Wednesday, 25 June 2025
NEWS FEED

‘ลุงจรูญ’ ยังไว้ใจ ‘ทนายตั้ม’ ทำคดีต่อ ชี้ เป็นปัญหาส่วนตัวไม่ขอก้าวก่าย

‘ลุงจรูญ’ หวย 30 ล้าน เปิดใจยังไว้ใจ ‘ทนายตั้ม’ ทำคดีฟ้องกลับ ยืนยันไม่เคยถูกเรียกเงินเพิ่มเหมือนอย่างที่หลายคนโจมตี พร้อมไม่ขอก้าวก่ายปัญหาส่วนตัว

หลังจากที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ‘ทนายตั้ม’ กำลังถูกคู่กรณีหลายฝ่ายออกมาให้ข้อมูลเชิงลบ ทั้งเรื่องของการโอนเงิน 71 ล้านบาท จากเจ๊อ้อย รวมถึงถูกอดีตคู่กรณีหลายคน ออกมาแฉพฤติกรรมไม่เหมาะสม

ล่าสุดผู้สื่อข่าว ได้มีโอกาสพูดคุย กับร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล หรือ ‘ลุงจรูญ’ ที่ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ในคดีหวย 30 ล้านกับทนายตั้มมายาวนานกว่า 7 ปี จนชนะคดีไปแล้ว และยังเหลือคดีฟ้องกลับที่ยังมีการฟ้องร้องกันอยู่นั้น

โดยลุงจรูญ กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวที่ทนายตั้มโดนโจมตี อยู่ในขณะนี้ ตนเองก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับทนายตั้ม ที่เดินทางมาว่าความให้ตนเองเมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งทางทนายตั้มก็ยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกเครียดหรือหนักใจอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองก็ได้แต่สอบถามว่ายังไหวหรือไม่ ซึ่งทนายตั้มก็ยืนยันกับตนเองว่าไม่มีปัญหาอะไร ไม่น่าหนักใจอะไร ส่วนเรื่องรายละเอียดนั้นตนเองก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายมาก

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการทำคดีหวย 30 ล้าน ซึ่งทนายตั้มเป็นทนายให้กับลุงจรูญมาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้กว่า 7 ปีแล้วนั้น ลุงจรูญยืนยันว่า การให้ทนายตั้มมาเป็นทนายให้ มีการพูดคุยตกลงราคากันไว้ตั้งแต่เริ่มแรก โดยไม่ได้มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอะไร แต่ทนายตั้มก็ไม่ได้มีการเรียกเงินเพิ่ม หรือคิดเงินส่วนต่างใดๆเพิ่มเติมจากที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก ซึ่งสำหรับตนเองแล้ว ถือว่าทนายตั้มเป็นคนรักษาสัญญาลูกผู้ชาย และตนเองยังยืนยันว่า ในส่วนของคดีที่จะฟ้องกลับคู่กรณี ในคดีหวย 30 ล้าน ทำคดีให้กับตนเองต่อไป ไม่มีความคิดจะเปลี่ยนแปลงทนายความ อย่างแน่นอน

'ลูเวิน' ทีมลีกเบลเยียม ยุติสัญญายืมตัว 'ศุภณัฏฐ์' คืนต้นสังกัด 'บุรีรัมย์' คาดจะถูกส่งลงเล่นถ้วยเอเชียทันที

(1 พ.ย. 67) โอเอช ลูเวน ทีมในลีกสูงสุดของเบลเยียม ประกาศยุติสัญญายืมตัว “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้าทีมชาติไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย

ดาวยิง วัย 22 ปี ได้กล่าวอำลาเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอล หลังจากลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับ โอเอช ลูเวิน ในเกมเปิดบ้านชนะ อาร์เอฟซี เซแร็ง ในศึกฟุตบอลถ้วย โครกี้ คัพ ที่ คิง เพาเวอร์ แอท เดน ดรีฟ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา

ศุภณัฏฐ์ ย้ายมาอยู่กับ โอเอช ลูเวน ทีมจูปิแลร์ลีก เบลเยียม เมื่อเดือนกันยายน 2023 ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล ก่อน โอเอช ลูเวิน ยื่นข้อเสนอต่อสัญญายืมตัวอีก 1 ฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2024/25 ศุภณัฏฐ์ ได้รับโอกาสลงสนามในลีกเพียง 61 นาที ก่อนตัดสินใจร่วมกันยกเลิกสัญญาด้วยดีทั้งสองฝ่าย

ศุภณัฏฐ์ ลงสนามให้ ลูเวน ไป 17 เกม ยิงไป 1 ประตู ตลอด 2 ฤดูกาลกับทีม โดยล่าสุดเจ้าตัวถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริง ในฟุตบอลโครกี้ คัพ รอบ 32 ทีมสุดท้าย ที่ชนะ เซแร็ง 2-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา

สำหรับ “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้าทีมชาติไทย จะกลับมาเล่นให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดอีกครั้ง และจะสามารถลงเล่นในเกม ACL Elite ได้ทันที

เรือยาวมังกรทีมชาติไทย คว้าเหรียญทอง เรือมังกรชิงแชมป์โลก ICF 2024 ได้โควต้าชิงแชมป์โลก 2025 ประเทศจีน

นักกีฬาเรือยาวมังกรทีมชาติไทย 'ผงาดคว้าเหรียญทอง' การแข่งขันเรือยาวมังกรชิงแชมป์โลก ICF 2024 และคว้าโควต้า เข้าสู่การแข่งขันเรือมังกรชิงแชมป์โลก The World Games 2025 

หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ขอแสดงความยินดีกับ กำลังพลของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ที่เข้าเป็นตัวแทน การแข่งขันกีฬาเรือยาวมังกร ในนามทีมชาติไทย ที่ได้คว้าโควต้า Qualifier ในมหกรรมกีฬาเวิลด์เกมส์ 2025 (The World Games) ที่จะจัดขึ้นในเมืองเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 7 - 17 สิงหาคม 2568 ได้สำเร็จ

โดยคิดคะแนนรวมประเภทเรือ 10 ฝีพายผสม (ระยะ 2000 /500/200) และในการแข่งขันครั้งนี้ มีทีมที่ได้รับโควต้าผ่านเข้าสู่การแข่งขันเรือมังกรชิงแชมป์โลก The World Games 2025 จำนวน 2 ทีม เท่านั้น ซึ่งทีมชาติไทยคะแนนรวมเท่ากับทีมชาติอินโดนีเซีย และคว้าโควต้า สู่มหกรรมกีฬาเวิลด์เกมส์ 2025 (The World Games) ในปีถัดไป โดยมีผลการแข่งขัน ดังนี้

คว้า 3 เหรียญทอง 
- ประเภทเรือ 10 ฝีพายผสม ระยะ 2000 เมตร
- ประเภทเรือ 8 ฝีพายทั่วไป ระยะ 200 เมตร
- ประเภทเรือ 8 ฝีพายทั่วไป ระยะ 500 เมตร

คว้า 2 เหรียญเงิน 
- ประเภทเรือ 10 ฝีพายผสม ระยะ 500 เมตร
- ประเภทเรือ 8 ฝีพายทั่วไป ระยะ 2000 เมตร

คว้า 1 เหรียญทองแดง
- ประเภทเรือ 10 ฝีพายผสม ระยะ 200 เมตร 
มีรายชื่อ เจ้าหน้าที่ทีมและนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 5 นาย ดังนี้
1. เรือโท พรชัย เทศดี สังกัด ศูนย์การฝึกต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (เจ้าหน้าที่ทีม)
2. เรือตรี เกษมสิทธิ์ บริบูรณ์วศิน สังกัด กรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 (เจ้าหน้าที่ทีม)
3. จ่าเอก สมชาย สังข์เมือง สังกัด กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 (นักกีฬา)
4. จ่าเอก ภัทร สังข์เดช  สังกัด ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (นักกีฬา)
5. จ่าโท ณัฐพล กลืบกำไร สังกัด กรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 (นักกีฬา)

สำหรับนักกีฬาชุดนี้ จะเดินทางไปแข่งขันต่อที่สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน เรือยาวมังกร ชิงแชมป์โลก รายการ 2024 ICF Dragon Boat World Championships ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2567 ต่อไป

ปธ.คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา พร้อมคณะเดินทางไปติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาของเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จ.ระยอง

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ (31 ต.ค.67) ที่อาคารเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกัมพล สุภาแพ่ง ปธ.คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา พร้อมคณะ ได้เดินทางมาศึกษาดูงาน และติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาของเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จ.ระยอง มีนายกัฬชัย เทพวรชัย รอง ผวจ.ระยอง น.ส.สายฝน โชชัย คลังจังหวัดระยอง นายวิจิตร พาพลงาม นอภ.วังจันทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุป แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ โดยเฉพาะในเรื่องของ การส่งเสริมการลงทุน และมูลค่าการลงทุนในปัจจุบัน รวมทั้งประเด็นแนวทางการเจรียมความพร้อมและมาจนการรองรับการปฏิรูประบบภาษีอากรที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในพื้นที่ EEC และติดตามความก้าวหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยการเดินทางมาศึกษาดูงานรับทราบข้อมูลของเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และติดตามโครงการดังกล่าว จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการลงทุนในการพัฒนาประเทศต่อไป

นอกจากนี้คณะกรรมาธิการ การเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา ยังได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 ในประเด็นการเยียวยาผู้ประกอบอาชีพประมงในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากการก่อสร้างที่สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อีสเทิร์นซีบอร์ดด้วย

นายปฏิมา จีระแพทย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่า การเดินทางมาติดตามโครงการใน EEC ในวันนี้ เนื่องจากคณะกรรมาธิการฯ เห็นความสำคัญในเรื่องของการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย และโครงการ EEC เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์อย่างมากเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งมีความล่าช้ามาในระยะหนึ่ง ซึ่งการมาติดตามความคืบหน้าดังกล่าว เพื่อให้มาเห็นพื้นที่ว่ามีการพัฒนาไปอย่างไรบ้าง มีผู้สนใจเข้ามาขอรับสิทธิพิเศษเข้ามาประกอบกิจการอุตสาหกรรมพื้นที่ EEC มากน้อยแค่ไหน ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินมีความคืบหน้าเพียงใด ซึ่งก็ได้มารับฟังข้อเท็จจริงจากผู้บริหาร EEC ซึ่งทางคณะกรรมาธิการฯ จะได้นำเอาข้อมูลในเรื่องของการศึกษาในพื้นที่นั้นไปวิเคราะห์ และจะจัดทำข้อเสนอแนะให้กับทางฝ่ายบริหารของประเทศต่อไป ในส่วนของท่าเรือมาบตาพุด ก็ได้มาเห็นหนึ่งในท่าเรือที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยในส่วนของที่เป็นพื้นที่สำรองพลังงานที่สำคัญของประเทศ ซึ่งจากนี้ก็คงจะต้องเดินหน้าต้อนรับนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งพลังงานก็ต้องสำรองไว้ใช้ให้เพียงพอ ซึ่งทางคณะกรรมาธิการฯ ก็ได้รับฟังปัญหาจากทางผู้บริหารท่าเรือฯ ซึ่งปัญหาล่าช้าที่พบเกิดจากมติ ครม. ในอดีตที่ต้องการหาผู้ร่วมทุน ซึ่งผ่านมานานพอสมควร ในเรื่องนี้ทางคณะกรรมาธิการฯ จะนำการสูญเสียโอกาสดังกล่าว นำไปทบทวนศึกษาแนวทางที่จะนำเสนอฝ่ายบริหารให้เสนอคณะรัฐมนตรีแก้มติ หรือทำมติใหม่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการบริหารจัดการ เพื่อที่จะยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้นต่อไป

ร้อยเอ็ด…นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ตรวจติดตาม “ร้อยเอ็ดโมเดล” ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นท

( 1 พ.ย. 67 ) 11.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม , นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม  ตรวจติดตาม “ร้อยเอ็ดโมเดล” ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ณ วัดเขวาทุ่ง อ.ธวัชบุรี  จ.ร้อยเอ็ด  รับโดยฟังการบรรยายสรุป “ร้อยเอ็ดโมเดล” และ นายกฯกล่าวว่า ขอให้เรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องของทุกคนที่ช่วยกันอย่างจริงจัง และการบำบัดรักษา ขอให้ทุกหน่วยทำงานอย่างบูรณาการ และเพิ่มการรักษาพยาบาล เน้นย้ำตัดวงจรยาเสพติด เน้นมาตรการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมบำบัดรักษาได้รับการบำบัดรักษาอย่างจริงจริงและแผนขอรัฐบาลพร้อมที่ฝึกอาชีพให้ผู้เข้ารับการบำบัดรักษาให้สามารถออกไปประกอบอาชีพตนเองได้ รัฐบาลขอเริ่มที่จังหวัดนำร่องนี้ก่อน และรัฐบาลเน้นย้ำ ขจัดปัญหายาเสพติดให้หมดสิ้นไป     

จากนั้นเวลา 12.45 น. ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โครงการมินิธัญญารักษ์ ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อ.ศรีสมเด็จ  จ.ร้อยเอ็ด เยี่ยมชมโครงการมินิธัญญารักษ์ และให้กำลังใจผู้เข้ารับการบำบัด 

และเวลา 14.45 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  พร้อมคณะ เดินทางไปที่ อบต.น้ำใส อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อติดตามการฝึกอาชีพของผู้ที่ผ่านการบำบัดแล้ว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้พวกเขากลับคืนสู่สังคมได้อย่างมั่นคง ซึ่งรัฐบาลมุ่งหวังให้ร้อยเอ็ดโมเดลเป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ และเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ประเทศไทยจะสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างยั่งยืน

โกสิทธิ์/ร้อยเอ็ด(ห)
081-377-2689

ผบ.ทร. ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ กำลังพลหน่วยบรรเทาสาธารณภัยของ กองทัพเรือ ที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย

(1 พ.ย. 67) พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ตรวจเยี่ยมกำลังพลหน่วยบรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย โดยมี พลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา ให้การรับรอง ณ บริเวณหน้ากองบัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 

จากเหตุการณ์เกิดพายุดีเปรสชัน “ยางิ” ทำให้ภาคเหนือมีฝนตกหนัก และทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 จังหวัดเชียงราย ได้ประกาศให้พื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นเขตพื้นที่ประสบอุทกภัย การนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ได้สั่งการให้หน่วยต่างๆ จัดกำลังพล และยุทโธปกรณ์ เข้าให้ความช่วยเหลือ ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2567 เป็นต้นมา จนเสร็จสิ้นภารกิจ และส่งมอบพื้นที่ให้กับประชาชน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2567 รวมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 48 วัน โดยจัดกำลังพล จำนวนทั้งสิ้น 356 นาย ประกอบด้วย หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ จำนวน 88 นาย หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน จำนวน 44 นาย และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จำนวน 224 นาย 

โดยเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชน ออกจากพื้นที่ประสบอุทกภัย เข้าฟื้นฟู ทำความสะอาด และซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับประชาชนในพื้นที่ ชุมชนปิยะพร ชุมชนเหมืองแดงใต้ ชุมชนบ้านหัวฝาย และชุมชนสายลมจอย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จำนวน 162 หลัง 

ซึ่งได้รับคำชื่นชมจากประชาชนชาวแม่สายเป็นอย่างมาก ทำให้กองทัพเรือมีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645  

กทม. ออกข้อบัญญัติ ฝังไมโครชิป หมา-แมว หวังแก้ปัญหาสัตว์จรจัด

เมื่อวานนี้ (30 ต.ค. 67) นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สี่ (ครั้งที่ 4) ประจำปีพุทธศักราช 2567 โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง

นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย ในฐานะประธานกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ... ได้รายงานผลการพิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ ของคณะกรรมการวิสามัญฯ เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาในวาระที่สองและวาระที่สาม โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ประกาศใช้เป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ซึ่งคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้ประชุมครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2566 และได้มีการประชุมร่วมกันใช้เวลารวมทั้งสิ้น 20 ครั้ง

หลักการพิจารณานั้น คณะกรรมการวิสามัญฯ พิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ..... เริ่มจากชื่อร่าง หลักการ เหตุผล คําปรารภ และตัวร่างข้อบัญญัติเรียงตามลำดับจนจบ โดยอาศัยคำชี้แจงของข้าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นกรรมการวิสามัญ ผู้เทนอธิบดีกรมปศุสัตว์ ประกอบกับได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนผ่านระบบกลางทางกฎหมาย (http://www.law.go.th) และแอปพลิเคชัน Google Forms รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นเป็นหนังสือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ได้ความเห็นว่าสมควรกำหนดเขตควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ เพื่อประโยชน์ในการรักษาสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของประชาชน ป้องกันอันตรายจากเชื้อโรคที่เกิดจากสัตว์และเหตุเดือดร้อนรำคาญในกรุงเทพมหานคร ตลอดจนกำหนดมาตรการควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องตราเป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 ประกอบกับมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2538 

นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า ร้านอาหารบางร้านเลี้ยงสุนัขจำนวนมากและมีการถ่ายมูลภายในร้าน จนมีกลิ่นเหม็นและส่งผลกระทบด้านมลภาวะไปถึงเพื่อนบ้าน จนมีการร้องเรียนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จนต้องร้องเรียนไปถึงสื่อมวลชน ซึ่งการร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมสัตว์เลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ฯ ครั้งนี้ มีข้อกำหนดเพิ่มเติมเรื่องของพื้นที่บ้าน (ตร.วา/ตร.ม.) ต่อการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง 1 ตัว ในแต่ละประเภทสัตว์ และในปัจจุบันมีบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน หรือมีวิธีแก้ไขปัญหาสำหรับผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเกินจำนวนและไม่สามารถดูแลสัตว์ได้ทั่วถึงหรือไม่อย่างไร

ด้านนายณรงค์ รัสมี ส.ก.เขตหนองจอก ตั้งข้อสังเกตว่า การกำหนดพื้นที่(ตร.วา/ตร.ม.) ต่อจำนวนสัตว์เลี้ยงแต่ละประเภทบางครั้งอาจเป็นข้อจำกัดและเป็นการริดรอนสิทธิสัตว์หรือไม่อย่างไร เพราะบางครั้งสัตว์ต้องอยู่เป็นคู่หรือต้องมีการผสมพันธุ์สัตว์

นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย ในฐานะประธานกรรมการวิสามัญฯ ชี้แจงว่า คณะกรรมการวิสามัญชุดนี้ได้พิจารณา มาอย่างถี่ถ้วนผ่านประชาพิจารณ์จากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลังจากพระราชบัญญัติฉบับนี้ประกาศใช้ ผู้เลี้ยงสัตว์ต้องมีการจดแจ้งจำนวนสัตว์เลี้ยง แต่จะไม่มีบทลงโทษย้อนหลังหากสัตว์ที่เลี้ยงอยู่เดิมเกินจำนวน หลังจากที่ข้อบัญญัติประกาศออกไป แต่จะมีผลหลังจาก ประกาศแล้ว 360 วัน หากฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 หมวดที่ 8 ข้อ 34 และจะมีการใช้ข้อบังคับให้สุนัขและแมวต้องมีการฝังไมโครชิป เพื่อให้ทราบเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ต้องดูแลรับผิดชอบอีกด้วย ซึ่งจะลดและแก้ปัญหาสัตว์เลี้ยงสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้อื่น รวมถึงสำนักอนามัยมีหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการทำหมันสัตว์จรจัดในแต่ละพื้นที่เพื่อลดจำนวนสัตว์จรจัด และในส่วนของสุนัขที่มีความดุร้ายสร้างความเดือดร้อน หน่วยงานของกรุงเทพมหานครจะนำไปไว้ที่ศูนย์ควบคุมและพักพิงสุนัขกรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตประเวศ ส่วนกรณีที่ต้องการเลี้ยงเป็นคู่เพื่อผสมพันธุ์สัตว์หรือประกอบธุรกิจนั้น สามารถขออนุญาตเพิ่มเติมได้ตาม พ.ร.บ. การสาธารณสุข

“ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ...  ขอขอบคุณสมาชิกสภากรุงเทพมหานครทุกท่าน เมื่อข้อบัญญัติฯ นี้ได้ประกาศใช้ จะสามารถแก้ไขปัญหาสัตว์เลี้ยง สัตว์จรจัด สัตว์ดุร้ายที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญในกรุงเทพมหานครได้ เพื่อทำให้กรุงเทพมหานครมีความปลอดภัยกับประชาชน” นายนภาพล กล่าวทิ้งท้าย 

ทั้งนี้ ร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ...  คณะกรรมการวิสามัญฯ พิจารณาแล้วมีการแก้ไขในข้อต่างๆ จากข้อบัญญัติเดิมเพื่อให้สอดคล้องเหมาะสมกับปัจจุบัน และสภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบให้ประกาศใช้ร่างข้อบัญญัติฯ ดังกล่าว และจะส่งให้ฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานครพิจารณาดำเนินการต่อไป

เคาะ!! จัดงาน ‘พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9’ 1-10 ธ.ค. นี้ เตรียมร่างกาย กล้องถ่ายรูปให้พร้อม

(31 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์สวนหลวง ร.9 ได้แจ้งกำหนดการจัด ‘พรรณไม้งามอร่มสวนหลวง ร.9 ประจำปี 2567’ ระหว่างวันที่ 1-10 ธันวาคม 2567

ภายในงานดังกล่าวจะมีการจัดแสดงพรรณไม้ต่าง ๆ ทั่วทั้งพื้นที่ของสวนหลวง ร.9 รวมไปถึงการแสดงศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจตลอดดทั้ง 10 วัน 

และเพื่อให้การจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทางสวนหลวง ร.9 จึงได้แจ้งปิดให้บริการระหว่างปิดให้บริการสวนหลวง ร.9 ในวันที่ 15-27 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00-05.00 น. ของวันรุ่งขึ้นและอนุญาตให้ประชาชนเข้าใช้บริการได้ในเวลา 05.00-08.00 น. 

และปิดให้บริการสวนหลวง ร.9 ในวันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2567

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ทางกรุงเทพมหานครมีแผนพัฒนาสวนสาธารณะบึงหนองบอนที่อยู่ติดกันให้สามารถเชื่อมต่อกับสวหลวง ร.9 ได้ โดยจะเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานครด้วยขนาดพื้นที่มากกว่า 1,144 ไร่ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568

รองผู้ว่าฯ กทม. ยัน ค่าเก็บขยะช่วยเพิ่มการคัดแยกต้นทาง คาด 180 วันเริ่มจัดเก็บ ทำรายรับ กทม. จากขยะพุ่งขึ้น 3 เท่า

เมื่อวานนี้ (30 ต.ค.67) ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สี่ (ครั้งที่ 4) ประจำปีพุทธศักราช 2567 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก.เขตยานนาวา ในฐานะประธานกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. .... ได้รายงานผลการพิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ ของคณะกรรมการวิสามัญฯ ต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร โดยมีนายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ประกาศใช้เป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร และจะมีการประกาศใช้ข้อบัญญัติในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการประชุมว่า เดิมข้อบัญญัติฯ ปี 2562 มีการกำหนดค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย (ค่าเก็บขยะ) ตามครัวเรือนเดือนละ 80 บาท โดยมองว่ามีค่าธรรมเนียมสูงเกินไป ผู้ว่าฯกทม. จึงให้จัดทำข้อบัญญัติฯ ใหม่ โดยแบ่งการจัดเก็บเป็น 2 แบบ คือ 1.มีการคัดแยกขยะ ค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อเดือน 2.ไม่มีการคัดแยกขยะ ค่าธรรมเนียม 60 บาทต่อเดือน 

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการปรับปรุงค่าธรรมเนียมให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนร่วมมือลดและคัดแยกมูลฝอยที่แหล่งกำเนิดอย่างจริงจัง และสอดคล้องกับสภาวการณ์และภาระค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน ซึ่งเนื้อหาหลักที่แตกต่างระหว่างปี พ.ศ. 2546 กับปี พ.ศ.2562 คือการจัดเก็บค่าธรรมเนียมจะนำปริมาณขยะมาประกอบการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมด้วย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ที่ทิ้งขยะจำนวนน้อย ไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน หรือผู้ที่คัดแยกขยะต้นทางจากครัวเรือนได้มากกว่า 

รวมถึงเก็บอัตราค่าธรรมเนียมกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีจำนวนขยะมากในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอัตราดังกล่าวยังเป็นการส่งเสริมการเปลี่ยนพฤติกรรมของคนให้คัดแยกขยะอีกทางด้วย ซึ่งการคาดการณ์รายได้จากการจัดเก็บอัตราค่าธรรมเนียมใหม่จะทำให้กทม.สามารถจัดเก็บรายได้จากผู้ประกอบการรายใหญ่ได้มากขึ้น จากเดิม 166 ล้านบาท เป็น 664 ล้านบาท ซึ่งหัวใจของการจัดเก็บอัตราใหม่นี้ คือจะเก็บเงินกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีขยะสู่เมืองในอัตราที่สูงขึ้น และหากใครมีการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางก็จะได้ลดอัตราค่าธรรมเนียมอย่างต่อเนื่อง โดยร่างข้อบัญญัตินี้ต้องการสร้างจิตสำนึกของประชาชนอย่างต่อเนื่องและสร้างความตื่นตัวให้กับเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครในการให้บริการประชาชน

สำหรับสาระสำคัญอัตราค่าธรรมเนียมที่ปรับปรุงใหม่ แบ่งเป็นค่าเก็บและขนสิ่งปฏิกูลต่อครั้ง คิดอัตราลูกบาศก์เมตรละ 300 บาท ส่วนอัตราค่าเก็บและขนมูลฝอยทั่วไป แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ปริมาณไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน ค่าเก็บและขน เดือนละ 30 บาท ค่ากำจัด 30 บาท รวม 60 บาท (เดิม 20 บาท) กลุ่มที่ 2 เกิน 20 ลิตรต่อวัน แต่ไม่เกิน 500 ลิตรต่อวัน (เดิม 40 บาท/20 ลิตร) และเกิน 500 ลิตรต่อวันแต่ไม่เกิน 1 ลบ.ม. ต่อวัน (เดิม 2,000 บาท) ค่าเก็บและขน 60 บาท/20 ลิตร ค่ากำจัด 60 บาท/20 ลิตร รวม 120 บาท/20 ลิตร กลุ่มที่ 3 เกิน 1 ลบ.ม.ต่อวัน (เดิม 2,000 บาท/1 ลบ.ม.) ค่าเก็บและขน 3,250 บาท/1 ลบ.ม. ค่ากำจัด 4,750 บาท/1 ลบ.ม. รวม 8,000 บาท/1 ลบ.ม.

ปีที่ผ่านมากรุงเทพมหานครยังไม่มีการบังคับใช้ข้อบัญญัติดังกล่าว แต่กรุงเทพทหานครมีโครงการ 'ไม่เทรวม' ซึ่งสามารถลดขยะได้มากกว่า 10% จากความร่วมมือของประชาชน ดังนั้นหากเริ่มการบังคับใช้ข้อบัญญัติดังกล่าว คาดการณ์ว่าจะสามารถลดขยะของกรุงเทพมหานครได้ปริมาณมหาศาลและสร้างรายได้ให้กับกรุงเทพมหานครจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมอีกทางด้วย

หลังจากนี้ กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบให้มากที่สุด คาดว่าข้อบัญญัติฯ จะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน ทั้งนี้ในกรุงเทพฯ มีบ้านเรือนประชากรกว่า 2 ล้านหลังคาเรือน ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้นมีประชาชนคัดแยกขยะประมาณ 50,000 ครัวเรือน โดยเบื้องต้นจะมีการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน และที่ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ ทั้ง 50 สำนักงานเขต โดยหลังจากลงทะเบียนแล้วเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบเพื่อยืนยันว่ามีการคัดแยกขยะจริงหรือไม่ และเก็บค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อเดือน ตามเดิม

เช็กรายละเอียดรับส่วนลดจากโครงการ ‘แอ่วเหนือ...คนละครึ่ง’ ที่นี่ รับส่วนลด 400 บาทหมื่นสิทธิ์ จาก ททท. หนุนกอบกู้ภาคเหนือ

(31 ต.ค. 67) ททท. จัดแคมเปญ 'แอ่วเหนือ...คนละครึ่ง' เริ่ม 1 พฤศจิกายนนี้ มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท 10,000 สิทธิ์ แบบ First Come First Served ลงทะเบียนก่อนรับสิทธิ์ก่อน ณ โรงแรมในโครงการที่นักท่องเที่ยวเข้าพัก

แคมเปญแอ่วเหนือ...คนละครึ่ง กิจกรรมภายใต้ โครงการเหนือพร้อม…เที่ยว เป็นแคมเปญกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวระยะเร่งด่วนในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2567 เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือ ภายหลังสถานการณ์อุทกภัย มุ่งสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวภาคเหนือ ตลอดจนกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและกระจายรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูท่องเที่ยวช่วงโค้งสุดท้าย ปี 2567 คาดว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 44.34 ล้านบาท

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ กว่า 550 ราย มอบส่วนลด 50% ของการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการในสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ รวมมูลค่าไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์ ให้แก่นักท่องเที่ยว (1 คน/1 สิทธิ์) 

โดยผู้ที่ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) นักท่องเที่ยวสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ ณ โรงแรมที่เข้าพักที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด โดยสแกน QR Code และกรอกข้อมูล ชื่อ-สกุล ภูมิลำเนา เบอร์โทรศัพท์ เพื่อรับ SMS ยืนยันการเข้าร่วม (ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้) 

สำหรับการใช้สิทธิ์ส่วนลด นักท่องเที่ยวสามารถใช้สิทธิ์ เมื่อใช้จ่ายกับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร สปา ผ่านการสแกน QR code ณ สถานประกอบการที่ต้องการใช้สิทธิ์ จากนั้นกรอกเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียน และยอดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้สามารถใช้สิทธิ์ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งในวงเงินไม่เกิน 400 บาท แต่จะต้องไม่ซ้ำกับสถานประกอบการเดิมที่เคยใช้สิทธิ์ส่วนลดไปแล้ว และจำกัดระยะเวลาการใช้สิทธิ์ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) นับจากเวลาที่ได้รับ SMS ยืนยันการเข้าร่วมแคมเปญ

สำหรับสถานประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญแอ่วเหนือ...คนละครึ่ง 554 แห่ง แบ่งสัดส่วนออกเป็น โรงแรมที่พัก 59% (326 แห่ง) ร้านอาหาร/ร้านคาเฟ่ 29% (160 แห่ง) ร้านของฝากของที่ระลึก 7% (38 แห่ง) และอื่นๆ อาทิ แหล่งท่องเที่ยวชุมชน สปา 5% (30 แห่ง) ทั้งนี้ เนื่องจากสิทธิ์ส่วนลดมีจำนวนจำกัด ททท. จึงขอสงวนสิทธิ์ดำเนินการในรูปแบบลงทะเบียนก่อนรับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) 

โดยนักท่องเที่ยวสามารถเริ่มลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ ณ โรงแรมที่เข้าพักที่ร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 หรือเมื่อครบจำนวนการใช้สิทธิ์ นักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดแคมเปญ สิทธิ์คงเหลือ และรายชื่อสถานประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญได้ที่เว็บไซต์ https://www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center โทร. 1672


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top