ลดผลกระทบผู้บริโภค

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากการเข้ามาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศ ทำให้สังคมมีความกังวลว่าผู้บริโภคในประเทศจะได้รับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งเข้ามาขายในประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จนเกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค และผู้ประกอบการ SME ของไทย โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จะประกอบไปด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรองประธานกรรมการ และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่สำคัญ อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 

คณะกรรมการชุดดังกล่าว มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดนโยบายและมาตรการที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ในการหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานจากต่างประเทศกับภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดเป็น 5 มาตรการหลัก 63 แผนปฏิบัติการ ได้แก่ 1.ให้หน่วยงานรัฐบังคับใช้ระเบียบ/กฎหมายอย่างเข้มข้น 2.ปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการค้าอนาคต 3.มาตรการด้านภาษี 4.มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ไทย และ 5. สร้าง/ต่อยอดความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ปัญหาสินค้านำเข้าสู่ตลาดที่ไม่ได้มาตรฐานและราคาต่ำ ในการป้องกันและกำกับดูแล ทั้งสินค้าและธุรกิจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายควบคู่กับการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ SMEs และ e-Commerce ไทยปรับตัวได้ในโลกการค้ายุคใหม่ ควบคู่ไปกับการสร้างความสมดุลระหว่างระเบียบการค้าโลก คำนึงถึงความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดของประชาชน

นายพิชัยกล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ห่วงใยต่อปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานและธุรกิจต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปช่วยแก้ปัญหา โดยขับเคลื่อนผ่านกลไกภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อดำเนินการเชิงรุกในการติดตามและเร่งรัดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และตั้งเป้าให้มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนภายใน 3 เดือนและนัดแรกจะจัดประชุมในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าภายใต้คณะกรรมการดังกล่าวเพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคการดำเนินงาน พร้อมทั้งพิจารณามาตรการทั้งในการป้องกันและส่งเสริมเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป

ผู้สื่อข่าวระบุว่า เมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุน ไทย-จีน และขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งได้เร่งรัด TEMU จัดตั้งบริษัทในไทยโดยเร็ว และขอให้จีนช่วยกำกับดูแลมาตรฐานสินค้าส่งออกที่มีให้เข้มข้นและประชาสัมพันธ์ข้อกำหนดเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้านำเข้าของไทยให้แก่ผู้ประกอบการจีนด้วย ทั้งนี้ ทางการจีนยินดีให้ความร่วมมือกับไทยเต็มที่ เพื่อความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศ และยินดีสนับสนุนผู้ประกอบการไทย และSMEs เข้าไปเปิดตลาดขายสินค้าในจีน ทั้งผ่านงานแสดงสินค้าและช่องทางออนไลน์

มุกดาหาร​ -​นรข.มุกดาหาร ยึดยาบ้าข้ามโขง 3.6 ล้านเม็ดพร้อมรถยนต์

เมื่อวันที่ (25 ต.ค.67​) นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร  พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง(นรข.) และ พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ร่วมแถลงข่าว จับกุมยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) จำนวน 3,600,000 เม็ด ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม น.ท.เตชธร ฉิมพาลี หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาในพื้นที่ อ.เมือง  จ.มุกดาหาร จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการสถานีเรือมุกดาหาร พร้อมทั้งประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อบูรณาการปฏิบัติร่วมกัน วางแผนในการสกัดกั้นและจับกุมโดยการเฝ้าสังเกตการณ์ และจัดวางกำลังตามเส้นทางคมนาคมที่คาดว่าผู้กระทำผิดจะใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนี จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. ชุดเฝ้าตรวจบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงได้ยินเสียงเรือแล่นเข้ามาบริเวณฝั่งระยะห่างจากจุดซุ่ม ประมาณ 300 เมตร

พร้อมกับได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งมาบริเวณดังกล่าว ชุดซุ่มเฝ้าตรวจจึงได้นำกำลังเข้าไปบริเวณดังกล่าว และสังเกตเห็นว่ามีการลำเลียงกระสอบขึ้นรถยนต์ยี่ห้อ ISUZU รุ่น MU X สีขาวทะเบียน ขก 7917 อุดรธานี จากนั้นรถยนต์คันดังกล่าวได้เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เรือลำเลียงก็ได้วิ่งกลับฝั่ง สปป.ลาว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไล่ติดตามรถยนต์เพื่อจะขอตรวจค้น แต่รถยนต์คันดังกล่าวเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งเครื่องขับหลบหนี กระทั่งต่อมาได้ติดตามพบรถต้องสงสัยคันดังกล่าวจอดทิ้งไว้บริเวณริมถนนติดกับสวนยางพารา ริมทางสาธารณะบ้านหนองโจด ม.13 ต.บ้านโคก อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร จึงได้เข้าเข้าตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว พบกระสอบสีขาว จำนวน 9 กระสอบ อยู่ที่ด้านหลังตัวรถ เมื่อเปิดกระสอบบอกดูพบยาบ้าจำนวน 3,600,000 เม็ด จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ผึ่งแดด เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลและติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

#ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

อดีตรัฐมนตรีไทยจวก 'บริงเคน' ผิดมารยาททางการทูตไม่ให้เกียรติประเทศไทย ย้ำไทยไม่ใช่เมืองขึ้นหรือลูกไล่ของอเมริกา

นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรี และ ส.ส.หลายสมัย เขียนข้อความใน เฟซบุ๊กวันนี้อย่างน่าสนใจมีชื่อเรื่องว่า“มีมารยาทหน่อย คุณบริงเคน !!!

ประเทศไทยไม่ใช่เมืองขึ้นหรือลูกไล่ของอเมริกา!!! ”กรณีนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐสอบถามการสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทยระหว่างการหารือทวิภาคีกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยมีข้อความดังนี้
(เฟซบุ๊ก 'อลงกรณ์ พลบุตร')

“มีมารยาทหน่อย คุณบริงเคน !!!
ประเทศไทย
ไม่ใช่เมืองขึ้นหรือลูกไล่ของอเมริกา!!!

ติดตามข่าวที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรี ไปประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (BRICS Plus Summit) ครั้งที่ 4 ในหัวข้อ “BRICS and the Global South: Building a Better World Together” ณ เมืองคาซานของรัสเซียที่เป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 24 ต.ค.2567

ในเนื้อข่าวการประชุมบริกส์(BRICS)ที่“นสพ.กรุงเทพธุรกิจ”นำเสนอยังมีข่าวการให้
สัมภาษณ์นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เปิดเผยว่า “ระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 9-11 ต.ค.2567 ที่ประเทศลาว ได้มีการหารือทวิภาคีระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โดยสหรัฐได้สอบถามการสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย“

สะดุดใจขัดใจตรงข่าวนายบริงเคน!!!

ในฐานะที่ผมเคยเป็นรัฐมนตรีที่กำกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเคยร่วมประชุมพหุภาคีในเวทีเอเปค(APEC)และอาเซียน(ASEAN)และการเจรจาทวิภาคีกับหลายประเทศหลายครั้งรวมทั้งการเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐ(USTR)ที่กรุงวอชิงตันดีซี พอเข้าใจมารยาททางการฑูตและธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศจึงรู้สึกขัดใจต่อท่าทีนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐที่ตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรีของไทยเกี่ยวกับการสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย

ผมคิดว่าเป็นคำถามที่ไม่ควรถามถือเป็นการผิดมารยาทไม่ให้เกียรติประเทศไทย
นายบริงเคนรู้อยู่แล้วถึงเหตุผลที่ประเทศไทยสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์เพราะกระทรวงการต่างประเทศของไทยเคยออกข่าวชี้แจงมาแล้วหลายครั้งตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาแต่ทำไมยังมาตั้งคำถามในระหว่างการหารือทวิภาคีอีกและเป็นคำถามแบบมีนัยยะที่ไม่สมควร
(หากผมเป็นคู่เจรจาคงได้สวนกลับทันทีแบบผู้ดีให้จำไปจนวันตาย ผู้แทนอียูเคยเจอมาแล้ว)

การตัดสินใจของประเทศไทยเรื่องบริกส์เป็นเอกสิทธิ์ของเรา ประเทศใดจะพอใจหรือไม่พอใจก็สุดแล้วแต่ แต่จะมาแสดงออกถึงความไม่พอใจด้วยการตั้งคำถามแฝงความกดดันแบบนี้ถือว่าผิดธรรมเนียมปฏิบัติทางการฑูต ไม่ให้เกียรติกัน

ประเทศไทยกับสหรัฐเป็นมิตรกันมากว่า100ปีต้องเคารพและให้เกียรติกันและกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเอกราชและเกียรติภูมิ ไม่ใช่เมืองขึ้นหรือลูกไล่ของอเมริกา

หวังว่านายบริงเคนหรือรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐคนต่อไปอย่าผิดมารยาทแบบนี้กับประเทศไทยอีกโดยเด็ดขาด

อลงกรณ์ พลบุตร
25 ตุลาคม 2567

'มาริษ' กล่าวถ้อยแถลง บนเวที BRICS Plus Summit  ย้ำไทยพร้อมเป็นตัวเชื่อมระหว่าง BRICS กับกลุ่มอื่น ๆ 

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำระหว่างกลุ่มประเทศ BRICS กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา หรือ BRICS Plus Summit ครั้งที่ 4 ณ Kazan Expo เมืองคาซาน รัสเซีย ในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรี

รัฐมนตรีต่างประเทศ  ได้กล่าวถ้อยแถลงในโอกาสดังกล่าว โดยเน้นความสำคัญของการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบพหุภาคีที่สมดุลและเป็นประโยชน์ต่อประเทศกําลังพัฒนามากขึ้น พร้อมเน้นย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการยกระดับการมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่ม BRICS และเชื่อว่าไทยจะเป็นตัวเชื่อมระหว่าง BRICS กับกลุ่มอื่น ๆ อาทิ ASEAN APEC BIMSTEC และ ACD ได้เป็นอย่างดี 

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้เสนอให้มีการหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาปัตยกรรมทางการเงินระหว่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับประเทศกําลังพัฒนามากขึ้น โดยได้เชิญสมาชิก BRICS เข้าร่วม high-level discussions on the financial architecture ซึ่งไทยในฐานะประธาน ACD จะจัดขึ้นในปีหน้าด้วย

‘โฟกัส ทัศฏาภรณ์’ มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 15 ปี พาทีมชาติไทย U17 ถล่ม ‘บรูไน’ หลังจบเกม ก้มกราบทั้งน้ำตา เผย!! นี่เป็นครั้งแรกที่ มีแม่มายืนเชียร์ข้างสนาม

(26 ต.ค. 67) ในวันที่ความฝันเริ่มเป็นจริง ‘โฟกัส’ ทัศฏาภรณ์ พึ่งกุศล มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัยเพียง 15 ปีจากโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ได้สวมชุดทีมชาติไทย U17 ลงสนามครั้งแรกในชีวิต ทำไป 2 ประตู ในเกมถล่มบรูไน 19-0 ศึก เอเชียน คัพ 2025 รอบคัดเลือก ซึ่งเป็นวันที่เขาไม่คาดฝันเลยว่าจะมีคุณแม่ สกาวเดือน ทองน้อย มาเชียร์อยู่ข้างสนามด้วย

บ้านของโฟกัสนั้นฐานะยากจน แม่เป็นเสาหลักเพียงคนเดียวที่เลี้ยงครอบครัว เขาได้รับเงินจากแม่มาแค่ 200 บาทสำหรับใช้ในแคมป์ทีมชาติ 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมาแม่ไม่ได้มีโอกาสมาดูลูกเตะให้กับโรงเรียนมาก่อนเพราะไม่มีค่ารถ แต่ครั้งนี้ ‘โค้ชแชมป์’ พฤทธิคุณ สุนทรนนท์ กุนซือและศิษย์เก่าวัดสุทธิวราราม พร้อมทีมศิษย์เก่า ได้รวมพลังกันพาแม่ของโฟกัสมาเซอร์ไพรส์ขอบสนามโดยไม่บอกล่วงหน้า

หลังจบเกม โฟกัสได้เจอแม่เขาเป็นครั้งแรกข้างสนาม เขาก้มลงกราบเท้าทั้งน้ำตา น้ำตาที่เต็มไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ แม่ที่อดทนทำงานหนักมาทั้งชีวิตเพื่อลูกชาย ได้เห็นความสำเร็จในก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ของลูกตัวเอง

เรื่องราวของโฟกัสยังสะท้อนถึงความพยายามอย่างยิ่งยวดของเขา รองเท้าสตั๊ดที่เขาใส่ลงสนามเป็นของรุ่นพี่ที่ยืมมา เพราะคู่ของเขาขาดยังไม่มีเงินไปซ่อม โค้ชแชมป์ไม่รอช้า ติดต่อแบรนด์ ZETA SPORTS เล่าถึงความมุ่งมั่นของน้องโฟกัส จนแบรนด์ใจดีมอบสตั๊ดคู่ใหม่ให้ใส่ฟรีตลอดชีวิต

ในวันนั้น แม้แม่จะมีของฝากมาเพียงแค่แชมพูกับสบู่ แต่มันคือของขวัญที่มีค่าที่สุดสำหรับโฟกัส เพราะกำลังใจจากแม่มีค่ายิ่งกว่าอื่นใด โฟกัสยังมีเส้นทางชีวิตอีกยาวไกล แต่ในวันนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าความมุ่งมั่นและการต่อสู้กับอุปสรรคจะพาเขาไปถึงฝั่งฝันแน่นอน

จงสู้ต่อไป ซ้อมให้หนัก และรักษาเนื้อรักษาตัวไว้ อนาคตที่สดใสกับทีมชาติไทยรออยู่ข้างหน้าแน่นอน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top