Sunday, 22 June 2025
NEWS FEED

'ผู้นำคนพิการภาคตะวันออก'​ ใจถึง-พึ่งได้ ลงพื้นที่ มอบถุงยังชีพ สร้างขวัญกำลังใจให้กับคนพิการ และหน่วยงานของรัฐ

นายณรงค์ ไปวันเสาร์ นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก และผู้นำคนพิการด้านการสร้างงาน สร้างอาชีพ ระดับชาติ เดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆในจังหวัดชลบุรี และ เขตภาคตะวันออก เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับ คนพิการ /องค์กรคนพิการ /ผู้นำท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐ จำนวนกว่า 500 ถุง เพื่อมอบเป็นขวัญกำลังใจ ในช่วงที่สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิค 19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแพร่ระบาดรอบ 3 ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยนั้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน รวมถึงคนพิการ และครอบครัวคนพิการเป็นอย่างมาก 

ทั้งนี้ นายณรงค์​ ยังได้กล่าวถึงการดำเนินกิจกรรม "มอบถุงยังชีพ" นี้ ว่า อยากจะเป็นส่วนหนึ่งช่วยเหลือภาครัฐที่ได้ทำงานอย่างหนัก ในการดูแลคุณภาพด้านสาธารณสุขของประชาชน และยังคงต้องดูแลในเรื่องของการประกอบอาชีพของประชาชน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก

แม้เราจะเป็นเพียง "คนพิการ" แต่เราก็อยากจะร่วมกับรัฐบาลในการสร้างคุณงามความดี ตอบแทนพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ ตามกำลังที่ทางสมาคมฯ พอจะช่วยเหลือได้ในยามที่คนไทยตกทุกข์ได้ยาก

ห้วงเวลานี้​ เราทุกคนควรจะจับมือกันและก้าวข้ามผ่านวิกฤติการณ์อันเลวร้ายนี้ไปด้วยกัน ด้วยการลงมือทำแบบ​ ​'คนละไม้_คนละมือ'​

'ตำรวจสอบสวนกลาง'​ ไม่ทอดทิ้งประชาชน และห่วงใย มอบน้ำใจแก่วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา

พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.อก.บช.ก. พ.ต.อ.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผบก.อก.บช.ก. และ​ พ.ต.อ.ณัฐพล ลิปิพันธ์​ ผกก.ฝอ.5.บก.อก.บช.ก.

ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.ฝอ.5 บก.อก.บช.ก. พร้อมกำลังพลจิตอาสา บก.อก.บช.ก. เป็นตัวแทน ร่วมกันมอบวัตถุดิบประกอบอาหาร เครื่องดื่ม โดยการสนับสนุนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) และอุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แก่วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา (มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ)  

ซึ่งประกอบด้วย... 

1.ข้าวสาร จำนวน 220 กิโลกรัม
2.น้ำดื่ม จำนวน 100 แพค 
3.ไข่ไก่สด จำนวน1,000 ฟอง
4.หน้ากากอนามัย จำนวน 2,500 ชิ้น
5.เอทิลแอลกอฮอล์ จำนวน 60 ลิตร

โดยมี ซิสเตอร์ภาวิณี พิชัยศรีสวัสดิ์ ผู้จัดการวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา  พร้อมคณะเป็นผู้รับมอบ ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา จ.ชลบุรี
http://www.cib.police.go.th/2016/news.php?id=882

ทยอยช่วยคนพิการ!! 'ภาครัฐ'​ ผนึก​ 'เอกชน'​ ขับเคลื่อนทีม 'เรามีเรา'​ ส่งมอบของบริจาค​ ช่วยคนพิการช่วงโควิดระบาดหนัก

ณ อาคาร 60 ปี บ้านราชวิถี กรมประชาสงเคราะห์ กรุงเทพมหานคร 'นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ'​ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.)​ รับมอบแพมเพิส ถุงอเนกประสงค์ ถุงยังชีพ ข้าวสารและน้ำดื่ม พร้อมเงินบริจาค จากภาคเอกชนและภาคีเครือข่าย เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง อาทิ คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์​ (พม.) ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนและความยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในขณะนี้ 

พร้อมส่งต่อความห่วงใยมอบสิ่งของบริจาคจำนวน 300 ชุด ให้กับองค์กรคนพิการ 7 แห่ง ได้แก่ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย, สมาคมผู้ปกครองออทิสซึม (ไทย), สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย, สมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย, สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย, สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปแจกจ่ายสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้กับคนพิการที่ได้รับผลกระทบในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต่อไป

นอกจากนี้ ทาง พก. ยังได้จัดให้มีคณะทำงานช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย ภายใต้ชื่อ 'ทีมเรามีเรา'​ ประกอบด้วย นักสังคมสงเคราะห์, นักพัฒนาสังคม และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือคนพิการ ซึ่งเป็นบุคลากรของ พก. จำนวน 15 ทีม เพื่อรับแจ้งเหตุ ประสานส่งต่อ และดำเนินการช่วยเหลือคนพิการที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และส่วนภูมิภาค โดยประสานงานผ่านศูนย์บริการคนพิการประจำจังหวัดทั่วประเทศ 

อธิบดี พก. กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานประกอบด้วย 

1) การเฝ้าระวังและคัดกรองข่าวสารคนพิการที่ต้องการความช่วยเหลือ จากสื่อออนไลน์ สายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 และสายด่วนคนพิการ รวมทั้งได้รับการประสานงานจากภาคีเครือข่าย  

2) การประสานงาน โดยการประสานข้อมูล (Fact Finding) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้น จึงให้ความช่วยเหลือ 

และ 3) การติดตามผลให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง  

ทั้งนี้ มีการแบ่งคนพิการออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่... 

กลุ่มแรก คนพิการที่ติดเชื้อ ช่วยเหลือโดยการประสานหาโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และ Hospitel  

กลุ่มที่ 2 คนพิการที่อยู่ในครอบครัว ที่มีคนติดเชื้อ ช่วยเหลือโดยประสานตรวจเชื้อ และความช่วยเหลืออื่นๆ 

และกลุ่มที่ 3 คนพิการที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง มีความวิตกกังวล ช่วยเหลือโดยให้คำปรึกษาคลายกังวล และแนะนำการปฏิบัติตนอย่างถูกวิธี

ทั้งนี้ทาง​ พม. และ​ พก. ยังได้แสดงความขอบคุณเครือข่ายและพันธมิตรในการขับเคลื่อนภารกิจงานครั้งนี้ และหากพบคนพิการที่มีภาวะความเสี่ยงจาก COVID - 19 ติดต่อ 1300 / 1479 หรือ ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดทั่วประเทศ 

นอกจากนี้​ หากมีความประสงค์จะร่วมบริจาคสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับคนพิการในหน่วยงานสังกัด พก. สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หน่วยงานทั้ง 22 แห่ง ทั่วประเทศ โทร 0 2354 3388 และ 1479 หรือเว็บไซต์ www.dep.go.th และ เฟสบุ๊กกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง!! 'กัญจนา ศิลปอาชา' เดินหน้าช่วยเหลือผู้พิการไทย ควักเงินล้าน​ หนุนผ่าน "องค์การคนพิการระดับชาติ"

'กัญจนา ศิลปอาชา'​ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มอบเงินช่วยเหลือคนพิการไทย ผ่าน 'องค์การคนพิการระดับชาติ'

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม  2564 ณ มูลนิธิออทิสติกไทย คุณกัญจนา ศิลปอาชา (คุณนา) ประธาน 'มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย'​ (มพพท) มอบเงินให้กับ 'มูลนิธิออทิสติกไทย'​ จำนวน 1​ ล้านบาท 'สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย' จำนวน 2 แสนบาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,200,000 บาท เพื่อดำเนินจัดถุงยังชีพมอบให้แก่คนพิการและครอบครัว โดยมอบหมายให้ 'สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศ' และ 'องค์การคนพิการระดับชาติ' รับหน้าที่ส่งมอบถุงยังชีพให้แก่คนพิการ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม และเป็นพื้นที่ควบคุม ในช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ จำนวนรวม 1,500 ชุด 

งานในครั้งนี้​ ได้​ คุณนิกร จำนง กรรมการมูลนิธิฯและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 'พรรคชาติไทยพัฒนา'​ เข้าร่วมเป็นเกียรติมอบเงิน​

รวมไปถึง อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยคุณสุชาติ โอวาทวรรณสกุล นายกสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย, คุณเอกกมล แพทยานันท์ นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย, คุณกิตติพงษ์ หาดทวายกาญจน์ กรรมการสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย, อ.ปราโมทย์ ธรรมสโรช, คุณกิจจาพร ชื่นบุญ มูลนิธิออทิสติกไทย, คุณธิติวัฒน์ สิทธิพูนปวีร์ ผู้แทนเครือข่าย สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย, คุณชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ที่ได้เข้าร่วมงานการรับบริจาคดังกล่าวด้วย

สำหรับ คุณกัญจนา ถือเป็นผู้ผลักดันและส่งเสริมสิทธิคนพิการมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2538 ในสมัยพรรคชาติไทย ฯพณฯบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 รับผิดชอบงานด้านการศึกษา ได้ริเริ่มนโยบาย 'คนพิการทุกคนที่อยากเรียนต้องได้เรียน'​ ต่อมาจนกลายเป็นนโยบาย และสโลแกนระดับประเทศ เกิดการปฎิรูปการจัดการศึกษาคนพิการ มีการจัดสร้างศูนย์การศึกษาพิเศษทั่วประเทศ ให้ความสำคัญกับ 'นโยบายเรียนร่วม/เรียนรวม'​ ที่ให้คนพิการสามารถเรียนร่วมในโรงเรียนทั่วไปได้ ทำให้คนพิการจำนวนมากได้เรียนจากหลักปีละหมื่นคน เป็นปีละกว่าสี่แสนคน จนถึงปัจจุบัน

ท้ายนี้ 'ผู้นำคนพิการ' ได้เข้าขอบคุณ คุณกัญจนา  ศิลปอาชา คณะกรรมการมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ที่มอบโอกาส และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในการช่วยเหลือคนพิการต่อไป

"แม้เงินจำนวนดัวกล่าว อาจจะช่วยเหลือคนพิการ ที่มีมากกว่า 2 ล้านคนทั่วประเทศไม่ได้ครบทุกคน แต่อย่างน้อย ก็ยังเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใย จากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างแรงจูงใจ ให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม มาร่วมกัน​ 'คนละไม้_คนละมือ'​ เพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ สืบไป" กัญจนา​ กล่าว

สปสช.พร้อมเยียวยา! ผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิดทุกคน

ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 และมีอาการไม่พึงประสงค์ แม้จะพบในสัดส่วนที่น้อย รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือทุกกรณี

ล่าสุด บอร์ด สปสช. แจ้งว่าพร้อมช่วยเหลือดูแลคนไทยทุกสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประกันสังคม บัตรทอง สิทธิข้าราชการ และบุคลากรสาธารณสุข ที่เป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการฉีดวัคซีนโควิด-19

โดยจะเริ่มคุ้มครอง ตั้งแต่วัคซีนเข็มแรกที่ฉีดให้คนไทยเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา ดำเนินการช่วยเหลือตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545

ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถยื่นเรื่องได้ที่โรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และเขต สปสช. ซึ่งจะมีคณะกรรมการพิจารณาอัตราช่วยเหลือเยียวยาภายใน 5 วัน


ที่มา : https://www.facebook.com/154553218343826/posts/1169099976889140/

กองทัพอากาศจัดเที่ยวบินพิเศษ เชิญสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปช่วยเหลือชาวอินเดียที่ติดเชื้อ COVID-19

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดหาเครื่องผลิตออกซิเจนและถังบรรจุก๊าซออกซิเจนพร้อมอุปกรณ์ เพื่อพระราชทานสำหรับช่วยเหลือชาวอินเดียที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ณ สาธารณรัฐอินเดีย

กองทัพอากาศได้จัดเที่ยวบินพิเศษเชิญสิ่งของพระราชทานดังกล่าว โดยจัดเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 19 (A 340-500) จำนวน 1 เครื่อง เพื่อเชิญเครื่องผลิตออกซิเจนและถังบรรจุก๊าซออกซิเจนพร้อมอุปกรณ์พระราชทาน ในการช่วยเหลือชาวอินเดียที่ประสบภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ไปยังสถานเอกอัครรราชทูต ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย กำหนดเดินทางในวันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เวลา 07.00 น. เดินทางไปกลับในวันเดียวกัน (สำรองวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2564)

พร้อมกันนี้ได้รวบรวมสิ่งของช่วยเหลือชาวอินเดียจาก สมาคมอินเดียในประเทศไทย, หอการค้าไทยอินเดียและสมาคมศิษย์เก่าสถาบันเทคโนโลยีอินเดียในประเทศไทย โดยสิ่งของที่ลำเลียงไปช่วยเหลือชาวอินเดียที่ติดเชื้อ COVID-19 ทั้งหมด ประกอบด้วย เครื่องผลิตออกซิเจน 70 เครื่อง ถังออกซิเจน 300 ถัง และอุปกรณ์ควบคุมปริมาณออกซิเจน 200 ชุด

โดยในการเดินทางกลับจะนำข้าราชการของสถานเอกอัครราชทูตที่ติดเชื้อ COVID-19 กลับมารักษาพยาบาลที่ประเทศไทย และรับคนไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยตามที่ได้รับการประสานจากกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้คำแนะนำการปฏิบัติและสนับสนุนแพทย์และพยาบาลในการปฏิบัติภารกิจนี้ด้วย

“ต้องรอด” ตามหา อาสาสมัครที่พร้อมให้การช่วยเหลือ ด้านงานครัว งานประกอบอาหาร งานทำความสะอาด และงานจัดการส่วนอื่น ๆ เพื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของคลัสเตอร์ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ใกล้เคียง

“ต้องรอด” ตามหา อาสาสมัครที่พร้อมให้การช่วยเหลือ ด้านงานครัว งานประกอบอาหาร งานทำความสะอาด และงานจัดการส่วนอื่น ๆ เพื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของคลัสเตอร์ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ใกล้เคียง

โดยสถานที่ทำงานอยู่นอกพื้นที่ชุมชนที่เกิดการระบาดและมีความปลอดภัยจากมาตรการณ์การป้องกันการติดเชื้อ โดยรายละเอียดต่าง ๆ มีดังนี้

Team Cleaning & Screening

อาสาสมัครทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ : ตรวจสอบ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อของที่รับบริจาค รถยนต์เข้ามาบริจาคและรับสิ่งของ ทำความสะอาดพื้นที่และเก็บล้างอุปกรณ์ โดยจะแบ่งเป็น 3 แผนก ดังนี้

1.) ฝ่ายเช็ดทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสิ่งของ

2.) ฝ่ายฉีดพ่นฆ่าเชื้อรถยนต์

3.) ฝ่ายทำความสะอาดและเก็บล้างอุปกรณ์

Stock & Store (Fresh & Dry)

อาสาสมัครด้านจัดการสต๊อกวัตถุดิบ : จัดสรรวัตถุดิบทั้งของสดและของแห้ง / ประมาณการณ์วัตถุดิบ / ดูแลไม่ให้วัตถุดิบหมดอายุก่อนการผลิต / จัดเตรียมวัตถุดิบก่อนการปรุง / แจ้งข้อมูลวัตถุดิบที่ต้องการให้กับอาสาสมัครด้านข้อมูล โดยจะแบ่งเป็น 3 แผนก ดังนี้

1.) ฝ่ายคลังอาหารสด

2.) ฝ่ายคลังอาหารแห้ง

3.) ฝ่ายคลังเครื่องอุปโภค

Prepare & Cook

ทีมประกอบอาหาร คอยดูแลจัดการงานครัวทั้งหมด คอยดูแลเรื่องการปรุงอาหารจากวัตถุดิบที่มีอยู่ตามเมนูที่ได้จัดสรรไว้ โดยจะแบ่งเป็น 2 แผนก ดังนี้

1.) ฝ่ายพ่อครัว แม่ครัว

2.) ฝ่ายผู้ช่วยงานครัว

Communication & Information

อาสาสมัครด้านสื่อสารและประสานงาน : คอยให้ข้อมูลและสื่อสารระหว่างผู้ที่เข้ามาบริจาค ผู้ที่เข้ามารับบริจาค และประสานงานด้านรายละเอียดระหว่างการดำเนินงานจากกองอำนวยการไปยังส่วนอื่น ๆ โดยจะแบ่งเป็น 2 แผนก ดังนี้

1.) ฝ่ายประสานงาน

2.) ฝ่ายสื่อสารข้อมูล

Data Collection

อาสาสมัครด้านเก็บข้อมูล : เก็บข้อมูลทั้งหมดเพื่อการบริหารจัดการสัดส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนของที่ได้รับบริจาค ของที่ส่งต่อให้ผู้รับบริจาค ข้อมูลปริมาณคงเหลือของวัตถุดิบและเครื่องมือต่าง ๆ จากอาสาสมัครกลุ่มอื่น ๆ เพื่อส่งต่อให้กับกองอำนวยการ

Headquarter

อาสาสมัครกองอำนวยการ : คอยรับข้อมูลจากอาสาสมัครที่ทำการจัดข้อมูลและอาสาสมัครที่ทำการประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ และคอยบริหารให้ขั้นตอนการทำงานของแผนกต่าง ๆ เป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้และคอยแจ้งรายละเอียดที่ต้องการให้กับทีมงานฝ่ายต่าง ๆ ได้รับทราบ โดยจะแบ่งเป็นสามแผนก ดังนี้

1.) ฝ่ายดูแลและสวัสดิการอาสาสมัคร

2.) ฝ่าย ขนส่ง (โลจิสติก) ศูนย์

3.) ฝ่าย คัดกรองและรับสมัครอาสา

 

ทั้งนี้ ทีมงานจะติดต่อกลับหาท่านเมื่อได้กำหนดการ โดยทุกท่านสามารถลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครได้ตาม QR Code ในรูปและที่ Link ด้านล่าง

Link: http://j.mp/6mayarsa

‘หมอเฉลิมชัย’ ตั้ง 3 ข้อสังกตุ ‘โรคประจำตัว-สายพันธุ์อินเดียร้ายแรง-ภูมิต้านทานไม่ขึ้น’ เป็นเหตุ แม้ฉีดวัคซีน Pfizer ครบสองเข็มแล้ว ยังติดเชื้อเสียชีวิต

นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กส่วนตัว Chalermchai Boonyaleepun ระบุว่า...

ต้องค้นหาความจริง !! พบผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฉีดวัคซีน Pfizer ครบสองเข็ม ติดโควิดและเสียชีวิตในอินเดีย ต้องเร่งหาสาเหตุว่า ทำไมถึงติดโควิดได้ แล้วเสียชีวิตจากโควิดจริงหรือไม่

รายงานข่าวจากหลายสำนักข่าว พบว่าผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อของสหรัฐอเมริกาคือ Dr.Rajendra Kapila ซึ่งทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย Rutgers รัฐ New Jersey

ได้เดินทางไปยังกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยก่อนเดินทาง เขาและภรรยาได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของ Pfizer ครบสองเข็ม การเดินทางเข้าสู่อินเดียนั้น เกิดขึ้นในปลายเดือนมีนาคม 2564 และได้ติดโควิดในวันที่ 8 เมษายน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงนิวเดลี และในที่สุดวันที่ 28 เมษายนก็เสียชีวิต

โดยไม่ได้มีการเปิดเผยสาเหตุที่ชัดเจน นอกจากมีการระบุว่าเขาได้มีผลตรวจโควิดเป็นบวก

โดยผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ มีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ แล้วก็มีอายุมากถึง 81 ปี ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เสียชีวิตจากโควิดได้ทั้งสิ้น

นอกจากนั้นในอินเดีย มีการเก็บตัวอย่างพบว่า ไวรัสสายพันธุ์อินเดีย B.1.617 มีความครอบคลุมถึง 61% จาก 220 ตัวอย่างใน 361 ตัวอย่าง

ในกรณีนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันระหว่างสื่อตะวันตก และสื่อตะวันออกต่อไป

อย่างไรก็ตาม กล่าวเฉพาะเคสนี้ คิดว่าสาเหตุของการเสียชีวิตมีโอกาสเกิดได้หลายประการดังนี้

1.) เสียชีวิตจากโรคประจำตัวอื่น เช่น หัวใจ หรือเบาหวาน โดยไม่ได้เกี่ยวกับโควิดโดยตรง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นเหตุบังเอิญพ้องกันพอดี

2.) กรณีที่เสียชีวิตจากโควิดจริง อาจจะเป็นเพราะฉีดวัคซีนแล้ว มีภูมิต้านทานขึ้นได้ดี แต่ไม่สามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดียได้

3.) เสียชีวิตจากโควิดจริง โดยที่ฉีดวัคซีนแล้วภูมิต้านทานไม่ขึ้น ทำให้ไม่มีภูมิต้านทานที่จะต่อสู้กับเชื้อโรค

ส่วนจะเป็นจากกรณีใด คงจะมีรายละเอียดของการวินิจฉัยหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป

ก็เป็นข้อเตือนใจ ไม่ว่าผลจะออกมาว่าเป็นอย่างไร

การฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ 100%

การฉีดวัคซีน ภูมิต้านทานไม่ได้ขึ้นครบทุกคน

และการฉีดวัคซีน ควรจะต้องป้องกันตัวเองต่อไปอีกระยะหนึ่งอย่างน้อย จนกว่าจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่หรือจนกว่าโรคจะสงบ


ที่มา : https://www.facebook.com/237959479586026/posts/3823765717672033/

กสร. สร้างการตระหนักรู้และปลุกจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการทำงาน 

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน พร้อมสร้างการตระหนักรู้ และปลุกจิตสำนึกให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของความปลอดภัยในการทำงาน จัดงานวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 ระลึกโศกนาฏกรรมเคเดอร์สูญเสีย 188 ชีวิต   

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 พฤษภาคม เป็นวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ โดยได้มีการจัดงานเป็นประจำทุกปีเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมไฟไหม้รุนแรงที่โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ พุทธมณฑลสาย 4 จังหวัดนครปฐม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 188 คน และบาดเจ็บกว่า 400 คน กระทรวงแรงงานนำโดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญในการดูแลด้านความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของพี่น้องแรงงานมาโดยตลอด จึงมอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ส่งเสริม สร้างการตระหนักรู้และปลุกจิตสำนึกให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของความปลอดภัยในการทำงาน กสร.จึงได้จัดงานวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 ขึ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นของภาครัฐในการดูแลแรงงานให้มีความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี รวมทั้งพัฒนาภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของประเทศไทย หรือ Safety Thailand เพื่อช่วยกันผลักดันงานความปลอดภัยในการทำงานให้เกิดเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงานขึ้นในสังคมไทย จนนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงานขององค์กรอย่างยั่งยืน ให้แก่ นายจ้าง ลูกจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ได้เร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัยในการทำงานอย่างเข้มงวด ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ความปลอดภัยในการทำงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 60 พรรษา ณ อาคาร Smart Job Center กระทรวงแรงงาน เป็นศูนย์การเรียนรู้และสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการทำงานให้แก่ทุกภาคส่วน

อธิบดีกสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการจัดงานที่ผ่านมาจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ด้านความปลอดภัยในส่วนกลาง แต่เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดกิจกรรมวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 ซึ่งได้นำระบบสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนการดำเนินการเพื่อเว้นระยะห่างและลดการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ผ่านระบบ Facebook Live กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (ส่วนแยกตลิ่งชัน) ภายในงานมีกิจกรรม อาทิ การบรรยาย เรื่อง กฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนและการอนุญาตให้บริการเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2564  การอภิปรายถอดบทเรียนกรณีเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานในที่อับอากาศ โดยวิทยากร นาวาเอก เสฏฐศิริ แสงสุวรรณ กรมแพทย์ทหารเรือ และ พ.จ.อ. สุนันท์ ประสมรัตน์ บริษัท พิทยา อินเตอร์เนชั่นแนลเซฟตี้ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด เป็นต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top