Thursday, 26 June 2025
NEWS FEED

กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาบุคลากร เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผวจ.ฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษา กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ เพื่อการพัฒนาบุคลากร เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ประจำปี 2564 มีผู้ให้เกียรติ ร่วมมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ประกอบด้วย คุณสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ , คุณอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ , คุณชาญยุทธ ฉายาวัฒนะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อมิตา เทคโนโลยี ไทยแลนด์ จำกัด , คุณวุฒิเลิศ เจียรนิลกุลชัย กรรมการบริษัท อีเอ ไบโอ อินโนเวชั่น จำกัด , คุณกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานบริหารโครงการจัดตั้งจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ , คุณสุรีย์ วศินพิตรพิบูล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด , ว่าที่พันตรี วัชรพล ลักษณลม้าย ผอ.วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ ณ ห้องพุทธโสธร 3 วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา

สำหรับปีการศึกษา 2564 นี้ ได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ จำนวน 20 ทุน แบ่งเป็นระดับปริญญาตรี 7 ทุน จาก 3 มหาวิทยาลัย และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 13 ทุน จาก 6 วิทยาลัย โดยทุนการศึกษานั้น ครอบคลุมถึงค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าเบี้ยเลี้ยงฝึกงาน และค่าประกันอุบัติเหตุและประกันชีวิตให้ด้วย

ทั้งนี้ พิธีมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ ข้อตกลงความร่วมมือจากการลงนาม MOU ในเขตพัฒนาพิเศษพื้นที่ภาคตะวันออก (EEC) ที่จะช่วยพัฒนาบุคลากร รองรับความต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ช่วยสร้างโอกาส ให้มีอาชีพรองรับรวมทั้งจะได้ช่วยสร้างคุณค่าคืนสู่สังคมต่อไป

“นทพ.” จัดชุดฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ (Mobile Vaccination Kit) ออกให้บริการ ครั้งที่ 2  ฉีดวัคซีนให้กับกำลังพลกลุ่มเสี่ยง ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นราธิวาส,ยะลาและปัตตานี

พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) สั่งการให้ พล.อ.นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) จัดชุดฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ (Mobile Vaccination Kit) ประกอบด้วยแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่เสนารักษ์ พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ จากกองแพทย์ สำนักงานสนับสนุน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (กองแพทย์ สสน.นทพ.) นำวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรจากกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งวัคซีนที่ได้รับตามแผนการแจกจ่ายและกระจายวัคซีนของกระทรวงกลาโหม ออกบริการฉีดให้แก่กำลังพลของสำนักงานพัฒนาภาค 4 (ส่วนหน้า) และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 41 จังหวัดนราธิวาส, หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 42 จังหวัดยะลา และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 44 จังหวัดปัตตานี 

ซึ่งเป็นกำลังพลที่ปฏิบัติงานในการพัฒนาและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการติดเชื้อให้กับกำลังพลที่ต้องปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยงและใกล้ชิดกับประชาชน

ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการกระจายวัคซีนให้เป็นไปอย่างทั่วถึงและรวดเร็วตามนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็น "วาระแห่งชาติ" เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทยของเรา โดยได้ดำเนินการฉีดวัคซีน ในวันที่ 7 ที่ นพค.42 และ นพค.41 รวมจำนวน 144 นาย และจะจบภารกิจที่ นพค.44 ในวันที่ 8 ก.ค.64

FengshuiBizDesigner โดยพี่อ๋า สมศักดิ์ ชาคริตฐากูร ได้เผยปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานย่านกิ่งแก้ว ด้วยโหราศาสตร์จีนโบราณ โดยระบุว่า...

FengshuiBizDesigner โดยพี่อ๋า สมศักดิ์ ชาคริตฐากูร ได้เผยปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานย่านกิ่งแก้ว ด้วยโหราศาสตร์จีนโบราณ โดยระบุว่า...

อะไร? เป็นปัจจัยให้เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานย่านกิ่งแก้ว

เช้ามืดจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม 2564 เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานสารเคมี “หมิงตี้ เคมิคอล” ซ.กิ่งแก้ว 21 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เหตุการณ์ครั้งนี้ “ย่อมเกิดจากสิ่งนั้นมีอยู่ สิ่งนี้จึงเกิด” จากเหตุและผลของกฎแห่งจักรวาล ตามหลัก “อิทัปปัจจยตา” กฎความจริงสูงสุดของ ธรรมชาติที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ เมื่อช่วงห้วงเวลาเหมาะสม กฎแห่งธรรมชาติย่อมแสดงเป็นผลขึ้น

แล้วเหตุไฉนจึงเกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ตามเหตุการณ์ที่ปรากฏ นอกเหนือจากความสะเพร่า ขาดความรอบคอบ ปล่อยปละเผลอเลอ ประมาท เลินเล่อ ไม่ระแวดระวังภัยที่จะตามมาแล้ว จากมุมมองตามศาสตร์วิชาฮวงจุ้ย ที่ว่าด้วยหลักแห่งความสมดุลของกระแสพลังธรรมชาติ ผูกพันกับทิศทางก่อเกิดปฏิกิริยามหามงคลหรืออวมงคลตามอิทธิพลของดาวจร โดยคำนวน ตามหลักศาสตร์คัมภีร์ดาวเหินม่วงขาว เดินดาวผสานระหว่างดาวผสมปีจรและเดือนจร ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 5 เดือนมิถุนายน ถึง วันอังคารที่ 6 เดือนกรกฎาคม ด้วยอิทธิพลของกระแสพลัง ดาวจรคู่ผสมระหว่างดาว 9 ม่วง ธาตุไฟ ก่อเกิดกระแสพลังดาววิบัติ 5 เหลือง ธาตุดิน ให้มีกำลัง สถิตที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้เกิดเหตุเลวร้ายที่ไม่คาดคิด โศกนาฏกรรมที่ไม่คาดฝัน เฉกเช่น ภัยจากระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงาน “หมิงตี้ เคมีคอล” ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของกรุงเทพ

ความสูญเสียจากเหตุการณ์ระเบิดเพลิงไหม้ดังกล่าว ย่อมมีผู้สูญเสียและผู้ได้รับบาดเจ็บ ต่างล้วนเป็นเหยื่อจากกระแสวิบากพลังจักรวาล ที่เป็นกฎแห่งความเป็นจริงอันสูงสุดของธรรมชาติว่า “เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงเกิด” สอดคล้องกันระหว่างศาสตร์ฮวงจุ้ยและหลักคำสอนของพระพุทธองค์ท่าน


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ชาวเน็ตกัมพูชาแห่แชร์ภาพ ‘วัดภูม่านฟ้า’ จ.บุรีรัมย์ สร้างปราสาทหินจำลองแห่งใหม่ อ้างลอกเลียนแบบมาจากนครวัดของกัมพูชา ระบุซ้ำ ทำให้เกิดอาเพศ เกิดเหตุการระเบิดและไฟไหม้ครั้งใหญ่ในประเทศไทยขณะนี้

กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียลมีเดียของชาวกัมพูชา กับภาพการก่อสร้างปราสาทหินจำลอง ในพื้นที่ของ “วัดภูม่านฟ้า” ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์

โดยชาวเน็ตกัมพูชาต่างแสดงความคิดเห็นว่า สถานที่แห่งนี้สร้างลอกเลียนแบบมาจาก “นครวัด” อันเป็นมรดกโลกที่ชาวกัมพูชาภาคภูมิใจ ซึ่งทั้งชาวเน็ตทั่วไป และผู้มีชื่อเสียงของกัมพูชา ต่างเรียกร้องให้มีการตรวจสอบในประเด็นนี้

นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์เป็นแคมเปญ โดยใช้แฮชแท็ก #JusticeCambodia และ #savecambodiaculture โดยอ้างอิงถึงสิ่งก่อสร้างที่สร้างโดยลอกเลียนแบบนครวัดในหลาย ๆ แห่ง จะทำให้เกิดอาถรรพ์กับประเทศนั้น ๆ เช่น ที่ประเทศอินเดีย เคยมีการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างในลักษณะดังกล่าว ส่งผลให้อินเดียมีอากาศแห้งแล้งที่สุดในปี 2015 ส่วนในไทยที่กำลังมีการก่อสร้างที่วัดดังกล่าวนี้ ส่งผลให้เกิดเหตุการระเบิดและไฟไหม้ครั้งใหญ่ในประเทศไทยขณะนี้

และประเด็นสิ่งก่อสร้างที่เลียนแบบมาจากกัมพูชา ก็ยังอ้างอิงถึงดราม่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ กับประเด็นโรงแรมในประเทศไทยที่สร้างคล้ายปราสาทหินในกัมพูชา

ทั้งนี้ ภายหลังจากเป็นกระแสไปทั่วโลกโซเชียลกัมพูชา และมีการเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล่าสุด ข้อมูลจากเว็บไซต์ Khmer press สำนักข่าวของกัมพูชา ปรากฏว่า ทางกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปะของกัมพูชา ได้ติดต่อมายังสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เพื่อตรวจสองการก่อสร้างปราสาทหินดังกล่าวในประเทศไทยแล้ว

สำหรับสิ่งก่อสร้างดังกล่าว เป็นโครงการก่อสร้างอาณาจักรสีหนคร ซึ่งมีการสร้างปราสาทหินจำลอง ที่จำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ “วัดภูม่านฟ้า” ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยปัจจุบันนี้ยังปิดการเข้าชมวัดและพื้นที่ก่อสร้างปราสาท ซึ่งยังไม่มีกำหนดการเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ

 

 

ที่มา : https://mgronline.com/travel/detail/9640000065751

ภาพ : https://www.facebook.com/NangnongBuriram/photos/pcb.2914514962163036/2914514825496383


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รับประกันสนามลุกเป็นไฟ!! อังกฤษเจอเดนมาร์ก ดวลแข้งเพื่อเข้ารอบชิงชนะเลิศ ในศึกฟุตบอลยูโร 2020

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

คืนนี้ อังกฤษ จะลงดวลกับ เดนมาร์ก เพื่อหาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลยูโร 2020 หลังจากที่เมื่อคืนนี้ อิตาลี แม่นจุดโทษ เฉือนสเปน ผ่านเข้าไปรอในรอบชิงชนะเลิศเรียบร้อย

โดยรวม อังกฤษเป็นต่อ ด้วยผลงาน 5 นัดที่ผ่านมา ชนะ 4 เสมอ 1 แถมในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยังถล่มยูเครนไปถึง 4-0 เรียกว่าฟอร์มแจ่มสมราคาเต็งหนึ่ง

ด้านเดนมาร์ก แม้จะสะดุดใน 2 นัดแรก จากในรอบแรก แถมยังมีข่าวร้าย คริสเตียน อีริคเซ่น ประสบกับเหตุการณ์ช็อกคาสนาม แต่หลังจากที่อะไร ๆ คลี่คลายขึ้น ฟอร์มโดยรวมของทีมก็พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ จากทีมที่โอกาสตกรอบสูง กลายเป็นทีมที่กำลังจะก้าวสู่รอบชิง

ทั้งอังกฤษและเดนมาร์ก ต่างมีแพสชั่นแรงด้วยกันทั้งคู่ ในมุมของอังกฤษ เป็นทีมใหญ่ที่ไม่เคยได้แชมป์ยูโรสักครั้ง และครั้งนี้ก็ถือว่าใกล้เคียงกับความฝันมากที่สุด แถมยังได้เล่นในบ้านตัวเองอีกด้วย ถึงเวลานี้ต้องบอกว่า แพสชั่นมาเกินร้อย

ส่วนเดนมาร์ก ก็แอบหวังลึก ๆ ว่า จะสร้างตำนานเทพนิยายแชมป์ยูโรได้เหมือนกับที่ตัวเองเคยทำไว้เมื่อปี 1992 ซึ่งหนนั้น เดนมาร์กคือทีมที่มาเล่นแทนยูโกสลาเวีย แต่สามารถทะลุเข้าชิงไปคว้าแชมป์ได้อย่างเหลือเชื่อ ผ่านมา 29 ปี เดนมาร์กไม่เคยเข้ารอบลึก ๆ ในฟุตบอลรายการระดับเมเจอร์ได้อีกเลย และครั้งนี้ถือว่าใกล้เคียงที่สุด

เมื่อทีมที่แรงด้วยแพสชั่นมาเจอกัน รับประกันสนามลุกเป็นไฟ!!

ถึงอังกฤษจะเป็นต่อ ด้วยสภาพทีมแกร่งทั่วแผ่น แถมยังไม่เสียประตูเลยสักลูก แต่ประมาทเดนมาร์กไม่ได้ ฟุตบอลเล่นเป็นทีม และโต้กลับดี ที่สำคัญ มีพลังแฝงจากเพื่อนจอมทัพหมายเลข 10 ที่ชื่อ คริสเตียน อีริคเซ่น ฝากมาให้ทีมสู้แบบถวายหัว ยังไงคงไม่ยอมง่าย ๆ

เมื่อคืนนี้ อิตาลี-สเปน เล่นสมราคารอบรอง เพราะฉะนั้น อังกฤษ-เดนมาร์ก คงน้อยไปกว่านี้ไม่ได้ ถึงตรงนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะอีกแค่ก้าวเดียวก็ ‘รอบชิง’ ยังไงทั้งคู่..สู้ตายแน่นอน!!


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมมือกับมูลนิธิบุณยะจินดา ในการช่วยเหลือคนงานเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัว ที่ต้องสนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal

กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ร่วมมือกับมูลนิธิบุณยะจินดา ในการช่วยเหลือคนงานในแคมป์คนงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัว ที่ต้องสนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal ในพื้นที่ โดยการจัดหาอาหาร น้ำดื่ม สำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน นำส่งสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ เป็นสื่อกลางในการนำส่งแคมป์คนงาน รวมถึงแจกจ่ายให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัวใน สน.

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ก.ค.64 เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น., พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร.(สบ 8) ปฏิบัติราชการ บช.น. และ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. พร้อมด้วย นางพอฤทัย ณรงค์เดช ผู้แทนมูลนิธิบุณยะจินดา ได้ลงพื้นที่ สน.ตลาดพลู เพื่อนำสิ่งของอุปโภค บริโภคไปให้คนงานในแคมป์ และข้าราชการตำรวจสน.ตลาดพลู โดยทางมูลนิธิบุณยะจินดา ได้รวบรวมการสนับสนุนจากภาคเอกชน จัดทำอาหารกล่องมื้อเย็นจำนวน 1,000 กล่อง

นอกจากการลงพื้นที่ สน.ตลาดพลู แล้ว พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ได้ส่งมอบเครื่องอุปโภค บริโภคไปยัง สน. ต่าง ๆ พร้อมกัน อีก 6 สน. ได้แก่ สน.พญาไท, สน.พหลโยธิน, สน.จรเข้น้อย, สน.วังทองหลาง,สน.ปทุมวัน และ สน.บางยี่ขัน เพื่อมอบให้กับข้าราชการตำรวจและคนงานในพื้นที่ รวมคนงานที่ได้รับการช่วยเหลือ จำนวน 2,256 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จำนวน 800 นาย ซึ่งมีรายการสิ่งของแจกจ่าย ดังนี้

           - น้ำดื่ม 3,000 ขวด

           - ไข่ไก่ 25,500 ฟอง

           - ปลากระป๋อง 3,000 กระป๋อง

           - น้ำตาลทราย 500 กก.

           - สเปร์ยทากันยุง 1,440 ขวด

           - สบู่ 2,660 ก้อน

           - เจลแอลกอฮอล์ 2,460 ขวด

           - หน้ากากอนามัย 20,000 ชิ้น

           - รองเท้าแตะ 200 คู่

ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับคนงานและข้าราชการตำรวจทุกคน ในการฝ่าฟันวิกฤติโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ไปด้วยกัน

แจ้งเกิด! ‘3 กระทิงหนุ่มดาวรุ่ง’ ความหวังใหม่ของทีมชาติสเปน

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

คู่แรกรอบรองชนะเลิศจบลงไป ได้ทีมที่เข้าไปยืนรอในรอบชิงชนะเลิศยูโร 2020 เรียบร้อย นั่นก็คือ ทีมชาติอิตาลี ที่ผ่านทีมชาติสเปนมาได้ จากการเอาชนะการดวลจุดโทษ หลังจากที่เสมอกันในเวลา 120 นาที ด้วยสกอร์ 1-1

อิตาลีเข้าไปรอชิงก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่สำหรับผู้พ่ายแพ้อย่างสเปน ต้องบอกว่า เป็นผู้แพ้ที่ไม่ควรเสียอกเสียใจแต่อย่างใด เนื่องจากฟอร์มการเล่นของสเปนเมื่อคืนนี้ จัดว่าดูดี เผลอ ๆ จะดูดีกว่าอิตาลีด้วยซ้ำไป!

สเปน ในการทำทีมของหลุยส์ เอ็นรีเก้ ผู้เป็นเฮดโค้ช วางแผนการเล่นมาอย่างดี รู้ว่าอิตาลีเป็นฟุตบอลที่ต้องมีเวลาและพื้นที่ในการเล่น สเปนจึงวางแผนมาเล่นเกมเพรสซิ่ง หรือการบีบพื้นที่ให้นักเตะอิตาลีเล่นบอลง่าย ๆ ในทางกลับกัน สเปนก็ใช้ทักษะความสามารถของนักเตะในทีม สร้างสรรค์เกมขึ้นไปบุกใส่อิตาลีได้เป็นระยะ

แต่ผลสุดท้าย ต้องเรียกว่า แพ้โชค แพ้ความนิ่ง จึงทำให้สเปนพลิกตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่สเปนได้กลับคืนมาคือ ประสบการณ์ของนักเตะชุดนี้ ที่จะสร้างความแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต

อย่างที่ทราบกันดี สเปนทีมนี้เป็นกระทิงหนุ่มที่รวมตัวกันมาสู้ศึกยูโรหนนี้ และสามารถทำผลงานได้ดี โดยเฉพาะ 3 ดาวรุ่ง ได้แก่ ดานี่ โอลโม่ มิดฟิลด์วัย 23 ปี จากทีมแอร์เบ ไลป์ซิก, มิเกล ออยาร์ซาบาล กองหน้าวัย 24 ปี จากสโมสรเรอัล โซเซียดาด และเปดรี้ เพย์เมกเกอร์ วัยแค่เพียง 18 ปี จากสโมสรบาร์เซโลน่า

ทั้ง 3 คนนี้เด่นมากในเกมอิตาลี สร้างความหวือหวาในเกมรุกของสเปนได้อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่สุดท้ายขาดลูกทีเด็ดทีขาด จึงทำให้สเปนทำประตูเพิ่มไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่สร้างโอกาสในการทำประตูได้มากกว่าอิตาลีอย่างชัดเจน

แต่ทุกอย่างจบไปแล้ว แม้จะมาได้แค่รอบรองชนะเลิศ แต่อย่างที่บอกไป นักเตะดาวรุ่งเหล่านี้ ได้ประสบการณ์เกมระดับท็อปกลับบ้านไปเพียบ ปีหน้าฟุตบอลโลกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ใครที่ว่าสเปนหมดยุคสตาร์ดังอย่าง ชาบี, อิเนียสต้า, บีญ่า, ตอร์เรส คงต้องรอเวลาสร้างทีมเพื่อกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกนาน อันนี้เห็นทีอาจจะต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่

เพราะ ‘กระทิงหนุ่ม’ เหล่านี้ ทำให้เห็นแล้วว่า สเปนกำลังจะกลับมาในไม่ช้านี้แล้ว...


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กองบัญชาการตำรวจนครบาล รายงานกรณีเหตุ ‘เพลิงไหม้โกดังน้ำหอมภายในนิคมฯ ลาดกระบัง’

จากากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ บริษัท ฟลอรอล แมนูแฟคเจอริ่ง กรุ๊ป ภายในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โซน 3 ถนนฉลองกรุง เขตลาดกระบัง เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 เวลาประมาณ 18.18 น.

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ ศปก.สน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดูและความสงบเรียบร้อยแก่พี่น้องประชาชน

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 นำโดย พล.ต.ต.อรรถวิทย์ สายสืบ ผบก.น.3, พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวน ผกก.สน.ฉลองกรุง, พ.ต.ท.สุรสิทธิ์​ หวังดี​ รอง​ ผกก.สอบสวน​ สน.ฉลองกรุง​ นำทีมพนักงานสอบสวน​ รวม​ 5​ นาย​ ลงพื้นที่​ ตรวจสถานที่เกิดเหตุ​ ​

โดยได้ตั้ง ศปก.สน. ที่ห้องประชุมโรงงาน(2)ของ บริษัทฮอนด้า ซึ่งอยู่ตรงข้ามที่เกิดเหตุโดยมี พล.ต.ต.อรรถวิทย์ สายสืบ ผบก.น.3 เป็นผู้บริหารเหตุการณ์ ประกอบด้วย รอง ผบก.น.3, ผกก.สน.ฉลองกรุง และหัวหน้าสายงานทุกสายงานของ สน.ฉลองกรุง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่นิคมอุตสาหกรรม

หัวหน้าชุดผจญเพลิงของ บริษัท ฮอนด้า และ ศปภ.กทม. เป็นเจ้าหน้าที่ เป็นต้น ร่วมกันวางแผน, สืบสวนสอบสวนที่เกิดเหตุ สรุปสถานการณ์ โดยมี พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม., ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ผอ.นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และ ผอ.เขตลาดกระบัง พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ฉลองกรุง จำนวน 20 นาย ได้เข้าร่วมกันรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรภายในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงพร้อมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิง/กู้ภัย/รถพยาบาล โดยอำนวยความสะดวกให้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุดและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุและใกล้เคียงที่เกิดเหตุรับทราบ

ทั้งนี้ หลังจากเหตุเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานและพนักงานสอบสวน สน.ฉลองกรุง เข้าพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบสาเหตุการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นกลุ่มควันที่เกิดจากเพลิงไหม้ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะที่เป็นพิษต่อพี่น้องประชาชนแต่อย่างใดและสามารถเข้าพักอาศัยได้เป็นปกติ ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะรายงานผลให้ทราบต่อไป

'กัญชง' ว่าที่อนาคตวัสดุศาสตร์ไทย พบเส้นใย 'แข็งแรง' กว่าใยไฟเบอร์กลาส เตรียมใช้ประโยชน์ด้านอากาศยานและอวกาศ

แม้ 'กัญชา' จะเป็นว่าที่พืชเศรษฐกิจใหม่ที่หลาย ๆ คนกำลังให้ความสนใจและตื่นตัวมาก แต่ยังมีพี่น้องอย่าง 'กัญชง' (Hemp) ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับกัญชาในด้านลักษณะทางพฤกษศาสตร์ แต่ 'ไม่ใช่พืชที่เป็นสารเสพติดเหมือนกัญชา' ที่กำลังได้รับความสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะตอนนี้มีการค้นพบครั้งสำคัญสำหรับเจ้าใบ 'กัญชง' ที่นำไปต่อยอดประโยชน์ในการทำเส้นใยได้อีกด้วย

ดร.ดำรงค์ฤทธิ์ เนียมหมวด ปฏิบัติงานรองผู้อำนวยการ GISTDA เปิดเผยว่า คุณสมบัติข้อมูลการผลิตและทดสอบเส้นใยไฟเบอร์ ที่ทำจากใยกัญชงเทียบกับใยไฟเบอร์กลาส ผลการทดสอบออกมาว่า เส้นใยกัญชงมีความแข็งแรงกว่าใยไฟเบอร์กลาส 25-30% เทียบต่อน้ำหนัก ทำให้ลดการใช้พลังงานได้ และที่สำคัญมีคุณสมบัติดูดกลืนเสียงได้ดีด้วย จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเอามาผลิตเป็นชิ้นส่วนประกอบของดาวเทียมที่จะผลิตเองในประเทศ

โดยชิ้นส่วนประกอบของดาวเทียมที่สนใจ คือ โครงสร้างที่รองรับแผงโซล่าเซลล์ของดาวเทียม เนื่องจากแผงตัวนี้ ต้องการความเบาและมีความแข็งแรงทนทานสูง รวมถึงการสั่นสะเทือนของตัวดาวเทียมอีกด้วย หลังจากประสบความสำเร็จ พัฒนาผู้ประกอบการไทยในการผลิตชิ้นส่วนดาวเทียมดวงเล็ก ภายใต้โครงการ THEOS-2 มาแล้ว

ทั้งนี้จากผลการทดสอบ Tensile Strength มีความแข็งแรงกว่าที่เห็นชัดเจนคือ Bending Strength มากกว่าไฟเบอร์กลาสถึง 30-35% ทีเดียว

ดังนั้น ในอนาคตการใช้ประโยชน์จากใยกัญชงในรูปแบบของวัสดุคอมโพสิท FRP (Fiber Reinforced Polymer) จะเริ่มที่ชิ้นส่วนภายในอากาศยานก่อน หรือใช้ผลิตโครงสร้างทั้งหมดของโดรน ทั้งโดรนเชิงพาณิชย์ และโดรนเชิงความมั่นคง หรือโครงสร้างอากาศยานทางทหารที่เป็นเทคโนโลยีล่องหน จากคุณสมบัติดูดซับคลื่นเสียงที่ดี (ต้องมีการผลิตทดสอบในหลาย ๆ ความถี่ เช่น VHF, UHF, L-Band, S-band, X-band) หรือใช้ลดการแพร่กระจายรังสีจากเครื่องยนต์ของยานยนต์ทางทหารต่าง ๆ เพื่อลดการตรวจจับด้วยกล้องรังสีความร้อน เป็นต้น ซึ่งหากสามารถทำได้จะช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการปลูก แปรรูป และอุตสาหกรรมต่อเนื่องเกิดการขยายตัว และเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน GISTDA ได้เริ่มนำใยกัญชงมาทดสอบหาคุณสมบัติ ทั้งด้านความแข็งแรง ทนทาน ด้านความถี่ ด้านอุณหภูมิ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านโครงสร้างของอากาศยานไร้คนขับ หรือชิ้นส่วนภายในเครื่องบิน ซึ่ง GISTDA มีพาร์ทเนอร์ด้านนี้อยู่แล้ว หรือหากมีคุณสมบัติที่เข้ากันได้กับการใช้งานบนอวกาศ ก็เป็นไปได้ที่จะนำไปใช้เป็นชิ้นส่วนในดาวเทียมดวงต่อ ๆ ไป ที่เกิดขึ้นจากการสร้างโดยฝีมือคนไทย โดยสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการในขั้นตอนต่อไป คือ การค้นหา และพัฒนาผู้ประกอบการ ที่มีศักยภาพพอที่จะผลิตเส้นใยธรรมชาติ ให้ขึ้นไปถึงเส้นใยไฟเบอร์สำหรับวัสดุคอมโพสิทให้ได้ต่อไป

ดร.ดำรงค์ฤทธิ์ กล่าวเสริมว่า "ยังไม่เห็นประเทศไหนในภูมิภาคอาเซียนที่มีการนำเส้นใยกัญชงมาใช้ในอุตสาหกรรมด้านอวกาศมาก่อน แต่ถ้าเป็นในเอเชียที่ใกล้เคียงที่สุดก็จะเป็นญี่ปุ่น ที่จะสร้างดาวเทียมโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม การนำเส้นใยกัญชงมาผลิตเป็นวัสดุชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมอวกาศจะต้องใช้เส้นใยกัญชงในปริมาณมากพอสมควร แต่ก็น่าจะเพียงพอกับปริมาณที่มีการปลูกภายในประเทศ"

ยิ่งไปกว่านั้นจะช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการปลูก แปรรูป และอุตสาหกรรมต่อเนื่องของกัญชง เกิดการขยายตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ถึงบรรทัดนี้ หลายคนอาจจะยังมีคำถามค้างคาว่า 'อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ' จะนำเส้นใยกัญชง มาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมนี้ได้จริง หรือแค่คอนเซ็ปต์?

...บอกได้เลยว่า 'จริง' และเป็นไปได้ เพราะว่ามีการผลิตเครื่องบินเล็กจาก 'เส้นใยกัญชง' เครื่องแรกของโลกเมื่อปี 2557 โดย Derek Kesek ชาวแคนาดา เจ้าของบริษัท Hempearth ทำให้เรื่องนี้ได้รับการพูดถึงในวงกว้าง และหลายส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอวกาศยานก็กำลังจับตาอย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินการวิจัยและพัฒนากันอย่างจริงจัง

และบริษัท Hempearth เอง ก็ได้พัฒนาเจนเนอเรชั่นใหม่ของเครื่องบินเล็กจากเส้นใยกัญชง โดยที่นั่งและหมอนไปจนถึงผนังเครื่องบิน ทำจากกัญชงทั้งหมด เมื่อจับคู่กับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันกัญชง ก็จะกลายเป็นการผลิตเครื่องบินที่ยั่งยืนโดยปราศจากสารพิษ และเมื่อเทียบกับวัสดุอากาศยานแบบดั้งเดิม เช่น อลูมิเนียมหรือใยแก้วจะเบากว่า ส่งผลให้ใช้เชื้อเพลิงน้อยลงระหว่างการเดินทาง รอยเท้าคาร์บอน (Carbon Footprint) จึงต่ำกว่าการผลิตแบบดั้งเดิมอย่างมาก

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมดาวเทียมภายในประเทศไทย ยังเติบโตไม่มากนัก แต่ก็มีกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมหลายรายแล้ว หากเรากระตุ้นและสร้างโอกาสให้กับพวกเขาจากสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ภายในประเทศได้ ก็จะเกิดเป็น demand ในอนาคตมากพอสมควร ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำได้ประโยชน์ร่วมกัน ผู้ใช้และผู้ทำระบบ ก็สามารถหาวัตถุดิบในประเทศได้เอง

ดูท่า 'กัญชง' อาจกลายเป็นอนาคตด้านวัสดุศาสตร์ของประเทศอีกแขนงหนึ่งเลยก็ว่าได้

 

ที่มา: https://www.facebook.com/1233859410089681/posts/2167271190081827/


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา นักธุรกิจ ฟาร์มปลาสวยงาม แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Nitipat Bhandhumachinda’ เกี่ยวกับการจัดสรรและให้วัคซีนแก่กลุ่มบุคคลที่เร่งด่วน

นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา นักธุรกิจ ฟาร์มปลาสวยงาม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Nitipat Bhandhumachinda’ เกี่ยวกับการจัดสรรและให้วัคซีนแก่กลุ่มบุคคลที่เร่งด่วนต่อจากนี้ว่า...

เห็นที่อาจารย์คุณหมอนิธิ ท่านเขียนถึงกรณีวัคซีนเข็มที่สาม สำหรับบุคลากรแพทย์และพยาบาล ว่า ในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรกเช่นนี้นั้น

ก็ควรจะใช้วัคซีนในการฉีดเข็มแรกให้กับประชาชนทั่วไปก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อลดการป่วยหนักของบุคคลทั่วไปได้ ก็จะลดภาระของแพทย์พยาบาลได้เป็นอย่างมากเช่นกัน

ซึ่งก็เป็นแนวความคิด ที่ทั้งได้รับการชื่นชมและก่นด่า กลายเป็นประเด็นวิวาทะทางสังคมไปอีกหนึ่งประเด็น

สำหรับผมนั้น หลังจากวิเคราะห์ทั้งสองแนวทางแล้วก็เห็นว่า

ควรให้เข็มที่สามแก่ บุคลากรแพทย์และพยาบาล ที่ทำงานด่านหน้า ต้องเฝ้ารักษาและใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิดโดยตรง

เพื่อให้ท่านเหล่านั้น ได้รับภูมิคุ้มกันเพิ่มมากที่สุด ลดโอกาสติดเชื้อให้น้อยที่สุด ช่วยให้ท่านเหล่านั้นได้ทำงานเสียสละได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง และไม่เสียกำลังใจ

แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้กับแพทย์และพยาบาลทุก ๆ คน

เพราะแพทย์และพยาบาลส่วนมากนั้น ก็ทำงานแผนกอื่น ๆ ที่ไม่ได้เสี่ยงต่อการติดโควิด มากกว่าประชาชนคนทั่วไปในพื้นที่เสี่ยงเลย

ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ได้ทำงานกับผู้ป่วยโควิดโดยตรง แต่มีความเสี่ยงทางอ้อมอื่น ๆ ก็พิจารณาเป็นกรณีแต่ละแผนกไป

แล้ววัคซีนที่เหลืออีกมากมายหลายแสนโดสของไฟเซอร์ และวัคซีนอื่น ๆ อีกหลาย ๆ ล้านโดส จะฉีดเป็นเข็มแรก ให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อลดโอกาสป่วยหนักหรือเสียชีวิต ก็ยังเหลือเพียงพอที่จะทำได้ต่อไปเหมือนเดิม

การฉีดเข็มที่สามให้แพทย์และพยาบาลที่เสี่ยงกับหน้างานที่สุดนั้น จริง ๆ ไม่ได้ใช้จำนวนวัคซีนที่มากอย่างที่เข้าใจ และไม่ใช่เรื่อง 'เห็นแก่ตัว' ที่จะฉีดให้พวกท่านทุก ๆ คนที่เสียสละที่สุด เสี่ยงอันตรายที่สุดตรงนั้น

และหากฉีดกันไปเฉย ๆ โดยไม่สร้างประเด็นใด ๆ ทางสังคมแล้ว

ก็เกือบไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร กับจำนวนวัคซีนที่ประชาชนทั่วไปจะได้เข็มที่หนึ่งเลยนะครับ

 

 

ที่มา: https://www.facebook.com/100001064693827/posts/4391116104267169/


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top